{Unna part}
พรุ่งนี้เป็นวันหยุดช่วงสุดสัปดาห์ ฉันจึงขอพ่อกับแม่ไปเที่ยวผับกับพี่อุลตร้า ซึ่งเจ้าของที่นั่นเขาชื่อว่าพี่โจอี้ และมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าจุดของพวกเรา...ถึงแม้พี่โจอี้จะเปิดร้านเหล้าแต่เขาก็เป็นคนดี และมีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้กับคนที่แย่กว่าเสมอ
พี่โจอี้มักจะนัดหมายลูกข่ายทุกคนที่อยู่ในทีม ให้มารวมตัวกันที่นี่เป็นประจำ เจ้าของผับจัดทำห้องพิเศษเอาไว้สำหรับใช้ประชุมเรื่องงาน เกี่ยวกับการประเมินความเสี่ยงทั้งหลาย ในการออกเหตุของจิตอาสากู้ภัยในแต่ละครั้ง อีกทั้งยังต้องการให้ทุกคนหลีกเลี่ยงอันตราย ในขณะที่เข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยเบื้องต้น
หลังจบการประชุม ทุกคนต่างพากันแยกย้าย ส่วนฉันกับพี่ชายได้ชวนกันมานั่งฟังเพลงสบายๆ อยู่มุมหนึ่งของร้าน และหลังจากนั้นไม่นาน สายตาของฉันก็เหลือบไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งมีใบหน้าสะสวย แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่ค่อนข้างจะเซ็กซี่ แถมยังหุ่นดีอีกต่างหาก และที่สำคัญมากไปกว่านั้น นางได้โบกมือเชิญชวนมาให้พี่ชายของฉัน...
และมันก็ได้ผลดี...
“ เดี๋ยวพี่มานะ แกนั่งรอพี่ตรงนี้อย่าไปไหน..หรือจะให้พี่ไปส่งแกที่บ้านก่อนดีมั้ย? ”
“ พี่จะไปไหนก็ไปเถอะไป๊ ฉันจะนั่งฟังเพลงรอพี่อยู่ตรงนี้นี่แหละ ”
ฉันบอกเชิงออกปากไล่พี่ชายตัวดี และเขาก็ทิ้งน้องสาวอย่างฉันทันทีเลยเหมือนกัน
แล้วมาทำเป็นพูดกรอกหูฉัน ว่าผู้ชายไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ คงจะเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง แต่ก็ยังไม่เห็นว่าจะทำได้ ไม่ทันไรพี่ชายก็ลืมน้องของตัวเองเสียแล้ว
“ไง...ถูกพี่ชายทิ้งไปป้อสาว...”
ตองเก้าแกล้งแซว แล้วหย่อนก้นลงนั่งอย่างถือวิสาสะ ขณะเลื่อนสายตาไปมองพี่ชายของฉัน ที่กำลังนั่งอยู่ในวงล้อมของผู้หญิงเหล่านั้น
ฉันนั่งคอแข็งเกร็ง อีกทั้งยังแสดงอาการออกมาอย่างชัดเจน ว่ามองไม่เห็นคนตัวใหญ่
“ ฉันลดตัวลงมาพูดด้วย เธอไม่มีสิทธิ์เมินฉันนะ ”
ตองเก้าเอ่ยเสียงเรียบนิ่ง แต่สิ่งที่แสดงออกทางสีหน้า ดูก็รู้เลยว่าเขากำลังหงุดหงิด แล้วคิดเหรอว่าฉันจะสนใจ
“ ใครขอไม่ทราบ? แล้วเคยบอกหรือไงว่าอยากจะเสวนาด้วยน่ะ ”
“ ไม่มีผู้หญิงคนไหน กล้าปฏิเสธฉัน ”
“ งั้นเหรอ.." ฉันลากเสียงยาวเชิงกวนกลับไปก่อนจะพูดต่อจากนั้นว่า "นายวิเศษมากหรือไงฮะ! ”
หมับ!
“ เดี๋ยวก็รู้...มานี่เลย ”
ตองเก้าลุกขึ้นยืน พร้อมกับคว้าข้อมือแล้วดึงขึ้นมาจากเก้าอี้ และพยายามที่จะลากฉันออกไป
“ นายจะทำอะไร? นายจะพาฉันไปไหน? ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!...พี่...อุ๊บ! อื้อๆ”
ฉันพยายามขัดขืนดิ้นรน และเรียกคนเป็นพี่ชายให้มาช่วย แต่กลับถูกปิดปากด้วยฝ่ามือใหญ่ และถูกรวบเอวเอาไว้ พร้อมกับลากให้ตามกันออกไป ทางมุมมืดของร้านที่อยู่ด้านนอก บอกได้เลยว่าตอนนี้ ฉันกำลังกลัวตองเก้ามากที่สุด เพราะไม่สามารถจะหยุดเขาได้
ส่วนคนเป็นพี่ชายก็ไม่สนใจ หรือเป็นห่วงเป็นใยน้องสาว เพราะเขากำลังเริงร่าอย่างมีความสุข อยู่กับพวกผู้หญิงเหล่านั้น โดยไม่รู้ว่าฉันกำลังตกอยู่ในอันตราย
ตองเก้าอาจจับฉันไปข่มขืน แล้วฆ่าให้ตายเพื่อปิดปาก มันไม่มีอะไรยาก หากว่าเขาอยากจะทำอย่างนั้น...
พ่อจ๋าแม่จ๋า ได้โปรดช่วยอันนาด้วยเถอะ!
ตองเก้าอุ้มฉันพาดบ่าจนมาถึงรถยนต์คันหนึ่ง ซึ่งฉันทั้งทุบ ทั้งหยิก ทั้งตีเขาเท่าที่จะช่วยเหลือตัวเองได้ แต่มันก็ไม่เป็นผล จนเขาจับฉันยัดเข้าไปทางด้านหลังของรถยนต์ ก่อนจะพาตัวเองตามเข้ามาจับยึดฉันไว้อีกที
“ ไปที่ซุ้ม ”
เขาสั่งคนขับ ที่สตาร์ทรถรออยู่เหมือนรู้กัน นี่แสดงว่าเขาตั้งใจมาจับตัวฉันอย่างนั้นเหรอ ทำไมตองเก้าถึงได้กล้าท้าทาย และทำตัวอยู่เหนือกฎหมายขนาดนั้นกันละ
“ ไอ้บ้า ไอ้สารเลว ฮื่อๆ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ! ”
ฉันทั้งทุบ ทั้งกัด ทั้งดึงสารพัดเท่าที่จะทำเขาได้ ส่วนเขาก็โวยวาย ขณะรวบข้อมือของฉันไพล่หลัง
“ยัยบ้าเอ้ย..หยุดกัดฉันสักทีสิวะ โอ้ย! เจ็บนะโว๊ย!! ”
ฉันขัดขืนดิ้นรนจนหอบเหนื่อย ก่อนจะเริ่มหมดแรงลงไปเรื่อยๆ แต่ฉันก็ยังปากเก่ง ทั้งที่ในใจกำลังรู้สึกเกรงกลัว ภัยที่กำลังเกิดกับตัวนี่เหลือเกิน
“ ไอ้ชาติชั่ว ไอ้สารเลว ไอ้คนใจบาปหยาบคายใจทราม ฮื่อๆ อย่าข่มขืน แล้วฆ่าฉันนะ! ”
ตองเก้าเกือบหลุดหัวเราะออกมาเมื่อได้ฟัง ทั้งอย่างนั้นเขาก็ต้องรีบกลั้นมันเอาไว้ ก่อนจะโต้เธอกลับไปว่า
"แค่ฉันทิ้งสายตา ผู้หญิงที่สวยมากกว่าเธอตั้งหลายเท่า ก็แทบจะแก้ผ้าถ่างขารอให้ฉันเอา ตัวของเธอเท่านี้คงไม่พอให้ฉันขยี้ แล้วฉันก็ไม่เห็นว่าเธอจะมีอะไรที่เร้าใจฉันได้ นมก็แบนแต๊ดแต๋ยังกับฝาบ้าน แล้วไอ้นั่นมันก็น่าจะเล็กระจี๊ดเดียว คงไม่พอทำให้ฉันเสียวเหอะ!"
"ไอ้เหี้ยเก้า!ไอ้ปากหมา!"
“ ถ้าด่าฉันอีกคำนะ ฉันจะ…”
“ ไอ้..อื้อ ”
คำด่าต่อจากนั้นของฉันได้ถูกกลืนลงท้อง เมื่อริมฝีปากของฉันถูกครอบครองด้วยริมฝีปากของอีกคน จนทำให้สติสัมปชัญญะของฉัน ดับวูบลงไปในวินาทีนั้น...
อร้าย!....จูบแรกของฉัน มันต้องไม่ใช่กับผู้ชายคนนี้เซ่!
{End part}
{Tongkao part}ผมอุ้มอันนาลงมาจากรถ แล้วค่อยๆ วางเธอลงบนโซฟาตัวยาวกลางห้องรับแขก ตอนแรกกะว่าจะพาเธอไปที่ซุ้มของผมนั่นแหละ แต่เพราะที่นั่นมันมีลูกน้องของผมอยู่กันมาก หากต้องการจะทำอะไร มันคงไม่สะดวกนักที่นั่นเป็นซุ้มรวมพลของคนรักการสื่อสาร ทุกอย่างที่อยู่ในนั้นส่วนใหญ่ จะเกี่ยวข้องเกี่ยวพันกับอุปกรณ์กู้ภัย อาทิเช่น ไฟไซเรน กล่องเสียงเพื่อส่งสัญญาณ อีกทั้งวิทยุสื่อสารมากมายหลายชนิด รวมไปถึงอุปกรณ์ที่สามารถนำไปช่วยชีวิตคนได้ กระทั่งไม้ที่มีเอาไว้สำหรับใช้จับงู ที่เลื้อยเข้ามาเพ่นพ่านในบ้านคน นั่นก็ยังไม่พ้นกู้ภัยอย่างเราผมชื่อตองเก้า กำลังเรียนมหาลัยอยู่ชั้นปีที่สาม ในคณะวิศกรรมไฟฟ้า ปีเดียวกับอุลตร้าที่เป็นพี่ชายของอันนานั่นแหละ เพียงแต่อยู่คนละมหาลัย ส่วนเธอผมสืบจนรู้ได้ว่า เธอเรียนอยู่มหาลัยเดียวกันกับผม เพียงแต่อยู่กันคนละคณะเท่านั้น อันนาเพิ่งจะเข้ามาเรียนคณะแพทย์ศาสตร์ ของมหาลัยที่นี่เป็นปีแรก และมันคงไม่แปลกนักหากว่าผมจะสนใจเธอยังไงนะเหรอ?เพราะเธอเป็นน้องสาวของไอ้อุลไง...ผมต้องการพาเธอไปทำมิดีมิร้าย อย่างที่เธอคิดเอาไว้ แต่เกิดเปลี่ยนใจกะทันหัน เพราะผมดันคิดแผนการ ที่แยบยลก
ผมรวบเอวบางเข้ามาใกล้ในระยะประชิด โดยที่อีกฝ่ายก็ไม่คิดจะขัดขืนทั้งที่ถูกฝืนใจ แต่มันช่วยไม่ได้ ในเมื่อผมไม่เหลือทางเลือกอะไรให้เธออีกแล้ว“เงยหน้าขึ้นมาสิ ก้มแบบนี้ ฉันจะจูบเธอได้ยังไง?” อันนาพรูลมหายใจก่อนช้อนใบหน้าขึ้นมาสบตากับผม นัยน์ตากลมโตเป็นประกาย ทำเอาผมถึงกับสะดุดลมหายใจ ก่อนจะจูบลงไปบนหน้าผากมน จนถึงเปลือกตาที่ปิดสนิททั้งสองข้าง แล้วเลื่อนลงไปยังริมฝีปากบาง อย่างรู้สึกตื่นเต้น...เชี่ย!คนตื่นเต้น มันจะต้องเป็นเธอสิวะ! ไหงกลายเป็นผมไปเสียได้...ปลายจมูกของเราทั้งคู่เกยซ้อนกัน จนรับรู้ได้ถึงลมหายใจของกันและกัน ตอนนี้รู้สึกว่าจังหวะการเต้นหัวใจตัวเองกำลังสั่นไหว ผิดเพี้ยนไปแทบจะทันที และที่สำคัญอันนาน่าจะรับรู้ได้หมดทุกอย่าง เพราะฝ่ามือเรียวบางของเจ้าตัว วางไว้ตรงหัวใจของผมพอดีผมสอดฝ่ามือใหญ่เข้าไปรั้งท้ายทอยของเธอล็อคไว้ แล้วกดจูบลงไปบนริมฝีปากบางอย่างรู้จังหวะ ก่อนจะผละออกมาบอกกับเธอว่า“ ซ่อนรูปก็ไม่บอกกันบ้างเลยนะ...”เพราะผมเผลอ เลยเอามือไปกอบกุมสองเต้าของเธอเอาไว้โดยไม่รู้ตัว ถึงแม้อันนาจะไม่ขัดขืนอะไรเลยสักอย่าง แต่ผมสัมผัสได้ ว่าเธอกำลังนั่งตัวแข็งเกร็ง“นายบอกฉันเ
ก่อนที่อันนาจะลงจากรถ ผมได้จับมือของเธอให้หงายขึ้น แล้ววางวิทยุสื่อสารลงไปบนมือเรียวบางของเธอวิทยุสื่อสารที่ใช้งานด้วยการใช้ความถี่ ที่ผมเป็นคนคิดฟังชั่น และดัดแปลงมันขึ้นมา เพื่อให้เธอเอาไว้ใช้ติดต่อกับผมได้ แค่เพียงคนเดียวเท่านั้น“เอาวิทยุสื่อสารนี่ไว้ใช้งาน สำหรับติดต่อกันระหว่างฉันกับเธอ”ผมบอกพร้อมกับดึงโทรศัพท์ จากมืออีกข้างของอันนามาเมมเบอร์ของผมไว้ แล้วกดโทรเข้าไปในเครื่องของผม เพื่อเมมเบอร์ของเธอเอาไว้ด้วยเช่นเดียวกัน จากนั้นผมจึงอธิบายวิธีการใช้งาน ของวิทยุสื่อสารเครื่องนี้ให้เธอฟัง“วิทยุเครื่องนี้ฉันเป็นคนบิวท์มันขึ้นมาเอง และล๊อคช่องเอาไว้ใช้แค่เพียงช่องเดียว ไม่มีใครสามารถจูนคลื่นความถี่มาตรงกับช่องนี้ได้ ”อันนาเหลือบตามองวิทยุสื่อสารด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง แต่ก็ยอมรับสิ่งนั้นไว้ ก่อนจะรีบเปิดประตูลงไป ด้วยกลัวว่าอาจมีใครมาเห็นเข้า แต่ผมก็ยังรั้งเธอเอาไว้“ เดี๋ยวสิ...อันนา”ผมรวบตัวเธอเข้ามาแนบชิดอีกครั้ง เพื่อจูบริมฝีปากบางสีเชอร์รี่ ที่เผยอขึ้นรับกับริมฝีปากของผม อย่างไม่ยอมให้เธอได้พักหายใจและสิ่งที่เธอทำได้นั่นก็คือ กำมือขึ้นมาทุบหน้าอกของผมหนักๆ เมื่อผมไม่ยอมปล่อยเ
เมื่อวานพี่อุลตร้ามาเคาะประตูห้อง คงต้องการจะขอโทษฉันนั่นแหละ แต่ฉันยังโกรธเขาอยู่ จึงไม่ยอมเปิดประตูเพื่อรับฟัง คำแก้ตัวอะไรจากเขาทั้งนั้นจนกระทั่งวันนี้...ฉันนั่งรถเมล์มาเรียนมหาลัย โดยที่ไม่ยอมให้คนเป็นพี่ชาย ขับรถมาส่งเหมือนเช่นทุกครั้ง เพราะยังโกรธเขาไม่หาย และรีบเดินเข้ามหาลัยไปอย่างเร่งด่วน เพราะจวนใกล้จะถึงเวลาเข้าเรียนกันแล้วนั่นแหละRrr! Rrr! Rrr!แต่โทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าสะพาย ที่ฉันได้เปิดระบบสั่นเอาไว้ ทำให้ฉันสัมผัสได้ว่ามีคนกำลังโทรเข้ามาที่แรกก็คิดว่าจะปล่อยให้มันสั่น จนกว่ามันจะเงียบหายไปเอง แต่ด้วยเกรงว่าคนที่บ้าน อาจจะโทรเข้ามา เพราะมีธุระสำคัญแต่มันกลับไม่ได้เป็นไปอย่างที่คาดคิด และโคตรจะเซ็งกับชีวิต เมื่อมองเห็นชื่อของตองเก้า ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอ“ โทรมาทำไม! หมาออกลูกเป็นควายหรือยังไงฮะ!....ฉันกำลังจะเข้าเรียนแล้ว ”ฉันกดรับ พลางตวาดเข้าไปในโทรศัพท์อย่างลืมกลัว เพราะรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกอีกฝ่าย ละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวมากเกินไปเพราะฉันคิดว่าตัวเอง สามารถเบ่งใส่เขาได้ ในเวลาที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน หากฉันอยู่ต่อหน้าของตองเก้า ฉันก็ต้องทำเป็นกลัวเขาไว้ก
( เธออยู่กับใคร? ทำไมถึงได้กล้าเสียงดังใส่ฉันฮะ) ตองเก้าตะโกนถามฉันเข้ามาเสียงตึง ฉันจึงลดระดับอารมณ์ของตัวเองลงมา ก่อนจะตอบเขากลับไปว่า“ อยู่กับเพื่อน... ”(ผู้หญิง...ใช่มั้ย?)“ผู้ชาย...แถมยังหล่อกว่านายหลายเท่า”( ถ้าไม่อยากเน่าตาย บอกมันให้อยู่ห่างๆ จากเธอเอาไว้ )ฉันพ่นลมหายใจออกมาอย่างรู้สึกเบื่อหน่าย และไม่อยากจะพูดกับผู้ชายคนนี้ ฉันจึงได้คิดหาวิธีที่จะทำให้อีกฝ่าย กดวางสายของเขาไปเอง“ แบ๊ตวิทยุของนายจะหมดแล้วนะ มีอะไรก็รีบๆ พูดมาเร็วๆ เข้า ”( อย่ามาหลอกฉันซะให้ยาก แบตวิทยุนั่น เปิดทิ้งไว้ทั้งวันทั้งคืนยังไงก็ไม่หมด ไม่มีทางที่เธอจะมาหลอกคนอย่างฉันได้ ) ฉันอยากจะลมใส่ ที่หลอกคนอย่างเขาไม่ได้สักที...เฮ้อ!“ แล้วจะเรียกฉันหาพระแสงอะไรยะ!! ”( ไหน...ว.3 อีกครั้งสิ ) ว.3 หมายความว่า ตองเก้าต้องการให้ฉัน ทบทวนข้อความกับเขาใหม่“ ก็..เรียกฉันทำไมบ่อยๆ...ละคะ ”( ฟังแล้วค่อยลื่นหูหน่อย...ฉันต้องการจะย้ำเธอถึงเรื่องของเราในค่ำคืนนี้ )“ ฉันรู้แล้ว! ”(จะให้ฉันไปรับเธอได้ที่ไหน?)“ ที่บ้านของหลินซีเพื่อนซี้ของฉันเอง...เดี๋ยวฉันปักหมุด แล้วจะส่งโลเคชั่นไปให้นาย...แค่นี้นะฉันจะได้ไป
และไม่ใช่ใครที่ไหน...นอกซะจากนายตองเก้า เจ้าของฉายามารบรรพกาลที่ฉันเป็นคนตั้งให้ร่างสูงโปร่งยืนพิงข้างประตูรถเก๋งคันหรูของตัวเอง...รถเก๋งที่ราคาของมันสำหรับคนธรรมดาอย่างฉัน ไม่สามารถจับต้องมันได้นัยน์ตาเจ้าของร่างใหญ่ ที่กำลังมองตรงมาที่ฉันนั้นฉายแววประหลาด มันคล้ายกับปีศาจร้าย ที่ดูน่าเกรงขามในยามราตรี ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้า และแสดงอาการไม่พอใจออกมา โดยไม่รู้สาเหตุว่าเป็นเพราะอะไร ในจังหวะเดียวกันกับที่ฉัน ได้หันไปบอกกับหลินซีว่า“ฉันไปก่อนนะ แล้วจะรีบกลับ ”“เออ...ไปเถอะโชคดีว่ะเพื่อน ”หลินซีตบไหล่ พร้อมกับพยักหน้าให้เชิงเป็นกำลังใจ เมื่อได้เห็นสีหน้ากับท่าทางเซ็งๆ ของฉัน ที่แสดงออกมาโดยไม่คิดจะปิดบังอาการฉันหันมองทางด้านข้างของรถผ่านกระจกบานใส เพราะคนที่นั่งอยู่ข้างกันด้านใน ได้เงียบเสียงของตัวเองลงไป ตั้งแต่ตอนที่เราได้ออกมาจากบ้านของหลินซี ถึงแม้ตองเก้าจะหน้าตาดีมากแค่ไหน ก็ไม่ทำให้ฉัน อยากจะหันไปมองหน้าเขาสักเท่าไหร่ เราปล่อยให้ระยะเวลาผ่านไป แต่แค่เพียงไม่กี่นาที ตองเก้าก็ได้ทำลายความเงียบนี้ลง“ยัยบื้อ! นี่เธอเห็นข้างทาง น่ามองกว่าหน้าของฉันอย่างงั้นเหรอ? ”‘เออดิ’...ฉัน
บ้าจริง!นี่คือสิ่งที่ฉันต้องได้รับจากการกระทำของตน หรือนั่นเป็นเพราะอีกคนตั้งใจ ให้มันเป็นไปตามเกมส์รุกไล่ ที่เขาได้เป็นคนกำหนดเอาไว้ตั้งแต่ต้นไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ถูกอีกคน จูบฉันอยู่อย่างนั้นไม่ยอมปล่อย ยกเว้นจะผละออกในบางช่วงจังหวะ เพื่อให้ฉันมีเวลาได้พักหายใจฝ่ามือใหญ่เลื่อนขึ้นมาลูบไล้ แล้วกอบกุมมันไว้ทั้งสองเต้า ที่เขาเคยบอกออกมาว่า มันมีลักษณะแบนราบยังกับฝาบ้าน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังบีบเคล้น และหยอกเล่นกับมัน โดยไม่ยอมละไปจากตรงนั้น ของฉันได้สักทีสายไส้ไก่ที่ผูกไว้หลังคอ ได้ถูกเขาดึงมันออกไปโดยไม่รู้ตัว เพราะฉันมัวแต่รู้สึกหวามไหว และเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสของอีกฝ่าย ที่ทำให้ฉันไม่สามารถจะครองสติของตนเอาไว้ได้ และฉันก็รู้ว่าเขาชอบใจ ที่สามารถทำให้ฉันคล้อยตาม ในสิ่งที่เขากำลังชักนำ เขาถึงได้กล้าทำทุกอย่างบนเรือนร่างของฉัน ราวกับตัวเขานั้นเป็นเจ้าของ ที่สามารถครอบครองและจับต้องมันได้ แค่เพียงคนเดียวเท่านั้น“ ฉันอยากได้เธอ...อันนา...”ตองเก้าผละหน้าออกมาบอกกับฉันเสียงสั่นพร่า ฉันจึงใช้เวลาในช่วงจังหวะนั้น ดันใบหน้าเขาออกห่าง พลางปฎิเสธเขากลับไป ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ต่างกัน“ไม่
ตองเก้าเอาเสื้อคลุมของเขามาให้ฉันใส่ทับ และพาฉันมาที่ผับแห่งหนึ่ง ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าผับของพี่โจ้อี้ถึงสี่เท่า บรรดาหนุ่มๆ สาวๆ ต่างเดินเข้าออกกันให้วุ่นวายตองเก้าเอาแขนขึ้นมาโอบไหล่ เพื่อกันไม่ให้ฉันเบี่ยงตัวหนีเขาไปไหนได้ ก่อนจะพาฉันเดินเข้าไปด้านในด้วยกัน“ไอ้เก้า...ทางนี้โว๊ยเพื่อน ” มือที่วางไว้บนลาดไหล่ เลื่อนลงมากุมมือฉันไว้ แล้วพาเดินตรงไปหากลุ่มของเพื่อนชาย ที่มีคนหนึ่งให้สัญญาณด้วยการโบกมือไปมา และสีหน้าของทุกคนดูประหลาดใจ เมื่อได้เห็นผู้ชายจอมเจ้าชู้อย่างตองเก้า ยอมเอาผู้หญิงบ้านๆ อย่างฉันมาควงออกหน้า“อันนา...เป็นแฟนของฉัน ”แถมตองเก้ายังแนะนำฉัน ให้เพื่อนๆของเขาได้รู้จัก จากนั้นจึงหันมาพยักหน้าให้ฉันนั่งลงอยู่ตรงข้างกัน ก่อนจะพูดต่อจากนั้น“ อันนา...นี่คือเพื่อนๆ ของฉัน คนนี้ชื่อทริคเกอร์ นั่นชื่อต้นไทร ส่วนคนสุดท้ายนี่มีชื่อว่า ตีหนึ่ง ซึ่งทุกคนล้วนเป็นจิตอาสากู้ภัย ที่อยู่จุดเดียวกับฉัน และอยู่มหาลัยเดียวกันกับเรา ”ฉันเลื่อนสายตามองหน้าของพวกเขาทีละคน อย่างรู้สึกสนใจโดย่ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ส่งยิ้มการค้าไปให้ จากนั้นเพื่อนชายของตองเก้า ที่มีชื่อว่าตีหนึ่ง ได้เอ่ยท
[ตองเก้า...จากต้นไทรวอสองเปลี่ยน]ผมได้ยินเสียงเรียกชื่อของตัวเองดังมาแต่ไกล แต่เป็นความรู้สึกที่คลับคล้ายกับกำลังกึ่งหลับกึ่งตื่น...แล้วผมก็พยายามฝืนที่จะลืมตา[ไอ้เก้า!...มึงมัวทำห่าอะไรอยู่วะ...ทำไมมึงถึงไม่พาน้องมันมาสักที..กูกับหลินนั่งรอพวกมึงมาชั่วโมงกว่าๆ อีกสิบห้านาทีถ้ามึงยังไม่มา หลินบอกว่าจะไปหาอันนาที่เต๊นแล้วนะเว้ย]เสียงของไอ้ต้น! ที่เป็นคนเรียกชื่อผมดังออกมาจากวิทยุสื่อสาร นั่นจึงทำให้ผมรีบหันไปคว้ามันมากดคีย์รับ"เออโทษทีว่ะ...อากาศกำลังดีมันเลยทำให้กูเผลอหลับไปพร้อมกับอันนา"[ มึงคิดว่ากูไม่รู้เลยงั้นสิ...ไอ้สันดาน ]"เออตามนั้น...ในเมื่อมึงรู้แล้วจะถามกูทำไม...บอกหลินด้วยว่าไม่ต้องมาเพราะกูกับอันนากำลังจะไป"ผมรีบตัดบทสนทนา ก่อนหันมองอันนาที่ลืมตาตื่นขึ้นมาพอดี"ไอ้ต้นมันเรียกวิทยุตามเราสองคนน่ะ" ผมบอกเจ้าของใบหน้าน่ารัก ก่อนก้มลงไปจุ๊บริมฝีปากของเธอทีหนึ่ง ซึ่งมันยังไม่น่าจะพอเพราะเมื่อผมผละออกมา อันนาก็รั้งต้นคอของผมให้ลงไปจูบกับเธออีกครั้งก่อนจะผละออก"ต่อกันไหม?...ฉันจะได้วิทยุบอกไอ้ต้นมันว่า ให้พาหลินไปเดินเที่ยวที่งานดนตรีกันก่อนไม่ต้องรอ""ขืนต่ออีกที ฉันคงได
วันสิ้นปี ณ.ที่เขาใหญ่{Unna part}เนื่องจากมีเหตุการณ์เกิดขึ้นกับเราสองคนมากมาย จึงเป็นเหตุที่ทำให้การจัดกิจกรรม ของชมรมวิศวะไฟฟ้าคราวนั้นต้องถูกยกเลิกกลางคัน และหลังจากที่ทุกคนปรับความเข้าใจกันได้ ตองเก้าจึงจัดทริปเค้าดาวน์ที่เขาใหญ่เพราะเจ้าตัวเขาต้องการเอาใจฉันนั่นเองอยากรู้ใช่ไหมละ ว่าทำไมฉันถึงเลือกเค้าท์ดาวน์ข้ามปี ณ.ที่เขาใหญ่แห่งนี้..นั่นเป็นเพราะที่นี่มีงานลานดนตรีที่ถูกจัดขึ้นทุกปี แต่ฉันไม่เคยมีโอกาสได้มาสัมผัสกับบรรยากาศแบบนี้เลยสักครั้งซึ่งในบริเวณงานดังกล่าว จะมีพื้นที่ประมาณราวหนึ่งตารางกิโลเมตรเห็นจะได้ บริเวณด้านในจะประกอบไปด้วยเวทีต่าง ๆ ที่เอาไว้สำหรับให้นักร้องทั้งหลายขึ้นไปเล่นคอนเสิร์ตให้คนที่ตั้งใจมาในงานนี้ได้ฟัง ซึ่งแต่ละเวทีก็ยังแยกประเภทของดนตรีแต่ละแนวอย่างเช่น Jazz Pop Rock หรือลูกทุ่ง กระทั่งรำวงย้อนยุค รวมไปถึงการระเล่นต่างๆ อย่างมากมายที่นี่จึงเป็นเสมือนจุดศูนย์กลางให้คนที่มีดนตรีในหัวใจได้มารวมตัวกัน เพราะมีเหล่าบรรดาศิลปินในดวงใจหลากหลาย ที่เราจะได้เห็นพวกเขามารวมตัวกันที่นี่นั่นเองและจุดที่เราเข้าพักก็จะอยู่ใกล้กับสถานที่ที่จัดงานลานดนตรี ซึ่งฉ
"ไม่ให้กลับ!...โอ๊ย!"ตองเก้าร้องเสียงดัง พลางทำหน้าแหยเพราะคงเจ็บแผลจากการเคลื่อนไหว ด้วยการใช้กำลังแขนของตัวเองมากเกินไป"ฉันบอกนายแล้วเห็นมั้ยว่าอย่าขยับ!..." ว่าแล้วฉันก็ค่อยๆ ประคองร่างใหญ่ให้นอนลงไปที่เดิม"ฉันไม่กลับแล้วก็ได้... ฉันขอโทษความจริงฉันไม่น่ายั่วให้นายโกรธเลย...เจ็บมากมั้ย?""เจ็บมาก..." เจ้าตัวพูดว่าเจ็บแถมยังเบะปาก จนฉันอยากจะขำพรืดออกมาเมื่อเห็นหน้าตาของเขา"สามวันที่เราไม่ได้เห็นหน้ากัน ทำฉันคิดถึงเธอมาก...จูบหน้าผากฉันหน่อยได้ไหม?"ตองเก้ากำลังอ้อนฉันด้วยการใช้คำพูดหวานๆ และมันก็ทำให้ฉันใจอ่อนกับเขาอีกตามเคย"แค่หน้าผากเองเหรอ?" ฉันถามขณะโน้มหน้าลงจูบหน้าผากตามที่เขาร้องขอ จากนั้นจึงถามเขาต่อว่า"พอไหม?" แต่ฉันไม่ได้รอคำตอบอะไร เพราะฉันค่อยๆ จูบไล่จากหน้าผากลงมาจนถึงริมฝีปากของเขา แต่จูบแค่เพียงเบาๆ"เอาอีก..."เห็นไหมละ...ว่าพอเจ้าตัวได้คืบก็จะเอาศอก ฉันจึงได้บอกเขาออกไปว่า..."พอก่อนนะ เพราะตอนนี้ฉันมีเรื่องที่จะถามนาย.." ฉันว่าพลางหย่อนก้นลงนั่งบนเก้าอี้ตัวเดิม"เรื่องอะไร?"“แหวนของนะโม อยู่กับแม่นายใช่ไหม ฉันอยากขอเอาไปคืนให้เขา”“อยู่ที่เอวา เอวาอาสาว่าจะเ
ฉันหยุดยืนอยู่หน้าห้องพิเศษของตองเก้าพลางสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ก่อนหันไปมองหน้าของนะโมเพื่อขอกำลังใจนะโมพยักหน้าให้พร้อมกับยกมือขึ้นเคาะประตูห้องเชิงต้องการขออนุญาตคนที่อยู่ด้านใน แต่ฉันยังไม่ทันได้เปิดประตูเข้าไป เมื่อคนที่อยู่ด้านในกลับเป็นฝ่ายเปิดออกให้เอง“อันนา!...อันนามาแล้วค่ะแม่”เอวาร้องลั่นราวกับดีใจนักหนาเมื่อเห็นว่าเป็นฉัน ก่อนหันไปบอกคนเป็นมารดาที่นั่งอยู่บนโซฟาพร้อมกับบิดาของเธอเรายกมือขึ้นไหว้พวกท่านพร้อมกัน และเมื่อเห็นว่าท่านรับไหว้ฉันกับนะโมจึงเดินตามหลังเอวาไปนั่งด้วยกันที่โซฟา แต่ทว่า..อยู่คนละฝั่ง และฉันเป็นคนที่ได้นั่งอยู่ตรงกลางทุกคนในครอบครัวของตองเก้ารู้เรื่องราวของนะโมทุกอย่าง โดยผ่านการบอกเล่าจากฉันเมื่อสามวันที่ผ่านมา"เราใช่ไหมที่มีชื่อว่านะโม?..."แม่ของเอวาเลื่อนสายมาที่นะโมตอนถาม เพราะเมื่อสามวันก่อนตอนที่พวกเราอยู่โรงพยาบาล พวกท่านยังไม่ทันได้สังเกตใคร นอกฉันกับคนเป็นลูกชายของท่านเท่านั้น"ครับ.." นะโมตอบกลับสั้นๆ พอได้ยินอย่างนั้นท่านจึงได้พูดกับเขาในประโยคต่อไปอีกว่า"ครอบครัวของเราขอขอบใจเธอมากนะ ที่ได้ช่วยชีวิตลูกชายของเราไว้ แล้วยังพาเขามา
เวลาแต่ละนาทีที่ผ่านไปทำให้ฉันรู้สึกว่ามันช่างยาวนานเหลือเกิน จากชั่วโมงหนึ่งกลายเป็นสองสามสี่ และในชั่วโมงที่ห้านั่นเองที่ฉันได้เห็นร่างของหมอใหญ่เปิดประตูออกมา แล้วบอกกับพวกเราทุกคนว่า“คนเจ็บพ้นขีดอันตรายแล้วครับ”ทุกคนเฮโลลั่นโรงพยาบาลประสานเสียงกัน จนถูกคุณหมอดุเข้าให้นั่นแหละถึงได้พากันเบาเสียงลงฉันเห็นคนเป็นพี่ชายพลอยดีใจร่วมไปกับคนอื่นๆ ด้วยเหมือนกัน ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนของทั้งสองคน มันยังคงไม่จืดจางฉันคิดว่าอย่างนั้นพี่อุนเดินมาโอบไหล่ฉันเชิงให้กำลังใจ ขณะเดียวกันก็ดึงฉันเข้าไปกอด ก่อนจะผละออกมาพูดว่า“แกกลับไปอาบน้ำก่อนดีกว่า ดูเสื้อผ้าของแกมีแต่เลือดอยู่เต็มไปหมด หมอบอกว่าไอ้เก้ามันพ้นขีดอันตรายแล้ว เราแค่รอให้มันฟื้นหมอถึงจะอนุญาตให้เราเข้าเยี่ยมมันได้"หลังจากที่พี่ชายบอกฉัน หลินซีก็เข้ามาพูดในทำนองเดียวกัน“ฉันก็คิดแบบพี่อุลนะ แกกลับไปอาบน้ำพักผ่อนก่อนเถอะ มอมแมมเป็นลูกหมาเลย”ฉันรับฟัง แต่ยังไม่ขยับไปไหน เนื่องจากฉันกำลังสอดส่ายสายตาเพื่อมองหาใครบางคน“หลิน... นะโมละเขาไปไหน แกเห็นเขาไหม?” ฉันเอ่ยถามเอากับเพื่อนสนิทเพราะคิดว่ามันน่าจะรู้ดี“นะโมกลับไปเอารถที่ห้าง
เราสองคนช่วยกันพยุงตองเก้าให้นอนราบไปกับพื้นรถทางด้านหลัง และนะโมยังจับดูชีพจรของตองเก้าอย่างตั้งอกตั้งใจ โดยที่เราสองคนแทบไม่ได้พูดอะไรกันเลยนะโมเปิดกระเป๋าร่วมยาแล้วล้วงเอาผ้าก๊อต มาปิดปากแผลให้ตองเก้าที่ด้านหน้า จากนั้นเราจึงช่วยกันพลิกร่างหนาเพื่อทำแผลให้เขาที่ด้านหลังเจ้าตัวทำหน้าแหยทุกครั้งนั่นแหละแต่ทว่ากลับไม่มีเสียงร้อง ผิดกับฉันที่มีน้ำตาไหลนองออกมา โดยไม่มีทีท่าว่ามันจะหยุดไหลได้สักทีเมื่อปฐมพยายาบาลเบื้องต้นให้คนเจ็บเสร็จสรรพ ฉันจึงแจ้งทางศูนย์กลับไปว่า เราได้นำตองเก้าขึ้นรถกู้ชีพของเขาไปส่งโรงพยาบาลให้เอง โดยสั่งการให้ศูนย์ช่วยประสานกับทางโรงพยาบาลว่าให้เตรียมทุกอย่างไว้รอพอได้ยินเสียงฉัน พี่อุลจึงขึ้นความถี่เรียกขาน ทั้งอย่างนั้นเวลานี้ฉันไม่มีกะจิตกะใจจะพูดอะไรกับใครทั้งนั้น อะไรจะเกิดขึ้นก็ช่างมันฉันไม่แคร์ เพราะฉันสนแค่คนที่อยู่ในอ้อมแขนของฉันในตอนนี้เท่านั้นเองนะโมให้ฉันเอาผ้าสะอาดที่มีในกระเป๋า กดทับบาดแผลของตองเก้าเอาไว้อีกชั้น เพื่อกันไม่ให้เลือดไหลออกมามาก จากนั้นเขาจึงใช้ผ้าด้ายดิบผืนใหญ่ที่มีไว้สำหรับห่อคนตาย แต่มันยังไม่ผ่านไช้งาน มาห่มให้ตองเก้าเพราะเราไ
ปัง!...ปัง !เสียงปืนดังขึ้นสองนัดติดกัน ฉันถูกเกี่ยวเอวแล้วล้มลงไป พร้อมกับมีร่างใหญ่ของอีกคนทับฉันไว้ที่ด้านบนมีอะไรเกิดขึ้นกับเราทั้งสองคนงั้นเหรอ? “อันนา...เธอ...ปลอดภัยใช่ไหม?”ตองเก้าผงกหัวขึ้นมาถามฉันด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ทั้งที่เขายังทับร่างของฉันอยู่ ถึงฉันจะจุกจนพูดไม่ออกแต่ก็พยายามเปล่งเสียงบอกเขากลับไปว่า“ฉันไม่เป็นไร..”พอได้ยินอย่างนั้นตองเก้าจึงใช้แขนยันตัวเองขึ้น ก่อนพลิกร่างใหญ่ออกไปนอนแผ่หลา ขณะที่ทำสีหน้าคล้ายกำลังเจ็บปวดจากอะไรสักอย่าง และฉันก็ได้เห็นเลือดที่ติดอยู่กลางลำตัวของเขาซึ่งเราทั้งสองคนเหมือนกันเพียงแต่ฉันไม่รู้สึกเจ็บเท่านั้นเองเสียงปืนที่ดังขึ้นติดกันสองนัดเมื้อกี้ มีเราสองคนที่เป็นเป้าหมาย...ใช่ไหม? รึยังไง?“ตองเก้า!...นายถูกยิง!” ฉันอุทานเสียงดังอย่างรู้สึกตกใจ ก่อนช้อนแขนเข้าไปประคองศรีษะของเขาขึ้นมาวางไว้บนตักของฉัน จากนั้นจึงใช้ฝ่ามือลูบไปทั่วใบหน้าขณะเดียวกันก็ตบแก้มเขาเบาๆ เชิงต้องการให้เขามีสติ“นายต้องไม่เป็นอะไร อดทนไว้นะตองเก้า...ฮื่อๆ ”ฉันร้องไห้ก่อนวางมือบางบนหลังมือใหญ่ ที่เขาใช้กดทับบาดแผลของตัวเองเอาไว้ทั้งสองข้าง ทั้งอย่างนั้นมัน
เราสองคนคุยกันถึงเรื่องทั่วไปมากมาย จนมาถึงเรื่องที่ฉันตั้งใจจะถามเขา...“อีกเดือนกว่าๆ มหาลัยของฉันก็จะปิดเทอมแล้วนะ ฉันอยากไปเที่ยวหานายที่อเมริกาบ้างน่ะ แล้วถ้าฉันไปนายพอจะมีเวลาว่างพาฉันเที่ยวที่นั่นบ้างได้ไหม?""ได้อยู่แล้วสิ...ไม่เห็นต้องทำหน้าเกรงใจแบบนั้นเลยนี่""ก็เราปิดเทอมไม่ตรงกัน ถึงตอนนั้นนายก็คงจะเรียนหนักมาก..งั้นฉันเปลี่ยนใจไม่ไปแล้วดีกว่า ”"เวลาของฉันทั้งหมดเป็นของเธอ...อันนา""..!!!.."ฉันเบิกตากว้างพร้อมกับอ้าปากค้าง เมื่อได้ฟังคำพูดของผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันเพราะตั้งแต่นะโมเปิดเผยความรู้สึกที่มีให้ฉัน คำพูดของเขาก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปพอๆ กับสายตาแต่เชื่อไหมละว่า...คำพูดคำจาและสายตา ที่มองฉันมาอย่างลึกซึ้งของอีกฝ่าย กลับไม่เคยทำให้หัวใจของฉันหวั่นไหว ซึ่งไม่เหมือนกับคำพูดและสายตาของใครบางคน ทั้งที่คำพูดเหล่านั้นมันไม่ใช่ของจริง“ตอนแรกฉันก็คิดว่าจะแก้แค้น แต่เมื่อได้ใกล้ชิดเธอทีไรมันกลับทำให้ฉันลืมทุกอย่าง ลืมกระทั่งสิ่งที่ตั้งใจจะทำกับเธอ แล้วเผลอใจไปรักเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ อันนา...เธอช่วยให้โอกาสฉันได้แก้ตัวใหม่กับเธออีกครั้งได้ไหม? ”ตอนนี้คำพูดของตอ
“มึงคิดว่าน้องกูยังอยากจะคุยกับมึงอยู่อีกรึไง...มึงรีบกลับบ้านของมึงไปซะ ก่อนที่กูจะทนเห็นหน้ามึงไม่ได้”ไอ้อุลมันว่าผมเสียงเข้มและเต็มไปด้วยความไม่พอใจ แต่ทว่าผมก็คงโกรธมันไม่ได้อยู่ดี“กูยอมรับว่ากูรักอันนา และไม่ได้คิดกับน้องของมึงอย่างที่กูได้พูดออกไป เป็นเพราะกูเข้าใจมึงผิด กูขอโทษ” ผมอยากให้มันหายโกรธจึงยอมลดตัวขอโทษมันก่อน และไอ้อุลมันก็ได้ย้อนผมกลับมาในเวลาเดียวกัน“กูไม่รับ! มึงรีบกลับบ้านไปเลยไป๊ บอกเอวาด้วยว่าไม่ต้องเสียเวลาโทรมาหากูอีก เพราะถึงยังไงกูก็ไม่ยกโทษให้พวกมึงทั้งคู่ ต่างคนต่างอยู่มึงกับกูไม่เคยรู้จักกัน รวมถึงอันนาน้องกูนั่นก็ด้วย”“มึงจะโกรธเกลียดกูกูไม่ว่า แต่กูอยากเจออันนาก่อน” “ตอนนี้น้องกูไม่อยู่! มึงฟังกูพูดไม่รู้เรื่องรึไงวะ!” ไอ้อุลตะเบงเสียงดังใส่ แต่ผมไม่สนใจจะฟัง และยังคงถามมันกลับไปอย่างใจเย็น“แล้วอันนาไปไหน?”เพราะคิดว่าไอ้อุลมันกำลังกันท่า อีกทั้งไม่รู้ด้วยว่าที่มันบอกผมออกมานั่นจะจริงแท้สักแค่ไหน มันเกลียดผมเข้าไส้มันจึงพยายามกันผมออกไปให้พ้นจากน้องสาวของมันเท่านั้นที่ผมเข้าใจ“ในเมื่อมึงอยากจะรู้มากนักเป็นงั้นกูบอกมึงก็ได้ ว่าอันนาไปดูหนังกับผ