"เราต้องมาตกลงกัน" น้ำส้มเอ่ยขึ้นเมื่อเลี่ยงมาจนพ้นสายตาของเด็กน้อย สิ่งที่จะพูดต่อไปนี้เธอไม่อยากให้ลูกสาวได้ยินแล้วจดจำ เดี๋ยวเอาไปทำตาม
"เรื่องอะไร" เขาถามอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร ทั้งที่ก็พอจะเดาได้
"ก็เรื่องเงินที่น้องมะนาวยืมมาไง คุณจะมาเล่นแง่แบบนี้ไม่ได้ คุณต้องกำหนดมาแล้วอย่าตุกติก ทุกครั้งที่มะนาวต้องมามันควรชัดเจนเท่าไหร่ยังไง ไม่ใช่มาแบบเลื่อนลอย ฉันล่ะงงกับคุณจริง ๆ กับไอ้วิธีการที่ให้มะนาวมานั่งกินนอนกินแค่เนี่ย คุณเป็นประสาทหรือไง"
".........," เขาเงียบนิ่งอย่างกับไม่ได้ยินในสิ่งที่น้ำส้มร่ายยาว ยืนเลื่อนหน้าจอมือถือดูข่าวอย่างสบายใจ
"อย่านิ่งสิ ฉันพูดจนเหนื่อยแล้วนะ" เธอเริ่มอารมณ์เสีย เมื่อพูดมาจนปากแฉะนักรบยังนิ่งเงียบ
"แล้วจะให้ผมพูดอะไรล่ะครับ หื้ม....ก็ผมพอใจอยากให้มะนาวใช้หนี้แบบนี้ ผมผิดตรงไหน?" เขาปรี่เข้ามาใกล้กะทันหัน โน้มตัวลงต่ำให้ใบหน้าเสมอหน้าเธอ ทำเอาน้ำส้มเอนถลาถอยหลบแทบไม่ทัน ใบหน้าคมคายเผยรอยยิ้มที่ทรงเสน่ห์จนหัวใจน้ำส้มเต็นเร็วผิดจังหวะ กลิ่นกายชายกระทบจมูกสร้างความรัญจวนชวนให้ลุ่มหลง
"จะยื่นหน้ามาใกล้ทำไมเนี่ย" เธอต่อว่าอย่างเคอะเขิน
"กลัวหลงเสน่ห์ผมหรือไง" เขาแซว
"มั่นหน้าอีกละ" น้ำส้มตอบโต้ด้วยสีหน้าเอือมระอา ทว่าความจริงแล้วเธอกำลังหวั่นไหวทุกครั้งที่เขาเข้าใกล้
"หึ" นักรบยกยิ้มมุมปากพลางส่งสายตามองหน้าน้ำส้มที่ยืนอยู่ตรงหน้า โปรยเสน่ห์หวังให้เธอลุ่มมหลงเหมือนกับผู้หญิงคนอื่นที่เข้าใกล้เขา
"เรื่องมะนาวน่ะมันไร้สาระเกินไป หาความสมเหตุสมผลก็ไม่มี.....คุณว่างนักหรือไงทั้งที่ต้องรับผิดชอบงานก็เครียดพอแล้ว ยังต้องมาเครียดกับมะนาวอีกเหรอ"
"ห่วงผมเหรอครับ"
"ไม่ได้ห่วงแต่มันเสียเวลาทำมาหากินของฉันที่ต้องมาดูลูก ฉันไม่กล้าปล่อยลูกอยู่กับคนแปลกหน้าตามลำพังหรอกนะ แม้ว่าคุณจะเป็นนายจ้างฉันก็เถอะ"
ทั้งสองคนถกเถียงกัน มันเป็นสิ่งที่น้ำส้มคิดจริง เธอไม่ได้ร่ำรวยจนมีเวลาว่างมานั่งหายใจทิ้ง ทุกเวลานาทีของเธอมันมีค่า ล้วนแต่เป็นเงินเป็นทองสร้างรายได้ให้เธอได้จับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวัน มันคือสิ่งที่เธอต้องดิ้นรนหาเลี้ยงชีพสองชีวิตน้อย ๆ เพียงลำพัง
"ผมดูอันตรายขนาดนั้นเลย?" เขาย้อนถามและชักสีหน้านิ่ง
"ใช่! แถมยังกะล่อนเจ้าเล่ห์อีกด้วย" น้ำส้มตอบทันทีโดยไม่ต้องคิด ก็เขาเริ่มออกลายจากผู้ชายอบอุ่นกลายเป็นคนเจ้าเล่ห์เพทุบายชอบวางแผน
"คิดบ้างก็ได้ ผมคงไม่ขนาดนั้นมั้ง" นักรบแย้ง
"น้อยไปสิไม่ว่าถ้าจากที่ฉันสัมผัสมา คุณมันโคตรเจ้าเล่ห์เลยรู้ป้ะ"
"ไม่เห็นรู้เลย ผมเป็นแบบนั้นจริงเหรอ"
"บ้านก็มีกระจกเยอะแยะหัดส่องบ้างนะจะได้มองเห็นตัวเอง"
เขาและเธอยังคงต่อล้อสาวความกันอย่างไม่ลดละ เมื่อน้ำส้มพูดขึ้นกระแทกแดกดัน นักรบก็ตอบกลับทันทีไม่มีติดขัด จนตอนนี้เธอเริ่มอารมณ์เสีย แต่คนพูดยากช่างแถสีถลอกข้างก็ไม่มีทีท่าหยุดยั้งแต่อย่างใด เขายังคงยียวนจนน้ำส้มแทบอยากเอาเส้นผมมารัดคอตัวเองตาย...เธอปวดหัว!!
"นี่คุณไม่เข้าใจจริงเหรอทำไมผมถึงอ้างเหตุผลโง่ ๆ แบบนี้ขึ้นมา" นักรบเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง เมื่อเห็นอาการน้ำส้มที่เริ่มจะถอยห่างออกไป ซึ่งเขาหลอกล่อทุกทางเพื่อเข้าใกล้ แต่เธอกลับหาทางผลักไสเขาออกไปจากชีวิต
"รู้อะไร?" เธอย้อนถาม
"ผมแค่อยากให้คุณอยู่ใกล้ ๆ ไม่รู้สิ สำหรับคุณอาจจะมองว่ามันเร็วไป แต่ผมรู้ใจตัวเองว่าชอบคุณตั้งแต่ที่เจอกัน...แล้วถ้าผมไม่ทำแบบนี้ผมจะได้คุยกับคุณแบบนี้ไหม จะได้ใกล้ชิดกันหรือเปล่า" เขาพูดร่ายราวในจุดประสงค์ที่คิดการณ์ไว้
"ฉันไม่เหมาะสมกับคุณหรอก อย่ามาเสียเวลากับแม่หม้ายลูกติดแบบฉันเลย คุณมีคนในสังคมมากมายที่คู่ควร ฉันมันก็แค่...."
"ผมไม่แคร์!"
น้ำส้มแย้งในมุมของเธอ ทว่ายังพูดไม่ทันจบประโยค นักรบก็แทรกตัดบทด้วยท่าทีเกรี้ยวกราดขึงขัง เขาก้าวขาขยับเข้ามาหาน้ำส้ม จนเธอต้องกรูถอยหลัง สีหน้าและแววตาของนักรบดูจริงจัง สร้างความหวาดระแวงและกลัวแก่เธอไม่น้อย แต่เมื่อได้ประจันหน้าแล้วคงถอยไม่ได้ เหตุผลที่เขาอ้างมาไม่สามารถไขปมชีวิตที่มันฝังใจ เธอพยายามปิดตายประตูหัวใจตั้งแต่ครั้งนั้นที่เคยเผชิญ
ไม่คู่ควร
ผู้หญิงมีตำหนิไร้ประโยชน์
กาลกิณีดวงกินผัว
"แต่ฉันแคร์ไง ฉันคงทนคำคนไม่ไหว ฉันสู้กับแรงกดดันรอบกายไม่ได้ ไหนจะครอบครัวคุณอีกล่ะ พวกเขาจะรับสถานภาพฉันได้ยังไง....มันเป็นไปได้ยากคุณเข้าใจความโหดร้ายของโลกใบนี้บ้างไหม คุณนักรบ!" เธอตะเบ็งเสียงลั่นพร้อมกับดวงตาแข็งกร้าวที่คละเคล้าด้วยม่านน้ำตา เธอเคยประสบพบเจอคำครหาจนยากจะเปิดใจ ใช่ว่าเธอฆ่าใครตาย
"ผมไม่สนคำพูดหรืออะไรก็ตาม"
"คุณจะมั่นใจได้ยังไงคุณนักรบ ฉันเคยได้ยินมาแทบทุกครั้งที่มีคนมาจีบ ครอบครัวพวกเขาไม่เคยรับได้ และยิ่งฐานะแบบคุณมันยิ่งยากมาก คุณมีสังคม มีหน้ามีตาฐานะร่ำรวย แล้วฉันล่ะคุณมองดี ๆ มีอะไรที่คู่ควรกับคุณบ้าง....คุณควรหยุดแค่นี้ แล้วหนี้ฉันจะหาเงินมาคืนให้"
"แต่ผมชอบคุณ"
"ชอบสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา และทุกความรู้สึกก็เปลี่ยนได้เช่นกัน ถ้าคุณเจออะไรใหม่ ๆ ฉันมันก็แค่ของเล่นเท่านั้น ฉันไม่อยากพาตัวเองลงไปเล่นกับใครชั่วครั้งชั่วคราว...."
"แต่ผมเอาจริงนะไม่ได้แค่จีบเล่น ๆ"
"อย่าเอาฉันไปเป็นหนึ่งในตัวเลือกของคุณเลย...ขอตัวไปหามะนาวก่อนนะคะ"
พูดจบอย่างตัดพ้อ เธอก็เบี่ยงตัวเดินหลบหนีโดยที่ไม่มองหน้านักรบแม้แต่น้อย เพราะกลัวความรู้สึกตัวเองที่มันอาจจะหวั่นไหวจน ทำให้ ความหนักแน่นลดหลั่นไป
"สามเดือนน้ำส้ม ผมขอเวลาแค่สามเดือน" เขารีบวิ่งเข้าไปกอดเธอจากด้านหลัง แล้วให้คำสัตย์ด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ เมื่อเห็นน้ำตาของน้ำส้มรินไหล เขากลัวว่าเธอจะถอยห่างไปจากชีวิต สิ่งที่ได้รับรู้ทำให้เขาใจสั่น
".........." น้ำส้มเงียบภายใต้อ้อมกอดของนักรบเธอไม่รู้ว่าจะเชื่อถือในคำพูดของเขาหรือไม่ ตอนนี้มีเพียงน้ำตาแห่งความชอกช้ำ เมื่อย้อนนึกถึงคำครหาของคนที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิตและดูแคลนเธอกับลูก
"สามเดือนถ้าคุณไม่รักผมเลย ผมจะถอยเอง"
สวัสดีค่ะน้องชื่อว่ามะนาว แต่เพื่อนที่โรงเรียนอนุบาลจะเรียกน้องว่าเปรี้ยวจี๊ด เพราะมะนาวมันเปรี้ยวสุด ๆ ไงคะ แต่น้องก็ชอบที่เพื่อนเรียกแบบนี้นะ ไม่เหมือนใครแปลกดีค่ะ ตอนนี้น้องเรียนอยู่ชั้นอนุบาลฉามแล้ว น้องมีเพื่อนเยอะแยะเลย โตขึ้นน้องมีความฝันว่าอยากจะเป็นคนสวยที่รวยเวอร์ ๆ น้องไม่อยากรวยแบบธรรมดาหรอกนะคะต้องเวอร์ ๆ ค่ะ เพราะน้องน่ะชอบอะไรที่แตกต่าง ตอนนี้น้องเป็นลูกสาวของคุณแม่ อยู่กับคุณแม่ฉองคน คุณแม่บอกว่าคุณพ่อไปอยู่บนฟ้าน้องคิดถึงคุณพ่อ แต่ว่าต้องอดทนเอาไว้ แล้วมันก็สูงมาก ๆ น้องตามไปไม่ไหว จะบินก็ไม่ได้ค่ะน้องตัวอ้วนแถมไม่มีปีกไว้บินเหมือนนก และตอนนี้คุณแม่ก็กำลังไปเข้าห้องน้ำค่ะ น้องเลยแอบมาเล่นโทรศัพท์ของคุณแม่ โอ๊ะ ๆ นั่นคุณแม่มาแล้วแค่นี้ก่อนนะคะ บ๊ายบายจุ๊บ ๆ“มะนาวทำอะไรคะ”“ปะ เปล่าค่ะคุณแม่”เด็กหญิงตัวน้อยสะดุ้งตกใจ เมื่อเสียงของผู้เป็นแม่เรียกขานโดยเธอไม่ทันได้ตั้งตัว โชคดีที่เธอนั้นอัดวีดีโอก่อนหน้าเสร็จทัน จึงรีบวางโทรศัพท์มือถือของแม่ลงเตียงนอน นั่งเอามือขัดหลังอย่างมีพิรุธ จนผู้เป็นแม่นั้นอมยิ้มและเดินมานั่งข้าง ๆ รู้แก่ใจว่าลูกสาวตัวน้อยนั้นแอบเล่นมือถือ แต่ก็ไ
“ปวดฉิ่งฉ่องจังเลย ปวดเวอร์ ๆ จนจะราดกางเกงอยู่แล้ว” เด็กหญิงนั่งมือกุมเป้า เมื่อนั่งเล่นได้ไม่นานก็มีอาการอยากเข้าห้องน้ำ หล่อนมองไปเห็นผู้เป็นแม่นั่งคุยงาน คำสัญญาที่ให้ไว้ก่อนมาว่าจะไม่ซนและไม่กวนแม่ทำงาน จึงทำให้เธอไม่กล้าที่จะเดินเข้าไปหา จึงส่องสายตามองหาห้องน้ำ ซึ่งเธอมองสัญลักษณ์ออกเพราะครูสอนที่โรงเรียนแล้วจดจำ“ห้องนั้นแหละ คุณครูเรย์บอกว่าห้องน้ำผู้หญิงจะมีคนใส่กระโปรงอยู่ข้างหน้า” เด็กหญิงลุกออกมาแล้วเดินหาห้องน้ำด้วยตัวเอง จนเห็นป้ายสัญลักษ์ที่คุ้นตา จึงมุ่งหน้าเพื่อเข้าไปปลดทุกข์ เธอจดจำสิ่งที่ครูและแม่บอกได้ดี จนทำกิจวัตรประจำวันได้โดยไม่ต้องผู้เป็นแม่“เกือบฉิ่งฉ่องแตกเลย” เด็กหญิงทำกิจวัตรเสร็จเรียบร้อย จึงเปิดก๊อกล้างมือ ส่วนสูงของเธอที่มีไม่มากพอ จนเธอเขย่งเท้าใช้พุงพาดกับขอบอ่างขาห้อยโตงเตง แล้วเอื้อมมือไปเปิดก๊อกน้ำ แต่...“เอ้า!! แขนไม่ถึง...จะทำยังไงดี...ขา ขาน้องไม่ถึงพื้นลงไม่ได้ คุณแม่ช่วยน้องด้วย ฮือ คุณแม่ขาน้องเจ็บพุง ฮือ ใครก็ได้ช่วยน้องด้วย” เด็กหญิงเริ่มรู้สึกหวาดกลัว เมื่อทุกอย่างเธอไม่สามารถทำอะไรได้เลย ขาก็ไม่สามารถเยียบพื้น หากจะกระโจนลงก็กลัวหงายหล
“มะนาว!! เป็นอะไรคะ แล้วทำไมหนูร้องไห้” เมื่อเห็นลูกสาวที่เดินเข้ามา ผู้เป็นแม่รีบวิ่งเข้าไปโอบกอดด้วยความห่วงใย เธอคุยงานเสร็จเรียบร้อย หันมามองยังที่นอนของลูกสาวแต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงา จึงกังวลและเป็นห่วง ตามหาในห้องแต่งตัวหรือบริเวณใกล้ ๆ ก็ไม่เห็นจนได้ออกตามหา ทำเอาทีมงานวุ่นวายไปด้วยผู้หญิงตรงหน้าทำให้เขานั้นถึงกับอึ้งไปถนัดตา เธอดูมีเสน่ห์และน่ารัก จนเขานั้นจ้องมองไม่อยากจะละสายตา ยิ่งสีหน้าที่ติดกังวลและมีความห่วงใย ยิ่งทำให้เขานั้นลุ่มหลงอย่างกับโดนมนสะกด แม้จะอยู่ในสังคมที่เปิดกว้าง พบเจอผู้หญิงมากมายก็ไม่ต้องตาถูกใจเท่าเธอคนนี้“น้องปวดฉิ่งฉ่องเลยไปห้องน้ำ พุงน้องติดบนอ่างล้างมือลงไม่ได้ น้องกลัว ฮือ” เด็กหญิงบอกเล่าแล้วร้องไห้อีกครั้ง เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา กอดคอของผู้เป็นแม่แน่นอย่างต้องการปกป้อง“ไม่ร้องนะคะ ไม่ต้องกลัว แม่อยู่นี่แล้วนะลูกปลอดภัยแล้วนะคะ” ผู้เป็นแม่พูดปลอบ เธอใจหายเกือบแทบไม่เป็นอันทำอะไร เมื่อไม่เห็นลูกสาวอยู่ในที่จัดหาให้“คุณอาสุดหล่อช่วยน้องค่ะคุณแม่” เด็กหญิงบอกกล่าว ทำให้ผู้เป็นแม่นั้นเงยหน้ามอง คนตัวสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้า ทั้งที่เขายืนอยู่นาน
"ขอบคุณทุก ๆ คนครับ...วันนี้ทำดีมาก ขอเดินทางกลับปลอดภัยทุกคนนะ พรุ่งนี้มาลุยกันต่อ" นักรบผู้เป็นเจ้าของกล่าวขอบคุณทีมงาน เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นและราบรื่นในวันนี้ เขาเป็นมิตรกับลูกน้องจนพวกเขารักใคร่ ความไม่ถือตัวเป็นกันเองคือเสน่ห์ที่ทำให้คนใต้บัญชาเคารพ(ค่ะ/ครับ)ทีมงานทุกคนกล่าวลาและทยอยกันออกจากพื้นที่ทำงาน แต่ยังมีคุณแม่ลูกติดกับลูกสาวตัวน้อยที่ยังคงเก็บของอยู่ลำพัง ข้าวของเด็กที่มันเยอะกว่าปกติ เลยทำให้น้ำส้มยังคงง่วนอยู่ที่เดิม แถมลูกน้อยของเธอก็นอนหลับสนิท จึงทำให้ดูลำบากและล่าช้ากว่าคนอื่น ๆ เขายืนมองอยู่ห่าง ๆ พลางใช้ความคิดบางอย่าง สองจิตสองใจจะเข้าไปช่วยเหลือหรือให้เธอทำตามลำพัง"มึงยืนมองเฉย ๆ ได้หรือวะนักรบ...ดูใจดำเกินไปนะ" พลันความคิดฉุดขึ้น ความคิดด้านดีจึงต่อต้าน นั่นจึงทำให้เขาเดินเข้าไปหาเธอเพื่อยื่นมือช่วยเหลือ "ผมช่วยครับ""คุณนักรบ" น้ำส้มเงยหน้ามองตามเสียง และระบายยิ้มอ่อนให้คนตรงหน้า ที่อาสาช่วยเก็บของให้"ผมช่วยครับ" เขาตอบอย่างสุภาพ พร้อมกับหยิบจับของใส่กระเป๋าผ้า ทั้งที่เธอยังไม่ยินยอม"ไม่เป็นไรค่ะคุณนักรบ ฉันเกรงใจคุณเป็นถึงเจ้าของบริษัทฉันแค่ลูกจ้าง เดี
"แล้วโตขึ้นน้องมะนาวจะทำงานอะไรครับ ถึงจะมีเงินมาคืนอา" เขาถามเด็กหญิงเพื่อลองเชิง รอฟังคำตอบว่าจะมีไหวพริบเพียงใด"น้องก็จะเป็นคนสวยที่รวยเวอร์ ๆ ไงคะ" และแล้วก็แทบหงายหลัง เมื่อได้ฟังคำตอบที่โคตรสร้างสรรค์ของเด็กหญิงมะนาวตัวกลม ทำเอานักรบไม่รู้จะยิ้มหรือร้องไห้ก่อนดี"โอ๊ยตาย...เด็กน้อยเอ๊ย!" เขาอุทานออกมาพร้อมกับทาบมือลงหน้าผากอย่างหน่ายใจ...ช่างน่าสงสารซะจริง"อย่าเพิ่งตายสิคะ คุณอาสุดหล่อเวอร์ ๆ ยังไม่ได้ให้น้องยืมเงินเลย" น้องมะนาวเอื้อมมือจับแขนของนักรบ แล้วพูดออกมาตามความคิดแบบเด็ก ๆ ที่ยังไม่รู้ความ"อาให้ยืมก็ได้ แต่น้องมะนาวต้องทำงานแลกนะ...โอเคไหม?" เขาตอบรับพร้อมกับยื่นข้อเสนอ เมื่อสมองผุดความคิดดี ๆ ออกมา"แล้วจะให้น้องทำงานอะไรล่ะคะ..." เด็กหญิงตัวน้อยถามขึ้น"น้องมะนาวทำอะไรได้บ้างล่ะ" และเขาก็ย้อนคืน"อืม~~ กินข้าว กินนม ไปโรงเรียนแล้วก็นอนกลางวันและกลางคืนได้ค่ะ" น้องมะนาวให้คำตอบอย่างไม่ติดขัด แต่สิ่งที่เธอพูดมาว่าทำได้มันกระตุ้นเส้นเลือดในสมองของนักรบจนเต้นตุบ ๆ"เอิ่ม~~" "คุณอาสุดหล่อเวอร์ ๆ ไม่โอเคเหรอคะ ก็น้องยังเป็นเด็กนี่นา เลยทำได้แค่นี้เอง" เด็กหญิงพูดเสียง
#เบาได้เบา"เตรียมตัวกลับบ้านกันนะคะ" ผู้เป็นแม่เอ่ยชวนลูกสาวตัวน้อย ที่ยืนกอดเอวแน่น"ค่ะ""ขอบคุณนะคะที่อยู่เป็นเพื่อนมะนาว...รบกวนคุณนักรบตลอดเลย" น้ำส้มเดินเข้ามาใกล้แล้วยกมือไหว้ขอบคุณจากใจ"ไม่เป็นไรครับแค่นี้เอง...ไปครับเดี๋ยวผมถือของไปส่งที่รถ" เขายิ้มให้และออกตัวช่วยเหลือ พลางยกของมาถือ จับมือน้องมะนาวไว้อย่างเตรียมพร้อม"ขอบคุณค่ะ" "คุณอาสุดหล่อเวอร์ ๆ ขา" เด็กหญิงสะกิดที่ขาแล้วเงยหน้ามองเหมือนส่งสัญญาณบางอย่าง ทำให้นักรบต้องย่อตัวต่ำเสมอเด็กหญิง"มีอะไรครับ" เขาถามขึ้น"จับมือน้อง...แสดงว่าสัญญาจะให้น้องยืมเงินแล้วใช่ไหมคะ" คำตอบของน้องมะนาวทำเอานักรบยิ้มกริ่ม นับวันเขายิ่งรู้สึกเอ็นดูเด็กคนนี้"ครับผม" เขาตอบรับอย่างไม่อิดออด"คุณอาใจดีเวอร์ ๆ เลยค่ะ...ห้ามเปลี่ยนใจนะคะ" ทำให้เด็กหญิงมะนาวฉีดหญิงกว้างจนตาหยีด้วยความดีใจ เธอยื่นไปจับมือมั่นสัญญา"อาสัญญาครับ" นักรบเออออตามน้ำ เขาไม่ขัดเด็กน้อยผู้น่ารักคนนี้อยู่แล้ว...แก้มกลมน่าชังขนาดนี้ใครจะปฏิเสธได้ลง"กวนอะไรคุณอานักรบคะมะนาว" ผู้เป็นแม่เดินกลับเข้ามา เห็นลูกสาวตัวกลมคุยหยอกล้อมีรอยยิ้มจนต้องทักท้วง เพราะห่วงว่าลูกสาวจะ
"แตงกวาเรียกจ๋าเข้ามาหาผมหน่อย" นักรบเข้ามาเคลียร์งานในตอนเช้า เขากดสายหาเลขาหน้าห้อง เมื่อนึกใคร่รู้บางอย่าง"ค่ะ" แตงกวาเลขาหน้าห้องตอบรับ จากนั้นเธอจึงจัดการประสานงานต่อไปยังจ๋าที่ผู้เป็นเจ้านายต้องการพบเจอ จ๋าใช้เวลาไม่นานก็มาถึง เธอเคาะประตูห้องทำงานของเจ้านายตามมารยาทที่ควรทำ แล้วจึงเดินเข้าไปหาเจ้านายที่นั่งรออยู่"คุณนักรบมีอะไรหรือเปล่าคะ" "นั่งก่อนสิผมมีเรื่องจะถาม""ค่ะ"จ๋าเอ่ยขึ้นก่อนเมื่อมาถึง จึงทำให้ผู้เป็นนายตอบรับและผายมือเชื้อเชิญ เธอจึงนั่งลงเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้าม รอลุ้นว่าเจ้านายจะเสนองานอะไรให้ทำ"นางแบบคนเมื่อวานเธอสังกัดที่ไหนเหรอ""น้องน้ำส้มนะเหรอคะ""ครับ"นักรบถามขึ้นโดยที่เขายังคงง่วนอยู่กับการเซ็นเอกสารกองโตตรงหน้า ทำเอาจ๋าเกิดสงสัยแต่ก็ไม่แคลงใจอะไร "น้องไม่ได้สังกัดไหนค่ะ น้องเป็นนางแบบอิสระและบล็กเกอร์รีวิวสินค้าค่ะ จ๋าได้ยินว่าเป็นเพื่อนคุณเอมอร" เธอบอกเล่าแก่ผู้เป็นเจ้านายตามที่เธอรับรู้"เพื่อนเอมอร?" เขาเงยหน้าแล้วย้อนถาม เพื่อนของน้องสาวแต่เขาไม่เคยรู้จักเพื่อนคนนี้ได้ยังไง ทั้งที่คิดว่ารู้จักเพื่อนสนิทของน้องสาวแทบทุกคน"ค่ะ" จ๋าขานรับ"จำได้ว่
"มาทำไม" นักรบถามผู้มาใหม่ด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เขาวางท่าขรึมเมื่อ 'แอนนา' มาที่นี่โดยเขานั้นไม่ได้เชิญชวน"นี่คือการถามซุป'ตาร์แถวหน้าเหรอคะนักรบ" แอนนาพูดขึ้น แม้จะรู้สึกเสียหน้าแต่เธอก็ยังวางท่าให้นิ่ง"คุณไม่มีงานที่นี่หนิ" นักรบถามถึงจุดประสงค์เพราะคิวงานของแอนนามันคืออีกที่หนึ่ง"แอนนาสิต้องถามคุณมากกว่าว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ ทั้งที่ปกติคุณไม่มาดูงานอื่นนอกจากงานถ่ายนางแบบระดับต้น ๆ แล้วก็แอนนา แต่ทำไมงานนี้ถึงได้มา" แอนนาประจันหน้าพูดกับนักรบเสียงเรียบ แต่ประโยคสุดท้ายเธอกับปรายสายตาไล่มองน้ำส้มอย่างดูแคลน"ผมไม่จำเป็นต้องตอบคุณ" นักรบว่าขึ้น คำพูดตอบโต้ของเขาทำเอาแอนนาต้องกัดฟันแน่นอย่างอดทน"อะ เอ่อ...ฉันขอตัวก่อนนะคะ" เห็นสถานการณ์ดูตึงเครียด น้ำส้มที่รู้ตัวว่าเป็นส่วนเกินจึงเอ่ยขึ้นเพื่อหลบเลี่ยง ให้คนทั้งสองได้คุยกันเป็นการส่วนตัว เธอจึงจะเอี้ยวตัวเดินหนีออกมา"ผมยังคุยกับคุณไม่เสร็จนะครับน้ำส้ม" ทว่านักรบกลับคว้าข้อมือของเธอรั้งไว้ นั่นทำให้แอนนามองด้วยความไม่พอใจเธอกับนักธุรกิจไฟแรงเป็นคู่จิ้นที่สื่อจ้องมอง และแอนนาเองก็มีใจให้กับนักรบมานานตั้งแต่ที่เธอก้าวขาเข้ามาในวงการ
"เราต้องมาตกลงกัน" น้ำส้มเอ่ยขึ้นเมื่อเลี่ยงมาจนพ้นสายตาของเด็กน้อย สิ่งที่จะพูดต่อไปนี้เธอไม่อยากให้ลูกสาวได้ยินแล้วจดจำ เดี๋ยวเอาไปทำตาม"เรื่องอะไร" เขาถามอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร ทั้งที่ก็พอจะเดาได้"ก็เรื่องเงินที่น้องมะนาวยืมมาไง คุณจะมาเล่นแง่แบบนี้ไม่ได้ คุณต้องกำหนดมาแล้วอย่าตุกติก ทุกครั้งที่มะนาวต้องมามันควรชัดเจนเท่าไหร่ยังไง ไม่ใช่มาแบบเลื่อนลอย ฉันล่ะงงกับคุณจริง ๆ กับไอ้วิธีการที่ให้มะนาวมานั่งกินนอนกินแค่เนี่ย คุณเป็นประสาทหรือไง"".........," เขาเงียบนิ่งอย่างกับไม่ได้ยินในสิ่งที่น้ำส้มร่ายยาว ยืนเลื่อนหน้าจอมือถือดูข่าวอย่างสบายใจ"อย่านิ่งสิ ฉันพูดจนเหนื่อยแล้วนะ" เธอเริ่มอารมณ์เสีย เมื่อพูดมาจนปากแฉะนักรบยังนิ่งเงียบ"แล้วจะให้ผมพูดอะไรล่ะครับ หื้ม....ก็ผมพอใจอยากให้มะนาวใช้หนี้แบบนี้ ผมผิดตรงไหน?" เขาปรี่เข้ามาใกล้กะทันหัน โน้มตัวลงต่ำให้ใบหน้าเสมอหน้าเธอ ทำเอาน้ำส้มเอนถลาถอยหลบแทบไม่ทัน ใบหน้าคมคายเผยรอยยิ้มที่ทรงเสน่ห์จนหัวใจน้ำส้มเต็นเร็วผิดจังหวะ กลิ่นกายชายกระทบจมูกสร้างความรัญจวนชวนให้ลุ่มหลง"จะยื่นหน้ามาใกล้ทำไมเนี่ย" เธอต่อว่าอย่างเคอะเขิน"กลัวหลงเสน่ห์ผม
"นี่ไม่ใช่ทางกลับบ้านของฉันนะคะ" น้ำส้มรีบท้กเมื่อทางหลักกลับบ้านของเธอไม่ใช่เส้นทางที่นักรบขับมา มันเป็นเส้นทางที่เธอไม่คุ้นตา จนนึกประหม่าและกังวล"เอ้า! ลูกคุณเป็นหนี้ก็ต้องไปใช้หนี้สิครับ" นักรบพูดขึ้น และที่ตอบไปนั้นล้วนเป็นข้ออ้างทังเพ ที่จะทำให้เขาได้อยู่ใกล้เธอบ่อยขึ้น"คุณมันขี้โกงอะ...ฉันต้องรีบกลับบ้านไปทำคลิปนะคุณ" น้ำส้มแย้งตำหนิ และกล่าวถึงหน้าที่งานต้องกระทำในถัดมา"โกงตรงไหนไม่ทราบ ผมก็ทำตามหน้าที่เจ้าหนี้เท่านั้น...ใช่ไหมครับน้องมะนาว" ทว่านักรบกลับตีสองหน้าเข้าข้างตัวเอง ไม่ได้สนใจในสิ่งที่น้ำส้มให้เหตุผล แถมยังหันไปหาพรรคพวกให้เอนตาม "ใช่ค่ะ น้องเอาเงินคุณอานักรบมาก็ต้องไปทำงานใช้คืนถูกต้องแล้วค่ะ" และก็เป็นอย่างใจคิด เมื่อความไร้เดียงสาใสซื่อของน้องมะนาวแสดงออกมา แต่ว่าทำให้แม่ของเธอถึงกับหน่ายใจเมื่อได้ฟัง อย่างกับเด็กหญิงไม่ได้เป็นลูกของเธอเสียอย่างนั้น"จะทำคลิปก็ทำที่บ้านผมก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลย" นักรบบอก เขายินดีอยู่แล้วหากเธอจะทำงานที่บ้านของเขา พร้อมประเคนอุปกรณ์และสิ่งของให้ ขอเพียงได้อยู่ใกล้เธอให้มากที่สุดเพื่อทำคะแนน"มีของที่ฉันต้องการหรือไง ทำเป็นพูดไม่
"คุณอาสุดหล่อมารับน้องอีกแล้ว...สวัสดีค่ะ" ทันทีที่น้องมะนาวเดินออกมาจากอาคารอนุบาล สายตาแรกเธอเห็นนักรบยืนเคียงข้างผู้เป็นแม่เพื่อรอรับอยู่ด้านหน้า ทักทายเขาเป็นคนแรกเดินผ่านแม่มาหน้าตาเฉย อย่างกับแม่ไม่มีตัวตน"ใช่ครับ อามารับลูกหนี้ที่รักให้ไปทำงานชดใช้" นักรบย่อตัวให้เสมอเด็กหญิง แล้วตอบเธอด้วยความจริงตามที่ตั้งใจ ก็ในเมื่อคนเป็นแม่พยายามหลีกหนี เขาจึงต้องรีบประชิดตัวลูกสาวดักทาง ไม่ให้น้ำส้มปลีกตัวออกห่างไปอย่างง่ายดาย...ก็เขาอยากได้!"โห...วันนี้เลยเหรอคะ" เด็กหญิงมะนาวโอดครวญ เมื่อนักรบเร่งรัดเธอ แม้มันจะเป็นอะไรที่แสนง่ายดาย แต่สำหรับเด็กน้อยวัยกำลังเล่น ก็คงสบถออกมาตามประสา"ครับผม" นักรบตอบเด็กหญิง"แต่น้องยังไม่พร้อมเลยนี่นา...แต่ไปทำงานก็ได้ค่ะยืมเงินแล้วก็ต้องคืนครูเรย์สอนน้องแบบนั้น" น้องมะนาวบอกเล่าให้เขาฟัง ทว่าเธอก็ยินยอมทำตาม เมื่อคำของคุณครูที่โรงเรียนมันวิ่งแจ้นเข้ามาในหัว ตามที่ได้จดจำมาเลยตกลงอย่างว่าง่าย ภายใต้ความงุนงงของน้ำส้มที่ยืนฟังเงียบ ๆ"เก่งเวอร์ ๆ เลยครับ...ไม่เหมือนบางคนที่เข้าใจยากมาก" นักรบชมเด็กหญิง จากนั้นจึงถากถางน้ำส้มในถัดมา ทำเอาเธอแทบอยากจะบี
"ทำงานชดใช้จนกว่าผมจะพอใจ""มันไม่มากไปหน่อยเหรอคะ แล้วฉันต้องทำไปถึงไหนกันระยะเวลาสิ้นสุดก็ไม่มี"นักรบเผยตัวเลือกที่สร้างความตกใจแก่น้ำส้มไม่น้อย จนเธอพรวดพราดลุกขึ้นยืนค้ำโต๊ะ เผลอเสียงดังใส่หน้าเขา ที่ตอนนี้เอาแต่จ้องมองด้วยใบหน้าเรียบตึง ท่าทางขึงขังของน้ำส้มแทบอยากตะปบหัวนักรบกดลงพื้นโต๊ะ แต่เธอก็ทำได้เพียงกำมือและกัดฟันแน่นเท่านั้น"มีสิครับ" นักรบลุกยืนช้า ๆ ทำท่าเดียวกับน้ำส้ม ทั้งสองประจันหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมกัน แล้วนักรบจึงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง สายตาไม่ละห่างจากคนที่อยู่ตรงหน้าเพียงเสี้ยววินาที"แล้วกี่ปีกี่เดือนละคะ" เธอย้อนถาม"ตลอดชีวิตไงครับระยะเวลาสิ้นสุด" เขาตอบเธอ จากนั้นจึงนั่งลงเก้าอี้ตามเดิม จรดปลายปากกาลงเอกสารอย่างคนสบายใจ จำให้น้ำส้มต้องนั่งลงด้วยใจอ่อนแรง เธอไม่รู้จะแข่งหรือต่อกลอนกับผู้ชายคนนี้ยังไงแล้ว เพื่อให้เขาผ่อนปรนยอมให้เธอได้ผ่อนผันสิ่งที่ลูกสาวก่อขึ้นด้วยความเดียงสา"หน้าตาก็ดีทำไมถึงใจดำโหดเหี้ยมแบบนี้ละคะ...เสียแรงที่เคยชื่นชมคุณ เมื่อวานฉันไม่น่าขอร้องคนใจดำแบบคุณเลย" เธอนั่งลงชักสีหน้าบึ้งตึงแล้วบ่นต่อหน้าเขา สองมือกุมหัวแสดงความกลัดก
"ลูกนะลูกหางานให้ตลอด แค่เรื่องเมื่อวานยังไม่รู้จะรอดไหม นี่ยังมีหน้าไปเป็นหนี้เขาอีก ตายแน่ฉันจะไม่ใช้หนี้หัวโตเลยหรือไง ค่าผ่อนบ้านเดือนนี้ก็ยังไม่ได้จ่าย" น้ำส้มบ่นยุบยิบระหว่างขับรถเพื่อไปพบนักรบตามที่เขานัดไว้ ข้อเท้าที่บาดเจ็บก็เหมือนพลันหายไปเมื่อเทียบกับเรื่องมากมายที่หนักอก บาดแผลจึงดูเล็กน้อยไปเลยเมื่อเทียบกับปัญหาที่เธอต้องเผชิญ"มาพบคุณนักรบค่ะ นัดไว้สิบเอ็ดโมงตรง" น้ำส้มเดินเข้ามาในบริษัทติดต่อเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ แจ้งนัดกับพนักงานให้รับทราบ"คุณน้ำส้มใช่ไหมคะ? " พนักงานถามย้ำ"ใช่ค่ะ" เธอตอบรับอย่างสุขุม"รอสักครู่นะคะ" "ค่ะ"จากนั้นพนักงานต้อนรับจึงได้ต่อสายขึ้นไปเพื่อแจ้งให้กับเลขาหน้าห้องได้ทราบ แล้วต่อมาจึงได้เชื้อเชิญชี้ทางให้น้ำส้มขึ้นไปพบ เธอเพิ่งเคยมาสถานที่นี้ครั้งแรกจึงประหม่า และรู้สึกใจคอไม่ดีเอาเสียเลย ดั่งปัญหาที่เธอกำลังจะพบเจอมันดูยากเย็น"นัดสิบเอ็ดโมงตรงมาแล้วค่ะท่านประธาน...เชิญค่ะคุณน้ำส้ม""ขอบคุณค่ะ"เมื่อมาถึงหน้าห้องผู้บริหารระดับสูง ยังไม่ทันที่น้ำส้มจะได้แนะนำตัว เลขาที่นั่งอยู่เบื้องหน้าก็ยกหูโทรศัพท์ต่อสาย จากนั้นจึงเชิญเธอเข้าไปในห้องทำงา
(ว่าไงคะพี่ชาย เดี๋ยวนี้หายหัวตลอดไม่ค่อยอยู่บริษัทเลย) เอมอรกดรับสายที่เรียกเข้ามา เมื่อเห็นว่าเป็นพี่ชายจึงได้ตอบรับปลายสายอย่างสนิทสนม เหมือนที่เคยพูดคุยกันในปกติ"หายอะไรก็เข้าบริษัททุกวัน" เขาตอบน้องสาว(ก็อรไปทีไรไม่ค่อยเห็นอยู่ห้อง) เอมอรโต้ตอบสวนคืน เธอจะเข้าไปหาพี่ชายทีไรก็ไม่เคยเจอหน้าสักที สุดท้ายก็ถ่อกลับออกมาโดยไม่ได้อะไรตามที่ต้องการเลยสักอย่าง พักหลังพี่ชายของเธอชอบแอบหนีออกจากบริษัทบ่อยครั้ง จากที่รู้คือการไปดูงานถ่ายแบบซึ่งปกติแล้วนักรบไม่ค่อยจะไป นอกจากการถ่ายแบบของแอนนา"มาหาไม่ถูกเวลาเองช่วยไม่ได้ แกหยุดถามพี่ก่อนได้ไหม พอดีมีเรื่องจะถาม" (ถามอะไร)"แกพอจะรู้จักร้านที่ทำสแตนดี้หรืองานสั่งทำหมอนข้างอะไรนี่ไหม แบบเร่งด่วนภายในสองสามชั่วโมง"(พี่จะหาไปทำไมอะ)"เออน่า แกรู้จักบ้างไหมช่วยสั่งทำให้หน่อยดิ"(เออมี แล้วพี่จะทำแบบไหนล่ะ)"เขามีอะไรก็ทำหมดนั่นแหละ สแตนดี้ตั้งพื้นสูงเท่าคนจริง หมอนข้าง แก้วน้ำ อะไรพวกนี้"(พี่จะทำไปเพื่อ!?)สิ่งที่พี่ชายบอกผ่านเครื่องมือสื่อสาร มันทำให้เอมอรถึงกับต้องย้อนถามด้วยความงุนงง เธอไม่เคยพี่ชายจะใส่ใจในสิ่งของพรีเมี่ยมเหล่านี้เลย ทำ
"รับน้องซะยับเยินเลยนะ" นักรบที่จัดการล้างหน้าตัวเองจนสะอาด เขามานั่งบนโซฟาตัวเดิมที่นอนหลับก่อนหน้า สายตาจ้องมองสองแม่ลูกที่นั่งคุกเข่าอยู่เบื้องล่าง ที่ตอนนี้สีหน้าซีดเผือดอย่างรู้สึกผิด“ฉันขอโทษแทนลูกด้วยนะคะคุณนักรบ ฉันอบรมแกไม่ดีเอง” น้ำส้มพูดขึ้นพลางเงยหน้ามองนักรบด้วยแววตาอ้อนวอน เธอเห็นสีหน้าของเขาดูเกรี้ยวโกรธ จึงกลัวว่าจะส่งผลกับงานที่กำลังไปได้ดี“..........” แต่นักรบยังนั่งนิ่งมือกอดอก สีหน้าเรียบตึงจนน้ำส้มและน้องมะนาวนั่งหงอย ใบหน้าห่อเหี่ยวอย่างหวาดหวั่น พยายามพูดเว้าวอน แต่เหมือนคนงอนด้วยอารมณ์จะยังไม่ตอบรับใด ๆ“เงียบแบบนี้โกรธแน่เลย คุณนักรบฉันขอโทษจริง ๆ ค่ะ ต่อไปจะไม่ให้มะนาวทำแบบนี้กับคุณอีก...คุณไม่โกรธใช่ไหม?” ลักษณะที่เงียบกริบของนักรบ ทำให้น้ำส้มหวั่นใจหนักกว่าเดิม จนต้องวิงวอนเขายืนกรานและกล่าวโทษตัวเอง เพราะยังไงลูกคือสิ่งที่แม่ต้องรับผิดชอบ ไม่ว่าจะทำผิดหรือถูกก็ตาม นั่นคือสิ่งที่คนเป็นแม่ต้องทำ“ผมควรทำยังไงกับพวกคุณสองแม่ลูกดี” นักรบวางท่าทางนิ่งขรึม แล้วถอนลมหายใจออกมา ก่อนจะเอ่ยวาจาอย่างกับว่าเขาหน่ายใจ กับสิ่งที่ได้พบเจอวันนี้“น้องก็แค่อยากให้คุณอาหล
"คุณแม่น้องหิวข้าว...แล้วนั่นคุณแม่ไปกัดคุณอานักรบทำไมคะ" เสียงแหลมดั่งสนั่นลั่นบ้าน จึงสามารถปลุกคนที่ตกในภวังค์อื้ออึงแยกห่างจากกัน และมันสามารถปลุกคนที่หลับใหลให้ลุกตื่นมานั่ง ทั้งสองคนมีอาการลุกลี้ลุกลนไปคนละทิศทาง ต่างอายสายตาของกันและกัน นักรบแสร้งเป็นเปิดทีวีแต่มือดีคว้ารีโมทแอร์มาแทน ใช้กดเปิดหน้าจอทีวีที่ไร้ภาพบนนั้น แต่เขาดันมองเเละหัวเราะเหมือนสนุกสนานอีกด้านของน้ำส้มก็ก้มเช็ดพื้นด้วยมือเปล่าอย่างตั้งใจ ทำให้เด็กหญิงมะนาวที่วิ่งเข้ามากะทันหันเห็นแล้วเกิดอาการอย่างงุนงง ได้แต่เอียงคอมองเกาหัวยิก ๆ ในสิ่งที่ผู้ใหญ่ทั้งสองทำ"คุณอานักรบหัวเราะอะไรเหรอคะ" ความสงสัยทำให้เด็กหญิงต้องไปนั่งข้าง ๆ แล้วเอ่ยถามอย่างใคร่รู้ ก็เธอกำลังงง!"ดูหนังตลกไงครับ ตลกมาก ๆ เลยเนอะ ฮ่าฮ่า" นักรบหันมาพูดตอบ และปล่อยเสียงหัวเราะออกมา"ไม่เห็นจะมีอะไรตลกเลยค่ะ หรือว่าคุณอานักรบมีตาทิพย์เหรอคะ ไม่เปิดทีวีก็ดูหนังตลกได้ด้วย" เด็กหญิงทักท้วงด้วยใบหน้าแสนใสซื่อ พลางชี้มือไปตรงทีวีที่ไร้ภาพเคลื่อนไหวและการแสดงอย่างที่นักรบว่า"เชี้ยแล้วไง!" นักรบถึงกับหันหน้าหนีแล้วสบถอย่างหัวเสีย รู้สึกอายหนักกว่าเดิ
"มะนาวไปล้างมือมาทะ....." หลังจากที่ทำอาหารเสร็จเรียบร้อยพร้อมตั้งโต๊ะเตรียมทานมื้อเย็น น้ำส้มจึงเดินมาเรียกลูกสาวและแขกของบ้าน แต่ต้องมีอาการชะงักเมื่อเห็นภาพตรงหน้า ที่สร้างความตกใจแก่เธอเป็นอย่างมาก มันคือความเละเทะ! จนยากจะปริปากพูด "ชู่~~คุณแม่เบา ๆ สิคะเดี๋ยวคุณอาจะตื่น" เด็กหญิงรีบยกนิ้วแตะริมฝีปาก ทำท่าทางห้ามปรามผู้เป็นแม่ที่เสียงดัง"น้องทำอะไรคะเนี่ย! ทำไมหน้าคุณอานักรบเละแบบนี้" น้ำส้มปรี่ประชิดตัวลูกสาวแล้วถามด้วยความใคร่รู้ แม้จากสิ่งที่เห็นจะเดาได้ว่าเป็นฝีมือลูกสาวแสนซนของเธอ"ทำเหมือนคุณแม่ไงคะ น้องอยากให้คุณอาหล่อเวอร์ ๆ กว่าเดิม....น้องทำดีไหมคะคุณแม่ขา" เด็กหญิงอธิบายตาใส แววตาไร้เดียงสา ปากฉีกยิ้มกว้างจนตาหยี ทว่าท่าทีนั้นทำเอาผู้เป็นแม่ควันแทบออกหู"ทำดีอะไรล่ะ น้องทำคุณอาแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะน้องมะนาว ไปเอาที่เช็ดเครื่องสำอางกับสำลีมาให้แม่เลยนะคะ ก่อนที่คุณอานักรบจะตื่น" ผู้เป็นแม่จับแขนลูกสาวออกห่างจากนักรบ แล้วพูดเสียงเบาตำหนิลูกสาวแสนซนที่ปั้นหน้าแป้นไร้เดียงสา อย่างกับว่าเธอไม่ได้ทำอะไรผิด จนแม่ต้องถลึงตาเขียวใส่"คุณแม่อย่าเพิ่งแปลงร่างนะคะ...เดี๋ยวน้องจะ