#รักไม่ได้มีแฟนแล้ว
"ฉันดีขึ้นมากแล้วค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ" น้ำส้มเอ่ยขึ้นพลางมองไปที่นาฬิกาข้อมือเพื่อดูเวลา ตอนนี้เกือบจะถึงเวลาที่ลูกสาวต้วน้อยของเธอเลิกเรียน และเธอต้องรีบไปรับให้ทัน ไม่อยากให้ลูกสาวต้องเป็นฝ่ายรอ
สองมือสาระวนเก็บของใส่กระเป๋า ข้อเท้าที่มีอาการเจ็บก็เริ่มทุเลาแต่ก็ยังขยับมากไม่ได้ เธอวุ่นวายกับการจัดเก็บสิ่งของจนนักรบต้องยื่นมือเข้าไปช่วยเหลืออีกครั้ง ล้วนทำด้วยความเต็มใจ
"แล้วคุณจะรีบไปไหน" เขาถามพลางเอื้อมมือหยิบของยื่นให้น้ำส้มใส่กระเป๋า
"ต้องรีบไปรับน้องมะนาวที่โรงเรียนค่ะ ฉันไม่อยากให้เธอรอนาน" เธอให้คำตอบแก่เขา
"ผมขับรถให้ขาคุณเจ็บคงขับเองไม่ไหวหรอก" นักรบอาสาพร้อมกับถือวิสาสะสะพายกระเป๋าของเธอ ก่อนจะขยับตัวเข้าใกล้แล้วเอื้อมมือไปโอบไหล่น้ำส้มพยุง
"วันนี้ฉันรบกวนคุณนักรบเกินไปแล้วค่ะ ฉันเกรงใจคุณจริง ๆ นะคะ" น้ำส้มพูดขึ้นเธอส่งสายตามองผู้ขายที่ยืนอยู่ด้านข้าง พยายามขยับตัวออกห่าง แต่ด้วยแรงขาที่มีไม่มากพอจึงไม่สามารถทำได้ และทุกครั้งที่น้ำส้มออกแรงผลักไส เขาก็จะเพิ่มแรงรั้งไว้พร้อมสายตาจับจ้องข่มขู่เชิงคำสั่ง และนั่นทำให้เธอต้องเชื่อฟังอย่างกับโดนสะกดเพียงแค่สายคู่นี้จ้องมอง "ก็ได้ค่ะ"
"พูดง่าย ๆ แบบนี้น่ารักมากค่ะ" เขาพูดพร้อมกับยกมือขึ้นลูบหัวของเธอเบา ๆ ด้วยรอยยิ้มกริ่ม กระตุ้นจังหวะการเต้นของหัวใจเธอให้ทำงานหนักกว่าเดิมอีก มันทำเอาน้ำส้มถึงกับไปต่อไม่เป็นจนต้องชะงักและจ้องมองหน้าเขาด้วยความอึ้ง การรุกจีบที่ทำเธอเก็บทรงไม่อยู่ ใบหน้าเห่อร้อนเมื่อได้ใกล้ชิด
เธอถูกเขาพยุงมายังรถยนต์ ทุกอย่างเขาปรนนิบัติเธอเหมือนกับคนเป็นแฟน จนทำให้หัวใจคุณแม่ลูกติดเต้นไม่เป็นจังหวะ ความชิดใกล้และคำพูดหวานสร้างความหวั่นไหวแก่เธอ ตอนนี้ได้แต่นั่งตัวแข็งทื่อเพราะเกร็งอยู่ในรถเท่านั้น ไม่กล้าแม้กระทั่งจะหายใจออกแรง ๆ ด้วยซ้ำไป ประหม่าไปเสียหมดเพียงใกล้เขา ผู้ชายที่กำลังหลอมละลายเธอด้วยสายตาและคำพูดเสนาะหู
"ผมทำให้คุณอึดอัดหรือเปล่า" เขาเอ่ยถามเมื่อขับรถยนต์ออกมามุ่งหน้าสู่โรงเรียนอนุบาล
"ปะ เปล่านี่คะ" น้ำส้มตอบปฏิเสธแบบติดขัด นั่นยิ่งทำให้นักรบจับพิรุธได้อย่างไม่มีข้อกังขา
"แต่สิ่งที่ผมเห็นตอนนี้คุณดูเกร็งมากเลยนะ" เขาทักท้วงสายตามองตรงไปยังท้องถนนที่อยู่เบื้องหน้า ทว่ากลับมีรอยยิ้มอ่อน เมื่อเห็นอาการของคนที่นั่งเคียงข้าง
"ฉันเป็นแบบนั้นเหรอคะ" เธอย้อนถามอย่างเอียงอายเปล่งเสียงออกมาไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ได้แต่ก้มหน้าพูดบิดกระโปรงที่สวมใส่แก้เคอะเขิน
"ไม่มั้งครับ" นักรบตอบแบบติดตลก
"คุณนักรบอะ...ก็คุณทำฉันเขิน"
"น่ารักดีนะครับ"
น้ำส้มตอบกลับพลางเบือนหน้าหนีและหลับตาพริ้ม ระบายยิ้มอย่างหลบซ่อนสายตา ยิ่งคำพูดชมเหมือนวัยรุ่นในประโยคสุดท้ายยิ่งทำให้เธอเขินอายจนแทบอยากจะเอาหัวโขกกับประตูรถให้รู้แล้วรู้รอด ทำไมเขาถึงหยอดเก่งจนเธอเสียการทรงตัวได้แบบนี้...ทั้งที่ก็ไม่ใช่วัยรุ่นแรกแย้ม
"คุณแม่ขามารับน้องแล้ว" เด็กหญิงตัวกลมที่เห็นผู้เป็นแม่เดินมารับตรงสนามเด็กเล่น สร้างความดีใจจนรีบวิ่งเข้ามากอดเอว เธอนั่งรออยู่หลายนาทีจนใจห่อเหี่ยวเพราะเลยเวลาที่แม่ต้องมารับ ปกติเธอจะเห็นผู้เป็นแม่ก่อนเสมอ
"แม่ขอโทษนะคะที่ทำให้หนูต้องรอ...น้องไม่โกรธแม่ใช่ไหม" เธอกอดตอบลูกสาวต้วน้อย
"น้องไม่โกรธเลยค่ะ น้องรอคุณแม่ขาได้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าน้องใจหล่นตุ๊บ กลัวคุณแม่ลืมน้อง" เด็กหญิงกอดเอวของแม่ แล้วเงยหน้าพูดออกมาอย่างเดียงสาตามสิ่งที่เธอคิด
"แม่จะลืมลูกสาวคนสวยได้ยังไงกันล่ะคะ...สวัสดีคุณครูแล้วกลับบ้านกันค่ะ"
"สวัสดีค่ะคุณครูเรย์"
"สวัสดีค่ะน้องมะนาว...อย่าลืมการบ้านนะคะ"
"ค่ะ"
ผู้เป็นแม่บอกกล่าว แล้วลูกสาวตัวน้อยก็ทำตามอย่างเชื่อฟัง เธอหันไปยกมือไหว้ทำความเคารพอย่างมีมารยาท จากนั้นจึงเดินจับมือของผู้เป็นแม่ออกมา โดยไม่ได้สังเกตเลยว่าแม่เดินไม่ปกติ เพราะเธอดีใจที่เห็นแม่มารับ
"โอ๊ะ!" สายตาของเด็กหญิงมองไปที่รถยนต์ของแม่จึงทักท้วง เมื่อเห็นผู้ชายที่คุ้นหน้ายืนมือกอดอกพิงรถโบกมือและส่งยิ้มหวานให้
"สวัสดีครับคนสวยเวอร์ ๆ" นักรบทักทายเด็กหญิงด้วยคำพูดเลียนแบบที่น้องมะนาวชอบพูดจนชินปาก
"สวัสดีค่ะคุณอาขา คุณอาสุดหล่อก็มารับน้องเหรอด้วยคะ...ดีจังเหมือนเป็นคุณพ่อเลยค่ะ"
"มะนาว!!"
เด็กหญิงยกมือไหว้สวยงาม ตามด้วยคำทักทายพูดคุยอย่างน่ารัก และตบท้ายด้วยความพูดตามความรู้สึกที่ไร้เดียงสา ทว่ากลับทำให้ผู้เป็นแม่ที่ยืนจับมือเคียงข้างนั้นแก้มแดงระเรื่อ จนเธอต้องเรียกชื่อลูกสาวเสียงดังอย่างห้ามปราม พลางปรายสายตามองผู้ชายตัวสูงหน้าตาดีอย่างเคอะเขิน
เธอเขินแต่เขากลับยิ้มเยาะอย่างชอบใจ
"ขึ้นรถกันเถอะครับ" เมื่อเห็นกิริยาของน้ำส้ม นักรบจึงหาทางหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้เธอประหม่าและเขินไปมากกว่านี้ เพราะแค่นี้ความน่ารักของคุณแม่ลูกติดก็ทำให้หัวใจของเขาทำงานหนักมากแล้ว
ระหว่างการเดินทางผู้ใหญ่สองคนมีเพียงความเงียบระหว่างกันเท่านั้น ยกเว้นก็แต่เด็กหญิงมะนาวที่เอาแต่พูดพร่ำเพียงคนเดียว สิ่งใดที่สงสัยอะไรที่ผ่านสายตา เธอก็เอาแต่ถามตามประสา จนนักรบและน้ำส้มผลัดกันให้คำตอบแก่เด็กหญิงตัวกลมที่ช่างเจรจา
"แวะปั๊มได้ไหมคะพอดีว่าฉันอยากเข้าห้องน้ำ" น้ำส้มที่ปวดท้องเบาเธอเอ่ยขึ้น เพราะมันสุดจะกลั้นจนทนไม่ไหว
"ได้ครับข้างหน้ามีปั๊มพอดี" ทันทีที่เธอเอ่ยขอ เขาก็สนองให้ตามที่เธอต้องการอย่างไม่อิดออด และเลี้ยวรถเข้าไปจอดยังหน้าห้องน้ำของปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง นั่นจึงทำให้น้ำส้มรีบลงจากรถเพื่อปลดทุกข์ที่มี บนรถยนต์จึงเหลือเพียงนักรบและน้องมะนาว ชายหญิงต่างวัยเท่านั้น
"เซียวจ้านก็หล่อดีนะคะคุณอาสุดหล่อเวอร์ ๆ" น้องมะนาวที่นั่งปัดหน้าจอมือถือไปมาอยู่เบาะหลัง จู่ ๆ เธอก็พูดขึ้นทำให้นักรบต้องหันหลังกลับไปมอง
"น้องมะนาวชอบหรอคะ" เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่น จนเด็กหญิงนั้นเงยหน้ามองและส่งยิ้มกว้างอย่างน่ารัก
"เปรี้ยวจี๊ด(ส์)ค่ะคุณอา...ต้องออกเสียงแบบนี้ตามน้องด้วยนะคะ" และเธอก็ย้ำในสรรพนามแทนตัวเองพร้อมออกเสียงเป็นตัวอย่างจนน้ำลายกระเซ็นลอดไรฟันออกมา ให้เหมือนกับเพื่อนที่โรงเรียนชอบเรียก เธอชอบให้ผู้คนเรียกเธอแบบนี้มากกว่าชื่อจริง ทำเอานักรบกระโจนหน้าหลบแทบไม่ทัน
"อะ ๆ ๆ เปรี้ยวจี๊ด(ส์)" เขาส่ายหัวและยิ้มในความเดียงสาของเด็กน้อย และพูดตามในสิ่งที่เธอบอกกล่าว
"จี๊ด(ส์)ไม่ค่อยชอบหรอกค่ะแต่ว่าคุณส้มโอชอบเวอร์ ๆ" เธอบอกเล่าอย่างฉะฉาน และสรรพนามเรียกผู้เป็นแม่ใหม่ตามจินตนาการของเธอที่มีเหลือเฟือ ตามประสาเด็กน้อยช่างพูด
"ทำไมเป็นจี๊ด(ส์)แล้วล่ะ เปรี้ยวหายไปไหน" เขาย้อนถามเด็กหญิง
"วันนี้เป็นจี๊ด(ส์)พอค่ะ ไม่อยากพูดสองคำน้องเมื่อยปาก" และเธอก็ตอบนักรบด้วยความฉะฉานไม่มีติดขัดในคำพูดแม้แต่วรรคเดียว
"เฮ้อ อาเริ่มจะปวดหัวกับเปรี้ยวจี๊ด(ส์)แล้วค่ะ" ทำเอานักรบถึงกับกุมขมับทันทีเมื่อได้ฟังการโต้ตอบของเด็กหญิงมะนาวผู้น่ารัก
"คุณอาสุดหล่อจะพูดค่ะไม่ได้นะคะ เพราะนั่นน่ะเขาให้ผู้หญิงพูด ครูเรย์บอกน้องมาแบบนี้ ผู้หญิงพูดค่ะผู้ชายต้องพูดครับ" เด็กหญิงตัวกลมอธิบายตามสิ่งที่เธอรับรู้มา สร้างรอยยิ้มให้กับนักรบอีกครา ทุกครั้งที่มีน้องมะนาวกับแม่เขารู้สึกมีความสุขและยิ้มได้เสมอ เหมือนเป็นเชื้อไฟที่เปล่งแสงสว่างสร้างความเปรมปรีดิ์ได้ทุกเวลานาที
"ครับคนสวยเวอร์ ๆ"
"แบบนั้นแหละค่ะคุณอาสุดหล่อเวอร์ ๆ"
"พูดเก่งจริงเลย"
"น้องน่ารักใช่ไหมล่ะคะ?"
"ครับผม...น่ารักจนอาหลงรักแล้วเนี่ย"
การตอบโต้ของคนต่างวัย ทำให้นักรบต้องเอื้อมมือไปหยิบพวงแก้มกลมที่เต่งตึงเหมือนจะแตกของน้องมะนาวด้วยความเอ็นดู มันเขี้ยวจนกัดฟันแน่นพลางส่ายพวงแก้มสองข้างของเด็กน้อยไปมา
"Oh No...รักไม่ได้ค่ะเพราะน้องมีคนมารักแล้วที่โรงเรียน คุณอารักน้องไม่ได้หรอกค่ะน้องน่ะมีแฟนแล้ว น้องไม่อยากหลายใจ"
"หา?"
เด็กหญิงตัวน้อยรีบปฏิเสธทันที เป็นความหมายที่แปลไปคนละทิศละทาง สร้างความเข้าใจผิดให้กับน้องมะนาว และทำเอานักรบถึงกับหน้าเหวอทันทีเมื่อเด็กหญิงตอบกลับ...เขายอมในการเจรจาของเด็กคนนี้แล้วจริง ๆ สร้างสรรค์จนเขาตามไม่ทันเลยทีเดียว แต่ก็น่ารักสมวัยที่กำลังฉอเลาะกล้าแสดงออก ยิ่งทำให้เขาหลงและเอ็นดูมากขึ้นเป็นทวี
#ยอมผมสิ"น้องกวนอะไรคุณอานักรบคะ" เธอเอ่ยถามลูกสาวที่นั่งรออยู่ในรถ กดสายตาจ้องมองไปยังน้องมะนาวที่กำลังจะอ้าปากพูดกับนักรบที่นั่งอยู่ด้านหน้า ด้วยรู้นิสัยของลูกสาวดีว่าเป็นคนช่างพูดแค่ไหน ที่ได้ถามออกไปเพราะกลัวว่าเขาจะนึกรำคาญเสียมากกว่า"น้องเปล่ากวนนะคะ เราสองคนคุยกันรอคุณแม่เฉย ๆ" เด็กหญิงตอบกลับผู้เป็นแม่ ไม่มีคำพูดไหนเลยที่จะติดขัด ทุกคำล้วนฉะฉานชัดเจน จนทำให้แม่ที่นั่งมองต้องระบายยิ้มอ่อน ไม่เว้นแม้กระทั่งนักรบที่คอยมองอยู่เงียบ ๆ มองหน้าหญิงสาวที่อยู่ด้านข้าง บ้างก็หันไปยิ้มให้กับเด็กหญิงมะนาวผู้เดียงสา พกพาความน่ารักสยบหัวใจนักรบจนลุ่มหลงและเอ็นดู"จ้า...มะนาวไม่ได้กวนใจอะไรคุณใช่ไหมคะ?" ผู้เป็นแม่ตอบรับลูกสาว จากนั้นจึงหันไปถามนักรบด้วยความเกรงใจ"ไม่เลยครับ...น้องน่ารักมากแถมคุยเก่งด้วย" เขาตอบเธอด้วยความรู้สึกจริงจากใจ ไม่ได้บิดเบือนเพื่อเอาใจเธอแต่อย่างใด "เห็นไหมคะน้องบอกแล้วว่าน้องไม่ได้กวนสักจิดเดียว" เด็กหญิงมะนาวพูดต่อหลังจากที่ผู้ใหญ่สองคนคุยกันจบประโยค มือป้อม ๆ ยกขึ้นจรดนิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้เข้าหากัน เป็นสัญลักษณ์บ่งชี้ความหมายคำว่าจิดเดียว(นิดเดียว) ตามคำพูด
"คุยอะไรกันเหรอคะเบาจังน้องไม่ได้ยิน" เด็กหญิงที่นั่งขมวดคิ้วจ้องมองด้วยความสงสัย เธออยากมีส่วนร่วมจึงชะเง้อหน้าแทรกกลาง ทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองรีบละห่างจากกันด้วยท่าทีเอียงอายไปคนละทิศละทาง"ไม่ได้คุยอะไรค่ะ...เราเข้าบ้านกันค่ะมะนาวน้องหิวไม่ใช่เหรอ" ผู้เป็นแม่ตอบลูกสาวทั้งที่พวงแก้มยังแดงระเรื่อเพื่อบ่ายเบี่ยง เธอแทบไม่กล้ามองหน้าเขาเพียงเสี้ยวสายตา เพราะว่าเขินจากกิริยาที่เขากระทำ มันปุกปั่นจังหวะการเต้นของหัวใจเธอจนยากจะสั่งห้าม แม้จะพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ ดึงสติให้อยู่กับตัวก็ยากจะทำได้ ยิ่งเห็นหน้าเขาก็ยิ่งประหม่าทรงตัวไม่ไหว"แล้วผมล่ะ! ไม่ชวนเข้าบ้านหน่อยเหรอ"นักรบชี้นิ้วเข้าหาตัวเองแล้วถามขึ้น เมื่อสองแม่ลูกจ้ำเท้าจะเดินเข้าบ้านอย่างกับคนลืมเจ็บ ทิ้งเขาไว้ด้านหลังเหมือนมองข้ามเป็นอากาศที่ไร้ตัวตน".........." คำทักท้วงทำให้น้ำส้มชะงักและหันกลับมามอง ทำเงียบไม่ตอบโต้เพราะว่ายังอายไม่หาย ได้แต่เม้มปากแน่นมองหน้านักรบอย่างเคอะเขิน"โคตรใจดำเลย" นักรบยืนสองมือล้วงกระเป๋าแล้วยกไหล่สูง สายตามองไปทางอื่นพูดออกมาเลื่อนลอย แสร้งเหมือนไม่ตั้งใจพูด แต่แอบลุ้นหวังสะกิดใจคนที่อยากให้ได
"ทำอะไรกันเหรอคะ" เสียงแหลมดังแทรกพร้อมกับแรงกระตุกชายเสื้อของนักรบและน้ำส้ม ทำให้ทั้งสองคนนั้นดึงสติกลับคืนมา แล้วก้มหน้ามอองต่ำตามเสียง มีหนูน้อยเงยหน้ามองผู้ใหญ่สองคนสลับกันไปมา นั่นเพราะว่าเธอกำลังสงสัยในสิ่งที่เห็น((อะเอ่อ~~)) สายตาของเด็กน้อยทำให้ผู้ใหญ่มองหน้ากันอย่างเขินอายจนอ้ำอึ้ง นึกถึงคำตอบโต้ไม่ทัน ยิ่งสายตากดดันของน้องมะนาวก็ยิ่งทำให้ผู้เป็นแม่เม้มปากแน่นคิดไม่ออก จะบอกลูกสาวที่ช่างซักไซ้ยังไงให้ละม่อมเข้าใจ ในภาพที่มันล่อแหลม"คุณอานักรบหิวเหรอคะ เลยจะกินคุณแม่...Oh No!!" เด็กหญิงมะนาวพูดออกมาด้วยความเดียงสาตามภาพที่เธอเห็นและเข้าใจ ก่อนจะสบถและเบิกตาโตยกมือสองข้างขึ้นปิดปาก ส่ายสายตามองผู้ใหญ่ทั้งสองด้วยจินตนาการของเด็กที่กำลังแล่นภาพมโนในหัว"น้องกำลังคิดอะไรอยู่มะนาว มันไม่มีอะไรหรอกนะคะ" ผู้เป็นแม่ที่เดากิริยาของลูกสาว เธอเกิดความวิตกกลัวว่าลูกสาวผู้จินตนาการเลิศล้ำ จะถลำความคิดไปไกล จนต้องรีบแก้ต่างดักทางเอาไว้ด้วยความลุกลี้ลุกลน จนคนตัวสูงที่ยืนมองนั้นกลั้นขำไม่ไหว ได้แต่เบือนหน้าออกด้านข้างเปล่งหัวเราะเบา ๆ จนน้ำส้มจิกสายตาข่ม นั่นจึงทำให้นักรบเบาลง"ไม่นะคะ!! น
"มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ" เขาเดินเข้ามาในครัวเเล้วอาสา เมื่อเห็นว่าน้ำส้มกำลังง่วนอยู่กับการเตรียมวัตถุดิบทำอาหารเย็น"ไม่เป็นไรค่ะคุณเป็นแขกฉันจะกล้าให้คุณทำได้ยังไงกันล่ะคะ...คุณนักรบไปนั่งรอที่โซฟานั่งเล่นก็ได้ค่ะ" เธอบอกเขาพลางระบายยิ้มแสนหวาน ที่ทำเอาคนมองตราติดในสายตา"ไม่อยากเป็นแขกอะ ขอเป็นแฟนได้ป้ะครับ" เขาพูดหยอดจนทำให้น้ำส้มถึงกับชะงักเสียการทรงตัว วันนี้เธอจะทนไม่ไหวกับคำหวานและความเจ้าเล่ห์ที่เขาถาโถมใส่ ตั้งรับไม่หวาดไม่ไหวจนอายแทบแทรกแผ่นดินหนี"คุณนักรบ" น้ำส้มเอื้อนเอ่ยกดน้ำเสียงต่ำพลางจ้องหน้าเขาอย่างห้ามปราม พยายามจะไม่แสดงความเขินอาย แต่ก็ไม่สามารถเก็บกลั้นความรู้สึกเอาไว้ได้ ก็เขาเล่นหยอดเธอแทบทุกโอกาส มีแต่เธอนั่นแหละที่พลาดทำให้เขากลั่นแกล้ง ตอบโต้ไม่ทันสักครั้ง แค่ถูกเขาจูบตรงหน้าบ้านก็เขินจนจังหวะหัวใจเต้นผิดจังหวะแทบช็อก"โอเค...งั้นผมไปเล่นกับน้องมะนาวรอนะ" เขาชี้นิ้วกลับไปด้านหลังแล้วบอกเธอ "ไปเลยค่ะ ตามสบายนะไม่ต้องเกรงใจฉัน ทีวีก็เปิดดูได้เลยรีโมทก็วางอยู่บนโต๊ะ" "ครับผม"นักรบเดินออกมาจากห้องครัว แล้วทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาตัวยาวหน้าทีวี เขายิ้มแก้มแทบปริเพี
"มะนาวไปล้างมือมาทะ....." หลังจากที่ทำอาหารเสร็จเรียบร้อยพร้อมตั้งโต๊ะเตรียมทานมื้อเย็น น้ำส้มจึงเดินมาเรียกลูกสาวและแขกของบ้าน แต่ต้องมีอาการชะงักเมื่อเห็นภาพตรงหน้า ที่สร้างความตกใจแก่เธอเป็นอย่างมาก มันคือความเละเทะ! จนยากจะปริปากพูด "ชู่~~คุณแม่เบา ๆ สิคะเดี๋ยวคุณอาจะตื่น" เด็กหญิงรีบยกนิ้วแตะริมฝีปาก ทำท่าทางห้ามปรามผู้เป็นแม่ที่เสียงดัง"น้องทำอะไรคะเนี่ย! ทำไมหน้าคุณอานักรบเละแบบนี้" น้ำส้มปรี่ประชิดตัวลูกสาวแล้วถามด้วยความใคร่รู้ แม้จากสิ่งที่เห็นจะเดาได้ว่าเป็นฝีมือลูกสาวแสนซนของเธอ"ทำเหมือนคุณแม่ไงคะ น้องอยากให้คุณอาหล่อเวอร์ ๆ กว่าเดิม....น้องทำดีไหมคะคุณแม่ขา" เด็กหญิงอธิบายตาใส แววตาไร้เดียงสา ปากฉีกยิ้มกว้างจนตาหยี ทว่าท่าทีนั้นทำเอาผู้เป็นแม่ควันแทบออกหู"ทำดีอะไรล่ะ น้องทำคุณอาแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะน้องมะนาว ไปเอาที่เช็ดเครื่องสำอางกับสำลีมาให้แม่เลยนะคะ ก่อนที่คุณอานักรบจะตื่น" ผู้เป็นแม่จับแขนลูกสาวออกห่างจากนักรบ แล้วพูดเสียงเบาตำหนิลูกสาวแสนซนที่ปั้นหน้าแป้นไร้เดียงสา อย่างกับว่าเธอไม่ได้ทำอะไรผิด จนแม่ต้องถลึงตาเขียวใส่"คุณแม่อย่าเพิ่งแปลงร่างนะคะ...เดี๋ยวน้องจะ
"คุณแม่น้องหิวข้าว...แล้วนั่นคุณแม่ไปกัดคุณอานักรบทำไมคะ" เสียงแหลมดั่งสนั่นลั่นบ้าน จึงสามารถปลุกคนที่ตกในภวังค์อื้ออึงแยกห่างจากกัน และมันสามารถปลุกคนที่หลับใหลให้ลุกตื่นมานั่ง ทั้งสองคนมีอาการลุกลี้ลุกลนไปคนละทิศทาง ต่างอายสายตาของกันและกัน นักรบแสร้งเป็นเปิดทีวีแต่มือดีคว้ารีโมทแอร์มาแทน ใช้กดเปิดหน้าจอทีวีที่ไร้ภาพบนนั้น แต่เขาดันมองเเละหัวเราะเหมือนสนุกสนานอีกด้านของน้ำส้มก็ก้มเช็ดพื้นด้วยมือเปล่าอย่างตั้งใจ ทำให้เด็กหญิงมะนาวที่วิ่งเข้ามากะทันหันเห็นแล้วเกิดอาการอย่างงุนงง ได้แต่เอียงคอมองเกาหัวยิก ๆ ในสิ่งที่ผู้ใหญ่ทั้งสองทำ"คุณอานักรบหัวเราะอะไรเหรอคะ" ความสงสัยทำให้เด็กหญิงต้องไปนั่งข้าง ๆ แล้วเอ่ยถามอย่างใคร่รู้ ก็เธอกำลังงง!"ดูหนังตลกไงครับ ตลกมาก ๆ เลยเนอะ ฮ่าฮ่า" นักรบหันมาพูดตอบ และปล่อยเสียงหัวเราะออกมา"ไม่เห็นจะมีอะไรตลกเลยค่ะ หรือว่าคุณอานักรบมีตาทิพย์เหรอคะ ไม่เปิดทีวีก็ดูหนังตลกได้ด้วย" เด็กหญิงทักท้วงด้วยใบหน้าแสนใสซื่อ พลางชี้มือไปตรงทีวีที่ไร้ภาพเคลื่อนไหวและการแสดงอย่างที่นักรบว่า"เชี้ยแล้วไง!" นักรบถึงกับหันหน้าหนีแล้วสบถอย่างหัวเสีย รู้สึกอายหนักกว่าเดิ
"รับน้องซะยับเยินเลยนะ" นักรบที่จัดการล้างหน้าตัวเองจนสะอาด เขามานั่งบนโซฟาตัวเดิมที่นอนหลับก่อนหน้า สายตาจ้องมองสองแม่ลูกที่นั่งคุกเข่าอยู่เบื้องล่าง ที่ตอนนี้สีหน้าซีดเผือดอย่างรู้สึกผิด“ฉันขอโทษแทนลูกด้วยนะคะคุณนักรบ ฉันอบรมแกไม่ดีเอง” น้ำส้มพูดขึ้นพลางเงยหน้ามองนักรบด้วยแววตาอ้อนวอน เธอเห็นสีหน้าของเขาดูเกรี้ยวโกรธ จึงกลัวว่าจะส่งผลกับงานที่กำลังไปได้ดี“..........” แต่นักรบยังนั่งนิ่งมือกอดอก สีหน้าเรียบตึงจนน้ำส้มและน้องมะนาวนั่งหงอย ใบหน้าห่อเหี่ยวอย่างหวาดหวั่น พยายามพูดเว้าวอน แต่เหมือนคนงอนด้วยอารมณ์จะยังไม่ตอบรับใด ๆ“เงียบแบบนี้โกรธแน่เลย คุณนักรบฉันขอโทษจริง ๆ ค่ะ ต่อไปจะไม่ให้มะนาวทำแบบนี้กับคุณอีก...คุณไม่โกรธใช่ไหม?” ลักษณะที่เงียบกริบของนักรบ ทำให้น้ำส้มหวั่นใจหนักกว่าเดิม จนต้องวิงวอนเขายืนกรานและกล่าวโทษตัวเอง เพราะยังไงลูกคือสิ่งที่แม่ต้องรับผิดชอบ ไม่ว่าจะทำผิดหรือถูกก็ตาม นั่นคือสิ่งที่คนเป็นแม่ต้องทำ“ผมควรทำยังไงกับพวกคุณสองแม่ลูกดี” นักรบวางท่าทางนิ่งขรึม แล้วถอนลมหายใจออกมา ก่อนจะเอ่ยวาจาอย่างกับว่าเขาหน่ายใจ กับสิ่งที่ได้พบเจอวันนี้“น้องก็แค่อยากให้คุณอาหล
(ว่าไงคะพี่ชาย เดี๋ยวนี้หายหัวตลอดไม่ค่อยอยู่บริษัทเลย) เอมอรกดรับสายที่เรียกเข้ามา เมื่อเห็นว่าเป็นพี่ชายจึงได้ตอบรับปลายสายอย่างสนิทสนม เหมือนที่เคยพูดคุยกันในปกติ"หายอะไรก็เข้าบริษัททุกวัน" เขาตอบน้องสาว(ก็อรไปทีไรไม่ค่อยเห็นอยู่ห้อง) เอมอรโต้ตอบสวนคืน เธอจะเข้าไปหาพี่ชายทีไรก็ไม่เคยเจอหน้าสักที สุดท้ายก็ถ่อกลับออกมาโดยไม่ได้อะไรตามที่ต้องการเลยสักอย่าง พักหลังพี่ชายของเธอชอบแอบหนีออกจากบริษัทบ่อยครั้ง จากที่รู้คือการไปดูงานถ่ายแบบซึ่งปกติแล้วนักรบไม่ค่อยจะไป นอกจากการถ่ายแบบของแอนนา"มาหาไม่ถูกเวลาเองช่วยไม่ได้ แกหยุดถามพี่ก่อนได้ไหม พอดีมีเรื่องจะถาม" (ถามอะไร)"แกพอจะรู้จักร้านที่ทำสแตนดี้หรืองานสั่งทำหมอนข้างอะไรนี่ไหม แบบเร่งด่วนภายในสองสามชั่วโมง"(พี่จะหาไปทำไมอะ)"เออน่า แกรู้จักบ้างไหมช่วยสั่งทำให้หน่อยดิ"(เออมี แล้วพี่จะทำแบบไหนล่ะ)"เขามีอะไรก็ทำหมดนั่นแหละ สแตนดี้ตั้งพื้นสูงเท่าคนจริง หมอนข้าง แก้วน้ำ อะไรพวกนี้"(พี่จะทำไปเพื่อ!?)สิ่งที่พี่ชายบอกผ่านเครื่องมือสื่อสาร มันทำให้เอมอรถึงกับต้องย้อนถามด้วยความงุนงง เธอไม่เคยพี่ชายจะใส่ใจในสิ่งของพรีเมี่ยมเหล่านี้เลย ทำ
“ทำหน้าให้มันดี ๆ หน่อยสิครับว่าที่ภรรยา” นักรบแซวขึ้นในขณะที่น้ำส้มกำลังถูกรุมด้วยพนักงานร้านวิวาห์ ที่กำลังวัดสัดส่วนเพื่อเก็บรายละเอียดของชุดแต่งงานสีขาวระยิบ ประดับประดาด้วยเลื่อมและไข่มุกแท้ ที่นักรบวางแผนเลือกดีไซเนอร์ระดับแถวหน้าชื่อดัง“ยังจะมาพูดอีก ฉันผู้ไม่รู้เรื่องอะไรเลย จู่ ๆ ได้มาลองชุดเจ้าสาว คุณควรให้ฉันทำหน้าแบบไหนดีละคะ” น้ำส้มตอบกลับอย่างกระแนะกระแหน สีหน้าของเธอขุ่นเคืองกับการถูกบีบ แม้มันจะเป็นเรื่องราวที่ดี แต่เขาก็ควรให้เธอได้ตั้งหลักบ้าง“แต่งงานกับผมที่หล่อเหลาอย่างกับพระเจ้าปั้นมา แถมทั้งเก่ง หน้าที่การงานก็โคตรจะดี เพอร์เฟ็คแบบผมนี่หายากนะจะบอกให้ คุณก็ต้องทำหน้าดีใจสิครับถึงจะถูก มีผู้หญิงมากมายอยากจะได้ผมนะ คุณไม่อยากได้ผมหรือไง” เขาปั้นหน้าพูดด้วยความมั่นอกมั่นใจ เยินยอคุณลักษณะของตัวเองอย่างภาคภูมิ“เรื่องหลงตัวเองนี่เก่งเหลือเกิน” จากที่ยืนฟังคำเยินยอของนักรบ ทำให้น้ำส้มถึงกับกลอกตามองบนด้วยความระอา“หรือว่าไม่จริง...ไม่เชื่อคุณลองถามพวกเธอดูสิว่าผมเป็นอย่างที่พูดหรือเปล่า พวกคุณว่ายังไงครับ” เขายังคงตีสีหน้ามาดมั่น แถมยังหาแนวร่วมเอ่ยถามความเห็นเหล่าพ
หลายเดือนผ่านไป“นั่นไม่ใช่ทางกลับบ้านของฉันนี่คะ?” น้ำส้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับหันไปมองหน้านักรบที่กำลังขับรถบนท้องถนน ในเส้นทางไม่ใช่ทางกลับบ้านของตนเอง“แล้วใครบอกว่าผมจะพาคุณกลับบ้าน” นักรบพูดตอบกลับด้วยความทะเล้น นั่นยิ่งทำให้น้ำส้มรู้สึกฉงนใจ“แล้วจะพาฉันไปไหน?” เธอย้อนถามอีกครั้ง“ถึงก็รู้เองแหละ” เขาตอบเธอด้วยความยียวน“ไม่ได้พาไปขายใช่ไหม?” น้ำส้มเอ่ยทีเล่นทีจริง พร้อมกับรอยยิ้มกริ่มมุมปาก“มันจะได้ราคาเท่าไหร่กันเชียว” นักรบตอบสบประมาท พร้อมกับเลี้ยวซ้ายในซอยหนึ่งที่เป็นปลายทางของสถานที่จะไป“ก็ลองดูไหมล่ะ?” คำหยามที่ไม่จริงจังแต่ช่างปั่นอารมณ์ผู้หญิงให้หัวร้อนได้ จนน้ำส้มต้องเอ่ยประโยคนี้ออกไปด้วยความท้าทาย“ไม่!!!” ทำให้นักรบรีบตอบทันควันด้วยน้ำเสียงแข็งและสีหน้าบึ้งตึง หันมองน้ำส้มตาเขม็ง เขาพูดแซวเล่นเพื่ออยากแกล้ง แต่เธอตลบคำปั่นอารมณ์เขาแทนเสียอย่างนั้น“หวงละสิ” เธอเย้ยเขาและพูดเข้าข้างตัวเอง สะบัดผมไปข้างหลังด้วยความเชิดมั่นใจ“..........” นักรบไม่ได้ตอบกลับเขาเลือกที่จะเงียบและเขารถนิ่ง ๆ ไปตามเส้นทาง เพราะหากพูดมากกว่านี้กลัวว่าน้ำส้มจะสวนคำจนทำให้เขาหน้าเสีย“ไม่ตอบซะด้
“เปรี้ยวจี๊ดแดดดี๊มาแล้วครับ” เสียงของนักรบดังมาแต่ไกล เรียกขานว่าที่ลูกเลี้ยงที่เขารักปานดวงใจ ข้าวของในมือที่เขาซื้อมาให้เธอ ทุกอย่างเป็นของโปรดปรานของน้องมะนาวทั้งนั้น“ว้าว...แดดดี๊ของน้องตัวจริงหล่อเวอร์ ๆ เลยค่ะ” น้องมะนาวที่อยู่ในชุดนักเรียนน่ารัก เดินลงมาจากบันไดพร้อมแม่มองเห็นใบหน้าที่เปลี่ยนไปของนักรบ จนเบิกตาร้องว้าวด้วยความตื่นตา เขามาในมาดนักรบคนเดิมหล่อเหลาและมีเสน่ห์“เดี๋ยววันนี้คนหล่อเวอร์ ๆ ของน้องจะไปส่งที่โรงเรียนดีไหม?” เขาย่อตัวลงให้เสมอเด็กหญิง แล้วบอกในสิ่งที่จะทำหลังจากนี้ เธอจะมีรอยยิ้มแห่งความสุขทุกครั้งที่นักรบและน้ำส้มไปส่งที่โรงเรียนพร้อมกัน และวันนี้ก็เป็นการไปโรงเรียนวันแรก หลังจากที่เรียนออนไลน์มาเป็นเดือน เขารู้เพราะน้องสาวบอกเล่า“เย่ เย่ ดีเวอร์ ๆ ไปเลยค่ะแดดดี๊...คอยดูนะวันนี้น้องจะเอาแดดดี๊ไปอวดกรีนเพื่อนที่มาใหม่ ชอบพูดอวดพ่อกับน้องตลอดเลย” น้องมะนาวชูสองมือท่วมหัว กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ การไปโรงเรียนของเธอไม่ได้มีความสุขเหมือนกับสีหน้าและท่าทาง บางวันเธอถูกเพื่อนล้อว่าไม่มีพ่อ จนทำให้เธอต้องแอบร้องไห้อยู่ในมุมอับที่ไม่มีใครเห็น เมื่อถึงเวลาที
“มะนาวเรามีเรื่องต้องเคลียร์กันหรือเปล่าคะ” ผู้เป็นแม่เอ่ยกับลูกสาวตัวกลมที่วิ่งเข้ามาในห้อง ทุกคนล้วนตามเธอขึ้นมาเพื่อรอจับพิรุธเด็กอ้วนผู้ปั่นป่วน“เรื่องอะไรเหรอคะคุณขา” น้องมะนาวแกล้งทำเหมือนไม่รู้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นั่งเล่นตุ๊กตาวางท่านิ่งทั้งที่ตอนนี้เธอหัวใจเต้นตุบตุบด้วยความพะวงกลัวแม่จะดุ แม้เธอเป็นคนจุดประทัดจนเสียงดังลั่นบ้าน“ยังจะมาตีหน้าใสซื่ออีกนะเปรี้ยวจี๊ด” เป็นเอมอรที่ยืนมือกอดอกพิงขอบประตูพูดขึ้น ท่าทางของน้องมะนาวในตอนนี้ทำเอาผู้ใหญ่อยากจะขำลั่น แต่ต้องวางฟอร์มนิ่งไว้ไม่อยากให้เธอได้ใจ “ใครกันที่โทรบอกแม่อรว่า ‘แม่อรเกิดเรื่องแล้วค่ะกำลังจะกินหัวกันแล้วค่า’ ประโยคใครพูดน้าคิดสิคิด...ติ๊กต๊อก ติ๊กต๊อก ใครนะใครที่เป็นคนพูดแบบนี้”“ใครเหรอคะแม่อร” น้องมะนาวก็ยังคงไม่ยอมรับ เธอจดจำประโยคพูดได้ดีว่าเป็นเธอ แต่ก็ยังไงเฉไฉตาใส เธอหันไปสบตากับนักรบแววตาเปล่งประกายระริกขยิบตาส่งสัญญาณเพื่อขอความช่วยเหลือจากแดดดี๊ของเธอ เพราะตอนนี้สายตาพิฆาตของผู้เป็นแม่กำลังจดจ้องอย่างจับผิด“ไม่รู้สิ สงสัยลูกหมูแถวนี้มั้ง” เอมอรตอบกลับอย่างเย้าแหย่“เอาล่ะ ๆ ผมว่าให้มันแล้วกันไปดีกว่า
“คุณใจร้ายกับผมมากเลยรู้ไหมส้ม ทำผมเกือบร้องไห้ ขอผมกอดอีกหน่อยให้หายคิดถึงแล้วกัน” เขาพูดกับเธอทันทีเมื่อเดินเข้ามาภายในตัวบ้าน โอบกอดเธอแน่นด้วยความคิดถึง ดอมดมตามผิวกายและพวงแก้มจนมันแทบจะช้ำ(“ไม่นะไม่! จะกินหัวกันแล้ว น้องจะทำยังไงดีต้องหาคนมาช่วย”)“แม่อร แม่อร ตอนนี้เกิดเรื่องใหญ่เวอร์ ๆ แล้วค่า แดดดี๊กับคุณแม่ขาจะกินหัวกันแล้วค่า”((“อะไรกินหัวคะมะนาวแม่อรไม่เข้าใจ”) )“แดดดี๊ไง น้องบอกว่าแดดดี๊กับคุณแม่กินหัวกันแล้ว แม่อรรีบมาช่วยหน่อยสิคะ เร็ว ๆ นะคะมาตอนนี้เลย”((“แดดดี๊กลับมาแล้วเหรอ?”) )“ใช่นะสิคะตอนนี้อยู่บ้านของน้อง กำลังงาบหัวกันอยู่ข้างล่าง แม่อรต้องรีบมานะ”((“มันรุนแรงขนาดนั้นเลยเหรอลูก”) )“ก็ใช่สิคะ น้องเห็นเต็มฉองตาเลยรีบโทรหาแม่อรนี่ไง แดดดี๊กัดคุณแม่ แล้วคุณแม่ก็กัดคอแดดดี๊ขยุ้มผมแดดดี๊ด้วย มันรุนแรงเวอร์ ๆ เลยค่ะแม่อร”((“โอเค ๆ เดี๋ยวแม่อรรีบไปตอนนี้เลย”) )“โอเคค่ะ”พฤติกรรมระหว่างน้ำส้มและนักรบที่น้องมะนาวเห็น สร้างความเข้าใจผิดไปคนละทิศคนละทาง ความเดียงสาที่ยากจะเข้าใจทำให้เด็กหญิงคิดว่าการสัมผัสกันที่เหมือนรุนแรงเป็นการตบตีทะเลาะวิวาท ความคิดของเด็กน้อยท
ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นทำให้การสนทนาที่กำลังสนุกสนานต้องหยุดชะงักลง(น้องลงมาล้างมือเตรียมทานข้าวได้แล้วค่ะ) เสียงบอกของผู้เป็นแม่ดังลอดผ่านเข้ามาในห้อง“ค่ะคุณแม่...ไปกันค่ะแดดดี๊ คุณแม่ขามาเรียกแล้ว” คำพูดแรกเธอตอบผู้เป็นแม่ จากนั้นจึงหันไปเอ่ยปากชวนนักรบด้วยสีหน้าระรื่นสดใส(รีบลงมานะคะ เดี๋ยวคุณอาธันวาจะรอนาน)“ค่ะ...”(แม่ไปรอที่โต๊ะอาหารนะคะ)“ลุกสิคะแดดดี๊เราไปทานข้าวกัน”“น้องไปเถอะ แดดดี๊ว่าจะกลับแล้วล่ะ”“ทำไมละคะ?”คำเอ่ยชวนของน้องมะนาวแต่นักรบปฏิเสธ ทำเอาเด็กน้อยย้อนถามทันควัน แต่สำหรับนักรบนั้นเขารู้สึกเหมือนตัวเองไร้ค่า ไร้ตัวตนในสายตาของน้ำส้ม ก็ตั้งแต่ที่เขาก้าวขาเข้ามาเธอก็ไม่ได้สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าเธอจะไม่ได้ขับไล่ที่เข้ามาในบ้าน ความเมินเย็นชาทำให้นักรบเกิดประหม่าและสู้หน้าเธอไม่ไหว เขาคิดถึงแทบขาดใจ แต่พอได้อยู่ใกล้ตรงหน้าก็ไม่สามารถกอดเธอให้หายคิดถึง...มันท้อแท้ใจจนต้องบอกกับตัวเองว่าเขาควรพอแค่นี้“แดดดี๊แค่รู้สึกเหนื่อย ๆ น่ะ” เขาตอบเด็กหญิงพลางลูบหัวของเธอเบา ๆ คำพูดของเขาทำเอาเด็กหญิงหน้าเศร้าในทันที“อยู่กับน้องไม่ได้เหรอ น้องยังไม่หายคิดถึ
“น้ำค่ะ” น้ำส้มยื่นแก้วน้ำเย็นฉ่ำให้กับธันวา พร้อมกับระบายยิ้มอ่อนอันแสนหวาน“ขอบคุณครับ” ธันวาเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มอบอุ่น สายตามองหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาหวานเยิ้มนักรบเดินเข้ามาพร้อมกับน้องมะนาว เขาก็ต้องได้เห็นรอยยิ้มแสนหวานของเธอเผยต่อหน้าชายคนอื่น เขารีบเดินเข้าไปพร้อมกับสายตาพิฆาตจดจ้องธันวาอย่างเอาเรื่อง รู้สึกขุ่นเคืองไม่ถูกชะตา“คุณแม่ขาแดดดี๊มาทำไมคุณแม่ไม่คุยกับแดดดี๊ละคะ?” เด็กหญิงสงสัยจึงได้เอ่ยถามผู้เป็นแม่ไปแบบนั้น“น้องสวัสดีคุณอาธันวาหรือยังคะ?” น้ำส้มแสร้งไม่สนใจคำถามของลูกสาว เธอบ่ายเบี่ยงด้วยการย้อนน้องมะนาวแทน“หรือว่ากูตายแล้วเหรอวะถึงมองไม่เห็น” นักรบที่นั่งชิดกับน้องมะนาว เขาบ่นกับตัวเองเบา ๆ ด้วยความสงสัย เพราะน้ำส้มไม่คุยกับเขาเลยตั้งแต่มาถึง เขาหายหน้าไปนานหลายสิบวันขนาดนี้ เธอไม่คิดถึงเขาเลยหรืออย่างไร ทั้งที่ข้อความก็บอกว่าคิดถึงและรักมากมาย แต่ไหนเลยพอมาหาถึงได้เมินเฉยอย่างกับมองไม่เห็น“สวัสดีค่ะ” น้องมะนาวยกมือไหว้ธันวาอย่างนอบน้อม สายตาก็มองหน้าของผู้เป็นแม่กับนักรบสลับกันไปมา ก็เธอสงสัยไม่หาย ทำไมแม่ถึงไม่ทักทายแดดดี๊ทั้งที่บ่นคิดถึงไม่ต่างกันในวันที่ผ
“ใครธันวา?” นักรบเอ่ยถามน้ำส้มด้วยแววตาขึงขังหลังจากที่น้องมะนาวเดินเข้าไปบ้านจนลับสายตา ชื่อผู้ชายมันแสลงหูทำให้เขาไม่ชอบใจเลยสักนิด“จะใครก็เรื่องของฉันค่ะ ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้” น้ำส้มบอกปัดพร้อมกับดันหลังของนักรบเดินออกไปจนพ้นประตูบ้าน จากนั้นเธอก็รีบล็อกกลอนทันที“ส้มเปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ บอกผมมาว่าไอ้ธันวานั่นมันเป็นใคร น้ำส้ม!” นักรบตะโกนโหวกเหวกโวยวายอยู่หน้าบ้าน พยายามงัดแงะประตูก็ไม่สามารถทำให้ประตูเปิดออกได้ ตอนนี้เขาหัวเสียยิ่งกว่าสิ่งใด ในใจร้อนรุ่มกระวนกระวายเหมือนไฟสุมอยู่ในอก เขาหวงเธอยิ่งกว่าอะไร ยิ่งมีผู้ชายเข้าใกล้ก็ยิ่งหัวร้อน“เข้าผิดบ้านก็อย่ามาโวยวาย เชิญค่ะ”“ผมไม่ไปบอกมาว่าไอ้นั่นมันเป็นใคร อย่าทำให้ผมหมดความอดทนนะ”“มีสิทธิ์อะไรมาขู่ฉันห๊ะไอ้โจรหนวดบ้า! อย่าไม่ไปฉันแจ้งตำรวจจริง ๆ ด้วย”“โจรบ้าบออะไรนี่ผมผัวคุณนะน้ำส้ม! น้ำส้ม!”น้ำส้มพูดขู่ทิ้งท้ายก่อนจะหันหลังให้นักรบเดินเข้าบ้านอย่างไม่แยแส และไม่หันกลับมามองคนที่หัวร้อนอยู่ด้านหลังที่ยังโวยวายเหมือนหมาบ้า เธอนึกขำกับภาพของเขาตอนนี้ เดินยิ้มกริ่มเข้าบ้านเหมือนกับการแกล้งเขานั้นมันสนุกสนานอย่างกับเล่นเครื
“คุณคะ? คุณได้ยินฉันไหม” ความเงียบนิ่งทำให้น้ำส้มต้องเพิ่มน้ำหนักเสียงถามอีกครั้ง ด้วยสีหน้าเรียบนิ่งเหมือนกับคนไม่รู้จักกันจริง ๆ ล้วนเกิดจากการแสดงทั้งนั้น“..........” ยิ่งเหมือนจะยิ่งตอกย้ำความเสียใจแก่นักรบ เมื่อคำถามแสนห่างเหินแว่วเข้ามาให้ได้ยิน เขาน้ำตาเอ่อคลอไม่ต่างจากที่น้องมะนาวปฏิเสธก่อนหน้า เข่าอ่อนจนแทบทรุดลงกับพื้น แต่ก็ฝืนยืนต่อให้มั่น สมองเหมือนตันไปกับคำถามของเธอที่อยู่ตรงหน้า“เรารู้จักกันด้วยเหรอคะ?” น้ำส้มแสร้งถามย้ำ แม้สีหน้าของนักรบจะดูไม่สู้ดี แต่เธอก็ยังอยากจะพูดแกล้งต่อ นั่นก็เพราะเธออยากจะเอาคืนข้อหาทำให้เธอเป็นห่วงจนกินไม่ได้นอนแทบไม่หลับตลอดเวลาที่ผ่านมา“น้ำส้ม” เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเบาหวิวและสั่นเครือ เหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุนไปทันตากับคำถามนี้“ขอโทษด้วยนะคะ ฉันขอตัวเข้าบ้านก่อนหากเราไม่ได้รู้จักกัน หรือไม่งั้นคุณก็อาจจะจำบ้านผิดหลัง...เข้าบ้านกันค่ะมะนาว” เธอพูดกับเขาก่อนจะก้มหน้าพูดกับลูกสาวที่ยืนเคียงข้าง คำพูดที่ห่างเหินมันตัดรอนหัวใจของนักรบจนแทบพูดไม่ออก ได้แต่มองผู้หญิงที่รักกับลูกสาวเดินเข้าบ้านไปจนลับสายตาด้วยใบหน้าเศร้าเสียใจ ปากขยับพูดรั้งเธอ