“แด๊ดฮะ ไหนล่ะ คนที่เราต้องมารับ คนก็เยอะแล้วเราจะหาเจอไหมฮะ”
หญิงสาวมองเด็กผู้ชายอายุประมาณห้าขวบ สวมเสื้อเชิ้ตที่ถูกพับแขนเสื้อขึ้นมาถึงข้อศอกป้อม ๆ คอสั้น ๆ มีผ้าพันคอเข้ากับลายของเสื้อเชิ้ตดูเก๋ไปอีกแบบ กางเกงขาสั้นสีน้ำตาลเข้มอวดน่องเป็นข้อ ๆ ดูจ้ำม่ำในทุกย่างก้าว เสื้อผ้ารองเท้าดูเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า ท่าทางการเดินที่เอามือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกงคล้ายนายแบบ แถมยังสวมแว่นตาสีชาอันโตทำให้เธอนึกขัน
พริมาละสายตาจากนายแบบตัวเล็ก แล้วมองหาพ่อของเด็กโดยอัตโนมัติ อยากรู้ว่าลูกขนาดนี้ แล้วแด๊ดที่เจ้าหนูน้อยคนนี้เรียกจะแต่งตัวขนาดไหน...
“เฮ้ อย่าเพิ่งบ่นสิเซโล่...” เสียงทุ้มของผู้ชายตัวโตเหมือนยักษ์ปักหลั่นดังขึ้น เธอยืนมองสองพ่อลูกคุยกันโดยไม่รู้ตัว ผู้ชายตรงหน้าหล่อเหลาเหมือนพระเอกหนังฝรั่งที่เธอดูบ่อย ๆ ผมสีน้ำตาลอ่อนซอยสั้นรับกับใบหน้า คิ้วหนาที่พาดเฉียงเป็นปั้นรับกับดวงตาสีเขียวมะกอก ผู้ชายคนนี้หล่อและดวงตาสวยจนเธอแอบอิจฉา เขาสวมสูทสีน้ำตาลด้านในเป็นเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสแล็กส์เข้าชุดกัน
พริมาสังเกตเห็นนัยน์ตาสีเขียวมะกอกกวาดมองผู้คนโดยรอบเหมือนกําลังหาใครบางคน แล้วริมฝีปากหนาหยักได้รูปก็พูดขึ้นอีกครั้ง “ผู้หญิงเอเชียเพื่อนของน้าเราเค้าชื่ออะไรนะ...แด๊ดจําไม่ค่อยได้ด้วยสิ”
“เซโล่จําได้ฮะ” ร่างป้อม ๆ ในชุดสุดเท่กระโดดเหยง ๆ โบกไม้โบกมือตอบ “ชื่อพีพีฮะ”
เธอนึกเอ็นดูท่าทางตื่นเต้นของหนุ่มน้อย ดูเหมือนสองพ่อลูกนี้จะมารับคนที่สนามบินเหมือนกัน
“อ้อ ใช่ พีพี” แด๊ดดี้ตัวโตทำท่านึกออก คิ้วหน้าขมวดเหมือนคนใช้ความคิด “ชื่อพีพี เป็นผู้หญิงรูปร่างเล็ก”
หญิงสาวชะงักเมื่อได้ยินสองพ่อลูกคุยกัน พีพีแล้วเป็นผู้หญิง รูปร่างเล็ก หรือสองคนนี้จะมารับเธอ? แต่จีด้าบอกว่าคนชื่อแองจี้ไม่ใช่เหรอ ก็ต้องเป็นผู้หญิงสิ เธอควรจะเดินไปถามพวกเขาให้แน่ใจดีหรือเปล่านะ
“แล้วเราจะหาเจอได้ยังไงฮะ คนเยอะออก” เจ้าตัวเล็กยังมีท่าทีสงสัย “เอ๊ะ พี่สาวคนสวยมองมาทางนี้ด้วย เราไปถามเค้าดีไหมฮะ”
นายแบบร่างป้อมสบตากับพริมาที่แอบมองอยู่ก็ร้องลั่นอย่างดีใจ หญิงสาวชะงักตั้งท่าจะหันหน้ากลับ เสียงเล็ก ๆ รีบร้องตะโกนก่อนจะวิ่งเข้ามาหา
“พี่สาวคร้าบบบ...” หนุ่มน้อยพุ่งตัวเข้ามาเกาะขาเธอ ยิ้มยิงฟันแล้วเอ่ยถามเสียงใส “พี่สาวเห็นผู้หญิงเอเชียแถวนี้ไหมฮะ ผมกับแด๊ดดี้ตามหาอยู่”
“เอ่อ...ผู้หญิงเอเชียเหรอจ๊ะ” เธอยิ้มแหยก่อนกวาดตามองโดยรอบ นอกจากเธอที่ยืนอยู่ตรงนี้ก็มองไม่เห็นผู้หญิงเอเชียคนอื่น เพราะคนที่เดินผ่านไปผ่านมาก็เป็นชาวต่างชาติที่ส่วนสูงต่างกับเธอลิบลับ
“ใช่ฮะ ผมและแด๊ดกำลังตามหาอยู่” เจ้าตัวเล็กพูดรัวเร็ว แววตาสีเขียวมะกอกถอดแบบพ่อดูตื่นเต้น “น้าสาวเซโล่บอกสวยมากด้วย ตาโตผมดํา ตัวเล็กน่ารัก เซโล่อยากเจอ แต่เดินหามาสักพักก็ไม่เจอสักทีฮะ”
อ่าฮะ...สองพ่อลูกนี้มารับเธอแหง ๆ หลังจากได้ยินเจ้าเด็กช่างจ้อพูด แองจี้ญาติสาวสุดสวยของจีด้าคงไม่ว่าง และอาจจะเป็นแม่และภรรยาของสองพ่อลูกนี้ก็เลยให้มารับเธอแทน พริมาคิดในใจ กําลังจะตอบเจ้าตัวเล็กว่าเธอนี่แหละคือคนที่พวกเขาตามหา แต่เสียงแข็ง ๆ ของชายหนุ่มร่างยักษ์ที่เดินตามมาก็เอ่ยขึ้น
“เซโล่มานี่”
เด็กน้อยรีบปล่อยมือที่เกาะขาเธอ แล้วค่อย ๆ เดินตัวลีบกลับมายืนข้างพ่อตน
“คะ คือ เซโล่แค่จะถามพี่สาวว่าเห็นเพื่อนน้าจีด้าแถวนี้หรือเปล่า...แค่นั้นเองฮะพ่อ” เด็กน้อยบอกตะกุกตะกักเมื่อแด๊ดดี้มองเขาด้วยสายตาตำหนิ
“ลูกไม่ควรสนิทสนมกับคนแปลกหน้า ถ้าถูกลักพาตัวไปจะทำยังไง” เสียงคุณพ่อสอนลูกทำให้เธอเริ่มขมวดคิ้ว สองพ่อลูกตรงหน้าทำเหมือนเธอไม่มีตัวตน
แววตาสีเขียวมะกอกเหลือบแลมาทางพริมา ก่อนจะมองต่ำไปยังกล้องตัวเก่งที่คล้องคอเธออยู่ ริมฝีปากหนาแสยะยิ้ม ก่อนจะเอ่ยเสียงเข้มกับเธอ
“เอากล้องมา”
“หา...คุณว่าอะไรนะคะ” เธอมองเขาเลิ่กลั่ก จู่ ๆ ตาคนร่างยักษ์ก็แบมือ พูดจาเชิงข่มขู่ให้เธอมอบกล้องให้เขา เครื่องมือทำมาหากินที่เก็บเงินซื้อมานะ หรือพวกเขาจะเป็นมิจฉาชีพ
“เอากล้องมา!” เสียงห้าวเริ่มคําราม “คุณแอบถ่ายรูปพวกเรา”
“เปล่านะคะ” หญิงสาวปฏิเสธ เริ่มไม่พอใจ “ทำไมฉันต้องแอบถ่ายรูปคุณด้วยล่ะ”
“ผมไม่เชื่อ คุณโกหก” เขามองเธอหัวจรดเท้าคล้ายดูถูก “ปาปารัสซี่สมัยนี้ช่างลงทุน ทำเหมือนเป็นนักท่องเที่ยวลากกระเป๋าไปมาในสนามบินก่อนจะแอบเก็บรูปคนดัง พัฒนาความไร้มารยาทไปอีกขั้น!"
“นี่! คุณต้องเข้าใจอะไรผิดแน่ ๆ” หญิงสาวแทบตัวสั่นเพราะความโกรธ อีตายักษ์ปักหลั่นนี่หาว่าเธอเป็นปาปารัสซี่ แอบถ่ายรูปคนดังในสนามบิน พวกเขาดังมาจากไหนกันถึงกลัวจะถูกปาปารัสซี่จับภาพ
“ผมเข้าใจถูกต้องแน่นอน คุณผู้หญิง...” เขาจ้องมองเธอพลางพูดจาข่มขู่ ส่วนลูกชายก็มองผู้ใหญ่เถียงกันตาปริบ ๆ “อย่าให้ผมต้องใช้การ์ดมาจัดการกับคุณ ผมไม่ใจดีกับเด็กและสตรีหรอกนะ"
“มาเฟีย! ขู่เอา ขู่เอา ฟังฉันพูดก่อนได้ไหม ผู้ชายบ้า! เอาแต่ความคิดตัวเอง หัวโตตัวโตเสียเปล่า บอกแล้วไงว่าฉันไม่ใช่ปาปารัสซี่ ฉันเป็นช่างภาพอิสระที่มาเที่ยว ก็ต้องเก็บภาพอะไรบ้างสิ คุณมันหลงตัวเองจริง ๆ ใครจะอยากถ่ายรูปคุณกัน!” พริมาสบถอีกสองสามคำด้วยความโมโห ปรี๊ดแตกกับวาจาคุกคามของอีกฝ่าย “เด็กคนนี้แค่มาถามหาคน คุณก็พูดตําหนิเหมือนกลัวว่าฉันจะลักพาตัว ขอโทษเถอะ พวกคุณเป็นใครฉันยังไม่รู้ แล้วฉันจะแอบถ่ายรูปคุณไปทำไม ถามดี ๆ น่ะเป็นไหม ถามฉันดี ๆ สุภาพเหมือนคนปกติเขาถามกันได้หรือเปล่า!”
เขามองเธอสติแตกด้วยสีหน้าไร้อารมณ์“ถ้าคุณว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่ แต่ถ้ารูปผมกับลูกหลุดไปแม้แต่ภาพเดียวถึงคุณจะอยู่ในซอกหลืบไหนในอิตาลีนี้ผมก็จะลากตัวคุณมา” เขาบอกเสียงเหี้ยม แววตาข่มขู่ ก่อนจะก้มบอกลูกชาย “ไปเซโล่เราต้องหาเพื่อนน้าเราให้เจอก่อน อย่ามาเสียเวลากับยายผู้หญิงสติแตกคนนี้เลย”เยี่ยม! พอเธอบอกว่าเป็นช่างภาพและดูเหมือนตัวเองอาจจะเข้าใจผิดจริง ๆ ก็แก้อาการหน้าแหกด้วยการขู่ก่อนจะพากันเดินหนีไป เจอหน้ายายจีด้าเมื่อไรแม่จะต่อว่าให้หูชาเอาปีศาจมารับเธอแทนแองจี้ (นางฟ้า) ได้ยังไงกัน!“เออ ไปไหนก็ไปเลย” เธอพูดไล่ตามหลัง ก่อนจะบอกกับตัวเอง “จีด้านะจีด้าให้อีตาปีศาจนี่มารับได้ยังไง ช่างเถอะแม่จะปล่อยให้เดินหาจนทั่วสนามบินเลย หายังไงก็ไม่เจอ เพราะฉันจะนั่งรถไปเอง..."ทีนี้จะเดินหาจนขาลากก็ไม่เจอเธอหรอกอีตายักษ์ปีศาจ!***********************แองเจโล่เดินจูงมือลูกชายจากมาด้วยอาการหัวเสีย ผู้หญิงตัวเล็กท่าทางก๋ากั่นช่างปากคอเราะราย ถ้าเขาไม่กลัวนักข่าวจะตามกลิ่นมาคงจะจัดการสั่งสอนไปสักยก ให้รู้เสียบ้างว่าคนอย่างแองเจโล่ เจ้าพ่อวงการเรือสําราญไม่ใช่คนที่จะให้ใครมาด่าง่าย ๆ!ท่าทางไม่เกรงกลัว ป
ขาเหลียวตามก็เห็นว่าเจ้าหล่อนกําลังขึ้นไปรอในรถ ส่วนคนขับกําลังยกกระเป๋าเดินทางใส่ท้ายรถ“วิ่ง! เจ้าลูกชาย” เขายกลูกชายขึ้นอุ้มแล้ววิ่งตรงไปยังรถแท็กซี่ พลางตะโกนเสียงดัง “แท็กซี่! อย่าเพิ่งออกรถ หยุด!”พริมานั่งรออยู่ในรถตกใจกับเสียงเรียกที่ดังลั่น หญิงสาวมองผ่านกระจกก็เห็นสองพ่อลูกปีศาจวิ่งตรงมา“บ้าเอ๊ย...หรือเขาจะรู้แล้วว่าเราคือคนที่เขาต้องมารับ” เธอรีบหันไปบอกคนขับ “ออกรถเลยค่ะ”คนขับแท็กซี่คล้ายลังเล ขณะที่กําลังสตาร์ตรถ แองเจโล่ก็มาถึง เขาทุบกระจกรถ ก่อนจะเอ่ยเสียงเหี้ยมกับคนขับ “คิดดี ๆ คุณแท็กซี่...ถ้าคุณออกรถ คุณจะไม่ได้วิ่งรถทำมาหากินอีกเลย”คนขับแท็กซี่ใบหน้าซีดเผือดเมื่อโดนข่มขู่ รีบทำไม้ทำมือบอกให้เธอลงจากรถ“คะ คุณผู้หญิง ผมคงออกรถให้คุณไม่ได้...สามีกับลูกคุณมาตามแล้ว ผมไม่อยากมีเรื่องกับมาเฟีย”“ดะ...เดี๋ยวสิ” เธออ้าปากเหวอ เมื่อจู่ ๆ ก็โดนไล่ลงจากรถ “ฉันไม่รู้จักสองคนนี้...”“ผมไม่สน ผมไม่อยากมีเรื่อง ลงไปเถอะครับ” คนขับทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เอาแต่พร่ำบอกให้พริมาลงจากรถไปเสียทีหญิงสาวก้าวลงจากรถอย่างหงุดหงิด มองคนขับที่รีบวิ่งไปเปิดท้ายรถแล้วเอากระเป๋ามาคืนให้ เขาโค
วิลล่าส่วนตัวของเซซาโน่อยู่ติดกับริมทะเลสาบโคโม ดูภายนอกใหญ่โตอลังการ คฤหาสน์หลังงามตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ดูงดงามและหรูหรา ตัวคฤหาสน์มีพื้นที่กว้างขวาง สองข้างทางล้อมรอบไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่เรียงราย ให้บรรยากาศถึงความเป็นธรรมชาติ แม้ยังไม่ได้ลงจากรถไปสัมผัสก็รู้ว่าอากาศดี วิวทิวทัศน์เยี่ยมขนาดไหนพริมานั่งตัวลีบอยู่ในรถลีมูซีนที่กําลังเคลื่อนตัวเข้าในบริเวณวิลล่า หญิงสาวเผลออ้าปากค้างและนึกอยู่ในใจ เธอไม่นึกว่าเพื่อนจะรวยขนาดนี้ ด้วยรู้แต่เพียงว่าจีด้าเป็นลูกสาวเจ้าของร้านเครื่องประดับในอิตาลี และที่มาเรียนต่อด้านการออกแบบอัญมณีก็เพราะจะกลับมาบริหารกิจการของครอบครัว แต่เมื่อได้ฟังจากเจ้าเด็กตัวกลมช่างพูด จีด้า เซซาโน่ คือทายาทคนเดียวของ เจราล เซซาโน่ นักธุรกิจอัญมณีที่มีร้านเครื่องประดับหลายสาขาทั่วยุโรปตลอดเวลาที่คบกัน จีด้าเป็นเพื่อนที่ดีกับเธอเสมอมา เพื่อนสาวไม่เคยโอ้อวดว่ามีฐานะร่ำรวยขนาดไหน ถึงแม้นิสัยจะแตกต่างกันสุดขั้วแต่จีด้าคือเพื่อนที่พริมาคบได้นานที่สุด เพราะเธอเป็นคนที่ทำอะไรตามอารมณ์และความรู้สึกตัวเอง ไม่ค่อยจะแคร์คนรอบข้างเท่าไรจนเพื่อนสาวบอกบ่อย ๆ ว่าเป็นผู้หญิง
พริมาล้มตัวนอนหงายอยู่บนเตียงใหญ่ บิดขี้เกียจไปมาด้วยความเมื่อยขบเพราะนั่งเครื่องยาวติดกันหลายชั่วโมง และกว่าจะถึงวิลล่าก็ต้องนั่งรถอีกชั่วโมงกว่า ๆห้องที่จีด้าจัดให้เธอพักผ่อนอยู่ชั้นสาม บ้าน ไม่สิ คฤหาสน์หลังนี้มีห้องหับเกือบยี่สิบห้อง แต่เธอไม่ทันได้เยี่ยมชมบ้านหลังใหญ่ตามคําเชิญของเพื่อนหรอก เพราะเหนื่อยและเพิ่งหงุดหงิดกับผู้ชายปากสุนัขจนเกือบจะมีเรื่องกันในรถ ถ้าหากเพื่อนเธอไม่เปิดประตูรถมาเจอเข้าเสียก่อน พออีกฝ่ายเห็นจีด้าก็รีบปล่อยคอเสื้อที่ดึงกระชากไว้ทันควันก่อนจะอุ้มลูกตัวเองแล้วหนีไปดุ่ม ๆ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นห้องที่เธออยู่ดูเก่าแก่ เตียงหลังใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่กลางห้อง ผ้าม่านสีทึบ เครื่องเรือนโบราณ บรรยากาศที่เงียบสงัด ให้ความรู้สึกเหมือนคฤหาสน์ในภาพยนตร์สยองขวัญเรื่องหนึ่ง ที่มีวิญญาณลึกลับคอยอาฆาต หลอกหลอนคนในบ้าน จินตนาการเริ่มฟุ้งซ่านอย่าให้มีอะไรโผล่มาใต้เตียงนะ พี่ขอร้อง!ก๊อก ๆเสียงเคาะประตูทำให้เธอสะดุ้งสุดตัวหลุดจากจินตนาการอันล้ำเลิศ หญิงสาวรีบเดินไปเปิดประตูห้องก็เห็นว่าเป็นจีด้าจีด้าก้าวเข้ามาในห้อง ทิ้งตัว
เมืองโคโมนั้นเป็นเมืองที่งดงาม บ้านเรือนปลูกสร้างในสไตล์วิลล่าและบ้านพักตากอากาศของผู้มีอันจะกิน สิ่งที่ดึงดูดผู้คนให้มาเที่ยวยังสถานที่นี้ก็คือ อากาศที่บริสุทธิ์และตัวทะเลสาบที่เรียกว่าเป็นหนึ่งในทะเทสาบที่งดงามของยุโรปและใหญ่เป็นอันดับสามของอิตาลีเมื่อเรือจอดเทียบท่า เมืองที่สองสาวแวะหลังจากล่องเรือก็คือเมืองเบลลาโจ้ (Bellajo) เบลลาโจ้เป็นเมืองเล็ก ๆ อีกเมืองหนึ่งที่อยู่ติดทะเลสาบโคโม ไม่ไกลจากพรมแดนสวิตเซอร์แลนด์พริมาเก็บภาพเมืองฝั่งตรงข้ามที่ถูกขวางกั้นด้วยทะเลสาบสีสวย ริมฝั่งแม่น้ำมีหมู่บ้านเล็ก ๆ บ้านเรือนสีสันสดใสที่ปลูกสร้างเรียงรายแต่กลับดูเข้ากันและกลมกลืนกับทะเทสาบสีน้ำเงินเข้ม ป่าสีเขียวได้อย่างประหลาดทัศนียภาพที่เธอเพิ่งเคยเห็นทำให้รู้สึกตื่นตาตื่นใจ จึงไม่แปลกใจที่เพื่อนสาวอย่างจีด้าถึงมีบ้านพักตากอากาศที่โคโม ด้วยบรรยากาศดี เงียบสงบ ไหนจะความสวยงามของเทือกเขาสลับซับซ้อนที่โอบล้อมทะเลสาบเอาไว้ เมืองนี้ถือเป็นเมืองสําหรับพักผ่อน เพราะแค่เดินเล่นรอบเมือง ถ่ายรูปริมทะเลสาบก็ถือว่าเป็นการท่องเที่ยวอย่างหนึ่งเบลลาโจ้เป็นเมืองที่ต้องเดินขึ้นไปตามถนนเล็ก ๆ ที่สองฝั่งเป็นตึก
เขาไม่ใส่ใจท่าทางฉุนเฉียวของผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นอดีตภรรยา โน้มตัวลงแล้วอุ้มลูกชายขึ้นแนบอก เซโล่มองเขาสลับกับวาเลนเซียด้วยแววตาสับสน เพราะไม่อยากมีปากเสียงกับอดีตภรรยาต่อหน้าลูกชาย แองเจโล่จึงเรียกโซอี้ เลขาคนสนิทที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ไม่ห่าง ให้มารับตัวลูกชายไปพักผ่อนรอในเรือส่วนตัว ก่อนจะหันกลับมาบอกหญิงสาวเจ้าของเรือนร่างเซ็กซี่ที่ยืนตัวสั่นเพราะความโกรธเสียงเย็น“คุณได้เที่ยวกับลูกชายอย่างที่อ้างสมใจมาทั้งวันแล้วนี่ หมดเวลาแล้วก็ไปซะ แล้วอย่ามาทำท่ากระแซะยั่วยวนอะไรผมอีก ถึงไม่อายตัวเองก็ควรจะอายพวกนักข่าวที่แอบตามมา อ้อ ไม่ใช่แอบตามสิ” เขายิ้มเยาะ “อายพวกนักข่าวที่คุณเชิญมาทำข่าวบ้าง มันน่าเกลียด...เพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกัน คุณไม่ใช่ภรรยาของผม ก็แค่อดีตที่ผมไม่มีวันหันหลังกลับไป มีแต่จะผลักใสให้ไปไกล ๆ เพราะขยะแขยงเท่านั้น”“แอล! คุณมัน…”เขาทำท่าจะเดินหนีเสียงกรีดร้องอย่างขัดใจของนางแบบชื่อดัง แต่ก็ต้องชะงักอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่ามีคนแอบมอง สัญชาตญาณบอกให้หันไปยังทิศทางตรงกันข้าม เขาเห็นผู้หญิงสองคนยืนจ้องมองเขาอยู่ไกล ๆ ใกล้ท่าเรือที่รอรับผู้โดยสาร ดวงตาคมกล้าเห็นว่าเป็นญาติผ
จ๋อม...เสียงวัตถุที่ตกกระทบผืนน้ำ ทำให้พริมายืนตัวแข็งและอ้าปากค้างอย่างนึกไม่ถึง ส่วนคนโยนมีสีหน้าไม่ยินดียินร้ายจีด้ายกมือขึ้นตบหน้าผากเบา ๆ ก่อนจะต่อว่าญาติผู้พี่ด้วยน้ำเสียงกรุ่นโกรธ “แองจี้! พี่ทำเกินไปแล้วนะ”แองเจโล่ตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ “ก็แค่ซื้อใหม่ จะเอาตัวที่ดีที่สุดเลยก็ได้ พี่ไม่ต้องการให้ลบเพราะถ้าตุกติกทีหลังจะทำยังไง ทำลายไปเลยง่ายกว่า จีด้าถามเพื่อนตัวเองก็แล้วกันว่าต้องการเท่าไร จะเพิ่มค่าเสียเวลาสักนิดพี่ก็ไม่มีปัญหา...”“พี่นี่มัน...” จีด้าเหลือทนตั้งท่าจะต่อว่าชุดใหญ่ ทว่าเจ้าของกล้องที่ยืนช็อกตัวแข็งบัดนี้เดินเข้ามาใกล้ก่อนจะ จับข้อมือเธอบอกเป็นเชิงให้หยุดต่อเถียงกัน“ไม่เป็นไรจีด้า”“เห็นไหม เจ้าตัวเขายังบอกว่าไม่เป็นไร” ชายหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงของผู้ชนะ ก่อนจะหันไปเอ่ยถามผู้หญิงปากจัดที่ตอนนี้ยืนหน้าซีด สีหน้าราบเรียบไร้อารมณ์ข้างญาติสาว “แล้วจะเอาค่าเสียหายเท่าไรก็รีบบอกมา...”“ฉันไม่ต้องการเงิน” เธอบอกใบหน้าที่ซีดขาวเพราะตกใจและเสียใจที่กล้องแสนรักถูกโยนไปต่อหน้าต่อตาเชิดขึ้น สองมือกําหมัดแน่นเพราะอารมณ์คุกกรุ่นที่อยู่ในอก“ไม่เอาเงิน?” เขาเลิกคิ้วอย่างสงสัย
หลังจากดึงเจ้าหนูเซโล่ออกมาจากใต้โต๊ะ ก็พาไปยังห้องนั่งเล่น ก่อนหาน้ำแข็งมาประคบเย็นให้ข้อมือที่เริ่มบวมแดง มือที่ขาวจัดจนเห็นรอยบวมแดงชัดเจน พอถูกประคบเย็นได้สักพักก็เริ่มจะเป็นสีเขียวช้ำวงไม่ใหญ่มาก“เจ็บมากไหมน่ะเรา” พริมาถามเบา ๆ“อูยยยย” เจ้าหนูสูดปากด้วยความเจ็บ “เจ็บสิฮะ พี่สาวสะบัดมาเต็มแรงแบบนั้น”“ก็ใครบอกให้เราเล่นพิเรนณ์ทำไมเล่า พี่ก็นึกว่า...” ผีน่ะสิก็เลยสะบัดเสียเต็มแรงขนาดนั้น หญิงสาวบ่นต่อท้ายในใจ“นึกว่าอะไรฮะ” เจ้าหนูเงยหน้าขึ้นมองตาแป๋ว“ไม่มีอะไรหรอกน่า หยุดพูดมากแล้วอยู่นิ่ง ๆ สิ” เธอแสร้งดุกลบเกลื่อน ก่อนเอ่ยถามอีกฝ่ายด้วยความสงสัย “แล้วเราไปอยู่ทำไมใต้โต๊ะกัน ไม่ได้ไปร้านกับน้าเราหรือยังไง”“ไม่ฮะ...” เจ้าหนูส่ายหน้าจนหัวสั่นหัวคลอน “เซโล่ไม่อยากไป ก็เลยขอน้าจีด้าอยู่ที่บ้าน เซโล่ไม่อยากไปนั่งเฝ้าร้าน เบื่อ”“เบื่อ?” เธอมองใบหน้ากลม ๆ ที่เม้มริมฝีปาก ท่าทางอารมณ์ไม่ค่อยดี “เป็นอะไรน่ะเรา ถ้าทางเคร่งเครียด ตัวแค่นี้รู้จักเบื่อเหมือนผู้ใหญ่แล้วเหรอ”“ก็มันเบื่อจริง ๆ นี่ฮะ” เจ้าตัวเล็กทำหน้ายู่ยี่ แล้วบ่น “น้าจีด้าก็เอาแต่ทำงานให้เซโล่นั่งเล่นอยู่แต่ในร้าน เซโล่เ
หลังจากดึงเจ้าหนูเซโล่ออกมาจากใต้โต๊ะ ก็พาไปยังห้องนั่งเล่น ก่อนหาน้ำแข็งมาประคบเย็นให้ข้อมือที่เริ่มบวมแดง มือที่ขาวจัดจนเห็นรอยบวมแดงชัดเจน พอถูกประคบเย็นได้สักพักก็เริ่มจะเป็นสีเขียวช้ำวงไม่ใหญ่มาก“เจ็บมากไหมน่ะเรา” พริมาถามเบา ๆ“อูยยยย” เจ้าหนูสูดปากด้วยความเจ็บ “เจ็บสิฮะ พี่สาวสะบัดมาเต็มแรงแบบนั้น”“ก็ใครบอกให้เราเล่นพิเรนณ์ทำไมเล่า พี่ก็นึกว่า...” ผีน่ะสิก็เลยสะบัดเสียเต็มแรงขนาดนั้น หญิงสาวบ่นต่อท้ายในใจ“นึกว่าอะไรฮะ” เจ้าหนูเงยหน้าขึ้นมองตาแป๋ว“ไม่มีอะไรหรอกน่า หยุดพูดมากแล้วอยู่นิ่ง ๆ สิ” เธอแสร้งดุกลบเกลื่อน ก่อนเอ่ยถามอีกฝ่ายด้วยความสงสัย “แล้วเราไปอยู่ทำไมใต้โต๊ะกัน ไม่ได้ไปร้านกับน้าเราหรือยังไง”“ไม่ฮะ...” เจ้าหนูส่ายหน้าจนหัวสั่นหัวคลอน “เซโล่ไม่อยากไป ก็เลยขอน้าจีด้าอยู่ที่บ้าน เซโล่ไม่อยากไปนั่งเฝ้าร้าน เบื่อ”“เบื่อ?” เธอมองใบหน้ากลม ๆ ที่เม้มริมฝีปาก ท่าทางอารมณ์ไม่ค่อยดี “เป็นอะไรน่ะเรา ถ้าทางเคร่งเครียด ตัวแค่นี้รู้จักเบื่อเหมือนผู้ใหญ่แล้วเหรอ”“ก็มันเบื่อจริง ๆ นี่ฮะ” เจ้าตัวเล็กทำหน้ายู่ยี่ แล้วบ่น “น้าจีด้าก็เอาแต่ทำงานให้เซโล่นั่งเล่นอยู่แต่ในร้าน เซโล่เ
จ๋อม...เสียงวัตถุที่ตกกระทบผืนน้ำ ทำให้พริมายืนตัวแข็งและอ้าปากค้างอย่างนึกไม่ถึง ส่วนคนโยนมีสีหน้าไม่ยินดียินร้ายจีด้ายกมือขึ้นตบหน้าผากเบา ๆ ก่อนจะต่อว่าญาติผู้พี่ด้วยน้ำเสียงกรุ่นโกรธ “แองจี้! พี่ทำเกินไปแล้วนะ”แองเจโล่ตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ “ก็แค่ซื้อใหม่ จะเอาตัวที่ดีที่สุดเลยก็ได้ พี่ไม่ต้องการให้ลบเพราะถ้าตุกติกทีหลังจะทำยังไง ทำลายไปเลยง่ายกว่า จีด้าถามเพื่อนตัวเองก็แล้วกันว่าต้องการเท่าไร จะเพิ่มค่าเสียเวลาสักนิดพี่ก็ไม่มีปัญหา...”“พี่นี่มัน...” จีด้าเหลือทนตั้งท่าจะต่อว่าชุดใหญ่ ทว่าเจ้าของกล้องที่ยืนช็อกตัวแข็งบัดนี้เดินเข้ามาใกล้ก่อนจะ จับข้อมือเธอบอกเป็นเชิงให้หยุดต่อเถียงกัน“ไม่เป็นไรจีด้า”“เห็นไหม เจ้าตัวเขายังบอกว่าไม่เป็นไร” ชายหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงของผู้ชนะ ก่อนจะหันไปเอ่ยถามผู้หญิงปากจัดที่ตอนนี้ยืนหน้าซีด สีหน้าราบเรียบไร้อารมณ์ข้างญาติสาว “แล้วจะเอาค่าเสียหายเท่าไรก็รีบบอกมา...”“ฉันไม่ต้องการเงิน” เธอบอกใบหน้าที่ซีดขาวเพราะตกใจและเสียใจที่กล้องแสนรักถูกโยนไปต่อหน้าต่อตาเชิดขึ้น สองมือกําหมัดแน่นเพราะอารมณ์คุกกรุ่นที่อยู่ในอก“ไม่เอาเงิน?” เขาเลิกคิ้วอย่างสงสัย
เขาไม่ใส่ใจท่าทางฉุนเฉียวของผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นอดีตภรรยา โน้มตัวลงแล้วอุ้มลูกชายขึ้นแนบอก เซโล่มองเขาสลับกับวาเลนเซียด้วยแววตาสับสน เพราะไม่อยากมีปากเสียงกับอดีตภรรยาต่อหน้าลูกชาย แองเจโล่จึงเรียกโซอี้ เลขาคนสนิทที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ไม่ห่าง ให้มารับตัวลูกชายไปพักผ่อนรอในเรือส่วนตัว ก่อนจะหันกลับมาบอกหญิงสาวเจ้าของเรือนร่างเซ็กซี่ที่ยืนตัวสั่นเพราะความโกรธเสียงเย็น“คุณได้เที่ยวกับลูกชายอย่างที่อ้างสมใจมาทั้งวันแล้วนี่ หมดเวลาแล้วก็ไปซะ แล้วอย่ามาทำท่ากระแซะยั่วยวนอะไรผมอีก ถึงไม่อายตัวเองก็ควรจะอายพวกนักข่าวที่แอบตามมา อ้อ ไม่ใช่แอบตามสิ” เขายิ้มเยาะ “อายพวกนักข่าวที่คุณเชิญมาทำข่าวบ้าง มันน่าเกลียด...เพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกัน คุณไม่ใช่ภรรยาของผม ก็แค่อดีตที่ผมไม่มีวันหันหลังกลับไป มีแต่จะผลักใสให้ไปไกล ๆ เพราะขยะแขยงเท่านั้น”“แอล! คุณมัน…”เขาทำท่าจะเดินหนีเสียงกรีดร้องอย่างขัดใจของนางแบบชื่อดัง แต่ก็ต้องชะงักอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่ามีคนแอบมอง สัญชาตญาณบอกให้หันไปยังทิศทางตรงกันข้าม เขาเห็นผู้หญิงสองคนยืนจ้องมองเขาอยู่ไกล ๆ ใกล้ท่าเรือที่รอรับผู้โดยสาร ดวงตาคมกล้าเห็นว่าเป็นญาติผ
เมืองโคโมนั้นเป็นเมืองที่งดงาม บ้านเรือนปลูกสร้างในสไตล์วิลล่าและบ้านพักตากอากาศของผู้มีอันจะกิน สิ่งที่ดึงดูดผู้คนให้มาเที่ยวยังสถานที่นี้ก็คือ อากาศที่บริสุทธิ์และตัวทะเลสาบที่เรียกว่าเป็นหนึ่งในทะเทสาบที่งดงามของยุโรปและใหญ่เป็นอันดับสามของอิตาลีเมื่อเรือจอดเทียบท่า เมืองที่สองสาวแวะหลังจากล่องเรือก็คือเมืองเบลลาโจ้ (Bellajo) เบลลาโจ้เป็นเมืองเล็ก ๆ อีกเมืองหนึ่งที่อยู่ติดทะเลสาบโคโม ไม่ไกลจากพรมแดนสวิตเซอร์แลนด์พริมาเก็บภาพเมืองฝั่งตรงข้ามที่ถูกขวางกั้นด้วยทะเลสาบสีสวย ริมฝั่งแม่น้ำมีหมู่บ้านเล็ก ๆ บ้านเรือนสีสันสดใสที่ปลูกสร้างเรียงรายแต่กลับดูเข้ากันและกลมกลืนกับทะเทสาบสีน้ำเงินเข้ม ป่าสีเขียวได้อย่างประหลาดทัศนียภาพที่เธอเพิ่งเคยเห็นทำให้รู้สึกตื่นตาตื่นใจ จึงไม่แปลกใจที่เพื่อนสาวอย่างจีด้าถึงมีบ้านพักตากอากาศที่โคโม ด้วยบรรยากาศดี เงียบสงบ ไหนจะความสวยงามของเทือกเขาสลับซับซ้อนที่โอบล้อมทะเลสาบเอาไว้ เมืองนี้ถือเป็นเมืองสําหรับพักผ่อน เพราะแค่เดินเล่นรอบเมือง ถ่ายรูปริมทะเลสาบก็ถือว่าเป็นการท่องเที่ยวอย่างหนึ่งเบลลาโจ้เป็นเมืองที่ต้องเดินขึ้นไปตามถนนเล็ก ๆ ที่สองฝั่งเป็นตึก
พริมาล้มตัวนอนหงายอยู่บนเตียงใหญ่ บิดขี้เกียจไปมาด้วยความเมื่อยขบเพราะนั่งเครื่องยาวติดกันหลายชั่วโมง และกว่าจะถึงวิลล่าก็ต้องนั่งรถอีกชั่วโมงกว่า ๆห้องที่จีด้าจัดให้เธอพักผ่อนอยู่ชั้นสาม บ้าน ไม่สิ คฤหาสน์หลังนี้มีห้องหับเกือบยี่สิบห้อง แต่เธอไม่ทันได้เยี่ยมชมบ้านหลังใหญ่ตามคําเชิญของเพื่อนหรอก เพราะเหนื่อยและเพิ่งหงุดหงิดกับผู้ชายปากสุนัขจนเกือบจะมีเรื่องกันในรถ ถ้าหากเพื่อนเธอไม่เปิดประตูรถมาเจอเข้าเสียก่อน พออีกฝ่ายเห็นจีด้าก็รีบปล่อยคอเสื้อที่ดึงกระชากไว้ทันควันก่อนจะอุ้มลูกตัวเองแล้วหนีไปดุ่ม ๆ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นห้องที่เธออยู่ดูเก่าแก่ เตียงหลังใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่กลางห้อง ผ้าม่านสีทึบ เครื่องเรือนโบราณ บรรยากาศที่เงียบสงัด ให้ความรู้สึกเหมือนคฤหาสน์ในภาพยนตร์สยองขวัญเรื่องหนึ่ง ที่มีวิญญาณลึกลับคอยอาฆาต หลอกหลอนคนในบ้าน จินตนาการเริ่มฟุ้งซ่านอย่าให้มีอะไรโผล่มาใต้เตียงนะ พี่ขอร้อง!ก๊อก ๆเสียงเคาะประตูทำให้เธอสะดุ้งสุดตัวหลุดจากจินตนาการอันล้ำเลิศ หญิงสาวรีบเดินไปเปิดประตูห้องก็เห็นว่าเป็นจีด้าจีด้าก้าวเข้ามาในห้อง ทิ้งตัว
วิลล่าส่วนตัวของเซซาโน่อยู่ติดกับริมทะเลสาบโคโม ดูภายนอกใหญ่โตอลังการ คฤหาสน์หลังงามตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ดูงดงามและหรูหรา ตัวคฤหาสน์มีพื้นที่กว้างขวาง สองข้างทางล้อมรอบไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่เรียงราย ให้บรรยากาศถึงความเป็นธรรมชาติ แม้ยังไม่ได้ลงจากรถไปสัมผัสก็รู้ว่าอากาศดี วิวทิวทัศน์เยี่ยมขนาดไหนพริมานั่งตัวลีบอยู่ในรถลีมูซีนที่กําลังเคลื่อนตัวเข้าในบริเวณวิลล่า หญิงสาวเผลออ้าปากค้างและนึกอยู่ในใจ เธอไม่นึกว่าเพื่อนจะรวยขนาดนี้ ด้วยรู้แต่เพียงว่าจีด้าเป็นลูกสาวเจ้าของร้านเครื่องประดับในอิตาลี และที่มาเรียนต่อด้านการออกแบบอัญมณีก็เพราะจะกลับมาบริหารกิจการของครอบครัว แต่เมื่อได้ฟังจากเจ้าเด็กตัวกลมช่างพูด จีด้า เซซาโน่ คือทายาทคนเดียวของ เจราล เซซาโน่ นักธุรกิจอัญมณีที่มีร้านเครื่องประดับหลายสาขาทั่วยุโรปตลอดเวลาที่คบกัน จีด้าเป็นเพื่อนที่ดีกับเธอเสมอมา เพื่อนสาวไม่เคยโอ้อวดว่ามีฐานะร่ำรวยขนาดไหน ถึงแม้นิสัยจะแตกต่างกันสุดขั้วแต่จีด้าคือเพื่อนที่พริมาคบได้นานที่สุด เพราะเธอเป็นคนที่ทำอะไรตามอารมณ์และความรู้สึกตัวเอง ไม่ค่อยจะแคร์คนรอบข้างเท่าไรจนเพื่อนสาวบอกบ่อย ๆ ว่าเป็นผู้หญิง
ขาเหลียวตามก็เห็นว่าเจ้าหล่อนกําลังขึ้นไปรอในรถ ส่วนคนขับกําลังยกกระเป๋าเดินทางใส่ท้ายรถ“วิ่ง! เจ้าลูกชาย” เขายกลูกชายขึ้นอุ้มแล้ววิ่งตรงไปยังรถแท็กซี่ พลางตะโกนเสียงดัง “แท็กซี่! อย่าเพิ่งออกรถ หยุด!”พริมานั่งรออยู่ในรถตกใจกับเสียงเรียกที่ดังลั่น หญิงสาวมองผ่านกระจกก็เห็นสองพ่อลูกปีศาจวิ่งตรงมา“บ้าเอ๊ย...หรือเขาจะรู้แล้วว่าเราคือคนที่เขาต้องมารับ” เธอรีบหันไปบอกคนขับ “ออกรถเลยค่ะ”คนขับแท็กซี่คล้ายลังเล ขณะที่กําลังสตาร์ตรถ แองเจโล่ก็มาถึง เขาทุบกระจกรถ ก่อนจะเอ่ยเสียงเหี้ยมกับคนขับ “คิดดี ๆ คุณแท็กซี่...ถ้าคุณออกรถ คุณจะไม่ได้วิ่งรถทำมาหากินอีกเลย”คนขับแท็กซี่ใบหน้าซีดเผือดเมื่อโดนข่มขู่ รีบทำไม้ทำมือบอกให้เธอลงจากรถ“คะ คุณผู้หญิง ผมคงออกรถให้คุณไม่ได้...สามีกับลูกคุณมาตามแล้ว ผมไม่อยากมีเรื่องกับมาเฟีย”“ดะ...เดี๋ยวสิ” เธออ้าปากเหวอ เมื่อจู่ ๆ ก็โดนไล่ลงจากรถ “ฉันไม่รู้จักสองคนนี้...”“ผมไม่สน ผมไม่อยากมีเรื่อง ลงไปเถอะครับ” คนขับทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เอาแต่พร่ำบอกให้พริมาลงจากรถไปเสียทีหญิงสาวก้าวลงจากรถอย่างหงุดหงิด มองคนขับที่รีบวิ่งไปเปิดท้ายรถแล้วเอากระเป๋ามาคืนให้ เขาโค
เขามองเธอสติแตกด้วยสีหน้าไร้อารมณ์“ถ้าคุณว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่ แต่ถ้ารูปผมกับลูกหลุดไปแม้แต่ภาพเดียวถึงคุณจะอยู่ในซอกหลืบไหนในอิตาลีนี้ผมก็จะลากตัวคุณมา” เขาบอกเสียงเหี้ยม แววตาข่มขู่ ก่อนจะก้มบอกลูกชาย “ไปเซโล่เราต้องหาเพื่อนน้าเราให้เจอก่อน อย่ามาเสียเวลากับยายผู้หญิงสติแตกคนนี้เลย”เยี่ยม! พอเธอบอกว่าเป็นช่างภาพและดูเหมือนตัวเองอาจจะเข้าใจผิดจริง ๆ ก็แก้อาการหน้าแหกด้วยการขู่ก่อนจะพากันเดินหนีไป เจอหน้ายายจีด้าเมื่อไรแม่จะต่อว่าให้หูชาเอาปีศาจมารับเธอแทนแองจี้ (นางฟ้า) ได้ยังไงกัน!“เออ ไปไหนก็ไปเลย” เธอพูดไล่ตามหลัง ก่อนจะบอกกับตัวเอง “จีด้านะจีด้าให้อีตาปีศาจนี่มารับได้ยังไง ช่างเถอะแม่จะปล่อยให้เดินหาจนทั่วสนามบินเลย หายังไงก็ไม่เจอ เพราะฉันจะนั่งรถไปเอง..."ทีนี้จะเดินหาจนขาลากก็ไม่เจอเธอหรอกอีตายักษ์ปีศาจ!***********************แองเจโล่เดินจูงมือลูกชายจากมาด้วยอาการหัวเสีย ผู้หญิงตัวเล็กท่าทางก๋ากั่นช่างปากคอเราะราย ถ้าเขาไม่กลัวนักข่าวจะตามกลิ่นมาคงจะจัดการสั่งสอนไปสักยก ให้รู้เสียบ้างว่าคนอย่างแองเจโล่ เจ้าพ่อวงการเรือสําราญไม่ใช่คนที่จะให้ใครมาด่าง่าย ๆ!ท่าทางไม่เกรงกลัว ป
“แด๊ดฮะ ไหนล่ะ คนที่เราต้องมารับ คนก็เยอะแล้วเราจะหาเจอไหมฮะ”หญิงสาวมองเด็กผู้ชายอายุประมาณห้าขวบ สวมเสื้อเชิ้ตที่ถูกพับแขนเสื้อขึ้นมาถึงข้อศอกป้อม ๆ คอสั้น ๆ มีผ้าพันคอเข้ากับลายของเสื้อเชิ้ตดูเก๋ไปอีกแบบ กางเกงขาสั้นสีน้ำตาลเข้มอวดน่องเป็นข้อ ๆ ดูจ้ำม่ำในทุกย่างก้าว เสื้อผ้ารองเท้าดูเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า ท่าทางการเดินที่เอามือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกงคล้ายนายแบบ แถมยังสวมแว่นตาสีชาอันโตทำให้เธอนึกขันพริมาละสายตาจากนายแบบตัวเล็ก แล้วมองหาพ่อของเด็กโดยอัตโนมัติ อยากรู้ว่าลูกขนาดนี้ แล้วแด๊ดที่เจ้าหนูน้อยคนนี้เรียกจะแต่งตัวขนาดไหน...“เฮ้ อย่าเพิ่งบ่นสิเซโล่...” เสียงทุ้มของผู้ชายตัวโตเหมือนยักษ์ปักหลั่นดังขึ้น เธอยืนมองสองพ่อลูกคุยกันโดยไม่รู้ตัว ผู้ชายตรงหน้าหล่อเหลาเหมือนพระเอกหนังฝรั่งที่เธอดูบ่อย ๆ ผมสีน้ำตาลอ่อนซอยสั้นรับกับใบหน้า คิ้วหนาที่พาดเฉียงเป็นปั้นรับกับดวงตาสีเขียวมะกอก ผู้ชายคนนี้หล่อและดวงตาสวยจนเธอแอบอิจฉา เขาสวมสูทสีน้ำตาลด้านในเป็นเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสแล็กส์เข้าชุดกันพริมาสังเกตเห็นนัยน์ตาสีเขียวมะกอกกวาดมองผู้คนโดยรอบเหมือนกําลังหาใครบางคน แล้วริมฝีปากหนาหย