“ไม่ถอดไม่ได้เหรอ?” เขาถอนหายใจ แล้วยกนาฬิกาข้อมือดู
“เธอรู้ไหม ฉันต้องตรวจคนไข้อีกกี่คน อย่าทำให้ฉันและคนอื่นเสียเวลา”
ก็คนมันเขินนี่หว่า! ก้นนะเว้ยไม่ใช้ข้อศอก!
ฉันจำใจค่อย ๆ ปลดกระดุมกางเกงขาสั้นตัวเอง จนเขาหันหน้าไปอีกทาง ฉันถึงดันมันลงไปช้า ๆ แล้วรีบหาผ้ามาคลุมไว้
“นอนคว่ำด้วย” ลำบากฉิบ! พอถอดได้ ฉันก็ค่อย ๆ พลิกตัวนอนคว่ำ ก่อนจะรีบเอามือไขว้หลัง ไปจัดแจงเอาผ้าปิดไว้ โอ้โห... กูเย็นมากค่ะตอนนี้
ก่อนที่เขาจะหันหน้ากลับมา แล้วเดินมาชิดเตียงตรวจ และ... และ กำลังจะเปิดผ้าออก!
“นาวา! ไม่เปิดไม่ได้เหรอ”
“อะไรอีก ไม่เปิด ฉันจะรู้ได้ไงว่ามันช้ำไหม?” ฉันหลับตาปี๋ ไม่กล้าถามอะไรเขาต่อ เพราะยังไง เขาก็ต้องเห็นก้นฉัน! จนเขาค่อย ๆ ดึงผ้าออกช้า ๆ ทำฉันขนลุกซู่ขึ้นมาทันที
กูอยากเอาหน้าซุกหมอน ให้ใจขาดตายตรงนี้เลย!
พอเปิดผ้าออก เขาเหมือนนิ่งไปสักพัก คงมองก้นฉันอยู่มั้ง... จนฉันสัมผัสได้ถึง มือเย็น ๆ ที่แตะลงเบา ๆ ตามผิว
ฮือ... สัมผัสแรกจากมือชาย!
“โอ๊ะ โอ้ย... เจ็บอ่ะ” ฉันร้องเสียงหลงขึ้นมาทันที เมื่อเขาใช้นิ้วกดลงเบา ๆ
“ต้องกด เนื้อเยื่ออ่อนช้ำ ถ้าแบบนี้ล่ะ เธอเจ็บไหม?” ทำไมเสียงเซ็กซี่จังคุณหมอ ขนลุกหมดแล้ว ถ้าได้เห็นหน้าด้วย ใจฉันได้ขาดตายตรงนี้แน่!
“โอ้ย!”
“อืม คงต้อง x-ray ดูกระดูกสันหลังและก้นกบ” พูดจบเขาก็ดึงผ้ามาคลุมให้ ก่อนที่ฉันจะนอนทำใจอยู่สักพัก ไม่กล้าพลิกตัวกลับไปมองหน้าเขา
“ใส่กางเกงซะ ฉันจะส่งตัวเธอไปห้องเอกซเรย์”
ทำไงดี จะยกก้นดึงกางเกงใส่ก็ไม่ไหว...
“พลิกตัวกลับมาได้แล้ว ฉันมีตรวจต่อ” เขาเริ่มเสียงเข้มใส่ฉัน ก่อนที่ฉันจะทนแรงกดดันจากเสียงถอนหายใจเขาไม่ไหว ค่อย ๆ พลิกตัวกลับมา แล้วพยายามดึงกางเกงตัวเองขึ้น
โอ้ย ทำไมดึงขึ้นยากแบบนี้วะ!
ฉันยึกยักอยู่นาน เพราะยกก้นที่ทรมานไม่ไหวจริง ๆ จนเขายืนเอามือกอดอกมองฉันนิ่ง ๆ
“อะไร ดึงไม่ไหว?”
“อะ… อื้อ ระ… เรียกน้องให้หน่อยได้ไหม” เขาไม่ตอบ แต่เดินมาใกล้ ๆ ฉันแทน ก่อนที่จะจับแขนฉันแล้วเปิดผ้า พรึบ! แล้วดึงกางเกงขึ้นเลย!
ฮือ! เขาเห็นทั้งหน้าทั้งหลังเลย แม่จ๋า!
“ติดกระดุมเอง แค่นี้ก็เกินหน้าที่ฉันแล้ว” เขารีบเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน แล้วนั่งเขียนอะไรบางอย่าง อย่างรวดเร็ว จนฉันเริ่มเห็นแก้มขาว ๆ ของเขาแดงขึ้น แดงขึ้น
ตาไม่ได้ฝาด! หน้าเขาแดงจริง ๆ ฉันนอนมองเขาสักพักเพื่อความแน่ใจ จนเขาเงยหน้าขึ้นมาสบตาพอดี!
“แหะ ๆ”
“ยิ้มทำไม”
“เอ่อ ก็ยิ้มขอบคุณที่นายตรวจให้”
“ฉันทำตามหน้าที่” พูดจบก็ถือแฟ้มเดินมาหาฉัน ก่อนที่จะพยุงฉันที่ร้องโอดโอยทรมาน ลงไปนั่งรถเข็นเหมือนเดิม
และเขาก็ส่งแฟ้มให้ฉันถือ ก่อนที่จะเปิดประตู แล้วเข็นฉันออกมาจากห้อง จนใบไม้ที่นั่งรอรีบลุกจากเก้าอี้ทันที
“หมอ พี่สาวหนูจะเป็นอัมพาตไหม” ปาก!
“เวอร์น่าใบไม้”
“ไม่หรอก เอ็กซเรย์ก่อน” เขาหันไปตอบใบไม้แล้วเข็นรถฉันไปต่อ จนพยาบาลวิ่งเข้ามาหา
“คุณหมอคะ ยังมีคนไข้อีกหกคนค่ะ” ขายาว ๆ ของเขาหยุดชะงักทันที ก่อนที่เขาจะยืนนิ่งแล้วมองไปที่แฟ้มประวัติฉัน
“อืม งั้นผมฝากด้วย” และเขาก็หันไปบอกพยาบาล แล้วเดินกลับห้องตรวจไป
แล้วพยาบาลคนนั้น ก็เดินมาเข็นรถฉันไปห้องเอกซเรย์แทน พอฉันเอกซเรย์เสร็จก็ถูกส่งต่อไปหาหมออีกคน ที่ตรวจฟิล์มเอกซเรย์ แล้ววินิจฉัยให้
สรุปว่าก้นกบหรือกระดูกสันหลังฉันไม่หักหรือร้าวอะไร แต่ช้ำหนักมาก! จนได้ยามากินหลายตัว และหมอยังบอกอีกว่า แค่นอนพักและประคบก็หายแล้ว เฮ้อ! โชคดีของฉันจริง ๆ ที่ไม่เป็นอะไรมาก
กลับมาจากโรงพยาบาลคนดูแลฉันก็ไม่ใช่ใคร ใบไม้นั่นล่ะ! ทั้งประคบ ทั้งเตรียมน้ำเตรียมยา ทำฉันเห็น แล้วอดซึ้งใจไม่ได้จริง ๆ
“ใบไม้ ถ้าเจ๊ไม่มีผัวไม่มีลูก ขอลูกแกมาเลี้ยงได้ป่าว ตอนแก่กลัวไม่มีคนดูแล”
“เจ๊จะไปคิดมากทำไม บ้านพักคนชรายังมี”
เนี่ย น้องกูเป็นแบบเนี้ย!
ฉันนั่ง ๆ นอน ๆ ทั้งวัน ใบไม้ก็ประคบก้นฉันทั้งวัน งานการไม่ต้องทำมันแล้ว ฉันไม่ให้มันไปไหนทั้งนั้นล่ะ ถ้าไม่ดูแลฉัน ฉันฟ้องพ่อจริง ๆ ด้วย
อารมณ์คนป่วยออดแอดมันอยากมีคนดูแลเข้าใจไหม! ถ้าไม่มีใบไม้อยู่ด้วย ฉันได้นอนร้องไห้แน่ ๆ
“เจ๊หนูกลับก่อนนะ พ่อเรียก” พ่อเรียก?
“อย่าเพิ่ง ให้ฉันเดินไหวก่อนสิ”
“โหย เจ๊ต้องบอกพ่อแล้วล่ะ ว่าเป็นอะไร พ่อเร่งหนูเนี่ย!” ฉันฟุบหน้าลงหมอนทันที ถ้าบอกพ่อบอสพ่อต้องเฝ้าฉันจนหายอีกดิ ไม่เป็นอันทำอะไรพอดี!
แต่ทำไงได้ เหมือนใบไม้ มันไม่อยากอยู่กับฉันแล้ว!
“อืม แกบอกเถอะ” แล้วใบไม้ก็ลุกขึ้นออกไปโทรหาพ่อบอส ฉันไม่รู้หรอก ว่านางโทรบอกพ่อว่าไง เพราะเดินไปไกลเหลือเกิน
จนใบไม้เดินกลับมา แล้วหยิบกระเป๋าขึ้นไปสะพาย
ไปไหนวะ!
“ไปไหน!”
“เดี๋ยวพ่อกับแม่มา หนูไปหาผู้ชายแป๊บ” ผู้ชาย! ไหนว่าพ่อเรียก? อะไรวะ ขนาดใบไม้ยังมีชายให้ไปหาเลย แล้วกูล่ะ ฮือ...
ฉันยังสตั๊นกับใบไม้ไม่หาย จนนางเดินออกไปจากห้อง ทิ้งฉันให้นอนเฉาคนเดียว ช่างเถอะ ไม่มีใบไม้ฉันยังมีทิชา ไม่ง้อก็ได้! แต่พึ่งทิชาแล้วฉันจะรอดไหม นี่ล่ะคือปัญหา เฮ้อ... น้องกูแต่ละคน
ฉันไม่ได้มีแค่น้องสาวหรอก ฉันมีน้องชายแฝดลูกพ่อบอสแม่กิ่งด้วย ชื่อต้นไม้ กับต้นกล้า ต้นไม้เป็นนักบิน ตอนนี้คงไปบินกับเพื่อนชื่อไคล์ ซึ่งไคล์ก็เป็นลูกชายเพื่อนพ่อบอสแม่กิ่งนี่ล่ะ
ส่วนต้นกล้านั้นไปเรียนวิศวะซอฟต์แวร์ที่อเมริกา ฉันไม่ได้เจอนานแล้ว แต่ยังติดต่อในไลน์อยู่บ้างเป็นครั้งคราว
คิดไปคิดมา ฉันก็เผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ หลับทั้งที่นอนคว่ำหน้าอยู่ จน...
“ปลายฟ้า... เป็นไงบ้างลูก ไหวไหมเนี่ย ทำไมไม่บอกพ่อล่ะ” อยู่ ๆ พ่อบอสก็เดินมานั่งยอง ๆ ข้างฉัน ก่อนจะเอื้อมมือมาลูบหัวฉันเบา ๆ ไปด้วย
“นิดหน่อยเองค่ะ กินยาประคบก็หายแล้ว หนูไม่อยากให้พ่อคิดมาก”
“ยิ้มอีกแล้ว ปลายฟ้าเอ้ย นิดหน่อยก็ต้องบอกแม่กิ่งนะคะลูก ไหนแม่ดูหน่อย... นี่ นายออกไปก่อนฉันจะดูก้นลูก” อยู่ ๆ แม่กิ่งก็ถือผ้าประคบเดินมา ก่อนที่จะส่งสายตา ไล่พ่อบอสออกไปจากห้องด้วย
จนพ่อบอสยีผมฉันเบา ๆ แล้วเปิดประตูออกไป แม่กิ่งก็ประคบก้นให้ฉันพักใหญ่ ก่อนจะป้อนข้าว ป้อนยาอีกรอบ จนฉันค่อย ๆ พลิกตัวนอนปกติได้
“แม่ว่า ไม่กี่วันก็หายแล้ว ดูรอยช้ำ ๆ จางลง ทำอะไรก็ค่อย ๆ นะลูก”
“งั้นก็ดีเลยค่ะ แม่กิ่งกลับเถอะ หนูเริ่มขยับตัวได้แล้ว น่าจะไหว เดี๋ยวจะลองทำอะไรเองดูบ้าง”
ฉันหันไปยิ้มกว้างให้ท่านจนพ่อบอสเคาะประตูห้อง แล้วเปิดเข้ามา
“ลุกเดินได้รึยังล่ะ ให้พ่อกับแม่กลับอ่ะ” เห็นป่ะ พ่อบอสไม่เคยยอมอะไรง่าย ๆ ต้องฉันไหวจริง ๆ ถึงจะกลับ ฉันจึงค่อย ๆ ดันตัวลุกขึ้นนั่ง ก่อนที่จะประคับประคองตัวเองลุกขึ้นจากเตียง แล้ว เดิน เดิน เดิน
โอ้ย... เจ็บแต่ฝืนทุกฝีก้าว!
จนพ่อบอสยิ้มกว้าง และปรบมือให้ฉันรัว
‘แปะ แปะ แปะ แปะ’
“ฮ่า ๆ เหมือนดูปลายฟ้าหัดเดินตอนเด็ก ๆ” นั่นไง
“เห็นไหมคะหนูบอกแล้ว ว่าไหว พ่อบอสกับแม่กิ่งไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ หนูโอเค๊” ฉันทำนิ้วโอเคให้ท่านทั้งสองจนแม่กิ่งลุกขึ้น เดินมาหา
“โอเค งั้นกลับกันเถอะ มีอะไรโทรมาเลยนะ เข้าใจไหม” แม่กิ่งเอาผมทัดหูแล้วยิ้มให้ฉัน ก่อนที่ท่านจะเดินจับมือกับพ่อบอสเปิดประตูออกไป
เฮ้อ! ฉันรีบคว้าพนักเก้าอี้ไว้ทันที หลังจากที่ฝืนยืนนานหลายนาทีอย่างทรมาน บ้าเอ้ย!
‘กริ่ง กริ่ง’
ใครมาอีกวะ! ฉันค่อย ๆ จับผนัง จับโต๊ะ จับเก้าอี้เดินไปส่องตาแมวดู แต่กลับไม่เห็นใคร
ใครแกล้ง เฮ้ย! ไม่เห็นใครแบบนี้ เหมือนเมื่อคืนเด๊ะ หรือว่า...
บ้า เขาจะมาทำไม?
ฉันตัดสินใจเปิดประตูดูทันที ไม่ใช่ ยังไงก็ไม่ใช่!
ซะที่ไหน! พอหันไปทางซ้ายเท่านั้นล่ะ ฉันก็เห็นเขายืนอยู่จริง ๆ ท่าเดิมเหมือนเมื่อคืนเป๊ะ ๆ
“นาวา มะ… มาทำอะไรเหรอ”
“ดูอาการเธอ”
ห้ะ! หมอโรงพยาบาลนี้ดีอ่ะ ตามดูอาการคนไข้ถึงคอนโดเลย
“แม่คะ ถ้าให้แม่เปรียบความรัก กับอะไรสักอย่าง แม่จะเปรียบมันเหมือนอะไร?” คำถามแรกบนโต๊ะอาหาร เมื่อฉันกำลังจะจากจังหวัดภูเก็ตในอีกไม่กี่ชั่วโมงนี้ จนแม่ผู้ถูกถามตกใจ เงยหน้าขึ้นมาทันที ท่านคงจะสงสัย ว่าทำไมอยู่ ๆ ฉันถามอะไรแบบนี้ เฮ้อ... จะบอกว่าไงดี ฉันแก่แล้ว! ฉันอยากมีผัว แต่ฉันไม่กล้าจริง ๆ ฉันกลัวไปหมด กลัวโดนเท กลัวผิดหวัง เพราะอะไรน่ะเหรอ? เพราะฉันเอง ยังไม่มีพ่อแท้ ๆ กับเขาเลย แม่เป็นซิงเกิ้ลมัม ฉันเป็นเด็กกำพร้าพ่อ แต่โชคดีของฉัน ที่ลุงบอส ลุงแท้ ๆ รับฉันเป็นลูกแทน และยังมีแม่เมย์ลิน พ่อที เจ้าของอนันธารากรุ๊ป รับฉันเป็นลูกบุญธรรมอีก แต่มันก็เท่านั้น ใจฉัน ฉันยังอยากตามหาพ่อแท้ ๆ อยู่ดี ไม่รู้ว่าท่านเป็นใคร อยู่ที่ไหน ทำไมแม่ฉันถึงได้ปิดเงียบ ไม่บอกอะไรฉันเลย และดูท่าจะเกลียดพ่อมากด้วย “ถ้าให้แม่เปรียบ ก็คง... เหมือนอะไรสักอย่างที่น่าขยะแขยง” ฉันถึงกลับนั่งนิ่ง เมื่อได้ยินคำตอบจากปากแม่ ฉันบอกแล้ว ว่าแม่ เกลียดพ่อ แม่เกลียดความรัก และพร่ำสอนฉันมาตลอดว่า ความรักน่ะ ไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด ไม่ต้อ
“มึงช้าตลอดซินน์” ไออุ่นเบะปากใส่ซินน์ทันทีเมื่อมันเดินมาถึงโต๊ะ ก่อนจะหยิบแก้วมาชงเหล้าให้ “ขอเข้ม ๆ นะเพื่อน” เข้ม ๆ “เข้มอะไร พ่อมึงมา กูเห็นออร่าพ่อมึง” ฉันชี้ไปที่ห้องวีไอพีชั้นบน จนมันถอนหายใจใส่ “พ่อแม่พวกมึงไม่หวงบ้างเหรอ ถามจริง” ฉันอดขำมันไม่ได้เลย หน้าบูดบึ้งสุด ๆ “หวงทำไม พวกกูโตแล้ว” ฉันเอามือปิดปากหัวเราะ มีแต่ไอ้ซินน์ที่ถอนหายใจใส่พวกเรา เออ โดนพ่อคุมแบบนี้ เป็นใคร ใครก็เซ็ง! เฮ้ย! เดี๋ยว ๆ ตอนนี้มันซดเหล้าที่ไออุ่นชงให้หมดแก้วแล้ว! “โอ้ย! อดอยากมาจากไหนเนี่ย” ไออุ่นรีบตีมือซินน์ดัง เพียะ “โอ้ย มึงอ่ะ ชงมาด่วน ๆ เลย จะได้รีบเต้น รีบกลับ กลัวใจคุณพ่อว่ะ” มันพูดไปมองหาพ่อตัวเองไป “เออ ๆ เห็นซดเหล้าพรวด ๆ แบบนี้ แล้วคิดถึงน้ำปั่นเลย ไม่รู้เรียนที่อังกฤษเป็นไงบ้าง ได้หลัวฝรั่งแล้วมั้ง ฮ่า ๆ” ไออุ่นชงเหล้า และเต้นไปด้วย เหมือนที่มันพูดถึงนั่นแหละ ฉันมีเพื่อนอีกคนชื่อน้ำปั่น ตอนนี้มันไปอบรมวิชาชีพที่อังกฤษ นางเป็นสัตวแพทย์ ฉันเต้นสักพักก็เผลอไปเห็นนาวิ
ฉันได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ แล้วกัดฟันตอบเขาไป “ฉันไม่เคยรู้เลย ว่าฉันเคยอ้วนด้วย” เขาเอามือล้วงกระเป๋า มองฉันหัวจรดเท้า “ไม่เคย ตอนนี้ก็อ้วน” ฉันถึงกลับอ้าปากค้าง! เขาเป็นผู้ชายคนแรก ที่บอกว่าฉันอ้วน! กูเอวยี่สิบสี่เองนะ พูดอะไรเกรงใจกางเกงไซส์เอสกูบ้าง! “เหอ ๆ โอเค… ฉันไม่ถือ เพราะนายเป็นคนแรก ที่ว่าฉันอ้วน ตานายคงไม่ถึงเอวเอสฉัน” “อืม ตามใจ แล้วเธอ?” เขาชี้มาที่ฉันสลับกับถนน คงจะถามว่าฉันรออะไรสินะ “อ๋อ ฉันรอแฟนมารับ” หมั่นไส้ บอกว่าแฟนมารับซะเลย “อืม ๆ” เขาพยักหน้าเบา ๆ แล้วเปิดประตูขึ้นรถไป ฉันเองได้แต่ยืนรอแท็กซี่ คันไหนขับผ่าน ก็ไม่ใครจอดรับฉันเลย! จนแล้วจนเล่า จนมันดึกขึ้นเรื่อย ๆ หาว~ “แฟนเธอขับแท็กซี่เหรอ” ฉันเอามือปิดปากตัวเองที่หาวแทบไม่ทัน เมื่ออยู่เขา ก็เดินมายืนข้าง ๆ “อืม ๆ ทะเลาะกันนิดหน่อย” เขามองไปที่ถนนแล้วหัวเราะเบา ๆ หัวเราะที่กูหาวปากกว้างแน่ ๆ “หึหึ โกหกเก่งนะ” “โกหก? เอ่อ แล้วนายลงมา ทำไม
ฉันได้แต่จ้องหน้าขาว ๆ จมูกโด่งของเขา... บ้า ทำไมมันดึงดูดกันขนาดนี้ ฉันละสายตาไปไหนไม่ได้เลย ใจก็เต้นแรง แรงจนแทบจะทะลุออกมาแล้ว! “จะกอดฉันอีกนานไหม ฉันร้อน” และเขาก็มองไปที่แขนฉัน ก่อนที่ฉันจะดึงสติกลับมาได้ แล้วรีบกลับมายืนปกติทันที “แหะ ๆ เอ่อ... นี่ ขอบใจนะ ที่เอากระเป๋ามาคืน” เขาพยักหน้าแล้วยื่นให้ฉันอีกรอบ “ฉันคิดว่าเธอ จำเป็นต้องใช้ของบางอย่างในนั้น รีบรับไว้สิ รำคาญ” ของบางอย่าง ที่จำเป็นต้องใช้? เฮ้ย ยาคุม! ฉันรีบคว้ากระเป๋ามาเปิดดูทันที ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างสงสัย เขารู้ได้ไง! ว่ากระเป๋าฉันมียาคุม? “นายเปิดกระเป๋าฉันเหรอนาวา?” “นี่! กระเป๋าเธอมันตกที่พื้น ของเธอกระจัดกระจายเต็มรถ ก็ต้องเก็บสิ!” “เอ่อ… แล้ว แล้ว… นายเห็นไอ้ยาแผงนี้เหรอ คือฉันไม่ได้กินเพื่อ” “ฉันไม่ได้ถาม” เพล้ง หน้ากูแตกกระจาย หล่นลงไปกองที่พื้น “แหะ ๆ ไม่บอกก็ได้” แล้วเขาก็หันหลังเดินออกไป ก่อนที่ฉันจะเห็นเขาเอามือปิดปากตัวเอง แล้วหาวไปด้วย เขาง่วง? “นาวา น
ไอ้เด็กคนนี้! “ไม่ได้ให้มารักษา แต่มาเปลี่ยนชุดให้หน่อยสิ ฮือ ๆ เจ๊ยังใส่ชุดนอนอยู่เลยไม้เอ้ย” (เฮ้อ หนูบอกแล้วให้หาแฟน เออ ๆ เดี๋ยวไป) ตอบเสร็จก็ตัดสายไปเลย ฉันลุกไม่ไหว จะลุกไปแปรงฟันยังไม่ได้เลย เข้าใจกันหน่อย! ไม่นาน ใบไม้ที่อยู่คอนโดตึกถัดไปก็เปิดประตูเข้ามา ไม่ต้องแปลกใจ ทำไมนางเข้ามายืนหน้านิ่งตรงหน้าฉันได้ เพราะห้องนี้ พ่อบอสซื้อให้ฉันกับใบไม้อยู่ตอนมหาลัย เราจึงมีคีย์การ์ดคนละใบ “ใบไม้ หยิบเครื่องสำอางกับโทนเนอร์มาด้วยสิ” ใบไม้มองหน้าฉันเซ็ง ๆ ก่อนจะหาถุงพลาสติก โกยเครื่องสำอางบนโต๊ะฉันใส่ แล้วเดินมานั่งบนเตียง “ลุกไม่ไหวเลยเหรอ” “อื้อ... บีบโทนเนอร์ให้เจ๊หน่อย เร็ว ๆ เดี๋ยวรถโรงบาลมา” ใบไม้ดูเซ็งฉันมาก แต่นางก็ทำตามที่ฉันสั่งทุกอย่าง แม้กระทั่งเปลี่ยนเสื้อผ้า และแต่งหน้าให้ “เอ่อเจ๊... บอกตรง ๆ เหมือนแต่งหน้าศพ” ใบไม้! “ปากเหรอนั่น! เออ อย่าบอกพ่อบอสกับแม่กิ่งนะ ไม่อยากให้ท่านเป็นห่วง” เบะปากใส่ฉันทันที “ยัดเยียดบาปให้หนูอีกแล้ว” “ตร
“ไม่ถอดไม่ได้เหรอ?” เขาถอนหายใจ แล้วยกนาฬิกาข้อมือดู “เธอรู้ไหม ฉันต้องตรวจคนไข้อีกกี่คน อย่าทำให้ฉันและคนอื่นเสียเวลา” ก็คนมันเขินนี่หว่า! ก้นนะเว้ยไม่ใช้ข้อศอก! ฉันจำใจค่อย ๆ ปลดกระดุมกางเกงขาสั้นตัวเอง จนเขาหันหน้าไปอีกทาง ฉันถึงดันมันลงไปช้า ๆ แล้วรีบหาผ้ามาคลุมไว้ “นอนคว่ำด้วย” ลำบากฉิบ! พอถอดได้ ฉันก็ค่อย ๆ พลิกตัวนอนคว่ำ ก่อนจะรีบเอามือไขว้หลัง ไปจัดแจงเอาผ้าปิดไว้ โอ้โห... กูเย็นมากค่ะตอนนี้ ก่อนที่เขาจะหันหน้ากลับมา แล้วเดินมาชิดเตียงตรวจ และ... และ กำลังจะเปิดผ้าออก! “นาวา! ไม่เปิดไม่ได้เหรอ” “อะไรอีก ไม่เปิด ฉันจะรู้ได้ไงว่ามันช้ำไหม?” ฉันหลับตาปี๋ ไม่กล้าถามอะไรเขาต่อ เพราะยังไง เขาก็ต้องเห็นก้นฉัน! จนเขาค่อย ๆ ดึงผ้าออกช้า ๆ ทำฉันขนลุกซู่ขึ้นมาทันที กูอยากเอาหน้าซุกหมอน ให้ใจขาดตายตรงนี้เลย! พอเปิดผ้าออก เขาเหมือนนิ่งไปสักพัก คงมองก้นฉันอยู่มั้ง... จนฉันสัมผัสได้ถึง มือเย็น ๆ ที่แตะลงเบา ๆ ตามผิว ฮือ... สัมผัสแรกจากมือชาย! “โอ๊ะ โอ้ย... เจ็บอ
ไอ้เด็กคนนี้! “ไม่ได้ให้มารักษา แต่มาเปลี่ยนชุดให้หน่อยสิ ฮือ ๆ เจ๊ยังใส่ชุดนอนอยู่เลยไม้เอ้ย” (เฮ้อ หนูบอกแล้วให้หาแฟน เออ ๆ เดี๋ยวไป) ตอบเสร็จก็ตัดสายไปเลย ฉันลุกไม่ไหว จะลุกไปแปรงฟันยังไม่ได้เลย เข้าใจกันหน่อย! ไม่นาน ใบไม้ที่อยู่คอนโดตึกถัดไปก็เปิดประตูเข้ามา ไม่ต้องแปลกใจ ทำไมนางเข้ามายืนหน้านิ่งตรงหน้าฉันได้ เพราะห้องนี้ พ่อบอสซื้อให้ฉันกับใบไม้อยู่ตอนมหาลัย เราจึงมีคีย์การ์ดคนละใบ “ใบไม้ หยิบเครื่องสำอางกับโทนเนอร์มาด้วยสิ” ใบไม้มองหน้าฉันเซ็ง ๆ ก่อนจะหาถุงพลาสติก โกยเครื่องสำอางบนโต๊ะฉันใส่ แล้วเดินมานั่งบนเตียง “ลุกไม่ไหวเลยเหรอ” “อื้อ... บีบโทนเนอร์ให้เจ๊หน่อย เร็ว ๆ เดี๋ยวรถโรงบาลมา” ใบไม้ดูเซ็งฉันมาก แต่นางก็ทำตามที่ฉันสั่งทุกอย่าง แม้กระทั่งเปลี่ยนเสื้อผ้า และแต่งหน้าให้ “เอ่อเจ๊... บอกตรง ๆ เหมือนแต่งหน้าศพ” ใบไม้! “ปากเหรอนั่น! เออ อย่าบอกพ่อบอสกับแม่กิ่งนะ ไม่อยากให้ท่านเป็นห่วง” เบะปากใส่ฉันทันที “ยัดเยียดบาปให้หนูอีกแล้ว” “ตร
ฉันได้แต่จ้องหน้าขาว ๆ จมูกโด่งของเขา... บ้า ทำไมมันดึงดูดกันขนาดนี้ ฉันละสายตาไปไหนไม่ได้เลย ใจก็เต้นแรง แรงจนแทบจะทะลุออกมาแล้ว! “จะกอดฉันอีกนานไหม ฉันร้อน” และเขาก็มองไปที่แขนฉัน ก่อนที่ฉันจะดึงสติกลับมาได้ แล้วรีบกลับมายืนปกติทันที “แหะ ๆ เอ่อ... นี่ ขอบใจนะ ที่เอากระเป๋ามาคืน” เขาพยักหน้าแล้วยื่นให้ฉันอีกรอบ “ฉันคิดว่าเธอ จำเป็นต้องใช้ของบางอย่างในนั้น รีบรับไว้สิ รำคาญ” ของบางอย่าง ที่จำเป็นต้องใช้? เฮ้ย ยาคุม! ฉันรีบคว้ากระเป๋ามาเปิดดูทันที ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างสงสัย เขารู้ได้ไง! ว่ากระเป๋าฉันมียาคุม? “นายเปิดกระเป๋าฉันเหรอนาวา?” “นี่! กระเป๋าเธอมันตกที่พื้น ของเธอกระจัดกระจายเต็มรถ ก็ต้องเก็บสิ!” “เอ่อ… แล้ว แล้ว… นายเห็นไอ้ยาแผงนี้เหรอ คือฉันไม่ได้กินเพื่อ” “ฉันไม่ได้ถาม” เพล้ง หน้ากูแตกกระจาย หล่นลงไปกองที่พื้น “แหะ ๆ ไม่บอกก็ได้” แล้วเขาก็หันหลังเดินออกไป ก่อนที่ฉันจะเห็นเขาเอามือปิดปากตัวเอง แล้วหาวไปด้วย เขาง่วง? “นาวา น
ฉันได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ แล้วกัดฟันตอบเขาไป “ฉันไม่เคยรู้เลย ว่าฉันเคยอ้วนด้วย” เขาเอามือล้วงกระเป๋า มองฉันหัวจรดเท้า “ไม่เคย ตอนนี้ก็อ้วน” ฉันถึงกลับอ้าปากค้าง! เขาเป็นผู้ชายคนแรก ที่บอกว่าฉันอ้วน! กูเอวยี่สิบสี่เองนะ พูดอะไรเกรงใจกางเกงไซส์เอสกูบ้าง! “เหอ ๆ โอเค… ฉันไม่ถือ เพราะนายเป็นคนแรก ที่ว่าฉันอ้วน ตานายคงไม่ถึงเอวเอสฉัน” “อืม ตามใจ แล้วเธอ?” เขาชี้มาที่ฉันสลับกับถนน คงจะถามว่าฉันรออะไรสินะ “อ๋อ ฉันรอแฟนมารับ” หมั่นไส้ บอกว่าแฟนมารับซะเลย “อืม ๆ” เขาพยักหน้าเบา ๆ แล้วเปิดประตูขึ้นรถไป ฉันเองได้แต่ยืนรอแท็กซี่ คันไหนขับผ่าน ก็ไม่ใครจอดรับฉันเลย! จนแล้วจนเล่า จนมันดึกขึ้นเรื่อย ๆ หาว~ “แฟนเธอขับแท็กซี่เหรอ” ฉันเอามือปิดปากตัวเองที่หาวแทบไม่ทัน เมื่ออยู่เขา ก็เดินมายืนข้าง ๆ “อืม ๆ ทะเลาะกันนิดหน่อย” เขามองไปที่ถนนแล้วหัวเราะเบา ๆ หัวเราะที่กูหาวปากกว้างแน่ ๆ “หึหึ โกหกเก่งนะ” “โกหก? เอ่อ แล้วนายลงมา ทำไม
“มึงช้าตลอดซินน์” ไออุ่นเบะปากใส่ซินน์ทันทีเมื่อมันเดินมาถึงโต๊ะ ก่อนจะหยิบแก้วมาชงเหล้าให้ “ขอเข้ม ๆ นะเพื่อน” เข้ม ๆ “เข้มอะไร พ่อมึงมา กูเห็นออร่าพ่อมึง” ฉันชี้ไปที่ห้องวีไอพีชั้นบน จนมันถอนหายใจใส่ “พ่อแม่พวกมึงไม่หวงบ้างเหรอ ถามจริง” ฉันอดขำมันไม่ได้เลย หน้าบูดบึ้งสุด ๆ “หวงทำไม พวกกูโตแล้ว” ฉันเอามือปิดปากหัวเราะ มีแต่ไอ้ซินน์ที่ถอนหายใจใส่พวกเรา เออ โดนพ่อคุมแบบนี้ เป็นใคร ใครก็เซ็ง! เฮ้ย! เดี๋ยว ๆ ตอนนี้มันซดเหล้าที่ไออุ่นชงให้หมดแก้วแล้ว! “โอ้ย! อดอยากมาจากไหนเนี่ย” ไออุ่นรีบตีมือซินน์ดัง เพียะ “โอ้ย มึงอ่ะ ชงมาด่วน ๆ เลย จะได้รีบเต้น รีบกลับ กลัวใจคุณพ่อว่ะ” มันพูดไปมองหาพ่อตัวเองไป “เออ ๆ เห็นซดเหล้าพรวด ๆ แบบนี้ แล้วคิดถึงน้ำปั่นเลย ไม่รู้เรียนที่อังกฤษเป็นไงบ้าง ได้หลัวฝรั่งแล้วมั้ง ฮ่า ๆ” ไออุ่นชงเหล้า และเต้นไปด้วย เหมือนที่มันพูดถึงนั่นแหละ ฉันมีเพื่อนอีกคนชื่อน้ำปั่น ตอนนี้มันไปอบรมวิชาชีพที่อังกฤษ นางเป็นสัตวแพทย์ ฉันเต้นสักพักก็เผลอไปเห็นนาวิ
“แม่คะ ถ้าให้แม่เปรียบความรัก กับอะไรสักอย่าง แม่จะเปรียบมันเหมือนอะไร?” คำถามแรกบนโต๊ะอาหาร เมื่อฉันกำลังจะจากจังหวัดภูเก็ตในอีกไม่กี่ชั่วโมงนี้ จนแม่ผู้ถูกถามตกใจ เงยหน้าขึ้นมาทันที ท่านคงจะสงสัย ว่าทำไมอยู่ ๆ ฉันถามอะไรแบบนี้ เฮ้อ... จะบอกว่าไงดี ฉันแก่แล้ว! ฉันอยากมีผัว แต่ฉันไม่กล้าจริง ๆ ฉันกลัวไปหมด กลัวโดนเท กลัวผิดหวัง เพราะอะไรน่ะเหรอ? เพราะฉันเอง ยังไม่มีพ่อแท้ ๆ กับเขาเลย แม่เป็นซิงเกิ้ลมัม ฉันเป็นเด็กกำพร้าพ่อ แต่โชคดีของฉัน ที่ลุงบอส ลุงแท้ ๆ รับฉันเป็นลูกแทน และยังมีแม่เมย์ลิน พ่อที เจ้าของอนันธารากรุ๊ป รับฉันเป็นลูกบุญธรรมอีก แต่มันก็เท่านั้น ใจฉัน ฉันยังอยากตามหาพ่อแท้ ๆ อยู่ดี ไม่รู้ว่าท่านเป็นใคร อยู่ที่ไหน ทำไมแม่ฉันถึงได้ปิดเงียบ ไม่บอกอะไรฉันเลย และดูท่าจะเกลียดพ่อมากด้วย “ถ้าให้แม่เปรียบ ก็คง... เหมือนอะไรสักอย่างที่น่าขยะแขยง” ฉันถึงกลับนั่งนิ่ง เมื่อได้ยินคำตอบจากปากแม่ ฉันบอกแล้ว ว่าแม่ เกลียดพ่อ แม่เกลียดความรัก และพร่ำสอนฉันมาตลอดว่า ความรักน่ะ ไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด ไม่ต้อ