สวมรอยครั้งที่ 08
Shuu part
สองอาทิตย์แล้วที่ท้องฟ้าตัวปลอมมาอยู่ที่นี่ แต่กลับไม่ทำอะไรเลยนอกจากใช้ชีวิตปกติ ปกติแบบที่ไม่ทำอะไรน่าสงสัยเลยนอกจากการติดกล้องที่ห้องตัวเอง ราวกับว่ามีของสำคัญอยู่ในนั้น และกลัวว่ามีใครจะมาเอาไป
ในตอนแรกผมคิดว่าเขาอาจจะเป็นมิจฉาชีพ แต่ดูแล้วไม่น่าจะใช่ ถ้าจุดประสงค์ของเขาคือการสวมรอยเป็นท้องฟ้าเพื่อขโมยของ เขาคงทำไปนานแล้ว ไม่ปล่อยเวลามานานขนาดนี้หรอก
Rrrrrr
นักสืบ
"สวัสดีครับ"
(สวัสดีครับคุณชู ผมเจอข้อมูลที่แปลกมาก เดี๋ยวผมส่งไปให้ดูทางเมลนะครับ)
"ขอบคุณครับ"
ผมกดตัดสายจากนักสืบแล้วจัดการเปิดคอมขึ้นเพื่อเข้าระบบเมลตัวเองไม่ใช่เมลบริษัท รอไม่นานนักสืบก็ส่งข้อมูลมาให้ผม มันเป็นข้อมูลของคนสองคน คนแรกคือท้องฟ้าตัวปลอม ผมไล่อ่านข้อมูลดูมันมีข้อมูลประวัติของเขาขึ้นมา ทั้งหมดสามชื่อ
ชื่อแรก เจย์เลน วิโทรี่ นักฆ่าของแก๊ง มังกรสีนิล ผู้มีอิทธิพลในภาคใต้ ที่ถูกรัฐบาลกวาดล้างไปเมื่อสามปีก่อน แต่นักฆ่าที่ชื่อเจย์เลนหนีไปได้ แต่ที่น่าแปลกคือ ตำรวจเองก็ไม่คิดที่จะตามหาบุคคลผู้นี้ ข้อความ ถัดมาถูกเขียนว่า เขาหายสาบสูญ และนักสืบก็แนบรูปของผู้ชายที่คล้ายกับท้องฟ้าตัวปลอม ต่างแค่คนที่อยู่ในรูปมีผมสีดำ และมีรอยแผลเป็นยาวตั้งแต่จมูกจนถึงริมฝีปาก และมีรอยแผลไฟไหม้ที่คอ
นักสืบได้ทำภาพแบบที่ลบรอยแผลเป็นออกเทียบกับรูปที่ผมให้เขาไป มันมีความคล้ายกันถึง 90%
ผมเลื่อนลงมาก่อนจะเจอกับรูปที่สองนักสืบระบุว่ารูปนี้ถูกถ่ายเมื่อสองปีก่อน เป็นรูปของนักแสดงชาวญี่ปุ่นชื่อ ฟุรุอิวะ โชโตะ เขามีใบหน้าที่คล้ายกับท้องฟ้าตัวปลอม ต่างแค่ทรงผมที่ถูกตัดและซอยจนสั้นกว่า และเป็นสีน้ำตาล เขาใส่แว่นและมีไฝที่ปาก ซึ่งท้องฟ้าตัวปลอมคนนี้ไม่มี ความเหมือน 90% เช่นกัน
และคนสุดท้าย แซทเทิล คาร์เรเน่ เด็กมัธยมต้นที่มีใบหน้าคล้ายกับท้องว่าตัวจริงแทบจะ 100% ต่างแค่มีผมสีน้ำเงินกับขนาดตัวที่เล็กกว่าเท่านั้น
ผมเลื่อนลงไปอ่านหน้าสุดท้าย นักสืบพิมมาว่าไม่ใช่ฝาแฝดกันแน่นอน เพราะคนที่เป็นนักฆ่า สายสืบไปถามหนึ่งในแก๊งมังกรสีนิลที่อยู่ในเรือนจำมาแล้ว เจย์เลนเคยบอกว่าไม่มีพี่น้อง และที่สำคัญเจย์เลนเป็นสายให้ตำรวจ เพราะแบบนั้นไม่แปลกที่ตำรวจจะไม่ตามล่าตัว แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาหายไปไหน
ส่วนคนที่สองเคยมีบทสัมภาษณ์ว่าไม่มีพี่น้องเช่นกัน แต่หลังจากเล่นละครเรื่องแรก เขาก็หายตัวไปเช่นกัน และคนสุดท้าย แซทเทิล อาจารย์ที่โรงเรียนบอกว่าเขาไม่มีเพื่อนหรอก มาเรียนแค่เทอมสุดท้ายแล้วก็หายไป
ทั้งสามคนมีสิ่งเดียวที่เหมือนกันคือ ปรากฏตัวขึ้นไม่นาน และก็หายตัวไป
ผมละสายตาจากประวัติของท้องฟ้าตัวปลอมและไปเปิดอีกไฟล์ มันเป็นรูปถ่ายของเด็กมัธยมปลายผมสีดำเหมือนกับผม หน้าม้ายาวจนเกือบปิดตา ใบหน้าที่ผมคุ้นเคยมันเป็นอย่างดี ต่อให้เผลอลืมไปบ้าง แต่แค่ได้ยินชื่อ ใบหน้าที่ฝังลึกในความทรงจำก็ถูกขุดขึ้นมา
ท้องฟ้าตัวจริง คนในรูปคือท้องฟ้าตัวจริงไม่ผิดแน่ ทั้งไฝใต้ตาที่ผมจำได้ดี ทั้งดวงตากลมโตจมูกโด่งเป็นสัน มันไม่ได้ต่างจากครั้งล่าสุดที่ผมเคยเห็นเลย
ผมอ่านข้อมูลที่นักสืบส่งมาให้ ระบุว่าคนนี้ชื่อ สกาย สกาเล็ต มีชื่อไทยว่าท้องฟ้า มีแม่เป็นลูกครึ่งไทยอิตาลี อยู่กับแม่ตลอดจนแม่เสียชีวิตตอนอายุสิบสอง คุณลุงข้างบ้านจึงรับไปเป็นลูกบุญธรรมและส่งเสียให้เรียนมาโดยตลอด แต่ตอนนี้ดร็อปเรียนมัธยมไว้ เนื่องจากปัญหาสุขภาพ
ผมอ่านหน้าสุดท้ายของเอกสารจบก่อนจะขมวดคิ้ว จากการที่ดูแล้วทั้งคู่ไม่น่ามีความเกี่ยวข้องกันได้เลย ผมจัดการโอนเงินเพิ่มให้นักสืบเพื่อให้เขาไปสืบต่อ ผมว่าตอนนี้ผมน่าจะเริ่มเข้าใกล้ความจริงว่าเขาเป็นใครกันแน่แล้ว
ตอนนี้ก็เหลือแค่ข้อมูลว่าเขามีความเกี่ยวข้องอะไรเกี่ยวกับท้องฟ้าตัวจริง ผมก็จะรู้จุดประสงค์ของเขา และถ้ามันเป็นอะไรที่เจตนาร้ายต่อครอบครัวผม ผมไม่ปล่อยเขาไว้แน่
ผมเดินไปเดินมาอยู่ภายในห้องอย่างใช้ความคิด สายตามองออกไปนอกกระจกห้อง ตอนแรกก็มองอะไรไปเรื่อยในขณะที่สมองก็คิดเรื่องท้องฟ้าตัวจริงกับตัวปลอมจนหัวแทบระเบิด
"หมอนั่นยังจะมาอีกหรือไง"
ผมพูดขึ้นมาด้วยความแปลกใจที่เห็นผู้ชายที่เข้ามาอาละวาดเมื่อวานยังมาอยู่ที่หน้าบริษัท แต่ครั้งนี้เขาทำเพียงแค่ยืนมองหน้าบริษัทจากอีกฟากของถนน ถึงจะไม่เห็นสายตาผมก็พอเดาออกว่าเขาควรจะแค้นบริษัทไม่น้อยเลย
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
"เชิญครับ" ผมละสายตาจากผู้ชายคนนั้นแล้วหันไปตอบคนหน้าห้องสักพักผู้ช่วยเลขาที่รับหน้าที่ทำงานแทนโจเซฟชั่วคราวก็เดินเข้ามา
"มีคนมาขอพบค่ะ" เธอว่าผมพยักหน้าเพื่อบอกเธอว่าเชิญ ส่วนตัวเองก็กลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานต่อ
ผมเงยหน้ามองผู้มาใหม่สองคนที่เดินฉีกยิ้มให้ผมตั้งแต่หน้าประตูจนมาถึงหน้าโต๊ะทำงานผม
"คุณชูนี่น้องเบลซครับ"
"ครับ?"
ผมมองอย่างไม่เข้าใจว่าพามาแนะนำตัวกับผมทำไม คนพูดเป็นสาวประเภทสองที่ทำผมไฮไลท์ ส่วนอีกคนเป็นผู้ชายตัวขาว น่าจะเป็นเด็กในสังกัด แต่พอเห็นคนผมสั้นทำผมสีไฮไลท์ขยิบตาเท่านั้นแหละ ผมก็ถึงบางอ้อทันที
"ยังไงฝากด้วยนะครับ" คนผมไฮไลท์ว่า ก่อนจะกระซิบอะไรสักอย่างกับเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันกับผม
"ดูแลคุณชูให้ดีนะลูก"
ว่าจบร่างอ่อนแอ่นก็หันมายิ้มให้ผมแล้วเดินส่ายก้นออกไป และเมื่อสิ้นเสียงปิดประตูเด็กหนุ่มก็เดินอ้อมมาหยุดอยู่ตรงหน้าผมทันที
"ให้ผมช่วยดูแลคุณนะครับ" เบลซว่าเสียงออดอ้อนก่อนจะคุกเข่า หัวทุยเริ่มขยับถูกับขาผมอย่างออดอ้อนราวกับลูกแมว
"อยากได้อะไร" ผมถามพร้อมกับอ้าขาออกให้เขาอ้อนมันได้สะดวก
"ละครครับ ขอเล่นเป็นพระเอกนะครับ ผมอยากเล่นเป็นตัวหลักบ้าง"
ไม่ใช่ว่าไม่รู้หรอกว่าในวงการมันก็มีประเภทใช้ทางลัดบ้าง
"แสดงให้ผมดูก่อนสิ ว่าคุณมีความสามารถมากแค่ไหน"
แต่ของดีขนาดนี้จะปล่อยให้หลุดมือมันก็น่าเสียดาย ผมแสยะยิ้มแล้วใช้มือเชยคางเด็กหนุ่มแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา
"ได้ครับ"
ผมนั่งมองร่างเล็กที่ชันเข่าขึ้นแล้วเริ่มจัดการปลดซิปกางเกงผมออก ลิ้นเรียวเริ่มเลียที่ส่วนปลายของผมจนผมรู้สึกเสียวซ่าน พอถูกกระตุ้นแบบนี้แล้วเล่นเอาลืมเรื่องที่เครียดเมื่อครู่ไปเลยแฮะ
"มายเฟรนด์!" เสียงตะโกนทักทายลั่นจนผมต้องรีบดันร่างเล็กไปไว้ใต้โต๊ะ ก่อนจะเงยหน้ามามองแรงใส่เพื่อนสนิทที่เข้ามาไม่รู้เวล่ำเวลา
"นี่กูมาขัดจังหวะหรือเปล่า" มันพูดพร้อมกับทำหน้าเหมือนรู้สึกผิด แบบที่ดูยังไงก็รู้ว่าแกล้งทำ
"มีอะไร"
"ทำหน้าไม่พอใจซะด้วย แค่เอาของมาฝาก" มันว่าพร้อมยกถุงขนมมาวางไว้บนโต๊ะผม แล้วทำเหมือนจะชำเลืองมาดูใต้โต๊ะจนผมต้องดันหัวมันออก ยังไงเด็กใต้โต๊ะก็เป็นเด็กในสังกัด ขืนให้คนรู้แล้วเอาไปพูดเสียงหายๆ ก็แย่สิ มันจะกระทบกับบริษัทด้วยเหมือนกรณีโมบี
"ฝากแล้วก็ออกไป" ผมว่ามันเสียงดุ
"ครับๆ ตามสบาย" แต่มันเคยกลัวที่ไหน ยังมีหน้ามาทำหน้ากวนตีนผมอีก
"ทีหลังหัดเคาะประตูด้วย มารยาทมีมั้ย"
"พอดีกูเป็นมาเฟีย ของแบบนั้นไม่จำเป็นครับเพื่อน"
"กวนตีน"
"แล้วคนเมื่อคืนนี้สรุปคือคนที่มึงสงสัยจริงเหรอ"
"จริง"
"น่าจะเอามาให้กู กูจะเค้นให้หมดเปลือกเลย"
"ไม่"
"มึงแม่งหวงก้าง"
"ออกไปได้แล้ว" ผมกดเสียงต่ำเพื่อสั่งมัน เมื่อคนใต้โต๊ะเอาแต่เลียส่วนปลายของผมจนต้องกัดฟันข่มอารมณ์ไว้
"อ่อครับๆ ตามสบายนะครับ"
มันว่าก่อนจะทำหน้าล้อเลียนผมแล้วก็ออกจากห้องผมไปทันที และล็อกประตูให้ผมเสร็จสรรพเพื่อไม่ให้ใครมารบกวนเวลาส่วนตัวของผม
"อย่าลืมบทพระเอกผมนะครับ"
"ได้สิ"
สิ้นคำตอบกลับของผมร่างเล็กก็ลุกขึ้นมาคร่อมตักผม ก่อนที่พวกเราจะเสพสุขร่างกายของกันและกันจนถึงเย็น
ผมให้เบลซออกไปและสั่งให้ผู้จัดการที่เป็นคนพาเขามาเป็นคนเก็บ เพราะเกรงว่าถ้าให้แม่บ้านมาเก็บได้เป็นข่าวซุบซิบจนถึงหูนักข่าวแน่
วันนี้เลิกงานเร็วเนื่องจากคุณเลขาไม่อยู่ผมจึงกำหนดเวลาเลิกงานของตัวเองให้เร็วขึ้นแบบ ตามใจฉัน ก็ถ้าเลิกตรงเวลาผมก็ต้องไปเจอรถติดอีก นี่ขนาดออกมาก่อนหนึ่งชั่วโมงนะ รถยังติดเลย ผมนั่งมองนู้นมองนี่ไปเรื่อยระหว่างรอ และสายตาผมก็ไปเห็นร่างคุ้นเคยของท้องฟ้าตัวปลอมในชุดนักเรียนกำลังสะพายกระเป๋าเป้เข้าไปในร้านกาแฟ ซึ่งพอมองนาฬิกานี่โรงเรียนเพิ่งจะเลิกไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ และเขาก็เหมือนนั่งมองนาฬิกาตลอดเวลาราวกับว่ากำลังรอใครอยู่
ด้วยความอยากรู้ผมจึงแอบขับรถไปจอดที่หน้าร้านกาแฟที่ท้องฟ้าเพิ่งจะเดินเข้าไป ตรงนี้สามารถมองเห็นเขาได้ และเพราะรถผมติดฟิล์มดำ คนข้างนอกมองไม่เห็นคนข้างใน ยกเว้นว่ามันจะจำทะเบียนรถผมได้
ผมเงยหน้าไปมองก็เห็นท้องฟ้าโบกมือให้ใครบางคน ก่อนที่ร่างสูงผมสีควันบุหรี่จะเดินเข้ามา
"นั่นมันผู้ชายคนนั้นกับไอ้เด็กท้องฟ้านี่ รู้จักกันเหรอ"
ไม่รู้ว่าคนคนนี้ยังมีความลับอะไรที่ผมไม่รู้อีก ผมเพ่งสายตามองคนทั้งคู่ ทั้งคู่คุยกันด้วยใบหน้าที่ดูเครียดเล็กน้อย สักพักท้องฟ้าตัวปลอมก็ยิ้มอะไรสักอย่าง แถมยังทำหน้าออดอ้อนผู้ชายคนนั้นอีก เห็นแล้วรู้สึกหมั่นไส้ ผมเบ้หน้าใส่คนทั้งคู่อยู่ภายในรถของตัวเอง สักพักผู้ชายคนนั้นก็พยักหน้าแล้วก็คุยอะไรกันสักอย่างต่อ และเป็นผู้ชายผมสีควันบุหรี่ที่เดินออกจากร้านไปก่อน
ท้องฟ้ายังคงนั่งอยู่ในร้านคาเฟ่ แต่ไม่รู้อะไรดลใจให้มันมองมาทางรถผม แถมทำหน้าเหมือนสงสัยอะไรอีกจนผมต้องก้มหน้าหลบหลังพวงมาลัย ก่อนจะนึกได้ว่ารถตัวเองติดฟิล์มดำผมก็เลยเงยหน้าขึ้นกลับไปมอง
แต่เขาหายไปแล้ว ท้องฟ้าตัวปลอมหายไปแล้ว ผมมองซ้ายมองขวาเพื่อหาน้องชายตัวปลอมของตัวเอง แต่ก็ไม่พบ
สุดท้ายก็เลยเลือกที่จะเปิดประตูรถออกไปดู แต่ก็ไม่พบแม้แต่เงา ผมหันไปเห็นพนักงานร้านกาแฟเดินออกมาเลยเดินตรงเข้าไปหาเขาทันที
"ขอโทษนะครับ เด็กนักเรียนที่นั่งติดกระจกเมื่อกี้ ออกไปแล้วเหรอครับ"
"เห็นออกไปอีกทางของร้านครับ"
"ขอบคุณครับ"
"เดินเข้าไปซอยนั้นก็ได้นะครับ มันทะลุถึงกันได้"
พนักงานชี้ซอยเล็กๆ ข้างร้านให้ผมจึงหันไปขอบคุณเขาแล้วรีบวิ่งเข้าไปที่ซอย พอวิ่งออกมาก็เห็นหลังไวไวของท้องฟ้าตัวปลอมกำลังเดินเข้าไปในซอยเล็กๆ ของอีกฟากถนน และมีคนกำลังเดินตามเขาสี่ถึงห้าคน
ผมมองซ้ายมองขวาเมื่อเห็นว่าไม่มีรถก็รีบวิ่งข้ามถนนไปอีกฝั่งทันที ผมเดินตามพวกเขาเข้าไปในซอย
ภาพตรงหน้าผมตอนนี้คือท้องฟ้ากำลังตีกับผู้ชายร่างใหญ่สองคน และมีผู้ชายร่างใหญ่อีกหนึ่งคนนอนสลบอยู่ที่พื้น อย่าบอกนะแค่ไม่กี่วิที่ผมข้ามถนน เด็กคนนี้ก็ต่อยคนสลบไปแล้ว
จะเก่งเกินไปหรือเปล่า
"ท้องฟ้าระวัง!"
ผมเรียกเขาเสียงดังตอนที่เขากำลังต่อยกับคนนอนอยู่ที่พื้น ผู้ชายร่างหนาอีกคนก็เตรียมจะเอาท่อนเหล็กฟาดเขา ผมคิดว่าเขาจะหลบ แต่ไม่ ท้องฟ้าตัวปลอมเงยหน้าแล้วใช้แขนจับท่อนเหล็กนั่นไว้ก่อนที่มันจะถึงหน้าตัวเอง
ท้องฟ้ายันตัวเองลุกขึ้นแล้วดึงท่อนเหล็กออกมาจากร่างหนาได้ แล้วจัดการลุกขึ้นมาสู้กับร่างหนาที่คิดจะฟาดเขาทันที ใบหน้าเขาตอนนี้ราวกับคนที่กำลังบ้าเลือดอยู่
"ใครส่งมึงมา!"
เขาตวาดลั่นในตอนที่ร่างหนาล้มลง ขาข้างหนึ่งของเขากดมันไว้แล้วเอาท่อนเหล็กชี้หน้ามัน
"ไม่บอกเว้ย!" มันตะโกนลั่นและคนผมทองก็ขยี้เท้าที่หน้าอกมันอีกครั้ง
"ไม่บอกใช่ไหม งั้นมึงก็ตาย!"
"อย่า!" ผมห้ามเขาเสียงลั่นในจังหวะที่เขาเตรียมจะใช้ท่อนเหล็กปลิดชีพคนตัวใหญ่ใต้ตีนเขาแล้ว คนที่ง้างท่อนเหล็กกลางอากาศหันมาจ้องหน้าผมตาเขม็ง และผมก็เพิ่งสังเกตว่าใบหน้าเขาก็มีแผลไม่ต่างจากไอ้สามคนที่กองอยู่กับพื้นเลย
และไอ้คนที่ยังไม่สลบก็ใช้จังหวะนั้นดันตัวท้องฟ้าจนเสียหลักและมันก็วิ่งกระแทกไหล่ผมไป คนที่กำลังเดือดตอนนี้ทำท่าจะวิ่งตามมันไปแล้วแต่ผมจับตัวเขาไว้ได้ทัน แต่ท้องฟ้าก็ยังเอาแต่ดิ้น จนผมรู้สึกเหมือนว่าเขากำลังไม่เป็นตัวเอง
"พอแล้ว พอแล้ว ตั้งสติหน่อย ไม่ต้องตาม ท้องฟ้า!" ผมพยายามเรียกสติเขา แต่เขาก็เอาแต่ดิ้นจนผมต้องเรียกชื่อของท้องฟ้า แปลกที่มันไม่ใช่ชื่อเขา แต่กลับทำให้เขาดูมีสติขึ้น
"พี่ชู" ใบหน้าของคนในอ้อมแขนผมดูลนลาน เขาหยุดดิ้นไปแล้ว
"มันเกิดอะไรขึ้น" ผมถาม ท้องฟ้าหันไปมองร่างใหญ่สองคนที่นอนสลบอยู่ที่พื้น ใบหน้าเละจนดูไม่ได้ ก่อนที่เขาจะทรุดตัวนั่งลงกับพื้น ผมสีทองเริ่มชี้ฟูไม่เป็นทรงจากการที่มือหนาเอาแต่ขยี้มันซ้ำๆ
"ผมควบคุมตัวเองไม่ได้อีกแล้ว"
เขาว่าเสียงเบา แต่เพราะตรงนี้มันเงียบผมถึงได้ยินชัดเจน และรู้ว่าน้ำเสียงเขากำลังสั่น
"มันเกิดอะไรขึ้นบอกได้ไหม"
ผมย่อตัวลงไปถามคนที่ทรุดตัวนั่งลงกับพื้น แต่เขากลับปล่อยโฮออกมาจนผมทำอะไรไม่ถูก
"มันกลับมาอีกแล้ว ฮึก อาการนั้นมันกลับมา ฮือ"
"อาการอะไร"
"ฮึก ฮือ"
คนผมทองพูดทั้งน้ำตาแล้วกอดผมแน่น จนสุดท้ายผมก็ต้องเลิกความคิดที่จะถามเขาแล้วพยุงเขาไปขึ้นรถเพื่อกลับบ้านของเรา
ตลอดทางคนข้างๆ เอาแต่ร้องไห้แล้วพูดประโยคเดิมซ้ำๆ ว่าทำไมต้องกลับมา หายแล้วนี่ อยู่ซ้ำๆ และจบลงที่ร้องไห้จนสลบไป ผมจึงอุ้มท้องฟ้าไปนอนอยู่ในห้องของเขา หวังว่าตื่นมาคงไม่เปิดกล้องดูแล้วโวยวายว่าผมแอบเข้าห้องเขาหรอกนะ
ผมเดินไปหยิบกล่องยามาทำแผลให้กับคนที่นอนหลับไปแล้ว เขาส่งเสียงอื้ออึงบางครั้ง คงเป็นเพราะรู้สึกแสบแผล แต่ก็ไม่ยอมตื่นขึ้นมา ผมใช้ผ้าชุบน้ำมาเช็ดคราบน้ำตาที่ข้างแก้มให้กับเขา และเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เขาลืมตาตื่นขึ้นมาพอดี ผมเลยชักมือที่ถือผ้ากลับ
"โอเคไหม"
"ขอบคุณนะครับ"
ตอนนี้เขาดูปกติแล้ว หัวทุยพยักหน้าให้ผมเพื่อเป็นคำตอบก่อนจะยันตัวลุกขึ้นนั่งพิงที่หัวเตียงตัวเอง
"เล่าได้ไหม ว่ามันเกิดอะไรขึ้น"
สวมรอยครั้งที่ 09Seiya part"เล่าให้ฟังได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น"ผมหลุบตาหลบสายตาที่กำลังจ้องมองเหมือนต้องการคาดคั้นผมอยู่ ดูเหมือนว่าผมจะเผลอแสดงทั้งด้านมืดและด้านที่อ่อนแอให้คนที่เกลียดผมเห็นซะแล้วสิ ผมถอนหายใจออกมาเมื่อนึกถึงสภาพตัวเองที่ฟิวขาดมือข้างหนึ่งยกขึ้นมาลูบใบหน้าตัวเองอย่างคนคิดหนักแต่สุดท้ายผมก็ตัดสินใจจะเล่าให้เขาฟัง"พวกนั้นมันเข้ามาทำร้ายผมครับ ผมก็เลยป้องกันตัว" ผมบอกและผมรู้ดีว่าต่อให้ไม่ได้เงยหน้าไปมอง ผมก็รู้ว่าเขากำลังจ้องหน้าผมด้วยความสงสัยอยู่"แต่ผมควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้เวลาที่ต่อสู้ เหมือนร่างกายมันจะสู้ไปเรื่อยๆ จนกว่าคู่ต่อสู้จะตาย หรือผมจะสลบไป" ผมเล่าให้เขาฟังต่อ มันเป็นความจริงที่ว่าผมไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ถ้าฟิวขาด อย่างตอนที่ผมต่อยกับพวกสายลับปลายแถวจนโดนพักงาน ถ้าไม่มีคนมาห้าม ผมก็คงต่อยพวกมันปางตายไปแล้วรวมถึงเมื่อตอนเย็นที่มีคนมาหาเรื่องผมก็ด้วย ผมต่อยและสู้กับพวกมัน ยิ่งเห็นว่าพวกมันเก่งผมยิ่งเหมือนคนที่เสีย
สวมรอยครั้งที่ 10Shuu partผมรีบขับรถมาที่โรงพยาบาลทันทีที่เลขาโทรมาบอกว่าพี่เฌอโดนจอมโจรไนท์บลูที่กำลังเป็นข่าวอยู่ตอนนี้ดักทำร้าย พอวิ่งเข้ามาก็เห็นว่าคุณเลขากำลังยืนคุยอะไรสักอย่างกับท้องฟ้าตัวปลอมอยู่หน้าห้องทั้งคู่แสดงสีหน้าที่ดูเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด"พี่เฌอเป็นไงบ้างครับ" ผมวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าคุณเลขา"หมอยังไม่ออกมาครับ""ฝีมือนายใช่ไหม" ผมหันไปมองคนที่ยืนก้มหน้าเหมือนคิดอะไรอยู่ในหัว"เกี่ยวอะไรกับผม" ท้องฟ้าถามขึ้นมา"ก็นายร่วมมือกับไอ้เหี้ยนั่นไง"ผมบีบแขนทั้งสองข้างของเขาแล้วจ้องมองด้วยความรู้สึกโกรธ ผมคิดว่าวันนั้นเขาต้องไปคุยกับแฟนโมบีแล้วร่วมมือกันมาทำร้ายพี่เฌอแน่ เพราะผมจำได้ว่าผู้ชายคนนั้นพูดว่าจะทำให้ครอบครัวของผมได้รับรู้ถึงการสูญเสีย"อะไรของพี่" ท้องฟ้าสะบัดมือผมออก"คุณชู คุณท้องฟ้าครับ นี่โรงพยาบาลนะครับ" โจเซฟเดินมายืนกั้นระหว่างเราทั้งคู่ ผมกับท้องฟ้าต่างสะบัดหน้าหนีไม่มองหน้ากัน เพราะเกรงว่าถ้าเห็นหน้ากันคว
สวมรอยครั้งที่ 11Seiya partเพราะวันนี้โชนไม่สบายเลยไม่ได้มาโรงเรียน ผมกับชินเลยมาเรียนกันสองคน ถึงใจผมจะไม่อยากมาก็เถอะ ตอนนี้อยากไปสืบเรื่องจอมโจรไนท์บลูใจจะขาด วันนี้ทั้งวันผมเอาแต่คิดเรื่องของมันส่วนชินก็ดููปกติ อาจจะเป็นเพราะเขายังไม่รู้เรื่องพี่เฌอ เนื่องจากพี่ชูสั่งห้ามทุกคนไม่ให้พูดถึงเรื่องพี่เฌอ เพราะใกล้จะสอบมิดเทอมแล้ว ไม่อยากให้โชนกับชินมาเครียดด้วยผมหันไปมองชินที่กำลังเล่นเกมในโทรศัพท์อย่างไม่สนใจใคร จนกระทั่งรถตู้ของที่บ้านขับมาจอดอยู่ที่หน้าตึกเรียนของพวกเราชินถึงได้เงยหน้าแล้วยันตัวลุกขึ้นจากบันได"เชิญครับคุณหนู"คนขับรถพูดขึ้นหลังจากที่เดินมาเลื่อนประตูให้กับพวกเรา แต่ทำไมผมรู้สึกเหมือนเสียงมันถูกส่งผ่านเครื่องแปลงเสียงจัง"คุณลุงไม่สบายเหรอครับ ทำไมใส่แมส"ชินเองก็ถามอย่างแปลกใจเพราะวันนี้คนขับรถดูแปลกตาไปนิดหน่อย แถมยังใส่หมวกปิดแมสอีก ที่สำคัญเอาแต่เงียบและก้ม
SPE. Cutter x Chin Ep.1Chin part"นายบอกให้รีบจัดการ""รู้แล้ว ให้เด็กมันตื่นก่อนสิ""จะทำอะไรก็รีบทำ"เสียงใครกัน?ผมลืมตาขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกปวดหนึบที่หัวเหมือนมีใครมาบีบเส้นประสาทจนต้องปิดตาไปอีกครั้ง และเริ่มลืมตาขึ้นมาใหม่ปรับโฟกัสสายตาไม่นานก่อนจะพบกับ บรรยากาศรอบข้างที่มืดสนิท ตรงหน้าผมมีชายร่างสูงผมยาวสีควันบุหรี่กำลังยืนคุยกับร่างหนาผิวเข้มหน้าตาดูดุ ข้างตัวเขามีถังขนาดใหญ่ตั้งอยู่ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นถังน้ำมัน เพราะกลิ่นของน้ำมันเครื่องมันลอยมาเตะจมูกผมสายตาของผมเริ่มมองสำรวจบริเวณโดยรอบ มันเป็นป่าใหญ่ที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ผมจำได้ว่าครั้งล่าสุดผมนอนอยู่บนรถของที่บ้านไม่ใช่เหรอแขนของผมถูกมัดไว้ข้างหลังและถูกบังคับให้นั่งอยู่บนก้อนหิน ผมหันหน้ากลับมามองผู้ชายสองคนที่กำลังยืนเถียงกันอีกครั้ง ผมเพิ่งสังเกตว่าคนหน้าดูแต่
SPE. cutter x chin Ep.2Chin part"นายหัวภู" ไอ้โรคจิตมันเรียกชื่อเจ้าของเกาะเสียงสั่นใบหน้าเริ่มฉายแววหวาดกลัว"มึงทำอะไรไอ้จักร" นายหัวภูถามเสียงเหี้ยม ไอ้โรคจิตที่ชื่อจักรมันก็รีบคุกเข่าแสร้งทำตัวหดแล้วพนมมือขอโทษไปทางนายหัวของเกาะทั้งที่สภาพร่างกายยังเปลือยเปล่า"ไอ้หมอนั่นมันจะทำร้ายฉันนายหัว มันโยนทรายใส่ฉันด้วยดูสิ" มันโยนความผิดทุกอย่างมาใส่ผมพร้อมกับชี้หน้าตัวเองที่มีทรายเลอะอยู่จากการโดนผมขว้างทรายใส่ ส่วนพี่คัทเตอร์ก็หันมามองผมสายตาเขายังดูดุและน่ากลัวเหมือนเดิม"ข เขาจะข่มขืนผม" ผมพูดเสียงสั่นและเบาก้มหน้าไม่กล้าสบตาเขาทั้งที่ตัวเองกำลังสั่นด้วยความรู้สึกกลัวอยู่"ผมฝากนายหัวจัดการด้วยนะครับ ส่วนนายมานี่""มึงจะพาเมียกูไปไหน โอ้ย"พี่คัทเตอร์เตรียมจะลากผมกลับไปที่บ้านแล้วแต่จักรมันก็ไม่ยอม พุ่งตัวจะมากระชากแขนผมจนโดนพี่คัทเตอร์เตะกระเด็นไปกองกับ
สวมรอยครั้งที่ 12Shuu partหลังจากพาชินไปตรวจร่างกาย หมอบอกว่าปกติดีไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ผมจะพาน้องไปเยี่ยมพี่เฌอแล้ว แต่ชินก็เอาแต่ร้องไห้อยากกลับบ้าน ผมคิดว่าน่าจะเป็นเพราะสภาพจิตใจน้องตอนนี้น่าจะยังไม่พร้อมที่จะเจอใครก็ได้ ผมพยุงตัวชินเดินเข้ามาในบ้าน แม่นมก็วิ่งออกมารับด้วยความเป็นห่วงทันที ผมมองภาพแม่นมที่ทั้งกอดและพูดปลอบชินอย่างเป็นห่วง กลับกันโชนที่เป็นพี่ชายฝาแฝดกลับยืนมองเฉยๆ จนผมแอบสงสัย แต่ก็คิดว่าโชนคงเป็นประเภทที่แสดงออกไม่เก่งละมั้ง เลยไม่ได้ถามไถ่อะไรชิน"ช่วยเล่าเรื่องทั้งหมดให้พี่ฟังได้ไหม" ผมถามชินเมื่อเห็นว่าตอนนี้ชินหยุดร้องไห้แล้ว ชินแสดงสีหน้าเศร้าจนผมรู้สึกผิด"เขาชื่อเซย์ยะครับ ท้องฟ้าจ้างให้เขามาหลอกพวกเรา เพราะหวังสมบัติ แล้วก็คิดที่จะฆ่าพวกเราครับ" ชินเล่าให้พวกเราฟังเสียงสั่นจนแม่นมต้องโอบไหล่เพื่อเป็นการปลอบประโลม"แล้วเรารอดมาได้ยังไง""ผมไม่รู้ครับ เขาฟาดหัวผมแล้วเอาผมไปทิ้งในป่า" คำตอบของชินท
สวมรอยครั้งที่ 13Seiya partสามวันแล้วที่ผมอยู่ในสถานะนักโทษ?ผมไม่รู้จะนิยามสถานะตัวเองตอนนี้ยังไง หลังจากวันที่พวกเราทะเลาะกันจนผมเกือบลงมือฆ่าเขา ผมจำได้ว่าตัวเองร้องไห้อย่างหนักตอนที่ได้สติก่อนจะหลับไป พอฟื้นขึ้นมาก็ถูกมัดไว้ที่เก้าอี้เหมือนเดิม แต่คราวนี้เชือกที่มัดผมเปลี่ยนเป็นโซ่แทน ไฟที่กะพริบจนทำให้ผมปวดตาก็ถูกเปลี่ยนใหม่โดยคนที่ยั่วโมโหผมผมไม่เข้าใจการกระทำของคนที่จับผมสักเท่าไหร่ เพราะหลังจากที่เขาเข้ามายั่วโมโหผม แล้วปลอบผมตอนร้องไห้เขาก็ทำตัวปกติ แถมไม่ได้เค้นข้อมูลอะไรเลยสายตาของผมเริ่มมองสำรวจห้องมืดที่ว่างเปล่า มันโล่งเกินกว่าจะเป็นห้องเก็บของด้วยซ้ำ ราวกับเป็นห้องที่ไม่ได้ใช้มานานแล้วแกร็กประตูถูกเปิดออกมาพร้อมกับร่างสูงของพี่ชู ที่มักจะเดินเข้ามาเพื่อเอาข้าวมาให้ผมเหมือนกับทุกครั้ง"มีอะไรจะพูดกับผมหรือไง" ผมถามคนที่เพิ่งจะวางข้าวไว้บนลังไม้"เปล่า" เขาปฏิเสธเหมือนทุกครั้ง ทั้งที่ใบหน้าแสดงออกชัดว่าเขามีอะไรในใจ"จะก
สวมรอยครั้งที่ 01seiya partสายลับผู้ไร้เทียมทานนั่นคือฉายาของผม ฉายาที่ใครต่อใครต่างเรียกผมแบบนั้น แรกๆ มันเป็นฉายาที่น่าภูมิใจนะ สำหรับผม แต่พอหันหลังกลับไปผมถึงพบว่า คำว่าไร้เทียมทานมันแลกมาด้วยความเหงา และความโดดเดี่ยวเพราะคำคำนี้มันเหมือนเป็นตัวยืนยันคุณภาพงานของผม แค่มีผมทุกอย่างก็จะสมบูรณ์แบบ ผมไม่เคยทำภารกิจพลาดเลยสักครั้งตั้งแต่มาเป็นสายลับ และไม่เคยร้องขอให้ใครมาช่วย ผมจัดการทุกอย่างได้ด้วยตัวคนเดียวเสมอปัง!ผมยิงเหนี่ยวไกใส่จอมโจรชุดสีดำรัตติกาลที่กำลังวิ่งอยู่บนโถงทางเดินของโรงแรมหรูที่ใช้เป็นสถานที่จัดแสดงอัญมณีล้ำค่าจากหลากหลายประเทศคนที่อยู่ในชุดเสื้อคลุมสีดำเข้มหันมายิงปืนไพ่ใส่ผมที่กำลังวิ่งตามมัน แต่ผมก็สามารถเอี้ยวตัวหลบได้จู่ๆ ก็เกิดควันสีชมพูกระจายทั่วโถงทางเดิน ผมรีบเอาผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าขึ้นมาปิดจมูกมันคือควันยาสลบ หนึ่งในกลอุบายที่จอมโจรในชุดคลุมสีดำใช้“จอมโจรไนท์บลูอยู่ตรงนั้น”เสียงทุ้มของหนึ่งในลูกน้องของผมดังขึ้นในตอนที่ จอมโจรไนท์บลู อาชญากรที่เลวร้ายที่สุดในมิลาน ณ เวลานี้ กำลังวิ่งขึ้นไปบนดาดฟ้า มันมักจะออกปล้นร้านเพชรในช่วงเวลากลางคืนด้วยชุดคลุ
สวมรอยครั้งที่ 13Seiya partสามวันแล้วที่ผมอยู่ในสถานะนักโทษ?ผมไม่รู้จะนิยามสถานะตัวเองตอนนี้ยังไง หลังจากวันที่พวกเราทะเลาะกันจนผมเกือบลงมือฆ่าเขา ผมจำได้ว่าตัวเองร้องไห้อย่างหนักตอนที่ได้สติก่อนจะหลับไป พอฟื้นขึ้นมาก็ถูกมัดไว้ที่เก้าอี้เหมือนเดิม แต่คราวนี้เชือกที่มัดผมเปลี่ยนเป็นโซ่แทน ไฟที่กะพริบจนทำให้ผมปวดตาก็ถูกเปลี่ยนใหม่โดยคนที่ยั่วโมโหผมผมไม่เข้าใจการกระทำของคนที่จับผมสักเท่าไหร่ เพราะหลังจากที่เขาเข้ามายั่วโมโหผม แล้วปลอบผมตอนร้องไห้เขาก็ทำตัวปกติ แถมไม่ได้เค้นข้อมูลอะไรเลยสายตาของผมเริ่มมองสำรวจห้องมืดที่ว่างเปล่า มันโล่งเกินกว่าจะเป็นห้องเก็บของด้วยซ้ำ ราวกับเป็นห้องที่ไม่ได้ใช้มานานแล้วแกร็กประตูถูกเปิดออกมาพร้อมกับร่างสูงของพี่ชู ที่มักจะเดินเข้ามาเพื่อเอาข้าวมาให้ผมเหมือนกับทุกครั้ง"มีอะไรจะพูดกับผมหรือไง" ผมถามคนที่เพิ่งจะวางข้าวไว้บนลังไม้"เปล่า" เขาปฏิเสธเหมือนทุกครั้ง ทั้งที่ใบหน้าแสดงออกชัดว่าเขามีอะไรในใจ"จะก
สวมรอยครั้งที่ 12Shuu partหลังจากพาชินไปตรวจร่างกาย หมอบอกว่าปกติดีไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ผมจะพาน้องไปเยี่ยมพี่เฌอแล้ว แต่ชินก็เอาแต่ร้องไห้อยากกลับบ้าน ผมคิดว่าน่าจะเป็นเพราะสภาพจิตใจน้องตอนนี้น่าจะยังไม่พร้อมที่จะเจอใครก็ได้ ผมพยุงตัวชินเดินเข้ามาในบ้าน แม่นมก็วิ่งออกมารับด้วยความเป็นห่วงทันที ผมมองภาพแม่นมที่ทั้งกอดและพูดปลอบชินอย่างเป็นห่วง กลับกันโชนที่เป็นพี่ชายฝาแฝดกลับยืนมองเฉยๆ จนผมแอบสงสัย แต่ก็คิดว่าโชนคงเป็นประเภทที่แสดงออกไม่เก่งละมั้ง เลยไม่ได้ถามไถ่อะไรชิน"ช่วยเล่าเรื่องทั้งหมดให้พี่ฟังได้ไหม" ผมถามชินเมื่อเห็นว่าตอนนี้ชินหยุดร้องไห้แล้ว ชินแสดงสีหน้าเศร้าจนผมรู้สึกผิด"เขาชื่อเซย์ยะครับ ท้องฟ้าจ้างให้เขามาหลอกพวกเรา เพราะหวังสมบัติ แล้วก็คิดที่จะฆ่าพวกเราครับ" ชินเล่าให้พวกเราฟังเสียงสั่นจนแม่นมต้องโอบไหล่เพื่อเป็นการปลอบประโลม"แล้วเรารอดมาได้ยังไง""ผมไม่รู้ครับ เขาฟาดหัวผมแล้วเอาผมไปทิ้งในป่า" คำตอบของชินท
SPE. cutter x chin Ep.2Chin part"นายหัวภู" ไอ้โรคจิตมันเรียกชื่อเจ้าของเกาะเสียงสั่นใบหน้าเริ่มฉายแววหวาดกลัว"มึงทำอะไรไอ้จักร" นายหัวภูถามเสียงเหี้ยม ไอ้โรคจิตที่ชื่อจักรมันก็รีบคุกเข่าแสร้งทำตัวหดแล้วพนมมือขอโทษไปทางนายหัวของเกาะทั้งที่สภาพร่างกายยังเปลือยเปล่า"ไอ้หมอนั่นมันจะทำร้ายฉันนายหัว มันโยนทรายใส่ฉันด้วยดูสิ" มันโยนความผิดทุกอย่างมาใส่ผมพร้อมกับชี้หน้าตัวเองที่มีทรายเลอะอยู่จากการโดนผมขว้างทรายใส่ ส่วนพี่คัทเตอร์ก็หันมามองผมสายตาเขายังดูดุและน่ากลัวเหมือนเดิม"ข เขาจะข่มขืนผม" ผมพูดเสียงสั่นและเบาก้มหน้าไม่กล้าสบตาเขาทั้งที่ตัวเองกำลังสั่นด้วยความรู้สึกกลัวอยู่"ผมฝากนายหัวจัดการด้วยนะครับ ส่วนนายมานี่""มึงจะพาเมียกูไปไหน โอ้ย"พี่คัทเตอร์เตรียมจะลากผมกลับไปที่บ้านแล้วแต่จักรมันก็ไม่ยอม พุ่งตัวจะมากระชากแขนผมจนโดนพี่คัทเตอร์เตะกระเด็นไปกองกับ
SPE. Cutter x Chin Ep.1Chin part"นายบอกให้รีบจัดการ""รู้แล้ว ให้เด็กมันตื่นก่อนสิ""จะทำอะไรก็รีบทำ"เสียงใครกัน?ผมลืมตาขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกปวดหนึบที่หัวเหมือนมีใครมาบีบเส้นประสาทจนต้องปิดตาไปอีกครั้ง และเริ่มลืมตาขึ้นมาใหม่ปรับโฟกัสสายตาไม่นานก่อนจะพบกับ บรรยากาศรอบข้างที่มืดสนิท ตรงหน้าผมมีชายร่างสูงผมยาวสีควันบุหรี่กำลังยืนคุยกับร่างหนาผิวเข้มหน้าตาดูดุ ข้างตัวเขามีถังขนาดใหญ่ตั้งอยู่ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นถังน้ำมัน เพราะกลิ่นของน้ำมันเครื่องมันลอยมาเตะจมูกผมสายตาของผมเริ่มมองสำรวจบริเวณโดยรอบ มันเป็นป่าใหญ่ที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ผมจำได้ว่าครั้งล่าสุดผมนอนอยู่บนรถของที่บ้านไม่ใช่เหรอแขนของผมถูกมัดไว้ข้างหลังและถูกบังคับให้นั่งอยู่บนก้อนหิน ผมหันหน้ากลับมามองผู้ชายสองคนที่กำลังยืนเถียงกันอีกครั้ง ผมเพิ่งสังเกตว่าคนหน้าดูแต่
สวมรอยครั้งที่ 11Seiya partเพราะวันนี้โชนไม่สบายเลยไม่ได้มาโรงเรียน ผมกับชินเลยมาเรียนกันสองคน ถึงใจผมจะไม่อยากมาก็เถอะ ตอนนี้อยากไปสืบเรื่องจอมโจรไนท์บลูใจจะขาด วันนี้ทั้งวันผมเอาแต่คิดเรื่องของมันส่วนชินก็ดููปกติ อาจจะเป็นเพราะเขายังไม่รู้เรื่องพี่เฌอ เนื่องจากพี่ชูสั่งห้ามทุกคนไม่ให้พูดถึงเรื่องพี่เฌอ เพราะใกล้จะสอบมิดเทอมแล้ว ไม่อยากให้โชนกับชินมาเครียดด้วยผมหันไปมองชินที่กำลังเล่นเกมในโทรศัพท์อย่างไม่สนใจใคร จนกระทั่งรถตู้ของที่บ้านขับมาจอดอยู่ที่หน้าตึกเรียนของพวกเราชินถึงได้เงยหน้าแล้วยันตัวลุกขึ้นจากบันได"เชิญครับคุณหนู"คนขับรถพูดขึ้นหลังจากที่เดินมาเลื่อนประตูให้กับพวกเรา แต่ทำไมผมรู้สึกเหมือนเสียงมันถูกส่งผ่านเครื่องแปลงเสียงจัง"คุณลุงไม่สบายเหรอครับ ทำไมใส่แมส"ชินเองก็ถามอย่างแปลกใจเพราะวันนี้คนขับรถดูแปลกตาไปนิดหน่อย แถมยังใส่หมวกปิดแมสอีก ที่สำคัญเอาแต่เงียบและก้ม
สวมรอยครั้งที่ 10Shuu partผมรีบขับรถมาที่โรงพยาบาลทันทีที่เลขาโทรมาบอกว่าพี่เฌอโดนจอมโจรไนท์บลูที่กำลังเป็นข่าวอยู่ตอนนี้ดักทำร้าย พอวิ่งเข้ามาก็เห็นว่าคุณเลขากำลังยืนคุยอะไรสักอย่างกับท้องฟ้าตัวปลอมอยู่หน้าห้องทั้งคู่แสดงสีหน้าที่ดูเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด"พี่เฌอเป็นไงบ้างครับ" ผมวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าคุณเลขา"หมอยังไม่ออกมาครับ""ฝีมือนายใช่ไหม" ผมหันไปมองคนที่ยืนก้มหน้าเหมือนคิดอะไรอยู่ในหัว"เกี่ยวอะไรกับผม" ท้องฟ้าถามขึ้นมา"ก็นายร่วมมือกับไอ้เหี้ยนั่นไง"ผมบีบแขนทั้งสองข้างของเขาแล้วจ้องมองด้วยความรู้สึกโกรธ ผมคิดว่าวันนั้นเขาต้องไปคุยกับแฟนโมบีแล้วร่วมมือกันมาทำร้ายพี่เฌอแน่ เพราะผมจำได้ว่าผู้ชายคนนั้นพูดว่าจะทำให้ครอบครัวของผมได้รับรู้ถึงการสูญเสีย"อะไรของพี่" ท้องฟ้าสะบัดมือผมออก"คุณชู คุณท้องฟ้าครับ นี่โรงพยาบาลนะครับ" โจเซฟเดินมายืนกั้นระหว่างเราทั้งคู่ ผมกับท้องฟ้าต่างสะบัดหน้าหนีไม่มองหน้ากัน เพราะเกรงว่าถ้าเห็นหน้ากันคว
สวมรอยครั้งที่ 09Seiya part"เล่าให้ฟังได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น"ผมหลุบตาหลบสายตาที่กำลังจ้องมองเหมือนต้องการคาดคั้นผมอยู่ ดูเหมือนว่าผมจะเผลอแสดงทั้งด้านมืดและด้านที่อ่อนแอให้คนที่เกลียดผมเห็นซะแล้วสิ ผมถอนหายใจออกมาเมื่อนึกถึงสภาพตัวเองที่ฟิวขาดมือข้างหนึ่งยกขึ้นมาลูบใบหน้าตัวเองอย่างคนคิดหนักแต่สุดท้ายผมก็ตัดสินใจจะเล่าให้เขาฟัง"พวกนั้นมันเข้ามาทำร้ายผมครับ ผมก็เลยป้องกันตัว" ผมบอกและผมรู้ดีว่าต่อให้ไม่ได้เงยหน้าไปมอง ผมก็รู้ว่าเขากำลังจ้องหน้าผมด้วยความสงสัยอยู่"แต่ผมควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้เวลาที่ต่อสู้ เหมือนร่างกายมันจะสู้ไปเรื่อยๆ จนกว่าคู่ต่อสู้จะตาย หรือผมจะสลบไป" ผมเล่าให้เขาฟังต่อ มันเป็นความจริงที่ว่าผมไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ถ้าฟิวขาด อย่างตอนที่ผมต่อยกับพวกสายลับปลายแถวจนโดนพักงาน ถ้าไม่มีคนมาห้าม ผมก็คงต่อยพวกมันปางตายไปแล้วรวมถึงเมื่อตอนเย็นที่มีคนมาหาเรื่องผมก็ด้วย ผมต่อยและสู้กับพวกมัน ยิ่งเห็นว่าพวกมันเก่งผมยิ่งเหมือนคนที่เสีย
สวมรอยครั้งที่ 08Shuu partสองอาทิตย์แล้วที่ท้องฟ้าตัวปลอมมาอยู่ที่นี่ แต่กลับไม่ทำอะไรเลยนอกจากใช้ชีวิตปกติ ปกติแบบที่ไม่ทำอะไรน่าสงสัยเลยนอกจากการติดกล้องที่ห้องตัวเอง ราวกับว่ามีของสำคัญอยู่ในนั้น และกลัวว่ามีใครจะมาเอาไปในตอนแรกผมคิดว่าเขาอาจจะเป็นมิจฉาชีพ แต่ดูแล้วไม่น่าจะใช่ ถ้าจุดประสงค์ของเขาคือการสวมรอยเป็นท้องฟ้าเพื่อขโมยของ เขาคงทำไปนานแล้ว ไม่ปล่อยเวลามานานขนาดนี้หรอกRrrrrrนักสืบ"สวัสดีครับ"(สวัสดีครับคุณชู ผมเจอข้อมูลที่แปลกมาก เดี๋ยวผมส่งไปให้ดูทางเมลนะครับ)"ขอบคุณครับ"ผมกดตัดสายจากนักสืบแล้วจัดการเปิดคอมขึ้นเพื่อเข้าระบบเมลตัวเองไม่ใช่เมลบริษัท รอไม่นานนักสืบก็ส่งข้อมูลมาให้ผม มันเป็นข้อมูลของคนสองคน คนแรกคือท้องฟ้าตัวปลอม ผมไล่อ่านข้อมูลดูมันมีข้อมูลประวัติของเขาขึ้นมา ทั้งหมดสามชื่อชื่อแรก เจย์เลน วิโทรี่ นักฆ่าของแก๊ง มังกรสีนิล ผู้มีอิทธิพลในภาคใต้ ที่ถูกรัฐบาลกวาดล้างไปเมื่อสามปีก่อน
สวมรอยครั้งที่07Seiya partบรรยากาศในรถอึดอัดจนน่าขนลุก ทั้งที่เขาเป็นคนบอกผมว่ามีเรื่องจะคุยด้วย แต่ตัวเองกลับเอาแต่นั่งเงียบตลอดทางแถมทำหน้านิ่งจนผมคาดเดาอารมณ์ไม่ถูกอีกในใจเขาคงมีคำถามว่าทำไมผมถึงไปอยู่ในผับจนเกือบโดนผู้ชายตัวใหญ่ที่คาดว่าจะเป็นคนรู้จักของพี่ชูลากเข้าโรงแรมได้ ก็คงต้องย้อนไปประมาณสักห้าชั่วโมงก่อนผมได้รับโทรศัพท์จากลูอิสเกี่ยวกับภารกิจสำคัญที่ลูอิสรับเอาไว้ แต่จอมโจรไนท์บลูมันดันออกมาเสียก่อน ลูอิสจึงขอร้องให้ผมมาทำภารกิจนี้แทนหนึ่งวัน จะให้ผมไปจับจอมโจรไนท์บลูแทนก็กลัวว่าผมจะถูกหัวหน้าและคนในองค์กรจับได้ว่าแอบมาปฏิบัติหน้าที่ทั้งที่โดนพักงานอยู่ แล้วผมอาจจะซวยจนโดนไล่ออกผมจึงต้องจำใจแอบออกจากบ้านมาปลอมตัวเป็นเด็กเสิร์ฟที่นี่ เพื่อหาตัวเป้าหมายให้ลูอิส มันเป็นแค่ภารกิจจับชู้ธรรมดานั่นแหละ ปกติลูอิสมันคงไม่รับหรอก แต่คงเพราะเงินหนามันถึงได้ยอมรับ แต่คอยดูเถอะถ้าภารกิจสำเร็จผมทวงส่วนแบ่งเก้าสิบเปอร์เซ็นต์แน่"ไปต่อกันไหมครับ" เสียงของผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้นมาหลังจากที่ผ