“เปรี้ยวจี๊ดแดดดี๊มาแล้วครับ” เสียงของนักรบดังมาแต่ไกล เรียกขานว่าที่ลูกเลี้ยงที่เขารักปานดวงใจ ข้าวของในมือที่เขาซื้อมาให้เธอ ทุกอย่างเป็นของโปรดปรานของน้องมะนาวทั้งนั้น“ว้าว...แดดดี๊ของน้องตัวจริงหล่อเวอร์ ๆ เลยค่ะ” น้องมะนาวที่อยู่ในชุดนักเรียนน่ารัก เดินลงมาจากบันไดพร้อมแม่มองเห็นใบหน้าที่เปลี่ยนไปของนักรบ จนเบิกตาร้องว้าวด้วยความตื่นตา เขามาในมาดนักรบคนเดิมหล่อเหลาและมีเสน่ห์“เดี๋ยววันนี้คนหล่อเวอร์ ๆ ของน้องจะไปส่งที่โรงเรียนดีไหม?” เขาย่อตัวลงให้เสมอเด็กหญิง แล้วบอกในสิ่งที่จะทำหลังจากนี้ เธอจะมีรอยยิ้มแห่งความสุขทุกครั้งที่นักรบและน้ำส้มไปส่งที่โรงเรียนพร้อมกัน และวันนี้ก็เป็นการไปโรงเรียนวันแรก หลังจากที่เรียนออนไลน์มาเป็นเดือน เขารู้เพราะน้องสาวบอกเล่า“เย่ เย่ ดีเวอร์ ๆ ไปเลยค่ะแดดดี๊...คอยดูนะวันนี้น้องจะเอาแดดดี๊ไปอวดกรีนเพื่อนที่มาใหม่ ชอบพูดอวดพ่อกับน้องตลอดเลย” น้องมะนาวชูสองมือท่วมหัว กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ การไปโรงเรียนของเธอไม่ได้มีความสุขเหมือนกับสีหน้าและท่าทาง บางวันเธอถูกเพื่อนล้อว่าไม่มีพ่อ จนทำให้เธอต้องแอบร้องไห้อยู่ในมุมอับที่ไม่มีใครเห็น เมื่อถึงเวลาที
หลายเดือนผ่านไป“นั่นไม่ใช่ทางกลับบ้านของฉันนี่คะ?” น้ำส้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับหันไปมองหน้านักรบที่กำลังขับรถบนท้องถนน ในเส้นทางไม่ใช่ทางกลับบ้านของตนเอง“แล้วใครบอกว่าผมจะพาคุณกลับบ้าน” นักรบพูดตอบกลับด้วยความทะเล้น นั่นยิ่งทำให้น้ำส้มรู้สึกฉงนใจ“แล้วจะพาฉันไปไหน?” เธอย้อนถามอีกครั้ง“ถึงก็รู้เองแหละ” เขาตอบเธอด้วยความยียวน“ไม่ได้พาไปขายใช่ไหม?” น้ำส้มเอ่ยทีเล่นทีจริง พร้อมกับรอยยิ้มกริ่มมุมปาก“มันจะได้ราคาเท่าไหร่กันเชียว” นักรบตอบสบประมาท พร้อมกับเลี้ยวซ้ายในซอยหนึ่งที่เป็นปลายทางของสถานที่จะไป“ก็ลองดูไหมล่ะ?” คำหยามที่ไม่จริงจังแต่ช่างปั่นอารมณ์ผู้หญิงให้หัวร้อนได้ จนน้ำส้มต้องเอ่ยประโยคนี้ออกไปด้วยความท้าทาย“ไม่!!!” ทำให้นักรบรีบตอบทันควันด้วยน้ำเสียงแข็งและสีหน้าบึ้งตึง หันมองน้ำส้มตาเขม็ง เขาพูดแซวเล่นเพื่ออยากแกล้ง แต่เธอตลบคำปั่นอารมณ์เขาแทนเสียอย่างนั้น“หวงละสิ” เธอเย้ยเขาและพูดเข้าข้างตัวเอง สะบัดผมไปข้างหลังด้วยความเชิดมั่นใจ“..........” นักรบไม่ได้ตอบกลับเขาเลือกที่จะเงียบและเขารถนิ่ง ๆ ไปตามเส้นทาง เพราะหากพูดมากกว่านี้กลัวว่าน้ำส้มจะสวนคำจนทำให้เขาหน้าเสีย“ไม่ตอบซะด้
“ทำหน้าให้มันดี ๆ หน่อยสิครับว่าที่ภรรยา” นักรบแซวขึ้นในขณะที่น้ำส้มกำลังถูกรุมด้วยพนักงานร้านวิวาห์ ที่กำลังวัดสัดส่วนเพื่อเก็บรายละเอียดของชุดแต่งงานสีขาวระยิบ ประดับประดาด้วยเลื่อมและไข่มุกแท้ ที่นักรบวางแผนเลือกดีไซเนอร์ระดับแถวหน้าชื่อดัง“ยังจะมาพูดอีก ฉันผู้ไม่รู้เรื่องอะไรเลย จู่ ๆ ได้มาลองชุดเจ้าสาว คุณควรให้ฉันทำหน้าแบบไหนดีละคะ” น้ำส้มตอบกลับอย่างกระแนะกระแหน สีหน้าของเธอขุ่นเคืองกับการถูกบีบ แม้มันจะเป็นเรื่องราวที่ดี แต่เขาก็ควรให้เธอได้ตั้งหลักบ้าง“แต่งงานกับผมที่หล่อเหลาอย่างกับพระเจ้าปั้นมา แถมทั้งเก่ง หน้าที่การงานก็โคตรจะดี เพอร์เฟ็คแบบผมนี่หายากนะจะบอกให้ คุณก็ต้องทำหน้าดีใจสิครับถึงจะถูก มีผู้หญิงมากมายอยากจะได้ผมนะ คุณไม่อยากได้ผมหรือไง” เขาปั้นหน้าพูดด้วยความมั่นอกมั่นใจ เยินยอคุณลักษณะของตัวเองอย่างภาคภูมิ“เรื่องหลงตัวเองนี่เก่งเหลือเกิน” จากที่ยืนฟังคำเยินยอของนักรบ ทำให้น้ำส้มถึงกับกลอกตามองบนด้วยความระอา“หรือว่าไม่จริง...ไม่เชื่อคุณลองถามพวกเธอดูสิว่าผมเป็นอย่างที่พูดหรือเปล่า พวกคุณว่ายังไงครับ” เขายังคงตีสีหน้ามาดมั่น แถมยังหาแนวร่วมเอ่ยถามความเห็นเหล่าพ
สวัสดีค่ะน้องชื่อว่ามะนาว แต่เพื่อนที่โรงเรียนอนุบาลจะเรียกน้องว่าเปรี้ยวจี๊ด เพราะมะนาวมันเปรี้ยวสุด ๆ ไงคะ แต่น้องก็ชอบที่เพื่อนเรียกแบบนี้นะ ไม่เหมือนใครแปลกดีค่ะ ตอนนี้น้องเรียนอยู่ชั้นอนุบาลฉามแล้ว น้องมีเพื่อนเยอะแยะเลย โตขึ้นน้องมีความฝันว่าอยากจะเป็นคนสวยที่รวยเวอร์ ๆ น้องไม่อยากรวยแบบธรรมดาหรอกนะคะต้องเวอร์ ๆ ค่ะ เพราะน้องน่ะชอบอะไรที่แตกต่าง ตอนนี้น้องเป็นลูกสาวของคุณแม่ อยู่กับคุณแม่ฉองคน คุณแม่บอกว่าคุณพ่อไปอยู่บนฟ้าน้องคิดถึงคุณพ่อ แต่ว่าต้องอดทนเอาไว้ แล้วมันก็สูงมาก ๆ น้องตามไปไม่ไหว จะบินก็ไม่ได้ค่ะน้องตัวอ้วนแถมไม่มีปีกไว้บินเหมือนนก และตอนนี้คุณแม่ก็กำลังไปเข้าห้องน้ำค่ะ น้องเลยแอบมาเล่นโทรศัพท์ของคุณแม่ โอ๊ะ ๆ นั่นคุณแม่มาแล้วแค่นี้ก่อนนะคะ บ๊ายบายจุ๊บ ๆ“มะนาวทำอะไรคะ”“ปะ เปล่าค่ะคุณแม่”เด็กหญิงตัวน้อยสะดุ้งตกใจ เมื่อเสียงของผู้เป็นแม่เรียกขานโดยเธอไม่ทันได้ตั้งตัว โชคดีที่เธอนั้นอัดวีดีโอก่อนหน้าเสร็จทัน จึงรีบวางโทรศัพท์มือถือของแม่ลงเตียงนอน นั่งเอามือขัดหลังอย่างมีพิรุธ จนผู้เป็นแม่นั้นอมยิ้มและเดินมานั่งข้าง ๆ รู้แก่ใจว่าลูกสาวตัวน้อยนั้นแอบเล่นมือถือ แต่ก็ไ
“ปวดฉิ่งฉ่องจังเลย ปวดเวอร์ ๆ จนจะราดกางเกงอยู่แล้ว” เด็กหญิงนั่งมือกุมเป้า เมื่อนั่งเล่นได้ไม่นานก็มีอาการอยากเข้าห้องน้ำ หล่อนมองไปเห็นผู้เป็นแม่นั่งคุยงาน คำสัญญาที่ให้ไว้ก่อนมาว่าจะไม่ซนและไม่กวนแม่ทำงาน จึงทำให้เธอไม่กล้าที่จะเดินเข้าไปหา จึงส่องสายตามองหาห้องน้ำ ซึ่งเธอมองสัญลักษณ์ออกเพราะครูสอนที่โรงเรียนแล้วจดจำ“ห้องนั้นแหละ คุณครูเรย์บอกว่าห้องน้ำผู้หญิงจะมีคนใส่กระโปรงอยู่ข้างหน้า” เด็กหญิงลุกออกมาแล้วเดินหาห้องน้ำด้วยตัวเอง จนเห็นป้ายสัญลักษ์ที่คุ้นตา จึงมุ่งหน้าเพื่อเข้าไปปลดทุกข์ เธอจดจำสิ่งที่ครูและแม่บอกได้ดี จนทำกิจวัตรประจำวันได้โดยไม่ต้องผู้เป็นแม่“เกือบฉิ่งฉ่องแตกเลย” เด็กหญิงทำกิจวัตรเสร็จเรียบร้อย จึงเปิดก๊อกล้างมือ ส่วนสูงของเธอที่มีไม่มากพอ จนเธอเขย่งเท้าใช้พุงพาดกับขอบอ่างขาห้อยโตงเตง แล้วเอื้อมมือไปเปิดก๊อกน้ำ แต่...“เอ้า!! แขนไม่ถึง...จะทำยังไงดี...ขา ขาน้องไม่ถึงพื้นลงไม่ได้ คุณแม่ช่วยน้องด้วย ฮือ คุณแม่ขาน้องเจ็บพุง ฮือ ใครก็ได้ช่วยน้องด้วย” เด็กหญิงเริ่มรู้สึกหวาดกลัว เมื่อทุกอย่างเธอไม่สามารถทำอะไรได้เลย ขาก็ไม่สามารถเยียบพื้น หากจะกระโจนลงก็กลัวหงายหล
“มะนาว!! เป็นอะไรคะ แล้วทำไมหนูร้องไห้” เมื่อเห็นลูกสาวที่เดินเข้ามา ผู้เป็นแม่รีบวิ่งเข้าไปโอบกอดด้วยความห่วงใย เธอคุยงานเสร็จเรียบร้อย หันมามองยังที่นอนของลูกสาวแต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงา จึงกังวลและเป็นห่วง ตามหาในห้องแต่งตัวหรือบริเวณใกล้ ๆ ก็ไม่เห็นจนได้ออกตามหา ทำเอาทีมงานวุ่นวายไปด้วยผู้หญิงตรงหน้าทำให้เขานั้นถึงกับอึ้งไปถนัดตา เธอดูมีเสน่ห์และน่ารัก จนเขานั้นจ้องมองไม่อยากจะละสายตา ยิ่งสีหน้าที่ติดกังวลและมีความห่วงใย ยิ่งทำให้เขานั้นลุ่มหลงอย่างกับโดนมนสะกด แม้จะอยู่ในสังคมที่เปิดกว้าง พบเจอผู้หญิงมากมายก็ไม่ต้องตาถูกใจเท่าเธอคนนี้“น้องปวดฉิ่งฉ่องเลยไปห้องน้ำ พุงน้องติดบนอ่างล้างมือลงไม่ได้ น้องกลัว ฮือ” เด็กหญิงบอกเล่าแล้วร้องไห้อีกครั้ง เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา กอดคอของผู้เป็นแม่แน่นอย่างต้องการปกป้อง“ไม่ร้องนะคะ ไม่ต้องกลัว แม่อยู่นี่แล้วนะลูกปลอดภัยแล้วนะคะ” ผู้เป็นแม่พูดปลอบ เธอใจหายเกือบแทบไม่เป็นอันทำอะไร เมื่อไม่เห็นลูกสาวอยู่ในที่จัดหาให้“คุณอาสุดหล่อช่วยน้องค่ะคุณแม่” เด็กหญิงบอกกล่าว ทำให้ผู้เป็นแม่นั้นเงยหน้ามอง คนตัวสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้า ทั้งที่เขายืนอยู่นาน
"ขอบคุณทุก ๆ คนครับ...วันนี้ทำดีมาก ขอเดินทางกลับปลอดภัยทุกคนนะ พรุ่งนี้มาลุยกันต่อ" นักรบผู้เป็นเจ้าของกล่าวขอบคุณทีมงาน เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นและราบรื่นในวันนี้ เขาเป็นมิตรกับลูกน้องจนพวกเขารักใคร่ ความไม่ถือตัวเป็นกันเองคือเสน่ห์ที่ทำให้คนใต้บัญชาเคารพ(ค่ะ/ครับ)ทีมงานทุกคนกล่าวลาและทยอยกันออกจากพื้นที่ทำงาน แต่ยังมีคุณแม่ลูกติดกับลูกสาวตัวน้อยที่ยังคงเก็บของอยู่ลำพัง ข้าวของเด็กที่มันเยอะกว่าปกติ เลยทำให้น้ำส้มยังคงง่วนอยู่ที่เดิม แถมลูกน้อยของเธอก็นอนหลับสนิท จึงทำให้ดูลำบากและล่าช้ากว่าคนอื่น ๆ เขายืนมองอยู่ห่าง ๆ พลางใช้ความคิดบางอย่าง สองจิตสองใจจะเข้าไปช่วยเหลือหรือให้เธอทำตามลำพัง"มึงยืนมองเฉย ๆ ได้หรือวะนักรบ...ดูใจดำเกินไปนะ" พลันความคิดฉุดขึ้น ความคิดด้านดีจึงต่อต้าน นั่นจึงทำให้เขาเดินเข้าไปหาเธอเพื่อยื่นมือช่วยเหลือ "ผมช่วยครับ""คุณนักรบ" น้ำส้มเงยหน้ามองตามเสียง และระบายยิ้มอ่อนให้คนตรงหน้า ที่อาสาช่วยเก็บของให้"ผมช่วยครับ" เขาตอบอย่างสุภาพ พร้อมกับหยิบจับของใส่กระเป๋าผ้า ทั้งที่เธอยังไม่ยินยอม"ไม่เป็นไรค่ะคุณนักรบ ฉันเกรงใจคุณเป็นถึงเจ้าของบริษัทฉันแค่ลูกจ้าง เดี
"แล้วโตขึ้นน้องมะนาวจะทำงานอะไรครับ ถึงจะมีเงินมาคืนอา" เขาถามเด็กหญิงเพื่อลองเชิง รอฟังคำตอบว่าจะมีไหวพริบเพียงใด"น้องก็จะเป็นคนสวยที่รวยเวอร์ ๆ ไงคะ" และแล้วก็แทบหงายหลัง เมื่อได้ฟังคำตอบที่โคตรสร้างสรรค์ของเด็กหญิงมะนาวตัวกลม ทำเอานักรบไม่รู้จะยิ้มหรือร้องไห้ก่อนดี"โอ๊ยตาย...เด็กน้อยเอ๊ย!" เขาอุทานออกมาพร้อมกับทาบมือลงหน้าผากอย่างหน่ายใจ...ช่างน่าสงสารซะจริง"อย่าเพิ่งตายสิคะ คุณอาสุดหล่อเวอร์ ๆ ยังไม่ได้ให้น้องยืมเงินเลย" น้องมะนาวเอื้อมมือจับแขนของนักรบ แล้วพูดออกมาตามความคิดแบบเด็ก ๆ ที่ยังไม่รู้ความ"อาให้ยืมก็ได้ แต่น้องมะนาวต้องทำงานแลกนะ...โอเคไหม?" เขาตอบรับพร้อมกับยื่นข้อเสนอ เมื่อสมองผุดความคิดดี ๆ ออกมา"แล้วจะให้น้องทำงานอะไรล่ะคะ..." เด็กหญิงตัวน้อยถามขึ้น"น้องมะนาวทำอะไรได้บ้างล่ะ" และเขาก็ย้อนคืน"อืม~~ กินข้าว กินนม ไปโรงเรียนแล้วก็นอนกลางวันและกลางคืนได้ค่ะ" น้องมะนาวให้คำตอบอย่างไม่ติดขัด แต่สิ่งที่เธอพูดมาว่าทำได้มันกระตุ้นเส้นเลือดในสมองของนักรบจนเต้นตุบ ๆ"เอิ่ม~~" "คุณอาสุดหล่อเวอร์ ๆ ไม่โอเคเหรอคะ ก็น้องยังเป็นเด็กนี่นา เลยทำได้แค่นี้เอง" เด็กหญิงพูดเสียง
“ทำหน้าให้มันดี ๆ หน่อยสิครับว่าที่ภรรยา” นักรบแซวขึ้นในขณะที่น้ำส้มกำลังถูกรุมด้วยพนักงานร้านวิวาห์ ที่กำลังวัดสัดส่วนเพื่อเก็บรายละเอียดของชุดแต่งงานสีขาวระยิบ ประดับประดาด้วยเลื่อมและไข่มุกแท้ ที่นักรบวางแผนเลือกดีไซเนอร์ระดับแถวหน้าชื่อดัง“ยังจะมาพูดอีก ฉันผู้ไม่รู้เรื่องอะไรเลย จู่ ๆ ได้มาลองชุดเจ้าสาว คุณควรให้ฉันทำหน้าแบบไหนดีละคะ” น้ำส้มตอบกลับอย่างกระแนะกระแหน สีหน้าของเธอขุ่นเคืองกับการถูกบีบ แม้มันจะเป็นเรื่องราวที่ดี แต่เขาก็ควรให้เธอได้ตั้งหลักบ้าง“แต่งงานกับผมที่หล่อเหลาอย่างกับพระเจ้าปั้นมา แถมทั้งเก่ง หน้าที่การงานก็โคตรจะดี เพอร์เฟ็คแบบผมนี่หายากนะจะบอกให้ คุณก็ต้องทำหน้าดีใจสิครับถึงจะถูก มีผู้หญิงมากมายอยากจะได้ผมนะ คุณไม่อยากได้ผมหรือไง” เขาปั้นหน้าพูดด้วยความมั่นอกมั่นใจ เยินยอคุณลักษณะของตัวเองอย่างภาคภูมิ“เรื่องหลงตัวเองนี่เก่งเหลือเกิน” จากที่ยืนฟังคำเยินยอของนักรบ ทำให้น้ำส้มถึงกับกลอกตามองบนด้วยความระอา“หรือว่าไม่จริง...ไม่เชื่อคุณลองถามพวกเธอดูสิว่าผมเป็นอย่างที่พูดหรือเปล่า พวกคุณว่ายังไงครับ” เขายังคงตีสีหน้ามาดมั่น แถมยังหาแนวร่วมเอ่ยถามความเห็นเหล่าพ
หลายเดือนผ่านไป“นั่นไม่ใช่ทางกลับบ้านของฉันนี่คะ?” น้ำส้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับหันไปมองหน้านักรบที่กำลังขับรถบนท้องถนน ในเส้นทางไม่ใช่ทางกลับบ้านของตนเอง“แล้วใครบอกว่าผมจะพาคุณกลับบ้าน” นักรบพูดตอบกลับด้วยความทะเล้น นั่นยิ่งทำให้น้ำส้มรู้สึกฉงนใจ“แล้วจะพาฉันไปไหน?” เธอย้อนถามอีกครั้ง“ถึงก็รู้เองแหละ” เขาตอบเธอด้วยความยียวน“ไม่ได้พาไปขายใช่ไหม?” น้ำส้มเอ่ยทีเล่นทีจริง พร้อมกับรอยยิ้มกริ่มมุมปาก“มันจะได้ราคาเท่าไหร่กันเชียว” นักรบตอบสบประมาท พร้อมกับเลี้ยวซ้ายในซอยหนึ่งที่เป็นปลายทางของสถานที่จะไป“ก็ลองดูไหมล่ะ?” คำหยามที่ไม่จริงจังแต่ช่างปั่นอารมณ์ผู้หญิงให้หัวร้อนได้ จนน้ำส้มต้องเอ่ยประโยคนี้ออกไปด้วยความท้าทาย“ไม่!!!” ทำให้นักรบรีบตอบทันควันด้วยน้ำเสียงแข็งและสีหน้าบึ้งตึง หันมองน้ำส้มตาเขม็ง เขาพูดแซวเล่นเพื่ออยากแกล้ง แต่เธอตลบคำปั่นอารมณ์เขาแทนเสียอย่างนั้น“หวงละสิ” เธอเย้ยเขาและพูดเข้าข้างตัวเอง สะบัดผมไปข้างหลังด้วยความเชิดมั่นใจ“..........” นักรบไม่ได้ตอบกลับเขาเลือกที่จะเงียบและเขารถนิ่ง ๆ ไปตามเส้นทาง เพราะหากพูดมากกว่านี้กลัวว่าน้ำส้มจะสวนคำจนทำให้เขาหน้าเสีย“ไม่ตอบซะด้
“เปรี้ยวจี๊ดแดดดี๊มาแล้วครับ” เสียงของนักรบดังมาแต่ไกล เรียกขานว่าที่ลูกเลี้ยงที่เขารักปานดวงใจ ข้าวของในมือที่เขาซื้อมาให้เธอ ทุกอย่างเป็นของโปรดปรานของน้องมะนาวทั้งนั้น“ว้าว...แดดดี๊ของน้องตัวจริงหล่อเวอร์ ๆ เลยค่ะ” น้องมะนาวที่อยู่ในชุดนักเรียนน่ารัก เดินลงมาจากบันไดพร้อมแม่มองเห็นใบหน้าที่เปลี่ยนไปของนักรบ จนเบิกตาร้องว้าวด้วยความตื่นตา เขามาในมาดนักรบคนเดิมหล่อเหลาและมีเสน่ห์“เดี๋ยววันนี้คนหล่อเวอร์ ๆ ของน้องจะไปส่งที่โรงเรียนดีไหม?” เขาย่อตัวลงให้เสมอเด็กหญิง แล้วบอกในสิ่งที่จะทำหลังจากนี้ เธอจะมีรอยยิ้มแห่งความสุขทุกครั้งที่นักรบและน้ำส้มไปส่งที่โรงเรียนพร้อมกัน และวันนี้ก็เป็นการไปโรงเรียนวันแรก หลังจากที่เรียนออนไลน์มาเป็นเดือน เขารู้เพราะน้องสาวบอกเล่า“เย่ เย่ ดีเวอร์ ๆ ไปเลยค่ะแดดดี๊...คอยดูนะวันนี้น้องจะเอาแดดดี๊ไปอวดกรีนเพื่อนที่มาใหม่ ชอบพูดอวดพ่อกับน้องตลอดเลย” น้องมะนาวชูสองมือท่วมหัว กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ การไปโรงเรียนของเธอไม่ได้มีความสุขเหมือนกับสีหน้าและท่าทาง บางวันเธอถูกเพื่อนล้อว่าไม่มีพ่อ จนทำให้เธอต้องแอบร้องไห้อยู่ในมุมอับที่ไม่มีใครเห็น เมื่อถึงเวลาที
“มะนาวเรามีเรื่องต้องเคลียร์กันหรือเปล่าคะ” ผู้เป็นแม่เอ่ยกับลูกสาวตัวกลมที่วิ่งเข้ามาในห้อง ทุกคนล้วนตามเธอขึ้นมาเพื่อรอจับพิรุธเด็กอ้วนผู้ปั่นป่วน“เรื่องอะไรเหรอคะคุณขา” น้องมะนาวแกล้งทำเหมือนไม่รู้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นั่งเล่นตุ๊กตาวางท่านิ่งทั้งที่ตอนนี้เธอหัวใจเต้นตุบตุบด้วยความพะวงกลัวแม่จะดุ แม้เธอเป็นคนจุดประทัดจนเสียงดังลั่นบ้าน“ยังจะมาตีหน้าใสซื่ออีกนะเปรี้ยวจี๊ด” เป็นเอมอรที่ยืนมือกอดอกพิงขอบประตูพูดขึ้น ท่าทางของน้องมะนาวในตอนนี้ทำเอาผู้ใหญ่อยากจะขำลั่น แต่ต้องวางฟอร์มนิ่งไว้ไม่อยากให้เธอได้ใจ “ใครกันที่โทรบอกแม่อรว่า ‘แม่อรเกิดเรื่องแล้วค่ะกำลังจะกินหัวกันแล้วค่า’ ประโยคใครพูดน้าคิดสิคิด...ติ๊กต๊อก ติ๊กต๊อก ใครนะใครที่เป็นคนพูดแบบนี้”“ใครเหรอคะแม่อร” น้องมะนาวก็ยังคงไม่ยอมรับ เธอจดจำประโยคพูดได้ดีว่าเป็นเธอ แต่ก็ยังไงเฉไฉตาใส เธอหันไปสบตากับนักรบแววตาเปล่งประกายระริกขยิบตาส่งสัญญาณเพื่อขอความช่วยเหลือจากแดดดี๊ของเธอ เพราะตอนนี้สายตาพิฆาตของผู้เป็นแม่กำลังจดจ้องอย่างจับผิด“ไม่รู้สิ สงสัยลูกหมูแถวนี้มั้ง” เอมอรตอบกลับอย่างเย้าแหย่“เอาล่ะ ๆ ผมว่าให้มันแล้วกันไปดีกว่า
“คุณใจร้ายกับผมมากเลยรู้ไหมส้ม ทำผมเกือบร้องไห้ ขอผมกอดอีกหน่อยให้หายคิดถึงแล้วกัน” เขาพูดกับเธอทันทีเมื่อเดินเข้ามาภายในตัวบ้าน โอบกอดเธอแน่นด้วยความคิดถึง ดอมดมตามผิวกายและพวงแก้มจนมันแทบจะช้ำ(“ไม่นะไม่! จะกินหัวกันแล้ว น้องจะทำยังไงดีต้องหาคนมาช่วย”)“แม่อร แม่อร ตอนนี้เกิดเรื่องใหญ่เวอร์ ๆ แล้วค่า แดดดี๊กับคุณแม่ขาจะกินหัวกันแล้วค่า”((“อะไรกินหัวคะมะนาวแม่อรไม่เข้าใจ”) )“แดดดี๊ไง น้องบอกว่าแดดดี๊กับคุณแม่กินหัวกันแล้ว แม่อรรีบมาช่วยหน่อยสิคะ เร็ว ๆ นะคะมาตอนนี้เลย”((“แดดดี๊กลับมาแล้วเหรอ?”) )“ใช่นะสิคะตอนนี้อยู่บ้านของน้อง กำลังงาบหัวกันอยู่ข้างล่าง แม่อรต้องรีบมานะ”((“มันรุนแรงขนาดนั้นเลยเหรอลูก”) )“ก็ใช่สิคะ น้องเห็นเต็มฉองตาเลยรีบโทรหาแม่อรนี่ไง แดดดี๊กัดคุณแม่ แล้วคุณแม่ก็กัดคอแดดดี๊ขยุ้มผมแดดดี๊ด้วย มันรุนแรงเวอร์ ๆ เลยค่ะแม่อร”((“โอเค ๆ เดี๋ยวแม่อรรีบไปตอนนี้เลย”) )“โอเคค่ะ”พฤติกรรมระหว่างน้ำส้มและนักรบที่น้องมะนาวเห็น สร้างความเข้าใจผิดไปคนละทิศคนละทาง ความเดียงสาที่ยากจะเข้าใจทำให้เด็กหญิงคิดว่าการสัมผัสกันที่เหมือนรุนแรงเป็นการตบตีทะเลาะวิวาท ความคิดของเด็กน้อยท
ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นทำให้การสนทนาที่กำลังสนุกสนานต้องหยุดชะงักลง(น้องลงมาล้างมือเตรียมทานข้าวได้แล้วค่ะ) เสียงบอกของผู้เป็นแม่ดังลอดผ่านเข้ามาในห้อง“ค่ะคุณแม่...ไปกันค่ะแดดดี๊ คุณแม่ขามาเรียกแล้ว” คำพูดแรกเธอตอบผู้เป็นแม่ จากนั้นจึงหันไปเอ่ยปากชวนนักรบด้วยสีหน้าระรื่นสดใส(รีบลงมานะคะ เดี๋ยวคุณอาธันวาจะรอนาน)“ค่ะ...”(แม่ไปรอที่โต๊ะอาหารนะคะ)“ลุกสิคะแดดดี๊เราไปทานข้าวกัน”“น้องไปเถอะ แดดดี๊ว่าจะกลับแล้วล่ะ”“ทำไมละคะ?”คำเอ่ยชวนของน้องมะนาวแต่นักรบปฏิเสธ ทำเอาเด็กน้อยย้อนถามทันควัน แต่สำหรับนักรบนั้นเขารู้สึกเหมือนตัวเองไร้ค่า ไร้ตัวตนในสายตาของน้ำส้ม ก็ตั้งแต่ที่เขาก้าวขาเข้ามาเธอก็ไม่ได้สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าเธอจะไม่ได้ขับไล่ที่เข้ามาในบ้าน ความเมินเย็นชาทำให้นักรบเกิดประหม่าและสู้หน้าเธอไม่ไหว เขาคิดถึงแทบขาดใจ แต่พอได้อยู่ใกล้ตรงหน้าก็ไม่สามารถกอดเธอให้หายคิดถึง...มันท้อแท้ใจจนต้องบอกกับตัวเองว่าเขาควรพอแค่นี้“แดดดี๊แค่รู้สึกเหนื่อย ๆ น่ะ” เขาตอบเด็กหญิงพลางลูบหัวของเธอเบา ๆ คำพูดของเขาทำเอาเด็กหญิงหน้าเศร้าในทันที“อยู่กับน้องไม่ได้เหรอ น้องยังไม่หายคิดถึ
“น้ำค่ะ” น้ำส้มยื่นแก้วน้ำเย็นฉ่ำให้กับธันวา พร้อมกับระบายยิ้มอ่อนอันแสนหวาน“ขอบคุณครับ” ธันวาเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มอบอุ่น สายตามองหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาหวานเยิ้มนักรบเดินเข้ามาพร้อมกับน้องมะนาว เขาก็ต้องได้เห็นรอยยิ้มแสนหวานของเธอเผยต่อหน้าชายคนอื่น เขารีบเดินเข้าไปพร้อมกับสายตาพิฆาตจดจ้องธันวาอย่างเอาเรื่อง รู้สึกขุ่นเคืองไม่ถูกชะตา“คุณแม่ขาแดดดี๊มาทำไมคุณแม่ไม่คุยกับแดดดี๊ละคะ?” เด็กหญิงสงสัยจึงได้เอ่ยถามผู้เป็นแม่ไปแบบนั้น“น้องสวัสดีคุณอาธันวาหรือยังคะ?” น้ำส้มแสร้งไม่สนใจคำถามของลูกสาว เธอบ่ายเบี่ยงด้วยการย้อนน้องมะนาวแทน“หรือว่ากูตายแล้วเหรอวะถึงมองไม่เห็น” นักรบที่นั่งชิดกับน้องมะนาว เขาบ่นกับตัวเองเบา ๆ ด้วยความสงสัย เพราะน้ำส้มไม่คุยกับเขาเลยตั้งแต่มาถึง เขาหายหน้าไปนานหลายสิบวันขนาดนี้ เธอไม่คิดถึงเขาเลยหรืออย่างไร ทั้งที่ข้อความก็บอกว่าคิดถึงและรักมากมาย แต่ไหนเลยพอมาหาถึงได้เมินเฉยอย่างกับมองไม่เห็น“สวัสดีค่ะ” น้องมะนาวยกมือไหว้ธันวาอย่างนอบน้อม สายตาก็มองหน้าของผู้เป็นแม่กับนักรบสลับกันไปมา ก็เธอสงสัยไม่หาย ทำไมแม่ถึงไม่ทักทายแดดดี๊ทั้งที่บ่นคิดถึงไม่ต่างกันในวันที่ผ
“ใครธันวา?” นักรบเอ่ยถามน้ำส้มด้วยแววตาขึงขังหลังจากที่น้องมะนาวเดินเข้าไปบ้านจนลับสายตา ชื่อผู้ชายมันแสลงหูทำให้เขาไม่ชอบใจเลยสักนิด“จะใครก็เรื่องของฉันค่ะ ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้” น้ำส้มบอกปัดพร้อมกับดันหลังของนักรบเดินออกไปจนพ้นประตูบ้าน จากนั้นเธอก็รีบล็อกกลอนทันที“ส้มเปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ บอกผมมาว่าไอ้ธันวานั่นมันเป็นใคร น้ำส้ม!” นักรบตะโกนโหวกเหวกโวยวายอยู่หน้าบ้าน พยายามงัดแงะประตูก็ไม่สามารถทำให้ประตูเปิดออกได้ ตอนนี้เขาหัวเสียยิ่งกว่าสิ่งใด ในใจร้อนรุ่มกระวนกระวายเหมือนไฟสุมอยู่ในอก เขาหวงเธอยิ่งกว่าอะไร ยิ่งมีผู้ชายเข้าใกล้ก็ยิ่งหัวร้อน“เข้าผิดบ้านก็อย่ามาโวยวาย เชิญค่ะ”“ผมไม่ไปบอกมาว่าไอ้นั่นมันเป็นใคร อย่าทำให้ผมหมดความอดทนนะ”“มีสิทธิ์อะไรมาขู่ฉันห๊ะไอ้โจรหนวดบ้า! อย่าไม่ไปฉันแจ้งตำรวจจริง ๆ ด้วย”“โจรบ้าบออะไรนี่ผมผัวคุณนะน้ำส้ม! น้ำส้ม!”น้ำส้มพูดขู่ทิ้งท้ายก่อนจะหันหลังให้นักรบเดินเข้าบ้านอย่างไม่แยแส และไม่หันกลับมามองคนที่หัวร้อนอยู่ด้านหลังที่ยังโวยวายเหมือนหมาบ้า เธอนึกขำกับภาพของเขาตอนนี้ เดินยิ้มกริ่มเข้าบ้านเหมือนกับการแกล้งเขานั้นมันสนุกสนานอย่างกับเล่นเครื
“คุณคะ? คุณได้ยินฉันไหม” ความเงียบนิ่งทำให้น้ำส้มต้องเพิ่มน้ำหนักเสียงถามอีกครั้ง ด้วยสีหน้าเรียบนิ่งเหมือนกับคนไม่รู้จักกันจริง ๆ ล้วนเกิดจากการแสดงทั้งนั้น“..........” ยิ่งเหมือนจะยิ่งตอกย้ำความเสียใจแก่นักรบ เมื่อคำถามแสนห่างเหินแว่วเข้ามาให้ได้ยิน เขาน้ำตาเอ่อคลอไม่ต่างจากที่น้องมะนาวปฏิเสธก่อนหน้า เข่าอ่อนจนแทบทรุดลงกับพื้น แต่ก็ฝืนยืนต่อให้มั่น สมองเหมือนตันไปกับคำถามของเธอที่อยู่ตรงหน้า“เรารู้จักกันด้วยเหรอคะ?” น้ำส้มแสร้งถามย้ำ แม้สีหน้าของนักรบจะดูไม่สู้ดี แต่เธอก็ยังอยากจะพูดแกล้งต่อ นั่นก็เพราะเธออยากจะเอาคืนข้อหาทำให้เธอเป็นห่วงจนกินไม่ได้นอนแทบไม่หลับตลอดเวลาที่ผ่านมา“น้ำส้ม” เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเบาหวิวและสั่นเครือ เหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุนไปทันตากับคำถามนี้“ขอโทษด้วยนะคะ ฉันขอตัวเข้าบ้านก่อนหากเราไม่ได้รู้จักกัน หรือไม่งั้นคุณก็อาจจะจำบ้านผิดหลัง...เข้าบ้านกันค่ะมะนาว” เธอพูดกับเขาก่อนจะก้มหน้าพูดกับลูกสาวที่ยืนเคียงข้าง คำพูดที่ห่างเหินมันตัดรอนหัวใจของนักรบจนแทบพูดไม่ออก ได้แต่มองผู้หญิงที่รักกับลูกสาวเดินเข้าบ้านไปจนลับสายตาด้วยใบหน้าเศร้าเสียใจ ปากขยับพูดรั้งเธอ