“มึงช้าตลอดซินน์” ไออุ่นเบะปากใส่ซินน์ทันทีเมื่อมันเดินมาถึงโต๊ะ ก่อนจะหยิบแก้วมาชงเหล้าให้
“ขอเข้ม ๆ นะเพื่อน” เข้ม ๆ
“เข้มอะไร พ่อมึงมา กูเห็นออร่าพ่อมึง” ฉันชี้ไปที่ห้องวีไอพีชั้นบน จนมันถอนหายใจใส่
“พ่อแม่พวกมึงไม่หวงบ้างเหรอ ถามจริง” ฉันอดขำมันไม่ได้เลย หน้าบูดบึ้งสุด ๆ
“หวงทำไม พวกกูโตแล้ว” ฉันเอามือปิดปากหัวเราะ มีแต่ไอ้ซินน์ที่ถอนหายใจใส่พวกเรา เออ โดนพ่อคุมแบบนี้ เป็นใคร ใครก็เซ็ง! เฮ้ย! เดี๋ยว ๆ ตอนนี้มันซดเหล้าที่ไออุ่นชงให้หมดแก้วแล้ว!
“โอ้ย! อดอยากมาจากไหนเนี่ย” ไออุ่นรีบตีมือซินน์ดัง เพียะ
“โอ้ย มึงอ่ะ ชงมาด่วน ๆ เลย จะได้รีบเต้น รีบกลับ กลัวใจคุณพ่อว่ะ” มันพูดไปมองหาพ่อตัวเองไป
“เออ ๆ เห็นซดเหล้าพรวด ๆ แบบนี้ แล้วคิดถึงน้ำปั่นเลย ไม่รู้เรียนที่อังกฤษเป็นไงบ้าง ได้หลัวฝรั่งแล้วมั้ง ฮ่า ๆ”
ไออุ่นชงเหล้า และเต้นไปด้วย เหมือนที่มันพูดถึงนั่นแหละ ฉันมีเพื่อนอีกคนชื่อน้ำปั่น ตอนนี้มันไปอบรมวิชาชีพที่อังกฤษ นางเป็นสัตวแพทย์
ฉันเต้นสักพักก็เผลอไปเห็นนาวิน ตาไม่ฝาดหรอก นาวินแฟนไอ้ซินน์จริง ๆ และอีกคนก็พี่ชายแฝดเขา ชื่อนาวา เดินมาพร้อมกัน ให้ตาย! พวกนี้กลับจากอังกฤษปุ๊บ ก็มาเที่ยวผับเลยเหรอ?
เออใช่ ไอ้ซินน์มันจำแฟนตัวเองไม่ได้นี่น่า
“น้ำปั่นไม่รู้ รู้แต่ว่า พี่ชายแฝดมันหล่อมาก สามนาฬิกา สามนาฬิกา ด่วนเป้าหมายกำลังเปลี่ยนเส้นทาง มองทีละคนสิวะ!” ฉันตีไออุ่นกับซินน์ทันที เมื่อพวกมันหันไปมองพร้อมกัน
จนมีผู้ชายที่ฉันรู้สึกคุ้นเคยสุด ๆ เดินมายืนข้าง ๆ
“ไงปลายฟ้า” ไทม์ ลูกชายพ่อแม่บุญธรรมอนันธาราของฉันเอง!
ฉันมองหน้าไทม์ จนทะลุไปถึงคนข้างหลัง ก่อนที่จะเห็นแฟนไอ้ซินน์นั่งลงที่โซฟามองมาที่เรา และพี่ชายแฝดเขาก็ลุกขึ้นเดินออกไป
ทำฉันรีบหันกลับมาทันที ก่อนที่จะเห็นไทม์ยืนยิ้มอยู่
“ไทม์!” พอสติกลับมา ฉันก็กระโดดกอดไทม์แน่น... ถึงจะคนละพ่อคนละแม่ แต่เราก็โตมาด้วยกัน ผูกพันยิ่งกว่าอะไร
“โหย ๆ กอดกันแน่นเชียว ไม่ใช่แค่พี่น้องมั้ง” ไออุ่นเริ่มชงเหล้าให้ไทม์ ไทม์ยิ้มกว้าง ก่อนจะยกมือขึ้นพลักหัวไออุ่นกับซินน์ทีละคน
“พูดไปเรื่อย กินเหล้าเข้มจริง ๆ ผู้หญิงพวกนี้” ไทม์ยกเหล้าที่ไออุ่นชงให้ ดื่มพรวดเดียวจนหมด
“ธรรมดา ๆ” ฉันตอบแล้วตบไหล่ไทม์เบา ๆ จนเขาวางแก้วลง
“งั้นไปแล้ว ๆ เพื่อนรออยู่ บาย” เรารีบโบกมือบ้ายบายไทม์ ที่เดินไปโต๊ะโซฟาในมุมมืดอีกฝั่ง ค่ะ! ตรงแฟนไอ้ซินน์นั่งอยู่นั่นล่ะ โห… นาวินมองไอ้ซินน์ตาไม่กระพริบเลย
แต่ไอ้ซินน์กลับไม่เห็นซะงั้น
“อุ้ย ที่กูบอกว่าเห็นคนหล่อ... เขาเดินไปทางนั้นเหมือนกัน” ฉันจึงชี้ตามหลังไทม์ไป จนไอ้ซินน์มองตามทันที
ลองดู ว่ามันจะเห็นนาวินและจำได้ไหม? จนซินน์มันเดินไปที่โต๊ะนั้นเลย ก่อนที่จะกลับมาโวย! ว่านาวินเรียกมันเป็นเด็กนั่งดริ้งค์!
กรรม สรุปว่ามันจำไม่ได้! จนสักพัก หลังจากที่ซดเหล้าไปชุดใหญ่ มันก็กลับไปพร้อมพ่อตัวเอง
ตอนนี้เหลือแค่ฉันกับไออุ่น ที่นั่งเปื่อย เพราะเพื่อนเท
“มึงเมายัง?” และไออุ่นมันก็ถามฉันขึ้นมา หึ! ถามแบบนี้ รู้เลย มันจะยุบวงแน่ ๆ
“เออ ๆ จะแยกย้ายใช่ไหม งั้นกูกลับดีกว่า... ถึงจะเมาก็ไม่ซีเพราะมาแท็กซี่จ้ะ” ไออุ่นพยักหน้าแล้วเรียกพนักงานมาเก็บโต๊ะ
“แท็กซี่เหรอ? ให้กูไปส่งไหม” ฉันมองมันที่แก้มเริ่มแดง แล้วรีบโบกมือปฏิเสธไป ท่าจะไม่ไหวกว่ากูอีกมึงอ่ะ!
พอฉันแยกย้ายกับไออุ่น ก็เดินออกมารอแท็กซี่หน้าผับ บอกตรง ๆ ว่ารอเกือบชาติเศษ รอนานมาก! แท็กซี่ก็ไม่มาสักที ฉันทั้งนั่งทั้งยืน จนเริ่มเมื่อย จึงยืนพิงรถสปอร์ทคันนึงรออย่างเซ็ง ๆ
‘ครืน~’
จนเสียงลงกระจกรถดังขึ้น! ทำฉันรีบหันควับไปมองทันที ก่อนที่จะเห็นคนข้างใน แล้วเบิกตากว้าง เฮ้ย! นาวา! พี่ชายแฝดแฟนไอ้ซินน์!
“เธอ... เอาก้นออกไปจากรถฉัน” ฉันรีบยืนปกติทันที แล้วส่งยิ้มเเห้ง ๆ ให้เขา
“เอ่อ… ขอโทษที เมื่อยน่ะ นายจำฉันได้ไหม ฉันปลายฟ้าไง” เขามองฉันหัวจรดเท้าแล้วเลื่อนกระจกขึ้น ก่อนที่จะเปิดประตูรถก้าวลงมา ยืนจ้องหน้าฉัน
“ยิ้มทำไม” อะไรวะ ยิ้มไม่ได้รึไง!
“ทำไมเหรอ? ฉันรู้จักนายนี่น่า” เขาขมวดคิ้วทำนึกคิด ก่อนที่จะพยักหน้าเบา ๆ จำฉันได้ไหม? ต้องจำได้สิ ฉันออกจะสวยจนน่าจดจำ!
“อ๋อ เธอคือ พี่ไอ้ไทม์? ที่แต่ตอนนั้นอ้วน ๆ”
ไม่ใช่! กูไม่เคยอ้วน แค่แก้มเยอะ แค่อวบ! อวบอ่ะเข้าใจไหม เรียนหมอมาแยกแยะไม่ออกรึไง ระหว่างอวบกับอ้วนอ่ะ
ฉันได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ แล้วกัดฟันตอบเขาไป “ฉันไม่เคยรู้เลย ว่าฉันเคยอ้วนด้วย” เขาเอามือล้วงกระเป๋า มองฉันหัวจรดเท้า “ไม่เคย ตอนนี้ก็อ้วน” ฉันถึงกลับอ้าปากค้าง! เขาเป็นผู้ชายคนแรก ที่บอกว่าฉันอ้วน! กูเอวยี่สิบสี่เองนะ พูดอะไรเกรงใจกางเกงไซส์เอสกูบ้าง! “เหอ ๆ โอเค… ฉันไม่ถือ เพราะนายเป็นคนแรก ที่ว่าฉันอ้วน ตานายคงไม่ถึงเอวเอสฉัน” “อืม ตามใจ แล้วเธอ?” เขาชี้มาที่ฉันสลับกับถนน คงจะถามว่าฉันรออะไรสินะ “อ๋อ ฉันรอแฟนมารับ” หมั่นไส้ บอกว่าแฟนมารับซะเลย “อืม ๆ” เขาพยักหน้าเบา ๆ แล้วเปิดประตูขึ้นรถไป ฉันเองได้แต่ยืนรอแท็กซี่ คันไหนขับผ่าน ก็ไม่ใครจอดรับฉันเลย! จนแล้วจนเล่า จนมันดึกขึ้นเรื่อย ๆ หาว~ “แฟนเธอขับแท็กซี่เหรอ” ฉันเอามือปิดปากตัวเองที่หาวแทบไม่ทัน เมื่ออยู่เขา ก็เดินมายืนข้าง ๆ “อืม ๆ ทะเลาะกันนิดหน่อย” เขามองไปที่ถนนแล้วหัวเราะเบา ๆ หัวเราะที่กูหาวปากกว้างแน่ ๆ “หึหึ โกหกเก่งนะ” “โกหก? เอ่อ แล้วนายลงมา ทำไม ม
ฉันได้แต่จ้องหน้าขาว ๆ จมูกโด่งของเขา... บ้า ทำไมมันดึงดูดกันขนาดนี้ ฉันละสายตาไปไหนไม่ได้เลย ใจก็เต้นแรง แรงจนแทบจะทะลุออกมาแล้ว! “จะกอดฉันอีกนานไหม ฉันร้อน” และเขาก็มองไปที่แขนฉัน ก่อนที่ฉันจะดึงสติกลับมาได้ แล้วรีบกลับมายืนปกติทันที “แหะ ๆ เอ่อ... นี่ ขอบใจนะ ที่เอากระเป๋ามาคืน” เขาพยักหน้าแล้วยื่นให้ฉันอีกรอบ “ฉันคิดว่าเธอ จำเป็นต้องใช้ของบางอย่างในนั้น รีบรับไว้สิ รำคาญ” ของบางอย่าง ที่จำเป็นต้องใช้? เฮ้ย ยาคุม! ฉันรีบคว้ากระเป๋ามาเปิดดูทันที ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างสงสัย เขารู้ได้ไง! ว่ากระเป๋าฉันมียาคุม? “นายเปิดกระเป๋าฉันเหรอนาวา?” “นี่! กระเป๋าเธอมันตกที่พื้น ของเธอกระจัดกระจายเต็มรถ ก็ต้องเก็บสิ!” “เอ่อ… แล้ว แล้ว… นายเห็นไอ้ยาแผงนี้เหรอ คือฉันไม่ได้กินเพื่อ” “ฉันไม่ได้ถาม” เพล้ง หน้ากูแตกกระจาย หล่นลงไปกองที่พื้น “แหะ ๆ ไม่บอกก็ได้” แล้วเขาก็หันหลังเดินออกไป ก่อนที่ฉันจะเห็นเขาเอามือปิดปากตัวเอง แล้วหาวไปด้วย เขาง่วง? “นาวา นา
ไอ้เด็กคนนี้! “ไม่ได้ให้มารักษา แต่มาเปลี่ยนชุดให้หน่อยสิ ฮือ ๆ เจ๊ยังใส่ชุดนอนอยู่เลยไม้เอ้ย” (เฮ้อ หนูบอกแล้วให้หาแฟน เออ ๆ เดี๋ยวไป) ตอบเสร็จก็ตัดสายไปเลย ฉันลุกไม่ไหว จะลุกไปแปรงฟันยังไม่ได้เลย เข้าใจกันหน่อย! ไม่นาน ใบไม้ที่อยู่คอนโดตึกถัดไปก็เปิดประตูเข้ามา ไม่ต้องแปลกใจ ทำไมนางเข้ามายืนหน้านิ่งตรงหน้าฉันได้ เพราะห้องนี้ พ่อบอสซื้อให้ฉันกับใบไม้อยู่ตอนมหาลัย เราจึงมีคีย์การ์ดคนละใบ “ใบไม้ หยิบเครื่องสำอางกับโทนเนอร์มาด้วยสิ” ใบไม้มองหน้าฉันเซ็ง ๆ ก่อนจะหาถุงพลาสติก โกยเครื่องสำอางบนโต๊ะฉันใส่ แล้วเดินมานั่งบนเตียง “ลุกไม่ไหวเลยเหรอ” “อื้อ... บีบโทนเนอร์ให้เจ๊หน่อย เร็ว ๆ เดี๋ยวรถโรงบาลมา” ใบไม้ดูเซ็งฉันมาก แต่นางก็ทำตามที่ฉันสั่งทุกอย่าง แม้กระทั่งเปลี่ยนเสื้อผ้า และแต่งหน้าให้ “เอ่อเจ๊... บอกตรง ๆ เหมือนแต่งหน้าศพ” ใบไม้! “ปากเหรอนั่น! เออ อย่าบอกพ่อบอสกับแม่กิ่งนะ ไม่อยากให้ท่านเป็นห่วง” เบะปากใส่ฉันทันที “ยัดเยียดบาปให้หนูอีกแล้ว” “ตรง
“ไม่ถอดไม่ได้เหรอ?” เขาถอนหายใจ แล้วยกนาฬิกาข้อมือดู “เธอรู้ไหม ฉันต้องตรวจคนไข้อีกกี่คน อย่าทำให้ฉันและคนอื่นเสียเวลา” ก็คนมันเขินนี่หว่า! ก้นนะเว้ยไม่ใช้ข้อศอก! ฉันจำใจค่อย ๆ ปลดกระดุมกางเกงขาสั้นตัวเอง จนเขาหันหน้าไปอีกทาง ฉันถึงดันมันลงไปช้า ๆ แล้วรีบหาผ้ามาคลุมไว้ “นอนคว่ำด้วย” ลำบากฉิบ! พอถอดได้ ฉันก็ค่อย ๆ พลิกตัวนอนคว่ำ ก่อนจะรีบเอามือไขว้หลัง ไปจัดแจงเอาผ้าปิดไว้ โอ้โห... กูเย็นมากค่ะตอนนี้ ก่อนที่เขาจะหันหน้ากลับมา แล้วเดินมาชิดเตียงตรวจ และ... และ กำลังจะเปิดผ้าออก! “นาวา! ไม่เปิดไม่ได้เหรอ” “อะไรอีก ไม่เปิด ฉันจะรู้ได้ไงว่ามันช้ำไหม?” ฉันหลับตาปี๋ ไม่กล้าถามอะไรเขาต่อ เพราะยังไง เขาก็ต้องเห็นก้นฉัน! จนเขาค่อย ๆ ดึงผ้าออกช้า ๆ ทำฉันขนลุกซู่ขึ้นมาทันที กูอยากเอาหน้าซุกหมอน ให้ใจขาดตายตรงนี้เลย! พอเปิดผ้าออก เขาเหมือนนิ่งไปสักพัก คงมองก้นฉันอยู่มั้ง... จนฉันสัมผัสได้ถึง มือเย็น ๆ ที่แตะลงเบา ๆ ตามผิว ฮือ... สัมผัสแรกจากมือชาย! “โอ๊ะ โอ้ย... เจ็บอ่
ฉันไม่รู้จะตกใจหรือช็อกดี เพราะมันรู้สึกหมดเลยตอนนี้ แถมมาอีกอย่างคืองงด้วย! “อ๋อ... ก็โอเคแล้ว” “อยู่กับใคร” ฉันกำลูกบิดแน่น ไม่ได้กลัวเขาหรอกนะ แต่ตกใจน้ำเสียงที่เขาถามมากกว่า มันเหมือน เหมือนกำลังจับผิดแฟนยังไงอย่างงั้น! โอ้ย อย่าทำให้กูคิดสิ! “คนเดียว แหะ ๆ” เขามองหน้าฉัน แล้วดันประตูเข้ามาเลย จนฉันต้องหลบไปอีกฝั่ง และรีบประคองตัวเองไว้ แต่ไม่ทันได้เอื้อมมือไป เขาก็จับแขนฉันไว้ก่อน “มานี่ฉันช่วย ที่เธอล้ม ก็เพราะฉัน ฉันแค่มารับผิดชอบ” รับผิดชอบ? “โอ้ย ไม่เป็นไร ฉันไหวน่า นายเพิ่งเลิกงานเหรอ? เหนื่อยป่ะ เดี๋ยวไปเอาน้ำมาให้” เขาส่ายหน้าเบา ๆ แล้วจับแขนฉันไปนั่งที่โซฟา “ไม่ ฉันแค่ยังไม่อยากกลับบ้าน ขอดูยาหน่อย หมอคนอื่นสั่งยาอะไรให้” ฉันดันตัวลุกจากโซฟาไปเอายาให้เขา แต่ทว่าขาสองข้างมันดันเกร็ง เกร็งจนฉันทนความเจ็บไม่ไหว เสียหลักทิ้งตัวลงไป นั่งลงบนตักเขา! “โอ้ย!” ก้นกู เจ็บมาก! ฉันหลับตาปี๋ไม่กล้าลืมตามอง ว่าหน้าตัวเองอยู่ระดับไหน ตอนนี้รู้สึกได้แค่ลม
ฉันอยากตายมาก! ไม่ใช่เกลียดอะไรเขานะ แต่อย่าเพิ่งได้ไหม คือ เขาเห็นก้นกูตั้งสองรอบ อย่าให้เขามารับรู้อะไรในชีวิตกูอีกเลย ได้โปรด... “มีอะไรครับเจ๊” ต้นไม้เหมือนจะไม่รู้เรื่อง รู้ราวอะไร เกาะเบาะถามขึ้นมา จนใบไม้หันหน้าไปหาแล้วแบมือ “แกไม่ต้องรู้หรอก ค่ากาแฟอ่ะ เอามา” ใบไม้ขี้งกมาก! จนต้นไม้มองพี่สาว แล้วถอนหายใจใส่ ก่อนจะยื่นเงินแบงค์พันให้ แล้วบอกว่า... “ไม่ต้องทอน” เฮ้อ! ฉันเหนื่อยกับน้องตัวเองมากตอนนี้ แจกทุกอย่างของฉันเลย ไหงมาขี้งกอีก ถ้าเก็บค่ากาแฟฉันอีกนะ แม่จะเอาขยะมาเทใส่รถมันอีกรอบเลย! โชคดีที่นางไม่เก็บ กว่าเราจะถึงบริษัทก็นานโข รถติดมาก ทำไมต้องเอาคนเจ็บก้นอย่างฉันออกมาทรมานด้วยวะ! “เจ๊ใบโพล่า...” เอิ่มต้นไม้ “กูชื่อใบไม้” หนึ่งดอก! “รู้น่า เจ๊ชอบไอ้ไคล์ใช่ป่ะ ทำไมอ่ะ เจ๊ทำงานหนักจนหิวเด็กเหรอ?” โอ้โห ต้นไม้ผู้กล้าหาญ ทำใบไม้ถึงกลับกำพวงมาลัยแน่น และมองตรง ไม่สบตาใครเลย “เออ แกชอบไคล์เหรอ?” ฉันรีบถามย้ำอีกรอบ เพราะไม่อยากให้ต
ทำไงดี ถ้าฉันด่ามันกลับ จะเป็นอะไรไหม โรคจิตแล้วยังมาหาว่ากูอ้วนอีก! ฉัน: หนักหัวมึงรึไง! ไอ้โรคจิต เลิกสร้างแอคมาส่องได้แล้ว กูอ้วน และก็อ้วนมากด้วย! PFPIG2: อืม งั้นลดน้ำหนักด้วยนะ ไอ้… แล้วไอ้โรคจิต ก็ออฟไลน์ไปเลย ฉันกำลังจะกดบล็อกเขา แต่เน็ตมันดันช้า หมุนติ้ว ๆ จนดอกไม้เข้ามาส่งที่ร้าน โอเคปลายฟ้าทำงานก่อน แต่เธออย่าลืมบล็อกมัน อย่าลืมเด็กขาด! ฉันรีบเซ็นรับดอกไม้ และกลับมาทำงานต่อจนร้านปิด ก้นยังเจ็บอยู่แท้ ๆ เข้าบริษัท เข้าร้าน ฉันทำงานไม่หยุดเลย จะบ้าตาย! พอกลับมาถึงคอนโด ฉันก็อาบน้ำนอนปกติ ไม่ลืมที่จะกินยา และทายาที่เขาให้ ตามจริง ฉันก็ทาไม่ถึงหรอก แต่ก็พยายามคลำ ๆ ไม่รู้รอยช้ำมันจะโดนยาบ้างไหม เฮ้อ… อนาถตัวเองแท้ ทาเสร็จฉันก็ถ่ายหลอดยา ลงไอจีสตอรี่เหมือนเดิม... ‘ได้แต่คิด... แล้วก็สงสัย หมอบอกให้ทาบ่อย ๆ จะได้หาย’ ลงปุ๊บเพื่อน ๆ ก็ไดเร็คมาถามใหญ่ ว่าฉันเป็นอะไร แต่หมอที่ให้ยาหลอดนี้มา เขาไม่ส่องไม่ถามอะไรเลย ช่างเถอะ... เขาคงไม่ม
เรากลับจากโคราชก็ค่ำแล้ว และวันนี้เหมือนวันรวมญาติยังไงไม่รู้ ถึงกรุงเทพปุ๊บก็สังสรรค์กันต่อเลย ผู้ใหญ่เขาไม่ได้อะไร แต่ฉันนี่ล่ะ ยาก็ไม่ได้กิน จะทายาก็ไม่ได้ทา ใกล้จะหายแล้วแท้ ๆ เฮ้อ... “กลับก่อนไหม ฉันไปส่ง” เมื่อไทม์เห็นฉันนั่งหน้ามุ่ยก็เดินมาหาทันที เพราะตอนนี้ เราอยู่บ้านไทม์ บ้านอนันธารากุลที่ใหญ่มาก… “อ้าว ปลายฟ้าจะกลับแล้วเหรอลูก ง่วงเหรอ?นอนที่นี่สิ” แล้วแม่เมย์ก็เดินมาหาฉันอีกคน ก่อนที่จะนั่งลง แทรกกลางระหว่างไทม์กับฉัน “คงต้องกลับค่ะแม่เมย์ พอดีหนูลืมพกยามาด้วย” “อ้าว! งั้นไทม์ไปส่งปลายฟ้าสิ ทิชา ไปกับพี่ด้วยนะลูก ไปนั่งเป็นเพื่อน ชวนพี่คุย” ไทม์ถอนหายใจทันที เมื่อเห็นทิชาเดินยิ้มมา “ผมขับได้ครับแม่ ทิชาไปด้วยเสียสมาธิตาย” ทิชาได้ยินถึงกลับเบรกไม่ทัน ก่อนที่จะนั่งลงกินข้าวเหมือนเดิม จนแม่ฉันหันมามอง “เจ้าปลาย... งั้นแม่กลับด้วยดีกว่า ง่วง” แล้วแม่ก็ลุกขึ้นหยิบกระเป๋าสะพาย ก่อนที่ฉันจะไหว้ลาทุกคน แล้วเดินมาขึ้นรถ “อาบีมจะว่าไหมครับ ถ้าปลายฟ้
“พ่อครับ ผู้หญิงที่ผมคบด้วยเอาแต่ใจมาก ผมจะเลิกแล้วล่ะ ปวดหัว” ผมหันมองลูกชายที่นั่งเบาะข้างแวบนึง ลูกชายอายุสิบสี่ จะมีแฟนก็ไม่แปลก แต่ที่แปลกคือเปลี่ยนบ่อยเหลือเกิน แล้วแต่ละคนที่เลิกก็จะมาปรึกษาผมแบบนี้ กับแม่เขาไม่ปรึกษาหรอก เพราะปลายฟ้าจะบอกแค่ว่าให้ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ คุย แต่ผมไม่... “อืม ก็เลิกสิ ถ้าปวดหัวก็เลิก อย่าให้กระทบการเรียน” ลูกชายเม้มปากแล้วพยักหน้าอย่างมั่นใจ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ไอโฟนรุ่นใหม่ออกมาจากกระเป๋ากางเกงนักเรียน ลูกไฮโซออกรุ่นไหนก็จัดรุ่นนั้น ฝีมือแม่เขา นั่นแหละ ชอบสอนให้ลูกฟุ่มเฟือย ซึ่งผมเตือนแล้วเตือนอีกเพราะอดห่วงตอนส่งไปเรียนอังกฤษไม่ได้ ถ้าลูกใช้เงินไม่คิดแบบนี้ ผมกับเมียได้กินแกลบกินเกลือแน่ “พี่ณเพชรจะเลิกกับผู้หญิงอีกแล้วอ่ะ ณพิม มาดูเร็ว ๆ” สองแสบรีบเกาะเบาะ ยื่นหน้ามาดูจอโทรศัพท์กับพี่ชาย แต่ณเพชรรีบเก็บใส่กระเป๋าไว้แล้วเบือนหน้าหนี “เอ้า ทำไมเก็บแล้วล่ะคะ ปรึกษาได้นะ ณพิมก็ผู้หญิง” ณพิมยังใจจดใจจ่ออยากดูโทรศัพท์ แต่ณพลอยเธอมีเป้าหมายใหม่ ลุกขึ้นเกาะเบาะผม ก่อนจะยื่นแขนเล็ก ๆ ขอ
สิบปีผ่านไป... “ณภัทร ณเพชร กลับได้แล้ว” ไม่อยากจะเชื่อ ตอนนี้ฉันเป็นยายแก่ที่ยืนโบกไม้โบกมือหน้าโรงเรียนมัธยม ฉันมารอรับลูกกับหลานทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ เว้นแต่หลานสาว ที่หมอนาวาพ่อพวกเธอเป็นคนไปรับเอง เพราะณพลอย ณพิมเรียนโรงเรียนประถมที่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลมาก ก็พ่อเจ้าหล่อนเล่นหวงขนาดนั้น ฉันบอกให้ย้ายโรงเรียนมาเรียนกับปลายฝนก็ไม่ยอม! หมอนาวาไม่อยากคาดสายตาไปไหน เขาทำงานที่โรงพยาบาลใกล้ ๆ ว่างเขาก็แว๊บไปดูลูกได้ตลอด ส่วนณเพชรรายนั้นไม่น่าห่วงแล้ว เพราะเขาโตเป็นหนุ่มอายุสิบสี่เรียนโรงเรียนเดียวกับน้า แหงล่ะอะไรก็น้า ๆ เขาน่ะตัวติดน้าอย่างกับอะไร เด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน แถมหน้าตาก็ไม่ไกลกันมาก บางทีฉันก็แก่จนเรียกผิดเรียกถูก ไม่รู้คนไหนลูกคนไหนหลาน ยิ่งทั้งสองกำลังเข้าสู่วัยรุ่น วัยกำลังโตที่นั่งเล่นเกมส์ เหล่หญิง และอ่านหนังสือกัน เรื่องอ่านหนังสือต้องยอมรับลูกชายฉันณภัทร เขาสอนหลานได้ดีมาก เขาติวหนังสือให้กันจนติดท็อปโรงเรียนทั้งคู่ ผิดกับปลายฝนลูกสาวบุญธรรม รายนั้นเธอชอบวาดรูปชอบศิลปะ ทุกครั้งที่หนุ่ม ๆ ทวนวิชา
สรุปแม่ฉันก็ได้เด็กคนนั้นมาเลี้ยง ใช่ค่ะเธอน่ารักจริง ๆ เรียบร้อยมาก ณภัทรก็ดูรักมาก กลับจากโรงเรียนก็หอม ตื่นเช้าจะไปโรงเรียนก็หอม ฉันพาสองสาวไปเลี้ยงที่นั่นบ่อย เห็นแทบทุกช็อตทุกตอน และเห็นอีก ว่าแม่แทบไม่ต้องเลี้ยงเจ้าหนูคนนั้น เธอเหมือนเด็กที่สงบเสงี่ยมเจียมตัว เอาแต่มองหน้าทุกคนแล้วยิ้ม เจ็บปวดอะไรก็ต้องเจ็บปวดจริง ๆ ถึงจะร้องแอ๊ะออกมา แค่ร้องแอ๊ะนะ เรื่องร้องงอแง แม่บอกว่านอกจากวันแรกที่เห็นที่โรงพยาบาล แม่ก็ไม่ได้เห็นอีกเลย “ปลายฝนไม่ร้องแบบนี้ แม่รู้ได้ไงคะว่าน้องหิว?” “กะเวลาเอาสิ ปลายฝนจะหิวและทำอะไรตามเวลาเป๊ะ ๆ แล้วสองสาวล่ะ อยู่กับลูกที่บ้านดื้อไหม?” “ไม่ดื้อค่ะ จะว่าไปตอนนี้หนูเริ่มชินแล้ว หน้าที่แม่ยิ่งใหญ่จริง ๆ แบบว่า เหนื่อยจนชินค่ะ” แม่ขำเบา ๆ พร้อมกับเขย่าขวดนมเตรียมป้อนปลายฝน ก่อนที่ฉันจะอุ้มณพลอยเข้าเต้าอีกคน และนั่งมองน้องไปด้วย ปลายฝนเป็นเด็กที่ไม่เหมือนเด็ก แววตาเธอเหมือนผู้ใหญ่ที่เฝ้าสังเกตและสำรวจตลอดเวลา ฉันไม่อยากเชื่อ ว่าเด็กเดือนกว่า ๆ จะรู้เรื่องและทำอะไรทุกอย่างเป
คุณน้ำหวานยิ้มให้ฉัน เหมือนเป็นรอยยิ้มแห่งความหวัง เราเป็นแม่คนและมีหลานเหมือน ๆ กัน เราดูกันออก แล้วคุณน้ำหวานก็พาฉันไปที่ห้องเด็กอ่อนทันที ที่ตอนนี้ในห้อง มีตำรวจสองสามคนยืนคุยกับกุมารแพทย์ “เรื่องถึงไหนแล้วคะ?” คุณน้ำหวานถามทันทีเมื่อเดินไปถึง ฉันจึงค่อย ๆ เดินอ้อมไปดูเด็กผู้หญิงคนนั้นที่เตียงเด็ก ตายแล้ว เหมือนที่คุณน้ำหวานพูดเลย เธอน่ารักจิ้มลิ้มจริง ๆ ตอนเธอร้องไห้ฉันรู้สึกเศร้าใจตาม อยากจะอุ้มขึ้นมาโอ๋มาก ‘อุแว้~ อุแว้~’ มีรอยมดกัดเต็มแก้ม น่าสงสารจริง ๆ ทำไมถึงทิ้งได้ลง ลูกทั้งคนนะ “ดูจากกล้องวงจรปิด มีคนอุ้มเด็กมาทิ้งราว ๆ เจ็ดโมงเช้าครับ ลักษณะรูปร่างคล้ายผู้หญิง เธอสวมหมวกบัตเก็ตกับมาสก์ปิดปาก และเธอเอียงตัวหลบเหมือนรู้จักมุมกล้องเป็นอย่างดี” คุณน้ำหวานพยักหน้ารับ พลางก้มมองเจ้าตัวเล็กที่ร้องงอแงไปด้วย “เห็นป้ายทะเบียนรถไหมคะ?” “ไม่เห็นครับ เพราะเธอเดินมา และเธอก็เดินเท้าเปล่าด้วย” แล้วฉันกับคุณน้ำหวาน ก็หันไปถามพร้อมกัน “เท้าเปล่า?” จริงอยู
“ณพิม เหมือนอ้วนตอนเด็ก ๆ” คุณหมอเขามองหน้าณพิมสลับกับฉัน ดูสายตาเขาสิ มันเป็นประกายมาก ถ้าถอดมาสก์ปิดปากออก ฉันคงได้เห็นรอยยิ้มกว้าง ๆ ของเขา “แต่ณพลอยเหมือนเบบี๋นะ เค้าอยากให้ลูกมีลักยิ้มเหมือนเบบี๋จัง” “ไม่แน่ณพลอยอาจจะมี ใช่ไหมครับ ลูกสาวพ่อ” ละมุนจริง ๆ เลยกับลูกสาวเนี่ย “จ้า ลูกสาวหมอนาวา” ฉันล้อเขาเสียงอ่อน เพราะตอนนี้รู้สึกเพลียมาก ก่อนที่พยาบาลเธอจะช่วยอุ้มสอง ณ มาถ่ายรูปครอบครัวกัน วิสัญญีแพทย์ก็จะพูดอะไรสักอย่าง จนฉันเผลอหลับไป “ณเพชรอย่าเสียงดังนะลูก แม่หลับอยู่” เสียงสามีฉันนี่น่า โอ้ย... รู้สึกตึง ๆ ท้องจัง “ปะป๊าณเพชรอยากนอนกับแม่ น้องออกมารึยังครับ?” “น้องอยู่ที่ห้องเด็กอ่อนแล้วครับ เช้า ๆ เดี๋ยวพ่อจะพาไปหาน้องนะ ตอนนี้ณเพชรต้องนอนลูก” “ปะป๊า ณเพชรอยากไปตอนนี้เลยครับ” “รอครับ ณเพชรต้องรู้จักรอ ตอนนี้ตีสี่นะ รบกวนคนอื่นเขา” แล้วเสียงเล็ก ๆ ของลูกชายก็เงียบไป ถ้าให้ฉันเดา ตอนนี้เขาคงเดินกอดผ้าทำหน้าบึ้งใส่พ่ออยู่ โถลูก... แม่ไม่ไหวจริง ๆ
ณเพชรปราบพ่อนาวาอยู่หมัด หลังจากวันนั้น ความบันเทิงก็เกิดขึ้นนับไม่ถ้วน เมื่อฉันต้องเข้าแอ็ดมิทที่โรงพยาบาลเพื่อรอคลอด แน่นอนพ่อนาวาต้องเลี้ยงณเพชรมากกว่าเดิม หนำซ้ำบางวันมีณภัทรมาด้วย รายนั้นเขาไม่เถียงพี่เขยหรอก แต่ณเพชรนี่สิ สายกวนประสาทพ่อ “ปะป๊า วันก่อนณเพชรเอาเรื่องปะป๊าไปถามคุณครู คุณครูบอกว่า... “ “อะไรนะณเพชร?” “ครับ ปะป๊าไม่อธิบายเรื่องช้างน้อย ณเพชรเลยถามคุณครูครับ” คุณหมอนาวาทรุดนั่งข้าง ๆ ลูกชาย ก่อนจะชันเข่าขึ้นมากอดไว้ “ชีวิตกูเนี่ยนะ” “ชีวิตปะป๊าทำไมครับ ช้างน้อยปะป๊าโกรธณเพชรเหรอ?” เขาเงยหน้าขึ้น มองฉันขอความช่วยเหลือ เพราะคำว่าช้างน้อย ฉันสอนณเพชรพูดเองล่ะ เอ่อ ของพ่อไม่มีคำว่า ‘น้อย’ นะลูก ช้างเลยล่ะ! “ถ้าณเพชรไม่ลืมเรื่องนี้ พ่อนี่แหละจะโกรธ” ณเพชรเงียบ และหันไปหาณภัทร จนน้าเขาชี้นิ้วไปจิ้มอกหลานเบา ๆ “ฟังน้า อย่าทำให้พ่อโกรธเข้าใจไหม เดี๋ยวโตขึ้นพ่อไม่ให้ตังค์ไปโรงเรียน” สอนหลานน่ารักเชี
เรื่องดุลูก ปากคุณหมอศัลนี่ไวจริง ๆ ฉันต้องอุ้มณเพชรไปห่าง ๆ เขา จนลูกหลับถึงได้กลับมาขึ้นเตียงนอนเหมือนเดิม ณเพชรเป็นแบบนี้จนถึงสามขวบ เป็นลูกชายที่ติดแม่เหมือนนาวีลูกซินน์ และฉันไม่สามารถที่จะโอ๋ประคบประหงมเขาได้เหมือนแต่ก่อน เพราะตอนนี้ฉันก็ท้องจวนคลอดแล้ว ใช่ค่ะ กว่าจะท้องแฝดได้ ฉันกับคุณหมอศัลเราปั๊มกันนานเหลือเกิน แต่เราภูมิใจนะ ที่ท้องแฝดและได้ผู้หญิงเหมือนที่ตั้งใจ ลูกสาวสองคนห่างจากพี่ชายสามปี พอดิบพอดีที่จะเป็นเพื่อนกับลูกสาวไออุ่น นึกไม่ถึงล่ะสิ! ไออุ่นท้องแล้ว ฮ่า ๆ ฉัน น้ำปั่น ซินน์ รู้ข่าวปุ๊บ ก็นัดกันไปขำใส่หน้ามันปั๊บ! เพราะน้ำปั่นโอมเพี้ยง ๆ ใส่ท้องมันทุกครั้งที่เจอกัน ตอนนี้มันท้องได้สี่เดือนแล้ว แถมได้ลูกสาวด้วย มันหงุดหงิดเวียร์หนักมาก นั่งยันนอนยันว่าคลอดคนนี้จะทำหมันเหมือนซินน์ อย่าว่าแต่ไออุ่นเลยฉันก็จะทำหมันเหมือนกัน เพราะณเพชรไม่ได้เลี้ยงง่ายเหมือนเดิม ยิ่งพูดได้ยิ่งแสบ รู้ทุกเรื่อง! ยิ่งกับณภัทรน้าเขา คือเข้าขากันดีมาก แต่โชคดีที่ณเพชรเขาไม่เถียงฉัน เขาเถียงพ่อแทน! เถียงเหมือนที่คุณหมอ
คุณหมอศัลดูช็อกนิด ๆ แต่ก็ไม่พูดอะไร จนเขาเปิดประตูห้องออกไป ฉันถึงพาลูกกลับไปนอนที่เตียงเด็กและรีบอาบน้ำ แต่งหน้าแต่งตัวเรียบร้อยก็พอดิบพอดีที่ลูกตื่น อาจจะช้าไปบ้าง เพราะฉันต้องสุ่มเดินไปดูว่าณเพชรตื่นรึยังเพราะเขาตื่นมา เขาจะมองเพดานเงียบ ๆ ไม่ส่งเสียงร้องอะไร พอเขาตื่นฉันก็อาบน้ำแต่งตัวให้ เรื่องอาหารเด็กอ่อน ให้เขาไปกินที่บ้านกับน้าณภัทรแล้วกัน ฉันไม่ว่างทำ ถึงลูกจะเลี้ยงง่ายแต่ไม่ใช่ฉันไม่เหนื่อย เหนื่อยมาก! ฉันเป็นคุณแม่ยังสาวที่หุ่นดีจนผู้ชายมองเหลียวหลัง จะบอกอะไรให้ แต่ก่อนหุ่นฉันเฉย ๆ มาก! รูปทรงก็ไม่ค่อยชัดและได้สัดส่วน แต่หลังจากคลอดลูกเท่านั้นแหละ คนละคนกันเลยนมตูดมาเต็ม! ซึ่งฉันชอบมาก... สามีก็ชอบ จัดการลูกเรียบร้อยฉันก็ขับรถออกจากคอนโด เราสองแม่ลูกแวะซุปเปอร์กันนิดหน่อย ฉันซื้อแครอท ซื้อบรอกโคลี ณเพชรเขาไม่ดื้อนะ เขาแค่มองตามมือฉันว่าฉันหยิบจับอะไร บ้างก็อยากจับด้วยเพราะสงสัย เป็นแบบนี้จนฉันซื้อของเสร็จ พอถึงบ้านฉันก็เอาผักทุกอย่างไปล้างให้เขานั่งเล่นที่พื้น สีส้มของแครอทสีชัดเจน บรอกโคลีก็เขียว
ฉันยกมือบีบแขนคุณหมอศัลเบา ๆ บีบจนเขาเงยหน้าที่ซุกตามซอกคอ ขึ้นมาจุมพิตที่ริมฝีปากฉัน “ขอแฝดหญิงนะคะที่รัก” “ครับ” รับปากฉันเสร็จเขาก็ก้มลงประทับริมฝีปากบบาง ก่อนจะเลื่อนมือที่จับตรงหัวไหล่ ลงมาดึงสายชุดนอน ชุดนอนสายเดี่ยวถูกเขาเกี่ยวสาย ถอดออกอย่างง่ายดาย ฉันตั้งใจใส่เพื่อจะให้นมลูกง่าย ๆ แต่ไม่คิดว่ามันจะง่ายถึงขนาดปลดได้แค่ปลายนิ้วแบบนี้ เมื่อสองเต้าที่เปลือยเปล่าประจันหน้าเขา ริมฝีปากที่พรมจูบเบา ๆ ก็ไล่ลงไปหามัน เขาส่งแค่ปลายลิ้นอุ่น ๆ ตวัดวนเท่านั้น สลับกับมือใหญ่ ที่ลูบคลำตามฐานเต้าเบา ๆ “อื้ม~” ไม่นานฉันก็ถูกถอดพันธการช่วงล่างอย่างรวดเร็ว ตามด้วยมือใหญ่ที่ใช้ปลายนิ้ว ถูตามแยกสวาทฉัน เขาเริ่มกดนิ้วกลางลงเบา ๆ เพื่อกระตุ้นน้ำสวาท บ้างก็พยายามดันมันเข้าไป และถูรอบ ๆ แบบนั้น แต่ทุกอย่างถูกกระทำอย่างเบามือ “อ่ะ อื้ม~ เสียวจัง” ฉันเริ่มบีบไหล่ ที่ขยับต่ำลงไปเรื่อย ๆ ตามหว่างขา โดยที่นิ้วยาวเขายังละเลงเล่นตุ่มกระสันช้า ๆ อยู่แบบนั้น เมื่อริมฝีปากไล่ลงไปถึงยอดที่เขาโปรดปราน เขาก็ลงลิ้นทักทายมันทั