เขาไม่ใส่ใจท่าทางฉุนเฉียวของผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นอดีตภรรยา โน้มตัวลงแล้วอุ้มลูกชายขึ้นแนบอก เซโล่มองเขาสลับกับวาเลนเซียด้วยแววตาสับสน เพราะไม่อยากมีปากเสียงกับอดีตภรรยาต่อหน้าลูกชาย แองเจโล่จึงเรียกโซอี้ เลขาคนสนิทที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ไม่ห่าง ให้มารับตัวลูกชายไปพักผ่อนรอในเรือส่วนตัว ก่อนจะหันกลับมาบอกหญิงสาวเจ้าของเรือนร่างเซ็กซี่ที่ยืนตัวสั่นเพราะความโกรธเสียงเย็น
“คุณได้เที่ยวกับลูกชายอย่างที่อ้างสมใจมาทั้งวันแล้วนี่ หมดเวลาแล้วก็ไปซะ แล้วอย่ามาทำท่ากระแซะยั่วยวนอะไรผมอีก ถึงไม่อายตัวเองก็ควรจะอายพวกนักข่าวที่แอบตามมา อ้อ ไม่ใช่แอบตามสิ” เขายิ้มเยาะ “อายพวกนักข่าวที่คุณเชิญมาทำข่าวบ้าง มันน่าเกลียด...เพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกัน คุณไม่ใช่ภรรยาของผม ก็แค่อดีตที่ผมไม่มีวันหันหลังกลับไป มีแต่จะผลักใสให้ไปไกล ๆ เพราะขยะแขยงเท่านั้น” “แอล! คุณมัน…” เขาทำท่าจะเดินหนีเสียงกรีดร้องอย่างขัดใจของนางแบบชื่อดัง แต่ก็ต้องชะงักอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่ามีคนแอบมอง สัญชาตญาณบอกให้หันไปยังทิศทางตรงกันข้าม เขาเห็นผู้หญิงสองคนยืนจ้องมองเขาอยู่ไกล ๆ ใกล้ท่าเรือที่รอรับผู้โดยสาร ดวงตาคมกล้าเห็นว่าเป็นญาติผู้น้องและอีกคนคือยายเด็กปากจัดตัวแสบพากันแอบต้นไม้จ้องมองมายังจุดที่เขายืนอยู่ แม่ช่างภาพสาวปากจัดกําลังกดชัตเตอร์ เห็นได้ชัดว่าแอบถ่ายรูปเขาที่ยืนคุยกับอดีตภรรยา แองเจโล่มองตามด้วยแววตาวาวโรจน์ รู้สึกหงุดหงิดมากไปอีกที่ดูเหมือนจะมีคนมาจุ้นไม่เข้าเรื่อง พริมาสะดุ้งเมื่อสบตาเข้ากับเจ้าของนัยน์ตาสีมะกอก หญิงสาวรีบชักชวนเพื่อนให้เดินหนี ได้ยินเสียงสบถอย่างหงุดหงิดและเสียงเท้าที่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ “ตายแล้วพีพี แองจี้รู้แล้วว่าพวกเราแอบมอง” จีด้าอุทานเมื่อเห็นญาติผู้พี่กําลังเดินมุ่งหน้ามาทางนี้ แล้วเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงขลาด ๆ “แองจี้ไม่ชอบให้ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวเสียด้วยสิ ยูไม่น่าแอบถ่ายรูปเลย” เธอแอบกลืนน้ำลายเมื่อเห็นผู้ชายร่างยักษ์ก้าวเดินตรงมา ก่อนแก้ตัวเสียงเบา “ใครจะไปรู้เล่าว่าพี่ชายยูรู้สึกตัว ไอแค่อยากจะถ่ายเก็บไว้ดูเล่น ๆ ไม่ได้คิดจะทำอะไรเสียหน่อย” จริง ๆ เธอกะจะถ่ายเก็บไว้ยั่วโมโหอีกฝ่าย เพราะแอบแค้นที่คราวก่อนถูกกระชากคอเสื้อ ทั้งโดนตะคอก เกิดมาทั้งพ่อและพี่ไม่เคยดุและพูดจาร้ายกาจใส่เธอขนาดนี้ แล้วเขาเป็นใครก็แค่อีตายักษ์ขี้โมโห บ้าอํานาจ พริมารีบดึงมือเพื่อนสาวที่ยืนนิ่ง ก่อนพากันเดินลัดเลาะไปยังจุดขึ้นเรือโดยสาร แต่เดินไปแค่ไม่กี่ก้าวก็ถูกดึงคอเสื้อจากทางด้านหลังอีตายักษ์บ้าตามทันและดึงทึ้งคอเสื้อเธออีกแล้ว!
“ว้าย!” จีด้าอุทานอย่างตกใจเมื่อเห็นเพื่อนถูกดึงจากด้านหลังจนดิ้นหนีไปไหนไม่ได้ด้วยแรงแขนอันทรงพลังของแองเจโล่ หญิงสาวถลาจะเข้าไปช่วยเพื่อน ปากก็ร้องห้ามญาติหนุ่มเสียงสั่น “แองจี้ใจเย็น ๆ อย่าทำรุนแรงกับเพื่อนจีด้านะ!” แองเจโล่หันไปตะคอกแม่น้องสาวตัวดีเสียงแข็ง “หยุด! จีด้า อย่ายุ่ง เพื่อนเธอรนหาที่เอง ถ้าไม่อยากให้พี่โกรธก็ไปยืนห่าง ๆ” ก่อนจะหันมองยายผู้หญิงน่ารําคาญที่บัดนี้ดิ้นรนและพยายามจะปัดกระชากมือเขาที่ดึงไว้ทางด้านหลังแต่เอื้อมยังไงก็ไม่ถึง เขาปล่อยมืออย่างแรง ส่งผลให้ร่างเล็กบอบบางที่ลอยอยู่ด้วยกําลังแขนของเขาหล่นดังตุบ “โอ๊ย!” พริมาร้องด้วยความเจ็บ เพราะดูเหมือนก้นกบจะกระแทกพื้นอย่างแรง เธอก่นด่าด้วยความโมโห “ไอ้บ้า ปล่อยลงมาได้ ผู้ชายใจโหด ทำร้ายผู้หญิงไม่มีทางสู้!” เขาย่างสุขุมเข้ามา ใบหน้าถมึงทึง ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงขึงขัง “แล้วผู้หญิงอย่างเธอที่ไล่สอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้าน แอบถ่ายรูปโดยไม่ได้รับอนุญาตเรียกว่าอะไร..” พริมาเม้มริมฝีปาก ถลึงตาตอบอีกฝ่ายเมื่อโดนยอกย้อน “ว่ายังไง ฉันถามทำไมไม่ตอบ!” เขาตะคอก เธอหลับตาปี๋ด้วยนึกว่าอีกฝ่ายคงจะลงไม้ลงมือ แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จึงลืมตาเชิดหน้าตอบอย่างถือดี “ทำไม...คุณมาเที่ยวในที่สาธารณะ ฉันก็แค่เก็บภาพวิวสวย ๆ แล้วบังเอิญพวกคุณติดอยู่ด้วย ถ้าคุณไม่พอใจก็แค่ลบมันทิ้ง ใครจะไปรู้ว่าเป็นคุณกัน ฉันก็อยู่ตั้งไกล” หญิงสาวยังบอกไม่ทันจบ เสียงเย้ยหยันจากผู้ชายที่ยืนค้ำเธออยู่ก็บอกอย่างรู้ทัน “ไกลแค่ไหนถ้าเป็นสายตาของคนอายุยี่สิบปลาย ๆ ก็คงจะมองเห็นถ้าเพ่งมองว่าใครเป็นใคร เว้นเสียแต่ว่าคนคนนั้นจะตาบอด ตาถั่ว หรือโกหกหน้าด้าน ๆ...” เขาบอกเสียงเยาะ “นี่ ก็ถ้าคุณไม่พอใจก็บอกให้ฉันลบก็ได้ จะจิกกัดด่าทอฉันทำไม ผู้ชายอะไร...ปากจัด ปากเน่าไม่มีชิ้นดี!” หญิงสาวค่อย ๆ ลุกขึ้น เมื่อเพื่อนสนิทปรี่เข้ามาพยุงด้วยความเป็นห่วง ได้ยินจีด้าเอ่ยต่อว่าญาติตัวเองสองสามคํา “ใจเย็น ๆ นะพีพี ไอว่าเรากลับกันก่อนเถอะ เที่ยวเรือจะหมดแล้ว” จีด้าหันมาคุยกับเธอเสียงอ่อน มือก็ลูบไหล่เบา ๆ เพื่อบอกให้ใจเย็น ๆ ก่อนจะหันกลับไปบอกญาติหนุ่ม “จีด้าว่ามีอะไรค่อยกลับไปคุยที่บ้านนะแองจี้ แล้วพี่ทำแบบนี้ก็ผิดด้วย พีพีเป็นผู้หญิง พี่ไม่ควรจะตะคอกและใช้กําลังกับเธอ” “แต่เพื่อนจีด้าแอบถ่ายรูปพี่โดยที่พี่ไม่อนุญาต เกิดรูปหลุดไปเป็นข่าวเสียหายพี่จะทำยังไง” “แต่พีพีแค่ถ่ายเล่น ๆ ไม่ได้มีเจตนาอะไรเลยนะคะ” เธอเห็นจีด้าเถียงแทนก็แอบละอายใจ จริง ๆ เธอก็มีจุดประสงค์ประมาณนี้น่ะนะ เพราะอยากแก้เผ็ดอีกฝ่าย แต่เรื่องมันมาถึงขนาดนี้ ขอโทษแล้วลบภาพไปซะก็พอ เธอไม่อยากจะมีเรื่องกะยักษ์ขี้โมโห ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับอีกฝ่ายเต็มทน “เออ เอาเป็นว่าฉันขอโทษ” เธอโพล่งขึ้น ขัดจังหวะทุ่มเถียงของสองพี่น้อง “ฉันจะลบรูปให้เดี๋ยวนี้ ขอให้คุณยอมจบและเลิกทำท่าทางคุกคามฉันเสียที” หญิงสาวยกกล้องที่คล้องคอออกมา กําลังกดเปิดก็ถูกมือหนาคว้ากล้องไปโดยไม่ทันตั้งตัว แองเจโล่แสยะยิ้ม โยนกล้องที่อยู่ในมือขึ้นลง ก่อนจะบอกเสียงเหี้ยม “ไม่ต้องลบหรอก...ซื้อใหม่ซะ ง่ายดี และเราหายกัน!” พูดจบก็เหวี่ยงแขนสุดแรง โยนกล้องตกลงไปในทะเลสาบ ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคนจ๋อม...เสียงวัตถุที่ตกกระทบผืนน้ำ ทำให้พริมายืนตัวแข็งและอ้าปากค้างอย่างนึกไม่ถึง ส่วนคนโยนมีสีหน้าไม่ยินดียินร้ายจีด้ายกมือขึ้นตบหน้าผากเบา ๆ ก่อนจะต่อว่าญาติผู้พี่ด้วยน้ำเสียงกรุ่นโกรธ “แองจี้! พี่ทำเกินไปแล้วนะ”แองเจโล่ตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ “ก็แค่ซื้อใหม่ จะเอาตัวที่ดีที่สุดเลยก็ได้ พี่ไม่ต้องการให้ลบเพราะถ้าตุกติกทีหลังจะทำยังไง ทำลายไปเลยง่ายกว่า จีด้าถามเพื่อนตัวเองก็แล้วกันว่าต้องการเท่าไร จะเพิ่มค่าเสียเวลาสักนิดพี่ก็ไม่มีปัญหา...”“พี่นี่มัน...” จีด้าเหลือทนตั้งท่าจะต่อว่าชุดใหญ่ ทว่าเจ้าของกล้องที่ยืนช็อกตัวแข็งบัดนี้เดินเข้ามาใกล้ก่อนจะ จับข้อมือเธอบอกเป็นเชิงให้หยุดต่อเถียงกัน“ไม่เป็นไรจีด้า”“เห็นไหม เจ้าตัวเขายังบอกว่าไม่เป็นไร” ชายหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงของผู้ชนะ ก่อนจะหันไปเอ่ยถามผู้หญิงปากจัดที่ตอนนี้ยืนหน้าซีด สีหน้าราบเรียบไร้อารมณ์ข้างญาติสาว “แล้วจะเอาค่าเสียหายเท่าไรก็รีบบอกมา...”“ฉันไม่ต้องการเงิน” เธอบอกใบหน้าที่ซีดขาวเพราะตกใจและเสียใจที่กล้องแสนรักถูกโยนไปต่อหน้าต่อตาเชิดขึ้น สองมือกําหมัดแน่นเพราะอารมณ์คุกกรุ่นที่อยู่ในอก“ไม่เอาเงิน?” เขาเลิกคิ้วอย่างสงสัย
หลังจากดึงเจ้าหนูเซโล่ออกมาจากใต้โต๊ะ ก็พาไปยังห้องนั่งเล่น ก่อนหาน้ำแข็งมาประคบเย็นให้ข้อมือที่เริ่มบวมแดง มือที่ขาวจัดจนเห็นรอยบวมแดงชัดเจน พอถูกประคบเย็นได้สักพักก็เริ่มจะเป็นสีเขียวช้ำวงไม่ใหญ่มาก“เจ็บมากไหมน่ะเรา” พริมาถามเบา ๆ“อูยยยย” เจ้าหนูสูดปากด้วยความเจ็บ “เจ็บสิฮะ พี่สาวสะบัดมาเต็มแรงแบบนั้น”“ก็ใครบอกให้เราเล่นพิเรนณ์ทำไมเล่า พี่ก็นึกว่า...” ผีน่ะสิก็เลยสะบัดเสียเต็มแรงขนาดนั้น หญิงสาวบ่นต่อท้ายในใจ“นึกว่าอะไรฮะ” เจ้าหนูเงยหน้าขึ้นมองตาแป๋ว“ไม่มีอะไรหรอกน่า หยุดพูดมากแล้วอยู่นิ่ง ๆ สิ” เธอแสร้งดุกลบเกลื่อน ก่อนเอ่ยถามอีกฝ่ายด้วยความสงสัย “แล้วเราไปอยู่ทำไมใต้โต๊ะกัน ไม่ได้ไปร้านกับน้าเราหรือยังไง”“ไม่ฮะ...” เจ้าหนูส่ายหน้าจนหัวสั่นหัวคลอน “เซโล่ไม่อยากไป ก็เลยขอน้าจีด้าอยู่ที่บ้าน เซโล่ไม่อยากไปนั่งเฝ้าร้าน เบื่อ”“เบื่อ?” เธอมองใบหน้ากลม ๆ ที่เม้มริมฝีปาก ท่าทางอารมณ์ไม่ค่อยดี “เป็นอะไรน่ะเรา ถ้าทางเคร่งเครียด ตัวแค่นี้รู้จักเบื่อเหมือนผู้ใหญ่แล้วเหรอ”“ก็มันเบื่อจริง ๆ นี่ฮะ” เจ้าตัวเล็กทำหน้ายู่ยี่ แล้วบ่น “น้าจีด้าก็เอาแต่ทำงานให้เซโล่นั่งเล่นอยู่แต่ในร้าน เซโล่เ
หญิงสาวรูปร่างบอบบาง ผมดําขลับถูกมัดรวบสูงปล่อยปลายผมเป็นหางม้าระต้นคอขาวผ่อง เดินลากกระเป๋าเดินทางใบโตออกจากบริเวณสนามบิน ใบหน้ากลมมนแดงเรื่อเล็กน้อยเมื่อเดือนธันวาคมของอิตาลีย่างเข้าสู่ฤดูหนาว เธอแต่งกายด้วยเสื้อแจ็กเก็ตยีนส์ตัวเก่ง สวมกางเกงหนังสกินนี่สีดําและรองเท้าหุ้มข้อสีน้ำตาลดูคลาสสิก ดวงตากลมโตสีน้ำตาอ่อนใต้แพขนตางอนกวาดมองบริเวณรอบ ๆ คล้ายสังเกตสังกาอยู่ในที ริมฝีปากบางสีเชอร์รีแย้มยิ้มน้อย ๆ เมื่อได้สูดอากาศบริสุทธิ์เข้าเต็มปอดอากาศในยามเช้าของอิตาลีบริสุทธิ์มากกว่าอากาศในประเทศไทยที่เธอคุ้นเคย ลมพัดผ่านบางเบาคล้ายย้ำเตือนว่าฤดูหนาวกําลังเข้ามาถึงทำให้เธอห่อตัวเล็กน้อย หญิงสาวกระชับเป้สะพายหลังที่มีเครื่องมือทำมาหากินอยู่ด้านในแล้วตบเบา ๆ อย่างครึ้มอกครึ้มใจพริมา ธนกิจ ช่างภาพอิสระที่เพิ่งมาเยือนอิตาลีครั้งแรกตามคําชักชวนของเพื่อนสาว จีด้า เซซาโน่ หญิงสาว ลูกเสี้ยวไทย-อิตาลี-อังกฤษ ทั้งสองเจอกันครั้งแรกที่มหาวิทยาลัยชื่อดังในนิวยอร์ก พริมาเรียนต่อด้านการถ่ายภาพ ส่วนจีด้าเรียนต่อด้านออกแบบดีไซน์อัญมณี ถึงจะคนละสาขาแต่เพราะนิสัยใจคอคล้าย ๆ กัน สุดท้ายก็สนิทสนมกันโดยปริยาย
ยืนรอคนมารับเฉย ๆ ก็ดูจะไม่ใช่พริมา หญิงสาวจึงควานหากล้องคู่หูของเธอออกจากกระเป๋าเป้ กล้องตัวเก่งที่เธอใช้มาตั้งแต่สมัยเป็นช่างภาพฝึกหัดหญิงสาวยกกล้องขึ้นแล้วโฟกัสไปยังเหล่านักท่องเที่ยวที่เดินสวนกันขวักไขว่ ผู้คนหลายเชื้อชาติ คู่รัก ครอบครัวใหญ่ ที่ตั้งใจมาเที่ยวมิลาน ก่อนจะเริ่มกดชัตเตอร์ เก็บภาพบริเวณรอบ ๆ ตัวอย่างใจเย็น ผู้คนส่วนมากแต่งกายนําแฟชั่นไม่มีใครน้อยหน้าใคร หญิงสาวแย้มยิ้มน้อย ๆ อย่างพอใจเมื่อได้รูปครอบครัวเล็ก ๆ ครอบครัวหนึ่งที่มีพ่อ แม่ ลูกเดินจูงมือกันลากกระเป๋าเดินทางผ่านด้านหน้า ใบหน้าเปื้อนยิ้มของพวกเขาดูอบอุ่นและมีความสุขเมื่อถ่ายภาพได้หลายรูปจนพอใจ หญิงสาวก็ยกแขนขวาที่สวมนาฬิกาอยู่ดูเวลาแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือกดโทรออกเพื่อส่งข่าวหาพ่อที่อยู่เมืองไทยพริมาฟังเสียงรอสายไม่นาน เสียงห้วน ๆ ตามแบบฉบับของพ่อเลี้ยงสนิท ธนกิจ เจ้าของสวนผลไม้ส่งออกหลายร้อยไร่ของเมืองลําพูนก็ดังขึ้น“ฮัลโหล ใครวะ โทรมาตอนข้ากําลังจะนอนกลางวัน”“โห พ่อจ๋า อย่าตะคอกเสียงดังสิ” พริมาเอาหูออกห่างโทรศัพท์เมื่อได้ยินเสียงปลายสาย น้ำเสียงแข็งแถมยังพูดตะคอกเสียงดัง “พริมาจะโทรมาบอกว่าตอนนี้ถึงอิต
“แด๊ดฮะ ไหนล่ะ คนที่เราต้องมารับ คนก็เยอะแล้วเราจะหาเจอไหมฮะ”หญิงสาวมองเด็กผู้ชายอายุประมาณห้าขวบ สวมเสื้อเชิ้ตที่ถูกพับแขนเสื้อขึ้นมาถึงข้อศอกป้อม ๆ คอสั้น ๆ มีผ้าพันคอเข้ากับลายของเสื้อเชิ้ตดูเก๋ไปอีกแบบ กางเกงขาสั้นสีน้ำตาลเข้มอวดน่องเป็นข้อ ๆ ดูจ้ำม่ำในทุกย่างก้าว เสื้อผ้ารองเท้าดูเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า ท่าทางการเดินที่เอามือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกงคล้ายนายแบบ แถมยังสวมแว่นตาสีชาอันโตทำให้เธอนึกขันพริมาละสายตาจากนายแบบตัวเล็ก แล้วมองหาพ่อของเด็กโดยอัตโนมัติ อยากรู้ว่าลูกขนาดนี้ แล้วแด๊ดที่เจ้าหนูน้อยคนนี้เรียกจะแต่งตัวขนาดไหน...“เฮ้ อย่าเพิ่งบ่นสิเซโล่...” เสียงทุ้มของผู้ชายตัวโตเหมือนยักษ์ปักหลั่นดังขึ้น เธอยืนมองสองพ่อลูกคุยกันโดยไม่รู้ตัว ผู้ชายตรงหน้าหล่อเหลาเหมือนพระเอกหนังฝรั่งที่เธอดูบ่อย ๆ ผมสีน้ำตาลอ่อนซอยสั้นรับกับใบหน้า คิ้วหนาที่พาดเฉียงเป็นปั้นรับกับดวงตาสีเขียวมะกอก ผู้ชายคนนี้หล่อและดวงตาสวยจนเธอแอบอิจฉา เขาสวมสูทสีน้ำตาลด้านในเป็นเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสแล็กส์เข้าชุดกันพริมาสังเกตเห็นนัยน์ตาสีเขียวมะกอกกวาดมองผู้คนโดยรอบเหมือนกําลังหาใครบางคน แล้วริมฝีปากหนาหย
เขามองเธอสติแตกด้วยสีหน้าไร้อารมณ์“ถ้าคุณว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่ แต่ถ้ารูปผมกับลูกหลุดไปแม้แต่ภาพเดียวถึงคุณจะอยู่ในซอกหลืบไหนในอิตาลีนี้ผมก็จะลากตัวคุณมา” เขาบอกเสียงเหี้ยม แววตาข่มขู่ ก่อนจะก้มบอกลูกชาย “ไปเซโล่เราต้องหาเพื่อนน้าเราให้เจอก่อน อย่ามาเสียเวลากับยายผู้หญิงสติแตกคนนี้เลย”เยี่ยม! พอเธอบอกว่าเป็นช่างภาพและดูเหมือนตัวเองอาจจะเข้าใจผิดจริง ๆ ก็แก้อาการหน้าแหกด้วยการขู่ก่อนจะพากันเดินหนีไป เจอหน้ายายจีด้าเมื่อไรแม่จะต่อว่าให้หูชาเอาปีศาจมารับเธอแทนแองจี้ (นางฟ้า) ได้ยังไงกัน!“เออ ไปไหนก็ไปเลย” เธอพูดไล่ตามหลัง ก่อนจะบอกกับตัวเอง “จีด้านะจีด้าให้อีตาปีศาจนี่มารับได้ยังไง ช่างเถอะแม่จะปล่อยให้เดินหาจนทั่วสนามบินเลย หายังไงก็ไม่เจอ เพราะฉันจะนั่งรถไปเอง..."ทีนี้จะเดินหาจนขาลากก็ไม่เจอเธอหรอกอีตายักษ์ปีศาจ!***********************แองเจโล่เดินจูงมือลูกชายจากมาด้วยอาการหัวเสีย ผู้หญิงตัวเล็กท่าทางก๋ากั่นช่างปากคอเราะราย ถ้าเขาไม่กลัวนักข่าวจะตามกลิ่นมาคงจะจัดการสั่งสอนไปสักยก ให้รู้เสียบ้างว่าคนอย่างแองเจโล่ เจ้าพ่อวงการเรือสําราญไม่ใช่คนที่จะให้ใครมาด่าง่าย ๆ!ท่าทางไม่เกรงกลัว ป
ขาเหลียวตามก็เห็นว่าเจ้าหล่อนกําลังขึ้นไปรอในรถ ส่วนคนขับกําลังยกกระเป๋าเดินทางใส่ท้ายรถ“วิ่ง! เจ้าลูกชาย” เขายกลูกชายขึ้นอุ้มแล้ววิ่งตรงไปยังรถแท็กซี่ พลางตะโกนเสียงดัง “แท็กซี่! อย่าเพิ่งออกรถ หยุด!”พริมานั่งรออยู่ในรถตกใจกับเสียงเรียกที่ดังลั่น หญิงสาวมองผ่านกระจกก็เห็นสองพ่อลูกปีศาจวิ่งตรงมา“บ้าเอ๊ย...หรือเขาจะรู้แล้วว่าเราคือคนที่เขาต้องมารับ” เธอรีบหันไปบอกคนขับ “ออกรถเลยค่ะ”คนขับแท็กซี่คล้ายลังเล ขณะที่กําลังสตาร์ตรถ แองเจโล่ก็มาถึง เขาทุบกระจกรถ ก่อนจะเอ่ยเสียงเหี้ยมกับคนขับ “คิดดี ๆ คุณแท็กซี่...ถ้าคุณออกรถ คุณจะไม่ได้วิ่งรถทำมาหากินอีกเลย”คนขับแท็กซี่ใบหน้าซีดเผือดเมื่อโดนข่มขู่ รีบทำไม้ทำมือบอกให้เธอลงจากรถ“คะ คุณผู้หญิง ผมคงออกรถให้คุณไม่ได้...สามีกับลูกคุณมาตามแล้ว ผมไม่อยากมีเรื่องกับมาเฟีย”“ดะ...เดี๋ยวสิ” เธออ้าปากเหวอ เมื่อจู่ ๆ ก็โดนไล่ลงจากรถ “ฉันไม่รู้จักสองคนนี้...”“ผมไม่สน ผมไม่อยากมีเรื่อง ลงไปเถอะครับ” คนขับทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เอาแต่พร่ำบอกให้พริมาลงจากรถไปเสียทีหญิงสาวก้าวลงจากรถอย่างหงุดหงิด มองคนขับที่รีบวิ่งไปเปิดท้ายรถแล้วเอากระเป๋ามาคืนให้ เขาโค
วิลล่าส่วนตัวของเซซาโน่อยู่ติดกับริมทะเลสาบโคโม ดูภายนอกใหญ่โตอลังการ คฤหาสน์หลังงามตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ดูงดงามและหรูหรา ตัวคฤหาสน์มีพื้นที่กว้างขวาง สองข้างทางล้อมรอบไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่เรียงราย ให้บรรยากาศถึงความเป็นธรรมชาติ แม้ยังไม่ได้ลงจากรถไปสัมผัสก็รู้ว่าอากาศดี วิวทิวทัศน์เยี่ยมขนาดไหนพริมานั่งตัวลีบอยู่ในรถลีมูซีนที่กําลังเคลื่อนตัวเข้าในบริเวณวิลล่า หญิงสาวเผลออ้าปากค้างและนึกอยู่ในใจ เธอไม่นึกว่าเพื่อนจะรวยขนาดนี้ ด้วยรู้แต่เพียงว่าจีด้าเป็นลูกสาวเจ้าของร้านเครื่องประดับในอิตาลี และที่มาเรียนต่อด้านการออกแบบอัญมณีก็เพราะจะกลับมาบริหารกิจการของครอบครัว แต่เมื่อได้ฟังจากเจ้าเด็กตัวกลมช่างพูด จีด้า เซซาโน่ คือทายาทคนเดียวของ เจราล เซซาโน่ นักธุรกิจอัญมณีที่มีร้านเครื่องประดับหลายสาขาทั่วยุโรปตลอดเวลาที่คบกัน จีด้าเป็นเพื่อนที่ดีกับเธอเสมอมา เพื่อนสาวไม่เคยโอ้อวดว่ามีฐานะร่ำรวยขนาดไหน ถึงแม้นิสัยจะแตกต่างกันสุดขั้วแต่จีด้าคือเพื่อนที่พริมาคบได้นานที่สุด เพราะเธอเป็นคนที่ทำอะไรตามอารมณ์และความรู้สึกตัวเอง ไม่ค่อยจะแคร์คนรอบข้างเท่าไรจนเพื่อนสาวบอกบ่อย ๆ ว่าเป็นผู้หญิง
หลังจากดึงเจ้าหนูเซโล่ออกมาจากใต้โต๊ะ ก็พาไปยังห้องนั่งเล่น ก่อนหาน้ำแข็งมาประคบเย็นให้ข้อมือที่เริ่มบวมแดง มือที่ขาวจัดจนเห็นรอยบวมแดงชัดเจน พอถูกประคบเย็นได้สักพักก็เริ่มจะเป็นสีเขียวช้ำวงไม่ใหญ่มาก“เจ็บมากไหมน่ะเรา” พริมาถามเบา ๆ“อูยยยย” เจ้าหนูสูดปากด้วยความเจ็บ “เจ็บสิฮะ พี่สาวสะบัดมาเต็มแรงแบบนั้น”“ก็ใครบอกให้เราเล่นพิเรนณ์ทำไมเล่า พี่ก็นึกว่า...” ผีน่ะสิก็เลยสะบัดเสียเต็มแรงขนาดนั้น หญิงสาวบ่นต่อท้ายในใจ“นึกว่าอะไรฮะ” เจ้าหนูเงยหน้าขึ้นมองตาแป๋ว“ไม่มีอะไรหรอกน่า หยุดพูดมากแล้วอยู่นิ่ง ๆ สิ” เธอแสร้งดุกลบเกลื่อน ก่อนเอ่ยถามอีกฝ่ายด้วยความสงสัย “แล้วเราไปอยู่ทำไมใต้โต๊ะกัน ไม่ได้ไปร้านกับน้าเราหรือยังไง”“ไม่ฮะ...” เจ้าหนูส่ายหน้าจนหัวสั่นหัวคลอน “เซโล่ไม่อยากไป ก็เลยขอน้าจีด้าอยู่ที่บ้าน เซโล่ไม่อยากไปนั่งเฝ้าร้าน เบื่อ”“เบื่อ?” เธอมองใบหน้ากลม ๆ ที่เม้มริมฝีปาก ท่าทางอารมณ์ไม่ค่อยดี “เป็นอะไรน่ะเรา ถ้าทางเคร่งเครียด ตัวแค่นี้รู้จักเบื่อเหมือนผู้ใหญ่แล้วเหรอ”“ก็มันเบื่อจริง ๆ นี่ฮะ” เจ้าตัวเล็กทำหน้ายู่ยี่ แล้วบ่น “น้าจีด้าก็เอาแต่ทำงานให้เซโล่นั่งเล่นอยู่แต่ในร้าน เซโล่เ
จ๋อม...เสียงวัตถุที่ตกกระทบผืนน้ำ ทำให้พริมายืนตัวแข็งและอ้าปากค้างอย่างนึกไม่ถึง ส่วนคนโยนมีสีหน้าไม่ยินดียินร้ายจีด้ายกมือขึ้นตบหน้าผากเบา ๆ ก่อนจะต่อว่าญาติผู้พี่ด้วยน้ำเสียงกรุ่นโกรธ “แองจี้! พี่ทำเกินไปแล้วนะ”แองเจโล่ตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ “ก็แค่ซื้อใหม่ จะเอาตัวที่ดีที่สุดเลยก็ได้ พี่ไม่ต้องการให้ลบเพราะถ้าตุกติกทีหลังจะทำยังไง ทำลายไปเลยง่ายกว่า จีด้าถามเพื่อนตัวเองก็แล้วกันว่าต้องการเท่าไร จะเพิ่มค่าเสียเวลาสักนิดพี่ก็ไม่มีปัญหา...”“พี่นี่มัน...” จีด้าเหลือทนตั้งท่าจะต่อว่าชุดใหญ่ ทว่าเจ้าของกล้องที่ยืนช็อกตัวแข็งบัดนี้เดินเข้ามาใกล้ก่อนจะ จับข้อมือเธอบอกเป็นเชิงให้หยุดต่อเถียงกัน“ไม่เป็นไรจีด้า”“เห็นไหม เจ้าตัวเขายังบอกว่าไม่เป็นไร” ชายหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงของผู้ชนะ ก่อนจะหันไปเอ่ยถามผู้หญิงปากจัดที่ตอนนี้ยืนหน้าซีด สีหน้าราบเรียบไร้อารมณ์ข้างญาติสาว “แล้วจะเอาค่าเสียหายเท่าไรก็รีบบอกมา...”“ฉันไม่ต้องการเงิน” เธอบอกใบหน้าที่ซีดขาวเพราะตกใจและเสียใจที่กล้องแสนรักถูกโยนไปต่อหน้าต่อตาเชิดขึ้น สองมือกําหมัดแน่นเพราะอารมณ์คุกกรุ่นที่อยู่ในอก“ไม่เอาเงิน?” เขาเลิกคิ้วอย่างสงสัย
เขาไม่ใส่ใจท่าทางฉุนเฉียวของผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นอดีตภรรยา โน้มตัวลงแล้วอุ้มลูกชายขึ้นแนบอก เซโล่มองเขาสลับกับวาเลนเซียด้วยแววตาสับสน เพราะไม่อยากมีปากเสียงกับอดีตภรรยาต่อหน้าลูกชาย แองเจโล่จึงเรียกโซอี้ เลขาคนสนิทที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ไม่ห่าง ให้มารับตัวลูกชายไปพักผ่อนรอในเรือส่วนตัว ก่อนจะหันกลับมาบอกหญิงสาวเจ้าของเรือนร่างเซ็กซี่ที่ยืนตัวสั่นเพราะความโกรธเสียงเย็น“คุณได้เที่ยวกับลูกชายอย่างที่อ้างสมใจมาทั้งวันแล้วนี่ หมดเวลาแล้วก็ไปซะ แล้วอย่ามาทำท่ากระแซะยั่วยวนอะไรผมอีก ถึงไม่อายตัวเองก็ควรจะอายพวกนักข่าวที่แอบตามมา อ้อ ไม่ใช่แอบตามสิ” เขายิ้มเยาะ “อายพวกนักข่าวที่คุณเชิญมาทำข่าวบ้าง มันน่าเกลียด...เพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกัน คุณไม่ใช่ภรรยาของผม ก็แค่อดีตที่ผมไม่มีวันหันหลังกลับไป มีแต่จะผลักใสให้ไปไกล ๆ เพราะขยะแขยงเท่านั้น”“แอล! คุณมัน…”เขาทำท่าจะเดินหนีเสียงกรีดร้องอย่างขัดใจของนางแบบชื่อดัง แต่ก็ต้องชะงักอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่ามีคนแอบมอง สัญชาตญาณบอกให้หันไปยังทิศทางตรงกันข้าม เขาเห็นผู้หญิงสองคนยืนจ้องมองเขาอยู่ไกล ๆ ใกล้ท่าเรือที่รอรับผู้โดยสาร ดวงตาคมกล้าเห็นว่าเป็นญาติผ
เมืองโคโมนั้นเป็นเมืองที่งดงาม บ้านเรือนปลูกสร้างในสไตล์วิลล่าและบ้านพักตากอากาศของผู้มีอันจะกิน สิ่งที่ดึงดูดผู้คนให้มาเที่ยวยังสถานที่นี้ก็คือ อากาศที่บริสุทธิ์และตัวทะเลสาบที่เรียกว่าเป็นหนึ่งในทะเทสาบที่งดงามของยุโรปและใหญ่เป็นอันดับสามของอิตาลีเมื่อเรือจอดเทียบท่า เมืองที่สองสาวแวะหลังจากล่องเรือก็คือเมืองเบลลาโจ้ (Bellajo) เบลลาโจ้เป็นเมืองเล็ก ๆ อีกเมืองหนึ่งที่อยู่ติดทะเลสาบโคโม ไม่ไกลจากพรมแดนสวิตเซอร์แลนด์พริมาเก็บภาพเมืองฝั่งตรงข้ามที่ถูกขวางกั้นด้วยทะเลสาบสีสวย ริมฝั่งแม่น้ำมีหมู่บ้านเล็ก ๆ บ้านเรือนสีสันสดใสที่ปลูกสร้างเรียงรายแต่กลับดูเข้ากันและกลมกลืนกับทะเทสาบสีน้ำเงินเข้ม ป่าสีเขียวได้อย่างประหลาดทัศนียภาพที่เธอเพิ่งเคยเห็นทำให้รู้สึกตื่นตาตื่นใจ จึงไม่แปลกใจที่เพื่อนสาวอย่างจีด้าถึงมีบ้านพักตากอากาศที่โคโม ด้วยบรรยากาศดี เงียบสงบ ไหนจะความสวยงามของเทือกเขาสลับซับซ้อนที่โอบล้อมทะเลสาบเอาไว้ เมืองนี้ถือเป็นเมืองสําหรับพักผ่อน เพราะแค่เดินเล่นรอบเมือง ถ่ายรูปริมทะเลสาบก็ถือว่าเป็นการท่องเที่ยวอย่างหนึ่งเบลลาโจ้เป็นเมืองที่ต้องเดินขึ้นไปตามถนนเล็ก ๆ ที่สองฝั่งเป็นตึก
พริมาล้มตัวนอนหงายอยู่บนเตียงใหญ่ บิดขี้เกียจไปมาด้วยความเมื่อยขบเพราะนั่งเครื่องยาวติดกันหลายชั่วโมง และกว่าจะถึงวิลล่าก็ต้องนั่งรถอีกชั่วโมงกว่า ๆห้องที่จีด้าจัดให้เธอพักผ่อนอยู่ชั้นสาม บ้าน ไม่สิ คฤหาสน์หลังนี้มีห้องหับเกือบยี่สิบห้อง แต่เธอไม่ทันได้เยี่ยมชมบ้านหลังใหญ่ตามคําเชิญของเพื่อนหรอก เพราะเหนื่อยและเพิ่งหงุดหงิดกับผู้ชายปากสุนัขจนเกือบจะมีเรื่องกันในรถ ถ้าหากเพื่อนเธอไม่เปิดประตูรถมาเจอเข้าเสียก่อน พออีกฝ่ายเห็นจีด้าก็รีบปล่อยคอเสื้อที่ดึงกระชากไว้ทันควันก่อนจะอุ้มลูกตัวเองแล้วหนีไปดุ่ม ๆ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นห้องที่เธออยู่ดูเก่าแก่ เตียงหลังใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่กลางห้อง ผ้าม่านสีทึบ เครื่องเรือนโบราณ บรรยากาศที่เงียบสงัด ให้ความรู้สึกเหมือนคฤหาสน์ในภาพยนตร์สยองขวัญเรื่องหนึ่ง ที่มีวิญญาณลึกลับคอยอาฆาต หลอกหลอนคนในบ้าน จินตนาการเริ่มฟุ้งซ่านอย่าให้มีอะไรโผล่มาใต้เตียงนะ พี่ขอร้อง!ก๊อก ๆเสียงเคาะประตูทำให้เธอสะดุ้งสุดตัวหลุดจากจินตนาการอันล้ำเลิศ หญิงสาวรีบเดินไปเปิดประตูห้องก็เห็นว่าเป็นจีด้าจีด้าก้าวเข้ามาในห้อง ทิ้งตัว
วิลล่าส่วนตัวของเซซาโน่อยู่ติดกับริมทะเลสาบโคโม ดูภายนอกใหญ่โตอลังการ คฤหาสน์หลังงามตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ดูงดงามและหรูหรา ตัวคฤหาสน์มีพื้นที่กว้างขวาง สองข้างทางล้อมรอบไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่เรียงราย ให้บรรยากาศถึงความเป็นธรรมชาติ แม้ยังไม่ได้ลงจากรถไปสัมผัสก็รู้ว่าอากาศดี วิวทิวทัศน์เยี่ยมขนาดไหนพริมานั่งตัวลีบอยู่ในรถลีมูซีนที่กําลังเคลื่อนตัวเข้าในบริเวณวิลล่า หญิงสาวเผลออ้าปากค้างและนึกอยู่ในใจ เธอไม่นึกว่าเพื่อนจะรวยขนาดนี้ ด้วยรู้แต่เพียงว่าจีด้าเป็นลูกสาวเจ้าของร้านเครื่องประดับในอิตาลี และที่มาเรียนต่อด้านการออกแบบอัญมณีก็เพราะจะกลับมาบริหารกิจการของครอบครัว แต่เมื่อได้ฟังจากเจ้าเด็กตัวกลมช่างพูด จีด้า เซซาโน่ คือทายาทคนเดียวของ เจราล เซซาโน่ นักธุรกิจอัญมณีที่มีร้านเครื่องประดับหลายสาขาทั่วยุโรปตลอดเวลาที่คบกัน จีด้าเป็นเพื่อนที่ดีกับเธอเสมอมา เพื่อนสาวไม่เคยโอ้อวดว่ามีฐานะร่ำรวยขนาดไหน ถึงแม้นิสัยจะแตกต่างกันสุดขั้วแต่จีด้าคือเพื่อนที่พริมาคบได้นานที่สุด เพราะเธอเป็นคนที่ทำอะไรตามอารมณ์และความรู้สึกตัวเอง ไม่ค่อยจะแคร์คนรอบข้างเท่าไรจนเพื่อนสาวบอกบ่อย ๆ ว่าเป็นผู้หญิง
ขาเหลียวตามก็เห็นว่าเจ้าหล่อนกําลังขึ้นไปรอในรถ ส่วนคนขับกําลังยกกระเป๋าเดินทางใส่ท้ายรถ“วิ่ง! เจ้าลูกชาย” เขายกลูกชายขึ้นอุ้มแล้ววิ่งตรงไปยังรถแท็กซี่ พลางตะโกนเสียงดัง “แท็กซี่! อย่าเพิ่งออกรถ หยุด!”พริมานั่งรออยู่ในรถตกใจกับเสียงเรียกที่ดังลั่น หญิงสาวมองผ่านกระจกก็เห็นสองพ่อลูกปีศาจวิ่งตรงมา“บ้าเอ๊ย...หรือเขาจะรู้แล้วว่าเราคือคนที่เขาต้องมารับ” เธอรีบหันไปบอกคนขับ “ออกรถเลยค่ะ”คนขับแท็กซี่คล้ายลังเล ขณะที่กําลังสตาร์ตรถ แองเจโล่ก็มาถึง เขาทุบกระจกรถ ก่อนจะเอ่ยเสียงเหี้ยมกับคนขับ “คิดดี ๆ คุณแท็กซี่...ถ้าคุณออกรถ คุณจะไม่ได้วิ่งรถทำมาหากินอีกเลย”คนขับแท็กซี่ใบหน้าซีดเผือดเมื่อโดนข่มขู่ รีบทำไม้ทำมือบอกให้เธอลงจากรถ“คะ คุณผู้หญิง ผมคงออกรถให้คุณไม่ได้...สามีกับลูกคุณมาตามแล้ว ผมไม่อยากมีเรื่องกับมาเฟีย”“ดะ...เดี๋ยวสิ” เธออ้าปากเหวอ เมื่อจู่ ๆ ก็โดนไล่ลงจากรถ “ฉันไม่รู้จักสองคนนี้...”“ผมไม่สน ผมไม่อยากมีเรื่อง ลงไปเถอะครับ” คนขับทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เอาแต่พร่ำบอกให้พริมาลงจากรถไปเสียทีหญิงสาวก้าวลงจากรถอย่างหงุดหงิด มองคนขับที่รีบวิ่งไปเปิดท้ายรถแล้วเอากระเป๋ามาคืนให้ เขาโค
เขามองเธอสติแตกด้วยสีหน้าไร้อารมณ์“ถ้าคุณว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่ แต่ถ้ารูปผมกับลูกหลุดไปแม้แต่ภาพเดียวถึงคุณจะอยู่ในซอกหลืบไหนในอิตาลีนี้ผมก็จะลากตัวคุณมา” เขาบอกเสียงเหี้ยม แววตาข่มขู่ ก่อนจะก้มบอกลูกชาย “ไปเซโล่เราต้องหาเพื่อนน้าเราให้เจอก่อน อย่ามาเสียเวลากับยายผู้หญิงสติแตกคนนี้เลย”เยี่ยม! พอเธอบอกว่าเป็นช่างภาพและดูเหมือนตัวเองอาจจะเข้าใจผิดจริง ๆ ก็แก้อาการหน้าแหกด้วยการขู่ก่อนจะพากันเดินหนีไป เจอหน้ายายจีด้าเมื่อไรแม่จะต่อว่าให้หูชาเอาปีศาจมารับเธอแทนแองจี้ (นางฟ้า) ได้ยังไงกัน!“เออ ไปไหนก็ไปเลย” เธอพูดไล่ตามหลัง ก่อนจะบอกกับตัวเอง “จีด้านะจีด้าให้อีตาปีศาจนี่มารับได้ยังไง ช่างเถอะแม่จะปล่อยให้เดินหาจนทั่วสนามบินเลย หายังไงก็ไม่เจอ เพราะฉันจะนั่งรถไปเอง..."ทีนี้จะเดินหาจนขาลากก็ไม่เจอเธอหรอกอีตายักษ์ปีศาจ!***********************แองเจโล่เดินจูงมือลูกชายจากมาด้วยอาการหัวเสีย ผู้หญิงตัวเล็กท่าทางก๋ากั่นช่างปากคอเราะราย ถ้าเขาไม่กลัวนักข่าวจะตามกลิ่นมาคงจะจัดการสั่งสอนไปสักยก ให้รู้เสียบ้างว่าคนอย่างแองเจโล่ เจ้าพ่อวงการเรือสําราญไม่ใช่คนที่จะให้ใครมาด่าง่าย ๆ!ท่าทางไม่เกรงกลัว ป
“แด๊ดฮะ ไหนล่ะ คนที่เราต้องมารับ คนก็เยอะแล้วเราจะหาเจอไหมฮะ”หญิงสาวมองเด็กผู้ชายอายุประมาณห้าขวบ สวมเสื้อเชิ้ตที่ถูกพับแขนเสื้อขึ้นมาถึงข้อศอกป้อม ๆ คอสั้น ๆ มีผ้าพันคอเข้ากับลายของเสื้อเชิ้ตดูเก๋ไปอีกแบบ กางเกงขาสั้นสีน้ำตาลเข้มอวดน่องเป็นข้อ ๆ ดูจ้ำม่ำในทุกย่างก้าว เสื้อผ้ารองเท้าดูเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า ท่าทางการเดินที่เอามือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกงคล้ายนายแบบ แถมยังสวมแว่นตาสีชาอันโตทำให้เธอนึกขันพริมาละสายตาจากนายแบบตัวเล็ก แล้วมองหาพ่อของเด็กโดยอัตโนมัติ อยากรู้ว่าลูกขนาดนี้ แล้วแด๊ดที่เจ้าหนูน้อยคนนี้เรียกจะแต่งตัวขนาดไหน...“เฮ้ อย่าเพิ่งบ่นสิเซโล่...” เสียงทุ้มของผู้ชายตัวโตเหมือนยักษ์ปักหลั่นดังขึ้น เธอยืนมองสองพ่อลูกคุยกันโดยไม่รู้ตัว ผู้ชายตรงหน้าหล่อเหลาเหมือนพระเอกหนังฝรั่งที่เธอดูบ่อย ๆ ผมสีน้ำตาลอ่อนซอยสั้นรับกับใบหน้า คิ้วหนาที่พาดเฉียงเป็นปั้นรับกับดวงตาสีเขียวมะกอก ผู้ชายคนนี้หล่อและดวงตาสวยจนเธอแอบอิจฉา เขาสวมสูทสีน้ำตาลด้านในเป็นเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสแล็กส์เข้าชุดกันพริมาสังเกตเห็นนัยน์ตาสีเขียวมะกอกกวาดมองผู้คนโดยรอบเหมือนกําลังหาใครบางคน แล้วริมฝีปากหนาหย