{Unna part}
พรุ่งนี้เป็นวันหยุดช่วงสุดสัปดาห์ ฉันจึงขอพ่อกับแม่ไปเที่ยวผับกับพี่อุลตร้า ซึ่งเจ้าของที่นั่นเขาชื่อว่าพี่โจอี้ และมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าจุดของพวกเรา...ถึงแม้พี่โจอี้จะเปิดร้านเหล้าแต่เขาก็เป็นคนดี และมีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้กับคนที่แย่กว่าเสมอ
พี่โจอี้มักจะนัดหมายลูกข่ายทุกคนที่อยู่ในทีม ให้มารวมตัวกันที่นี่เป็นประจำ เจ้าของผับจัดทำห้องพิเศษเอาไว้สำหรับใช้ประชุมเรื่องงาน เกี่ยวกับการประเมินความเสี่ยงทั้งหลาย ในการออกเหตุของจิตอาสากู้ภัยในแต่ละครั้ง อีกทั้งยังต้องการให้ทุกคนหลีกเลี่ยงอันตราย ในขณะที่เข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยเบื้องต้น
หลังจบการประชุม ทุกคนต่างพากันแยกย้าย ส่วนฉันกับพี่ชายได้ชวนกันมานั่งฟังเพลงสบายๆ อยู่มุมหนึ่งของร้าน และหลังจากนั้นไม่นาน สายตาของฉันก็เหลือบไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งมีใบหน้าสะสวย แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่ค่อนข้างจะเซ็กซี่ แถมยังหุ่นดีอีกต่างหาก และที่สำคัญมากไปกว่านั้น นางได้โบกมือเชิญชวนมาให้พี่ชายของฉัน...
และมันก็ได้ผลดี...
“ เดี๋ยวพี่มานะ แกนั่งรอพี่ตรงนี้อย่าไปไหน..หรือจะให้พี่ไปส่งแกที่บ้านก่อนดีมั้ย? ”
“ พี่จะไปไหนก็ไปเถอะไป๊ ฉันจะนั่งฟังเพลงรอพี่อยู่ตรงนี้นี่แหละ ”
ฉันบอกเชิงออกปากไล่พี่ชายตัวดี และเขาก็ทิ้งน้องสาวอย่างฉันทันทีเลยเหมือนกัน
แล้วมาทำเป็นพูดกรอกหูฉัน ว่าผู้ชายไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ คงจะเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง แต่ก็ยังไม่เห็นว่าจะทำได้ ไม่ทันไรพี่ชายก็ลืมน้องของตัวเองเสียแล้ว
“ไง...ถูกพี่ชายทิ้งไปป้อสาว...”
ตองเก้าแกล้งแซว แล้วหย่อนก้นลงนั่งอย่างถือวิสาสะ ขณะเลื่อนสายตาไปมองพี่ชายของฉัน ที่กำลังนั่งอยู่ในวงล้อมของผู้หญิงเหล่านั้น
ฉันนั่งคอแข็งเกร็ง อีกทั้งยังแสดงอาการออกมาอย่างชัดเจน ว่ามองไม่เห็นคนตัวใหญ่
“ ฉันลดตัวลงมาพูดด้วย เธอไม่มีสิทธิ์เมินฉันนะ ”
ตองเก้าเอ่ยเสียงเรียบนิ่ง แต่สิ่งที่แสดงออกทางสีหน้า ดูก็รู้เลยว่าเขากำลังหงุดหงิด แล้วคิดเหรอว่าฉันจะสนใจ
“ ใครขอไม่ทราบ? แล้วเคยบอกหรือไงว่าอยากจะเสวนาด้วยน่ะ ”
“ ไม่มีผู้หญิงคนไหน กล้าปฏิเสธฉัน ”
“ งั้นเหรอ.." ฉันลากเสียงยาวเชิงกวนกลับไปก่อนจะพูดต่อจากนั้นว่า "นายวิเศษมากหรือไงฮะ! ”
หมับ!
“ เดี๋ยวก็รู้...มานี่เลย ”
ตองเก้าลุกขึ้นยืน พร้อมกับคว้าข้อมือแล้วดึงขึ้นมาจากเก้าอี้ และพยายามที่จะลากฉันออกไป
“ นายจะทำอะไร? นายจะพาฉันไปไหน? ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!...พี่...อุ๊บ! อื้อๆ”
ฉันพยายามขัดขืนดิ้นรน และเรียกคนเป็นพี่ชายให้มาช่วย แต่กลับถูกปิดปากด้วยฝ่ามือใหญ่ และถูกรวบเอวเอาไว้ พร้อมกับลากให้ตามกันออกไป ทางมุมมืดของร้านที่อยู่ด้านนอก บอกได้เลยว่าตอนนี้ ฉันกำลังกลัวตองเก้ามากที่สุด เพราะไม่สามารถจะหยุดเขาได้
ส่วนคนเป็นพี่ชายก็ไม่สนใจ หรือเป็นห่วงเป็นใยน้องสาว เพราะเขากำลังเริงร่าอย่างมีความสุข อยู่กับพวกผู้หญิงเหล่านั้น โดยไม่รู้ว่าฉันกำลังตกอยู่ในอันตราย
ตองเก้าอาจจับฉันไปข่มขืน แล้วฆ่าให้ตายเพื่อปิดปาก มันไม่มีอะไรยาก หากว่าเขาอยากจะทำอย่างนั้น...
พ่อจ๋าแม่จ๋า ได้โปรดช่วยอันนาด้วยเถอะ!
ตองเก้าอุ้มฉันพาดบ่าจนมาถึงรถยนต์คันหนึ่ง ซึ่งฉันทั้งทุบ ทั้งหยิก ทั้งตีเขาเท่าที่จะช่วยเหลือตัวเองได้ แต่มันก็ไม่เป็นผล จนเขาจับฉันยัดเข้าไปทางด้านหลังของรถยนต์ ก่อนจะพาตัวเองตามเข้ามาจับยึดฉันไว้อีกที
“ ไปที่ซุ้ม ”
เขาสั่งคนขับ ที่สตาร์ทรถรออยู่เหมือนรู้กัน นี่แสดงว่าเขาตั้งใจมาจับตัวฉันอย่างนั้นเหรอ ทำไมตองเก้าถึงได้กล้าท้าทาย และทำตัวอยู่เหนือกฎหมายขนาดนั้นกันละ
“ ไอ้บ้า ไอ้สารเลว ฮื่อๆ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ! ”
ฉันทั้งทุบ ทั้งกัด ทั้งดึงสารพัดเท่าที่จะทำเขาได้ ส่วนเขาก็โวยวาย ขณะรวบข้อมือของฉันไพล่หลัง
“ยัยบ้าเอ้ย..หยุดกัดฉันสักทีสิวะ โอ้ย! เจ็บนะโว๊ย!! ”
ฉันขัดขืนดิ้นรนจนหอบเหนื่อย ก่อนจะเริ่มหมดแรงลงไปเรื่อยๆ แต่ฉันก็ยังปากเก่ง ทั้งที่ในใจกำลังรู้สึกเกรงกลัว ภัยที่กำลังเกิดกับตัวนี่เหลือเกิน
“ ไอ้ชาติชั่ว ไอ้สารเลว ไอ้คนใจบาปหยาบคายใจทราม ฮื่อๆ อย่าข่มขืน แล้วฆ่าฉันนะ! ”
ตองเก้าเกือบหลุดหัวเราะออกมาเมื่อได้ฟัง ทั้งอย่างนั้นเขาก็ต้องรีบกลั้นมันเอาไว้ ก่อนจะโต้เธอกลับไปว่า
"แค่ฉันทิ้งสายตา ผู้หญิงที่สวยมากกว่าเธอตั้งหลายเท่า ก็แทบจะแก้ผ้าถ่างขารอให้ฉันเอา ตัวของเธอเท่านี้คงไม่พอให้ฉันขยี้ แล้วฉันก็ไม่เห็นว่าเธอจะมีอะไรที่เร้าใจฉันได้ นมก็แบนแต๊ดแต๋ยังกับฝาบ้าน แล้วไอ้นั่นมันก็น่าจะเล็กระจี๊ดเดียว คงไม่พอทำให้ฉันเสียวเหอะ!"
"ไอ้เหี้ยเก้า!ไอ้ปากหมา!"
“ ถ้าด่าฉันอีกคำนะ ฉันจะ…”
“ ไอ้..อื้อ ”
คำด่าต่อจากนั้นของฉันได้ถูกกลืนลงท้อง เมื่อริมฝีปากของฉันถูกครอบครองด้วยริมฝีปากของอีกคน จนทำให้สติสัมปชัญญะของฉัน ดับวูบลงไปในวินาทีนั้น...
อร้าย!....จูบแรกของฉัน มันต้องไม่ใช่กับผู้ชายคนนี้เซ่!
{End part}
{Tongkao part}ผมอุ้มอันนาลงมาจากรถ แล้วค่อยๆ วางเธอลงบนโซฟาตัวยาวกลางห้องรับแขก ตอนแรกกะว่าจะพาเธอไปที่ซุ้มของผมนั่นแหละ แต่เพราะที่นั่นมันมีลูกน้องของผมอยู่กันมาก หากต้องการจะทำอะไร มันคงไม่สะดวกนักที่นั่นเป็นซุ้มรวมพลของคนรักการสื่อสาร ทุกอย่างที่อยู่ในนั้นส่วนใหญ่ จะเกี่ยวข้องเกี่ยวพันกับอุปกรณ์กู้ภัย อาทิเช่น ไฟไซเรน กล่องเสียงเพื่อส่งสัญญาณ อีกทั้งวิทยุสื่อสารมากมายหลายชนิด รวมไปถึงอุปกรณ์ที่สามารถนำไปช่วยชีวิตคนได้ กระทั่งไม้ที่มีเอาไว้สำหรับใช้จับงู ที่เลื้อยเข้ามาเพ่นพ่านในบ้านคน นั่นก็ยังไม่พ้นกู้ภัยอย่างเราผมชื่อตองเก้า กำลังเรียนมหาลัยอยู่ชั้นปีที่สาม ในคณะวิศกรรมไฟฟ้า ปีเดียวกับอุลตร้าที่เป็นพี่ชายของอันนานั่นแหละ เพียงแต่อยู่คนละมหาลัย ส่วนเธอผมสืบจนรู้ได้ว่า เธอเรียนอยู่มหาลัยเดียวกันกับผม เพียงแต่อยู่กันคนละคณะเท่านั้น อันนาเพิ่งจะเข้ามาเรียนคณะแพทย์ศาสตร์ ของมหาลัยที่นี่เป็นปีแรก และมันคงไม่แปลกนักหากว่าผมจะสนใจเธอยังไงนะเหรอ?เพราะเธอเป็นน้องสาวของไอ้อุลไง...ผมต้องการพาเธอไปทำมิดีมิร้าย อย่างที่เธอคิดเอาไว้ แต่เกิดเปลี่ยนใจกะทันหัน เพราะผมดันคิดแผนการ ที่แยบยลก
ผมรวบเอวบางเข้ามาใกล้ในระยะประชิด โดยที่อีกฝ่ายก็ไม่คิดจะขัดขืนทั้งที่ถูกฝืนใจ แต่มันช่วยไม่ได้ ในเมื่อผมไม่เหลือทางเลือกอะไรให้เธออีกแล้ว“เงยหน้าขึ้นมาสิ ก้มแบบนี้ ฉันจะจูบเธอได้ยังไง?” อันนาพรูลมหายใจก่อนช้อนใบหน้าขึ้นมาสบตากับผม นัยน์ตากลมโตเป็นประกาย ทำเอาผมถึงกับสะดุดลมหายใจ ก่อนจะจูบลงไปบนหน้าผากมน จนถึงเปลือกตาที่ปิดสนิททั้งสองข้าง แล้วเลื่อนลงไปยังริมฝีปากบาง อย่างรู้สึกตื่นเต้น...เชี่ย!คนตื่นเต้น มันจะต้องเป็นเธอสิวะ! ไหงกลายเป็นผมไปเสียได้...ปลายจมูกของเราทั้งคู่เกยซ้อนกัน จนรับรู้ได้ถึงลมหายใจของกันและกัน ตอนนี้รู้สึกว่าจังหวะการเต้นหัวใจตัวเองกำลังสั่นไหว ผิดเพี้ยนไปแทบจะทันที และที่สำคัญอันนาน่าจะรับรู้ได้หมดทุกอย่าง เพราะฝ่ามือเรียวบางของเจ้าตัว วางไว้ตรงหัวใจของผมพอดีผมสอดฝ่ามือใหญ่เข้าไปรั้งท้ายทอยของเธอล็อคไว้ แล้วกดจูบลงไปบนริมฝีปากบางอย่างรู้จังหวะ ก่อนจะผละออกมาบอกกับเธอว่า“ ซ่อนรูปก็ไม่บอกกันบ้างเลยนะ...”เพราะผมเผลอ เลยเอามือไปกอบกุมสองเต้าของเธอเอาไว้โดยไม่รู้ตัว ถึงแม้อันนาจะไม่ขัดขืนอะไรเลยสักอย่าง แต่ผมสัมผัสได้ ว่าเธอกำลังนั่งตัวแข็งเกร็ง“นายบอกฉันเ
ก่อนที่อันนาจะลงจากรถ ผมได้จับมือของเธอให้หงายขึ้น แล้ววางวิทยุสื่อสารลงไปบนมือเรียวบางของเธอวิทยุสื่อสารที่ใช้งานด้วยการใช้ความถี่ ที่ผมเป็นคนคิดฟังชั่น และดัดแปลงมันขึ้นมา เพื่อให้เธอเอาไว้ใช้ติดต่อกับผมได้ แค่เพียงคนเดียวเท่านั้น“เอาวิทยุสื่อสารนี่ไว้ใช้งาน สำหรับติดต่อกันระหว่างฉันกับเธอ”ผมบอกพร้อมกับดึงโทรศัพท์ จากมืออีกข้างของอันนามาเมมเบอร์ของผมไว้ แล้วกดโทรเข้าไปในเครื่องของผม เพื่อเมมเบอร์ของเธอเอาไว้ด้วยเช่นเดียวกัน จากนั้นผมจึงอธิบายวิธีการใช้งาน ของวิทยุสื่อสารเครื่องนี้ให้เธอฟัง“วิทยุเครื่องนี้ฉันเป็นคนบิวท์มันขึ้นมาเอง และล๊อคช่องเอาไว้ใช้แค่เพียงช่องเดียว ไม่มีใครสามารถจูนคลื่นความถี่มาตรงกับช่องนี้ได้ ”อันนาเหลือบตามองวิทยุสื่อสารด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง แต่ก็ยอมรับสิ่งนั้นไว้ ก่อนจะรีบเปิดประตูลงไป ด้วยกลัวว่าอาจมีใครมาเห็นเข้า แต่ผมก็ยังรั้งเธอเอาไว้“ เดี๋ยวสิ...อันนา”ผมรวบตัวเธอเข้ามาแนบชิดอีกครั้ง เพื่อจูบริมฝีปากบางสีเชอร์รี่ ที่เผยอขึ้นรับกับริมฝีปากของผม อย่างไม่ยอมให้เธอได้พักหายใจและสิ่งที่เธอทำได้นั่นก็คือ กำมือขึ้นมาทุบหน้าอกของผมหนักๆ เมื่อผมไม่ยอมปล่อยเ
เมื่อวานพี่อุลตร้ามาเคาะประตูห้อง คงต้องการจะขอโทษฉันนั่นแหละ แต่ฉันยังโกรธเขาอยู่ จึงไม่ยอมเปิดประตูเพื่อรับฟัง คำแก้ตัวอะไรจากเขาทั้งนั้นจนกระทั่งวันนี้...ฉันนั่งรถเมล์มาเรียนมหาลัย โดยที่ไม่ยอมให้คนเป็นพี่ชาย ขับรถมาส่งเหมือนเช่นทุกครั้ง เพราะยังโกรธเขาไม่หาย และรีบเดินเข้ามหาลัยไปอย่างเร่งด่วน เพราะจวนใกล้จะถึงเวลาเข้าเรียนกันแล้วนั่นแหละRrr! Rrr! Rrr!แต่โทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าสะพาย ที่ฉันได้เปิดระบบสั่นเอาไว้ ทำให้ฉันสัมผัสได้ว่ามีคนกำลังโทรเข้ามาที่แรกก็คิดว่าจะปล่อยให้มันสั่น จนกว่ามันจะเงียบหายไปเอง แต่ด้วยเกรงว่าคนที่บ้าน อาจจะโทรเข้ามา เพราะมีธุระสำคัญแต่มันกลับไม่ได้เป็นไปอย่างที่คาดคิด และโคตรจะเซ็งกับชีวิต เมื่อมองเห็นชื่อของตองเก้า ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอ“ โทรมาทำไม! หมาออกลูกเป็นควายหรือยังไงฮะ!....ฉันกำลังจะเข้าเรียนแล้ว ”ฉันกดรับ พลางตวาดเข้าไปในโทรศัพท์อย่างลืมกลัว เพราะรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกอีกฝ่าย ละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวมากเกินไปเพราะฉันคิดว่าตัวเอง สามารถเบ่งใส่เขาได้ ในเวลาที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน หากฉันอยู่ต่อหน้าของตองเก้า ฉันก็ต้องทำเป็นกลัวเขาไว้ก
( เธออยู่กับใคร? ทำไมถึงได้กล้าเสียงดังใส่ฉันฮะ) ตองเก้าตะโกนถามฉันเข้ามาเสียงตึง ฉันจึงลดระดับอารมณ์ของตัวเองลงมา ก่อนจะตอบเขากลับไปว่า“ อยู่กับเพื่อน... ”(ผู้หญิง...ใช่มั้ย?)“ผู้ชาย...แถมยังหล่อกว่านายหลายเท่า”( ถ้าไม่อยากเน่าตาย บอกมันให้อยู่ห่างๆ จากเธอเอาไว้ )ฉันพ่นลมหายใจออกมาอย่างรู้สึกเบื่อหน่าย และไม่อยากจะพูดกับผู้ชายคนนี้ ฉันจึงได้คิดหาวิธีที่จะทำให้อีกฝ่าย กดวางสายของเขาไปเอง“ แบ๊ตวิทยุของนายจะหมดแล้วนะ มีอะไรก็รีบๆ พูดมาเร็วๆ เข้า ”( อย่ามาหลอกฉันซะให้ยาก แบตวิทยุนั่น เปิดทิ้งไว้ทั้งวันทั้งคืนยังไงก็ไม่หมด ไม่มีทางที่เธอจะมาหลอกคนอย่างฉันได้ ) ฉันอยากจะลมใส่ ที่หลอกคนอย่างเขาไม่ได้สักที...เฮ้อ!“ แล้วจะเรียกฉันหาพระแสงอะไรยะ!! ”( ไหน...ว.3 อีกครั้งสิ ) ว.3 หมายความว่า ตองเก้าต้องการให้ฉัน ทบทวนข้อความกับเขาใหม่“ ก็..เรียกฉันทำไมบ่อยๆ...ละคะ ”( ฟังแล้วค่อยลื่นหูหน่อย...ฉันต้องการจะย้ำเธอถึงเรื่องของเราในค่ำคืนนี้ )“ ฉันรู้แล้ว! ”(จะให้ฉันไปรับเธอได้ที่ไหน?)“ ที่บ้านของหลินซีเพื่อนซี้ของฉันเอง...เดี๋ยวฉันปักหมุด แล้วจะส่งโลเคชั่นไปให้นาย...แค่นี้นะฉันจะได้ไป
และไม่ใช่ใครที่ไหน...นอกซะจากนายตองเก้า เจ้าของฉายามารบรรพกาลที่ฉันเป็นคนตั้งให้ร่างสูงโปร่งยืนพิงข้างประตูรถเก๋งคันหรูของตัวเอง...รถเก๋งที่ราคาของมันสำหรับคนธรรมดาอย่างฉัน ไม่สามารถจับต้องมันได้นัยน์ตาเจ้าของร่างใหญ่ ที่กำลังมองตรงมาที่ฉันนั้นฉายแววประหลาด มันคล้ายกับปีศาจร้าย ที่ดูน่าเกรงขามในยามราตรี ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้า และแสดงอาการไม่พอใจออกมา โดยไม่รู้สาเหตุว่าเป็นเพราะอะไร ในจังหวะเดียวกันกับที่ฉัน ได้หันไปบอกกับหลินซีว่า“ฉันไปก่อนนะ แล้วจะรีบกลับ ”“เออ...ไปเถอะโชคดีว่ะเพื่อน ”หลินซีตบไหล่ พร้อมกับพยักหน้าให้เชิงเป็นกำลังใจ เมื่อได้เห็นสีหน้ากับท่าทางเซ็งๆ ของฉัน ที่แสดงออกมาโดยไม่คิดจะปิดบังอาการฉันหันมองทางด้านข้างของรถผ่านกระจกบานใส เพราะคนที่นั่งอยู่ข้างกันด้านใน ได้เงียบเสียงของตัวเองลงไป ตั้งแต่ตอนที่เราได้ออกมาจากบ้านของหลินซี ถึงแม้ตองเก้าจะหน้าตาดีมากแค่ไหน ก็ไม่ทำให้ฉัน อยากจะหันไปมองหน้าเขาสักเท่าไหร่ เราปล่อยให้ระยะเวลาผ่านไป แต่แค่เพียงไม่กี่นาที ตองเก้าก็ได้ทำลายความเงียบนี้ลง“ยัยบื้อ! นี่เธอเห็นข้างทาง น่ามองกว่าหน้าของฉันอย่างงั้นเหรอ? ”‘เออดิ’...ฉัน
บ้าจริง!นี่คือสิ่งที่ฉันต้องได้รับจากการกระทำของตน หรือนั่นเป็นเพราะอีกคนตั้งใจ ให้มันเป็นไปตามเกมส์รุกไล่ ที่เขาได้เป็นคนกำหนดเอาไว้ตั้งแต่ต้นไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ถูกอีกคน จูบฉันอยู่อย่างนั้นไม่ยอมปล่อย ยกเว้นจะผละออกในบางช่วงจังหวะ เพื่อให้ฉันมีเวลาได้พักหายใจฝ่ามือใหญ่เลื่อนขึ้นมาลูบไล้ แล้วกอบกุมมันไว้ทั้งสองเต้า ที่เขาเคยบอกออกมาว่า มันมีลักษณะแบนราบยังกับฝาบ้าน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังบีบเคล้น และหยอกเล่นกับมัน โดยไม่ยอมละไปจากตรงนั้น ของฉันได้สักทีสายไส้ไก่ที่ผูกไว้หลังคอ ได้ถูกเขาดึงมันออกไปโดยไม่รู้ตัว เพราะฉันมัวแต่รู้สึกหวามไหว และเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสของอีกฝ่าย ที่ทำให้ฉันไม่สามารถจะครองสติของตนเอาไว้ได้ และฉันก็รู้ว่าเขาชอบใจ ที่สามารถทำให้ฉันคล้อยตาม ในสิ่งที่เขากำลังชักนำ เขาถึงได้กล้าทำทุกอย่างบนเรือนร่างของฉัน ราวกับตัวเขานั้นเป็นเจ้าของ ที่สามารถครอบครองและจับต้องมันได้ แค่เพียงคนเดียวเท่านั้น“ ฉันอยากได้เธอ...อันนา...”ตองเก้าผละหน้าออกมาบอกกับฉันเสียงสั่นพร่า ฉันจึงใช้เวลาในช่วงจังหวะนั้น ดันใบหน้าเขาออกห่าง พลางปฎิเสธเขากลับไป ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ต่างกัน“ไม่
ตองเก้าเอาเสื้อคลุมของเขามาให้ฉันใส่ทับ และพาฉันมาที่ผับแห่งหนึ่ง ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าผับของพี่โจ้อี้ถึงสี่เท่า บรรดาหนุ่มๆ สาวๆ ต่างเดินเข้าออกกันให้วุ่นวายตองเก้าเอาแขนขึ้นมาโอบไหล่ เพื่อกันไม่ให้ฉันเบี่ยงตัวหนีเขาไปไหนได้ ก่อนจะพาฉันเดินเข้าไปด้านในด้วยกัน“ไอ้เก้า...ทางนี้โว๊ยเพื่อน ” มือที่วางไว้บนลาดไหล่ เลื่อนลงมากุมมือฉันไว้ แล้วพาเดินตรงไปหากลุ่มของเพื่อนชาย ที่มีคนหนึ่งให้สัญญาณด้วยการโบกมือไปมา และสีหน้าของทุกคนดูประหลาดใจ เมื่อได้เห็นผู้ชายจอมเจ้าชู้อย่างตองเก้า ยอมเอาผู้หญิงบ้านๆ อย่างฉันมาควงออกหน้า“อันนา...เป็นแฟนของฉัน ”แถมตองเก้ายังแนะนำฉัน ให้เพื่อนๆของเขาได้รู้จัก จากนั้นจึงหันมาพยักหน้าให้ฉันนั่งลงอยู่ตรงข้างกัน ก่อนจะพูดต่อจากนั้น“ อันนา...นี่คือเพื่อนๆ ของฉัน คนนี้ชื่อทริคเกอร์ นั่นชื่อต้นไทร ส่วนคนสุดท้ายนี่มีชื่อว่า ตีหนึ่ง ซึ่งทุกคนล้วนเป็นจิตอาสากู้ภัย ที่อยู่จุดเดียวกับฉัน และอยู่มหาลัยเดียวกันกับเรา ”ฉันเลื่อนสายตามองหน้าของพวกเขาทีละคน อย่างรู้สึกสนใจโดย่ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ส่งยิ้มการค้าไปให้ จากนั้นเพื่อนชายของตองเก้า ที่มีชื่อว่าตีหนึ่ง ได้เอ่ยท
ยอมรับว่าฉันกำลังกลัวคนตัวใหญ่กว่า เมื่อได้เห็นทีท่า กับคำที่เขาพูดออกมา ราวกับคนไม่มีสติเพราะฤทธิ์ของเหล้าที่เขากินเข้าไปเขาน่าจะเมาแล้วนั่นแหละ แต่ก็รู้กันดีว่าไอ้พวกขี้เหล้าทั้งหลาย มันก็มักจะบอกว่าตัวเองไม่เมากันทั้งนั้น และฉันก็ไม่ควรจะอยู่ต่อ เพื่อรอให้เขาเชือดได้ง่ายๆ สู้เสี่ยงไปตายเอาดาบหน้าท่าจะดีกว่ากันพอคิดได้อย่างนั้น ฉันจึงผลักเขาออกไปจนสุดกำลังที่มี ก่อนจะรีบวิ่งหนีโดยที่ไม่สนใจคนข้างหลัง“ เฮ้ยอันนา! อย่าเพิ่งออกไป...ฉิบหายแล้วกู! ”ฉันไม่ฟังเสียงของตองเก้าที่ตะโกนตามหลังของฉันมา รู้แค่ว่าเจ้าของร่างใหญ่กว่า กำลังวิ่งตามฉันมาติดๆ อย่างที่ไม่คิดจะปล่อยฉันไปฉันวิ่งชนโต๊ะ ชนเก้าอี้ และชนคน จนล้มลงไปกองอยู่กับพื้น แต่ก็พยายามยันตัวลุกขึ้นยืน แล้วยังฝืนวิ่งหนีเขาต่อพอกันที!ให้ฉันคบกับเขานั่นก็เกินจะทนไหว แต่ถึงขนาดต้องพลีกายทั้งที่ใจยังไม่พร้อม ฉันยอมตายเสียยังดีกว่า ปล่อยให้เขารังแกฉันเหมือนที่ผ่านมาเมื่อฉันวิ่งออกมาจากประตูทางเข้า ก็ถูกตองเก้าคว้าเอวเอาไว้ได้ในที่สุด และหยุดฉันไว้ด้วยการจับร่างของฉัน ดันเข้าไปจนแผ่นหลังติดกับผนังกำแพงฉันหอบหายใจแรงๆ พร้อมกับที่มีน
ตองเก้าเอาเสื้อคลุมของเขามาให้ฉันใส่ทับ และพาฉันมาที่ผับแห่งหนึ่ง ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าผับของพี่โจ้อี้ถึงสี่เท่า บรรดาหนุ่มๆ สาวๆ ต่างเดินเข้าออกกันให้วุ่นวายตองเก้าเอาแขนขึ้นมาโอบไหล่ เพื่อกันไม่ให้ฉันเบี่ยงตัวหนีเขาไปไหนได้ ก่อนจะพาฉันเดินเข้าไปด้านในด้วยกัน“ไอ้เก้า...ทางนี้โว๊ยเพื่อน ” มือที่วางไว้บนลาดไหล่ เลื่อนลงมากุมมือฉันไว้ แล้วพาเดินตรงไปหากลุ่มของเพื่อนชาย ที่มีคนหนึ่งให้สัญญาณด้วยการโบกมือไปมา และสีหน้าของทุกคนดูประหลาดใจ เมื่อได้เห็นผู้ชายจอมเจ้าชู้อย่างตองเก้า ยอมเอาผู้หญิงบ้านๆ อย่างฉันมาควงออกหน้า“อันนา...เป็นแฟนของฉัน ”แถมตองเก้ายังแนะนำฉัน ให้เพื่อนๆของเขาได้รู้จัก จากนั้นจึงหันมาพยักหน้าให้ฉันนั่งลงอยู่ตรงข้างกัน ก่อนจะพูดต่อจากนั้น“ อันนา...นี่คือเพื่อนๆ ของฉัน คนนี้ชื่อทริคเกอร์ นั่นชื่อต้นไทร ส่วนคนสุดท้ายนี่มีชื่อว่า ตีหนึ่ง ซึ่งทุกคนล้วนเป็นจิตอาสากู้ภัย ที่อยู่จุดเดียวกับฉัน และอยู่มหาลัยเดียวกันกับเรา ”ฉันเลื่อนสายตามองหน้าของพวกเขาทีละคน อย่างรู้สึกสนใจโดย่ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ส่งยิ้มการค้าไปให้ จากนั้นเพื่อนชายของตองเก้า ที่มีชื่อว่าตีหนึ่ง ได้เอ่ยท
บ้าจริง!นี่คือสิ่งที่ฉันต้องได้รับจากการกระทำของตน หรือนั่นเป็นเพราะอีกคนตั้งใจ ให้มันเป็นไปตามเกมส์รุกไล่ ที่เขาได้เป็นคนกำหนดเอาไว้ตั้งแต่ต้นไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ถูกอีกคน จูบฉันอยู่อย่างนั้นไม่ยอมปล่อย ยกเว้นจะผละออกในบางช่วงจังหวะ เพื่อให้ฉันมีเวลาได้พักหายใจฝ่ามือใหญ่เลื่อนขึ้นมาลูบไล้ แล้วกอบกุมมันไว้ทั้งสองเต้า ที่เขาเคยบอกออกมาว่า มันมีลักษณะแบนราบยังกับฝาบ้าน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังบีบเคล้น และหยอกเล่นกับมัน โดยไม่ยอมละไปจากตรงนั้น ของฉันได้สักทีสายไส้ไก่ที่ผูกไว้หลังคอ ได้ถูกเขาดึงมันออกไปโดยไม่รู้ตัว เพราะฉันมัวแต่รู้สึกหวามไหว และเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสของอีกฝ่าย ที่ทำให้ฉันไม่สามารถจะครองสติของตนเอาไว้ได้ และฉันก็รู้ว่าเขาชอบใจ ที่สามารถทำให้ฉันคล้อยตาม ในสิ่งที่เขากำลังชักนำ เขาถึงได้กล้าทำทุกอย่างบนเรือนร่างของฉัน ราวกับตัวเขานั้นเป็นเจ้าของ ที่สามารถครอบครองและจับต้องมันได้ แค่เพียงคนเดียวเท่านั้น“ ฉันอยากได้เธอ...อันนา...”ตองเก้าผละหน้าออกมาบอกกับฉันเสียงสั่นพร่า ฉันจึงใช้เวลาในช่วงจังหวะนั้น ดันใบหน้าเขาออกห่าง พลางปฎิเสธเขากลับไป ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ต่างกัน“ไม่
และไม่ใช่ใครที่ไหน...นอกซะจากนายตองเก้า เจ้าของฉายามารบรรพกาลที่ฉันเป็นคนตั้งให้ร่างสูงโปร่งยืนพิงข้างประตูรถเก๋งคันหรูของตัวเอง...รถเก๋งที่ราคาของมันสำหรับคนธรรมดาอย่างฉัน ไม่สามารถจับต้องมันได้นัยน์ตาเจ้าของร่างใหญ่ ที่กำลังมองตรงมาที่ฉันนั้นฉายแววประหลาด มันคล้ายกับปีศาจร้าย ที่ดูน่าเกรงขามในยามราตรี ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้า และแสดงอาการไม่พอใจออกมา โดยไม่รู้สาเหตุว่าเป็นเพราะอะไร ในจังหวะเดียวกันกับที่ฉัน ได้หันไปบอกกับหลินซีว่า“ฉันไปก่อนนะ แล้วจะรีบกลับ ”“เออ...ไปเถอะโชคดีว่ะเพื่อน ”หลินซีตบไหล่ พร้อมกับพยักหน้าให้เชิงเป็นกำลังใจ เมื่อได้เห็นสีหน้ากับท่าทางเซ็งๆ ของฉัน ที่แสดงออกมาโดยไม่คิดจะปิดบังอาการฉันหันมองทางด้านข้างของรถผ่านกระจกบานใส เพราะคนที่นั่งอยู่ข้างกันด้านใน ได้เงียบเสียงของตัวเองลงไป ตั้งแต่ตอนที่เราได้ออกมาจากบ้านของหลินซี ถึงแม้ตองเก้าจะหน้าตาดีมากแค่ไหน ก็ไม่ทำให้ฉัน อยากจะหันไปมองหน้าเขาสักเท่าไหร่ เราปล่อยให้ระยะเวลาผ่านไป แต่แค่เพียงไม่กี่นาที ตองเก้าก็ได้ทำลายความเงียบนี้ลง“ยัยบื้อ! นี่เธอเห็นข้างทาง น่ามองกว่าหน้าของฉันอย่างงั้นเหรอ? ”‘เออดิ’...ฉัน
( เธออยู่กับใคร? ทำไมถึงได้กล้าเสียงดังใส่ฉันฮะ) ตองเก้าตะโกนถามฉันเข้ามาเสียงตึง ฉันจึงลดระดับอารมณ์ของตัวเองลงมา ก่อนจะตอบเขากลับไปว่า“ อยู่กับเพื่อน... ”(ผู้หญิง...ใช่มั้ย?)“ผู้ชาย...แถมยังหล่อกว่านายหลายเท่า”( ถ้าไม่อยากเน่าตาย บอกมันให้อยู่ห่างๆ จากเธอเอาไว้ )ฉันพ่นลมหายใจออกมาอย่างรู้สึกเบื่อหน่าย และไม่อยากจะพูดกับผู้ชายคนนี้ ฉันจึงได้คิดหาวิธีที่จะทำให้อีกฝ่าย กดวางสายของเขาไปเอง“ แบ๊ตวิทยุของนายจะหมดแล้วนะ มีอะไรก็รีบๆ พูดมาเร็วๆ เข้า ”( อย่ามาหลอกฉันซะให้ยาก แบตวิทยุนั่น เปิดทิ้งไว้ทั้งวันทั้งคืนยังไงก็ไม่หมด ไม่มีทางที่เธอจะมาหลอกคนอย่างฉันได้ ) ฉันอยากจะลมใส่ ที่หลอกคนอย่างเขาไม่ได้สักที...เฮ้อ!“ แล้วจะเรียกฉันหาพระแสงอะไรยะ!! ”( ไหน...ว.3 อีกครั้งสิ ) ว.3 หมายความว่า ตองเก้าต้องการให้ฉัน ทบทวนข้อความกับเขาใหม่“ ก็..เรียกฉันทำไมบ่อยๆ...ละคะ ”( ฟังแล้วค่อยลื่นหูหน่อย...ฉันต้องการจะย้ำเธอถึงเรื่องของเราในค่ำคืนนี้ )“ ฉันรู้แล้ว! ”(จะให้ฉันไปรับเธอได้ที่ไหน?)“ ที่บ้านของหลินซีเพื่อนซี้ของฉันเอง...เดี๋ยวฉันปักหมุด แล้วจะส่งโลเคชั่นไปให้นาย...แค่นี้นะฉันจะได้ไป
เมื่อวานพี่อุลตร้ามาเคาะประตูห้อง คงต้องการจะขอโทษฉันนั่นแหละ แต่ฉันยังโกรธเขาอยู่ จึงไม่ยอมเปิดประตูเพื่อรับฟัง คำแก้ตัวอะไรจากเขาทั้งนั้นจนกระทั่งวันนี้...ฉันนั่งรถเมล์มาเรียนมหาลัย โดยที่ไม่ยอมให้คนเป็นพี่ชาย ขับรถมาส่งเหมือนเช่นทุกครั้ง เพราะยังโกรธเขาไม่หาย และรีบเดินเข้ามหาลัยไปอย่างเร่งด่วน เพราะจวนใกล้จะถึงเวลาเข้าเรียนกันแล้วนั่นแหละRrr! Rrr! Rrr!แต่โทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าสะพาย ที่ฉันได้เปิดระบบสั่นเอาไว้ ทำให้ฉันสัมผัสได้ว่ามีคนกำลังโทรเข้ามาที่แรกก็คิดว่าจะปล่อยให้มันสั่น จนกว่ามันจะเงียบหายไปเอง แต่ด้วยเกรงว่าคนที่บ้าน อาจจะโทรเข้ามา เพราะมีธุระสำคัญแต่มันกลับไม่ได้เป็นไปอย่างที่คาดคิด และโคตรจะเซ็งกับชีวิต เมื่อมองเห็นชื่อของตองเก้า ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอ“ โทรมาทำไม! หมาออกลูกเป็นควายหรือยังไงฮะ!....ฉันกำลังจะเข้าเรียนแล้ว ”ฉันกดรับ พลางตวาดเข้าไปในโทรศัพท์อย่างลืมกลัว เพราะรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกอีกฝ่าย ละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวมากเกินไปเพราะฉันคิดว่าตัวเอง สามารถเบ่งใส่เขาได้ ในเวลาที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน หากฉันอยู่ต่อหน้าของตองเก้า ฉันก็ต้องทำเป็นกลัวเขาไว้ก
ก่อนที่อันนาจะลงจากรถ ผมได้จับมือของเธอให้หงายขึ้น แล้ววางวิทยุสื่อสารลงไปบนมือเรียวบางของเธอวิทยุสื่อสารที่ใช้งานด้วยการใช้ความถี่ ที่ผมเป็นคนคิดฟังชั่น และดัดแปลงมันขึ้นมา เพื่อให้เธอเอาไว้ใช้ติดต่อกับผมได้ แค่เพียงคนเดียวเท่านั้น“เอาวิทยุสื่อสารนี่ไว้ใช้งาน สำหรับติดต่อกันระหว่างฉันกับเธอ”ผมบอกพร้อมกับดึงโทรศัพท์ จากมืออีกข้างของอันนามาเมมเบอร์ของผมไว้ แล้วกดโทรเข้าไปในเครื่องของผม เพื่อเมมเบอร์ของเธอเอาไว้ด้วยเช่นเดียวกัน จากนั้นผมจึงอธิบายวิธีการใช้งาน ของวิทยุสื่อสารเครื่องนี้ให้เธอฟัง“วิทยุเครื่องนี้ฉันเป็นคนบิวท์มันขึ้นมาเอง และล๊อคช่องเอาไว้ใช้แค่เพียงช่องเดียว ไม่มีใครสามารถจูนคลื่นความถี่มาตรงกับช่องนี้ได้ ”อันนาเหลือบตามองวิทยุสื่อสารด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง แต่ก็ยอมรับสิ่งนั้นไว้ ก่อนจะรีบเปิดประตูลงไป ด้วยกลัวว่าอาจมีใครมาเห็นเข้า แต่ผมก็ยังรั้งเธอเอาไว้“ เดี๋ยวสิ...อันนา”ผมรวบตัวเธอเข้ามาแนบชิดอีกครั้ง เพื่อจูบริมฝีปากบางสีเชอร์รี่ ที่เผยอขึ้นรับกับริมฝีปากของผม อย่างไม่ยอมให้เธอได้พักหายใจและสิ่งที่เธอทำได้นั่นก็คือ กำมือขึ้นมาทุบหน้าอกของผมหนักๆ เมื่อผมไม่ยอมปล่อยเ
ผมรวบเอวบางเข้ามาใกล้ในระยะประชิด โดยที่อีกฝ่ายก็ไม่คิดจะขัดขืนทั้งที่ถูกฝืนใจ แต่มันช่วยไม่ได้ ในเมื่อผมไม่เหลือทางเลือกอะไรให้เธออีกแล้ว“เงยหน้าขึ้นมาสิ ก้มแบบนี้ ฉันจะจูบเธอได้ยังไง?” อันนาพรูลมหายใจก่อนช้อนใบหน้าขึ้นมาสบตากับผม นัยน์ตากลมโตเป็นประกาย ทำเอาผมถึงกับสะดุดลมหายใจ ก่อนจะจูบลงไปบนหน้าผากมน จนถึงเปลือกตาที่ปิดสนิททั้งสองข้าง แล้วเลื่อนลงไปยังริมฝีปากบาง อย่างรู้สึกตื่นเต้น...เชี่ย!คนตื่นเต้น มันจะต้องเป็นเธอสิวะ! ไหงกลายเป็นผมไปเสียได้...ปลายจมูกของเราทั้งคู่เกยซ้อนกัน จนรับรู้ได้ถึงลมหายใจของกันและกัน ตอนนี้รู้สึกว่าจังหวะการเต้นหัวใจตัวเองกำลังสั่นไหว ผิดเพี้ยนไปแทบจะทันที และที่สำคัญอันนาน่าจะรับรู้ได้หมดทุกอย่าง เพราะฝ่ามือเรียวบางของเจ้าตัว วางไว้ตรงหัวใจของผมพอดีผมสอดฝ่ามือใหญ่เข้าไปรั้งท้ายทอยของเธอล็อคไว้ แล้วกดจูบลงไปบนริมฝีปากบางอย่างรู้จังหวะ ก่อนจะผละออกมาบอกกับเธอว่า“ ซ่อนรูปก็ไม่บอกกันบ้างเลยนะ...”เพราะผมเผลอ เลยเอามือไปกอบกุมสองเต้าของเธอเอาไว้โดยไม่รู้ตัว ถึงแม้อันนาจะไม่ขัดขืนอะไรเลยสักอย่าง แต่ผมสัมผัสได้ ว่าเธอกำลังนั่งตัวแข็งเกร็ง“นายบอกฉันเ
{Tongkao part}ผมอุ้มอันนาลงมาจากรถ แล้วค่อยๆ วางเธอลงบนโซฟาตัวยาวกลางห้องรับแขก ตอนแรกกะว่าจะพาเธอไปที่ซุ้มของผมนั่นแหละ แต่เพราะที่นั่นมันมีลูกน้องของผมอยู่กันมาก หากต้องการจะทำอะไร มันคงไม่สะดวกนักที่นั่นเป็นซุ้มรวมพลของคนรักการสื่อสาร ทุกอย่างที่อยู่ในนั้นส่วนใหญ่ จะเกี่ยวข้องเกี่ยวพันกับอุปกรณ์กู้ภัย อาทิเช่น ไฟไซเรน กล่องเสียงเพื่อส่งสัญญาณ อีกทั้งวิทยุสื่อสารมากมายหลายชนิด รวมไปถึงอุปกรณ์ที่สามารถนำไปช่วยชีวิตคนได้ กระทั่งไม้ที่มีเอาไว้สำหรับใช้จับงู ที่เลื้อยเข้ามาเพ่นพ่านในบ้านคน นั่นก็ยังไม่พ้นกู้ภัยอย่างเราผมชื่อตองเก้า กำลังเรียนมหาลัยอยู่ชั้นปีที่สาม ในคณะวิศกรรมไฟฟ้า ปีเดียวกับอุลตร้าที่เป็นพี่ชายของอันนานั่นแหละ เพียงแต่อยู่คนละมหาลัย ส่วนเธอผมสืบจนรู้ได้ว่า เธอเรียนอยู่มหาลัยเดียวกันกับผม เพียงแต่อยู่กันคนละคณะเท่านั้น อันนาเพิ่งจะเข้ามาเรียนคณะแพทย์ศาสตร์ ของมหาลัยที่นี่เป็นปีแรก และมันคงไม่แปลกนักหากว่าผมจะสนใจเธอยังไงนะเหรอ?เพราะเธอเป็นน้องสาวของไอ้อุลไง...ผมต้องการพาเธอไปทำมิดีมิร้าย อย่างที่เธอคิดเอาไว้ แต่เกิดเปลี่ยนใจกะทันหัน เพราะผมดันคิดแผนการ ที่แยบยลก