สวมรอยครั้งที่ 05
Seiya part
“คุณเลขาแน่ใจจริงๆ เหรอครับ ว่าพี่ชูเขาไม่เคยเห็นหน้าท้องฟ้า”
“ใช่ครับ ผมแน่ใจ ทุกคนในบ้านไม่เคยเจอหน้าคุณท้องฟ้าครับ เพราะคุณท้องฟ้าไปอิตาลีตั้งแต่เด็ก”
ผมคิดตามคำพูดของคุณเลขา ซึ่งก็เป็นอย่างที่คุณเลขาบอก จำได้ว่าคุณน้าพาท้องฟ้าไปอยู่อิตาลีตั้งแต่เด็ก ไม่มีทางที่พี่ชูจะเคยเห็นหน้าท้องฟ้าอย่างที่เขาว่า แล้วถ้างั้นคนร้ายจะเคยเห็นหน้าท้องฟ้าได้ยังไงกัน
แต่ถ้าตามที่พี่ชูพูดเมื่อคืน ถ้าเคยเห็นหน้าจริง เขาก็เป็นคนที่น่าสงสัยที่สุด และเป็นคนที่ดูมีเหตุจูงใจที่สุดด้วย เพื่อไม่ให้มรดกของตัวเองตกไปเป็นของท้องฟ้า เขาอาจจะชิงฆ่าท้องฟ้าก่อน แต่คุณเลขาบอกว่า วันที่ท้องฟ้าโดนทำร้ายยังไม่มีการอ่านพินัยกรรม
“แต่เหมือนคุณชูจะเคยเห็นแค่ตอนเป็นทารกนะครับ ไม่น่าจะจำได้”
คุณเลขาพูดต่อเมื่อเห็นว่าผมกำลังนั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเอง
“หรือว่าเขาเป็นคนทำร้ายท้องฟ้าครับ” ผมถามเสียงเรียบ
“ผมเองก็คิดครับ เพราะคนที่ได้ประโยชน์ที่สุดคือคุณชู แต่...” คุณเลขาตอบกลับมาพร้อมกับหยิบรูปในกระเป๋าเสื้อของเขาส่งให้ผม
“ผมตรวจสอบแล้วครับ ช่วงเวลาที่คุณท้องฟ้าถูกทำร้าย คุณชูอยู่ที่โรงแรม xxx พร้อมกับคู่นอน”
ผมหยิบรูปขึ้นมาดูก็พบกับภาพของพี่ชูที่กำลังพาคู่นอนเข้าห้อง และออกมาอีกทีตอนเช้า และคู่นอนของเขาต่อให้เห็นหน้าไม่ชัด ผมก็จำได้ดีว่าเป็นใคร เพราะมันคือตัวผมเอง ตอนที่ท้องฟ้าโดนทำร้าย เขาอยู่กับผม ผมเป็นพยานที่อยู่เพียงคนเดียวของเขา แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกผิดขึ้นมาถ้าผมเลือกที่จะกลับไปหาท้องฟ้าไม่ไปต่อกับพี่ชู ท้องฟ้าก็อาจจะไม่ต้องโดนทำร้ายก็ได้
“งั้นเราคงต้องตัดพี่ชูทิ้ง” ไม่รู้ทำไมถึงเผลอโล่งใจขึ้นมาก็ไม่รู้ที่มันคงไม่ใช่เขา
“แล้วคนอื่นละครับ มีพยานที่อยู่ไหม”
“ไม่มีครับ”
คุณเลขาส่ายหน้าไปมาให้กับคำถามของผม ก่อนที่ผมจะนึกถึงเข็มกลัดชิ้นเดียวที่อยู่ในที่เกิดเหตุ
“คนน่าสงสัยที่สุดน่าจะเป็นคุณป้าเนตรดาวกับพี่เฌอครับ”
“เพราะเข็มกลัดนั่นน่าจะเป็นของผู้หญิงมากกว่า”
ผมบอกคุณเลขาไปตามความจริงที่ผมคิด เพราะเข็มกลัดดูยังไงก็เป็นของผู้หญิง ทั้งดีไซน์ความสวยและความประณีต น่าจะเป็นของผู้หญิงในบ้านมากกว่า ยกเว้นว่าพ่อของท้องฟ้าจะทำแจกทุกคนในบ้านนะ
“ยังไงก็ระวังตัวด้วยนะครับ”
คุณเลขาเตือนผมด้วยความเป็นห่วง ซึ่งอาทิตย์แรกผมยังไม่ได้ทำอะไรมากนอกจากทำตัวตีสนิทพวกเขาให้พวกเขาเชื่อใจ พี่เฌอผมก็ช่วยสอนเธอทำขนมจนเราเริ่มที่จะสนิทกันแล้ว โชนก็มีมาให้ผมสอนการบ้านบ้างแต่ก็ดูยังไม่ได้สนิทใจ ส่วนชินรายนี้น่าจะง่ายที่สุด ถามอะไรก็ตอบหมด และดูเป็นมิตรเข้าถึงง่ายที่สุดแล้ว ส่วนคนที่ยากที่สุดคงจะเป็นคนที่จ้องจะจับผิดผมอย่างพี่ชูนี่แหละ ไม่รู้จะทำยังไง แล้วก็ป้าเนตรดาว คนนี้ผมไม่ค่อยได้คุยกับเธอเลย เพราะเธอไม่ค่อยอยู่บ้านสักเท่าไหร่
ผมเดินเข้ามาในห้องหลังจากกลับมาจากธุระเรื่องเรียนแล้วก็พูดคุยกับคุณเลขาเกี่ยวกับผู้ต้องสงสัย ก่อนจะพบว่าข้าวของในห้องมันแปลกไป มันถูกวางแบบเดิมก็จริง แต่ไม่ใช่องศาเดิม สายลับทุกคนมักจะเป็นคนช่างสังเกต ผมมองไปรอบห้องนอนของตัวเอง และเริ่มมั่นใจว่าก่อนที่ผมจะกลับมา มีคนบุกรุกเข้ามาในห้องผมแน่นอน
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูภาพจากกล้องแอบถ่ายที่ติดไว้ในห้องของตัวเอง ก่อนจะพบว่าคนที่เข้ามาคือพี่ชู
"มันจะมากไปแล้วนะ"
ผมจิ๊ปากอย่างขัดใจเมื่อถูกบุกรุกพื้นที่ส่วนตัว เขาเข้ามาค้นห้องของผม ผมจึงก้าวออกไปจากห้องตัวเองแล้วจัดการเคาะห้องเขาเสียงดัง แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะเปิด ผมเคาะจนเจ็บมือแล้ว
"ท้องฟ้า มีอะไรหรือเปล่า"
สงสัยผมจะเคาะเสียงดังเกินไปพี่เฌอที่อยู่ชั้นล่างเลยรีบขึ้นมาดูแล้วถามผมขึ้น
"พี่ชูแอบเข้าไปในห้องผมครับ แถมยังค้นห้องผมอีก" ผมรีบเดินตรงเข้าไปฟ้องแล้วยื่นหลักฐานให้พี่คนโตของบ้านได้ดูทันที พี่เฌอรับไปดูแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่
"ชูออกไปทำงาน เดี๋ยวกลับมาพี่จะดุให้"
"ขอบคุณครับ"
ผมขอบคุณเสียงซื่อ รอเขากลับมาก่อนเถอะผมจะจัดการเขาแน่ โทษฐานที่บังอาจมาบุกรุกห้องของผม
ปัง! ปัง! ปัง!
"ทำไมไม่พังประตูเข้ามาเลยล่ะ" ผมบ่นกับตัวเองหลังจากที่เข้าห้องน้ำเสร็จออกมาก็ได้ยินเสียงคนทุบประตูห้องนอนตัวเองเสียงดังลั่น ผมจัดการเดินไปเปิดประตูก็พบว่าเป็นพี่ชูที่กำลังทำหน้าบึ้งตึงอยู่หน้าประตูห้องผม และไม่ทันที่ผมจะได้ถามอะไรเขาก็ดันตัวผมเข้ามาในห้องและเดินตามเข้ามา ก่อนจะปิดประตูห้องผมเสียงดังลั่น
"พี่มีอะไร"
"นายบอกพี่เฌอเหรอว่าฉันเข้ามาในห้องนาย" เขากดเสียงต่ำแววตาเต็มไปด้วยโทสะ คงจะโดนพี่เฌอดุมาสินะ
"ก็เรื่องจริงนี่ครับ" ผมว่าหน้าตาใสซื่อ
"ก็พี่เข้ามาในห้องผมจริงๆ เข้ามาหาอะไรเหรอครับ"
"รู้ได้ไง"
"ผมมีหลักฐาน" ผมว่าก่อนจะหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานมาเปิดคลิปตอนที่เขาแอบเข้ามาค้นห้องผมให้เขาดู พี่ชูหน้าเสียไปครู่นึงก่อนจะกลับมาแสยะยิ้มร้ายใส่ผม
"ถึงขั้นติดกล้องไว้ในห้องตัวเองเลยเหรอ ทำไม กลัวความลับแตกหรือไง" ไม่ว่าเปล่าใบหน้าหล่อยังขยับเข้ามาใกล้ผมจนผมต้องถอยหนีแต่เขาก็เดินตาม
"ความลับอะไร" ผมถามเสียงเรียบ
"ก็ความลับว่านายเป็นตัวปลอมไง" มือหนาโอบรอบเอวผมเข้าไปใกล้เขาและเพื่อไม่ให้ผมถอยหนีไปได้ จนตอนนี้ใบหน้าเราใกล้กันแค่คืบ ผมไม่ได้ดิ้นหรือขืนตัวออก เพราะอยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะทำอะไร
"มั่นใจจังนะครับ" ผมบอกพร้อมกับแสยะยิ้มใส่เขา
"ยิ่งกว่ามั่นใจอีก แต่เขาก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ตอบกลับมาให้ผม
"มีหลักฐานเหรอครับ"
"ตอนนี้ยังไม่มีแต่อนาคตไม่แน่" เขาว่าก่อนที่ดวงตาคมจะมองที่ริมฝีปากผม ผมเห็นเขาแอบกลืนน้ำลายตัวเองลงคอ แต่ผมกลับรู้สึกถูกใจตอนที่เห็นท่าทีของเขา
"จูบน้องชายตัวเอง บาปนะครับ" ผมแกล้งพูด
"จะบาปได้ยัง นายไม่ใช่น้องชายฉันสักหน่อย"
ไม่พูดเปล่าเขายังพิสูจน์ด้วยการนำริมฝีปากได้รูปของเขากดลงที่ริมฝีปากบางของผม เราทั้งคู่แลกจูบกันอย่างดูดดื่มอย่างไม่มีใครยอมใคร ไม่มีใครเกรงกลัวต่อบาป เพราะเราต่างรู้ดีว่าพวกเราทั้งคู่ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกัน ทั้งทางสายเลือดและความรู้สึก จูบนี้มันเต็มไปด้วยการเอาชนะ
"อือ..."
และผมอาจจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในครั้งนี้ ผมดันตัวเขาออกเมื่อรู้สึกว่าตัวเองเริ่มหายใจไม่ออก ผู้ชายคนนี้จูบเก่งเกินไปแล้ว เก่งกว่าครั้งแรกที่เราเจอกันอีก
"ระวังตัวให้ดีก็แล้วกัน สักวันฉันจะกระชากหน้ากากนายออกมาเอง"
เขาใช้มือเชยคางผมแล้วพูดอย่างเหนือกว่า
"จะรอนะครับ"
และผมก็สบตาเขาอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน ดูเหมือนสงครามระหว่างเรามันจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้วสินะ
……..
“เวิร์ลคัมสู่โรงเรียนของพวกเรา”
ชินพูดพร้อมกับชูมือสองข้างขึ้นและเผยรอยยิ้มกว้างออกมา ในขณะที่ผมได้แต่ยิ้มแห้ง วันนี้เป็นวันที่ผมได้กลับมาใส่ชุดนักเรียนอีกครั้งในรอบสองปีหลังจากที่เรียนจบไปแล้ว ก็ทำไงได้ตอนนี้ผมต้องปลอมตัวเป็นเด็กอายุสิบเจ็ดนี่ จำเป็นต้องเรียนหนังสือเพื่อความแนบเนียนของภารกิจ
“พวกนายนี่เป็นฝาแฝดที่ต่างกันสุดขั้วเลยนะ”
ผมหันไปพูดกับโชนที่เดินเงียบๆ อยู่ข้างผม ต่างจากชินที่เดินนำหน้าไปทักทายคนนั้นที คนนี้ที สมแล้วที่เป็นหนุ่มฮอตพ่วงด้วยตำแหน่งรองประธานนักเรียน
“ใครๆ ก็พูดแบบนั้น”
โชนตอบกลับมาแล้วส่ายหัวเหมือนเอือมระอากับน้องชายฝาแฝดตัวเอง ซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไรต่อ
ในตอนที่ต้องไปแนะนำตัวหน้าห้องผมก็ทำได้สบาย ต้องขอบคุณความหน้าเด็กของตัวเองที่ทำให้สามารถแอ๊บเป็นเด็กอายุสิบเจ็ดได้สบาย
ส่วนการเรียนถึงจะไม่ค่อยสนใจแต่ก็พอจะจำได้ ก็ที่พวกเขาเรียนผมเคยเรียนมาหมดแล้วนี่ ยกเว้นวิชาภาษาไทยนะ อันนี้ผมเรียนแค่นิดหน่อยให้พอสื่อสารได้ คุณน้ากับคนในองค์กรเป็นคนสอนสมัยที่ต้องมาทำภารกิจที่ไทย แต่พอเจอพวกกลอนอะไรก็ไม่รู้สมองก็เออเร่อเหมือนกัน
“พวกนายกลับก่อนเลยนะ ฉันมีธุระ” ผมบอกกับสองแฝดหลังจากที่พวกเราเลิกเรียนแล้วกำลังยืนรอคนขับรถอยู่
“จะไม่หลงทางใช่ไหม มีอะไรโทรหาพวกฉันได้นะ” ชินพูดขึ้นมาอย่างเป็นห่วง ในขณะที่โชนทำเพียงแค่มองผมนิ่ง
“โอเค”
“เจอกันที่บ้านนะ”
“เจอกัน”
ผมโบกมือลาคนทั้งคู่ก่อนจะรีบสะพายกระเป๋าเป้แล้ววิ่งออกไปนอกโรงเรียนทันที แล้วจัดการโทรนัดเพื่อนสนิทหลังจากที่ทราบข่าวว่าเพื่อนผมกำลังมาปฏิบัติภารกิจที่ประเทศไทย
“ทำไมแกมาอยู่นี่ได้” ผมถามลูอิสทันทีที่มานั่งร้านอาหารและลูอิสนั่งรอผมก่อนอยู่แล้ว มันดูเหมือนจะกลั้นขำตอนที่เห็นผมใส่ชุดนักเรียนจนผมต้องหันไปแยกเขี้ยวใส่
“มีคนบอกว่าจอมโจรไนท์บลูอยู่ที่ไทย หัวหน้าเลยให้ฉันมาสืบ” มันว่า ผมตาเบิกกว้างเมื่อได้ยินชื่อของคู่อาฆาตของตัวเอง แต่อะไรดลใจให้มันมาที่นี่ มันตามผมมาเหรอ
“ตั้งแต่แกไม่อยู่นะ ไอ้ไมค์แม่ง กร่างสุดๆ”
ต่อด้วยการระบายความในใจถึงคู่อริของผมที่เป็นอันดับสองรองจากผม แน่นอนอยู่แล้วไอ้ไมค์มันคงรอเวลานี้มานานแล้วแหละ เวลาที่จะได้กำจัดผม ส่วนมันก็กลายเป็นใหญ่ทันที
“แล้วเรื่องของท้องฟ้าที่ให้ไปสืบ” ผมเปลี่ยนเรื่องก่อนที่มันจะระบายความในใจตัวเองมากกว่านี้และผมไม่น่ามีเวลาฟังมัน ต้องรีบกลับบ้านก่อนที่คุณชายจอมจับผิดจะกลับมาน่ะสิ
“คนที่เห็นเหตุการณ์เป็นคนบ้าสติไม่ดี คงต้องเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง”
“เขาว่าไง” ผมจดจ่อกับคำพูดของลูอิสทันที ต่อให้เป็นคนเสียสติ คนบ้า เราก็ต้องฟัง ในเมื่อเขาคือคนเห็นเหตุการณ์คำพูดของเขามันก็ย่อมพอเป็นเบาะแสได้บ้าง
“เขาบอกท้องฟ้าทะเลาะกับใครไม่รู้แล้วโดนลากไปซอกตึก แล้วทั้งสามคนก็หายไป”
“สาม?”
“อือ บอกแค่ว่าใส่ชุดสีดำสามคนเลย”
“แล้วก็พูดวกไปวนมา” พอพูดจบลูอิสก็ทำท่าเหมือนก้มไปหาอะไรในกระเป๋าที่ติดมาด้วย ก่อนจะหยิบรูปบางอย่างยื่นมาตรงหน้าผมแล้ว
“อ่อ แล้วก็มีเด็กอีกคนที่เล่นดนตรีเปิดหมวก บอกว่าช่วงบ่ายเห็นท้องฟ้ามายืนดูเขาด้วยนะ แถมให้เงินเยอะด้วย อีกอย่างคือกอดถุงน้ำตาลแน่น”
“ส่วนนี้กล้องวงจรปิดใกล้กับจุดที่เด็กคนนั้นเล่นดนตรี จับภาพได้ตอนท้องฟ้าเดินถือถุงอะไรสักอย่างอยู่จริงๆ”
ผมหยิบรูปขึ้นมาดูก็เห็นเป็นรูปท้องฟ้าในชุดเสื้อผ้าสีดำทั้งตัวกำลังยืนกอดถุงสีน้ำตาลแน่น พร้อมกับยืนดูเด็กกำลังเล่นกีตาร์ร้องเพลง และอีกรูปเป็นรูปที่ท้องฟ้ายืนอยู่หน้าร้านขนมและกอดถุงน้ำตาลแน่นเช่นกัน
“แต่ถุงนั่นมันหายไปไหน แล้วมันคือถุงอะไร” ผมพูดขึ้นและลูอิสก็พยักหน้าเห็นด้วย
ท้องฟ้าออกไปพบใครบางคนพร้อมกับถุงกระดาษแล้วถูกทำร้าย
แล้วก็น่าจะถูกนำมาทิ้งที่จุดใกล้บ้าน จากนั้นท้องฟ้าก็พยายามจะวิ่งเข้าบ้าน แต่หมดแรงและสลบไปเสียก่อน นั่นคือคำสันนิษฐานของผม ซึ่งปกติผมมักจะบอกท้องฟ้าเสมอว่าห้ามออกไปหาคนแปลกหน้า แล้วคนร้ายมันทำยังไงให้ท้องฟ้าออกไปหาได้ แล้วในถุงมันคืออะไรที่สำคัญของในถุงน่าจะอยู่กับคนร้าย
ผมใช้เวลาพูดคุยกับลูอิสไม่นานก่อนจะขอตัวกลับก่อน โชคดีที่ผมมาทันก่อนที่พี่ชายคนกลางเจ้าปัญหาจะกลับมา มันดูเงียบผิดปกติหรือเป็นเพราะชินเข้าห้องนอนไปแล้วนะ
ผมก้าวเท้าเดินขึ้นบันได แต่ยังไม่ทันได้ถึงห้องตัวเองก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายออกมาจากห้องตรงข้ามผมที่เปิดประตูอยู่
“ไม่เจอเลย หายไปไหน” ผมจำได้ว่าเป็นเสียงของพี่เฌอ
“ไม่เจอค่ะคุณหนู”
“แต่หนูไม่เห็นนานแล้วนะคะ”
“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าครับ”
ผมเดินเข้าไปอยู่หน้าประตูแล้วถามหญิงสาวในชุดราตรีสีขาวที่กำลังยืนทำหน้าเครียด พร้อมกับคนใช้อีกสองคนที่กำลังช่วยกันค้นห้องเหมือนหาอะไร
“เข็มกลัดพี่หาย” เธอหันมาบอกผมแล้วกลับไปค้นหาของต่อ แต่คำว่าเข็มกลัดทำเอาคิ้วผมกระตุก
“เข็มกลัดเหรอครับ?”
จะใช่อันเดียวกันกับในที่เกิดเหตุหรือเปล่า
"มันเป็นยังไงเหรอครับ"
"เป็นเข็มกลัดเพชร ตรงกลางเป็นอัญมณีสีน้ำเงิน"
ผมคิดตามคำที่เธอพูดและก็ถึงบางอ้อ ลักษณะมันเหมือนกันไม่มีผิด
หรือว่าเธอจะเป็นคนร้ายจริงๆ
สวมรอยครั้งที่06Shuu part"มีอะไรหรือเปล่าครับ"ผมถามขึ้นหลังจากเดินขึ้นบันไดมาเห็นท้องฟ้าตัวปลอมกำลังยืนคิ้วขมวด โดยมีพี่เฌอยืนอยู่หน้าห้องของตัวเองพอมองเข้าไปในห้องพี่เฌอ ก็เห็นคนใช้กำลังวุ่นอยู่กับการหาของอะไรสักอย่าง"เข็มกลัดที่คุณพ่อให้พี่มันหายไปไหนไม่รู้" พี่เฌอตอบเสียงเครียด"ลองค้นห้องท้องฟ้าดูไหมครับ เขาอาจจะเอาไปก็ได้" ผมบอกพี่เฌอพร้อมกับหันไปมองคนที่ทำหน้าเครียดอยู่"ผมไม่ได้เอาไป" เขารีบตอบทันควัน"ถ้าบริสุทธิ์ใจก็ให้ค้นสิ" ผมบอกแล้วเดินไปมองเขาอย่างจับผิด คนผมทองจิ๊ปากเหมือนขัดใจอะไรสักอย่าง ก่อนที่เขาจะมองผมกับพี่เฌอสลับกันไปมา"ถ้างั้นก็เชิญครับ"ร่างเพรียวเดินหลบให้ทุกคนเข้าไปค้นห้องตัวเอง และผมก็เพิ่งสังเกตว่าเขายังสะพายกระเป๋านักเรียนอยู่ เพิ่งกลับมาเหรอ? แต่โรงเรียนเลิกตั้งนานแล้วนี่ ทำไมถึงเพิ่งกลับ"เจอแล้วค่ะ" แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้เอ่ยถาม คนใช้คนหนึ่งก็เดินเข้ามาพร้อมกับเข็มกลัดเจ้าปัญหาแล้วส่งมันให้พี่เฌอ ส่วนท้องฟ้าตัวป
สวมรอยครั้งที่07Seiya partบรรยากาศในรถอึดอัดจนน่าขนลุก ทั้งที่เขาเป็นคนบอกผมว่ามีเรื่องจะคุยด้วย แต่ตัวเองกลับเอาแต่นั่งเงียบตลอดทางแถมทำหน้านิ่งจนผมคาดเดาอารมณ์ไม่ถูกอีกในใจเขาคงมีคำถามว่าทำไมผมถึงไปอยู่ในผับจนเกือบโดนผู้ชายตัวใหญ่ที่คาดว่าจะเป็นคนรู้จักของพี่ชูลากเข้าโรงแรมได้ ก็คงต้องย้อนไปประมาณสักห้าชั่วโมงก่อนผมได้รับโทรศัพท์จากลูอิสเกี่ยวกับภารกิจสำคัญที่ลูอิสรับเอาไว้ แต่จอมโจรไนท์บลูมันดันออกมาเสียก่อน ลูอิสจึงขอร้องให้ผมมาทำภารกิจนี้แทนหนึ่งวัน จะให้ผมไปจับจอมโจรไนท์บลูแทนก็กลัวว่าผมจะถูกหัวหน้าและคนในองค์กรจับได้ว่าแอบมาปฏิบัติหน้าที่ทั้งที่โดนพักงานอยู่ แล้วผมอาจจะซวยจนโดนไล่ออกผมจึงต้องจำใจแอบออกจากบ้านมาปลอมตัวเป็นเด็กเสิร์ฟที่นี่ เพื่อหาตัวเป้าหมายให้ลูอิส มันเป็นแค่ภารกิจจับชู้ธรรมดานั่นแหละ ปกติลูอิสมันคงไม่รับหรอก แต่คงเพราะเงินหนามันถึงได้ยอมรับ แต่คอยดูเถอะถ้าภารกิจสำเร็จผมทวงส่วนแบ่งเก้าสิบเปอร์เซ็นต์แน่"ไปต่อกันไหมครับ" เสียงของผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้นมาหลังจากที่ผ
สวมรอยครั้งที่ 01seiya partสายลับผู้ไร้เทียมทานนั่นคือฉายาของผม ฉายาที่ใครต่อใครต่างเรียกผมแบบนั้น แรกๆ มันเป็นฉายาที่น่าภูมิใจนะ สำหรับผม แต่พอหันหลังกลับไปผมถึงพบว่า คำว่าไร้เทียมทานมันแลกมาด้วยความเหงา และความโดดเดี่ยวเพราะคำคำนี้มันเหมือนเป็นตัวยืนยันคุณภาพงานของผม แค่มีผมทุกอย่างก็จะสมบูรณ์แบบ ผมไม่เคยทำภารกิจพลาดเลยสักครั้งตั้งแต่มาเป็นสายลับ และไม่เคยร้องขอให้ใครมาช่วย ผมจัดการทุกอย่างได้ด้วยตัวคนเดียวเสมอปัง!ผมยิงเหนี่ยวไกใส่จอมโจรชุดสีดำรัตติกาลที่กำลังวิ่งอยู่บนโถงทางเดินของโรงแรมหรูที่ใช้เป็นสถานที่จัดแสดงอัญมณีล้ำค่าจากหลากหลายประเทศคนที่อยู่ในชุดเสื้อคลุมสีดำเข้มหันมายิงปืนไพ่ใส่ผมที่กำลังวิ่งตามมัน แต่ผมก็สามารถเอี้ยวตัวหลบได้จู่ๆ ก็เกิดควันสีชมพูกระจายทั่วโถงทางเดิน ผมรีบเอาผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าขึ้นมาปิดจมูกมันคือควันยาสลบ หนึ่งในกลอุบายที่จอมโจรในชุดคลุมสีดำใช้“จอมโจรไนท์บลูอยู่ตรงนั้น”เสียงทุ้มของหนึ่งในลูกน้องของผมดังขึ้นในตอนที่ จอมโจรไนท์บลู อาชญากรที่เลวร้ายที่สุดในมิลาน ณ เวลานี้ กำลังวิ่งขึ้นไปบนดาดฟ้า มันมักจะออกปล้นร้านเพชรในช่วงเวลากลางคืนด้วยชุดคลุ
สวมรอยครั้งที่ 02Shuu partเสียดายความรู้สึกแรกที่ตื่นขึ้นมาจนถึงตอนนี้ ผมกำลังรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ทำความรู้จักกับเขามากกว่าการมีเซ็กส์ เพราะตื่นขึ้นมาเขาก็ไม่อยู่ในโรงแรมแล้ว อุตส่าห์เจอคนถูกใจตรงสเปกทุกอย่าง แถมรสนิยมเซ็กส์ของเขาก็น่าสนใจจนทำผมคลั่งทั้งคืน แต่กลับไม่มีโอกาสได้สานต่อ พอยิ่งคิดก็ยิ่งเสียดายผมเก็บของเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมและจากนั้นผมมักไปที่ผับเดิมตลอดสองอาทิตย์เพื่อหวังว่าจะเจอเขา แต่ก็พบแต่ความว่างเปล่า เขาไม่ได้กลับมาที่ผับนี้อีกเลย แม้แต่คนตัวสูงอีกคนที่ผมเดาว่าน่าจะเป็นเพื่อนเขาผมก็ไม่เห็นแม้แต่เงา สุดท้ายก็จนปัญญาและจบที่นั่งกินเหล้าคนเดียวเหงาๆ เหมือนกับทุกวันและเพราะถูกเรียกตัวให้กลับประเทศไทยด่วนผมจึงไม่มีโอกาสได้ตามหาตัวเขาต่อ มันยิ่งทำให้รู้สึกเสียดายยิ่งกว่าเดิมอีก“ถึงบ้านแล้วครับคุณชาย”เสียงของเลขาส่วนตัวที่ตอนนี้กำลังทำหน้าที่เป็นคนขับรถให้กับคุณชายคนกลางของบ้านพูดขึ้นมา ทำให้ผมที่กึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่ที่เบาะหลังต้องยันตัวลุกขึ้นก่อนจะสะบัดหัวไปมาไล่ความมึนงงในหัวของตัวเองออกไป ผมอุตส่าห์ดื่มเหล้าแล้วบอกว่าแฮงค์จะได้ไม่ต้องมาบ้านหลังนี้ แต่สุดท้ายก
สวมรอยครั้งที่ 03seiya partเกือบไปแล้วผมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกทันทีที่เข้ามาในห้อง หลังจากผ่านสงครามประสาทกับคนที่เพิ่งจะมีอะไรด้วยกันไปไม่กี่อาทิตย์ก่อน ควบด้วยตำแหน่งพี่ชายคนกลางของบ้านเขาเกือบทำให้ผมโป๊ะตั้งแต่ชั่วโมงแรกที่เข้ามาอยู่บ้านหลังนี้แล้ว โชคดีที่เคยปลอมตัวเป็นนักแสดงสมัยเป็นสายลับใหม่ๆ เลยได้สกิลการแสดงละครติดตัวมาบ้าง ไม่รู้จะโทษเลขาที่ไม่ยอมเอาประวัติทุกคนในบ้านมาให้ผมดูก่อน หรือจะโทษโชคชะตาของตัวเองดี ที่ต้องมาปลอมตัวเป็นน้องชายต่างแม่กับคนที่มีอะไรด้วยเนี่ย ตอนที่เห็นเขาผมทั้งตกใจและทำอะไรไม่ถูกแต่ก็พยายามตีหน้านิ่งไว้ ต่างจากเขาที่ตอนนี้คงคิดรังเกียจตัวเองแล้วช็อกไปแล้วก็ได้ให้ตายเถอะนี่มันยิ่งกว่าหายนะ ผมว่าเขาต้องสงสัยแน่นอนว่าผมเป็นตัวปลอม เพราะขนาดเห็นผลดีเอ็นเอที่เลขาทำขึ้นมาเพื่อหลอกทุกคน เขาก็ยังดูไม่เชื่อเลยแต่พอลองคิดดีๆ ตอนที่เข้ามาในบ้านสีหน้าทุกคนดูปกติมากตอนที่เห็นผม ยกเว้นเขาที่ดูตกใจมากที่สุด คิดได้สองทางคือเขาตกใจที่รู้ว่าผมคือน้องชายต่างแม่ของเขา ซึ่งเขาสงสัยว่าผมเป็นตัวปลอม หรือไม่เขาก็คือคนร้าย เพราะมีแค่คนร้ายเท่านั้นที่เคยเห็นหน้าท้องฟ้า
สวมรอยครั้งที่ 04Shuu partผมเดินออกมาสูดอากาศตอนเช้าที่ระเบียงห้องพร้อมกับจิบกาแฟไปด้วยเหมือนทุกวัน แต่สายตาดันเป็นเห็นคนผมทองในชุดลำลองกำลังเดินอยู่กับน้องชายคนเล็กของผม และพูดคุยหัวเราะกันอย่างถูกคอ ดูเหมือนชินกำลังพาน้องชายต่างแม่เดินสำรวจบ้านอยู่ ไหนบอกจะช่วยผมจัดการไอ้ลูกเมียน้อยไง แต่นี่ดูสนิทกันกว่าที่ผมคิดอีกนะผมได้แต่ส่ายหน้าไปมาให้กับน้องชายคนเล็กที่แสนจะใสซื่อและเข้ากับคนง่ายจนเกินไป ชินมักจะไว้ใจคนอื่นง่ายเสมอแตกต่างจากฝาแฝดอย่างโชนที่เป็นคนค่อนข้างขี้ระแวงและไม่ไว้ใจใครง่ายๆและช่วงสายของวันผมถึงได้ทำกิจวัตรประจำตัวแล้วค่อยออกจากห้องนอน แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นป้าเนตรดาวออกมาจากห้องของท้องฟ้าด้วยท่าทางรีบร้อน“คุณป้าเข้าไปทำไมในห้องมันเหรอครับ” ผมถามอย่างแปลกใจก่อนที่เธอจะหันมาชะงักเล็กน้อยที่เห็นผม“อ่อ ป้าแค่มาเช็กดูความเรียบร้อยค่ะ” เธอว่าด้วยรอยยิ้ม แต่ผมก็อดที่จะแปลกใจไม่ได้ที่คุณแม่นมของสองแฝดเลือกที่จะมาเช็กความเรียบร้อยเอง แทนที่จะให้เด็กรับใช้คนอื่นมาดู“งั้นป้าขอตัวก่อนนะคะ” แต่ยังไม่ทันได้ถามข้อสงสัยของตัวเองต่อ เธอก็ขอตัวชิงลงไปข้างล่างก่อน ผมจึงไม่ได้ว่าอะไรต
สวมรอยครั้งที่07Seiya partบรรยากาศในรถอึดอัดจนน่าขนลุก ทั้งที่เขาเป็นคนบอกผมว่ามีเรื่องจะคุยด้วย แต่ตัวเองกลับเอาแต่นั่งเงียบตลอดทางแถมทำหน้านิ่งจนผมคาดเดาอารมณ์ไม่ถูกอีกในใจเขาคงมีคำถามว่าทำไมผมถึงไปอยู่ในผับจนเกือบโดนผู้ชายตัวใหญ่ที่คาดว่าจะเป็นคนรู้จักของพี่ชูลากเข้าโรงแรมได้ ก็คงต้องย้อนไปประมาณสักห้าชั่วโมงก่อนผมได้รับโทรศัพท์จากลูอิสเกี่ยวกับภารกิจสำคัญที่ลูอิสรับเอาไว้ แต่จอมโจรไนท์บลูมันดันออกมาเสียก่อน ลูอิสจึงขอร้องให้ผมมาทำภารกิจนี้แทนหนึ่งวัน จะให้ผมไปจับจอมโจรไนท์บลูแทนก็กลัวว่าผมจะถูกหัวหน้าและคนในองค์กรจับได้ว่าแอบมาปฏิบัติหน้าที่ทั้งที่โดนพักงานอยู่ แล้วผมอาจจะซวยจนโดนไล่ออกผมจึงต้องจำใจแอบออกจากบ้านมาปลอมตัวเป็นเด็กเสิร์ฟที่นี่ เพื่อหาตัวเป้าหมายให้ลูอิส มันเป็นแค่ภารกิจจับชู้ธรรมดานั่นแหละ ปกติลูอิสมันคงไม่รับหรอก แต่คงเพราะเงินหนามันถึงได้ยอมรับ แต่คอยดูเถอะถ้าภารกิจสำเร็จผมทวงส่วนแบ่งเก้าสิบเปอร์เซ็นต์แน่"ไปต่อกันไหมครับ" เสียงของผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้นมาหลังจากที่ผ
สวมรอยครั้งที่06Shuu part"มีอะไรหรือเปล่าครับ"ผมถามขึ้นหลังจากเดินขึ้นบันไดมาเห็นท้องฟ้าตัวปลอมกำลังยืนคิ้วขมวด โดยมีพี่เฌอยืนอยู่หน้าห้องของตัวเองพอมองเข้าไปในห้องพี่เฌอ ก็เห็นคนใช้กำลังวุ่นอยู่กับการหาของอะไรสักอย่าง"เข็มกลัดที่คุณพ่อให้พี่มันหายไปไหนไม่รู้" พี่เฌอตอบเสียงเครียด"ลองค้นห้องท้องฟ้าดูไหมครับ เขาอาจจะเอาไปก็ได้" ผมบอกพี่เฌอพร้อมกับหันไปมองคนที่ทำหน้าเครียดอยู่"ผมไม่ได้เอาไป" เขารีบตอบทันควัน"ถ้าบริสุทธิ์ใจก็ให้ค้นสิ" ผมบอกแล้วเดินไปมองเขาอย่างจับผิด คนผมทองจิ๊ปากเหมือนขัดใจอะไรสักอย่าง ก่อนที่เขาจะมองผมกับพี่เฌอสลับกันไปมา"ถ้างั้นก็เชิญครับ"ร่างเพรียวเดินหลบให้ทุกคนเข้าไปค้นห้องตัวเอง และผมก็เพิ่งสังเกตว่าเขายังสะพายกระเป๋านักเรียนอยู่ เพิ่งกลับมาเหรอ? แต่โรงเรียนเลิกตั้งนานแล้วนี่ ทำไมถึงเพิ่งกลับ"เจอแล้วค่ะ" แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้เอ่ยถาม คนใช้คนหนึ่งก็เดินเข้ามาพร้อมกับเข็มกลัดเจ้าปัญหาแล้วส่งมันให้พี่เฌอ ส่วนท้องฟ้าตัวป
สวมรอยครั้งที่05Seiya part“คุณเลขาแน่ใจจริงๆ เหรอครับ ว่าพี่ชูเขาไม่เคยเห็นหน้าท้องฟ้า”“ใช่ครับ ผมแน่ใจ ทุกคนในบ้านไม่เคยเจอหน้าคุณท้องฟ้าครับ เพราะคุณท้องฟ้าไปอิตาลีตั้งแต่เด็ก”ผมคิดตามคำพูดของคุณเลขา ซึ่งก็เป็นอย่างที่คุณเลขาบอก จำได้ว่าคุณน้าพาท้องฟ้าไปอยู่อิตาลีตั้งแต่เด็ก ไม่มีทางที่พี่ชูจะเคยเห็นหน้าท้องฟ้าอย่างที่เขาว่า แล้วถ้างั้นคนร้ายจะเคยเห็นหน้าท้องฟ้าได้ยังไงกันแต่ถ้าตามที่พี่ชูพูดเมื่อคืน ถ้าเคยเห็นหน้าจริง เขาก็เป็นคนที่น่าสงสัยที่สุด และเป็นคนที่ดูมีเหตุจูงใจที่สุดด้วย เพื่อไม่ให้มรดกของตัวเองตกไปเป็นของท้องฟ้า เขาอาจจะชิงฆ่าท้องฟ้าก่อน แต่คุณเลขาบอกว่า วันที่ท้องฟ้าโดนทำร้ายยังไม่มีการอ่านพินัยกรรม“แต่เหมือนคุณชูจะเคยเห็นแค่ตอนเป็นทารกนะครับ ไม่น่าจะจำได้”คุณเลขาพูดต่อเมื่อเห็นว่าผมกำลังนั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเอง“หรือว่าเขาเป็นคนทำร้ายท้องฟ้าครับ” ผมถามเสียงเรียบ“ผมเองก็คิ
สวมรอยครั้งที่ 04Shuu partผมเดินออกมาสูดอากาศตอนเช้าที่ระเบียงห้องพร้อมกับจิบกาแฟไปด้วยเหมือนทุกวัน แต่สายตาดันเป็นเห็นคนผมทองในชุดลำลองกำลังเดินอยู่กับน้องชายคนเล็กของผม และพูดคุยหัวเราะกันอย่างถูกคอ ดูเหมือนชินกำลังพาน้องชายต่างแม่เดินสำรวจบ้านอยู่ ไหนบอกจะช่วยผมจัดการไอ้ลูกเมียน้อยไง แต่นี่ดูสนิทกันกว่าที่ผมคิดอีกนะผมได้แต่ส่ายหน้าไปมาให้กับน้องชายคนเล็กที่แสนจะใสซื่อและเข้ากับคนง่ายจนเกินไป ชินมักจะไว้ใจคนอื่นง่ายเสมอแตกต่างจากฝาแฝดอย่างโชนที่เป็นคนค่อนข้างขี้ระแวงและไม่ไว้ใจใครง่ายๆและช่วงสายของวันผมถึงได้ทำกิจวัตรประจำตัวแล้วค่อยออกจากห้องนอน แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นป้าเนตรดาวออกมาจากห้องของท้องฟ้าด้วยท่าทางรีบร้อน“คุณป้าเข้าไปทำไมในห้องมันเหรอครับ” ผมถามอย่างแปลกใจก่อนที่เธอจะหันมาชะงักเล็กน้อยที่เห็นผม“อ่อ ป้าแค่มาเช็กดูความเรียบร้อยค่ะ” เธอว่าด้วยรอยยิ้ม แต่ผมก็อดที่จะแปลกใจไม่ได้ที่คุณแม่นมของสองแฝดเลือกที่จะมาเช็กความเรียบร้อยเอง แทนที่จะให้เด็กรับใช้คนอื่นมาดู“งั้นป้าขอตัวก่อนนะคะ” แต่ยังไม่ทันได้ถามข้อสงสัยของตัวเองต่อ เธอก็ขอตัวชิงลงไปข้างล่างก่อน ผมจึงไม่ได้ว่าอะไรต
สวมรอยครั้งที่ 03seiya partเกือบไปแล้วผมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกทันทีที่เข้ามาในห้อง หลังจากผ่านสงครามประสาทกับคนที่เพิ่งจะมีอะไรด้วยกันไปไม่กี่อาทิตย์ก่อน ควบด้วยตำแหน่งพี่ชายคนกลางของบ้านเขาเกือบทำให้ผมโป๊ะตั้งแต่ชั่วโมงแรกที่เข้ามาอยู่บ้านหลังนี้แล้ว โชคดีที่เคยปลอมตัวเป็นนักแสดงสมัยเป็นสายลับใหม่ๆ เลยได้สกิลการแสดงละครติดตัวมาบ้าง ไม่รู้จะโทษเลขาที่ไม่ยอมเอาประวัติทุกคนในบ้านมาให้ผมดูก่อน หรือจะโทษโชคชะตาของตัวเองดี ที่ต้องมาปลอมตัวเป็นน้องชายต่างแม่กับคนที่มีอะไรด้วยเนี่ย ตอนที่เห็นเขาผมทั้งตกใจและทำอะไรไม่ถูกแต่ก็พยายามตีหน้านิ่งไว้ ต่างจากเขาที่ตอนนี้คงคิดรังเกียจตัวเองแล้วช็อกไปแล้วก็ได้ให้ตายเถอะนี่มันยิ่งกว่าหายนะ ผมว่าเขาต้องสงสัยแน่นอนว่าผมเป็นตัวปลอม เพราะขนาดเห็นผลดีเอ็นเอที่เลขาทำขึ้นมาเพื่อหลอกทุกคน เขาก็ยังดูไม่เชื่อเลยแต่พอลองคิดดีๆ ตอนที่เข้ามาในบ้านสีหน้าทุกคนดูปกติมากตอนที่เห็นผม ยกเว้นเขาที่ดูตกใจมากที่สุด คิดได้สองทางคือเขาตกใจที่รู้ว่าผมคือน้องชายต่างแม่ของเขา ซึ่งเขาสงสัยว่าผมเป็นตัวปลอม หรือไม่เขาก็คือคนร้าย เพราะมีแค่คนร้ายเท่านั้นที่เคยเห็นหน้าท้องฟ้า
สวมรอยครั้งที่ 02Shuu partเสียดายความรู้สึกแรกที่ตื่นขึ้นมาจนถึงตอนนี้ ผมกำลังรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ทำความรู้จักกับเขามากกว่าการมีเซ็กส์ เพราะตื่นขึ้นมาเขาก็ไม่อยู่ในโรงแรมแล้ว อุตส่าห์เจอคนถูกใจตรงสเปกทุกอย่าง แถมรสนิยมเซ็กส์ของเขาก็น่าสนใจจนทำผมคลั่งทั้งคืน แต่กลับไม่มีโอกาสได้สานต่อ พอยิ่งคิดก็ยิ่งเสียดายผมเก็บของเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมและจากนั้นผมมักไปที่ผับเดิมตลอดสองอาทิตย์เพื่อหวังว่าจะเจอเขา แต่ก็พบแต่ความว่างเปล่า เขาไม่ได้กลับมาที่ผับนี้อีกเลย แม้แต่คนตัวสูงอีกคนที่ผมเดาว่าน่าจะเป็นเพื่อนเขาผมก็ไม่เห็นแม้แต่เงา สุดท้ายก็จนปัญญาและจบที่นั่งกินเหล้าคนเดียวเหงาๆ เหมือนกับทุกวันและเพราะถูกเรียกตัวให้กลับประเทศไทยด่วนผมจึงไม่มีโอกาสได้ตามหาตัวเขาต่อ มันยิ่งทำให้รู้สึกเสียดายยิ่งกว่าเดิมอีก“ถึงบ้านแล้วครับคุณชาย”เสียงของเลขาส่วนตัวที่ตอนนี้กำลังทำหน้าที่เป็นคนขับรถให้กับคุณชายคนกลางของบ้านพูดขึ้นมา ทำให้ผมที่กึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่ที่เบาะหลังต้องยันตัวลุกขึ้นก่อนจะสะบัดหัวไปมาไล่ความมึนงงในหัวของตัวเองออกไป ผมอุตส่าห์ดื่มเหล้าแล้วบอกว่าแฮงค์จะได้ไม่ต้องมาบ้านหลังนี้ แต่สุดท้ายก
สวมรอยครั้งที่ 01seiya partสายลับผู้ไร้เทียมทานนั่นคือฉายาของผม ฉายาที่ใครต่อใครต่างเรียกผมแบบนั้น แรกๆ มันเป็นฉายาที่น่าภูมิใจนะ สำหรับผม แต่พอหันหลังกลับไปผมถึงพบว่า คำว่าไร้เทียมทานมันแลกมาด้วยความเหงา และความโดดเดี่ยวเพราะคำคำนี้มันเหมือนเป็นตัวยืนยันคุณภาพงานของผม แค่มีผมทุกอย่างก็จะสมบูรณ์แบบ ผมไม่เคยทำภารกิจพลาดเลยสักครั้งตั้งแต่มาเป็นสายลับ และไม่เคยร้องขอให้ใครมาช่วย ผมจัดการทุกอย่างได้ด้วยตัวคนเดียวเสมอปัง!ผมยิงเหนี่ยวไกใส่จอมโจรชุดสีดำรัตติกาลที่กำลังวิ่งอยู่บนโถงทางเดินของโรงแรมหรูที่ใช้เป็นสถานที่จัดแสดงอัญมณีล้ำค่าจากหลากหลายประเทศคนที่อยู่ในชุดเสื้อคลุมสีดำเข้มหันมายิงปืนไพ่ใส่ผมที่กำลังวิ่งตามมัน แต่ผมก็สามารถเอี้ยวตัวหลบได้จู่ๆ ก็เกิดควันสีชมพูกระจายทั่วโถงทางเดิน ผมรีบเอาผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าขึ้นมาปิดจมูกมันคือควันยาสลบ หนึ่งในกลอุบายที่จอมโจรในชุดคลุมสีดำใช้“จอมโจรไนท์บลูอยู่ตรงนั้น”เสียงทุ้มของหนึ่งในลูกน้องของผมดังขึ้นในตอนที่ จอมโจรไนท์บลู อาชญากรที่เลวร้ายที่สุดในมิลาน ณ เวลานี้ กำลังวิ่งขึ้นไปบนดาดฟ้า มันมักจะออกปล้นร้านเพชรในช่วงเวลากลางคืนด้วยชุดคลุ