เรากลับจากโคราชก็ค่ำแล้ว และวันนี้เหมือนวันรวมญาติยังไงไม่รู้ ถึงกรุงเทพปุ๊บก็สังสรรค์กันต่อเลย ผู้ใหญ่เขาไม่ได้อะไร แต่ฉันนี่ล่ะ ยาก็ไม่ได้กิน จะทายาก็ไม่ได้ทา ใกล้จะหายแล้วแท้ ๆ เฮ้อ... “กลับก่อนไหม ฉันไปส่ง” เมื่อไทม์เห็นฉันนั่งหน้ามุ่ยก็เดินมาหาทันที เพราะตอนนี้ เราอยู่บ้านไทม์ บ้านอนันธารากุลที่ใหญ่มาก… “อ้าว ปลายฟ้าจะกลับแล้วเหรอลูก ง่วงเหรอ?นอนที่นี่สิ” แล้วแม่เมย์ก็เดินมาหาฉันอีกคน ก่อนที่จะนั่งลง แทรกกลางระหว่างไทม์กับฉัน “คงต้องกลับค่ะแม่เมย์ พอดีหนูลืมพกยามาด้วย” “อ้าว! งั้นไทม์ไปส่งปลายฟ้าสิ ทิชา ไปกับพี่ด้วยนะลูก ไปนั่งเป็นเพื่อน ชวนพี่คุย” ไทม์ถอนหายใจทันที เมื่อเห็นทิชาเดินยิ้มมา “ผมขับได้ครับแม่ ทิชาไปด้วยเสียสมาธิตาย” ทิชาได้ยินถึงกลับเบรกไม่ทัน ก่อนที่จะนั่งลงกินข้าวเหมือนเดิม จนแม่ฉันหันมามอง “เจ้าปลาย... งั้นแม่กลับด้วยดีกว่า ง่วง” แล้วแม่ก็ลุกขึ้นหยิบกระเป๋าสะพาย ก่อนที่ฉันจะไหว้ลาทุกคน แล้วเดินมาขึ้นรถ “อาบีมจะว่าไหมครับ ถ้าปลายฟ้
อยู่ ๆ ผมก็มีแฟน... ผมมองข้อความที่ไดเร็คคุยกับปลายฟ้า แล้วนึกขำ เธอบอกว่าผมเป็นแฟนเธอ อืม… เป็นก็เป็น ผมเป็นคนง่าย ๆ อยู่แล้ว โดยเฉพาะกับผู้หญิงที่ทำผมใจสั่นได้คนนี้ เพราะชีวิต มันหมกมุ่นอยู่กับตำรา... ว่างผมก็อ่านหนังสือ ว่างก็หาเคสวินิจฉัย ถามว่าเบื่อไหม? เบื่อ แต่ทำไงได้ ผมเรียนมาหลายปีแล้ว ก็จะฝืนจนกว่ามันจบนั่นล่ะ พูดแล้วก็เครียด กลับมาที่ไอจีไดเร็คยัยอ้วนดีกว่า... ‘ติ๊ง~’ Plaifah: นายป่วยเป็นโรคอะไร ทางสมองรึป่าว แบบ... จิต ๆ ไรงี้ เธอยังคิดว่าผมเป็นโรคจิตอีกเหรอวะ เฮ้อ... ก็ผมพูดไม่เก่ง ให้เข้าหาใครซึ่ง ๆ หน้ายิ่งแล้วใหญ่ ผม: อืม คงเป็นอัลไซเมอร์ เธอมีอะไรก็ระบายออกมาได้ ฉันไม่จำ Plaifah: ตลก นายเป็นใครก็ไม่รู้ ฉันจะระบายเรื่องส่วนตัว กับนายได้ไง ผม: ไม่รู้ไง ถึงระบายได้ Plaifah: ตรง ๆ นะ นายไม่ได้จีบฉัน หรือเป็นโรคจิตใช่ไหม ผม: ไม่มีใครยอมรับว่าเป็นโรคจิต คราวหลังอย่าไปถามใครแบบนี้ Plaifah: ปกติ ฉันไ
“เจ้าปลาย! ตื่น... นี่หลับไปทั้งมือถือแบบนี้ได้ไง อายุเท่าไหร่แล้ว” “เจ้าปลาย!” “คะ ขาแม่!” ฉันรีบลุกจากเตียงทันที ทำไมแม่ต้องปรี๊ดแตกใส่ฉันแต่เช้าด้วย “มือถือไม่วางเลยรึไง ไปอาบน้ำ ไปส่งแม่ที่สนามบินด้วย!” ฉันหลับทั้งที่มือยังจับโทรศัพท์จริง ๆ ทำไงได้ ฉันเดินทางทั้งวัน เหนื่อยมาก “แหะ ๆ พอดีเพลียค่ะ แม่เก็บของเสร็จแล้วเหรอคะ?” แม่พยักหน้า ก่อนจะเดินมาดันหลังฉัน เข้าห้องน้ำ “เรียบร้อย เร็ว ๆ นะ สิบห้านาทีต้องเสร็จ!” “ค่า...” เป็นแบบนี้ประจำ! ฉันไม่ได้อยู่กับแม่นาน ๆ เหมือนชาวบ้านเขาเลย แม่มาธุระเสร็จก็กลับ บางครั้งมาเช้าเย็นกลับเลยก็มี เหมือนแม่ไม่อยากอยู่กรุงเทพมากยังไงอย่างงั้นล่ะ ช่างเถอะ ตอนนี้เจ๊แกยังบ่นไม่หยุดเลย ฉันขับรถไปฟังแม่บ่นไป แม่บ่นรถติด บ่นที่ฉันช้า บ่นทุกอย่าง จนฉันไปส่งถึงสนามบินนู่นล่ะ หูถึงได้พัก โชคดีที่วันนี้ ฉันไม่ต้องเข้าบริษัทพ่อบอส เลยยิงยาวไปที่ร้านดอกไม้แทน และไม่ลืมที่จะถ่ายรูปสองนิ้ว กับพวงมาลัยรถลงไอจี สตอร
อยู่ ๆ นนท์ก็ออฟไลน์ไปเลย แต่ช่างเถอะ จะใช่เขาหรือไม่ใช่ก็ช่าง ที่แน่ ๆ ฉันได้กินฟรี! หูย... กรุบกริบค่ะ อร่อยมาก เจ๊ปลายฟ้านั่งห่อเป็ดปักกิ่งกิน ฟินสุด ๆ และความขี้โม้ฉัน ก็ไม่ได้มีแค่นี้ ฉันถ่ายลงไอจีสตอรี่แม้กระทั้งตอนกิน ‘ไม่รู้ใครสั่ง แต่ปลายฟ้าฟินค่ะ #วิถีคนอ้วน’ ‘ครืน... ครืน…’ Ai-Oon | Calling “ว่าไง งั่ม ๆ” (มาที่ผับกูด่วน เพื่อนมึงกำลังคลั่ง) “ใครอ่ะ มึงเหรอเป็นอะไร ๆ” (กูกับผีน่ะสิ! ไอ้ซินน์ต่างหาก มันสั่งค็อกเทลผับกูกี่สิบแก้วก็ไม่รู้ แต่งตัวเหมือนคุณหนู แต่กำลังจะเมาเป็นหมา) “เฮ้ยจริงดิ! เออ เดี๋ยวรีบไป” ฉันวางโทรศัพท์แล้วมองเป็ดปักกิ่งในจานอย่างเสียดาย มันกำลังอร่อยเลย เสียดาย… เสียดาย… ไออุ่นก็โทรเร่งฉันไม่หยุด ฉันจึงรีบวางเป็ดปักกิ่งในมือไปแต่งหน้า ก่อนจะรีบลงคอนโดมาโบกแท็กซี่ ไปผับมัน เพราะทุกครั้งที่ไปดื่มหรือสังสรรค์ ฉันจะไม่มีวันขับรถไปเองเด็ดขาด! มาถึงผับ ฉันก็เห็นไอ้ซินน์หมดสภาพจริง ๆ มันกินเหล้าไป ร้
มันวูบไปเลย จนนาวาเขารีบประคองฉันไว้ โห… ใจฉัน ไม่ไหวนะแบบนี้ ถ้าเอาหยาบ ๆ คือมึงจะหล่อไปไหนคะ เผื่อคนอื่นบ้างดิ นาวินก็หล่อ นาวาก็หล่อ พ่อแม่เขาผลิตลูกกันยังไง ทำไมถึงได้ออกมา หล่อบาดใจขนาดนี้ “ไหวไหม” ฉันรีบดึงสติกลับมาทันที เมื่อเขาบีบแขนถามเบา ๆ ก่อนที่ฉันจะรีบแกะมือเขา แล้วพยายามกลับมายืนปกติ “ไหว ไม่ได้เป็นไร แหะ ๆ” ฉันก้มมองพื้น ไม่อยากให้เขาเห็นหน้าที่กำลังแดงก่ำของตัวเอง จนเขาค่อย ๆ ก้มลง มองตาม กรี๊ด! แม่ หนูเชื่อแม่! หนูจะไม่มีความรัก หนูจะพยายามไม่รู้สึกอะไร โอ้ย… ใจอย่าสั่นได้ไหม! “ฉันไปส่ง ดูเธอเหมือนไม่ไหว” ฉันไม่ทันอนุญาติหรือตอบอะไรไป เขาก็รีบคว้าข้อมือฉัน แล้วเดินเข้าคอนโดทันที ก่อนที่ฉันจะมองมือที่เขาจับอย่างงง ๆ โอ้ย… มือนุ่ม ๆ จับก็จับ จับไปเลย! จนมาถึงหน้าห้อง ฉันก็ควานหาคีย์การ์ด ด้วยใจสั่นรัว ‘ตึก ตึก ตึก’ จะส่งฉันถึงไหน ถึงห้องนอน หรือยังไง นอนด้วยกันเลยไหมล่ะ โอ้ย! ไม่ใช่! พอฉันเปิดประตูเข้ามาในห้อง ก็ชี้ไปที่เป็ดปักกิ่งบนโต๊ะกินข้าว “กินเป็
ฉันนั่งนิ่ง ไม่อยากคุยอะไรกับใบไม้ไปมากกว่านี้ เพราะใบไม้ยิ่งเค้น ใจฉันยิ่งสั่น มันสั่นเหมือนคนมีความลับยังไงอย่างงั้น เฮ้อ! ฉันสับสนตัวเอง ไม่รู้จะสลัดปลิงอย่างใบไม้ไปได้ยังไง ยิ่งตอนนี้นางยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ ฉันแล้ว “เจ๊ชอบใช่ป่ะ” ใบไม้! “เลิกเค้นได้ไหม!” ฉันเอามือกุมขมับนวดเบา ๆ จนใบไม้ดึงมือฉันออก “บอกมา ไม่งั้นหนูจะบอกอาบีม” เอาแม่ฉันมาขู่อีก ฉันถึงกลับเลิ่กลักทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว จน… “ใบไม้ ทำไมไม่กลับไปทำงาน กวนพี่ทำไม” ค่ะ แม่กิ่งช่วยชีวิตฉันไว้ เฮ้อ… ไปเถอะใบไม้ ออกไปจากชีวิตฉัน เชิญ… “ก็คุยงานไงคะ แม่ก็ เฮ้อ” แล้วนางก็ลุกจากเก้าอี้เซ็ง ๆ ก่อนที่จะหันมามองฉันแล้วเบะปากใส่อีกรอบ ร้ายกาจ! สรุปใครพี่ ใครน้องกูสงสัย? จนแม่กิ่งยิ้มให้ฉัน แล้วเดินตามใบไม้ออกไป เอาล่ะ... หมดเสี้ยนหนามการทำงาน ฉันจึงร่างบทสนทนาคร่าว ๆ และข้อมูลบริษัทไว้ เวลาฝรั่งถามอะไร ฉันจะได้ไม่อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ‘ติ้ง~’ นนท์นี่หว่า PFPIG2: กินยา... ยาอีกแล้ว! ฉันรีบมองน
ฉันพยายามเพ่งดูอีกรอบ แต่ดูยังไงก็ดูไม่ออก ว่าใครทำอะไร ใครเป็นใคร ฉันจึงตัดสินใจ เดินกลับไปที่รถ แล้วหยิบแว่นดำมาใส่ ก่อนจะทำตัวเป็นเซเลปเดินเข้าไปในร้าน และสั่งกาแฟง่าย ๆ ไปนั่งที่โต๊ะมุมสุด ที่มันติดกับผู้ชายนั่งหันหลังคนนึง ผู้ชายคนนั้น เขาพาดเสื้อกาวน์ไว้บนพนักเก้าอี้ คงจะเป็นหมอมั้ง แต่ไม่ใช่นนท์แน่นอน นนท์เขายืนยันจะตาย ว่าเขา... ไม่ใช่หมอ พอได้ที่ ฉันก็กดปิดเสียงโทรศัพท์ ทักนนท์ไปอีกครั้ง ฉัน: ไหนล่ะรูป รออยู่ ๆ ‘ตึ้ง~’ เสียงแจ้งเตือนใคร? มันดังเบา ๆ ใกล้ ๆ ฉันนี่เอง ฉันตัวแข็งทื่อไม่กล้าหันไปทางไหน ได้แต่เหล่ตามอง มองไปรอบ ๆ จนนนท์ตอบกลับมา PFPIG2: ฉันกินแค่ครัวซองท์ เพราะคิดไม่ออก PFPIG2: Send Picture แล้วนนท์ก็ส่งรูปครัวซองท์บนจานเล็ก ๆ กับอเมริกาโนเย็นมา ฉันจึงกดซูมเข้าไปใกล้ ๆ จนเห็นชื่อร้านกาแฟที่เขากินข้างแก้ว NwN Cafe’ ‘พรึบ’ ฉันรีบหยิบแผ่นเมนู ที่เสียบบนโต๊ะมาดูทันที เด๊ะ ๆ ใคร? ใครมีครัวซองท์ กับกาแฟดำบนโ
ฉันค่อย ๆ หันไปมองเขา แล้วส่งยิ้มให้ เอาสิ… นายจะสารภาพแล้วใช่ไหมนาวา ว่านายคือนนท์! สารภาพมาสิ สารภาพมาเลย! “แว่นเธอรึป่าว บนโต๊ะ” “อะไรนะ?” ฉันทวนถามอีกครั้ง แล้วมองไปที่โต๊ะตัวเองทันที ใช่! ฉันลืมแว่น แว่นกันแดดฉัน ตั้งอยู่กลางโต๊ะเลย “อ๋อ อ๋อ… ใช่ ทิ้งไปเถอะ” เขามองฉันนิ่ง ๆ แล้วปล่อยมือที่จับ ก่อนจะเดินไปหยิบแว่นกันแดดนั้น..มายื่นให้ฉันแทน “ก็บอกว่าทิ้ง ไม่เอาแล้ว” ฉันบ่ายเบี่ยงหลบตาเขา แต่เขากลับยื่นแว่นมาใกล้ ๆ หน้าฉันอีก “เอาไป” “โอเค เอาก็เอา ขอบคุณนะ” ฉันรีบรับมา แล้วใส่ทันที เพราะอย่างน้อย เลนส์สีดำ ๆ ของแว่นนี้ ก็ช่วยหลบตาเขาได้ จนฉันไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ได้แต่ยืนมองเขา อย่างเก้ ๆ กัง ๆ “เอ่อ… งั้น ฉันไปนะ” พอลาเขาเสร็จ ฉันก็ผลักประตูออกมาทันที ก่อนที่จะก้าวยาว ๆ โยนกระเป๋าทุกอย่างใส่รถ แล้วขึ้นไปนั่ง... ปิดประตู “กรี๊ด…” ฉันกรี๊ดลั่น และทุบพวงมาลัยรถรัว ๆ โว้ย! ทำไมต้องเป็นเขาวะ ทำไม! ต่อไปนี้ฉันจะทำตัวยังไง! ทำไมมันรู้สึกวุ่น
“พ่อครับ ผู้หญิงที่ผมคบด้วยเอาแต่ใจมาก ผมจะเลิกแล้วล่ะ ปวดหัว” ผมหันมองลูกชายที่นั่งเบาะข้างแวบนึง ลูกชายอายุสิบสี่ จะมีแฟนก็ไม่แปลก แต่ที่แปลกคือเปลี่ยนบ่อยเหลือเกิน แล้วแต่ละคนที่เลิกก็จะมาปรึกษาผมแบบนี้ กับแม่เขาไม่ปรึกษาหรอก เพราะปลายฟ้าจะบอกแค่ว่าให้ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ คุย แต่ผมไม่... “อืม ก็เลิกสิ ถ้าปวดหัวก็เลิก อย่าให้กระทบการเรียน” ลูกชายเม้มปากแล้วพยักหน้าอย่างมั่นใจ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ไอโฟนรุ่นใหม่ออกมาจากกระเป๋ากางเกงนักเรียน ลูกไฮโซออกรุ่นไหนก็จัดรุ่นนั้น ฝีมือแม่เขา นั่นแหละ ชอบสอนให้ลูกฟุ่มเฟือย ซึ่งผมเตือนแล้วเตือนอีกเพราะอดห่วงตอนส่งไปเรียนอังกฤษไม่ได้ ถ้าลูกใช้เงินไม่คิดแบบนี้ ผมกับเมียได้กินแกลบกินเกลือแน่ “พี่ณเพชรจะเลิกกับผู้หญิงอีกแล้วอ่ะ ณพิม มาดูเร็ว ๆ” สองแสบรีบเกาะเบาะ ยื่นหน้ามาดูจอโทรศัพท์กับพี่ชาย แต่ณเพชรรีบเก็บใส่กระเป๋าไว้แล้วเบือนหน้าหนี “เอ้า ทำไมเก็บแล้วล่ะคะ ปรึกษาได้นะ ณพิมก็ผู้หญิง” ณพิมยังใจจดใจจ่ออยากดูโทรศัพท์ แต่ณพลอยเธอมีเป้าหมายใหม่ ลุกขึ้นเกาะเบาะผม ก่อนจะยื่นแขนเล็ก ๆ ขอ
สิบปีผ่านไป... “ณภัทร ณเพชร กลับได้แล้ว” ไม่อยากจะเชื่อ ตอนนี้ฉันเป็นยายแก่ที่ยืนโบกไม้โบกมือหน้าโรงเรียนมัธยม ฉันมารอรับลูกกับหลานทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ เว้นแต่หลานสาว ที่หมอนาวาพ่อพวกเธอเป็นคนไปรับเอง เพราะณพลอย ณพิมเรียนโรงเรียนประถมที่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลมาก ก็พ่อเจ้าหล่อนเล่นหวงขนาดนั้น ฉันบอกให้ย้ายโรงเรียนมาเรียนกับปลายฝนก็ไม่ยอม! หมอนาวาไม่อยากคาดสายตาไปไหน เขาทำงานที่โรงพยาบาลใกล้ ๆ ว่างเขาก็แว๊บไปดูลูกได้ตลอด ส่วนณเพชรรายนั้นไม่น่าห่วงแล้ว เพราะเขาโตเป็นหนุ่มอายุสิบสี่เรียนโรงเรียนเดียวกับน้า แหงล่ะอะไรก็น้า ๆ เขาน่ะตัวติดน้าอย่างกับอะไร เด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน แถมหน้าตาก็ไม่ไกลกันมาก บางทีฉันก็แก่จนเรียกผิดเรียกถูก ไม่รู้คนไหนลูกคนไหนหลาน ยิ่งทั้งสองกำลังเข้าสู่วัยรุ่น วัยกำลังโตที่นั่งเล่นเกมส์ เหล่หญิง และอ่านหนังสือกัน เรื่องอ่านหนังสือต้องยอมรับลูกชายฉันณภัทร เขาสอนหลานได้ดีมาก เขาติวหนังสือให้กันจนติดท็อปโรงเรียนทั้งคู่ ผิดกับปลายฝนลูกสาวบุญธรรม รายนั้นเธอชอบวาดรูปชอบศิลปะ ทุกครั้งที่หนุ่ม ๆ ทวนวิชา
สรุปแม่ฉันก็ได้เด็กคนนั้นมาเลี้ยง ใช่ค่ะเธอน่ารักจริง ๆ เรียบร้อยมาก ณภัทรก็ดูรักมาก กลับจากโรงเรียนก็หอม ตื่นเช้าจะไปโรงเรียนก็หอม ฉันพาสองสาวไปเลี้ยงที่นั่นบ่อย เห็นแทบทุกช็อตทุกตอน และเห็นอีก ว่าแม่แทบไม่ต้องเลี้ยงเจ้าหนูคนนั้น เธอเหมือนเด็กที่สงบเสงี่ยมเจียมตัว เอาแต่มองหน้าทุกคนแล้วยิ้ม เจ็บปวดอะไรก็ต้องเจ็บปวดจริง ๆ ถึงจะร้องแอ๊ะออกมา แค่ร้องแอ๊ะนะ เรื่องร้องงอแง แม่บอกว่านอกจากวันแรกที่เห็นที่โรงพยาบาล แม่ก็ไม่ได้เห็นอีกเลย “ปลายฝนไม่ร้องแบบนี้ แม่รู้ได้ไงคะว่าน้องหิว?” “กะเวลาเอาสิ ปลายฝนจะหิวและทำอะไรตามเวลาเป๊ะ ๆ แล้วสองสาวล่ะ อยู่กับลูกที่บ้านดื้อไหม?” “ไม่ดื้อค่ะ จะว่าไปตอนนี้หนูเริ่มชินแล้ว หน้าที่แม่ยิ่งใหญ่จริง ๆ แบบว่า เหนื่อยจนชินค่ะ” แม่ขำเบา ๆ พร้อมกับเขย่าขวดนมเตรียมป้อนปลายฝน ก่อนที่ฉันจะอุ้มณพลอยเข้าเต้าอีกคน และนั่งมองน้องไปด้วย ปลายฝนเป็นเด็กที่ไม่เหมือนเด็ก แววตาเธอเหมือนผู้ใหญ่ที่เฝ้าสังเกตและสำรวจตลอดเวลา ฉันไม่อยากเชื่อ ว่าเด็กเดือนกว่า ๆ จะรู้เรื่องและทำอะไรทุกอย่างเป
คุณน้ำหวานยิ้มให้ฉัน เหมือนเป็นรอยยิ้มแห่งความหวัง เราเป็นแม่คนและมีหลานเหมือน ๆ กัน เราดูกันออก แล้วคุณน้ำหวานก็พาฉันไปที่ห้องเด็กอ่อนทันที ที่ตอนนี้ในห้อง มีตำรวจสองสามคนยืนคุยกับกุมารแพทย์ “เรื่องถึงไหนแล้วคะ?” คุณน้ำหวานถามทันทีเมื่อเดินไปถึง ฉันจึงค่อย ๆ เดินอ้อมไปดูเด็กผู้หญิงคนนั้นที่เตียงเด็ก ตายแล้ว เหมือนที่คุณน้ำหวานพูดเลย เธอน่ารักจิ้มลิ้มจริง ๆ ตอนเธอร้องไห้ฉันรู้สึกเศร้าใจตาม อยากจะอุ้มขึ้นมาโอ๋มาก ‘อุแว้~ อุแว้~’ มีรอยมดกัดเต็มแก้ม น่าสงสารจริง ๆ ทำไมถึงทิ้งได้ลง ลูกทั้งคนนะ “ดูจากกล้องวงจรปิด มีคนอุ้มเด็กมาทิ้งราว ๆ เจ็ดโมงเช้าครับ ลักษณะรูปร่างคล้ายผู้หญิง เธอสวมหมวกบัตเก็ตกับมาสก์ปิดปาก และเธอเอียงตัวหลบเหมือนรู้จักมุมกล้องเป็นอย่างดี” คุณน้ำหวานพยักหน้ารับ พลางก้มมองเจ้าตัวเล็กที่ร้องงอแงไปด้วย “เห็นป้ายทะเบียนรถไหมคะ?” “ไม่เห็นครับ เพราะเธอเดินมา และเธอก็เดินเท้าเปล่าด้วย” แล้วฉันกับคุณน้ำหวาน ก็หันไปถามพร้อมกัน “เท้าเปล่า?” จริงอยู
“ณพิม เหมือนอ้วนตอนเด็ก ๆ” คุณหมอเขามองหน้าณพิมสลับกับฉัน ดูสายตาเขาสิ มันเป็นประกายมาก ถ้าถอดมาสก์ปิดปากออก ฉันคงได้เห็นรอยยิ้มกว้าง ๆ ของเขา “แต่ณพลอยเหมือนเบบี๋นะ เค้าอยากให้ลูกมีลักยิ้มเหมือนเบบี๋จัง” “ไม่แน่ณพลอยอาจจะมี ใช่ไหมครับ ลูกสาวพ่อ” ละมุนจริง ๆ เลยกับลูกสาวเนี่ย “จ้า ลูกสาวหมอนาวา” ฉันล้อเขาเสียงอ่อน เพราะตอนนี้รู้สึกเพลียมาก ก่อนที่พยาบาลเธอจะช่วยอุ้มสอง ณ มาถ่ายรูปครอบครัวกัน วิสัญญีแพทย์ก็จะพูดอะไรสักอย่าง จนฉันเผลอหลับไป “ณเพชรอย่าเสียงดังนะลูก แม่หลับอยู่” เสียงสามีฉันนี่น่า โอ้ย... รู้สึกตึง ๆ ท้องจัง “ปะป๊าณเพชรอยากนอนกับแม่ น้องออกมารึยังครับ?” “น้องอยู่ที่ห้องเด็กอ่อนแล้วครับ เช้า ๆ เดี๋ยวพ่อจะพาไปหาน้องนะ ตอนนี้ณเพชรต้องนอนลูก” “ปะป๊า ณเพชรอยากไปตอนนี้เลยครับ” “รอครับ ณเพชรต้องรู้จักรอ ตอนนี้ตีสี่นะ รบกวนคนอื่นเขา” แล้วเสียงเล็ก ๆ ของลูกชายก็เงียบไป ถ้าให้ฉันเดา ตอนนี้เขาคงเดินกอดผ้าทำหน้าบึ้งใส่พ่ออยู่ โถลูก... แม่ไม่ไหวจริง ๆ
ณเพชรปราบพ่อนาวาอยู่หมัด หลังจากวันนั้น ความบันเทิงก็เกิดขึ้นนับไม่ถ้วน เมื่อฉันต้องเข้าแอ็ดมิทที่โรงพยาบาลเพื่อรอคลอด แน่นอนพ่อนาวาต้องเลี้ยงณเพชรมากกว่าเดิม หนำซ้ำบางวันมีณภัทรมาด้วย รายนั้นเขาไม่เถียงพี่เขยหรอก แต่ณเพชรนี่สิ สายกวนประสาทพ่อ “ปะป๊า วันก่อนณเพชรเอาเรื่องปะป๊าไปถามคุณครู คุณครูบอกว่า... “ “อะไรนะณเพชร?” “ครับ ปะป๊าไม่อธิบายเรื่องช้างน้อย ณเพชรเลยถามคุณครูครับ” คุณหมอนาวาทรุดนั่งข้าง ๆ ลูกชาย ก่อนจะชันเข่าขึ้นมากอดไว้ “ชีวิตกูเนี่ยนะ” “ชีวิตปะป๊าทำไมครับ ช้างน้อยปะป๊าโกรธณเพชรเหรอ?” เขาเงยหน้าขึ้น มองฉันขอความช่วยเหลือ เพราะคำว่าช้างน้อย ฉันสอนณเพชรพูดเองล่ะ เอ่อ ของพ่อไม่มีคำว่า ‘น้อย’ นะลูก ช้างเลยล่ะ! “ถ้าณเพชรไม่ลืมเรื่องนี้ พ่อนี่แหละจะโกรธ” ณเพชรเงียบ และหันไปหาณภัทร จนน้าเขาชี้นิ้วไปจิ้มอกหลานเบา ๆ “ฟังน้า อย่าทำให้พ่อโกรธเข้าใจไหม เดี๋ยวโตขึ้นพ่อไม่ให้ตังค์ไปโรงเรียน” สอนหลานน่ารักเชี
เรื่องดุลูก ปากคุณหมอศัลนี่ไวจริง ๆ ฉันต้องอุ้มณเพชรไปห่าง ๆ เขา จนลูกหลับถึงได้กลับมาขึ้นเตียงนอนเหมือนเดิม ณเพชรเป็นแบบนี้จนถึงสามขวบ เป็นลูกชายที่ติดแม่เหมือนนาวีลูกซินน์ และฉันไม่สามารถที่จะโอ๋ประคบประหงมเขาได้เหมือนแต่ก่อน เพราะตอนนี้ฉันก็ท้องจวนคลอดแล้ว ใช่ค่ะ กว่าจะท้องแฝดได้ ฉันกับคุณหมอศัลเราปั๊มกันนานเหลือเกิน แต่เราภูมิใจนะ ที่ท้องแฝดและได้ผู้หญิงเหมือนที่ตั้งใจ ลูกสาวสองคนห่างจากพี่ชายสามปี พอดิบพอดีที่จะเป็นเพื่อนกับลูกสาวไออุ่น นึกไม่ถึงล่ะสิ! ไออุ่นท้องแล้ว ฮ่า ๆ ฉัน น้ำปั่น ซินน์ รู้ข่าวปุ๊บ ก็นัดกันไปขำใส่หน้ามันปั๊บ! เพราะน้ำปั่นโอมเพี้ยง ๆ ใส่ท้องมันทุกครั้งที่เจอกัน ตอนนี้มันท้องได้สี่เดือนแล้ว แถมได้ลูกสาวด้วย มันหงุดหงิดเวียร์หนักมาก นั่งยันนอนยันว่าคลอดคนนี้จะทำหมันเหมือนซินน์ อย่าว่าแต่ไออุ่นเลยฉันก็จะทำหมันเหมือนกัน เพราะณเพชรไม่ได้เลี้ยงง่ายเหมือนเดิม ยิ่งพูดได้ยิ่งแสบ รู้ทุกเรื่อง! ยิ่งกับณภัทรน้าเขา คือเข้าขากันดีมาก แต่โชคดีที่ณเพชรเขาไม่เถียงฉัน เขาเถียงพ่อแทน! เถียงเหมือนที่คุณหมอ
คุณหมอศัลดูช็อกนิด ๆ แต่ก็ไม่พูดอะไร จนเขาเปิดประตูห้องออกไป ฉันถึงพาลูกกลับไปนอนที่เตียงเด็กและรีบอาบน้ำ แต่งหน้าแต่งตัวเรียบร้อยก็พอดิบพอดีที่ลูกตื่น อาจจะช้าไปบ้าง เพราะฉันต้องสุ่มเดินไปดูว่าณเพชรตื่นรึยังเพราะเขาตื่นมา เขาจะมองเพดานเงียบ ๆ ไม่ส่งเสียงร้องอะไร พอเขาตื่นฉันก็อาบน้ำแต่งตัวให้ เรื่องอาหารเด็กอ่อน ให้เขาไปกินที่บ้านกับน้าณภัทรแล้วกัน ฉันไม่ว่างทำ ถึงลูกจะเลี้ยงง่ายแต่ไม่ใช่ฉันไม่เหนื่อย เหนื่อยมาก! ฉันเป็นคุณแม่ยังสาวที่หุ่นดีจนผู้ชายมองเหลียวหลัง จะบอกอะไรให้ แต่ก่อนหุ่นฉันเฉย ๆ มาก! รูปทรงก็ไม่ค่อยชัดและได้สัดส่วน แต่หลังจากคลอดลูกเท่านั้นแหละ คนละคนกันเลยนมตูดมาเต็ม! ซึ่งฉันชอบมาก... สามีก็ชอบ จัดการลูกเรียบร้อยฉันก็ขับรถออกจากคอนโด เราสองแม่ลูกแวะซุปเปอร์กันนิดหน่อย ฉันซื้อแครอท ซื้อบรอกโคลี ณเพชรเขาไม่ดื้อนะ เขาแค่มองตามมือฉันว่าฉันหยิบจับอะไร บ้างก็อยากจับด้วยเพราะสงสัย เป็นแบบนี้จนฉันซื้อของเสร็จ พอถึงบ้านฉันก็เอาผักทุกอย่างไปล้างให้เขานั่งเล่นที่พื้น สีส้มของแครอทสีชัดเจน บรอกโคลีก็เขียว
ฉันยกมือบีบแขนคุณหมอศัลเบา ๆ บีบจนเขาเงยหน้าที่ซุกตามซอกคอ ขึ้นมาจุมพิตที่ริมฝีปากฉัน “ขอแฝดหญิงนะคะที่รัก” “ครับ” รับปากฉันเสร็จเขาก็ก้มลงประทับริมฝีปากบบาง ก่อนจะเลื่อนมือที่จับตรงหัวไหล่ ลงมาดึงสายชุดนอน ชุดนอนสายเดี่ยวถูกเขาเกี่ยวสาย ถอดออกอย่างง่ายดาย ฉันตั้งใจใส่เพื่อจะให้นมลูกง่าย ๆ แต่ไม่คิดว่ามันจะง่ายถึงขนาดปลดได้แค่ปลายนิ้วแบบนี้ เมื่อสองเต้าที่เปลือยเปล่าประจันหน้าเขา ริมฝีปากที่พรมจูบเบา ๆ ก็ไล่ลงไปหามัน เขาส่งแค่ปลายลิ้นอุ่น ๆ ตวัดวนเท่านั้น สลับกับมือใหญ่ ที่ลูบคลำตามฐานเต้าเบา ๆ “อื้ม~” ไม่นานฉันก็ถูกถอดพันธการช่วงล่างอย่างรวดเร็ว ตามด้วยมือใหญ่ที่ใช้ปลายนิ้ว ถูตามแยกสวาทฉัน เขาเริ่มกดนิ้วกลางลงเบา ๆ เพื่อกระตุ้นน้ำสวาท บ้างก็พยายามดันมันเข้าไป และถูรอบ ๆ แบบนั้น แต่ทุกอย่างถูกกระทำอย่างเบามือ “อ่ะ อื้ม~ เสียวจัง” ฉันเริ่มบีบไหล่ ที่ขยับต่ำลงไปเรื่อย ๆ ตามหว่างขา โดยที่นิ้วยาวเขายังละเลงเล่นตุ่มกระสันช้า ๆ อยู่แบบนั้น เมื่อริมฝีปากไล่ลงไปถึงยอดที่เขาโปรดปราน เขาก็ลงลิ้นทักทายมันทั