สวมรอยครั้งที่ 06
Shuu part
"มีอะไรหรือเปล่าครับ"
ผมถามขึ้นหลังจากเดินขึ้นบันไดมาเห็นท้องฟ้าตัวปลอมกำลังยืนคิ้วขมวด โดยมีพี่เฌอยืนอยู่หน้าห้องของตัวเองพอมองเข้าไปในห้องพี่เฌอ ก็เห็นคนใช้กำลังวุ่นอยู่กับการหาของอะไรสักอย่าง
"เข็มกลัดที่คุณพ่อให้พี่มันหายไปไหนไม่รู้" พี่เฌอตอบเสียงเครียด
"ลองค้นห้องท้องฟ้าดูไหมครับ เขาอาจจะเอาไปก็ได้" ผมบอกพี่เฌอพร้อมกับหันไปมองคนที่ทำหน้าเครียดอยู่
"ผมไม่ได้เอาไป" เขารีบตอบทันควัน
"ถ้าบริสุทธิ์ใจก็ให้ค้นสิ" ผมบอกแล้วเดินไปมองเขาอย่างจับผิด คนผมทองจิ๊ปากเหมือนขัดใจอะไรสักอย่าง ก่อนที่เขาจะมองผมกับพี่เฌอสลับกันไปมา
"ถ้างั้นก็เชิญครับ"
ร่างเพรียวเดินหลบให้ทุกคนเข้าไปค้นห้องตัวเอง และผมก็เพิ่งสังเกตว่าเขายังสะพายกระเป๋านักเรียนอยู่ เพิ่งกลับมาเหรอ? แต่โรงเรียนเลิกตั้งนานแล้วนี่ ทำไมถึงเพิ่งกลับ
"เจอแล้วค่ะ" แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้เอ่ยถาม คนใช้คนหนึ่งก็เดินเข้ามาพร้อมกับเข็มกลัดเจ้าปัญหาแล้วส่งมันให้พี่เฌอ ส่วนท้องฟ้าตัวปลอมก็ทำหน้าตกใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด
"นั่นไง นายเอาไปจริงๆ ด้วย" ผมว่าแต่เขากลับตวัดสายตามองค้อนผม
"พี่ใส่ร้ายผม!" ท้องฟ้าตัวปลอมโวยวายเสียงดังลั่นพร้อมกับเดินมากระชากคอเสื้อผมจนผมเซเล็กน้อย
"ฉันไม่ได้ทำ" ผมบอกไปตามความจริง ถึงจะอยากจะให้เขาออกจากบ้าน แต่ผมไม่มีทางใช้วิธีสกปรกแบบนั้นแน่ๆ
"นี่ไม่ใช่ของพี่นี่ ถึงจะเหมือน แต่พี่จำได้ ของพี่ตรงด้านหลังมันมีรอยด้วยแต่อันนี้ไม่มี"
พี่เฌอที่กำลังพิจารณาเข็มกลัดในมือพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงผิดหวัง จนเราทั้งคู่ต้องหันไปมองและมือเรียวก็ยังคงจับคอเสื้อผมแน่น ถ้าพี่เฌอไม่พูดขัดก่อน เขาคงต่อยหน้าผมไปแล้ว
"ของปลอมเหรอครับ" ผมถามอย่างแปลกใจ เข็มกลัดอันนั้นผมจำได้ว่าพ่อน่าจะสั่งทำพิเศษ มันไม่น่ามีใครทำของปลอมออกมาได้นะ
"แต่ค้นจนทั่วแล้วเจอแต่อันนี้นะคะ" คนใช้คนที่เอามาให้พี่เฌอพูดเสริม
"ช่างเถอะ ตอนนี้สายแล้ว ขอโทษนะท้องฟ้าที่พี่สงสัยเรา" พี่เฌอพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์หลังจากมองดูนาฬิกาข้อมือว่าถึงเวลาที่ต้องไปงานเลี้ยงแล้ว และไม่ลืมที่จะเงยหน้ามาขอโทษร่างเพรียวที่เพิ่งจะปล่อยมือออกจากคอเสื้อผม
"ไม่เป็นไรครับ"
"งั้นไปกันเถอะ" พี่เฌอหันไปบอกคนใช้แล้วหันมายิ้มให้พวกเราทั้งคู่
"ไม่ใส่เหรอคะคุณหนู"
"ใครจะอยากใส่ของปลอมกัน พี่ไปก่อนนะ"
ผมโบกมือลาพี่เฌอ รอจนเธอลงบันไดออกไปจนพ้นสายตาแล้วถึงได้หันมามองคนที่ยังหน้าดำหน้าแดงจากอารมณ์ขุ่นเคืองอยู่
"พี่เป็นคนใส่ร้ายผมใช่ไหม พี่เป็นคนเอามันมาไว้ในห้องผม" เขากดเสียงต่ำตอนนี้เขาเหมือนคนที่กำลังพยายามสกัดกั้นอารมณ์โกรธ ทั้งที่มันแสดงออกทางสีหน้าเขาออกมาหมดแล้ว
"ไม่ใช่ฉัน"
"ไม่ใช่พี่แล้วจะเป็นใคร"
คนตรงหน้าคงสงสัยผมเพราะผมเคยเข้าไปในห้องเขา ซึ่งผมไม่ได้ทำแน่นอน ผมสาบานได้เลย ต่อให้เกลียดเขามากแค่ไหน ผมก็ไม่ใช่วิธีทุเรศแบบนั้นแน่
"จะไปรู้หรือไง"
"มีแต่พี่นั่นแหละที่คิดแผนสกปรกแบบนี้ได้"
ตอนนี้ผมก็ชักจะโมโหกับคนที่เอาแต่บอกว่าผมเป็นคนทำอยู่นั่น บอกว่าไม่ได้ทำก็ยังไม่เชื่ออีก
"แผนสกปรก? คนอย่างนายมีสิทธิ์พูดแบบนี้หรือไง" ผมตอบกลับไปอย่างเหลืออด
"คนอย่างผมมันก็ดีกว่าคนอย่างพี่ อยากให้ผมออกไปจากบ้านหลังนี้จนลงทุนทำเรื่องเลวๆ แบบนี้ได้ ถ้าพี่เฌอแยกไม่ออก แผนพี่ก็คงสำเร็จไปแล้วสิ" ตอนนี้เป็นผมบ้างที่โมโหจนกระชากคอเสื้อเขา แต่คนคนนี้ไม่เคยเกรงกลัวผมสักนิด เขาดูชอบด้วยซ้ำที่ทำให้คนอย่างผมโมโหได้
"สมน้ำหน้านะครับที่มันไม่สำเร็จ"
"ฉันบอกว่าไม่ได้ทำ!" ผมตวาดใส่คนที่ไม่ยอมเชื่อเสียงดังลั่น ตอนนี้ผมเริ่มจะเดือดและเขาเองก็คงไม่ต่างกัน เราทั้งคู่มองหน้ากันด้วยความรู้สึกที่ต่างฝ่ายต่างรู้สึกโมโห จนกระทั่งได้ยินเสียงเหมือนประตูห้องใครสักคนเปิดผมจึงผลักตัวเขาจนกระเด็นไปกระแทกกับผนังหน้าห้อง
"มีอะไรกันหรือเปล่าครับ" เป็นชินที่เดินออกมามองพวกเราทั้งคู่สลับกันไปมา
"เปล่าไม่มีอะไร" ท้องฟ้าหันไปตอบชินแล้วกลับเข้าห้องตัวเอง เขามองหน้าผมด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยโทสะก่อนจะปิดประตูเสียงดังลั่น และผมเองก็เดินกลับเข้าห้องตัวเองเช่นกัน ไม่ได้หันไปพูดคุยอะไรกับน้องชายคนเล็กของบ้านที่ยังทำหน้างงอยู่
ผมยังโมโหเรื่องเมื่อคืนไม่หายกับไอ้เด็กที่มันไม่ฟังอะไรเลย แถมเมื่อเช้ามันยังมองแรงใส่ผมก่อนไปเรียนอีก
ผมเดินเข้ามาในห้องทำงานและวันนี้ถือเป็นโชคดีของผมที่คุณเลขาลางานตอนเช้าทำให้ผมสามารถทำตัวชิลได้เต็มที่
วันนี้ผมตั้งใจนัดนักสืบมาเพื่อให้ช่วยหาข้อมูลของท้องฟ้าตัวปลอมให้ และหาว่าตอนนี้ท้องฟ้าตัวจริงอยู่ที่ไหน
ผมนั่งจมอยู่กับกองเอกสารได้ไม่นานคนที่ผมนัดก็มาถึง นักสืบร่างหนาเดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามกับผม
"มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ" เสียงทุ้มเอ่ยถามทันที
"ช่วยสืบเกี่ยวกับคนคนนี้ให้หน่อยครับ"
ผมบอกพร้อมกับหยิบรูปของท้องฟ้าตัวปลอมที่ผมแอบถ่ายยื่นให้กับเขา พร้อมกับรูปสเกตช์ของท้องฟ้าตัวจริงตอนเด็กที่ผมพอจะจำได้ เพื่อให้เขาช่วยหาคนที่คล้ายๆ กับท้องฟ้า
นักสืบหยิบรูปบนโต๊ะขึ้นไปพิจารณาเขามองทั้งรูปถ่ายและรูปสเกตช์ของผมสลับกันไปมา ก่อนจะพยักหน้าให้ผม
"ได้ครับ ไม่เกินหนึ่งอาทิตย์นะครับ"
"ครับ หลังงงานเสร็จผมจะโอนเงินให้"
ผมบอกพร้อมกับเดินไปส่งนักสืบที่หน้าห้อง พอดีกับที่คุณเลขากลับมาจากธุระพอดี โจเซฟมองตามร่างหนาของนักสืบไปจนสุดสายตาแล้วหันมามองหน้าผม
"ใครเหรอครับ"
"เปล่าครับ คุณเลขามีอะไรหรือเปล่าครับ" ผมชิงเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นว่าคุณเลขาถือกระดาษอะไรสักอย่างในมืออยู่
"เอาเอกสารมาให้ครับ" คุณเลขายื่นกระดาษให้กับผม ผมหยิบขึ้นมาอ่าน มันเป็นเอกสารเกี่ยวกับสัญญาของนักแสดงที่กำลังจะหมดสัญญา ซึ่งมีประมาณสองสามคน
หลังจากรับเอกสารผมก็เดินตรงกลับเจ้าไปในห้อง วางเอกสารไว้บนโต๊ะก่อนจะเงยหน้ามองโจเซฟ
"ผมขอถามอะไรหน่อย"
"ครับ"
"คุณแน่ใจเหรอครับ ว่าผล DNA เป็นของจริง"
"ของจริงแน่นอนครับ ผมตรวจสอบแล้ว"
โจเซฟทำหน้ามั่นใจสายตาเขาดูจริงจังเหมือนกำลังจะบอกผมว่าเขาตรวจสอบมาหมดแล้ว ผลตรวจเป็นความจริง แต่ผมไม่เชื่อ มีแวบนึงที่ผมคิดว่าคุณเลขาร่วมมือกับท้องฟ้าตัวปลอมด้วยซ้ำ แต่เขาคงไม่มีเหตุผลที่ต้องทำแบบนั้น
"คุณมีอะไรหรือเปล่าครับ ยังสงสัยอยู่เหรอครับ"
โจเซฟเอียงคอถามเมื่อเห็นผมมองเขาอย่างใช้ความคิด
"นิดหน่อยครับ" ผมยิ้มบางตอบกลับโจเซฟแล้วหันมามองเอกสารต่อ โจเซฟไม่บอกไม่เป็นไร ถ้านักสืบได้ข้อมูลมาเมื่อไหร่ ผมก็คงจะรู้เองว่าเขาเป็นใคร และโจเซฟมีส่วนเกี่ยวข้องหรือเปล่า ถ้ารู้ว่าเกี่ยวข้องกันผมไม่เก็บเขาไว้แน่ ถึงจะเป็นคนสนิทของคุณพ่อก็ตาม
"คุณชูคะ เกิดเรื่องแล้วค่ะ"
พนักงานหน้าห้องวิ่งตรงเข้ามาหาผมหน้าตาตื่นจนผมกับโจเซฟต้องหันไปมองเธอ
และก็ได้รู้ว่ามีคนมาโวยวายอยู่ชั้นหนึ่ง ตอนนี้ยามกำลังจับตัวเอาไว้อยู่ ผมและโจเซฟจึงรีบลงลิฟต์ไปชั้นหนึ่งด้วยความรวดเร็ว พอเดินออกจากลิฟต์ก็เห็นคนตัวสูงประมาณผม กำลังยืนโวยวายโดยมียามสองคนพยายามลากตัวเขาออกไปอยู่
"ปล่อย บอกให้ปล่อย!" เขาโวยวายเสียงดังลั่น พนักงานคนอื่นก็มายืนมุงดูแต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้ ผมจึงเลือกที่จะเดินเข้าไปเอง
"เกิดอะไรขึ้นครับ" ผมเดินไปถามยาม
"เขามาโวยวายเรื่องที่แฟนเขาฆ่าตัวตายครับ" ยามคนหนึ่งตอบพร้อมกับพยายามจับคนที่ดิ้นไม่หยุด
"แล้วเกี่ยวอะไรกับพวกเราเหรอครับ" ผมถามอย่างไม่เข้าใจ แฟนเขาตายแล้วเกี่ยวอะไรกับพวกเราเหรอ
"แฟนเขาคือใครครับ" เป็นโจเซฟที่พูดขึ้น
"โมบี ค่ะ" พนักงานสาวคนหนึ่งเดินมากระซิบกับเราทั้งคู่เสียงเบา โจเซฟพยักหน้าแล้วเริ่มประมวลผล ก่อนจะเอ่ยพูดกับผมเสียงเรียบ
"เขาเคยมีข่าวไม่ดี พ่อของคุณก็เลยไม่ต่อสัญญาครับ แล้วเธอฆ่าตัวตายไปเมื่ออาทิตย์ก่อน" ผมพยักหน้าเข้าใจกับข้อมูลที่ได้รับ
"ผมขอคุยกับเขาหน่อยครับ"
"แต่คุณชูครับ"
"ไม่เป็นไร"
ผมหันไปบอกโจเซฟก่อนจะเดินไปประจันหน้ากับคนตัวสูงผมยาวประบ่าผมสีควันบุหรี่ที่ยังจ้องผมเขม็ง แล้วหันหน้าไปบอกยามทั้งสองคนให้ปล่อยตัวเขา
"กูต้องเสียแฟนไปเพราะพวกมึง พวกมึงไม่คิดจะรับผิดชอบหน่อยเหรอฮะ!" เขาชี้หน้าตะโกนใส่ผมทันทีที่ถูกปล่อยตัว ทำให้ผมได้กลิ่นแอลกอฮอล์ออกมาจากตัวเขาจนผมต้องย่นจมูก
"คุณเมาแล้วนะครับ" ผมบอกเขาเสียงเรียบ
"แฟนคุณฆ่าตัวตายเพราะไม่มีใครอยากจ้างเธอ เธอทำตัวของเธอเอง" ผมพูดออกมาตามความจริง ถึงจะไม่ค่อยได้ดูข่าวบันเทิงแต่ก็พอได้ยินบ้างว่าโมบี มีข่าวทำร้ายร่างกายเพื่อนกับแฟนเก่าสมัยมัธยมจนโดนแฉ และถูกเลิกจ้างงาน ถูกบริษัทฉีกสัญญา งานหาย อนาคตในวงการดับลงทันทีจนเธอเลือกที่จะผูกคอตัวเองจบชีวิตลง
"แต่พวกมึงก็ควรออกมาปกป้องเขา" คนเมาพูดขึ้นน้ำเสียงดูน่าเวทนา
"จะให้ผมปกป้องคนผิด? คุณว่ามันไม่แปลกหน่อยเหรอ" ผมพูดตามความจริง จะให้บริษัทปกป้องคนผิด บริษัทก็ต้องเสียหายไปด้วย
สู้ยุติสัญญากับเธอ และดันคนใหม่ขึ้นมาแทนไม่ดีกว่าเหรอ วงการบันเทิงมันก็แบบนี้ ถ้าคุณล้มก็มีคนที่พร้อมจะมาแทนที่คุณ
"มึง!" แฟนเก่าของโมบีจะตรงเข้ามากระชากคอเสื้อผมแต่ยามไวกว่าจึงคว้าเขาไว้ได้ทันเขาพยายามดิ้นแต่ก็ไม่เป็นผล
"จับตัวเขาออกไป" โจเซฟออกคำสั่งและยามก็รีบดึงเขาออกไป
"มึงคอยดู กูจะกลับมาแก้แค้นมึงแน่" ก่อนออกไปเขาก็ขู่เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะโดนยามโยนออกไปนอกประตูบริษัท ผมเห็นสายตาเขาที่มองมาที่ผมด้วยความโกรธแค้น ก่อนที่เขาจะเดินหนีหายไป
"ถ้าเขามาวุ่นวายอีก แจ้งตำรวจได้เลยนะครับ"
"ได้ค่ะ"
ผมหันไปบอกพนักงานแล้วก็เดินกลับเข้าไปทำงาน เรื่องแบบนี้ไม่เห็นจำเป็นต้องถึงมือผม ยามแค่ลากเขาไปก็จบแล้ว แต่ได้ข่าวว่าเขามายืนอยู่หน้าบริษัททุกวันแต่ไม่เข้ามา แต่วันนี้เลือกที่จะเข้ามาเพราะเมาละมั้ง แต่ถึงยังไงก็น่าจะต้องลองเพิ่มความปลอดภัยซะแล้ว เผื่อเขาบุ่มบ่ามมาทำอะไรแล้วจะยุ่ง
ผมเดินเข้ามาในผับหรูใจกลางเมืองแสงไฟหลากสีและเสียงเพลงดังลั่นจนแทบจะไม่ได้ยินเสียงคุยกัน ผู้คนต่างขยับร่างกายไปตามจังหวะของเพลง ผมเดินขึ้นไปยังโซนสำหรับแขกพิเศษที่เพื่อนสนิทจองเอาไว้เหมือนกับทุกครั้งที่มา
"ว่าไงมึง เป็นไรหน้าเครียด" เสียงเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวเอ่ยทักทันทีที่ผมเดินเข้ามาร่วมโต๊ะกับมัน
"มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย" สงสัยผมคงจะทำหน้าเครียดมากไปจนคนที่กำลังจะกระดกแก้วเหล้าเข้าปากจ้องมาที่ผม
"ไม่นิดมั้งคิ้วขมวดขนาดนี้" ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะเล่าให้มันฟังเกี่ยวกับคนที่ปลอมตัวเข้ามาเป็นน้องชายคนละแม่ของผม ไม่พอผมยังเคยมีอะไรกับเขาอีก
"ให้กูสืบให้มั้ย"
"ได้เหรอ"
"เอ่าคุณชู คุณลืมเหรอว่ามีเพื่อนเป็นมาเฟีย ผมสืบให้คุณได้ทุกเรื่องแหละ ส่งรูปมา" มันว่าพร้อมยึดอกอย่างภาคภูมิกับความเป็นมาเฟียของมัน จริงๆ จะบอกว่ามันเป็นมาเฟียก็คงไม่ถูก เพราะคนที่เป็นคือพ่อมันต่างหาก พ่อมันเป็นมาเฟีย ธุรกิจมืดในประเทศเกือบครึ่งก็เป็นของบ้านมัน แต่ตำรวจก็ไม่เคยจับมันได้เลย อย่างว่า เราอยู่ในประเทศที่เงินชนะทุกสิ่งนี่
"ขอบใจ" ผมหันไปตอบและมันก็หยักคิ้วให้ก่อนจะหันไปรินเหล้าให้ผม เราทั้งคู่ดื่มกันไปเงียบๆ ก่อนที่มันจะมองไปยังโซนเต้นของผับที่มีคนมากมายหลายตากำลังเต้นกันอยู่
"มึง เดี๋ยวมา" มันว่าทั้งที่สายตายังคงมองไปยังจุดเดิม
"ไปไหน"
"จับแมว"
"มีแมวในผับด้วยเหรอ" ผมแกล้งถามมัน
"เออ มี"
แมวยั่วสวาทล่ะสิไม่ว่า ผมได้แต่เถียงมันในใจแล้วส่ายหน้าไปมา แค่มองก็รู้แล้วว่าจงใจไปหาเหยื่อกลับไปด้วยสักคน ผมรู้ เพราะผมก็เคยทำบ่อย แค่วันนี้ไม่มีอารมณ์ที่จะลากใครกลับแค่นั้น
ผมก็เลยนั่งดื่มไปเงียบๆ มีคนเดินมาขอชนแก้วบ้างแต่ผมก็ทำเพียงแค่ชนแก้ว ไม่ได้คุยหรือสานต่ออะไร ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาดู ตอนนี้เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว ผมควรกลับ
มึงกลับเลยนะ กูเจอแมวแล้ว
ผมแสยะยิ้มให้กับข้อความของเพื่อนตัวดีที่หนีเพื่อนไปหาแมว ก่อนที่ตัวเองก็จะขอตัวกลับบ้าง
ผมเดินออกมานอกผับแต่สายตาก็ดันมองไปเห็นเพื่อนสนิทกำลังวิ่งไล่จับใครสักคนอยู่ ดูเหมือนว่าแมวตัวนี้จะไม่เชื่องเหมือนตัวอื่นสินะ ผมเกือบจะทำเป็นไม่สนใจแล้ว แต่ใบหน้าของคนที่กำลังวิ่งหนีเพื่อนผมมันคุ้นตาเสียเหลือเกิน
"พี่ชู" ท้องฟ้าตัวปลอมที่อยู่ในชุดคล้ายพนักงานเสิร์ฟวิ่งเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าผม เขาเบิกตากว้างตอนที่เห็นผม แต่ก็วิ่งมาหลบหลังผมในตอนที่ผืนป่าวิ่งมาใกล้
"มึงรู้จักเหรอชู" ผืนป่าถามผมพร้อมยืนหอบ ผมมองคนผมทองกับเพื่อนสนิทสลับไปมา ก่อนจะหยุดมองคนที่จับเสื้อผมแล้วส่งสายตาขอความช่วยเหลือมาให้
"คนนี้ของกู มึงไปหาคนอื่นไป" ผมไล่มันและผืนป่าก็ทำหน้าผิดหวังแต่ด้วยความที่เราทั้งคู่สัญญากันแล้วว่าจะไม่มีทางทับไลน์กัน มันถึงเป็นฝ่ายยอมแพ้แล้วเดินถอยไป
"ขอบคุณครับ"
"ขึ้นรถ เรามีเรื่องต้องคุยกัน"
สวมรอยครั้งที่07Seiya partบรรยากาศในรถอึดอัดจนน่าขนลุก ทั้งที่เขาเป็นคนบอกผมว่ามีเรื่องจะคุยด้วย แต่ตัวเองกลับเอาแต่นั่งเงียบตลอดทางแถมทำหน้านิ่งจนผมคาดเดาอารมณ์ไม่ถูกอีกในใจเขาคงมีคำถามว่าทำไมผมถึงไปอยู่ในผับจนเกือบโดนผู้ชายตัวใหญ่ที่คาดว่าจะเป็นคนรู้จักของพี่ชูลากเข้าโรงแรมได้ ก็คงต้องย้อนไปประมาณสักห้าชั่วโมงก่อนผมได้รับโทรศัพท์จากลูอิสเกี่ยวกับภารกิจสำคัญที่ลูอิสรับเอาไว้ แต่จอมโจรไนท์บลูมันดันออกมาเสียก่อน ลูอิสจึงขอร้องให้ผมมาทำภารกิจนี้แทนหนึ่งวัน จะให้ผมไปจับจอมโจรไนท์บลูแทนก็กลัวว่าผมจะถูกหัวหน้าและคนในองค์กรจับได้ว่าแอบมาปฏิบัติหน้าที่ทั้งที่โดนพักงานอยู่ แล้วผมอาจจะซวยจนโดนไล่ออกผมจึงต้องจำใจแอบออกจากบ้านมาปลอมตัวเป็นเด็กเสิร์ฟที่นี่ เพื่อหาตัวเป้าหมายให้ลูอิส มันเป็นแค่ภารกิจจับชู้ธรรมดานั่นแหละ ปกติลูอิสมันคงไม่รับหรอก แต่คงเพราะเงินหนามันถึงได้ยอมรับ แต่คอยดูเถอะถ้าภารกิจสำเร็จผมทวงส่วนแบ่งเก้าสิบเปอร์เซ็นต์แน่"ไปต่อกันไหมครับ" เสียงของผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้นมาหลังจากที่ผ
สวมรอยครั้งที่ 08Shuu partสองอาทิตย์แล้วที่ท้องฟ้าตัวปลอมมาอยู่ที่นี่ แต่กลับไม่ทำอะไรเลยนอกจากใช้ชีวิตปกติ ปกติแบบที่ไม่ทำอะไรน่าสงสัยเลยนอกจากการติดกล้องที่ห้องตัวเอง ราวกับว่ามีของสำคัญอยู่ในนั้น และกลัวว่ามีใครจะมาเอาไปในตอนแรกผมคิดว่าเขาอาจจะเป็นมิจฉาชีพ แต่ดูแล้วไม่น่าจะใช่ ถ้าจุดประสงค์ของเขาคือการสวมรอยเป็นท้องฟ้าเพื่อขโมยของ เขาคงทำไปนานแล้ว ไม่ปล่อยเวลามานานขนาดนี้หรอกRrrrrrนักสืบ"สวัสดีครับ"(สวัสดีครับคุณชู ผมเจอข้อมูลที่แปลกมาก เดี๋ยวผมส่งไปให้ดูทางเมลนะครับ)"ขอบคุณครับ"ผมกดตัดสายจากนักสืบแล้วจัดการเปิดคอมขึ้นเพื่อเข้าระบบเมลตัวเองไม่ใช่เมลบริษัท รอไม่นานนักสืบก็ส่งข้อมูลมาให้ผม มันเป็นข้อมูลของคนสองคน คนแรกคือท้องฟ้าตัวปลอม ผมไล่อ่านข้อมูลดูมันมีข้อมูลประวัติของเขาขึ้นมา ทั้งหมดสามชื่อชื่อแรก เจย์เลน วิโทรี่ นักฆ่าของแก๊ง มังกรสีนิล ผู้มีอิทธิพลในภาคใต้ ที่ถูกรัฐบาลกวาดล้างไปเมื่อสามปีก่อน
สวมรอยครั้งที่ 09Seiya part"เล่าให้ฟังได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น"ผมหลุบตาหลบสายตาที่กำลังจ้องมองเหมือนต้องการคาดคั้นผมอยู่ ดูเหมือนว่าผมจะเผลอแสดงทั้งด้านมืดและด้านที่อ่อนแอให้คนที่เกลียดผมเห็นซะแล้วสิ ผมถอนหายใจออกมาเมื่อนึกถึงสภาพตัวเองที่ฟิวขาดมือข้างหนึ่งยกขึ้นมาลูบใบหน้าตัวเองอย่างคนคิดหนักแต่สุดท้ายผมก็ตัดสินใจจะเล่าให้เขาฟัง"พวกนั้นมันเข้ามาทำร้ายผมครับ ผมก็เลยป้องกันตัว" ผมบอกและผมรู้ดีว่าต่อให้ไม่ได้เงยหน้าไปมอง ผมก็รู้ว่าเขากำลังจ้องหน้าผมด้วยความสงสัยอยู่"แต่ผมควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้เวลาที่ต่อสู้ เหมือนร่างกายมันจะสู้ไปเรื่อยๆ จนกว่าคู่ต่อสู้จะตาย หรือผมจะสลบไป" ผมเล่าให้เขาฟังต่อ มันเป็นความจริงที่ว่าผมไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ถ้าฟิวขาด อย่างตอนที่ผมต่อยกับพวกสายลับปลายแถวจนโดนพักงาน ถ้าไม่มีคนมาห้าม ผมก็คงต่อยพวกมันปางตายไปแล้วรวมถึงเมื่อตอนเย็นที่มีคนมาหาเรื่องผมก็ด้วย ผมต่อยและสู้กับพวกมัน ยิ่งเห็นว่าพวกมันเก่งผมยิ่งเหมือนคนที่เสีย
สวมรอยครั้งที่ 10Shuu partผมรีบขับรถมาที่โรงพยาบาลทันทีที่เลขาโทรมาบอกว่าพี่เฌอโดนจอมโจรไนท์บลูที่กำลังเป็นข่าวอยู่ตอนนี้ดักทำร้าย พอวิ่งเข้ามาก็เห็นว่าคุณเลขากำลังยืนคุยอะไรสักอย่างกับท้องฟ้าตัวปลอมอยู่หน้าห้องทั้งคู่แสดงสีหน้าที่ดูเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด"พี่เฌอเป็นไงบ้างครับ" ผมวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าคุณเลขา"หมอยังไม่ออกมาครับ""ฝีมือนายใช่ไหม" ผมหันไปมองคนที่ยืนก้มหน้าเหมือนคิดอะไรอยู่ในหัว"เกี่ยวอะไรกับผม" ท้องฟ้าถามขึ้นมา"ก็นายร่วมมือกับไอ้เหี้ยนั่นไง"ผมบีบแขนทั้งสองข้างของเขาแล้วจ้องมองด้วยความรู้สึกโกรธ ผมคิดว่าวันนั้นเขาต้องไปคุยกับแฟนโมบีแล้วร่วมมือกันมาทำร้ายพี่เฌอแน่ เพราะผมจำได้ว่าผู้ชายคนนั้นพูดว่าจะทำให้ครอบครัวของผมได้รับรู้ถึงการสูญเสีย"อะไรของพี่" ท้องฟ้าสะบัดมือผมออก"คุณชู คุณท้องฟ้าครับ นี่โรงพยาบาลนะครับ" โจเซฟเดินมายืนกั้นระหว่างเราทั้งคู่ ผมกับท้องฟ้าต่างสะบัดหน้าหนีไม่มองหน้ากัน เพราะเกรงว่าถ้าเห็นหน้ากันคว
สวมรอยครั้งที่ 11Seiya partเพราะวันนี้โชนไม่สบายเลยไม่ได้มาโรงเรียน ผมกับชินเลยมาเรียนกันสองคน ถึงใจผมจะไม่อยากมาก็เถอะ ตอนนี้อยากไปสืบเรื่องจอมโจรไนท์บลูใจจะขาด วันนี้ทั้งวันผมเอาแต่คิดเรื่องของมันส่วนชินก็ดููปกติ อาจจะเป็นเพราะเขายังไม่รู้เรื่องพี่เฌอ เนื่องจากพี่ชูสั่งห้ามทุกคนไม่ให้พูดถึงเรื่องพี่เฌอ เพราะใกล้จะสอบมิดเทอมแล้ว ไม่อยากให้โชนกับชินมาเครียดด้วยผมหันไปมองชินที่กำลังเล่นเกมในโทรศัพท์อย่างไม่สนใจใคร จนกระทั่งรถตู้ของที่บ้านขับมาจอดอยู่ที่หน้าตึกเรียนของพวกเราชินถึงได้เงยหน้าแล้วยันตัวลุกขึ้นจากบันได"เชิญครับคุณหนู"คนขับรถพูดขึ้นหลังจากที่เดินมาเลื่อนประตูให้กับพวกเรา แต่ทำไมผมรู้สึกเหมือนเสียงมันถูกส่งผ่านเครื่องแปลงเสียงจัง"คุณลุงไม่สบายเหรอครับ ทำไมใส่แมส"ชินเองก็ถามอย่างแปลกใจเพราะวันนี้คนขับรถดูแปลกตาไปนิดหน่อย แถมยังใส่หมวกปิดแมสอีก ที่สำคัญเอาแต่เงียบและก้ม
SPE. Cutter x Chin Ep.1Chin part"นายบอกให้รีบจัดการ""รู้แล้ว ให้เด็กมันตื่นก่อนสิ""จะทำอะไรก็รีบทำ"เสียงใครกัน?ผมลืมตาขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกปวดหนึบที่หัวเหมือนมีใครมาบีบเส้นประสาทจนต้องปิดตาไปอีกครั้ง และเริ่มลืมตาขึ้นมาใหม่ปรับโฟกัสสายตาไม่นานก่อนจะพบกับ บรรยากาศรอบข้างที่มืดสนิท ตรงหน้าผมมีชายร่างสูงผมยาวสีควันบุหรี่กำลังยืนคุยกับร่างหนาผิวเข้มหน้าตาดูดุ ข้างตัวเขามีถังขนาดใหญ่ตั้งอยู่ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นถังน้ำมัน เพราะกลิ่นของน้ำมันเครื่องมันลอยมาเตะจมูกผมสายตาของผมเริ่มมองสำรวจบริเวณโดยรอบ มันเป็นป่าใหญ่ที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ผมจำได้ว่าครั้งล่าสุดผมนอนอยู่บนรถของที่บ้านไม่ใช่เหรอแขนของผมถูกมัดไว้ข้างหลังและถูกบังคับให้นั่งอยู่บนก้อนหิน ผมหันหน้ากลับมามองผู้ชายสองคนที่กำลังยืนเถียงกันอีกครั้ง ผมเพิ่งสังเกตว่าคนหน้าดูแต่
SPE. cutter x chin Ep.2Chin part"นายหัวภู" ไอ้โรคจิตมันเรียกชื่อเจ้าของเกาะเสียงสั่นใบหน้าเริ่มฉายแววหวาดกลัว"มึงทำอะไรไอ้จักร" นายหัวภูถามเสียงเหี้ยม ไอ้โรคจิตที่ชื่อจักรมันก็รีบคุกเข่าแสร้งทำตัวหดแล้วพนมมือขอโทษไปทางนายหัวของเกาะทั้งที่สภาพร่างกายยังเปลือยเปล่า"ไอ้หมอนั่นมันจะทำร้ายฉันนายหัว มันโยนทรายใส่ฉันด้วยดูสิ" มันโยนความผิดทุกอย่างมาใส่ผมพร้อมกับชี้หน้าตัวเองที่มีทรายเลอะอยู่จากการโดนผมขว้างทรายใส่ ส่วนพี่คัทเตอร์ก็หันมามองผมสายตาเขายังดูดุและน่ากลัวเหมือนเดิม"ข เขาจะข่มขืนผม" ผมพูดเสียงสั่นและเบาก้มหน้าไม่กล้าสบตาเขาทั้งที่ตัวเองกำลังสั่นด้วยความรู้สึกกลัวอยู่"ผมฝากนายหัวจัดการด้วยนะครับ ส่วนนายมานี่""มึงจะพาเมียกูไปไหน โอ้ย"พี่คัทเตอร์เตรียมจะลากผมกลับไปที่บ้านแล้วแต่จักรมันก็ไม่ยอม พุ่งตัวจะมากระชากแขนผมจนโดนพี่คัทเตอร์เตะกระเด็นไปกองกับ
สวมรอยครั้งที่ 12Shuu partหลังจากพาชินไปตรวจร่างกาย หมอบอกว่าปกติดีไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ผมจะพาน้องไปเยี่ยมพี่เฌอแล้ว แต่ชินก็เอาแต่ร้องไห้อยากกลับบ้าน ผมคิดว่าน่าจะเป็นเพราะสภาพจิตใจน้องตอนนี้น่าจะยังไม่พร้อมที่จะเจอใครก็ได้ ผมพยุงตัวชินเดินเข้ามาในบ้าน แม่นมก็วิ่งออกมารับด้วยความเป็นห่วงทันที ผมมองภาพแม่นมที่ทั้งกอดและพูดปลอบชินอย่างเป็นห่วง กลับกันโชนที่เป็นพี่ชายฝาแฝดกลับยืนมองเฉยๆ จนผมแอบสงสัย แต่ก็คิดว่าโชนคงเป็นประเภทที่แสดงออกไม่เก่งละมั้ง เลยไม่ได้ถามไถ่อะไรชิน"ช่วยเล่าเรื่องทั้งหมดให้พี่ฟังได้ไหม" ผมถามชินเมื่อเห็นว่าตอนนี้ชินหยุดร้องไห้แล้ว ชินแสดงสีหน้าเศร้าจนผมรู้สึกผิด"เขาชื่อเซย์ยะครับ ท้องฟ้าจ้างให้เขามาหลอกพวกเรา เพราะหวังสมบัติ แล้วก็คิดที่จะฆ่าพวกเราครับ" ชินเล่าให้พวกเราฟังเสียงสั่นจนแม่นมต้องโอบไหล่เพื่อเป็นการปลอบประโลม"แล้วเรารอดมาได้ยังไง""ผมไม่รู้ครับ เขาฟาดหัวผมแล้วเอาผมไปทิ้งในป่า" คำตอบของชินท
สวมรอยครั้งที่ 13Seiya partสามวันแล้วที่ผมอยู่ในสถานะนักโทษ?ผมไม่รู้จะนิยามสถานะตัวเองตอนนี้ยังไง หลังจากวันที่พวกเราทะเลาะกันจนผมเกือบลงมือฆ่าเขา ผมจำได้ว่าตัวเองร้องไห้อย่างหนักตอนที่ได้สติก่อนจะหลับไป พอฟื้นขึ้นมาก็ถูกมัดไว้ที่เก้าอี้เหมือนเดิม แต่คราวนี้เชือกที่มัดผมเปลี่ยนเป็นโซ่แทน ไฟที่กะพริบจนทำให้ผมปวดตาก็ถูกเปลี่ยนใหม่โดยคนที่ยั่วโมโหผมผมไม่เข้าใจการกระทำของคนที่จับผมสักเท่าไหร่ เพราะหลังจากที่เขาเข้ามายั่วโมโหผม แล้วปลอบผมตอนร้องไห้เขาก็ทำตัวปกติ แถมไม่ได้เค้นข้อมูลอะไรเลยสายตาของผมเริ่มมองสำรวจห้องมืดที่ว่างเปล่า มันโล่งเกินกว่าจะเป็นห้องเก็บของด้วยซ้ำ ราวกับเป็นห้องที่ไม่ได้ใช้มานานแล้วแกร็กประตูถูกเปิดออกมาพร้อมกับร่างสูงของพี่ชู ที่มักจะเดินเข้ามาเพื่อเอาข้าวมาให้ผมเหมือนกับทุกครั้ง"มีอะไรจะพูดกับผมหรือไง" ผมถามคนที่เพิ่งจะวางข้าวไว้บนลังไม้"เปล่า" เขาปฏิเสธเหมือนทุกครั้ง ทั้งที่ใบหน้าแสดงออกชัดว่าเขามีอะไรในใจ"จะก
สวมรอยครั้งที่ 12Shuu partหลังจากพาชินไปตรวจร่างกาย หมอบอกว่าปกติดีไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ผมจะพาน้องไปเยี่ยมพี่เฌอแล้ว แต่ชินก็เอาแต่ร้องไห้อยากกลับบ้าน ผมคิดว่าน่าจะเป็นเพราะสภาพจิตใจน้องตอนนี้น่าจะยังไม่พร้อมที่จะเจอใครก็ได้ ผมพยุงตัวชินเดินเข้ามาในบ้าน แม่นมก็วิ่งออกมารับด้วยความเป็นห่วงทันที ผมมองภาพแม่นมที่ทั้งกอดและพูดปลอบชินอย่างเป็นห่วง กลับกันโชนที่เป็นพี่ชายฝาแฝดกลับยืนมองเฉยๆ จนผมแอบสงสัย แต่ก็คิดว่าโชนคงเป็นประเภทที่แสดงออกไม่เก่งละมั้ง เลยไม่ได้ถามไถ่อะไรชิน"ช่วยเล่าเรื่องทั้งหมดให้พี่ฟังได้ไหม" ผมถามชินเมื่อเห็นว่าตอนนี้ชินหยุดร้องไห้แล้ว ชินแสดงสีหน้าเศร้าจนผมรู้สึกผิด"เขาชื่อเซย์ยะครับ ท้องฟ้าจ้างให้เขามาหลอกพวกเรา เพราะหวังสมบัติ แล้วก็คิดที่จะฆ่าพวกเราครับ" ชินเล่าให้พวกเราฟังเสียงสั่นจนแม่นมต้องโอบไหล่เพื่อเป็นการปลอบประโลม"แล้วเรารอดมาได้ยังไง""ผมไม่รู้ครับ เขาฟาดหัวผมแล้วเอาผมไปทิ้งในป่า" คำตอบของชินท
SPE. cutter x chin Ep.2Chin part"นายหัวภู" ไอ้โรคจิตมันเรียกชื่อเจ้าของเกาะเสียงสั่นใบหน้าเริ่มฉายแววหวาดกลัว"มึงทำอะไรไอ้จักร" นายหัวภูถามเสียงเหี้ยม ไอ้โรคจิตที่ชื่อจักรมันก็รีบคุกเข่าแสร้งทำตัวหดแล้วพนมมือขอโทษไปทางนายหัวของเกาะทั้งที่สภาพร่างกายยังเปลือยเปล่า"ไอ้หมอนั่นมันจะทำร้ายฉันนายหัว มันโยนทรายใส่ฉันด้วยดูสิ" มันโยนความผิดทุกอย่างมาใส่ผมพร้อมกับชี้หน้าตัวเองที่มีทรายเลอะอยู่จากการโดนผมขว้างทรายใส่ ส่วนพี่คัทเตอร์ก็หันมามองผมสายตาเขายังดูดุและน่ากลัวเหมือนเดิม"ข เขาจะข่มขืนผม" ผมพูดเสียงสั่นและเบาก้มหน้าไม่กล้าสบตาเขาทั้งที่ตัวเองกำลังสั่นด้วยความรู้สึกกลัวอยู่"ผมฝากนายหัวจัดการด้วยนะครับ ส่วนนายมานี่""มึงจะพาเมียกูไปไหน โอ้ย"พี่คัทเตอร์เตรียมจะลากผมกลับไปที่บ้านแล้วแต่จักรมันก็ไม่ยอม พุ่งตัวจะมากระชากแขนผมจนโดนพี่คัทเตอร์เตะกระเด็นไปกองกับ
SPE. Cutter x Chin Ep.1Chin part"นายบอกให้รีบจัดการ""รู้แล้ว ให้เด็กมันตื่นก่อนสิ""จะทำอะไรก็รีบทำ"เสียงใครกัน?ผมลืมตาขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกปวดหนึบที่หัวเหมือนมีใครมาบีบเส้นประสาทจนต้องปิดตาไปอีกครั้ง และเริ่มลืมตาขึ้นมาใหม่ปรับโฟกัสสายตาไม่นานก่อนจะพบกับ บรรยากาศรอบข้างที่มืดสนิท ตรงหน้าผมมีชายร่างสูงผมยาวสีควันบุหรี่กำลังยืนคุยกับร่างหนาผิวเข้มหน้าตาดูดุ ข้างตัวเขามีถังขนาดใหญ่ตั้งอยู่ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นถังน้ำมัน เพราะกลิ่นของน้ำมันเครื่องมันลอยมาเตะจมูกผมสายตาของผมเริ่มมองสำรวจบริเวณโดยรอบ มันเป็นป่าใหญ่ที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ผมจำได้ว่าครั้งล่าสุดผมนอนอยู่บนรถของที่บ้านไม่ใช่เหรอแขนของผมถูกมัดไว้ข้างหลังและถูกบังคับให้นั่งอยู่บนก้อนหิน ผมหันหน้ากลับมามองผู้ชายสองคนที่กำลังยืนเถียงกันอีกครั้ง ผมเพิ่งสังเกตว่าคนหน้าดูแต่
สวมรอยครั้งที่ 11Seiya partเพราะวันนี้โชนไม่สบายเลยไม่ได้มาโรงเรียน ผมกับชินเลยมาเรียนกันสองคน ถึงใจผมจะไม่อยากมาก็เถอะ ตอนนี้อยากไปสืบเรื่องจอมโจรไนท์บลูใจจะขาด วันนี้ทั้งวันผมเอาแต่คิดเรื่องของมันส่วนชินก็ดููปกติ อาจจะเป็นเพราะเขายังไม่รู้เรื่องพี่เฌอ เนื่องจากพี่ชูสั่งห้ามทุกคนไม่ให้พูดถึงเรื่องพี่เฌอ เพราะใกล้จะสอบมิดเทอมแล้ว ไม่อยากให้โชนกับชินมาเครียดด้วยผมหันไปมองชินที่กำลังเล่นเกมในโทรศัพท์อย่างไม่สนใจใคร จนกระทั่งรถตู้ของที่บ้านขับมาจอดอยู่ที่หน้าตึกเรียนของพวกเราชินถึงได้เงยหน้าแล้วยันตัวลุกขึ้นจากบันได"เชิญครับคุณหนู"คนขับรถพูดขึ้นหลังจากที่เดินมาเลื่อนประตูให้กับพวกเรา แต่ทำไมผมรู้สึกเหมือนเสียงมันถูกส่งผ่านเครื่องแปลงเสียงจัง"คุณลุงไม่สบายเหรอครับ ทำไมใส่แมส"ชินเองก็ถามอย่างแปลกใจเพราะวันนี้คนขับรถดูแปลกตาไปนิดหน่อย แถมยังใส่หมวกปิดแมสอีก ที่สำคัญเอาแต่เงียบและก้ม
สวมรอยครั้งที่ 10Shuu partผมรีบขับรถมาที่โรงพยาบาลทันทีที่เลขาโทรมาบอกว่าพี่เฌอโดนจอมโจรไนท์บลูที่กำลังเป็นข่าวอยู่ตอนนี้ดักทำร้าย พอวิ่งเข้ามาก็เห็นว่าคุณเลขากำลังยืนคุยอะไรสักอย่างกับท้องฟ้าตัวปลอมอยู่หน้าห้องทั้งคู่แสดงสีหน้าที่ดูเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด"พี่เฌอเป็นไงบ้างครับ" ผมวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าคุณเลขา"หมอยังไม่ออกมาครับ""ฝีมือนายใช่ไหม" ผมหันไปมองคนที่ยืนก้มหน้าเหมือนคิดอะไรอยู่ในหัว"เกี่ยวอะไรกับผม" ท้องฟ้าถามขึ้นมา"ก็นายร่วมมือกับไอ้เหี้ยนั่นไง"ผมบีบแขนทั้งสองข้างของเขาแล้วจ้องมองด้วยความรู้สึกโกรธ ผมคิดว่าวันนั้นเขาต้องไปคุยกับแฟนโมบีแล้วร่วมมือกันมาทำร้ายพี่เฌอแน่ เพราะผมจำได้ว่าผู้ชายคนนั้นพูดว่าจะทำให้ครอบครัวของผมได้รับรู้ถึงการสูญเสีย"อะไรของพี่" ท้องฟ้าสะบัดมือผมออก"คุณชู คุณท้องฟ้าครับ นี่โรงพยาบาลนะครับ" โจเซฟเดินมายืนกั้นระหว่างเราทั้งคู่ ผมกับท้องฟ้าต่างสะบัดหน้าหนีไม่มองหน้ากัน เพราะเกรงว่าถ้าเห็นหน้ากันคว
สวมรอยครั้งที่ 09Seiya part"เล่าให้ฟังได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น"ผมหลุบตาหลบสายตาที่กำลังจ้องมองเหมือนต้องการคาดคั้นผมอยู่ ดูเหมือนว่าผมจะเผลอแสดงทั้งด้านมืดและด้านที่อ่อนแอให้คนที่เกลียดผมเห็นซะแล้วสิ ผมถอนหายใจออกมาเมื่อนึกถึงสภาพตัวเองที่ฟิวขาดมือข้างหนึ่งยกขึ้นมาลูบใบหน้าตัวเองอย่างคนคิดหนักแต่สุดท้ายผมก็ตัดสินใจจะเล่าให้เขาฟัง"พวกนั้นมันเข้ามาทำร้ายผมครับ ผมก็เลยป้องกันตัว" ผมบอกและผมรู้ดีว่าต่อให้ไม่ได้เงยหน้าไปมอง ผมก็รู้ว่าเขากำลังจ้องหน้าผมด้วยความสงสัยอยู่"แต่ผมควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้เวลาที่ต่อสู้ เหมือนร่างกายมันจะสู้ไปเรื่อยๆ จนกว่าคู่ต่อสู้จะตาย หรือผมจะสลบไป" ผมเล่าให้เขาฟังต่อ มันเป็นความจริงที่ว่าผมไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ถ้าฟิวขาด อย่างตอนที่ผมต่อยกับพวกสายลับปลายแถวจนโดนพักงาน ถ้าไม่มีคนมาห้าม ผมก็คงต่อยพวกมันปางตายไปแล้วรวมถึงเมื่อตอนเย็นที่มีคนมาหาเรื่องผมก็ด้วย ผมต่อยและสู้กับพวกมัน ยิ่งเห็นว่าพวกมันเก่งผมยิ่งเหมือนคนที่เสีย
สวมรอยครั้งที่ 08Shuu partสองอาทิตย์แล้วที่ท้องฟ้าตัวปลอมมาอยู่ที่นี่ แต่กลับไม่ทำอะไรเลยนอกจากใช้ชีวิตปกติ ปกติแบบที่ไม่ทำอะไรน่าสงสัยเลยนอกจากการติดกล้องที่ห้องตัวเอง ราวกับว่ามีของสำคัญอยู่ในนั้น และกลัวว่ามีใครจะมาเอาไปในตอนแรกผมคิดว่าเขาอาจจะเป็นมิจฉาชีพ แต่ดูแล้วไม่น่าจะใช่ ถ้าจุดประสงค์ของเขาคือการสวมรอยเป็นท้องฟ้าเพื่อขโมยของ เขาคงทำไปนานแล้ว ไม่ปล่อยเวลามานานขนาดนี้หรอกRrrrrrนักสืบ"สวัสดีครับ"(สวัสดีครับคุณชู ผมเจอข้อมูลที่แปลกมาก เดี๋ยวผมส่งไปให้ดูทางเมลนะครับ)"ขอบคุณครับ"ผมกดตัดสายจากนักสืบแล้วจัดการเปิดคอมขึ้นเพื่อเข้าระบบเมลตัวเองไม่ใช่เมลบริษัท รอไม่นานนักสืบก็ส่งข้อมูลมาให้ผม มันเป็นข้อมูลของคนสองคน คนแรกคือท้องฟ้าตัวปลอม ผมไล่อ่านข้อมูลดูมันมีข้อมูลประวัติของเขาขึ้นมา ทั้งหมดสามชื่อชื่อแรก เจย์เลน วิโทรี่ นักฆ่าของแก๊ง มังกรสีนิล ผู้มีอิทธิพลในภาคใต้ ที่ถูกรัฐบาลกวาดล้างไปเมื่อสามปีก่อน
สวมรอยครั้งที่07Seiya partบรรยากาศในรถอึดอัดจนน่าขนลุก ทั้งที่เขาเป็นคนบอกผมว่ามีเรื่องจะคุยด้วย แต่ตัวเองกลับเอาแต่นั่งเงียบตลอดทางแถมทำหน้านิ่งจนผมคาดเดาอารมณ์ไม่ถูกอีกในใจเขาคงมีคำถามว่าทำไมผมถึงไปอยู่ในผับจนเกือบโดนผู้ชายตัวใหญ่ที่คาดว่าจะเป็นคนรู้จักของพี่ชูลากเข้าโรงแรมได้ ก็คงต้องย้อนไปประมาณสักห้าชั่วโมงก่อนผมได้รับโทรศัพท์จากลูอิสเกี่ยวกับภารกิจสำคัญที่ลูอิสรับเอาไว้ แต่จอมโจรไนท์บลูมันดันออกมาเสียก่อน ลูอิสจึงขอร้องให้ผมมาทำภารกิจนี้แทนหนึ่งวัน จะให้ผมไปจับจอมโจรไนท์บลูแทนก็กลัวว่าผมจะถูกหัวหน้าและคนในองค์กรจับได้ว่าแอบมาปฏิบัติหน้าที่ทั้งที่โดนพักงานอยู่ แล้วผมอาจจะซวยจนโดนไล่ออกผมจึงต้องจำใจแอบออกจากบ้านมาปลอมตัวเป็นเด็กเสิร์ฟที่นี่ เพื่อหาตัวเป้าหมายให้ลูอิส มันเป็นแค่ภารกิจจับชู้ธรรมดานั่นแหละ ปกติลูอิสมันคงไม่รับหรอก แต่คงเพราะเงินหนามันถึงได้ยอมรับ แต่คอยดูเถอะถ้าภารกิจสำเร็จผมทวงส่วนแบ่งเก้าสิบเปอร์เซ็นต์แน่"ไปต่อกันไหมครับ" เสียงของผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้นมาหลังจากที่ผ