"คุณแม่น้องหิวข้าว...แล้วนั่นคุณแม่ไปกัดคุณอานักรบทำไมคะ" เสียงแหลมดั่งสนั่นลั่นบ้าน จึงสามารถปลุกคนที่ตกในภวังค์อื้ออึงแยกห่างจากกัน และมันสามารถปลุกคนที่หลับใหลให้ลุกตื่นมานั่ง ทั้งสองคนมีอาการลุกลี้ลุกลนไปคนละทิศทาง ต่างอายสายตาของกันและกัน นักรบแสร้งเป็นเปิดทีวีแต่มือดีคว้ารีโมทแอร์มาแทน ใช้กดเปิดหน้าจอทีวีที่ไร้ภาพบนนั้น แต่เขาดันมองเเละหัวเราะเหมือนสนุกสนาน
อีกด้านของน้ำส้มก็ก้มเช็ดพื้นด้วยมือเปล่าอย่างตั้งใจ ทำให้เด็กหญิงมะนาวที่วิ่งเข้ามากะทันหันเห็นแล้วเกิดอาการอย่างงุนงง ได้แต่เอียงคอมองเกาหัวยิก ๆ ในสิ่งที่ผู้ใหญ่ทั้งสองทำ
"คุณอานักรบหัวเราะอะไรเหรอคะ" ความสงสัยทำให้เด็กหญิงต้องไปนั่งข้าง ๆ แล้วเอ่ยถามอย่างใคร่รู้
ก็เธอกำลังงง!
"ดูหนังตลกไงครับ ตลกมาก ๆ เลยเนอะ ฮ่าฮ่า" นักรบหันมาพูดตอบ และปล่อยเสียงหัวเราะออกมา
"ไม่เห็นจะมีอะไรตลกเลยค่ะ หรือว่าคุณอานักรบมีตาทิพย์เหรอคะ ไม่เปิดทีวีก็ดูหนังตลกได้ด้วย" เด็กหญิงทักท้วงด้วยใบหน้าแสนใสซื่อ พลางชี้มือไปตรงทีวีที่ไร้ภาพเคลื่อนไหวและการแสดงอย่างที่นักรบว่า
"เชี้ยแล้วไง!" นักรบถึงกับหันหน้าหนีแล้วสบถอย่างหัวเสีย รู้สึกอายหนักกว่าเดิมเมื่อถูกเด็กน้อยเดียงสาจับพิรุธได้
"แล้วนั่นคุณแม่เช็ดพื้นทำไมคะ ไม่เห็นจะมีอะไรเปื้อนสักหน่อย" เมื่อไม่ได้คำตอบจากนักรบ เด็กหญิงมะนาวจึงหันไปถามผู้เป็นแม่แทน
"เปื้อนตรงนี้ไงคะ เมื่อกี้แม่ทำของร่วงพอดี แหะ ๆ" ผู้เป็นแม่ที่ทั้งเขินและอาย ก็ได้แต่ตอบลูกสาวแถไถไปก่อน
"คุณแม่ไม่ใช้ผ้าเช็ดเหรอคะ แบบนั้นมือก็เลอะสิ เดี๋ยวน้องไปเอาผ้ามาให้นะ รอแป๊บเดียวนะคะคุณแม่ขา" เด็กหญิงมะนาวที่ไม่รู้ประสา หล่อนพูดตามที่เห็นและเข้าใจคิดตามจินตนาการเท่านั้น จึงรีบวิ่งไปเอาผ้ามาให้แม่ตามที่เสนอตัวช่วย แต่มันดันทำให้ผู้ใหญ่สองคนแทบมองหน้ากันไม่ติด ยิ่งมองก็ยิ่งฉายภาพล่อแหลมสร้างความเขินอายจนหน้าเห่อร้อนไปหมด
เธอเขินอายจนไม่กล้าสบตาเขา แต่ก็แทบกลั้นขำไม่ไหว เมื่อศิลปะบนใบหน้าของนักรบยังเละเทะไม่ต่างจากเดิม
"ขำอะไรครับ แค่นี้ผมก็อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว" นักรบพูดขึ้น
"เปล่าค่ะ ไม่ได้ขำสักหน่อย" เธอตอบปฏิเสธทั้งที่ยังแอบหัวเราะขำเบา ๆ พลางใช้มือปิดปากเอาไว้
"แล้วเช็ดพื้นแบบนั้น ผมว่าน่าจะเจ็บมืออยู่นะ...หรือว่าชอบปากผมหรือไงถึงได้ยิ้ม ยอมให้จูบอีกรอบก็ได้นะผมยอมแค่คุณคนเดียว" เขาไม่ยอมให้เธอรอดพ้นไปหรอก ตอกกลับอย่างเย้าแหย่ เมื่อเห็นว่าเธอกับเขาก็พิรุธต่อหน้าเด็กน้อยไม่ต่างกัน โน้มหน้าลงมาใกล้กะทันหันจนน้ำส้มแทบถลาถอยหลังเกือบไม่ทัน เพราะไม่อย่างนั้นเธอกับเขาได้ปะกบริมฝีปากแนบชิดกันอีกรอบเป็นแน่ แม้ใบหน้าของเขาจะเต็มไปด้วยเครื่องสำอาง แต่สายตาอันทรงเสน่ห์ที่เข้ามองมาก็ยังทำให้น้ำส้มประหม่าเสียการทรงตัวอยู่ร่ำไป
"ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ ไม่ได้ชอบสักหน่อย...ก็พื้นมันเปื้อนไงต้องรีบเช็ด" เธอถึงกับหุบยิ้มแทบไม่ทัน ตอบปัดในคำพูดของนักรบทันควัน และต้องก้มหน้ามองต่ำพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเมื่อเขาจับจ้องเธอด้วยสายตาฉอเลาะกะล่อน พลางจ้องหน้าเธอเลิกคิ้วสูง ระบายยิ้มมุมปากดั่งคนเจ้าเล่ห์แสนกล
"ผ้าค่ะคุณแม่ขา" เสียงของน้องมะนาวดังแม่แต่ไกล นั่นทำให้ผู้ใหญ่รีบกลับมานั่งในท่าปกติตามเดิม ด็กหญิงตัวกลมวิ่งมาพร้อมกับผ้าในมือ จากนั้นเธอจึงยื่นให้กับผู้เป็นแม่ ก่อนจะหย่อนก้นนั่งลงข้างนักรบบนโซฟา
"ขอบคุณค่ะคนสวย" ผู้เป็นแม่ระบายยิ้มให้กับลูกสาว
"ไม่เป็นไรค่ะ น้องน่ะเก่งเลยอยากช่วยคุณแม่ไงคะ" เด็กหญิงพูดออกมาด้วยความสดใส ใบหน้าเปื้อนยิ้มตลอดเวลา วาจาก็แสนจะฉะเลาะน่ารัก ทำให้คนที่ได้อยู่ใกล้หลงรักและเอ็นดู
"จ้า...งั้นฉันขอไปดูอาหารก่อนนะคะจะได้ทานข้าวกัน" น้ำส้มเอ่ยขึ้น
"ครับ"
"อู้หู คุณอาหล่อมาก ๆ เลยค่ะ หล่อกว่าเดิมเยอะเลยนะคะเนี่ย น้องเก่งเวอร์ ๆ ไปเลย" หลังจากที่ผู้เป็นแม่เดินจากไป เด็กหญิงมะนาวผู้แสนซนก็หันไปฉีกยิ้มกว้างให้กับนักรบ เธอเอ่ยขึ้นมาแล้วชื่นชมฝีมือการละเลงบนใบหน้าของนักรบอย่างภาคภูมิใจ
แต่อาจจะไม่ใช่สำหรับนักรบ หากเขาได้เห็นลาดลายบนหน้าเต็มสองตา!
"อารู้ตัวดีครับว่าอาน่ะหล่อเวอร์ ๆ อย่างที่น้องเปรี้ยวจี๊ด(ส์)บอก" เขาดูภูมิใจในความหล่อเหลาของตัวเอง โดยไม่รู้เท่าทันเลยว่า ความหมายของน้องมะนาวมันบิดเบือนกว่าสิ่งที่เขาคิด
"เพราะฝีมือน้องทั้งนั้นแหละค่ะที่ทำให้คุณอาหล่อเวอร์ ๆ กว่าเดิม"
"เพราะฝีมือน้อง!?"
"ใช่ค่ะ"
น้องมะนาวพูดขึ้นคำพูดที่ไร้เดียงสา ทว่ากลับทำให้นักรบเอ๊ะใจ มันทำให้เขาต้องย้อนถามเธอใหม่อีกรอบ เริ่มเริ่มระแวงในคำพูดแปลก ๆ ของเด็กน้อย จนรีบเอามือคลำใบหน้าของตัวเอง ที่มันรู้สึกไม่ปกติจากเดิม นั่นทำให้นักรบต้องรีบวิ่งไปหาห้องน้ำทันทัน
"ห้องน้ำ!!...ห้องน้ำอยู่ตรงไหนครับน้ำส้ม" เขาลนลานวิ่งไปถามเจ้าของบ้าน พลางคลำหน้าตัวเองไประหว่างทางด้วยหัวใจที่เต้นระส่ำ
"ทางนั้นค่ะ" น้ำส้มชี้นิ้วบอก นั่นทำให้นักรบรีบวิ่งแจ้นเข้าห้องน้ำทันที นางแบบสาวรับรู้ได้เลยว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรเมื่อเขาได้เห็นสภาพของตัวเองในกระจก
"เชี่ย!!!!"
และแล้วก็เป็นอย่างที่เธอคาดเดา นักรบตะโกนลั่นบ้านเสียงดัง จนทำให้น้ำส้มเริ่มขนหัวลุก สะดุ้งห่อไหล่หลับตาปี๋ทันทีที่ได้ยินเสียงเหี้ยมสบถดังกร้าว
"รับน้องซะยับเยินเลยนะ" นักรบที่จัดการล้างหน้าตัวเองจนสะอาด เขามานั่งบนโซฟาตัวเดิมที่นอนหลับก่อนหน้า สายตาจ้องมองสองแม่ลูกที่นั่งคุกเข่าอยู่เบื้องล่าง ที่ตอนนี้สีหน้าซีดเผือดอย่างรู้สึกผิด“ฉันขอโทษแทนลูกด้วยนะคะคุณนักรบ ฉันอบรมแกไม่ดีเอง” น้ำส้มพูดขึ้นพลางเงยหน้ามองนักรบด้วยแววตาอ้อนวอน เธอเห็นสีหน้าของเขาดูเกรี้ยวโกรธ จึงกลัวว่าจะส่งผลกับงานที่กำลังไปได้ดี“..........” แต่นักรบยังนั่งนิ่งมือกอดอก สีหน้าเรียบตึงจนน้ำส้มและน้องมะนาวนั่งหงอย ใบหน้าห่อเหี่ยวอย่างหวาดหวั่น พยายามพูดเว้าวอน แต่เหมือนคนงอนด้วยอารมณ์จะยังไม่ตอบรับใด ๆ“เงียบแบบนี้โกรธแน่เลย คุณนักรบฉันขอโทษจริง ๆ ค่ะ ต่อไปจะไม่ให้มะนาวทำแบบนี้กับคุณอีก...คุณไม่โกรธใช่ไหม?” ลักษณะที่เงียบกริบของนักรบ ทำให้น้ำส้มหวั่นใจหนักกว่าเดิม จนต้องวิงวอนเขายืนกรานและกล่าวโทษตัวเอง เพราะยังไงลูกคือสิ่งที่แม่ต้องรับผิดชอบ ไม่ว่าจะทำผิดหรือถูกก็ตาม นั่นคือสิ่งที่คนเป็นแม่ต้องทำ“ผมควรทำยังไงกับพวกคุณสองแม่ลูกดี” นักรบวางท่าทางนิ่งขรึม แล้วถอนลมหายใจออกมา ก่อนจะเอ่ยวาจาอย่างกับว่าเขาหน่ายใจ กับสิ่งที่ได้พบเจอวันนี้“น้องก็แค่อยากให้คุณอาหล
(ว่าไงคะพี่ชาย เดี๋ยวนี้หายหัวตลอดไม่ค่อยอยู่บริษัทเลย) เอมอรกดรับสายที่เรียกเข้ามา เมื่อเห็นว่าเป็นพี่ชายจึงได้ตอบรับปลายสายอย่างสนิทสนม เหมือนที่เคยพูดคุยกันในปกติ"หายอะไรก็เข้าบริษัททุกวัน" เขาตอบน้องสาว(ก็อรไปทีไรไม่ค่อยเห็นอยู่ห้อง) เอมอรโต้ตอบสวนคืน เธอจะเข้าไปหาพี่ชายทีไรก็ไม่เคยเจอหน้าสักที สุดท้ายก็ถ่อกลับออกมาโดยไม่ได้อะไรตามที่ต้องการเลยสักอย่าง พักหลังพี่ชายของเธอชอบแอบหนีออกจากบริษัทบ่อยครั้ง จากที่รู้คือการไปดูงานถ่ายแบบซึ่งปกติแล้วนักรบไม่ค่อยจะไป นอกจากการถ่ายแบบของแอนนา"มาหาไม่ถูกเวลาเองช่วยไม่ได้ แกหยุดถามพี่ก่อนได้ไหม พอดีมีเรื่องจะถาม" (ถามอะไร)"แกพอจะรู้จักร้านที่ทำสแตนดี้หรืองานสั่งทำหมอนข้างอะไรนี่ไหม แบบเร่งด่วนภายในสองสามชั่วโมง"(พี่จะหาไปทำไมอะ)"เออน่า แกรู้จักบ้างไหมช่วยสั่งทำให้หน่อยดิ"(เออมี แล้วพี่จะทำแบบไหนล่ะ)"เขามีอะไรก็ทำหมดนั่นแหละ สแตนดี้ตั้งพื้นสูงเท่าคนจริง หมอนข้าง แก้วน้ำ อะไรพวกนี้"(พี่จะทำไปเพื่อ!?)สิ่งที่พี่ชายบอกผ่านเครื่องมือสื่อสาร มันทำให้เอมอรถึงกับต้องย้อนถามด้วยความงุนงง เธอไม่เคยพี่ชายจะใส่ใจในสิ่งของพรีเมี่ยมเหล่านี้เลย ทำ
"ลูกนะลูกหางานให้ตลอด แค่เรื่องเมื่อวานยังไม่รู้จะรอดไหม นี่ยังมีหน้าไปเป็นหนี้เขาอีก ตายแน่ฉันจะไม่ใช้หนี้หัวโตเลยหรือไง ค่าผ่อนบ้านเดือนนี้ก็ยังไม่ได้จ่าย" น้ำส้มบ่นยุบยิบระหว่างขับรถเพื่อไปพบนักรบตามที่เขานัดไว้ ข้อเท้าที่บาดเจ็บก็เหมือนพลันหายไปเมื่อเทียบกับเรื่องมากมายที่หนักอก บาดแผลจึงดูเล็กน้อยไปเลยเมื่อเทียบกับปัญหาที่เธอต้องเผชิญ"มาพบคุณนักรบค่ะ นัดไว้สิบเอ็ดโมงตรง" น้ำส้มเดินเข้ามาในบริษัทติดต่อเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ แจ้งนัดกับพนักงานให้รับทราบ"คุณน้ำส้มใช่ไหมคะ? " พนักงานถามย้ำ"ใช่ค่ะ" เธอตอบรับอย่างสุขุม"รอสักครู่นะคะ" "ค่ะ"จากนั้นพนักงานต้อนรับจึงได้ต่อสายขึ้นไปเพื่อแจ้งให้กับเลขาหน้าห้องได้ทราบ แล้วต่อมาจึงได้เชื้อเชิญชี้ทางให้น้ำส้มขึ้นไปพบ เธอเพิ่งเคยมาสถานที่นี้ครั้งแรกจึงประหม่า และรู้สึกใจคอไม่ดีเอาเสียเลย ดั่งปัญหาที่เธอกำลังจะพบเจอมันดูยากเย็น"นัดสิบเอ็ดโมงตรงมาแล้วค่ะท่านประธาน...เชิญค่ะคุณน้ำส้ม""ขอบคุณค่ะ"เมื่อมาถึงหน้าห้องผู้บริหารระดับสูง ยังไม่ทันที่น้ำส้มจะได้แนะนำตัว เลขาที่นั่งอยู่เบื้องหน้าก็ยกหูโทรศัพท์ต่อสาย จากนั้นจึงเชิญเธอเข้าไปในห้องทำงา
"ทำงานชดใช้จนกว่าผมจะพอใจ""มันไม่มากไปหน่อยเหรอคะ แล้วฉันต้องทำไปถึงไหนกันระยะเวลาสิ้นสุดก็ไม่มี"นักรบเผยตัวเลือกที่สร้างความตกใจแก่น้ำส้มไม่น้อย จนเธอพรวดพราดลุกขึ้นยืนค้ำโต๊ะ เผลอเสียงดังใส่หน้าเขา ที่ตอนนี้เอาแต่จ้องมองด้วยใบหน้าเรียบตึง ท่าทางขึงขังของน้ำส้มแทบอยากตะปบหัวนักรบกดลงพื้นโต๊ะ แต่เธอก็ทำได้เพียงกำมือและกัดฟันแน่นเท่านั้น"มีสิครับ" นักรบลุกยืนช้า ๆ ทำท่าเดียวกับน้ำส้ม ทั้งสองประจันหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมกัน แล้วนักรบจึงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง สายตาไม่ละห่างจากคนที่อยู่ตรงหน้าเพียงเสี้ยววินาที"แล้วกี่ปีกี่เดือนละคะ" เธอย้อนถาม"ตลอดชีวิตไงครับระยะเวลาสิ้นสุด" เขาตอบเธอ จากนั้นจึงนั่งลงเก้าอี้ตามเดิม จรดปลายปากกาลงเอกสารอย่างคนสบายใจ จำให้น้ำส้มต้องนั่งลงด้วยใจอ่อนแรง เธอไม่รู้จะแข่งหรือต่อกลอนกับผู้ชายคนนี้ยังไงแล้ว เพื่อให้เขาผ่อนปรนยอมให้เธอได้ผ่อนผันสิ่งที่ลูกสาวก่อขึ้นด้วยความเดียงสา"หน้าตาก็ดีทำไมถึงใจดำโหดเหี้ยมแบบนี้ละคะ...เสียแรงที่เคยชื่นชมคุณ เมื่อวานฉันไม่น่าขอร้องคนใจดำแบบคุณเลย" เธอนั่งลงชักสีหน้าบึ้งตึงแล้วบ่นต่อหน้าเขา สองมือกุมหัวแสดงความกลัดก
"คุณอาสุดหล่อมารับน้องอีกแล้ว...สวัสดีค่ะ" ทันทีที่น้องมะนาวเดินออกมาจากอาคารอนุบาล สายตาแรกเธอเห็นนักรบยืนเคียงข้างผู้เป็นแม่เพื่อรอรับอยู่ด้านหน้า ทักทายเขาเป็นคนแรกเดินผ่านแม่มาหน้าตาเฉย อย่างกับแม่ไม่มีตัวตน"ใช่ครับ อามารับลูกหนี้ที่รักให้ไปทำงานชดใช้" นักรบย่อตัวให้เสมอเด็กหญิง แล้วตอบเธอด้วยความจริงตามที่ตั้งใจ ก็ในเมื่อคนเป็นแม่พยายามหลีกหนี เขาจึงต้องรีบประชิดตัวลูกสาวดักทาง ไม่ให้น้ำส้มปลีกตัวออกห่างไปอย่างง่ายดาย...ก็เขาอยากได้!"โห...วันนี้เลยเหรอคะ" เด็กหญิงมะนาวโอดครวญ เมื่อนักรบเร่งรัดเธอ แม้มันจะเป็นอะไรที่แสนง่ายดาย แต่สำหรับเด็กน้อยวัยกำลังเล่น ก็คงสบถออกมาตามประสา"ครับผม" นักรบตอบเด็กหญิง"แต่น้องยังไม่พร้อมเลยนี่นา...แต่ไปทำงานก็ได้ค่ะยืมเงินแล้วก็ต้องคืนครูเรย์สอนน้องแบบนั้น" น้องมะนาวบอกเล่าให้เขาฟัง ทว่าเธอก็ยินยอมทำตาม เมื่อคำของคุณครูที่โรงเรียนมันวิ่งแจ้นเข้ามาในหัว ตามที่ได้จดจำมาเลยตกลงอย่างว่าง่าย ภายใต้ความงุนงงของน้ำส้มที่ยืนฟังเงียบ ๆ"เก่งเวอร์ ๆ เลยครับ...ไม่เหมือนบางคนที่เข้าใจยากมาก" นักรบชมเด็กหญิง จากนั้นจึงถากถางน้ำส้มในถัดมา ทำเอาเธอแทบอยากจะบี
"นี่ไม่ใช่ทางกลับบ้านของฉันนะคะ" น้ำส้มรีบท้กเมื่อทางหลักกลับบ้านของเธอไม่ใช่เส้นทางที่นักรบขับมา มันเป็นเส้นทางที่เธอไม่คุ้นตา จนนึกประหม่าและกังวล"เอ้า! ลูกคุณเป็นหนี้ก็ต้องไปใช้หนี้สิครับ" นักรบพูดขึ้น และที่ตอบไปนั้นล้วนเป็นข้ออ้างทังเพ ที่จะทำให้เขาได้อยู่ใกล้เธอบ่อยขึ้น"คุณมันขี้โกงอะ...ฉันต้องรีบกลับบ้านไปทำคลิปนะคุณ" น้ำส้มแย้งตำหนิ และกล่าวถึงหน้าที่งานต้องกระทำในถัดมา"โกงตรงไหนไม่ทราบ ผมก็ทำตามหน้าที่เจ้าหนี้เท่านั้น...ใช่ไหมครับน้องมะนาว" ทว่านักรบกลับตีสองหน้าเข้าข้างตัวเอง ไม่ได้สนใจในสิ่งที่น้ำส้มให้เหตุผล แถมยังหันไปหาพรรคพวกให้เอนตาม "ใช่ค่ะ น้องเอาเงินคุณอานักรบมาก็ต้องไปทำงานใช้คืนถูกต้องแล้วค่ะ" และก็เป็นอย่างใจคิด เมื่อความไร้เดียงสาใสซื่อของน้องมะนาวแสดงออกมา แต่ว่าทำให้แม่ของเธอถึงกับหน่ายใจเมื่อได้ฟัง อย่างกับเด็กหญิงไม่ได้เป็นลูกของเธอเสียอย่างนั้น"จะทำคลิปก็ทำที่บ้านผมก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลย" นักรบบอก เขายินดีอยู่แล้วหากเธอจะทำงานที่บ้านของเขา พร้อมประเคนอุปกรณ์และสิ่งของให้ ขอเพียงได้อยู่ใกล้เธอให้มากที่สุดเพื่อทำคะแนน"มีของที่ฉันต้องการหรือไง ทำเป็นพูดไม่
"เราต้องมาตกลงกัน" น้ำส้มเอ่ยขึ้นเมื่อเลี่ยงมาจนพ้นสายตาของเด็กน้อย สิ่งที่จะพูดต่อไปนี้เธอไม่อยากให้ลูกสาวได้ยินแล้วจดจำ เดี๋ยวเอาไปทำตาม"เรื่องอะไร" เขาถามอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร ทั้งที่ก็พอจะเดาได้"ก็เรื่องเงินที่น้องมะนาวยืมมาไง คุณจะมาเล่นแง่แบบนี้ไม่ได้ คุณต้องกำหนดมาแล้วอย่าตุกติก ทุกครั้งที่มะนาวต้องมามันควรชัดเจนเท่าไหร่ยังไง ไม่ใช่มาแบบเลื่อนลอย ฉันล่ะงงกับคุณจริง ๆ กับไอ้วิธีการที่ให้มะนาวมานั่งกินนอนกินแค่เนี่ย คุณเป็นประสาทหรือไง"".........," เขาเงียบนิ่งอย่างกับไม่ได้ยินในสิ่งที่น้ำส้มร่ายยาว ยืนเลื่อนหน้าจอมือถือดูข่าวอย่างสบายใจ"อย่านิ่งสิ ฉันพูดจนเหนื่อยแล้วนะ" เธอเริ่มอารมณ์เสีย เมื่อพูดมาจนปากแฉะนักรบยังนิ่งเงียบ"แล้วจะให้ผมพูดอะไรล่ะครับ หื้ม....ก็ผมพอใจอยากให้มะนาวใช้หนี้แบบนี้ ผมผิดตรงไหน?" เขาปรี่เข้ามาใกล้กะทันหัน โน้มตัวลงต่ำให้ใบหน้าเสมอหน้าเธอ ทำเอาน้ำส้มเอนถลาถอยหลบแทบไม่ทัน ใบหน้าคมคายเผยรอยยิ้มที่ทรงเสน่ห์จนหัวใจน้ำส้มเต็นเร็วผิดจังหวะ กลิ่นกายชายกระทบจมูกสร้างความรัญจวนชวนให้ลุ่มหลง"จะยื่นหน้ามาใกล้ทำไมเนี่ย" เธอต่อว่าอย่างเคอะเขิน"กลัวหลงเสน่ห์ผม
"สามเดือนคืออะไรหรอคะคุณอา แล้วนั่นคุณอาไปกอดคุณแม่ขาของน้องทำไม"ทั้งสองคนผละจากกัน เมื่อเสียงแหลมของน้องมะนาวทักท้วง เธอยืนมองด้วยความไม่เข้าใจ ทำให้น้ำส้มรีบเบือนหน้าหนียกมือเช็ดน้ำตา เธอไม่อยากให้ลูกสาวเห็นความผิดปกติที่เป็น "ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เราเข้าไปข้างในกันนะคะ" น้ำส้มรีบทำตัวให้เป็นปกติ เธอเดินเข้าไปหาลูกสาวตัวน้อยจับมือน้องมะนาวไว้แล้วยืนรอเจ้าของบ้านนำทาง"คุณอามาสิคะ เปิดการ์ตูนให้น้องดูหน่อยน้องเปิดทีวีคุณอาไม่เป็น""ครับ"เด็กหญิงผู้เดียงสาไม่รู้เลยว่าผู้ใหญ่ทั้งสองกำลังอยู่ในสถานการณ์เคร่งเครียด เธอบอกกล่าวแก่นักรบนั่นจึงทำให้เขาส่งยิ้มอ่อนเดินนำเข้าบ้าน น้ำส้มและน้องมะนาวจึงเดินตามหลังไป"เอาเรื่องนี้แหละค่ะน้องชอบ" เด็กหญิงนั่งหย่อนขาแกว่งไปมา เธอชี้นิ้วบอกนักรบที่กำลังไล่เปิดหาการ์ตูนให้ จนไปสะดุดเรื่องที่โปรดปราน มีน้ำส้มนั่งอยู่ข้าง ๆ ลูกสาว เธอมองลูกน้อยที่ไม่รู้เรื่องราวด้วยแววตาเศร้าที่คละเคล้ารอยยิ้มปั้นแต่ง เพื่อไม่ให้ลูกน้อยสงสัยว่าเธอนั้นผ่านการร้องไห้มาหมาด ๆ"หิวกันหรือยังครับ" นักรบใจคอไม่ดีเลยที่เห็นน้ำตาของเธอรินไหล ถามเด็กน้อยสายตาก็พลางมองทะลุไปยังแม
“ทำหน้าให้มันดี ๆ หน่อยสิครับว่าที่ภรรยา” นักรบแซวขึ้นในขณะที่น้ำส้มกำลังถูกรุมด้วยพนักงานร้านวิวาห์ ที่กำลังวัดสัดส่วนเพื่อเก็บรายละเอียดของชุดแต่งงานสีขาวระยิบ ประดับประดาด้วยเลื่อมและไข่มุกแท้ ที่นักรบวางแผนเลือกดีไซเนอร์ระดับแถวหน้าชื่อดัง“ยังจะมาพูดอีก ฉันผู้ไม่รู้เรื่องอะไรเลย จู่ ๆ ได้มาลองชุดเจ้าสาว คุณควรให้ฉันทำหน้าแบบไหนดีละคะ” น้ำส้มตอบกลับอย่างกระแนะกระแหน สีหน้าของเธอขุ่นเคืองกับการถูกบีบ แม้มันจะเป็นเรื่องราวที่ดี แต่เขาก็ควรให้เธอได้ตั้งหลักบ้าง“แต่งงานกับผมที่หล่อเหลาอย่างกับพระเจ้าปั้นมา แถมทั้งเก่ง หน้าที่การงานก็โคตรจะดี เพอร์เฟ็คแบบผมนี่หายากนะจะบอกให้ คุณก็ต้องทำหน้าดีใจสิครับถึงจะถูก มีผู้หญิงมากมายอยากจะได้ผมนะ คุณไม่อยากได้ผมหรือไง” เขาปั้นหน้าพูดด้วยความมั่นอกมั่นใจ เยินยอคุณลักษณะของตัวเองอย่างภาคภูมิ“เรื่องหลงตัวเองนี่เก่งเหลือเกิน” จากที่ยืนฟังคำเยินยอของนักรบ ทำให้น้ำส้มถึงกับกลอกตามองบนด้วยความระอา“หรือว่าไม่จริง...ไม่เชื่อคุณลองถามพวกเธอดูสิว่าผมเป็นอย่างที่พูดหรือเปล่า พวกคุณว่ายังไงครับ” เขายังคงตีสีหน้ามาดมั่น แถมยังหาแนวร่วมเอ่ยถามความเห็นเหล่าพ
หลายเดือนผ่านไป“นั่นไม่ใช่ทางกลับบ้านของฉันนี่คะ?” น้ำส้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับหันไปมองหน้านักรบที่กำลังขับรถบนท้องถนน ในเส้นทางไม่ใช่ทางกลับบ้านของตนเอง“แล้วใครบอกว่าผมจะพาคุณกลับบ้าน” นักรบพูดตอบกลับด้วยความทะเล้น นั่นยิ่งทำให้น้ำส้มรู้สึกฉงนใจ“แล้วจะพาฉันไปไหน?” เธอย้อนถามอีกครั้ง“ถึงก็รู้เองแหละ” เขาตอบเธอด้วยความยียวน“ไม่ได้พาไปขายใช่ไหม?” น้ำส้มเอ่ยทีเล่นทีจริง พร้อมกับรอยยิ้มกริ่มมุมปาก“มันจะได้ราคาเท่าไหร่กันเชียว” นักรบตอบสบประมาท พร้อมกับเลี้ยวซ้ายในซอยหนึ่งที่เป็นปลายทางของสถานที่จะไป“ก็ลองดูไหมล่ะ?” คำหยามที่ไม่จริงจังแต่ช่างปั่นอารมณ์ผู้หญิงให้หัวร้อนได้ จนน้ำส้มต้องเอ่ยประโยคนี้ออกไปด้วยความท้าทาย“ไม่!!!” ทำให้นักรบรีบตอบทันควันด้วยน้ำเสียงแข็งและสีหน้าบึ้งตึง หันมองน้ำส้มตาเขม็ง เขาพูดแซวเล่นเพื่ออยากแกล้ง แต่เธอตลบคำปั่นอารมณ์เขาแทนเสียอย่างนั้น“หวงละสิ” เธอเย้ยเขาและพูดเข้าข้างตัวเอง สะบัดผมไปข้างหลังด้วยความเชิดมั่นใจ“..........” นักรบไม่ได้ตอบกลับเขาเลือกที่จะเงียบและเขารถนิ่ง ๆ ไปตามเส้นทาง เพราะหากพูดมากกว่านี้กลัวว่าน้ำส้มจะสวนคำจนทำให้เขาหน้าเสีย“ไม่ตอบซะด้
“เปรี้ยวจี๊ดแดดดี๊มาแล้วครับ” เสียงของนักรบดังมาแต่ไกล เรียกขานว่าที่ลูกเลี้ยงที่เขารักปานดวงใจ ข้าวของในมือที่เขาซื้อมาให้เธอ ทุกอย่างเป็นของโปรดปรานของน้องมะนาวทั้งนั้น“ว้าว...แดดดี๊ของน้องตัวจริงหล่อเวอร์ ๆ เลยค่ะ” น้องมะนาวที่อยู่ในชุดนักเรียนน่ารัก เดินลงมาจากบันไดพร้อมแม่มองเห็นใบหน้าที่เปลี่ยนไปของนักรบ จนเบิกตาร้องว้าวด้วยความตื่นตา เขามาในมาดนักรบคนเดิมหล่อเหลาและมีเสน่ห์“เดี๋ยววันนี้คนหล่อเวอร์ ๆ ของน้องจะไปส่งที่โรงเรียนดีไหม?” เขาย่อตัวลงให้เสมอเด็กหญิง แล้วบอกในสิ่งที่จะทำหลังจากนี้ เธอจะมีรอยยิ้มแห่งความสุขทุกครั้งที่นักรบและน้ำส้มไปส่งที่โรงเรียนพร้อมกัน และวันนี้ก็เป็นการไปโรงเรียนวันแรก หลังจากที่เรียนออนไลน์มาเป็นเดือน เขารู้เพราะน้องสาวบอกเล่า“เย่ เย่ ดีเวอร์ ๆ ไปเลยค่ะแดดดี๊...คอยดูนะวันนี้น้องจะเอาแดดดี๊ไปอวดกรีนเพื่อนที่มาใหม่ ชอบพูดอวดพ่อกับน้องตลอดเลย” น้องมะนาวชูสองมือท่วมหัว กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ การไปโรงเรียนของเธอไม่ได้มีความสุขเหมือนกับสีหน้าและท่าทาง บางวันเธอถูกเพื่อนล้อว่าไม่มีพ่อ จนทำให้เธอต้องแอบร้องไห้อยู่ในมุมอับที่ไม่มีใครเห็น เมื่อถึงเวลาที
“มะนาวเรามีเรื่องต้องเคลียร์กันหรือเปล่าคะ” ผู้เป็นแม่เอ่ยกับลูกสาวตัวกลมที่วิ่งเข้ามาในห้อง ทุกคนล้วนตามเธอขึ้นมาเพื่อรอจับพิรุธเด็กอ้วนผู้ปั่นป่วน“เรื่องอะไรเหรอคะคุณขา” น้องมะนาวแกล้งทำเหมือนไม่รู้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นั่งเล่นตุ๊กตาวางท่านิ่งทั้งที่ตอนนี้เธอหัวใจเต้นตุบตุบด้วยความพะวงกลัวแม่จะดุ แม้เธอเป็นคนจุดประทัดจนเสียงดังลั่นบ้าน“ยังจะมาตีหน้าใสซื่ออีกนะเปรี้ยวจี๊ด” เป็นเอมอรที่ยืนมือกอดอกพิงขอบประตูพูดขึ้น ท่าทางของน้องมะนาวในตอนนี้ทำเอาผู้ใหญ่อยากจะขำลั่น แต่ต้องวางฟอร์มนิ่งไว้ไม่อยากให้เธอได้ใจ “ใครกันที่โทรบอกแม่อรว่า ‘แม่อรเกิดเรื่องแล้วค่ะกำลังจะกินหัวกันแล้วค่า’ ประโยคใครพูดน้าคิดสิคิด...ติ๊กต๊อก ติ๊กต๊อก ใครนะใครที่เป็นคนพูดแบบนี้”“ใครเหรอคะแม่อร” น้องมะนาวก็ยังคงไม่ยอมรับ เธอจดจำประโยคพูดได้ดีว่าเป็นเธอ แต่ก็ยังไงเฉไฉตาใส เธอหันไปสบตากับนักรบแววตาเปล่งประกายระริกขยิบตาส่งสัญญาณเพื่อขอความช่วยเหลือจากแดดดี๊ของเธอ เพราะตอนนี้สายตาพิฆาตของผู้เป็นแม่กำลังจดจ้องอย่างจับผิด“ไม่รู้สิ สงสัยลูกหมูแถวนี้มั้ง” เอมอรตอบกลับอย่างเย้าแหย่“เอาล่ะ ๆ ผมว่าให้มันแล้วกันไปดีกว่า
“คุณใจร้ายกับผมมากเลยรู้ไหมส้ม ทำผมเกือบร้องไห้ ขอผมกอดอีกหน่อยให้หายคิดถึงแล้วกัน” เขาพูดกับเธอทันทีเมื่อเดินเข้ามาภายในตัวบ้าน โอบกอดเธอแน่นด้วยความคิดถึง ดอมดมตามผิวกายและพวงแก้มจนมันแทบจะช้ำ(“ไม่นะไม่! จะกินหัวกันแล้ว น้องจะทำยังไงดีต้องหาคนมาช่วย”)“แม่อร แม่อร ตอนนี้เกิดเรื่องใหญ่เวอร์ ๆ แล้วค่า แดดดี๊กับคุณแม่ขาจะกินหัวกันแล้วค่า”((“อะไรกินหัวคะมะนาวแม่อรไม่เข้าใจ”) )“แดดดี๊ไง น้องบอกว่าแดดดี๊กับคุณแม่กินหัวกันแล้ว แม่อรรีบมาช่วยหน่อยสิคะ เร็ว ๆ นะคะมาตอนนี้เลย”((“แดดดี๊กลับมาแล้วเหรอ?”) )“ใช่นะสิคะตอนนี้อยู่บ้านของน้อง กำลังงาบหัวกันอยู่ข้างล่าง แม่อรต้องรีบมานะ”((“มันรุนแรงขนาดนั้นเลยเหรอลูก”) )“ก็ใช่สิคะ น้องเห็นเต็มฉองตาเลยรีบโทรหาแม่อรนี่ไง แดดดี๊กัดคุณแม่ แล้วคุณแม่ก็กัดคอแดดดี๊ขยุ้มผมแดดดี๊ด้วย มันรุนแรงเวอร์ ๆ เลยค่ะแม่อร”((“โอเค ๆ เดี๋ยวแม่อรรีบไปตอนนี้เลย”) )“โอเคค่ะ”พฤติกรรมระหว่างน้ำส้มและนักรบที่น้องมะนาวเห็น สร้างความเข้าใจผิดไปคนละทิศคนละทาง ความเดียงสาที่ยากจะเข้าใจทำให้เด็กหญิงคิดว่าการสัมผัสกันที่เหมือนรุนแรงเป็นการตบตีทะเลาะวิวาท ความคิดของเด็กน้อยท
ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นทำให้การสนทนาที่กำลังสนุกสนานต้องหยุดชะงักลง(น้องลงมาล้างมือเตรียมทานข้าวได้แล้วค่ะ) เสียงบอกของผู้เป็นแม่ดังลอดผ่านเข้ามาในห้อง“ค่ะคุณแม่...ไปกันค่ะแดดดี๊ คุณแม่ขามาเรียกแล้ว” คำพูดแรกเธอตอบผู้เป็นแม่ จากนั้นจึงหันไปเอ่ยปากชวนนักรบด้วยสีหน้าระรื่นสดใส(รีบลงมานะคะ เดี๋ยวคุณอาธันวาจะรอนาน)“ค่ะ...”(แม่ไปรอที่โต๊ะอาหารนะคะ)“ลุกสิคะแดดดี๊เราไปทานข้าวกัน”“น้องไปเถอะ แดดดี๊ว่าจะกลับแล้วล่ะ”“ทำไมละคะ?”คำเอ่ยชวนของน้องมะนาวแต่นักรบปฏิเสธ ทำเอาเด็กน้อยย้อนถามทันควัน แต่สำหรับนักรบนั้นเขารู้สึกเหมือนตัวเองไร้ค่า ไร้ตัวตนในสายตาของน้ำส้ม ก็ตั้งแต่ที่เขาก้าวขาเข้ามาเธอก็ไม่ได้สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าเธอจะไม่ได้ขับไล่ที่เข้ามาในบ้าน ความเมินเย็นชาทำให้นักรบเกิดประหม่าและสู้หน้าเธอไม่ไหว เขาคิดถึงแทบขาดใจ แต่พอได้อยู่ใกล้ตรงหน้าก็ไม่สามารถกอดเธอให้หายคิดถึง...มันท้อแท้ใจจนต้องบอกกับตัวเองว่าเขาควรพอแค่นี้“แดดดี๊แค่รู้สึกเหนื่อย ๆ น่ะ” เขาตอบเด็กหญิงพลางลูบหัวของเธอเบา ๆ คำพูดของเขาทำเอาเด็กหญิงหน้าเศร้าในทันที“อยู่กับน้องไม่ได้เหรอ น้องยังไม่หายคิดถึ
“น้ำค่ะ” น้ำส้มยื่นแก้วน้ำเย็นฉ่ำให้กับธันวา พร้อมกับระบายยิ้มอ่อนอันแสนหวาน“ขอบคุณครับ” ธันวาเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มอบอุ่น สายตามองหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาหวานเยิ้มนักรบเดินเข้ามาพร้อมกับน้องมะนาว เขาก็ต้องได้เห็นรอยยิ้มแสนหวานของเธอเผยต่อหน้าชายคนอื่น เขารีบเดินเข้าไปพร้อมกับสายตาพิฆาตจดจ้องธันวาอย่างเอาเรื่อง รู้สึกขุ่นเคืองไม่ถูกชะตา“คุณแม่ขาแดดดี๊มาทำไมคุณแม่ไม่คุยกับแดดดี๊ละคะ?” เด็กหญิงสงสัยจึงได้เอ่ยถามผู้เป็นแม่ไปแบบนั้น“น้องสวัสดีคุณอาธันวาหรือยังคะ?” น้ำส้มแสร้งไม่สนใจคำถามของลูกสาว เธอบ่ายเบี่ยงด้วยการย้อนน้องมะนาวแทน“หรือว่ากูตายแล้วเหรอวะถึงมองไม่เห็น” นักรบที่นั่งชิดกับน้องมะนาว เขาบ่นกับตัวเองเบา ๆ ด้วยความสงสัย เพราะน้ำส้มไม่คุยกับเขาเลยตั้งแต่มาถึง เขาหายหน้าไปนานหลายสิบวันขนาดนี้ เธอไม่คิดถึงเขาเลยหรืออย่างไร ทั้งที่ข้อความก็บอกว่าคิดถึงและรักมากมาย แต่ไหนเลยพอมาหาถึงได้เมินเฉยอย่างกับมองไม่เห็น“สวัสดีค่ะ” น้องมะนาวยกมือไหว้ธันวาอย่างนอบน้อม สายตาก็มองหน้าของผู้เป็นแม่กับนักรบสลับกันไปมา ก็เธอสงสัยไม่หาย ทำไมแม่ถึงไม่ทักทายแดดดี๊ทั้งที่บ่นคิดถึงไม่ต่างกันในวันที่ผ
“ใครธันวา?” นักรบเอ่ยถามน้ำส้มด้วยแววตาขึงขังหลังจากที่น้องมะนาวเดินเข้าไปบ้านจนลับสายตา ชื่อผู้ชายมันแสลงหูทำให้เขาไม่ชอบใจเลยสักนิด“จะใครก็เรื่องของฉันค่ะ ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้” น้ำส้มบอกปัดพร้อมกับดันหลังของนักรบเดินออกไปจนพ้นประตูบ้าน จากนั้นเธอก็รีบล็อกกลอนทันที“ส้มเปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ บอกผมมาว่าไอ้ธันวานั่นมันเป็นใคร น้ำส้ม!” นักรบตะโกนโหวกเหวกโวยวายอยู่หน้าบ้าน พยายามงัดแงะประตูก็ไม่สามารถทำให้ประตูเปิดออกได้ ตอนนี้เขาหัวเสียยิ่งกว่าสิ่งใด ในใจร้อนรุ่มกระวนกระวายเหมือนไฟสุมอยู่ในอก เขาหวงเธอยิ่งกว่าอะไร ยิ่งมีผู้ชายเข้าใกล้ก็ยิ่งหัวร้อน“เข้าผิดบ้านก็อย่ามาโวยวาย เชิญค่ะ”“ผมไม่ไปบอกมาว่าไอ้นั่นมันเป็นใคร อย่าทำให้ผมหมดความอดทนนะ”“มีสิทธิ์อะไรมาขู่ฉันห๊ะไอ้โจรหนวดบ้า! อย่าไม่ไปฉันแจ้งตำรวจจริง ๆ ด้วย”“โจรบ้าบออะไรนี่ผมผัวคุณนะน้ำส้ม! น้ำส้ม!”น้ำส้มพูดขู่ทิ้งท้ายก่อนจะหันหลังให้นักรบเดินเข้าบ้านอย่างไม่แยแส และไม่หันกลับมามองคนที่หัวร้อนอยู่ด้านหลังที่ยังโวยวายเหมือนหมาบ้า เธอนึกขำกับภาพของเขาตอนนี้ เดินยิ้มกริ่มเข้าบ้านเหมือนกับการแกล้งเขานั้นมันสนุกสนานอย่างกับเล่นเครื
“คุณคะ? คุณได้ยินฉันไหม” ความเงียบนิ่งทำให้น้ำส้มต้องเพิ่มน้ำหนักเสียงถามอีกครั้ง ด้วยสีหน้าเรียบนิ่งเหมือนกับคนไม่รู้จักกันจริง ๆ ล้วนเกิดจากการแสดงทั้งนั้น“..........” ยิ่งเหมือนจะยิ่งตอกย้ำความเสียใจแก่นักรบ เมื่อคำถามแสนห่างเหินแว่วเข้ามาให้ได้ยิน เขาน้ำตาเอ่อคลอไม่ต่างจากที่น้องมะนาวปฏิเสธก่อนหน้า เข่าอ่อนจนแทบทรุดลงกับพื้น แต่ก็ฝืนยืนต่อให้มั่น สมองเหมือนตันไปกับคำถามของเธอที่อยู่ตรงหน้า“เรารู้จักกันด้วยเหรอคะ?” น้ำส้มแสร้งถามย้ำ แม้สีหน้าของนักรบจะดูไม่สู้ดี แต่เธอก็ยังอยากจะพูดแกล้งต่อ นั่นก็เพราะเธออยากจะเอาคืนข้อหาทำให้เธอเป็นห่วงจนกินไม่ได้นอนแทบไม่หลับตลอดเวลาที่ผ่านมา“น้ำส้ม” เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเบาหวิวและสั่นเครือ เหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุนไปทันตากับคำถามนี้“ขอโทษด้วยนะคะ ฉันขอตัวเข้าบ้านก่อนหากเราไม่ได้รู้จักกัน หรือไม่งั้นคุณก็อาจจะจำบ้านผิดหลัง...เข้าบ้านกันค่ะมะนาว” เธอพูดกับเขาก่อนจะก้มหน้าพูดกับลูกสาวที่ยืนเคียงข้าง คำพูดที่ห่างเหินมันตัดรอนหัวใจของนักรบจนแทบพูดไม่ออก ได้แต่มองผู้หญิงที่รักกับลูกสาวเดินเข้าบ้านไปจนลับสายตาด้วยใบหน้าเศร้าเสียใจ ปากขยับพูดรั้งเธอ