ผมรวบเอวบางเข้ามาใกล้ในระยะประชิด โดยที่อีกฝ่ายก็ไม่คิดจะขัดขืนทั้งที่ถูกฝืนใจ แต่มันช่วยไม่ได้ ในเมื่อผมไม่เหลือทางเลือกอะไรให้เธออีกแล้ว
“เงยหน้าขึ้นมาสิ ก้มแบบนี้ ฉันจะจูบเธอได้ยังไง?”
อันนาพรูลมหายใจก่อนช้อนใบหน้าขึ้นมาสบตากับผม นัยน์ตากลมโตเป็นประกาย ทำเอาผมถึงกับสะดุดลมหายใจ ก่อนจะจูบลงไปบนหน้าผากมน จนถึงเปลือกตาที่ปิดสนิททั้งสองข้าง แล้วเลื่อนลงไปยังริมฝีปากบาง อย่างรู้สึกตื่นเต้น...
เชี่ย!คนตื่นเต้น มันจะต้องเป็นเธอสิวะ! ไหงกลายเป็นผมไปเสียได้...
ปลายจมูกของเราทั้งคู่เกยซ้อนกัน จนรับรู้ได้ถึงลมหายใจของกันและกัน ตอนนี้รู้สึกว่าจังหวะการเต้นหัวใจตัวเองกำลังสั่นไหว ผิดเพี้ยนไปแทบจะทันที และที่สำคัญอันนาน่าจะรับรู้ได้หมดทุกอย่าง เพราะฝ่ามือเรียวบางของเจ้าตัว วางไว้ตรงหัวใจของผมพอดี
ผมสอดฝ่ามือใหญ่เข้าไปรั้งท้ายทอยของเธอล็อคไว้ แล้วกดจูบลงไปบนริมฝีปากบางอย่างรู้จังหวะ ก่อนจะผละออกมาบอกกับเธอว่า
“ ซ่อนรูปก็ไม่บอกกันบ้างเลยนะ...”
เพราะผมเผลอ เลยเอามือไปกอบกุมสองเต้าของเธอเอาไว้โดยไม่รู้ตัว ถึงแม้อันนาจะไม่ขัดขืนอะไรเลยสักอย่าง แต่ผมสัมผัสได้ ว่าเธอกำลังนั่งตัวแข็งเกร็ง
“นายบอกฉันเองว่าแค่จูบกันเฉยๆ ไง นายมันขี้โกง ” เธอต่อว่า แต่ใบหน้ากลับแดงระเรื่อ
“ บอกเมื่อไหร่? เธอพูดของเธอคนเดียว ฉันไม่ได้รับปากอะไรสักหน่อย ”
Rrr! Rrr! Rrr!
ผมเถียงในขณะที่มีเสียงโทรศัพท์ของเธอ ดังขึ้นมาขัดจังหวะ ผมจำต้องปล่อยเธอเป็นอิสระ เพื่อให้เธอล้วงมันออกมาจากกระเป๋ากางเกง
อันนามองหน้าจอ แล้วพอรู้ว่าเป็นใคร เธอจึงเหลือบสายตาขึ้นมองหน้าผม ผมไหวไหล่ก่อนลุกขึ้นไปหยิบบุหรี่มาจุดสูบ แล้วนั่งอยู่ใกล้ๆ เพื่อรอฟังคำสนทนาของเธอ กับคนที่อยู่ปลายสาย และถ้าผมคิดไม่ผิด มันจะต้องเป็นพี่ชายของเธอแน่นอน
ตอนนี้ไอ้อุลมันคงแทบบ้า ที่ตามหาน้องสาวของตัวเองไม่เจอ...
“ฉันกำลังอยู่กับเพื่อน ใกล้จะกลับแล้ว ”
เธอโกหกคนที่อยู่อีกฝั่ง เพราะกำลังนั่งอยู่ต่อหน้า จึงไม่กล้าบอกความจริงออกไป
“ ทำไมพี่อุลต้องตะโกนใส่ฉันด้วยฮะ! ก็พี่มัวแต่สนใจสาวๆ แล้วทิ้งให้ฉันนั่งเหงาอยู่คนเดียว....ฮึก...พอดีเจอเพื่อน...ฮึก.ก็เลยไปเที่ยวที่อื่นกันต่อนะสิ ”
มือบางยกขึ้นปิดปากตัวเองเอาไว้ เพื่อกั้นเสียงสะอื้นที่เหมือนจะฝืนไม่ไหวและได้จะหลุดออกมา นั่นทำให้ผมต้องเบือนหน้าหนี เพราะกลัวใจอ่อนกับคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า
“ คราวต่อไปพี่อย่าทิ้งฉันอีกนะ ถ้าเห็นผู้หญิงอื่นสำคัญกว่าน้องอีกฉันจะฟ้องพ่อกับแม่ ฮึก...แล้วบอกว่าเป็นห่วง พูดแต่ปากพอเจอหญิงก็ลืมน้อง ฮึกๆไม่ได้ร้องไห้สักหน่อย...แค่น้อยใจ ฮื่อๆๆ ไอ้พี่บ้า..ฉันเกลียดพี่อุลแล้ว ฮื่อๆ ”
สุดท้ายเธอก็ร้องไห้ออกมา ให้ตายเถอะ! ผมเกลียดน้ำตาผู้หญิง!
อันนากดสายทิ้งไป พลางใช้หลังมือปาดเช็ดน้ำตา และมองหน้าผมด้วยสายตาอ้อนวอน ก่อนจะพูดออกมา เมื่อเห็นว่าผมกำลังรอฟัง
“ ฉันไม่รู้หรอกว่าทำไมนายต้องทำแบบนี้ และไม่เคยรู้ด้วยว่า ระหว่างนายกับพี่อุลเคยบาดหมางอะไรกันมาก่อน แต่ยังไงเขาก็เป็นพี่ชายของฉัน ไม่ว่าเขาจะผิดหรือถูก ฉันก็ต้องเข้าข้างเขาอยู่ดี หากสิ่งที่นายทำกับฉัน มันสามารถลบล้างสิ่งที่พี่อุลเคยทำกับไว้นายได้ ฉันก็ยินดีที่จะรับความผิดนี้ไว้ ขอเพียงแต่นายอย่าทำร้ายพี่ชายฉัน...ได้ไหม? ”
“ หึ..ใจเด็ดซะด้วย...แต่ช่วยไม่ได้ในเมื่อเธอ เป็นคนเสนอความรับผิดชอบนี้ แทนคนเป็นพี่ชาย..งั้นก็ตกลงตามนั้นได้เลยนะ? ”
ผมถามกลับไป และเจ้าของใบหน้าเนียนใสก็พยักหน้ารับ แทนคำตอบกับผม เธอคงไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่พี่ชายของเธอได้กระทำลงไป มันมากมายขนาดไหน
“ งั้นเธอก็ต้องคบกับฉัน ”
“ ทำไมฉันต้องคบกับนายด้วย? ”
“ ก็พี่ชายของเธอเคยแย่งแฟนฉันไป เธอก็ต้องมาเป็นแฟนฉันแทนไง ”
ผมปดคำโต เพราะยังไม่ต้องการให้อันนาได้รู้ว่า พี่ชายของเธอได้กระทำระยำอะไรเอาไว้กับผมบ้าง
“นายพอจะมีทางอื่นให้ฉันเลือกบ้างได้ไหม? ”
“ เป็นเมียฉันไง ”
“ หา! นายจะบ้าเหรอ!”
“ งั้นเป็นนางบำเรอ...”
ผมเสนอ แต่เธอส่ายหน้า ก่อนจะตอบกลับมาว่า
“ไม่เอา หนักกว่าเก่าอีก...ที่พูดมานั่นล้วนต้องเสียตัวให้นายทั้งนั้น” เธอว่าก่อนหลุบตาลงมองพื้น ด้วยใบหน้ารื้นแดง
“ใครๆ ก็อยากได้ตำแหน่งนี้จากฉันทั้งนั้น”
“ แต่ฉันยังไม่พร้อมนี่...”
เธอปฎิเสธทุกอย่าง ทั้งที่ผมไม่จำเป็นต้องมีตัวเลือกให้เธอเลยด้วยซ้ำ แต่ที่กำลังทำอยู่นี่ เพราะผมรู้สึกดีที่ได้แกล้งเธอกลับไป
“ไอ้นั่นก็ไม่เอา ไอ้นี่ก็ไม่ชอบ ตกลงจะเอายังไงไหนตอบมาสิ?”
“ นายกำลังแกล้งฉันอยู่ใช่มั้ย?”
“ ไม่...ฉันเอาจริง!” ผมว่าพลางจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ ก่อนจะพูดต่อจากนั้น
“ฉันไม่เล่น...เธอต้องการให้พี่ชายของเธอจากเป็น หรือว่าจากตายละ”
“นายเป็นกู้ภัย มีหน้าที่ช่วยเหลือคนไม่ใช่รึไงฮะตองเก้า!?”
“ ก็ใช่แหละ...แต่ยกเว้นมัน!”
ผมแกล้งขู่อันนาโดยใช้ชีวิตพี่ชายของเธอเป็นเดิมพัน ผมโกรธเกลียดอุลตร้าแต่คงฆ่ามันไม่ได้ เพราะผมเป็นกู้ภัยที่มีหน้าที่ช่วยเหลือชีวิต ไม่เคยคิดย้อนแย้ง เหมือนที่กำลังแสดงให้เธอได้เห็นในตอนนี้
“ แต่ถ้าพี่อุลรู้ เขาต้องไม่ยอมแน่ๆ ”
“ ก็อย่าให้รู้สิ เราอยู่คนละมหาลัย จะรู้ได้ไง? ”
“ หมายความว่า...ฉันอยู่มหาลัยเดียวกันกับนายงั้นเหรอ?”
“ แน่นอน ”
“ ขอคิดดูก่อนได้ไหม? ”
“ หนึ่ง...สอง...สาม...หมดเวลา..”
“ ยังไม่ถึงห้าวิเลยนะ จะบ้าหรือไง! ”
อันนาโวยวาย พลางมองหน้าผมด้วยนัยน์ตาขุ่นขวาง ถ้าไม่ขู่ให้เธอกลัวบ้าง ดูดุเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน
“ เธอไม่มีสิทธิ์มาต่อรองกับฉัน ต้องตอบว่าตกลงเท่านั้นเข้าใจมั้ย? ลุกขึ้นสิ ฉันจะไปส่ง ”
ผมเอ็ดเธอด้วยคำพูดและสายตา อันนาจึงลุกขึ้นยืนโดยไม่ได้เอ่ยอะไร นอกจากสีหน้าที่แสดงอาการดีใจ เมื่อได้ยินผมพูดออกไปแบบนั้น
ก่อนที่อันนาจะลงจากรถ ผมได้จับมือของเธอให้หงายขึ้น แล้ววางวิทยุสื่อสารลงไปบนมือเรียวบางของเธอวิทยุสื่อสารที่ใช้งานด้วยการใช้ความถี่ ที่ผมเป็นคนคิดฟังชั่น และดัดแปลงมันขึ้นมา เพื่อให้เธอเอาไว้ใช้ติดต่อกับผมได้ แค่เพียงคนเดียวเท่านั้น“เอาวิทยุสื่อสารนี่ไว้ใช้งาน สำหรับติดต่อกันระหว่างฉันกับเธอ”ผมบอกพร้อมกับดึงโทรศัพท์ จากมืออีกข้างของอันนามาเมมเบอร์ของผมไว้ แล้วกดโทรเข้าไปในเครื่องของผม เพื่อเมมเบอร์ของเธอเอาไว้ด้วยเช่นเดียวกัน จากนั้นผมจึงอธิบายวิธีการใช้งาน ของวิทยุสื่อสารเครื่องนี้ให้เธอฟัง“วิทยุเครื่องนี้ฉันเป็นคนบิวท์มันขึ้นมาเอง และล๊อคช่องเอาไว้ใช้แค่เพียงช่องเดียว ไม่มีใครสามารถจูนคลื่นความถี่มาตรงกับช่องนี้ได้ ”อันนาเหลือบตามองวิทยุสื่อสารด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง แต่ก็ยอมรับสิ่งนั้นไว้ ก่อนจะรีบเปิดประตูลงไป ด้วยกลัวว่าอาจมีใครมาเห็นเข้า แต่ผมก็ยังรั้งเธอเอาไว้“ เดี๋ยวสิ...อันนา”ผมรวบตัวเธอเข้ามาแนบชิดอีกครั้ง เพื่อจูบริมฝีปากบางสีเชอร์รี่ ที่เผยอขึ้นรับกับริมฝีปากของผม อย่างไม่ยอมให้เธอได้พักหายใจและสิ่งที่เธอทำได้นั่นก็คือ กำมือขึ้นมาทุบหน้าอกของผมหนักๆ เมื่อผมไม่ยอมปล่อยเ
เมื่อวานพี่อุลตร้ามาเคาะประตูห้อง คงต้องการจะขอโทษฉันนั่นแหละ แต่ฉันยังโกรธเขาอยู่ จึงไม่ยอมเปิดประตูเพื่อรับฟัง คำแก้ตัวอะไรจากเขาทั้งนั้นจนกระทั่งวันนี้...ฉันนั่งรถเมล์มาเรียนมหาลัย โดยที่ไม่ยอมให้คนเป็นพี่ชาย ขับรถมาส่งเหมือนเช่นทุกครั้ง เพราะยังโกรธเขาไม่หาย และรีบเดินเข้ามหาลัยไปอย่างเร่งด่วน เพราะจวนใกล้จะถึงเวลาเข้าเรียนกันแล้วนั่นแหละRrr! Rrr! Rrr!แต่โทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าสะพาย ที่ฉันได้เปิดระบบสั่นเอาไว้ ทำให้ฉันสัมผัสได้ว่ามีคนกำลังโทรเข้ามาที่แรกก็คิดว่าจะปล่อยให้มันสั่น จนกว่ามันจะเงียบหายไปเอง แต่ด้วยเกรงว่าคนที่บ้าน อาจจะโทรเข้ามา เพราะมีธุระสำคัญแต่มันกลับไม่ได้เป็นไปอย่างที่คาดคิด และโคตรจะเซ็งกับชีวิต เมื่อมองเห็นชื่อของตองเก้า ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอ“ โทรมาทำไม! หมาออกลูกเป็นควายหรือยังไงฮะ!....ฉันกำลังจะเข้าเรียนแล้ว ”ฉันกดรับ พลางตวาดเข้าไปในโทรศัพท์อย่างลืมกลัว เพราะรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกอีกฝ่าย ละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวมากเกินไปเพราะฉันคิดว่าตัวเอง สามารถเบ่งใส่เขาได้ ในเวลาที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน หากฉันอยู่ต่อหน้าของตองเก้า ฉันก็ต้องทำเป็นกลัวเขาไว้ก
( เธออยู่กับใคร? ทำไมถึงได้กล้าเสียงดังใส่ฉันฮะ) ตองเก้าตะโกนถามฉันเข้ามาเสียงตึง ฉันจึงลดระดับอารมณ์ของตัวเองลงมา ก่อนจะตอบเขากลับไปว่า“ อยู่กับเพื่อน... ”(ผู้หญิง...ใช่มั้ย?)“ผู้ชาย...แถมยังหล่อกว่านายหลายเท่า”( ถ้าไม่อยากเน่าตาย บอกมันให้อยู่ห่างๆ จากเธอเอาไว้ )ฉันพ่นลมหายใจออกมาอย่างรู้สึกเบื่อหน่าย และไม่อยากจะพูดกับผู้ชายคนนี้ ฉันจึงได้คิดหาวิธีที่จะทำให้อีกฝ่าย กดวางสายของเขาไปเอง“ แบ๊ตวิทยุของนายจะหมดแล้วนะ มีอะไรก็รีบๆ พูดมาเร็วๆ เข้า ”( อย่ามาหลอกฉันซะให้ยาก แบตวิทยุนั่น เปิดทิ้งไว้ทั้งวันทั้งคืนยังไงก็ไม่หมด ไม่มีทางที่เธอจะมาหลอกคนอย่างฉันได้ ) ฉันอยากจะลมใส่ ที่หลอกคนอย่างเขาไม่ได้สักที...เฮ้อ!“ แล้วจะเรียกฉันหาพระแสงอะไรยะ!! ”( ไหน...ว.3 อีกครั้งสิ ) ว.3 หมายความว่า ตองเก้าต้องการให้ฉัน ทบทวนข้อความกับเขาใหม่“ ก็..เรียกฉันทำไมบ่อยๆ...ละคะ ”( ฟังแล้วค่อยลื่นหูหน่อย...ฉันต้องการจะย้ำเธอถึงเรื่องของเราในค่ำคืนนี้ )“ ฉันรู้แล้ว! ”(จะให้ฉันไปรับเธอได้ที่ไหน?)“ ที่บ้านของหลินซีเพื่อนซี้ของฉันเอง...เดี๋ยวฉันปักหมุด แล้วจะส่งโลเคชั่นไปให้นาย...แค่นี้นะฉันจะได้ไป
และไม่ใช่ใครที่ไหน...นอกซะจากนายตองเก้า เจ้าของฉายามารบรรพกาลที่ฉันเป็นคนตั้งให้ร่างสูงโปร่งยืนพิงข้างประตูรถเก๋งคันหรูของตัวเอง...รถเก๋งที่ราคาของมันสำหรับคนธรรมดาอย่างฉัน ไม่สามารถจับต้องมันได้นัยน์ตาเจ้าของร่างใหญ่ ที่กำลังมองตรงมาที่ฉันนั้นฉายแววประหลาด มันคล้ายกับปีศาจร้าย ที่ดูน่าเกรงขามในยามราตรี ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้า และแสดงอาการไม่พอใจออกมา โดยไม่รู้สาเหตุว่าเป็นเพราะอะไร ในจังหวะเดียวกันกับที่ฉัน ได้หันไปบอกกับหลินซีว่า“ฉันไปก่อนนะ แล้วจะรีบกลับ ”“เออ...ไปเถอะโชคดีว่ะเพื่อน ”หลินซีตบไหล่ พร้อมกับพยักหน้าให้เชิงเป็นกำลังใจ เมื่อได้เห็นสีหน้ากับท่าทางเซ็งๆ ของฉัน ที่แสดงออกมาโดยไม่คิดจะปิดบังอาการฉันหันมองทางด้านข้างของรถผ่านกระจกบานใส เพราะคนที่นั่งอยู่ข้างกันด้านใน ได้เงียบเสียงของตัวเองลงไป ตั้งแต่ตอนที่เราได้ออกมาจากบ้านของหลินซี ถึงแม้ตองเก้าจะหน้าตาดีมากแค่ไหน ก็ไม่ทำให้ฉัน อยากจะหันไปมองหน้าเขาสักเท่าไหร่ เราปล่อยให้ระยะเวลาผ่านไป แต่แค่เพียงไม่กี่นาที ตองเก้าก็ได้ทำลายความเงียบนี้ลง“ยัยบื้อ! นี่เธอเห็นข้างทาง น่ามองกว่าหน้าของฉันอย่างงั้นเหรอ? ”‘เออดิ’...ฉัน
บ้าจริง!นี่คือสิ่งที่ฉันต้องได้รับจากการกระทำของตน หรือนั่นเป็นเพราะอีกคนตั้งใจ ให้มันเป็นไปตามเกมส์รุกไล่ ที่เขาได้เป็นคนกำหนดเอาไว้ตั้งแต่ต้นไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ถูกอีกคน จูบฉันอยู่อย่างนั้นไม่ยอมปล่อย ยกเว้นจะผละออกในบางช่วงจังหวะ เพื่อให้ฉันมีเวลาได้พักหายใจฝ่ามือใหญ่เลื่อนขึ้นมาลูบไล้ แล้วกอบกุมมันไว้ทั้งสองเต้า ที่เขาเคยบอกออกมาว่า มันมีลักษณะแบนราบยังกับฝาบ้าน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังบีบเคล้น และหยอกเล่นกับมัน โดยไม่ยอมละไปจากตรงนั้น ของฉันได้สักทีสายไส้ไก่ที่ผูกไว้หลังคอ ได้ถูกเขาดึงมันออกไปโดยไม่รู้ตัว เพราะฉันมัวแต่รู้สึกหวามไหว และเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสของอีกฝ่าย ที่ทำให้ฉันไม่สามารถจะครองสติของตนเอาไว้ได้ และฉันก็รู้ว่าเขาชอบใจ ที่สามารถทำให้ฉันคล้อยตาม ในสิ่งที่เขากำลังชักนำ เขาถึงได้กล้าทำทุกอย่างบนเรือนร่างของฉัน ราวกับตัวเขานั้นเป็นเจ้าของ ที่สามารถครอบครองและจับต้องมันได้ แค่เพียงคนเดียวเท่านั้น“ ฉันอยากได้เธอ...อันนา...”ตองเก้าผละหน้าออกมาบอกกับฉันเสียงสั่นพร่า ฉันจึงใช้เวลาในช่วงจังหวะนั้น ดันใบหน้าเขาออกห่าง พลางปฎิเสธเขากลับไป ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ต่างกัน“ไม่
ตองเก้าเอาเสื้อคลุมของเขามาให้ฉันใส่ทับ และพาฉันมาที่ผับแห่งหนึ่ง ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าผับของพี่โจ้อี้ถึงสี่เท่า บรรดาหนุ่มๆ สาวๆ ต่างเดินเข้าออกกันให้วุ่นวายตองเก้าเอาแขนขึ้นมาโอบไหล่ เพื่อกันไม่ให้ฉันเบี่ยงตัวหนีเขาไปไหนได้ ก่อนจะพาฉันเดินเข้าไปด้านในด้วยกัน“ไอ้เก้า...ทางนี้โว๊ยเพื่อน ” มือที่วางไว้บนลาดไหล่ เลื่อนลงมากุมมือฉันไว้ แล้วพาเดินตรงไปหากลุ่มของเพื่อนชาย ที่มีคนหนึ่งให้สัญญาณด้วยการโบกมือไปมา และสีหน้าของทุกคนดูประหลาดใจ เมื่อได้เห็นผู้ชายจอมเจ้าชู้อย่างตองเก้า ยอมเอาผู้หญิงบ้านๆ อย่างฉันมาควงออกหน้า“อันนา...เป็นแฟนของฉัน ”แถมตองเก้ายังแนะนำฉัน ให้เพื่อนๆของเขาได้รู้จัก จากนั้นจึงหันมาพยักหน้าให้ฉันนั่งลงอยู่ตรงข้างกัน ก่อนจะพูดต่อจากนั้น“ อันนา...นี่คือเพื่อนๆ ของฉัน คนนี้ชื่อทริคเกอร์ นั่นชื่อต้นไทร ส่วนคนสุดท้ายนี่มีชื่อว่า ตีหนึ่ง ซึ่งทุกคนล้วนเป็นจิตอาสากู้ภัย ที่อยู่จุดเดียวกับฉัน และอยู่มหาลัยเดียวกันกับเรา ”ฉันเลื่อนสายตามองหน้าของพวกเขาทีละคน อย่างรู้สึกสนใจโดย่ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ส่งยิ้มการค้าไปให้ จากนั้นเพื่อนชายของตองเก้า ที่มีชื่อว่าตีหนึ่ง ได้เอ่ยท
ยอมรับว่าฉันกำลังกลัวคนตัวใหญ่กว่า เมื่อได้เห็นทีท่า กับคำที่เขาพูดออกมา ราวกับคนไม่มีสติเพราะฤทธิ์ของเหล้าที่เขากินเข้าไปเขาน่าจะเมาแล้วนั่นแหละ แต่ก็รู้กันดีว่าไอ้พวกขี้เหล้าทั้งหลาย มันก็มักจะบอกว่าตัวเองไม่เมากันทั้งนั้น และฉันก็ไม่ควรจะอยู่ต่อ เพื่อรอให้เขาเชือดได้ง่ายๆ สู้เสี่ยงไปตายเอาดาบหน้าท่าจะดีกว่ากันพอคิดได้อย่างนั้น ฉันจึงผลักเขาออกไปจนสุดกำลังที่มี ก่อนจะรีบวิ่งหนีโดยที่ไม่สนใจคนข้างหลัง“ เฮ้ยอันนา! อย่าเพิ่งออกไป...ฉิบหายแล้วกู! ”ฉันไม่ฟังเสียงของตองเก้าที่ตะโกนตามหลังของฉันมา รู้แค่ว่าเจ้าของร่างใหญ่กว่า กำลังวิ่งตามฉันมาติดๆ อย่างที่ไม่คิดจะปล่อยฉันไปฉันวิ่งชนโต๊ะ ชนเก้าอี้ และชนคน จนล้มลงไปกองอยู่กับพื้น แต่ก็พยายามยันตัวลุกขึ้นยืน แล้วยังฝืนวิ่งหนีเขาต่อพอกันที!ให้ฉันคบกับเขานั่นก็เกินจะทนไหว แต่ถึงขนาดต้องพลีกายทั้งที่ใจยังไม่พร้อม ฉันยอมตายเสียยังดีกว่า ปล่อยให้เขารังแกฉันเหมือนที่ผ่านมาเมื่อฉันวิ่งออกมาจากประตูทางเข้า ก็ถูกตองเก้าคว้าเอวเอาไว้ได้ในที่สุด และหยุดฉันไว้ด้วยการจับร่างของฉัน ดันเข้าไปจนแผ่นหลังติดกับผนังกำแพงฉันหอบหายใจแรงๆ พร้อมกับที่มีน
{Unna part}ปัง!...ปัง!..ปัง!“ อันนา!..อันนาตื่นสิวะ ” เสียงเคาะประตูห้องที่ดังขึ้นติดๆ กันหลายครั้ง อีกทั้งยังมีเสียงตะโกนเรียกชื่อฉันถี่ๆ ดังตามมาอีกรัวๆ นั่นบ่งบอกถึงลักษณะนิสัยห่ามๆ ของเจ้าตัวเขาได้ และมันก็ไม่ใช่ใครที่ไหน นอกเสียจากพี่ชายตัวดีของฉัน...ที่มีชื่อว่า อุลตร้า“ อันนา!..”“ มีอะไรกับฉันเหรอพี่อุล ” ฉันถามพี่ชายกลับไปด้วยน้ำเสียงติดจะงัวเงียเพราะรู้สึกเสียอารมณ์ผสมกับความหงุดหงิด ฉันจึงขยุ้มผ้าห่มขึ้นมาปิดหูทั้งสองข้าง อย่างที่ไม่ต้องการจะรับรู้อะไรทั้งนั้นจะไม่ให้หงุดหงิดได้อย่างไรกัน ในเมื่อฉันเพิ่งจะล้มตัวลงนอน ไปได้แค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น แล้วยังกล้ามาทุบประตูห้องของฉันจนแทบพัง“ แกไม่ได้ฟังรายงานวิทยุจากศูนย์หรือไงฮะ ว่าตรงสี่แยกไฟแดงถนนราชภัฐเกิดอุบัติเหตุน่ะ ศูนย์ได้รายงานเข้ามาว่ามีรถเก๋งชนกับเสาไฟฟ้าที่อยู่ข้างทาง และตอนนี้เขากำลังต้องการเครื่องตัดถ่าง เพราะมีคนติดอยู่ภายในแล้วออกมาไม่ได้ แกรีบตื่นขึ้นมาช่วยพี่ยกมันใส่รถของเราทีเถอะ”เมื่อได้ฟังดังนั้น ฉันจึงรีบพาตัวเองลงมาจากที่นอน ก่อนจะคว้าชุดหมีกู้ภัยมาสวมใส่ทับเสื้อตัวใน ขณะตะโกนบอกพี่ชายเสียงดังพอกันก
ยอมรับว่าฉันกำลังกลัวคนตัวใหญ่กว่า เมื่อได้เห็นทีท่า กับคำที่เขาพูดออกมา ราวกับคนไม่มีสติเพราะฤทธิ์ของเหล้าที่เขากินเข้าไปเขาน่าจะเมาแล้วนั่นแหละ แต่ก็รู้กันดีว่าไอ้พวกขี้เหล้าทั้งหลาย มันก็มักจะบอกว่าตัวเองไม่เมากันทั้งนั้น และฉันก็ไม่ควรจะอยู่ต่อ เพื่อรอให้เขาเชือดได้ง่ายๆ สู้เสี่ยงไปตายเอาดาบหน้าท่าจะดีกว่ากันพอคิดได้อย่างนั้น ฉันจึงผลักเขาออกไปจนสุดกำลังที่มี ก่อนจะรีบวิ่งหนีโดยที่ไม่สนใจคนข้างหลัง“ เฮ้ยอันนา! อย่าเพิ่งออกไป...ฉิบหายแล้วกู! ”ฉันไม่ฟังเสียงของตองเก้าที่ตะโกนตามหลังของฉันมา รู้แค่ว่าเจ้าของร่างใหญ่กว่า กำลังวิ่งตามฉันมาติดๆ อย่างที่ไม่คิดจะปล่อยฉันไปฉันวิ่งชนโต๊ะ ชนเก้าอี้ และชนคน จนล้มลงไปกองอยู่กับพื้น แต่ก็พยายามยันตัวลุกขึ้นยืน แล้วยังฝืนวิ่งหนีเขาต่อพอกันที!ให้ฉันคบกับเขานั่นก็เกินจะทนไหว แต่ถึงขนาดต้องพลีกายทั้งที่ใจยังไม่พร้อม ฉันยอมตายเสียยังดีกว่า ปล่อยให้เขารังแกฉันเหมือนที่ผ่านมาเมื่อฉันวิ่งออกมาจากประตูทางเข้า ก็ถูกตองเก้าคว้าเอวเอาไว้ได้ในที่สุด และหยุดฉันไว้ด้วยการจับร่างของฉัน ดันเข้าไปจนแผ่นหลังติดกับผนังกำแพงฉันหอบหายใจแรงๆ พร้อมกับที่มีน
ตองเก้าเอาเสื้อคลุมของเขามาให้ฉันใส่ทับ และพาฉันมาที่ผับแห่งหนึ่ง ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าผับของพี่โจ้อี้ถึงสี่เท่า บรรดาหนุ่มๆ สาวๆ ต่างเดินเข้าออกกันให้วุ่นวายตองเก้าเอาแขนขึ้นมาโอบไหล่ เพื่อกันไม่ให้ฉันเบี่ยงตัวหนีเขาไปไหนได้ ก่อนจะพาฉันเดินเข้าไปด้านในด้วยกัน“ไอ้เก้า...ทางนี้โว๊ยเพื่อน ” มือที่วางไว้บนลาดไหล่ เลื่อนลงมากุมมือฉันไว้ แล้วพาเดินตรงไปหากลุ่มของเพื่อนชาย ที่มีคนหนึ่งให้สัญญาณด้วยการโบกมือไปมา และสีหน้าของทุกคนดูประหลาดใจ เมื่อได้เห็นผู้ชายจอมเจ้าชู้อย่างตองเก้า ยอมเอาผู้หญิงบ้านๆ อย่างฉันมาควงออกหน้า“อันนา...เป็นแฟนของฉัน ”แถมตองเก้ายังแนะนำฉัน ให้เพื่อนๆของเขาได้รู้จัก จากนั้นจึงหันมาพยักหน้าให้ฉันนั่งลงอยู่ตรงข้างกัน ก่อนจะพูดต่อจากนั้น“ อันนา...นี่คือเพื่อนๆ ของฉัน คนนี้ชื่อทริคเกอร์ นั่นชื่อต้นไทร ส่วนคนสุดท้ายนี่มีชื่อว่า ตีหนึ่ง ซึ่งทุกคนล้วนเป็นจิตอาสากู้ภัย ที่อยู่จุดเดียวกับฉัน และอยู่มหาลัยเดียวกันกับเรา ”ฉันเลื่อนสายตามองหน้าของพวกเขาทีละคน อย่างรู้สึกสนใจโดย่ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ส่งยิ้มการค้าไปให้ จากนั้นเพื่อนชายของตองเก้า ที่มีชื่อว่าตีหนึ่ง ได้เอ่ยท
บ้าจริง!นี่คือสิ่งที่ฉันต้องได้รับจากการกระทำของตน หรือนั่นเป็นเพราะอีกคนตั้งใจ ให้มันเป็นไปตามเกมส์รุกไล่ ที่เขาได้เป็นคนกำหนดเอาไว้ตั้งแต่ต้นไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ถูกอีกคน จูบฉันอยู่อย่างนั้นไม่ยอมปล่อย ยกเว้นจะผละออกในบางช่วงจังหวะ เพื่อให้ฉันมีเวลาได้พักหายใจฝ่ามือใหญ่เลื่อนขึ้นมาลูบไล้ แล้วกอบกุมมันไว้ทั้งสองเต้า ที่เขาเคยบอกออกมาว่า มันมีลักษณะแบนราบยังกับฝาบ้าน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังบีบเคล้น และหยอกเล่นกับมัน โดยไม่ยอมละไปจากตรงนั้น ของฉันได้สักทีสายไส้ไก่ที่ผูกไว้หลังคอ ได้ถูกเขาดึงมันออกไปโดยไม่รู้ตัว เพราะฉันมัวแต่รู้สึกหวามไหว และเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสของอีกฝ่าย ที่ทำให้ฉันไม่สามารถจะครองสติของตนเอาไว้ได้ และฉันก็รู้ว่าเขาชอบใจ ที่สามารถทำให้ฉันคล้อยตาม ในสิ่งที่เขากำลังชักนำ เขาถึงได้กล้าทำทุกอย่างบนเรือนร่างของฉัน ราวกับตัวเขานั้นเป็นเจ้าของ ที่สามารถครอบครองและจับต้องมันได้ แค่เพียงคนเดียวเท่านั้น“ ฉันอยากได้เธอ...อันนา...”ตองเก้าผละหน้าออกมาบอกกับฉันเสียงสั่นพร่า ฉันจึงใช้เวลาในช่วงจังหวะนั้น ดันใบหน้าเขาออกห่าง พลางปฎิเสธเขากลับไป ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ต่างกัน“ไม่
และไม่ใช่ใครที่ไหน...นอกซะจากนายตองเก้า เจ้าของฉายามารบรรพกาลที่ฉันเป็นคนตั้งให้ร่างสูงโปร่งยืนพิงข้างประตูรถเก๋งคันหรูของตัวเอง...รถเก๋งที่ราคาของมันสำหรับคนธรรมดาอย่างฉัน ไม่สามารถจับต้องมันได้นัยน์ตาเจ้าของร่างใหญ่ ที่กำลังมองตรงมาที่ฉันนั้นฉายแววประหลาด มันคล้ายกับปีศาจร้าย ที่ดูน่าเกรงขามในยามราตรี ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้า และแสดงอาการไม่พอใจออกมา โดยไม่รู้สาเหตุว่าเป็นเพราะอะไร ในจังหวะเดียวกันกับที่ฉัน ได้หันไปบอกกับหลินซีว่า“ฉันไปก่อนนะ แล้วจะรีบกลับ ”“เออ...ไปเถอะโชคดีว่ะเพื่อน ”หลินซีตบไหล่ พร้อมกับพยักหน้าให้เชิงเป็นกำลังใจ เมื่อได้เห็นสีหน้ากับท่าทางเซ็งๆ ของฉัน ที่แสดงออกมาโดยไม่คิดจะปิดบังอาการฉันหันมองทางด้านข้างของรถผ่านกระจกบานใส เพราะคนที่นั่งอยู่ข้างกันด้านใน ได้เงียบเสียงของตัวเองลงไป ตั้งแต่ตอนที่เราได้ออกมาจากบ้านของหลินซี ถึงแม้ตองเก้าจะหน้าตาดีมากแค่ไหน ก็ไม่ทำให้ฉัน อยากจะหันไปมองหน้าเขาสักเท่าไหร่ เราปล่อยให้ระยะเวลาผ่านไป แต่แค่เพียงไม่กี่นาที ตองเก้าก็ได้ทำลายความเงียบนี้ลง“ยัยบื้อ! นี่เธอเห็นข้างทาง น่ามองกว่าหน้าของฉันอย่างงั้นเหรอ? ”‘เออดิ’...ฉัน
( เธออยู่กับใคร? ทำไมถึงได้กล้าเสียงดังใส่ฉันฮะ) ตองเก้าตะโกนถามฉันเข้ามาเสียงตึง ฉันจึงลดระดับอารมณ์ของตัวเองลงมา ก่อนจะตอบเขากลับไปว่า“ อยู่กับเพื่อน... ”(ผู้หญิง...ใช่มั้ย?)“ผู้ชาย...แถมยังหล่อกว่านายหลายเท่า”( ถ้าไม่อยากเน่าตาย บอกมันให้อยู่ห่างๆ จากเธอเอาไว้ )ฉันพ่นลมหายใจออกมาอย่างรู้สึกเบื่อหน่าย และไม่อยากจะพูดกับผู้ชายคนนี้ ฉันจึงได้คิดหาวิธีที่จะทำให้อีกฝ่าย กดวางสายของเขาไปเอง“ แบ๊ตวิทยุของนายจะหมดแล้วนะ มีอะไรก็รีบๆ พูดมาเร็วๆ เข้า ”( อย่ามาหลอกฉันซะให้ยาก แบตวิทยุนั่น เปิดทิ้งไว้ทั้งวันทั้งคืนยังไงก็ไม่หมด ไม่มีทางที่เธอจะมาหลอกคนอย่างฉันได้ ) ฉันอยากจะลมใส่ ที่หลอกคนอย่างเขาไม่ได้สักที...เฮ้อ!“ แล้วจะเรียกฉันหาพระแสงอะไรยะ!! ”( ไหน...ว.3 อีกครั้งสิ ) ว.3 หมายความว่า ตองเก้าต้องการให้ฉัน ทบทวนข้อความกับเขาใหม่“ ก็..เรียกฉันทำไมบ่อยๆ...ละคะ ”( ฟังแล้วค่อยลื่นหูหน่อย...ฉันต้องการจะย้ำเธอถึงเรื่องของเราในค่ำคืนนี้ )“ ฉันรู้แล้ว! ”(จะให้ฉันไปรับเธอได้ที่ไหน?)“ ที่บ้านของหลินซีเพื่อนซี้ของฉันเอง...เดี๋ยวฉันปักหมุด แล้วจะส่งโลเคชั่นไปให้นาย...แค่นี้นะฉันจะได้ไป
เมื่อวานพี่อุลตร้ามาเคาะประตูห้อง คงต้องการจะขอโทษฉันนั่นแหละ แต่ฉันยังโกรธเขาอยู่ จึงไม่ยอมเปิดประตูเพื่อรับฟัง คำแก้ตัวอะไรจากเขาทั้งนั้นจนกระทั่งวันนี้...ฉันนั่งรถเมล์มาเรียนมหาลัย โดยที่ไม่ยอมให้คนเป็นพี่ชาย ขับรถมาส่งเหมือนเช่นทุกครั้ง เพราะยังโกรธเขาไม่หาย และรีบเดินเข้ามหาลัยไปอย่างเร่งด่วน เพราะจวนใกล้จะถึงเวลาเข้าเรียนกันแล้วนั่นแหละRrr! Rrr! Rrr!แต่โทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าสะพาย ที่ฉันได้เปิดระบบสั่นเอาไว้ ทำให้ฉันสัมผัสได้ว่ามีคนกำลังโทรเข้ามาที่แรกก็คิดว่าจะปล่อยให้มันสั่น จนกว่ามันจะเงียบหายไปเอง แต่ด้วยเกรงว่าคนที่บ้าน อาจจะโทรเข้ามา เพราะมีธุระสำคัญแต่มันกลับไม่ได้เป็นไปอย่างที่คาดคิด และโคตรจะเซ็งกับชีวิต เมื่อมองเห็นชื่อของตองเก้า ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอ“ โทรมาทำไม! หมาออกลูกเป็นควายหรือยังไงฮะ!....ฉันกำลังจะเข้าเรียนแล้ว ”ฉันกดรับ พลางตวาดเข้าไปในโทรศัพท์อย่างลืมกลัว เพราะรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกอีกฝ่าย ละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวมากเกินไปเพราะฉันคิดว่าตัวเอง สามารถเบ่งใส่เขาได้ ในเวลาที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน หากฉันอยู่ต่อหน้าของตองเก้า ฉันก็ต้องทำเป็นกลัวเขาไว้ก
ก่อนที่อันนาจะลงจากรถ ผมได้จับมือของเธอให้หงายขึ้น แล้ววางวิทยุสื่อสารลงไปบนมือเรียวบางของเธอวิทยุสื่อสารที่ใช้งานด้วยการใช้ความถี่ ที่ผมเป็นคนคิดฟังชั่น และดัดแปลงมันขึ้นมา เพื่อให้เธอเอาไว้ใช้ติดต่อกับผมได้ แค่เพียงคนเดียวเท่านั้น“เอาวิทยุสื่อสารนี่ไว้ใช้งาน สำหรับติดต่อกันระหว่างฉันกับเธอ”ผมบอกพร้อมกับดึงโทรศัพท์ จากมืออีกข้างของอันนามาเมมเบอร์ของผมไว้ แล้วกดโทรเข้าไปในเครื่องของผม เพื่อเมมเบอร์ของเธอเอาไว้ด้วยเช่นเดียวกัน จากนั้นผมจึงอธิบายวิธีการใช้งาน ของวิทยุสื่อสารเครื่องนี้ให้เธอฟัง“วิทยุเครื่องนี้ฉันเป็นคนบิวท์มันขึ้นมาเอง และล๊อคช่องเอาไว้ใช้แค่เพียงช่องเดียว ไม่มีใครสามารถจูนคลื่นความถี่มาตรงกับช่องนี้ได้ ”อันนาเหลือบตามองวิทยุสื่อสารด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง แต่ก็ยอมรับสิ่งนั้นไว้ ก่อนจะรีบเปิดประตูลงไป ด้วยกลัวว่าอาจมีใครมาเห็นเข้า แต่ผมก็ยังรั้งเธอเอาไว้“ เดี๋ยวสิ...อันนา”ผมรวบตัวเธอเข้ามาแนบชิดอีกครั้ง เพื่อจูบริมฝีปากบางสีเชอร์รี่ ที่เผยอขึ้นรับกับริมฝีปากของผม อย่างไม่ยอมให้เธอได้พักหายใจและสิ่งที่เธอทำได้นั่นก็คือ กำมือขึ้นมาทุบหน้าอกของผมหนักๆ เมื่อผมไม่ยอมปล่อยเ
ผมรวบเอวบางเข้ามาใกล้ในระยะประชิด โดยที่อีกฝ่ายก็ไม่คิดจะขัดขืนทั้งที่ถูกฝืนใจ แต่มันช่วยไม่ได้ ในเมื่อผมไม่เหลือทางเลือกอะไรให้เธออีกแล้ว“เงยหน้าขึ้นมาสิ ก้มแบบนี้ ฉันจะจูบเธอได้ยังไง?” อันนาพรูลมหายใจก่อนช้อนใบหน้าขึ้นมาสบตากับผม นัยน์ตากลมโตเป็นประกาย ทำเอาผมถึงกับสะดุดลมหายใจ ก่อนจะจูบลงไปบนหน้าผากมน จนถึงเปลือกตาที่ปิดสนิททั้งสองข้าง แล้วเลื่อนลงไปยังริมฝีปากบาง อย่างรู้สึกตื่นเต้น...เชี่ย!คนตื่นเต้น มันจะต้องเป็นเธอสิวะ! ไหงกลายเป็นผมไปเสียได้...ปลายจมูกของเราทั้งคู่เกยซ้อนกัน จนรับรู้ได้ถึงลมหายใจของกันและกัน ตอนนี้รู้สึกว่าจังหวะการเต้นหัวใจตัวเองกำลังสั่นไหว ผิดเพี้ยนไปแทบจะทันที และที่สำคัญอันนาน่าจะรับรู้ได้หมดทุกอย่าง เพราะฝ่ามือเรียวบางของเจ้าตัว วางไว้ตรงหัวใจของผมพอดีผมสอดฝ่ามือใหญ่เข้าไปรั้งท้ายทอยของเธอล็อคไว้ แล้วกดจูบลงไปบนริมฝีปากบางอย่างรู้จังหวะ ก่อนจะผละออกมาบอกกับเธอว่า“ ซ่อนรูปก็ไม่บอกกันบ้างเลยนะ...”เพราะผมเผลอ เลยเอามือไปกอบกุมสองเต้าของเธอเอาไว้โดยไม่รู้ตัว ถึงแม้อันนาจะไม่ขัดขืนอะไรเลยสักอย่าง แต่ผมสัมผัสได้ ว่าเธอกำลังนั่งตัวแข็งเกร็ง“นายบอกฉันเ
{Tongkao part}ผมอุ้มอันนาลงมาจากรถ แล้วค่อยๆ วางเธอลงบนโซฟาตัวยาวกลางห้องรับแขก ตอนแรกกะว่าจะพาเธอไปที่ซุ้มของผมนั่นแหละ แต่เพราะที่นั่นมันมีลูกน้องของผมอยู่กันมาก หากต้องการจะทำอะไร มันคงไม่สะดวกนักที่นั่นเป็นซุ้มรวมพลของคนรักการสื่อสาร ทุกอย่างที่อยู่ในนั้นส่วนใหญ่ จะเกี่ยวข้องเกี่ยวพันกับอุปกรณ์กู้ภัย อาทิเช่น ไฟไซเรน กล่องเสียงเพื่อส่งสัญญาณ อีกทั้งวิทยุสื่อสารมากมายหลายชนิด รวมไปถึงอุปกรณ์ที่สามารถนำไปช่วยชีวิตคนได้ กระทั่งไม้ที่มีเอาไว้สำหรับใช้จับงู ที่เลื้อยเข้ามาเพ่นพ่านในบ้านคน นั่นก็ยังไม่พ้นกู้ภัยอย่างเราผมชื่อตองเก้า กำลังเรียนมหาลัยอยู่ชั้นปีที่สาม ในคณะวิศกรรมไฟฟ้า ปีเดียวกับอุลตร้าที่เป็นพี่ชายของอันนานั่นแหละ เพียงแต่อยู่คนละมหาลัย ส่วนเธอผมสืบจนรู้ได้ว่า เธอเรียนอยู่มหาลัยเดียวกันกับผม เพียงแต่อยู่กันคนละคณะเท่านั้น อันนาเพิ่งจะเข้ามาเรียนคณะแพทย์ศาสตร์ ของมหาลัยที่นี่เป็นปีแรก และมันคงไม่แปลกนักหากว่าผมจะสนใจเธอยังไงนะเหรอ?เพราะเธอเป็นน้องสาวของไอ้อุลไง...ผมต้องการพาเธอไปทำมิดีมิร้าย อย่างที่เธอคิดเอาไว้ แต่เกิดเปลี่ยนใจกะทันหัน เพราะผมดันคิดแผนการ ที่แยบยลก