สวมรอยครั้งที่ 07
Seiya part
บรรยากาศในรถอึดอัดจนน่าขนลุก ทั้งที่เขาเป็นคนบอกผมว่ามีเรื่องจะคุยด้วย แต่ตัวเองกลับเอาแต่นั่งเงียบตลอดทางแถมทำหน้านิ่งจนผมคาดเดาอารมณ์ไม่ถูกอีก
ในใจเขาคงมีคำถามว่าทำไมผมถึงไปอยู่ในผับจนเกือบโดนผู้ชายตัวใหญ่ที่คาดว่าจะเป็นคนรู้จักของพี่ชูลากเข้าโรงแรมได้ ก็คงต้องย้อนไปประมาณสักห้าชั่วโมงก่อน
ผมได้รับโทรศัพท์จากลูอิสเกี่ยวกับภารกิจสำคัญที่ลูอิสรับเอาไว้ แต่จอมโจรไนท์บลูมันดันออกมาเสียก่อน ลูอิสจึงขอร้องให้ผมมาทำภารกิจนี้แทนหนึ่งวัน จะให้ผมไปจับจอมโจรไนท์บลูแทนก็กลัวว่าผมจะถูกหัวหน้าและคนในองค์กรจับได้ว่าแอบมาปฏิบัติหน้าที่ทั้งที่โดนพักงานอยู่ แล้วผมอาจจะซวยจนโดนไล่ออก
ผมจึงต้องจำใจแอบออกจากบ้านมาปลอมตัวเป็นเด็กเสิร์ฟที่นี่ เพื่อหาตัวเป้าหมายให้ลูอิส มันเป็นแค่ภารกิจจับชู้ธรรมดานั่นแหละ ปกติลูอิสมันคงไม่รับหรอก แต่คงเพราะเงินหนามันถึงได้ยอมรับ แต่คอยดูเถอะถ้าภารกิจสำเร็จผมทวงส่วนแบ่งเก้าสิบเปอร์เซ็นต์แน่
"ไปต่อกันไหมครับ" เสียงของผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้นมาหลังจากที่ผมเตรียมตัวจะออกจากที่ทำงานแล้ว หลังจากถ่ายรูปชู้ของผู้ว่าจ้างตอนอยู่กับสามีเธอมาได้แบบภาพคมชัด
"ขอโทษครับ ผมไม่ได้ขาย" ผมบอกเขาก่อนจะเดินเลี่ยงออกไป แต่มือหนาของเขาก็มาจับแขนผมไว้
"เดี๋ยวสิ เท่าไหร่ผมจ่ายได้นะ"
"บอกว่าไม่ไง" ผมบอกเขาพร้อมกับใบหน้าหงุดหงิดให้เขารู้ว่าผมไม่สบอารมณ์แต่ผู้ชายคนนี้ก็ยังตื๊อไม่เลิก
"เดี๋ยวสิคุณ"
ผมใช้จังหวะนั่นวิ่งหนีเขาออกมานอกผับและคิดว่าเขาคงไม่ตามมา แต่ผมคิดผิด เขายังคงวิ่งตามผมมาอยู่แถมใบหน้ายังยิ้มเหมือนถูกใจที่ผมวิ่งหนีเขาอีก นี่เขาคิดว่าผมกำลังเล่นวิ่งไล่จับเขาหรือไง เขาวิ่งมาฉุดกระชากแขนผม แต่ผมก็ใช้แรงสะบัดเขาออกมาได้ก่อนจะสับตีนหนีไอ้คนช่างตื๊อนี่สุดชีวิต ผมเปลี่ยนทิศทางในการวิ่งหนีเขา และก็ค้นพบว่าเรดาร์การหนีของตัวเองน่าจะผิดพลาด
เพราะขาทั้งสองข้างของผมได้พาผมวิ่งเข้ามาหาผู้ชายที่ผมไม่อยากเจอมากที่สุดแล้ว พี่ชูกำลังยืนจ้องหน้าผมอยู่
"พี่ชู" ผมพูดชื่อเขาด้วยความตกใจ แต่เวลานี้ดูเหมือนจะไม่ใช่เวลาที่จะมาตกใจพี่ชูแล้ว ผมรีบวิ่งไปหลบหลังพี่ชูพร้อมกับส่งสายตาอ้อนวอนขอให้เขาช่วย ถึงแม้ไม่รู้ว่าเขาจะช่วยหรือจะแกล้งผมก็ตาม
"รู้จักเหรอวะชู" ผู้ชายคนนั้นวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าเราทั้งคู่และถามพี่ชู หัวใจของผมเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะด้วยความรู้สึกกลัว กลัวว่าเขาจะไม่ช่วยผม
"คนนี้ของกู มึงไปหาคนอื่นเถอะ"
พี่ชูหันไปพูดกับผู้ชายคนนั้นและเขาก็ทำหน้าไม่สบอารมณ์ แต่สุดท้ายก็ยอมเดินถอยแล้วกลับไปที่ผับ หลังจากนั้นพี่ชูก็จ้องผมเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ แต่ก็ยอมให้ผมขึ้นมาบนรถแถมบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย แต่ตั้งแต่ขึ้นรถมาเขายังไม่พูดอะไรเลย เอาแต่เงียบมาจะสามสิบนาทีแล้ว
"ขอบคุณนะครับที่ช่วยเมื่อกี้" ผมเลือกที่จะเป็นฝ่ายพูดออกมาก่อน
"ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ฉันจำได้ว่าผับนี้ตรวจบัตรนะ"
"ผมมาทำงานครับ" ผมโกหกออกไป แต่ก็ไม่ได้เรียกว่าโกหกหรอกนะเพราะจริงๆ แล้วผมก็มาทำงาน แต่แค่ไม่ได้มาทำงานเป็นพนักงาน เสริร์ฟแต่มาสืบคดีต่างหาก อีกอย่างตอนเข้าผับผมก็ใช้บัตรของตัวเองจริงๆ ไม่ได้ใช้บัตรปลอมที่เอาไว้แสดงตัวว่าเป็นท้องฟ้า
"ทำทำไม เงินที่พ่อให้ไม่พอเหรอ" พี่ชูหันมามองสำรวจสภาพผมที่อยู่ในชุดพนักงานเสิร์ฟก่อนจะหันกลับไปโฟกัสกับการขับรถต่อ
"ไม่มีครับ ผมจะได้เงินก็ต่อเมื่อพี่ทะเลาะกับผมเท่านั้น" ผมเลือกที่จะโกหกหน้าตาย โชคดีที่คุณเลขาให้ผมอ่านเกี่ยวกับพินัยกรรมแล้ว เผื่อเอาไว้ไปต่อรองเวลาโดนพี่ชูแกล้งอะไร
"พ่อให้แค่ค่าเล่าเรียนครับ ไม่ได้ให้ค่าขนม" ผมพูดต่อ จริงๆ แล้วคุณพ่อของท้องฟ้าจะส่งเงินให้กับท้องฟ้าทุกสามเดือนเป็นเงินก้อนใหญ่เอาไว้ใช้และไว้เป็นค่าเทอม ซึ่งผมก็ให้ท้องฟ้าเก็บไว้ ไม่เคยขอยืมหรือเอาเงินของน้องมาใช้เลยสักยูโรเดียว
"อยากได้เท่าไหร่ก็บอกแล้วกัน"
"พี่จะให้ผมเหรอ" ผมถามอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง นี่เขาเชื่อคำโกหกของผมด้วยเหรอเนี่ยว่าผมไม่มีเงิน
"อืม"
"ขอบคุณนะครับ"
ถึงจะนึกแปลกใจที่เขายอมให้ผมง่ายๆ แต่ต่อให้ผมไม่มีเงินจริงๆ ผมก็คงไม่คิดที่จะขอหรือยืมเขาหรอก เพราะผมไม่ชอบที่จะต้องติดหนี้บุญคุณใคร เราทั้งคู่ปล่อยให้บรรยากาศภายในรถเงียบลงอีกครั้ง
"เรื่องคืนนั้น ขอโทษที่โมโหใส่คิดว่าพี่เป็นคนทำนะครับ" และก็เป็นผมเหมือนเดิมที่เป็นฝ่ายพูดทำลายความเงียบระหว่างเรา
"รู้แล้วเหรอ"
"ผมไปย้อนดูแล้ว ไม่เห็นตอนพี่เอาเข็มกลัดไปใส่ห้องผมเลย" ผมพูดอย่างรู้สึกผิดเพราะหลังจากที่เรามีปากเสียงกันผมก็ไปย้อนดูคลิป ก็พบว่าไม่มีจังหวะที่เขาจะเอาเข็มกลัดไปซ่อนในห้องผมเลย เขาแทบจะไม่ได้เดินไปจุดที่คนใช้เจอเข็มกลัดด้วยซ้ำ แต่ผมก็ยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนใส่ร้ายผม เพราะนอกจากพี่ชู ผมก็ไม่เห็นใครที่เข้าห้องผมอีกเลย ผมหันไปมองเสี้ยวหน้าพี่ชูเขาทำหน้าราวกับเหมือนว่าคิดอะไรออกแต่ไม่ยอมพูดออกมา และคงเพราะเห็นว่าผมจ้องอยู่เขาถึงได้หันมามอง
"หึ ไม่ได้ทำเองหรือไง" พี่ชูพูดด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังนัก
"เปล่าสักหน่อย"
ผมว่าแล้วเหม่อมองออกไปนอกกระจกรถในยามค่ำคืน พวกเราไม่ได้คุยอะไรกันต่อทำให้บรรยากาศเงียบตลอดทาง มีเพียงเสียงเพลงในรถเท่านั้นที่ทำให้บรรยากาศไม่น่าอึดอัด หรืออาจจะเป็นเพราะคนที่กำลังขับรถอยู่เริ่มคลายความระแวงในตัวผมออกทีละนิดแล้วก็ได้
มันคงจะดีถ้าเขาเลิกระแวงผมและคิดซะว่าผมเป็นน้องชายของเขาคนหนึ่ง แต่มันก็คงเป็นไปได้ยากที่จะทำให้เขาเลิกระแวงจริงๆ
เราต่างแยกย้ายกลับห้องของตัวเองหลังจากถึงบ้านในเวลาตีหนึ่งกว่า ผมเดินเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมเข้านอน ผมหยิบโทรศัพท์เครื่องสวยขึ้นมากดดูกล้องวงจรปิดต่างๆ ภายในบ้านที่ผมแอบเอากล้องแอบถ่ายไปติดไว้ เผื่อคนร้ายหรือคนในบ้านเคลื่อนไหวอะไร และเมื่อตอนที่มือกำลังจะกดปิดเพราะไม่เห็นอะไร คนน่าสงสัยก็เดินผ่านกล้องหลังบ้านไป
คุณป้าเนตรดาวจะไปไหน
ผมเด้งตัวลุกขึ้นจากเตียงทันที พอเงยหน้ามองนาฬิกาติดผนังก็เห็นว่านี่จวนจะตีสองแล้ว ไม่น่าใช่เวลาที่คนจะออกไปข้างนอก แถมยังใช้ประตูหลังบ้านอีก ไม่รอให้ตัวเองได้สงสัยนาน ผมก็รีบแอบตามเธอออกไปทันที
คุณป้าเนตรดาวหรือป้าแม่นมของสองแฝดเดินออกมาตรงบริเวณหลังบ้านที่มีแต่ป่า เธอหยุดเดินแล้วทำท่าเหมือนรอใครบางคนอยู่ ผมจึงแอบย่องไปยืนแอบอยู่หลังต้นใหม่ใหญ่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเธอ สักพักก็มีรถคันหรูสีขาวมุกมาจอดอยู่ตรงหน้าเธอ ก่อนที่ผมจะต้องตกใจตอนที่เห็นเจ้าของรถ
ไอ้ไมค์?
ผมปิดปากตัวเองตาเบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อตัวเองที่เห็นแม่นมกับไอ้ไมค์รู้จักกัน ซึ่งนี่น่าจะเป็นเรื่องที่ผมคาดไม่ถึงเลย และก็ยิ่งต้องตกใจยิ่งกว่าเดิม ตอนที่ไอ้ไมค์มันเรียกป้าเนตรดาวว่าแม่ สองคนนี้เป็นแม่ลูกกันเหรอ และดูเหมือนเรื่องน่าตกใจมันจะยังไม่หมด เมื่อมีบิ๊กไบค์ขับมาจอดอยู่หน้าคนทั้งคู่ คนขับรถบิ๊กไบค์จัดการถอดหมวกกันน็อคออกก่อนจะจัดการจัดผมสาวสีควันบุหรี่ให้เข้าทรง
"พี่คัทเตอร์" ผมเผลอพูดชื่อคนมาใหม่อย่างไม่น่าเชื่อก่อนจะรีบหันหลังหลบหลังต้นไม้ในตอนที่เขาหันมา ผมลืมไปว่าอดีตสายลับคนนี้หูดีมากแค่ไหน ผมแทบลืมวิธีหายใจตอนที่บรรยากาศมันเงียบสงัน
"มีอะไรหรือเปล่า" เสียงแม่นมถามขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ ผมจึงค่อยๆ ขยับตัวหันไปมอง ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก ดูเหมือนผมจะคิดมากไป พี่คัทเตอร์น่าจะยังไม่เห็นผม
"เปล่า" พี่คัทเตอร์หันไปตอบแม่นม
"เล่าแผนต่อเลย" และเป็นไมค์ที่พูดขึ้นมา
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผมเลือกที่ไกลไปหรือเพราะสามคนนั้นเดินไปคุยกันไกลกว่าจุดที่ผมแอบฟัง ผมจึงได้ยินมันไม่ถนัด จับใจความได้แค่ว่าให้พี่คัทเตอร์จัดการชินอะไรสักอย่าง แต่พอเดาได้ว่าป้าแม่นมน่าจะต้องการให้จัดการชิน นั่นยิ่งทำให้ผมคิ้วขมวดยิ่งกว่าเดิม ทำไมต้องเป็นชินล่ะ เด็กคนนั้นน่าจะไม่มีอะไรที่สุดแล้วนะ หรือป้าแม่นมแค้นอะไรชิน แต่เธอก็เป็นคนเลี้ยงชินมาเองกับมือนี่
เป็นความสัมพันธ์ที่ทั้งรักทั้งเกลียดเหรอ
และด้วยความอยากรู้ ผมเตรียมที่จะมองซ้ายมองขวาเพื่อหาต้นไม้ที่ใกล้ที่สุดเพื่อเข้าไปฟังแผนการของทั้งคู่ใกล้ๆ แล้วแต่ก็เจอแต่ต้นเล็กๆ ถ้าไปหลบผมสีทองบนหัวนี่ก็น่าจะทำให้ผมโป๊ะจนโดนจับได้แล้ว นึกอยากทุบหัวตัวเอง ตอนโดนถามว่าจะย้อมผมเป็นสีดำไหม ดันเลือกที่จะปฏิเสธเพราะชอบสีนี้
"แล้วจะเอายังไงกับเซย์ยะ" ผมได้ยินชื่อตัวเองออกมาจากปากพี่คัทเตอร์นั่นทำให้ผมอยากรู้ยิ่งกว่าเดิม และเหมือนหัวสมองอันชาญฉลาดจะคิดอะไรออก ผมลืมไปเลยว่าเมื่อครู่แอบหยิบมดดักฟังออกมาด้วย ผมจัดการหยิบมันออกมาจากกระเป๋าเสื้อนอน เปิดเครื่อง และกดให้มันเดินไปใกล้ทั้งคู่เพื่อจะจัดการบันทึกเสียงคนพวกนั้นเพื่อไปฟังทีหลัง
"ในเมื่อมันอยากเข้ามาสาระแน ก็จัดการมันซะ"
"ทำให้มันเป็นแพะรับบาป"
"ฉันเตรียมแผนเอาไว้แล้ว แกแค่จัดการไอ้เด็กชินก็พอ"
เสียงของแม่นมพูดขึ้นมา ผมไม่ได้คิดไปเองใบหน้าของเธอตอนนี้ดูโรคจิตจนไม่เหลือคราบแม่นมผู้แสนดีของสองแฝดเลยสักนิด ในขณะที่ผมกำลังจ้องมองพวกคนสามคนที่กำลังวางแผนอยู่นั้น รองเท้าหนังของพี่คัทเตอร์ก็เหยียบมดดักฟังของผมจนเละ ไม่รู้บังเอิญหรือจงใจ แต่ดูจากการขยี้เท้าแล้วน่าจะตั้งใจแล้วแหละ นี่ผมโดนจับได้เหรอ
สมแล้วที่เคยเป็นเบอร์หนึ่งขององค์กร คนคนเดียวที่ผมเคยเป็นรองเขา
"ทำอะไร" แม่นมถามอย่างแปลกใจ
"แค่แมลง"
พี่คัทเตอร์ตอบทำเอาผมโล่งอกไปอีกครั้ง ตอนแรกคิดว่าเขาจะแฉว่าผมกำลังแอบฟังเสียอีก แต่เขาก็เลือกที่จะปิดไว้ สักพักทั้งแม่นมและไอ้ไมค์ก็แยกย้ายกันออกไปแล้ว เหลือเพียงแค่พี่คัทเตอร์ที่ยืนอยู่ ซึ่งผมเองก็แปลกใจที่เขาไม่ยอมไปเสียที
หรือเขากำลังรอให้ผมออกไปเอง เพื่อบอกว่าตอนนี้เขาจับผมได้แล้วนะว่ามายืนแอบฟังอยู่
"พรุ่งนี้สี่โมงเย็น มาเจอกันที่นี่" อยู่ดีๆ เขาก็หยิบโบชัวร์อะไรในกระเป๋าขึ้นมาโยนทิ้งแล้วพูดลอยๆ แต่ผมรู้ว่าเขากำลังพูดกับผม จากนั้นพี่คัทเตอร์ก็ขับรถออกไปแล้ว
พอเห็นทางสะดวกผมถึงได้เดินไปหยิบโบชัวร์ มันเป็นโบชัวร์ฉลองเปิดร้านอะไรสักอย่าง ซึ่งพี่คัทเตอร์จงใจทิ้งมันไว้ให้ผม
ดูเหมือนว่าถ้าอยากรู้แผนการของพวกเขาทั้งสามคน ก็มีแต่ต้องเสี่ยงไปที่นี่ตามคำพูดของพี่คัทเตอร์เท่านั้น
สวมรอยครั้งที่ 08Shuu partสองอาทิตย์แล้วที่ท้องฟ้าตัวปลอมมาอยู่ที่นี่ แต่กลับไม่ทำอะไรเลยนอกจากใช้ชีวิตปกติ ปกติแบบที่ไม่ทำอะไรน่าสงสัยเลยนอกจากการติดกล้องที่ห้องตัวเอง ราวกับว่ามีของสำคัญอยู่ในนั้น และกลัวว่ามีใครจะมาเอาไปในตอนแรกผมคิดว่าเขาอาจจะเป็นมิจฉาชีพ แต่ดูแล้วไม่น่าจะใช่ ถ้าจุดประสงค์ของเขาคือการสวมรอยเป็นท้องฟ้าเพื่อขโมยของ เขาคงทำไปนานแล้ว ไม่ปล่อยเวลามานานขนาดนี้หรอกRrrrrrนักสืบ"สวัสดีครับ"(สวัสดีครับคุณชู ผมเจอข้อมูลที่แปลกมาก เดี๋ยวผมส่งไปให้ดูทางเมลนะครับ)"ขอบคุณครับ"ผมกดตัดสายจากนักสืบแล้วจัดการเปิดคอมขึ้นเพื่อเข้าระบบเมลตัวเองไม่ใช่เมลบริษัท รอไม่นานนักสืบก็ส่งข้อมูลมาให้ผม มันเป็นข้อมูลของคนสองคน คนแรกคือท้องฟ้าตัวปลอม ผมไล่อ่านข้อมูลดูมันมีข้อมูลประวัติของเขาขึ้นมา ทั้งหมดสามชื่อชื่อแรก เจย์เลน วิโทรี่ นักฆ่าของแก๊ง มังกรสีนิล ผู้มีอิทธิพลในภาคใต้ ที่ถูกรัฐบาลกวาดล้างไปเมื่อสามปีก่อน
สวมรอยครั้งที่ 09Seiya part"เล่าให้ฟังได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น"ผมหลุบตาหลบสายตาที่กำลังจ้องมองเหมือนต้องการคาดคั้นผมอยู่ ดูเหมือนว่าผมจะเผลอแสดงทั้งด้านมืดและด้านที่อ่อนแอให้คนที่เกลียดผมเห็นซะแล้วสิ ผมถอนหายใจออกมาเมื่อนึกถึงสภาพตัวเองที่ฟิวขาดมือข้างหนึ่งยกขึ้นมาลูบใบหน้าตัวเองอย่างคนคิดหนักแต่สุดท้ายผมก็ตัดสินใจจะเล่าให้เขาฟัง"พวกนั้นมันเข้ามาทำร้ายผมครับ ผมก็เลยป้องกันตัว" ผมบอกและผมรู้ดีว่าต่อให้ไม่ได้เงยหน้าไปมอง ผมก็รู้ว่าเขากำลังจ้องหน้าผมด้วยความสงสัยอยู่"แต่ผมควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้เวลาที่ต่อสู้ เหมือนร่างกายมันจะสู้ไปเรื่อยๆ จนกว่าคู่ต่อสู้จะตาย หรือผมจะสลบไป" ผมเล่าให้เขาฟังต่อ มันเป็นความจริงที่ว่าผมไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ถ้าฟิวขาด อย่างตอนที่ผมต่อยกับพวกสายลับปลายแถวจนโดนพักงาน ถ้าไม่มีคนมาห้าม ผมก็คงต่อยพวกมันปางตายไปแล้วรวมถึงเมื่อตอนเย็นที่มีคนมาหาเรื่องผมก็ด้วย ผมต่อยและสู้กับพวกมัน ยิ่งเห็นว่าพวกมันเก่งผมยิ่งเหมือนคนที่เสีย
สวมรอยครั้งที่ 10Shuu partผมรีบขับรถมาที่โรงพยาบาลทันทีที่เลขาโทรมาบอกว่าพี่เฌอโดนจอมโจรไนท์บลูที่กำลังเป็นข่าวอยู่ตอนนี้ดักทำร้าย พอวิ่งเข้ามาก็เห็นว่าคุณเลขากำลังยืนคุยอะไรสักอย่างกับท้องฟ้าตัวปลอมอยู่หน้าห้องทั้งคู่แสดงสีหน้าที่ดูเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด"พี่เฌอเป็นไงบ้างครับ" ผมวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าคุณเลขา"หมอยังไม่ออกมาครับ""ฝีมือนายใช่ไหม" ผมหันไปมองคนที่ยืนก้มหน้าเหมือนคิดอะไรอยู่ในหัว"เกี่ยวอะไรกับผม" ท้องฟ้าถามขึ้นมา"ก็นายร่วมมือกับไอ้เหี้ยนั่นไง"ผมบีบแขนทั้งสองข้างของเขาแล้วจ้องมองด้วยความรู้สึกโกรธ ผมคิดว่าวันนั้นเขาต้องไปคุยกับแฟนโมบีแล้วร่วมมือกันมาทำร้ายพี่เฌอแน่ เพราะผมจำได้ว่าผู้ชายคนนั้นพูดว่าจะทำให้ครอบครัวของผมได้รับรู้ถึงการสูญเสีย"อะไรของพี่" ท้องฟ้าสะบัดมือผมออก"คุณชู คุณท้องฟ้าครับ นี่โรงพยาบาลนะครับ" โจเซฟเดินมายืนกั้นระหว่างเราทั้งคู่ ผมกับท้องฟ้าต่างสะบัดหน้าหนีไม่มองหน้ากัน เพราะเกรงว่าถ้าเห็นหน้ากันคว
สวมรอยครั้งที่ 11Seiya partเพราะวันนี้โชนไม่สบายเลยไม่ได้มาโรงเรียน ผมกับชินเลยมาเรียนกันสองคน ถึงใจผมจะไม่อยากมาก็เถอะ ตอนนี้อยากไปสืบเรื่องจอมโจรไนท์บลูใจจะขาด วันนี้ทั้งวันผมเอาแต่คิดเรื่องของมันส่วนชินก็ดููปกติ อาจจะเป็นเพราะเขายังไม่รู้เรื่องพี่เฌอ เนื่องจากพี่ชูสั่งห้ามทุกคนไม่ให้พูดถึงเรื่องพี่เฌอ เพราะใกล้จะสอบมิดเทอมแล้ว ไม่อยากให้โชนกับชินมาเครียดด้วยผมหันไปมองชินที่กำลังเล่นเกมในโทรศัพท์อย่างไม่สนใจใคร จนกระทั่งรถตู้ของที่บ้านขับมาจอดอยู่ที่หน้าตึกเรียนของพวกเราชินถึงได้เงยหน้าแล้วยันตัวลุกขึ้นจากบันได"เชิญครับคุณหนู"คนขับรถพูดขึ้นหลังจากที่เดินมาเลื่อนประตูให้กับพวกเรา แต่ทำไมผมรู้สึกเหมือนเสียงมันถูกส่งผ่านเครื่องแปลงเสียงจัง"คุณลุงไม่สบายเหรอครับ ทำไมใส่แมส"ชินเองก็ถามอย่างแปลกใจเพราะวันนี้คนขับรถดูแปลกตาไปนิดหน่อย แถมยังใส่หมวกปิดแมสอีก ที่สำคัญเอาแต่เงียบและก้ม
SPE. Cutter x Chin Ep.1Chin part"นายบอกให้รีบจัดการ""รู้แล้ว ให้เด็กมันตื่นก่อนสิ""จะทำอะไรก็รีบทำ"เสียงใครกัน?ผมลืมตาขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกปวดหนึบที่หัวเหมือนมีใครมาบีบเส้นประสาทจนต้องปิดตาไปอีกครั้ง และเริ่มลืมตาขึ้นมาใหม่ปรับโฟกัสสายตาไม่นานก่อนจะพบกับ บรรยากาศรอบข้างที่มืดสนิท ตรงหน้าผมมีชายร่างสูงผมยาวสีควันบุหรี่กำลังยืนคุยกับร่างหนาผิวเข้มหน้าตาดูดุ ข้างตัวเขามีถังขนาดใหญ่ตั้งอยู่ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นถังน้ำมัน เพราะกลิ่นของน้ำมันเครื่องมันลอยมาเตะจมูกผมสายตาของผมเริ่มมองสำรวจบริเวณโดยรอบ มันเป็นป่าใหญ่ที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ผมจำได้ว่าครั้งล่าสุดผมนอนอยู่บนรถของที่บ้านไม่ใช่เหรอแขนของผมถูกมัดไว้ข้างหลังและถูกบังคับให้นั่งอยู่บนก้อนหิน ผมหันหน้ากลับมามองผู้ชายสองคนที่กำลังยืนเถียงกันอีกครั้ง ผมเพิ่งสังเกตว่าคนหน้าดูแต่
SPE. cutter x chin Ep.2Chin part"นายหัวภู" ไอ้โรคจิตมันเรียกชื่อเจ้าของเกาะเสียงสั่นใบหน้าเริ่มฉายแววหวาดกลัว"มึงทำอะไรไอ้จักร" นายหัวภูถามเสียงเหี้ยม ไอ้โรคจิตที่ชื่อจักรมันก็รีบคุกเข่าแสร้งทำตัวหดแล้วพนมมือขอโทษไปทางนายหัวของเกาะทั้งที่สภาพร่างกายยังเปลือยเปล่า"ไอ้หมอนั่นมันจะทำร้ายฉันนายหัว มันโยนทรายใส่ฉันด้วยดูสิ" มันโยนความผิดทุกอย่างมาใส่ผมพร้อมกับชี้หน้าตัวเองที่มีทรายเลอะอยู่จากการโดนผมขว้างทรายใส่ ส่วนพี่คัทเตอร์ก็หันมามองผมสายตาเขายังดูดุและน่ากลัวเหมือนเดิม"ข เขาจะข่มขืนผม" ผมพูดเสียงสั่นและเบาก้มหน้าไม่กล้าสบตาเขาทั้งที่ตัวเองกำลังสั่นด้วยความรู้สึกกลัวอยู่"ผมฝากนายหัวจัดการด้วยนะครับ ส่วนนายมานี่""มึงจะพาเมียกูไปไหน โอ้ย"พี่คัทเตอร์เตรียมจะลากผมกลับไปที่บ้านแล้วแต่จักรมันก็ไม่ยอม พุ่งตัวจะมากระชากแขนผมจนโดนพี่คัทเตอร์เตะกระเด็นไปกองกับ
สวมรอยครั้งที่ 12Shuu partหลังจากพาชินไปตรวจร่างกาย หมอบอกว่าปกติดีไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ผมจะพาน้องไปเยี่ยมพี่เฌอแล้ว แต่ชินก็เอาแต่ร้องไห้อยากกลับบ้าน ผมคิดว่าน่าจะเป็นเพราะสภาพจิตใจน้องตอนนี้น่าจะยังไม่พร้อมที่จะเจอใครก็ได้ ผมพยุงตัวชินเดินเข้ามาในบ้าน แม่นมก็วิ่งออกมารับด้วยความเป็นห่วงทันที ผมมองภาพแม่นมที่ทั้งกอดและพูดปลอบชินอย่างเป็นห่วง กลับกันโชนที่เป็นพี่ชายฝาแฝดกลับยืนมองเฉยๆ จนผมแอบสงสัย แต่ก็คิดว่าโชนคงเป็นประเภทที่แสดงออกไม่เก่งละมั้ง เลยไม่ได้ถามไถ่อะไรชิน"ช่วยเล่าเรื่องทั้งหมดให้พี่ฟังได้ไหม" ผมถามชินเมื่อเห็นว่าตอนนี้ชินหยุดร้องไห้แล้ว ชินแสดงสีหน้าเศร้าจนผมรู้สึกผิด"เขาชื่อเซย์ยะครับ ท้องฟ้าจ้างให้เขามาหลอกพวกเรา เพราะหวังสมบัติ แล้วก็คิดที่จะฆ่าพวกเราครับ" ชินเล่าให้พวกเราฟังเสียงสั่นจนแม่นมต้องโอบไหล่เพื่อเป็นการปลอบประโลม"แล้วเรารอดมาได้ยังไง""ผมไม่รู้ครับ เขาฟาดหัวผมแล้วเอาผมไปทิ้งในป่า" คำตอบของชินท
สวมรอยครั้งที่ 13Seiya partสามวันแล้วที่ผมอยู่ในสถานะนักโทษ?ผมไม่รู้จะนิยามสถานะตัวเองตอนนี้ยังไง หลังจากวันที่พวกเราทะเลาะกันจนผมเกือบลงมือฆ่าเขา ผมจำได้ว่าตัวเองร้องไห้อย่างหนักตอนที่ได้สติก่อนจะหลับไป พอฟื้นขึ้นมาก็ถูกมัดไว้ที่เก้าอี้เหมือนเดิม แต่คราวนี้เชือกที่มัดผมเปลี่ยนเป็นโซ่แทน ไฟที่กะพริบจนทำให้ผมปวดตาก็ถูกเปลี่ยนใหม่โดยคนที่ยั่วโมโหผมผมไม่เข้าใจการกระทำของคนที่จับผมสักเท่าไหร่ เพราะหลังจากที่เขาเข้ามายั่วโมโหผม แล้วปลอบผมตอนร้องไห้เขาก็ทำตัวปกติ แถมไม่ได้เค้นข้อมูลอะไรเลยสายตาของผมเริ่มมองสำรวจห้องมืดที่ว่างเปล่า มันโล่งเกินกว่าจะเป็นห้องเก็บของด้วยซ้ำ ราวกับเป็นห้องที่ไม่ได้ใช้มานานแล้วแกร็กประตูถูกเปิดออกมาพร้อมกับร่างสูงของพี่ชู ที่มักจะเดินเข้ามาเพื่อเอาข้าวมาให้ผมเหมือนกับทุกครั้ง"มีอะไรจะพูดกับผมหรือไง" ผมถามคนที่เพิ่งจะวางข้าวไว้บนลังไม้"เปล่า" เขาปฏิเสธเหมือนทุกครั้ง ทั้งที่ใบหน้าแสดงออกชัดว่าเขามีอะไรในใจ"จะก
สวมรอยครั้งที่ 13Seiya partสามวันแล้วที่ผมอยู่ในสถานะนักโทษ?ผมไม่รู้จะนิยามสถานะตัวเองตอนนี้ยังไง หลังจากวันที่พวกเราทะเลาะกันจนผมเกือบลงมือฆ่าเขา ผมจำได้ว่าตัวเองร้องไห้อย่างหนักตอนที่ได้สติก่อนจะหลับไป พอฟื้นขึ้นมาก็ถูกมัดไว้ที่เก้าอี้เหมือนเดิม แต่คราวนี้เชือกที่มัดผมเปลี่ยนเป็นโซ่แทน ไฟที่กะพริบจนทำให้ผมปวดตาก็ถูกเปลี่ยนใหม่โดยคนที่ยั่วโมโหผมผมไม่เข้าใจการกระทำของคนที่จับผมสักเท่าไหร่ เพราะหลังจากที่เขาเข้ามายั่วโมโหผม แล้วปลอบผมตอนร้องไห้เขาก็ทำตัวปกติ แถมไม่ได้เค้นข้อมูลอะไรเลยสายตาของผมเริ่มมองสำรวจห้องมืดที่ว่างเปล่า มันโล่งเกินกว่าจะเป็นห้องเก็บของด้วยซ้ำ ราวกับเป็นห้องที่ไม่ได้ใช้มานานแล้วแกร็กประตูถูกเปิดออกมาพร้อมกับร่างสูงของพี่ชู ที่มักจะเดินเข้ามาเพื่อเอาข้าวมาให้ผมเหมือนกับทุกครั้ง"มีอะไรจะพูดกับผมหรือไง" ผมถามคนที่เพิ่งจะวางข้าวไว้บนลังไม้"เปล่า" เขาปฏิเสธเหมือนทุกครั้ง ทั้งที่ใบหน้าแสดงออกชัดว่าเขามีอะไรในใจ"จะก
สวมรอยครั้งที่ 12Shuu partหลังจากพาชินไปตรวจร่างกาย หมอบอกว่าปกติดีไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ผมจะพาน้องไปเยี่ยมพี่เฌอแล้ว แต่ชินก็เอาแต่ร้องไห้อยากกลับบ้าน ผมคิดว่าน่าจะเป็นเพราะสภาพจิตใจน้องตอนนี้น่าจะยังไม่พร้อมที่จะเจอใครก็ได้ ผมพยุงตัวชินเดินเข้ามาในบ้าน แม่นมก็วิ่งออกมารับด้วยความเป็นห่วงทันที ผมมองภาพแม่นมที่ทั้งกอดและพูดปลอบชินอย่างเป็นห่วง กลับกันโชนที่เป็นพี่ชายฝาแฝดกลับยืนมองเฉยๆ จนผมแอบสงสัย แต่ก็คิดว่าโชนคงเป็นประเภทที่แสดงออกไม่เก่งละมั้ง เลยไม่ได้ถามไถ่อะไรชิน"ช่วยเล่าเรื่องทั้งหมดให้พี่ฟังได้ไหม" ผมถามชินเมื่อเห็นว่าตอนนี้ชินหยุดร้องไห้แล้ว ชินแสดงสีหน้าเศร้าจนผมรู้สึกผิด"เขาชื่อเซย์ยะครับ ท้องฟ้าจ้างให้เขามาหลอกพวกเรา เพราะหวังสมบัติ แล้วก็คิดที่จะฆ่าพวกเราครับ" ชินเล่าให้พวกเราฟังเสียงสั่นจนแม่นมต้องโอบไหล่เพื่อเป็นการปลอบประโลม"แล้วเรารอดมาได้ยังไง""ผมไม่รู้ครับ เขาฟาดหัวผมแล้วเอาผมไปทิ้งในป่า" คำตอบของชินท
SPE. cutter x chin Ep.2Chin part"นายหัวภู" ไอ้โรคจิตมันเรียกชื่อเจ้าของเกาะเสียงสั่นใบหน้าเริ่มฉายแววหวาดกลัว"มึงทำอะไรไอ้จักร" นายหัวภูถามเสียงเหี้ยม ไอ้โรคจิตที่ชื่อจักรมันก็รีบคุกเข่าแสร้งทำตัวหดแล้วพนมมือขอโทษไปทางนายหัวของเกาะทั้งที่สภาพร่างกายยังเปลือยเปล่า"ไอ้หมอนั่นมันจะทำร้ายฉันนายหัว มันโยนทรายใส่ฉันด้วยดูสิ" มันโยนความผิดทุกอย่างมาใส่ผมพร้อมกับชี้หน้าตัวเองที่มีทรายเลอะอยู่จากการโดนผมขว้างทรายใส่ ส่วนพี่คัทเตอร์ก็หันมามองผมสายตาเขายังดูดุและน่ากลัวเหมือนเดิม"ข เขาจะข่มขืนผม" ผมพูดเสียงสั่นและเบาก้มหน้าไม่กล้าสบตาเขาทั้งที่ตัวเองกำลังสั่นด้วยความรู้สึกกลัวอยู่"ผมฝากนายหัวจัดการด้วยนะครับ ส่วนนายมานี่""มึงจะพาเมียกูไปไหน โอ้ย"พี่คัทเตอร์เตรียมจะลากผมกลับไปที่บ้านแล้วแต่จักรมันก็ไม่ยอม พุ่งตัวจะมากระชากแขนผมจนโดนพี่คัทเตอร์เตะกระเด็นไปกองกับ
SPE. Cutter x Chin Ep.1Chin part"นายบอกให้รีบจัดการ""รู้แล้ว ให้เด็กมันตื่นก่อนสิ""จะทำอะไรก็รีบทำ"เสียงใครกัน?ผมลืมตาขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกปวดหนึบที่หัวเหมือนมีใครมาบีบเส้นประสาทจนต้องปิดตาไปอีกครั้ง และเริ่มลืมตาขึ้นมาใหม่ปรับโฟกัสสายตาไม่นานก่อนจะพบกับ บรรยากาศรอบข้างที่มืดสนิท ตรงหน้าผมมีชายร่างสูงผมยาวสีควันบุหรี่กำลังยืนคุยกับร่างหนาผิวเข้มหน้าตาดูดุ ข้างตัวเขามีถังขนาดใหญ่ตั้งอยู่ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นถังน้ำมัน เพราะกลิ่นของน้ำมันเครื่องมันลอยมาเตะจมูกผมสายตาของผมเริ่มมองสำรวจบริเวณโดยรอบ มันเป็นป่าใหญ่ที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ผมจำได้ว่าครั้งล่าสุดผมนอนอยู่บนรถของที่บ้านไม่ใช่เหรอแขนของผมถูกมัดไว้ข้างหลังและถูกบังคับให้นั่งอยู่บนก้อนหิน ผมหันหน้ากลับมามองผู้ชายสองคนที่กำลังยืนเถียงกันอีกครั้ง ผมเพิ่งสังเกตว่าคนหน้าดูแต่
สวมรอยครั้งที่ 11Seiya partเพราะวันนี้โชนไม่สบายเลยไม่ได้มาโรงเรียน ผมกับชินเลยมาเรียนกันสองคน ถึงใจผมจะไม่อยากมาก็เถอะ ตอนนี้อยากไปสืบเรื่องจอมโจรไนท์บลูใจจะขาด วันนี้ทั้งวันผมเอาแต่คิดเรื่องของมันส่วนชินก็ดููปกติ อาจจะเป็นเพราะเขายังไม่รู้เรื่องพี่เฌอ เนื่องจากพี่ชูสั่งห้ามทุกคนไม่ให้พูดถึงเรื่องพี่เฌอ เพราะใกล้จะสอบมิดเทอมแล้ว ไม่อยากให้โชนกับชินมาเครียดด้วยผมหันไปมองชินที่กำลังเล่นเกมในโทรศัพท์อย่างไม่สนใจใคร จนกระทั่งรถตู้ของที่บ้านขับมาจอดอยู่ที่หน้าตึกเรียนของพวกเราชินถึงได้เงยหน้าแล้วยันตัวลุกขึ้นจากบันได"เชิญครับคุณหนู"คนขับรถพูดขึ้นหลังจากที่เดินมาเลื่อนประตูให้กับพวกเรา แต่ทำไมผมรู้สึกเหมือนเสียงมันถูกส่งผ่านเครื่องแปลงเสียงจัง"คุณลุงไม่สบายเหรอครับ ทำไมใส่แมส"ชินเองก็ถามอย่างแปลกใจเพราะวันนี้คนขับรถดูแปลกตาไปนิดหน่อย แถมยังใส่หมวกปิดแมสอีก ที่สำคัญเอาแต่เงียบและก้ม
สวมรอยครั้งที่ 10Shuu partผมรีบขับรถมาที่โรงพยาบาลทันทีที่เลขาโทรมาบอกว่าพี่เฌอโดนจอมโจรไนท์บลูที่กำลังเป็นข่าวอยู่ตอนนี้ดักทำร้าย พอวิ่งเข้ามาก็เห็นว่าคุณเลขากำลังยืนคุยอะไรสักอย่างกับท้องฟ้าตัวปลอมอยู่หน้าห้องทั้งคู่แสดงสีหน้าที่ดูเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด"พี่เฌอเป็นไงบ้างครับ" ผมวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าคุณเลขา"หมอยังไม่ออกมาครับ""ฝีมือนายใช่ไหม" ผมหันไปมองคนที่ยืนก้มหน้าเหมือนคิดอะไรอยู่ในหัว"เกี่ยวอะไรกับผม" ท้องฟ้าถามขึ้นมา"ก็นายร่วมมือกับไอ้เหี้ยนั่นไง"ผมบีบแขนทั้งสองข้างของเขาแล้วจ้องมองด้วยความรู้สึกโกรธ ผมคิดว่าวันนั้นเขาต้องไปคุยกับแฟนโมบีแล้วร่วมมือกันมาทำร้ายพี่เฌอแน่ เพราะผมจำได้ว่าผู้ชายคนนั้นพูดว่าจะทำให้ครอบครัวของผมได้รับรู้ถึงการสูญเสีย"อะไรของพี่" ท้องฟ้าสะบัดมือผมออก"คุณชู คุณท้องฟ้าครับ นี่โรงพยาบาลนะครับ" โจเซฟเดินมายืนกั้นระหว่างเราทั้งคู่ ผมกับท้องฟ้าต่างสะบัดหน้าหนีไม่มองหน้ากัน เพราะเกรงว่าถ้าเห็นหน้ากันคว
สวมรอยครั้งที่ 09Seiya part"เล่าให้ฟังได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น"ผมหลุบตาหลบสายตาที่กำลังจ้องมองเหมือนต้องการคาดคั้นผมอยู่ ดูเหมือนว่าผมจะเผลอแสดงทั้งด้านมืดและด้านที่อ่อนแอให้คนที่เกลียดผมเห็นซะแล้วสิ ผมถอนหายใจออกมาเมื่อนึกถึงสภาพตัวเองที่ฟิวขาดมือข้างหนึ่งยกขึ้นมาลูบใบหน้าตัวเองอย่างคนคิดหนักแต่สุดท้ายผมก็ตัดสินใจจะเล่าให้เขาฟัง"พวกนั้นมันเข้ามาทำร้ายผมครับ ผมก็เลยป้องกันตัว" ผมบอกและผมรู้ดีว่าต่อให้ไม่ได้เงยหน้าไปมอง ผมก็รู้ว่าเขากำลังจ้องหน้าผมด้วยความสงสัยอยู่"แต่ผมควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้เวลาที่ต่อสู้ เหมือนร่างกายมันจะสู้ไปเรื่อยๆ จนกว่าคู่ต่อสู้จะตาย หรือผมจะสลบไป" ผมเล่าให้เขาฟังต่อ มันเป็นความจริงที่ว่าผมไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ถ้าฟิวขาด อย่างตอนที่ผมต่อยกับพวกสายลับปลายแถวจนโดนพักงาน ถ้าไม่มีคนมาห้าม ผมก็คงต่อยพวกมันปางตายไปแล้วรวมถึงเมื่อตอนเย็นที่มีคนมาหาเรื่องผมก็ด้วย ผมต่อยและสู้กับพวกมัน ยิ่งเห็นว่าพวกมันเก่งผมยิ่งเหมือนคนที่เสีย
สวมรอยครั้งที่ 08Shuu partสองอาทิตย์แล้วที่ท้องฟ้าตัวปลอมมาอยู่ที่นี่ แต่กลับไม่ทำอะไรเลยนอกจากใช้ชีวิตปกติ ปกติแบบที่ไม่ทำอะไรน่าสงสัยเลยนอกจากการติดกล้องที่ห้องตัวเอง ราวกับว่ามีของสำคัญอยู่ในนั้น และกลัวว่ามีใครจะมาเอาไปในตอนแรกผมคิดว่าเขาอาจจะเป็นมิจฉาชีพ แต่ดูแล้วไม่น่าจะใช่ ถ้าจุดประสงค์ของเขาคือการสวมรอยเป็นท้องฟ้าเพื่อขโมยของ เขาคงทำไปนานแล้ว ไม่ปล่อยเวลามานานขนาดนี้หรอกRrrrrrนักสืบ"สวัสดีครับ"(สวัสดีครับคุณชู ผมเจอข้อมูลที่แปลกมาก เดี๋ยวผมส่งไปให้ดูทางเมลนะครับ)"ขอบคุณครับ"ผมกดตัดสายจากนักสืบแล้วจัดการเปิดคอมขึ้นเพื่อเข้าระบบเมลตัวเองไม่ใช่เมลบริษัท รอไม่นานนักสืบก็ส่งข้อมูลมาให้ผม มันเป็นข้อมูลของคนสองคน คนแรกคือท้องฟ้าตัวปลอม ผมไล่อ่านข้อมูลดูมันมีข้อมูลประวัติของเขาขึ้นมา ทั้งหมดสามชื่อชื่อแรก เจย์เลน วิโทรี่ นักฆ่าของแก๊ง มังกรสีนิล ผู้มีอิทธิพลในภาคใต้ ที่ถูกรัฐบาลกวาดล้างไปเมื่อสามปีก่อน
สวมรอยครั้งที่07Seiya partบรรยากาศในรถอึดอัดจนน่าขนลุก ทั้งที่เขาเป็นคนบอกผมว่ามีเรื่องจะคุยด้วย แต่ตัวเองกลับเอาแต่นั่งเงียบตลอดทางแถมทำหน้านิ่งจนผมคาดเดาอารมณ์ไม่ถูกอีกในใจเขาคงมีคำถามว่าทำไมผมถึงไปอยู่ในผับจนเกือบโดนผู้ชายตัวใหญ่ที่คาดว่าจะเป็นคนรู้จักของพี่ชูลากเข้าโรงแรมได้ ก็คงต้องย้อนไปประมาณสักห้าชั่วโมงก่อนผมได้รับโทรศัพท์จากลูอิสเกี่ยวกับภารกิจสำคัญที่ลูอิสรับเอาไว้ แต่จอมโจรไนท์บลูมันดันออกมาเสียก่อน ลูอิสจึงขอร้องให้ผมมาทำภารกิจนี้แทนหนึ่งวัน จะให้ผมไปจับจอมโจรไนท์บลูแทนก็กลัวว่าผมจะถูกหัวหน้าและคนในองค์กรจับได้ว่าแอบมาปฏิบัติหน้าที่ทั้งที่โดนพักงานอยู่ แล้วผมอาจจะซวยจนโดนไล่ออกผมจึงต้องจำใจแอบออกจากบ้านมาปลอมตัวเป็นเด็กเสิร์ฟที่นี่ เพื่อหาตัวเป้าหมายให้ลูอิส มันเป็นแค่ภารกิจจับชู้ธรรมดานั่นแหละ ปกติลูอิสมันคงไม่รับหรอก แต่คงเพราะเงินหนามันถึงได้ยอมรับ แต่คอยดูเถอะถ้าภารกิจสำเร็จผมทวงส่วนแบ่งเก้าสิบเปอร์เซ็นต์แน่"ไปต่อกันไหมครับ" เสียงของผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้นมาหลังจากที่ผ