"แล้วโตขึ้นน้องมะนาวจะทำงานอะไรครับ ถึงจะมีเงินมาคืนอา" เขาถามเด็กหญิงเพื่อลองเชิง รอฟังคำตอบว่าจะมีไหวพริบเพียงใด
"น้องก็จะเป็นคนสวยที่รวยเวอร์ ๆ ไงคะ" และแล้วก็แทบหงายหลัง เมื่อได้ฟังคำตอบที่โคตรสร้างสรรค์ของเด็กหญิงมะนาวตัวกลม ทำเอานักรบไม่รู้จะยิ้มหรือร้องไห้ก่อนดี
"โอ๊ยตาย...เด็กน้อยเอ๊ย!" เขาอุทานออกมาพร้อมกับทาบมือลงหน้าผากอย่างหน่ายใจ...ช่างน่าสงสารซะจริง
"อย่าเพิ่งตายสิคะ คุณอาสุดหล่อเวอร์ ๆ ยังไม่ได้ให้น้องยืมเงินเลย" น้องมะนาวเอื้อมมือจับแขนของนักรบ แล้วพูดออกมาตามความคิดแบบเด็ก ๆ ที่ยังไม่รู้ความ
"อาให้ยืมก็ได้ แต่น้องมะนาวต้องทำงานแลกนะ...โอเคไหม?" เขาตอบรับพร้อมกับยื่นข้อเสนอ เมื่อสมองผุดความคิดดี ๆ ออกมา
"แล้วจะให้น้องทำงานอะไรล่ะคะ..." เด็กหญิงตัวน้อยถามขึ้น
"น้องมะนาวทำอะไรได้บ้างล่ะ" และเขาก็ย้อนคืน
"อืม~~ กินข้าว กินนม ไปโรงเรียนแล้วก็นอนกลางวันและกลางคืนได้ค่ะ" น้องมะนาวให้คำตอบอย่างไม่ติดขัด แต่สิ่งที่เธอพูดมาว่าทำได้มันกระตุ้นเส้นเลือดในสมองของนักรบจนเต้นตุบ ๆ
"เอิ่ม~~"
"คุณอาสุดหล่อเวอร์ ๆ ไม่โอเคเหรอคะ ก็น้องยังเป็นเด็กนี่นา เลยทำได้แค่นี้เอง" เด็กหญิงพูดเสียงเศร้า เมื่อเห็นคุณอานักรบนั้นไม่ตอบโต้
"เอางี้ น้องมะนาวให้อาไป...." ความคิดกะล่อนผุดเข้ามาในหัว เขาคิดเอาเด็กน้อยเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ และกำลังจะยื่นข้อเสนอทว่าต้องเงียบไป เมื่อเสียงหวานเสนาะหูดังแทรกระหว่างการสนทนา
"มะนาว"
"คุณแม่ขาน้องตื่นแล้วค่ะ...น้องคิดถึงคุณแม่จังเลย"
"แม่ก็คิดถึงน้องเปรี้ยวจี๊ดส์เหมือนกันค่ะ"
"รักกันเนาะคุณแม่เนาะ"
เสียงเรียกขานของน้ำส้มทำให้บทสนทนาของนักรบต้องชะงักไป น้องมะนาวลุกขึ้นแล้ววิ่งเข้าไปกอดแม่อย่างกับคิดถึงมากมาย ทั้งที่ห่างกันไม่กี่นาที ทำเอานักรบนั่งมองผู้หญิงสองคนด้วยรอยยิ้มแห่งสุข จนแทบลืมสิ่งที่อยากพูดไป
#เบาได้เบา"เตรียมตัวกลับบ้านกันนะคะ" ผู้เป็นแม่เอ่ยชวนลูกสาวตัวน้อย ที่ยืนกอดเอวแน่น"ค่ะ""ขอบคุณนะคะที่อยู่เป็นเพื่อนมะนาว...รบกวนคุณนักรบตลอดเลย" น้ำส้มเดินเข้ามาใกล้แล้วยกมือไหว้ขอบคุณจากใจ"ไม่เป็นไรครับแค่นี้เอง...ไปครับเดี๋ยวผมถือของไปส่งที่รถ" เขายิ้มให้และออกตัวช่วยเหลือ พลางยกของมาถือ จับมือน้องมะนาวไว้อย่างเตรียมพร้อม"ขอบคุณค่ะ" "คุณอาสุดหล่อเวอร์ ๆ ขา" เด็กหญิงสะกิดที่ขาแล้วเงยหน้ามองเหมือนส่งสัญญาณบางอย่าง ทำให้นักรบต้องย่อตัวต่ำเสมอเด็กหญิง"มีอะไรครับ" เขาถามขึ้น"จับมือน้อง...แสดงว่าสัญญาจะให้น้องยืมเงินแล้วใช่ไหมคะ" คำตอบของน้องมะนาวทำเอานักรบยิ้มกริ่ม นับวันเขายิ่งรู้สึกเอ็นดูเด็กคนนี้"ครับผม" เขาตอบรับอย่างไม่อิดออด"คุณอาใจดีเวอร์ ๆ เลยค่ะ...ห้ามเปลี่ยนใจนะคะ" ทำให้เด็กหญิงมะนาวฉีดหญิงกว้างจนตาหยีด้วยความดีใจ เธอยื่นไปจับมือมั่นสัญญา"อาสัญญาครับ" นักรบเออออตามน้ำ เขาไม่ขัดเด็กน้อยผู้น่ารักคนนี้อยู่แล้ว...แก้มกลมน่าชังขนาดนี้ใครจะปฏิเสธได้ลง"กวนอะไรคุณอานักรบคะมะนาว" ผู้เป็นแม่เดินกลับเข้ามา เห็นลูกสาวตัวกลมคุยหยอกล้อมีรอยยิ้มจนต้องทักท้วง เพราะห่วงว่าลูกสาวจะ
"แตงกวาเรียกจ๋าเข้ามาหาผมหน่อย" นักรบเข้ามาเคลียร์งานในตอนเช้า เขากดสายหาเลขาหน้าห้อง เมื่อนึกใคร่รู้บางอย่าง"ค่ะ" แตงกวาเลขาหน้าห้องตอบรับ จากนั้นเธอจึงจัดการประสานงานต่อไปยังจ๋าที่ผู้เป็นเจ้านายต้องการพบเจอ จ๋าใช้เวลาไม่นานก็มาถึง เธอเคาะประตูห้องทำงานของเจ้านายตามมารยาทที่ควรทำ แล้วจึงเดินเข้าไปหาเจ้านายที่นั่งรออยู่"คุณนักรบมีอะไรหรือเปล่าคะ" "นั่งก่อนสิผมมีเรื่องจะถาม""ค่ะ"จ๋าเอ่ยขึ้นก่อนเมื่อมาถึง จึงทำให้ผู้เป็นนายตอบรับและผายมือเชื้อเชิญ เธอจึงนั่งลงเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้าม รอลุ้นว่าเจ้านายจะเสนองานอะไรให้ทำ"นางแบบคนเมื่อวานเธอสังกัดที่ไหนเหรอ""น้องน้ำส้มนะเหรอคะ""ครับ"นักรบถามขึ้นโดยที่เขายังคงง่วนอยู่กับการเซ็นเอกสารกองโตตรงหน้า ทำเอาจ๋าเกิดสงสัยแต่ก็ไม่แคลงใจอะไร "น้องไม่ได้สังกัดไหนค่ะ น้องเป็นนางแบบอิสระและบล็กเกอร์รีวิวสินค้าค่ะ จ๋าได้ยินว่าเป็นเพื่อนคุณเอมอร" เธอบอกเล่าแก่ผู้เป็นเจ้านายตามที่เธอรับรู้"เพื่อนเอมอร?" เขาเงยหน้าแล้วย้อนถาม เพื่อนของน้องสาวแต่เขาไม่เคยรู้จักเพื่อนคนนี้ได้ยังไง ทั้งที่คิดว่ารู้จักเพื่อนสนิทของน้องสาวแทบทุกคน"ค่ะ" จ๋าขานรับ"จำได้ว่
"มาทำไม" นักรบถามผู้มาใหม่ด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เขาวางท่าขรึมเมื่อ 'แอนนา' มาที่นี่โดยเขานั้นไม่ได้เชิญชวน"นี่คือการถามซุป'ตาร์แถวหน้าเหรอคะนักรบ" แอนนาพูดขึ้น แม้จะรู้สึกเสียหน้าแต่เธอก็ยังวางท่าให้นิ่ง"คุณไม่มีงานที่นี่หนิ" นักรบถามถึงจุดประสงค์เพราะคิวงานของแอนนามันคืออีกที่หนึ่ง"แอนนาสิต้องถามคุณมากกว่าว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ ทั้งที่ปกติคุณไม่มาดูงานอื่นนอกจากงานถ่ายนางแบบระดับต้น ๆ แล้วก็แอนนา แต่ทำไมงานนี้ถึงได้มา" แอนนาประจันหน้าพูดกับนักรบเสียงเรียบ แต่ประโยคสุดท้ายเธอกับปรายสายตาไล่มองน้ำส้มอย่างดูแคลน"ผมไม่จำเป็นต้องตอบคุณ" นักรบว่าขึ้น คำพูดตอบโต้ของเขาทำเอาแอนนาต้องกัดฟันแน่นอย่างอดทน"อะ เอ่อ...ฉันขอตัวก่อนนะคะ" เห็นสถานการณ์ดูตึงเครียด น้ำส้มที่รู้ตัวว่าเป็นส่วนเกินจึงเอ่ยขึ้นเพื่อหลบเลี่ยง ให้คนทั้งสองได้คุยกันเป็นการส่วนตัว เธอจึงจะเอี้ยวตัวเดินหนีออกมา"ผมยังคุยกับคุณไม่เสร็จนะครับน้ำส้ม" ทว่านักรบกลับคว้าข้อมือของเธอรั้งไว้ นั่นทำให้แอนนามองด้วยความไม่พอใจเธอกับนักธุรกิจไฟแรงเป็นคู่จิ้นที่สื่อจ้องมอง และแอนนาเองก็มีใจให้กับนักรบมานานตั้งแต่ที่เธอก้าวขาเข้ามาในวงการ
#ความรู้สึกที่เริ่มถลำลึก"คุณไม่เป็นไรนะน้ำส้ม" นักรบเอ่ยถามด้วยความห่วงใย หลังจากที่แอนนาเดินไปจนพ้นสายตาแล้ว"ไม่เป็นไรมากค่ะ" น้ำส้มที่ยืนขากะเผกทรงตัว รีบตอบโต้เมื่อนักรบถามไถ่ แม้จะเจ็บแปล๊บที่ข้อเท้า ก็ตอบเพื่อให้เขาสบายใจเธอไม่อยากสร้างความกลัดกลุ้มให้ใครจนวุ่นวาย"แต่เหมือนข้อเท้าคุณจะบาดเจ็บนะครับ" เขาสังเกตการยืนของน้ำส้มจึงที่ดูไม่ปกติจึงเอ่ยขึ้น ล้วนเกิดจากความห่วงใยที่มีต่อเธอทั้งสิ้น "ประคบน้ำแข็งสักหน่อยก็คงดีขึ้นค่ะ ฉันดูแลตัวเองได้" เธอพูดพลางพยายามเดินไปนั่งพักยังเก้าอี้ใกล้ตัว และมีนักรบที่ช่วยเหลือประคอง"เดี๋ยวจ๋าไปเอาน้ำแข็งกับผ้ามาให้นะคะ" จ๋าที่ยืนดูอยู่ไม่ไกล เธอรีบอาสาเมื่อเห็นว่าน้ำส้มได้รับบาดเจ็บ ทุกคนเห็นเหตุการณ์ทว่าไม่กล้าเข้าไปห้าม เพราะรู้ฤทธิ์เดชของแอนนาเป็นอย่างดี เธอมีนิสัยอย่างไรจนทีมงานไม่อยากจะเข้าใกล้ ภายนอกที่สวยงามแต่เบื้องหลังนั้นร้ายกาจต่างจากเบื้องหน้าโดยสิ้นเชิง"ทำไมชอบตัดพ้อผมอยู่เรื่อยเลยนะ..." แต่คำพูดของน้ำส้มนั้นกลับทำให้นักรบรู้สึกใจเหี่ยว เมื่อมันเหมือนกับว่าเธอปิดกั้นไม่ให้เข้าใกล้ จนอดไม่ได้ที่ต้องพูดออกไปอย่างกับคนน้อยใจ"เปล
#รักไม่ได้มีแฟนแล้ว"ฉันดีขึ้นมากแล้วค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ" น้ำส้มเอ่ยขึ้นพลางมองไปที่นาฬิกาข้อมือเพื่อดูเวลา ตอนนี้เกือบจะถึงเวลาที่ลูกสาวต้วน้อยของเธอเลิกเรียน และเธอต้องรีบไปรับให้ทัน ไม่อยากให้ลูกสาวต้องเป็นฝ่ายรอสองมือสาระวนเก็บของใส่กระเป๋า ข้อเท้าที่มีอาการเจ็บก็เริ่มทุเลาแต่ก็ยังขยับมากไม่ได้ เธอวุ่นวายกับการจัดเก็บสิ่งของจนนักรบต้องยื่นมือเข้าไปช่วยเหลืออีกครั้ง ล้วนทำด้วยความเต็มใจ"แล้วคุณจะรีบไปไหน" เขาถามพลางเอื้อมมือหยิบของยื่นให้น้ำส้มใส่กระเป๋า"ต้องรีบไปรับน้องมะนาวที่โรงเรียนค่ะ ฉันไม่อยากให้เธอรอนาน" เธอให้คำตอบแก่เขา"ผมขับรถให้ขาคุณเจ็บคงขับเองไม่ไหวหรอก" นักรบอาสาพร้อมกับถือวิสาสะสะพายกระเป๋าของเธอ ก่อนจะขยับตัวเข้าใกล้แล้วเอื้อมมือไปโอบไหล่น้ำส้มพยุง"วันนี้ฉันรบกวนคุณนักรบเกินไปแล้วค่ะ ฉันเกรงใจคุณจริง ๆ นะคะ" น้ำส้มพูดขึ้นเธอส่งสายตามองผู้ขายที่ยืนอยู่ด้านข้าง พยายามขยับตัวออกห่าง แต่ด้วยแรงขาที่มีไม่มากพอจึงไม่สามารถทำได้ และทุกครั้งที่น้ำส้มออกแรงผลักไส เขาก็จะเพิ่มแรงรั้งไว้พร้อมสายตาจับจ้องข่มขู่เชิงคำสั่ง และนั่นทำให้เธอต้องเชื่อฟังอย่างกับโดนสะกดเพียงแ
#ยอมผมสิ"น้องกวนอะไรคุณอานักรบคะ" เธอเอ่ยถามลูกสาวที่นั่งรออยู่ในรถ กดสายตาจ้องมองไปยังน้องมะนาวที่กำลังจะอ้าปากพูดกับนักรบที่นั่งอยู่ด้านหน้า ด้วยรู้นิสัยของลูกสาวดีว่าเป็นคนช่างพูดแค่ไหน ที่ได้ถามออกไปเพราะกลัวว่าเขาจะนึกรำคาญเสียมากกว่า"น้องเปล่ากวนนะคะ เราสองคนคุยกันรอคุณแม่เฉย ๆ" เด็กหญิงตอบกลับผู้เป็นแม่ ไม่มีคำพูดไหนเลยที่จะติดขัด ทุกคำล้วนฉะฉานชัดเจน จนทำให้แม่ที่นั่งมองต้องระบายยิ้มอ่อน ไม่เว้นแม้กระทั่งนักรบที่คอยมองอยู่เงียบ ๆ มองหน้าหญิงสาวที่อยู่ด้านข้าง บ้างก็หันไปยิ้มให้กับเด็กหญิงมะนาวผู้เดียงสา พกพาความน่ารักสยบหัวใจนักรบจนลุ่มหลงและเอ็นดู"จ้า...มะนาวไม่ได้กวนใจอะไรคุณใช่ไหมคะ?" ผู้เป็นแม่ตอบรับลูกสาว จากนั้นจึงหันไปถามนักรบด้วยความเกรงใจ"ไม่เลยครับ...น้องน่ารักมากแถมคุยเก่งด้วย" เขาตอบเธอด้วยความรู้สึกจริงจากใจ ไม่ได้บิดเบือนเพื่อเอาใจเธอแต่อย่างใด "เห็นไหมคะน้องบอกแล้วว่าน้องไม่ได้กวนสักจิดเดียว" เด็กหญิงมะนาวพูดต่อหลังจากที่ผู้ใหญ่สองคนคุยกันจบประโยค มือป้อม ๆ ยกขึ้นจรดนิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้เข้าหากัน เป็นสัญลักษณ์บ่งชี้ความหมายคำว่าจิดเดียว(นิดเดียว) ตามคำพูด
"คุยอะไรกันเหรอคะเบาจังน้องไม่ได้ยิน" เด็กหญิงที่นั่งขมวดคิ้วจ้องมองด้วยความสงสัย เธออยากมีส่วนร่วมจึงชะเง้อหน้าแทรกกลาง ทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองรีบละห่างจากกันด้วยท่าทีเอียงอายไปคนละทิศละทาง"ไม่ได้คุยอะไรค่ะ...เราเข้าบ้านกันค่ะมะนาวน้องหิวไม่ใช่เหรอ" ผู้เป็นแม่ตอบลูกสาวทั้งที่พวงแก้มยังแดงระเรื่อเพื่อบ่ายเบี่ยง เธอแทบไม่กล้ามองหน้าเขาเพียงเสี้ยวสายตา เพราะว่าเขินจากกิริยาที่เขากระทำ มันปุกปั่นจังหวะการเต้นของหัวใจเธอจนยากจะสั่งห้าม แม้จะพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ ดึงสติให้อยู่กับตัวก็ยากจะทำได้ ยิ่งเห็นหน้าเขาก็ยิ่งประหม่าทรงตัวไม่ไหว"แล้วผมล่ะ! ไม่ชวนเข้าบ้านหน่อยเหรอ"นักรบชี้นิ้วเข้าหาตัวเองแล้วถามขึ้น เมื่อสองแม่ลูกจ้ำเท้าจะเดินเข้าบ้านอย่างกับคนลืมเจ็บ ทิ้งเขาไว้ด้านหลังเหมือนมองข้ามเป็นอากาศที่ไร้ตัวตน".........." คำทักท้วงทำให้น้ำส้มชะงักและหันกลับมามอง ทำเงียบไม่ตอบโต้เพราะว่ายังอายไม่หาย ได้แต่เม้มปากแน่นมองหน้านักรบอย่างเคอะเขิน"โคตรใจดำเลย" นักรบยืนสองมือล้วงกระเป๋าแล้วยกไหล่สูง สายตามองไปทางอื่นพูดออกมาเลื่อนลอย แสร้งเหมือนไม่ตั้งใจพูด แต่แอบลุ้นหวังสะกิดใจคนที่อยากให้ได
"ทำอะไรกันเหรอคะ" เสียงแหลมดังแทรกพร้อมกับแรงกระตุกชายเสื้อของนักรบและน้ำส้ม ทำให้ทั้งสองคนนั้นดึงสติกลับคืนมา แล้วก้มหน้ามอองต่ำตามเสียง มีหนูน้อยเงยหน้ามองผู้ใหญ่สองคนสลับกันไปมา นั่นเพราะว่าเธอกำลังสงสัยในสิ่งที่เห็น((อะเอ่อ~~)) สายตาของเด็กน้อยทำให้ผู้ใหญ่มองหน้ากันอย่างเขินอายจนอ้ำอึ้ง นึกถึงคำตอบโต้ไม่ทัน ยิ่งสายตากดดันของน้องมะนาวก็ยิ่งทำให้ผู้เป็นแม่เม้มปากแน่นคิดไม่ออก จะบอกลูกสาวที่ช่างซักไซ้ยังไงให้ละม่อมเข้าใจ ในภาพที่มันล่อแหลม"คุณอานักรบหิวเหรอคะ เลยจะกินคุณแม่...Oh No!!" เด็กหญิงมะนาวพูดออกมาด้วยความเดียงสาตามภาพที่เธอเห็นและเข้าใจ ก่อนจะสบถและเบิกตาโตยกมือสองข้างขึ้นปิดปาก ส่ายสายตามองผู้ใหญ่ทั้งสองด้วยจินตนาการของเด็กที่กำลังแล่นภาพมโนในหัว"น้องกำลังคิดอะไรอยู่มะนาว มันไม่มีอะไรหรอกนะคะ" ผู้เป็นแม่ที่เดากิริยาของลูกสาว เธอเกิดความวิตกกลัวว่าลูกสาวผู้จินตนาการเลิศล้ำ จะถลำความคิดไปไกล จนต้องรีบแก้ต่างดักทางเอาไว้ด้วยความลุกลี้ลุกลน จนคนตัวสูงที่ยืนมองนั้นกลั้นขำไม่ไหว ได้แต่เบือนหน้าออกด้านข้างเปล่งหัวเราะเบา ๆ จนน้ำส้มจิกสายตาข่ม นั่นจึงทำให้นักรบเบาลง"ไม่นะคะ!! น
“ทำหน้าให้มันดี ๆ หน่อยสิครับว่าที่ภรรยา” นักรบแซวขึ้นในขณะที่น้ำส้มกำลังถูกรุมด้วยพนักงานร้านวิวาห์ ที่กำลังวัดสัดส่วนเพื่อเก็บรายละเอียดของชุดแต่งงานสีขาวระยิบ ประดับประดาด้วยเลื่อมและไข่มุกแท้ ที่นักรบวางแผนเลือกดีไซเนอร์ระดับแถวหน้าชื่อดัง“ยังจะมาพูดอีก ฉันผู้ไม่รู้เรื่องอะไรเลย จู่ ๆ ได้มาลองชุดเจ้าสาว คุณควรให้ฉันทำหน้าแบบไหนดีละคะ” น้ำส้มตอบกลับอย่างกระแนะกระแหน สีหน้าของเธอขุ่นเคืองกับการถูกบีบ แม้มันจะเป็นเรื่องราวที่ดี แต่เขาก็ควรให้เธอได้ตั้งหลักบ้าง“แต่งงานกับผมที่หล่อเหลาอย่างกับพระเจ้าปั้นมา แถมทั้งเก่ง หน้าที่การงานก็โคตรจะดี เพอร์เฟ็คแบบผมนี่หายากนะจะบอกให้ คุณก็ต้องทำหน้าดีใจสิครับถึงจะถูก มีผู้หญิงมากมายอยากจะได้ผมนะ คุณไม่อยากได้ผมหรือไง” เขาปั้นหน้าพูดด้วยความมั่นอกมั่นใจ เยินยอคุณลักษณะของตัวเองอย่างภาคภูมิ“เรื่องหลงตัวเองนี่เก่งเหลือเกิน” จากที่ยืนฟังคำเยินยอของนักรบ ทำให้น้ำส้มถึงกับกลอกตามองบนด้วยความระอา“หรือว่าไม่จริง...ไม่เชื่อคุณลองถามพวกเธอดูสิว่าผมเป็นอย่างที่พูดหรือเปล่า พวกคุณว่ายังไงครับ” เขายังคงตีสีหน้ามาดมั่น แถมยังหาแนวร่วมเอ่ยถามความเห็นเหล่าพ
หลายเดือนผ่านไป“นั่นไม่ใช่ทางกลับบ้านของฉันนี่คะ?” น้ำส้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับหันไปมองหน้านักรบที่กำลังขับรถบนท้องถนน ในเส้นทางไม่ใช่ทางกลับบ้านของตนเอง“แล้วใครบอกว่าผมจะพาคุณกลับบ้าน” นักรบพูดตอบกลับด้วยความทะเล้น นั่นยิ่งทำให้น้ำส้มรู้สึกฉงนใจ“แล้วจะพาฉันไปไหน?” เธอย้อนถามอีกครั้ง“ถึงก็รู้เองแหละ” เขาตอบเธอด้วยความยียวน“ไม่ได้พาไปขายใช่ไหม?” น้ำส้มเอ่ยทีเล่นทีจริง พร้อมกับรอยยิ้มกริ่มมุมปาก“มันจะได้ราคาเท่าไหร่กันเชียว” นักรบตอบสบประมาท พร้อมกับเลี้ยวซ้ายในซอยหนึ่งที่เป็นปลายทางของสถานที่จะไป“ก็ลองดูไหมล่ะ?” คำหยามที่ไม่จริงจังแต่ช่างปั่นอารมณ์ผู้หญิงให้หัวร้อนได้ จนน้ำส้มต้องเอ่ยประโยคนี้ออกไปด้วยความท้าทาย“ไม่!!!” ทำให้นักรบรีบตอบทันควันด้วยน้ำเสียงแข็งและสีหน้าบึ้งตึง หันมองน้ำส้มตาเขม็ง เขาพูดแซวเล่นเพื่ออยากแกล้ง แต่เธอตลบคำปั่นอารมณ์เขาแทนเสียอย่างนั้น“หวงละสิ” เธอเย้ยเขาและพูดเข้าข้างตัวเอง สะบัดผมไปข้างหลังด้วยความเชิดมั่นใจ“..........” นักรบไม่ได้ตอบกลับเขาเลือกที่จะเงียบและเขารถนิ่ง ๆ ไปตามเส้นทาง เพราะหากพูดมากกว่านี้กลัวว่าน้ำส้มจะสวนคำจนทำให้เขาหน้าเสีย“ไม่ตอบซะด้
“เปรี้ยวจี๊ดแดดดี๊มาแล้วครับ” เสียงของนักรบดังมาแต่ไกล เรียกขานว่าที่ลูกเลี้ยงที่เขารักปานดวงใจ ข้าวของในมือที่เขาซื้อมาให้เธอ ทุกอย่างเป็นของโปรดปรานของน้องมะนาวทั้งนั้น“ว้าว...แดดดี๊ของน้องตัวจริงหล่อเวอร์ ๆ เลยค่ะ” น้องมะนาวที่อยู่ในชุดนักเรียนน่ารัก เดินลงมาจากบันไดพร้อมแม่มองเห็นใบหน้าที่เปลี่ยนไปของนักรบ จนเบิกตาร้องว้าวด้วยความตื่นตา เขามาในมาดนักรบคนเดิมหล่อเหลาและมีเสน่ห์“เดี๋ยววันนี้คนหล่อเวอร์ ๆ ของน้องจะไปส่งที่โรงเรียนดีไหม?” เขาย่อตัวลงให้เสมอเด็กหญิง แล้วบอกในสิ่งที่จะทำหลังจากนี้ เธอจะมีรอยยิ้มแห่งความสุขทุกครั้งที่นักรบและน้ำส้มไปส่งที่โรงเรียนพร้อมกัน และวันนี้ก็เป็นการไปโรงเรียนวันแรก หลังจากที่เรียนออนไลน์มาเป็นเดือน เขารู้เพราะน้องสาวบอกเล่า“เย่ เย่ ดีเวอร์ ๆ ไปเลยค่ะแดดดี๊...คอยดูนะวันนี้น้องจะเอาแดดดี๊ไปอวดกรีนเพื่อนที่มาใหม่ ชอบพูดอวดพ่อกับน้องตลอดเลย” น้องมะนาวชูสองมือท่วมหัว กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ การไปโรงเรียนของเธอไม่ได้มีความสุขเหมือนกับสีหน้าและท่าทาง บางวันเธอถูกเพื่อนล้อว่าไม่มีพ่อ จนทำให้เธอต้องแอบร้องไห้อยู่ในมุมอับที่ไม่มีใครเห็น เมื่อถึงเวลาที
“มะนาวเรามีเรื่องต้องเคลียร์กันหรือเปล่าคะ” ผู้เป็นแม่เอ่ยกับลูกสาวตัวกลมที่วิ่งเข้ามาในห้อง ทุกคนล้วนตามเธอขึ้นมาเพื่อรอจับพิรุธเด็กอ้วนผู้ปั่นป่วน“เรื่องอะไรเหรอคะคุณขา” น้องมะนาวแกล้งทำเหมือนไม่รู้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นั่งเล่นตุ๊กตาวางท่านิ่งทั้งที่ตอนนี้เธอหัวใจเต้นตุบตุบด้วยความพะวงกลัวแม่จะดุ แม้เธอเป็นคนจุดประทัดจนเสียงดังลั่นบ้าน“ยังจะมาตีหน้าใสซื่ออีกนะเปรี้ยวจี๊ด” เป็นเอมอรที่ยืนมือกอดอกพิงขอบประตูพูดขึ้น ท่าทางของน้องมะนาวในตอนนี้ทำเอาผู้ใหญ่อยากจะขำลั่น แต่ต้องวางฟอร์มนิ่งไว้ไม่อยากให้เธอได้ใจ “ใครกันที่โทรบอกแม่อรว่า ‘แม่อรเกิดเรื่องแล้วค่ะกำลังจะกินหัวกันแล้วค่า’ ประโยคใครพูดน้าคิดสิคิด...ติ๊กต๊อก ติ๊กต๊อก ใครนะใครที่เป็นคนพูดแบบนี้”“ใครเหรอคะแม่อร” น้องมะนาวก็ยังคงไม่ยอมรับ เธอจดจำประโยคพูดได้ดีว่าเป็นเธอ แต่ก็ยังไงเฉไฉตาใส เธอหันไปสบตากับนักรบแววตาเปล่งประกายระริกขยิบตาส่งสัญญาณเพื่อขอความช่วยเหลือจากแดดดี๊ของเธอ เพราะตอนนี้สายตาพิฆาตของผู้เป็นแม่กำลังจดจ้องอย่างจับผิด“ไม่รู้สิ สงสัยลูกหมูแถวนี้มั้ง” เอมอรตอบกลับอย่างเย้าแหย่“เอาล่ะ ๆ ผมว่าให้มันแล้วกันไปดีกว่า
“คุณใจร้ายกับผมมากเลยรู้ไหมส้ม ทำผมเกือบร้องไห้ ขอผมกอดอีกหน่อยให้หายคิดถึงแล้วกัน” เขาพูดกับเธอทันทีเมื่อเดินเข้ามาภายในตัวบ้าน โอบกอดเธอแน่นด้วยความคิดถึง ดอมดมตามผิวกายและพวงแก้มจนมันแทบจะช้ำ(“ไม่นะไม่! จะกินหัวกันแล้ว น้องจะทำยังไงดีต้องหาคนมาช่วย”)“แม่อร แม่อร ตอนนี้เกิดเรื่องใหญ่เวอร์ ๆ แล้วค่า แดดดี๊กับคุณแม่ขาจะกินหัวกันแล้วค่า”((“อะไรกินหัวคะมะนาวแม่อรไม่เข้าใจ”) )“แดดดี๊ไง น้องบอกว่าแดดดี๊กับคุณแม่กินหัวกันแล้ว แม่อรรีบมาช่วยหน่อยสิคะ เร็ว ๆ นะคะมาตอนนี้เลย”((“แดดดี๊กลับมาแล้วเหรอ?”) )“ใช่นะสิคะตอนนี้อยู่บ้านของน้อง กำลังงาบหัวกันอยู่ข้างล่าง แม่อรต้องรีบมานะ”((“มันรุนแรงขนาดนั้นเลยเหรอลูก”) )“ก็ใช่สิคะ น้องเห็นเต็มฉองตาเลยรีบโทรหาแม่อรนี่ไง แดดดี๊กัดคุณแม่ แล้วคุณแม่ก็กัดคอแดดดี๊ขยุ้มผมแดดดี๊ด้วย มันรุนแรงเวอร์ ๆ เลยค่ะแม่อร”((“โอเค ๆ เดี๋ยวแม่อรรีบไปตอนนี้เลย”) )“โอเคค่ะ”พฤติกรรมระหว่างน้ำส้มและนักรบที่น้องมะนาวเห็น สร้างความเข้าใจผิดไปคนละทิศคนละทาง ความเดียงสาที่ยากจะเข้าใจทำให้เด็กหญิงคิดว่าการสัมผัสกันที่เหมือนรุนแรงเป็นการตบตีทะเลาะวิวาท ความคิดของเด็กน้อยท
ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นทำให้การสนทนาที่กำลังสนุกสนานต้องหยุดชะงักลง(น้องลงมาล้างมือเตรียมทานข้าวได้แล้วค่ะ) เสียงบอกของผู้เป็นแม่ดังลอดผ่านเข้ามาในห้อง“ค่ะคุณแม่...ไปกันค่ะแดดดี๊ คุณแม่ขามาเรียกแล้ว” คำพูดแรกเธอตอบผู้เป็นแม่ จากนั้นจึงหันไปเอ่ยปากชวนนักรบด้วยสีหน้าระรื่นสดใส(รีบลงมานะคะ เดี๋ยวคุณอาธันวาจะรอนาน)“ค่ะ...”(แม่ไปรอที่โต๊ะอาหารนะคะ)“ลุกสิคะแดดดี๊เราไปทานข้าวกัน”“น้องไปเถอะ แดดดี๊ว่าจะกลับแล้วล่ะ”“ทำไมละคะ?”คำเอ่ยชวนของน้องมะนาวแต่นักรบปฏิเสธ ทำเอาเด็กน้อยย้อนถามทันควัน แต่สำหรับนักรบนั้นเขารู้สึกเหมือนตัวเองไร้ค่า ไร้ตัวตนในสายตาของน้ำส้ม ก็ตั้งแต่ที่เขาก้าวขาเข้ามาเธอก็ไม่ได้สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าเธอจะไม่ได้ขับไล่ที่เข้ามาในบ้าน ความเมินเย็นชาทำให้นักรบเกิดประหม่าและสู้หน้าเธอไม่ไหว เขาคิดถึงแทบขาดใจ แต่พอได้อยู่ใกล้ตรงหน้าก็ไม่สามารถกอดเธอให้หายคิดถึง...มันท้อแท้ใจจนต้องบอกกับตัวเองว่าเขาควรพอแค่นี้“แดดดี๊แค่รู้สึกเหนื่อย ๆ น่ะ” เขาตอบเด็กหญิงพลางลูบหัวของเธอเบา ๆ คำพูดของเขาทำเอาเด็กหญิงหน้าเศร้าในทันที“อยู่กับน้องไม่ได้เหรอ น้องยังไม่หายคิดถึ
“น้ำค่ะ” น้ำส้มยื่นแก้วน้ำเย็นฉ่ำให้กับธันวา พร้อมกับระบายยิ้มอ่อนอันแสนหวาน“ขอบคุณครับ” ธันวาเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มอบอุ่น สายตามองหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาหวานเยิ้มนักรบเดินเข้ามาพร้อมกับน้องมะนาว เขาก็ต้องได้เห็นรอยยิ้มแสนหวานของเธอเผยต่อหน้าชายคนอื่น เขารีบเดินเข้าไปพร้อมกับสายตาพิฆาตจดจ้องธันวาอย่างเอาเรื่อง รู้สึกขุ่นเคืองไม่ถูกชะตา“คุณแม่ขาแดดดี๊มาทำไมคุณแม่ไม่คุยกับแดดดี๊ละคะ?” เด็กหญิงสงสัยจึงได้เอ่ยถามผู้เป็นแม่ไปแบบนั้น“น้องสวัสดีคุณอาธันวาหรือยังคะ?” น้ำส้มแสร้งไม่สนใจคำถามของลูกสาว เธอบ่ายเบี่ยงด้วยการย้อนน้องมะนาวแทน“หรือว่ากูตายแล้วเหรอวะถึงมองไม่เห็น” นักรบที่นั่งชิดกับน้องมะนาว เขาบ่นกับตัวเองเบา ๆ ด้วยความสงสัย เพราะน้ำส้มไม่คุยกับเขาเลยตั้งแต่มาถึง เขาหายหน้าไปนานหลายสิบวันขนาดนี้ เธอไม่คิดถึงเขาเลยหรืออย่างไร ทั้งที่ข้อความก็บอกว่าคิดถึงและรักมากมาย แต่ไหนเลยพอมาหาถึงได้เมินเฉยอย่างกับมองไม่เห็น“สวัสดีค่ะ” น้องมะนาวยกมือไหว้ธันวาอย่างนอบน้อม สายตาก็มองหน้าของผู้เป็นแม่กับนักรบสลับกันไปมา ก็เธอสงสัยไม่หาย ทำไมแม่ถึงไม่ทักทายแดดดี๊ทั้งที่บ่นคิดถึงไม่ต่างกันในวันที่ผ
“ใครธันวา?” นักรบเอ่ยถามน้ำส้มด้วยแววตาขึงขังหลังจากที่น้องมะนาวเดินเข้าไปบ้านจนลับสายตา ชื่อผู้ชายมันแสลงหูทำให้เขาไม่ชอบใจเลยสักนิด“จะใครก็เรื่องของฉันค่ะ ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้” น้ำส้มบอกปัดพร้อมกับดันหลังของนักรบเดินออกไปจนพ้นประตูบ้าน จากนั้นเธอก็รีบล็อกกลอนทันที“ส้มเปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ บอกผมมาว่าไอ้ธันวานั่นมันเป็นใคร น้ำส้ม!” นักรบตะโกนโหวกเหวกโวยวายอยู่หน้าบ้าน พยายามงัดแงะประตูก็ไม่สามารถทำให้ประตูเปิดออกได้ ตอนนี้เขาหัวเสียยิ่งกว่าสิ่งใด ในใจร้อนรุ่มกระวนกระวายเหมือนไฟสุมอยู่ในอก เขาหวงเธอยิ่งกว่าอะไร ยิ่งมีผู้ชายเข้าใกล้ก็ยิ่งหัวร้อน“เข้าผิดบ้านก็อย่ามาโวยวาย เชิญค่ะ”“ผมไม่ไปบอกมาว่าไอ้นั่นมันเป็นใคร อย่าทำให้ผมหมดความอดทนนะ”“มีสิทธิ์อะไรมาขู่ฉันห๊ะไอ้โจรหนวดบ้า! อย่าไม่ไปฉันแจ้งตำรวจจริง ๆ ด้วย”“โจรบ้าบออะไรนี่ผมผัวคุณนะน้ำส้ม! น้ำส้ม!”น้ำส้มพูดขู่ทิ้งท้ายก่อนจะหันหลังให้นักรบเดินเข้าบ้านอย่างไม่แยแส และไม่หันกลับมามองคนที่หัวร้อนอยู่ด้านหลังที่ยังโวยวายเหมือนหมาบ้า เธอนึกขำกับภาพของเขาตอนนี้ เดินยิ้มกริ่มเข้าบ้านเหมือนกับการแกล้งเขานั้นมันสนุกสนานอย่างกับเล่นเครื
“คุณคะ? คุณได้ยินฉันไหม” ความเงียบนิ่งทำให้น้ำส้มต้องเพิ่มน้ำหนักเสียงถามอีกครั้ง ด้วยสีหน้าเรียบนิ่งเหมือนกับคนไม่รู้จักกันจริง ๆ ล้วนเกิดจากการแสดงทั้งนั้น“..........” ยิ่งเหมือนจะยิ่งตอกย้ำความเสียใจแก่นักรบ เมื่อคำถามแสนห่างเหินแว่วเข้ามาให้ได้ยิน เขาน้ำตาเอ่อคลอไม่ต่างจากที่น้องมะนาวปฏิเสธก่อนหน้า เข่าอ่อนจนแทบทรุดลงกับพื้น แต่ก็ฝืนยืนต่อให้มั่น สมองเหมือนตันไปกับคำถามของเธอที่อยู่ตรงหน้า“เรารู้จักกันด้วยเหรอคะ?” น้ำส้มแสร้งถามย้ำ แม้สีหน้าของนักรบจะดูไม่สู้ดี แต่เธอก็ยังอยากจะพูดแกล้งต่อ นั่นก็เพราะเธออยากจะเอาคืนข้อหาทำให้เธอเป็นห่วงจนกินไม่ได้นอนแทบไม่หลับตลอดเวลาที่ผ่านมา“น้ำส้ม” เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเบาหวิวและสั่นเครือ เหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุนไปทันตากับคำถามนี้“ขอโทษด้วยนะคะ ฉันขอตัวเข้าบ้านก่อนหากเราไม่ได้รู้จักกัน หรือไม่งั้นคุณก็อาจจะจำบ้านผิดหลัง...เข้าบ้านกันค่ะมะนาว” เธอพูดกับเขาก่อนจะก้มหน้าพูดกับลูกสาวที่ยืนเคียงข้าง คำพูดที่ห่างเหินมันตัดรอนหัวใจของนักรบจนแทบพูดไม่ออก ได้แต่มองผู้หญิงที่รักกับลูกสาวเดินเข้าบ้านไปจนลับสายตาด้วยใบหน้าเศร้าเสียใจ ปากขยับพูดรั้งเธอ