“ให้นายเลือกก่อน”
“ขอบใจ อ่อ...ถ้าจะลากใครลงไปในน้ำ เสร็จธุระแล้วก็หาคนมาทำความสะอาดสระให้ฉันด้วย”
“เออ” ซีโวลอดขมวดคิ้วพร้อมส่ายหัวน้อยๆ ตามหลังราเดนที่เดินนำหน้าเข้าไปหาสาวๆ ที่นั่งรออยู่บนโซฟา แค่เคยพาผู้หญิงลงไปสนุกกันในสระน้ำบ้านของราเดนครั้งเดียว เพื่อนตนก็ทำตัวเป็นสุนัขกัดเขาไม่เลิก ไม่เห็นแก่ความใจดีที่เขาอุตส่าห์พาสาวๆ มาให้แก้เครียดเอาเสียเลย
ซีโวลอด ชายหนุ่มแสนอัธยาศัยดี ใบหน้าหล่อเหลา รูปร่างสูงใหญ่ ผมสีน้ำตาลตัดสั้นทรงวินเทจเซ็ตเนี้ยบ ตาคมดุดันนัยน์ตาสีนิล จมูกโด่งเป็นสันริมฝีปากหนาเป็นกระจับ มีรอยยิ้มที่แสนเจ้าเล่ห์ แต่สาวๆ มักจะชื่นชมว่ารอยยิ้มของเขาทำเอาพวกเธอร้อนวูบวาบในร่างกายเมื่อเขายิ้มให้
เขาเป็นชายหนุ่มวัยเลขสามปลายๆ ลูกชายเจ้าของสายการบินยักษ์ใหญ่ของรัสเซีย ทั้งยังมีหุ้นส่วนในธุรกิจคาสิโนขององค์กรณ์ราเดน แม้จะไม่ได้เป็นมาเฟียเต็มตัว แต่เขาก็มีอิทธิพลในมือไม่น้อย เพราะธุรกิจยักษ์ใหญ่หลายอย่างในรัสเซียเป็นของคนในตระกูลเขา
เขาคบกับราเดนมาตั้งแต่สมัยเรียน กินนอนด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ ราเดนชอบไปอยู่ที่บ้านของเขา เพราะบ้านแม่ของราเดนอยู่ใกล้บ้านของเขา เขาและราเดนเลยสนิทกันจนเหมือนเป็นพี่น้องแท้ๆ ค่อนข้างรู้นิสัยใจคอกันดี
ทั้งตอนนี้ยังสนิทกันแน่นแฟ้นไม่มีเปลี่ยน เพราะยังไม่มีครอบครัวกันทั้งคู่ ราเดนไม่เชื่อในความรักเพราะเห็นแม่ของตัวเองชีวิตรักล้มเหลว มีแต่เรื่องเสียใจ
ส่วนเขาก็ติดนิสัยเจ้าชู้ เมื่ออยากจะจริงใจกับใครสักคน เรื่องราวความเลวของตัวเองก็โผล่มาเป็นอุปสรรค จนสุดท้ายก็ไม่ได้คบใครเป็นตัวเป็นตนมาหลายปีแล้ว
อีกอย่างตอนนี้ก็ไม่เจอใครที่ถูกตาต้องใจจนอยากจะสร้างอนาคตไปด้วยกัน ชีวิตของเขาและราเดนเลยเลือกที่จะใช้เงินซื้อความสุขชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น
สองหนุ่มใช้เวลาทำธุระส่วนตัวระบายอารมณ์กับสาวๆ กันร่วมสองชั่วโมง กว่าจะออกมานั่งดื่มกันต่อที่ริมสระว่ายน้ำบนชั้นดาดฟ้าก็ปาไปเป็นเวลาที่ท้องฟ้าเต็มไปด้วยความมืด ราเดนในชุดคลุมสีดำยื่นมือไปหยิบขวดไวน์ราคาแพงในถังน้ำแข็งขึ้นมากระดกดื่มอึกใหญ่
ความสุขเมื่อครู่ทำให้เขาลืมเรื่องเครียดไปได้แค่ชั่วขณะเท่านั้น พอหมดเวลาของความสุขเขาก็มีเรื่องให้คิดวนไปวนมาเหมือนเดิม
“นายจะเครียดให้ได้อะไรขึ้นมาวะ มิล่าก็มีหมอดูแลอยู่ตลอด มารีน่าก็รับปากแล้วว่าจะไม่กลับไปหาแพทริคอีก” ซีโวลอดรู้ว่าเพื่อนตนจริงจังกับทุกเรื่อง ทว่าการกังวลหรือเครียดก็ไม่ได้ทำให้สถานการณ์มันดีขึ้น
“สภาพจิตใจน้องสาวทั้งสองของฉันกำลังไม่ปกติกันทั้งคู่ นายจะไม่ให้ฉันเครียดได้ยังไง”
ซีโวลอดเห็นแววตาแข็งกร้าวของราเดนในทุกคำพูดเขาก็เริ่มหวั่นใจว่าเพื่อนตนกำลังจะทำอะไรบางอย่างที่ไม่ใช่เรื่องดี “นายกำลังคิดอะไรอยู่”
“ฉันอยากเอาคืนแพทริค”
“ยังไง”
“น้องฉันเจ็บยังไงมันก็ต้องเจ็บมากกว่านั้นหลายเท่า ที่ฉันยังไว้ชีวิตมันเพราะมารีน่าขอเอาไว้ ไม่อย่างงั้นป่านนี้มันได้ลงหลุมไปแล้ว”
“นายเคยเชื่อกฎแห่งกรรมไหมวะ”
“อย่าบอกว่านายเชื่อเรื่องนี้”
“อยู่มาจนอายุจะเข้าเลขสี่แล้ว เหตุการณ์ที่เคยเจอมามันทำให้ฉันเชื่อว่ะ ฉันหักอกผู้หญิงมาไม่รู้กี่คนแกก็รู้ พออยากจะจริงจังอดีตแสนเลวของฉันก็ทำให้คนที่ฉันรักจากไป ฉันว่าเดี๋ยวไอ้แพทริคมันก็คงได้รับกรรมเหมือนกันนั่นแหละ”
“มารีน่าไม่ใช่น้องนาย นายก็พูดได้”
“เฮ้ย แกก็รู้ว่าฉันรักพวกพ้องแค่ไหน ที่ฉันเตือนเพราะไม่อยากให้นายต้องเอาอะไรไปแลกกับสิ่งที่ไม่ควรแลก”
“ฉันไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ขอแค่ได้เห็นไอ้เวรนั่นมันร้องเหมือนหมาก็พอ”
“เออ...อยากทำอะไรก็ทำ” ซีโวลอดยกขวดไวน์กระดกดื่มอึกใหญ่หลายอึก รู้สึกว่าพูดไปก็เท่านั้น หากราเดนเอ่ยเด็ดขาดทางสายตาด้วยเช่นนี้คงห้ามอะไรไม่ได้แล้ว
ปารวีและมุขรินทร์ในชุดเสื้อแขนยาวกางเกงขายาว สวมทับด้วยเสื้อคลุมกันคนละตัวนั่งอยู่บนเครื่องบินขนาดใหญ่กันร่วมหนึ่งชั่วโมงเต็ม ก็ได้เริ่มที่จะพูดคุยกัน เพราะเริ่มหายตื่นเต้นกับการขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศแล้ว
“แกติดต่อผัวแกรึยังว่ากำลังไปหาเค้า” มุขรินทร์สะกิดปารวีที่นั่งอยู่ริมหน้าต่าง เธอเองก็มัวแต่ตื่นเต้นกับการเตรียมตัวไปท่องโลกกว้างเลยลืมที่จะถามปารวีเรื่องนี้ตั้งแต่ก่อนหน้าที่จะขึ้นเครื่อง
“ฉันติดต่อเค้าไม่ได้ แต่ฉันหาข้อมูลที่อยู่เค้ามาแล้ว ลงจากเครื่องแล้วต่อรถอีกแค่ครึ่งชั่วโมงก็ถึงที่ทำงานเค้าแล้ว” จากชื่อคลังอาวุธของราเดนที่เธอได้มาจากคนเป็นตา พอค้นหาในอินเตอร์เน็ตก็พบว่ามันไม่ได้อยู่ไกลจากสนามบินที่พวกเธอกำลังจะไปกันเท่าไรนัก
“ไม่มีที่อยู่ที่บ้านเหรอ”
ปารวีส่ายหัวน้อยๆ “ไม่อะ ตาฉันบอกว่ารู้แค่ว่าโกดังเค้าชื่ออะไร”
“ถ้าไปที่นั่นแล้วไม่เจอเค้าล่ะ”
“ก็น่าจะถามจากคนที่นั่น คงพอมีสักคนที่รู้จักคุณราเดน แล้วพอจะติดต่อให้ได้นั่นแหละ”
“อืม มีแผนแล้วก็ดี”
“แต่ฉันกลัวอย่างนึง” ปารวีเริ่มอ้อมแอ้มพูดด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก
“อะไร” มุขรินทร์ขมวดคิ้วมุ่น เพื่อนเธอขึ้นเครื่องบินมาแล้วยังจะต้องกลัวอะไรอีก“กลัวว่าเค้ามีคนของเค้าแล้ว”“เออ...ฉันก็คิดเรื่องนี้เหมือนกัน ก็ตั้งห้าปีกว่าแล้วนี่ มีหรือไม่มีพอไปถึงเดี๋ยวก็รู้เอง”“แต่ฉันบอกแกไว้ก่อนเลยนะ ว่าถ้าฉันรู้ว่าเค้ามีเมียแล้ว ฉันจะกลับทันที”“อืม...แต่แกจะทำใจได้ใช่ไหม”“ถึงได้กลัวอยู่นี่ไง แต่ยังไงก็คิดว่าทำใจได้แหละ แค่ไม่รู้ว่านานแค่ไหน”“แกยังมีพวกฉันเสมอ” มุขรินทร์จับมือเป็นกำลังใจให้ปารวี เพราะเพื่อนเธอมักจะชอบคิดอะไรล่วงหน้าไปก่อนเสมอ“ขอบใจอีกครั้งนะ”“อือ...เพื่อนกันน่า”ปารวีนั่งสูดหายใจเข้าออกลึกๆ อีกไม่กี่ชั่วโมงเธอก็จะได้รู้แล้วว่าเรื่องที่เธอกำลังกังวลล่วงหน้ามันเป็นจริงหรือไม่จริงสองสาวเดินทางกันมาร่วมสิบสองชั่วโมง ทั้งเหนื่อยทั้งเพลีย พอลงจากรถแท็กซี่ได้ก็เริ่มสั่นสะท้านไปตามๆ กันเพราะอากาศค่อนข้างเย็นกว่าที่คิดเอาไว้“อากาศหนาวกว่าที่ฉันคิดเหมือนกันนะเนี่ย”“ที่นี่น่ะเหรอที่ทำงานของเค้าน่ะ” ปารวีไม่ได้สนใจอากาศตามเพื่อน เธอสนใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าหลังจากลงจากรถมากว่า เพราะเธอเห็นกำแพงปูนสูงร่วมสามเมตรทอดยาวไปจนสุดลูกหูลูกตา เดาได้เลยว่าโก
“เอ่อ...”“บอกเค้าไปสิ” คิ้วเรียวสวยเริ่มขมวดมุ่น ทั้งรีบสะกิดปารวียิกๆ“ฉัน คือฉัน...”“พูดมาเลย ผมฟังได้ทุกเรื่อง” ราเดนต้องเอ่ยเสริม หากรอให้หญิงสาวได้กล้าที่จะพูดออกมาเองคงได้ยืนรอกันอีกนานแน่“คือฉันไปงานแต่งเพื่อนค่ะ แล้วก็ถูกดูถูกว่าสามีดูแลไม่ดี ฉันก็เลย คือ... ฉันจะขอเงินคุณไปสร้างรีสอร์ทที่ไร่องุ่นค่ะ” ปารวีละล่ำละลักจนจบประโยคก็ยืนหลังตาก้มหน้างุด มือทั้งสองกำกันแน่น เธอไม่กล้าสบตากับราเดน เพราะเขาทำให้เธอหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะดวงตาดุดัน นัยน์ตาสีฟ้าทรงเสน่ห์ที่เธอคิดถึงยังคงเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ยิ่งเห็นเขาตรงหน้าความเขินอายเธอก็เพิ่มเป็นเท่าทวีคูณในทุกๆ เวลา รู้ได้เลยว่าตอนนี้ใบหน้าของเธอคงแดงเป็นลูกตำลึงไปแล้วส่วนมุขรินทร์ก็ยืนอ้าปากค้าง ปารวีดั้นด้นนั่งเครื่องมาตั้งไกล เพื่อพูดแค่นี้เองน่ะเหรอ หากรู้ว่าปารวีจะปอดแหกในหารสารภาพรักขนาดนี้รู้แบบนี้เธอให้เพื่อนเธอซ้อมพูดมาก่อนก็ดี“เรื่องแค่นี้คุณส่งข้อความมาบอกผมก็ได้”“เอ่อ...แล้ว คุณจะไปดูการสร้างด้วยตัวเองไหมคะ” อ้อมแอ้มถามเสียงอ่อน และยังไม่กล้าที่จะเงยหน้ามามองชายหนุ่มที่กำลังสนทนาด้วย“มีทีมวิศวะออกแบบแล้วก็ติดต่
“โอเค ฉันเข้าใจแกก็ได้ แต่ถ้าเค้ากลับมาแกก็ต้องบอกไปตามตรง เข้าใจไหม เค้าจะยินดีคบกับแกหรือว่ายังไงก็ค่อยมาปรึกษากันอีกที”“ไม่อะ ไม่พูดได้ไหม เอาไว้ให้ผ่านช่วงนี้ไปก่อนได้ไหม”“โอ้ย...นึกถึงเงินค่าเครื่องที่มาสิ อย่าให้เสียเปล่า อีกอย่างถ้าแกรีบพูด แกก็จะได้รู้ไงว่าเค้าจะเอายังไงกับแก จะได้ไม่ต้องมานั่งกังวลกับคำตอบของเขาอีก”“ก็ได้” ปากที่พูดว่าได้ ใจตอนนี้กลัวจนหัวหด ไม่รู้ว่าหากเจอหน้าราเดนอีกครั้งเธอจะกล้าพูดสิ่งที่อยู่ในใจหรือเปล่า ทำไมมันต้องยากลำบากขนาดนี้ด้วยกับแค่พูดสารภาพความในใจออกไปเมื่อได้เวลาของการรับประทานอาหาร เมเลอร์ก็พาสองสาวไปที่ห้องอาหารชั้นล่างที่ตอนนี้บนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยอาหารไทยที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ กลิ่นหอมเตะจมูกของสองสาวทำเอาพวกเธอท้องร้องไปตามๆ กัน“อาหารไทย” มุขรินทร์หันไปยิ้มร่าตาเป็นประกายกับปารวี คิดว่ามาที่นี่จะไม่ได้แตะอาหารไทยเสียแล้ว นับว่าราเดนต้อนรับพวกเธอได้ดีมากเลยทีเดียว“ผมมีเรื่องที่ต้องบอกพวกคุณครับ คือว่า วันนี้นายอาจจะไม่ได้กลับมาที่นี่ ธุระที่ต้องคุยอาจจะต้องเลื่อนไปก่อน นายบอกว่าถ้าพวกคุณอยากไปที่ไหนหรือทำอะไรให้บอกผมได้เลยครับ ผมจะอำนว
“อะไรนะ รอคุยกับเค้าพรุ่งนี้เช้าก็ได้มั้ง อีกอย่างถ้าเค้าว่างคุยก็คงจะให้คนมาเรียกเราเองนั่นแหละ” ตอนนี้เธอเห็นว่ามันไม่ใช่เวลาสนใจเรื่องกล้าหรือไม่กล้าพูดเรื่องความรู้สึก แต่ปารวีเห็นว่าเป็นเรื่องของความเกรงใจกันมากกว่า เพราะเวลานี้ราเดนน่าจะต้องการการพักผ่อนมากกว่าคุยเรื่องอะไรที่ใช้ความคิดและความรู้สึก“ไม่ วันนี้ถ้าแกยังไม่ได้บอกความในใจกับคุณราเดน ฉันนอนไม่หลับแน่” พูดจบก็รีบจูงเพื่อนรักในเดรสชุดนอนแขนยาวสีขาวออกไปจากห้องทันทีมุขรินทร์รีบจูงมือปารวีเดินลงไปชั้นล่างอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะต้องการให้ปารวีได้เจอราเดนก่อนที่ชายหนุ่มจะกลับเข้าห้องของเขาไป“อ้าว...เค้าเข้าห้องไปแล้วเหรอ ทำไมไวจัง” เดินมาจนถึงโถงใหญ่มุขรินทร์ก็รีบวิ่งออกไปดูที่หน้าบ้านแต่ก็ไม่ยักจะเห็นราเดนหรือผู้ชายที่เขายืนคุยด้วย“เรากลับไปนอนกันเถอะ ตอนนี้เราควรเกรงใจเวลาพักผ่อนเค้าไหมเพิร์ล”“พวกคุณมีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ”มุขรินทร์ยิ้มร่าเมื่อบอดี้การ์ดหนุ่มเข้ามาถามพวกเธอได้ตรงจังหวะพอดี “คุณราเดนอยู่ไหนเหรอคะ”“นั่งดื่มอยู่ที่ดาดฟ้าครับ”“ขอบคุณค่ะ” รู้เช่นนั้นก็รีบดึงมือปารวีตรงไปยังชั้นดาดฟ้าทันที“
“เอ่อ...เรื่องนั้นค่อยคุยได้ไหม ฉันหนาว ขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ” พูดจบก็เตรียมจะหันหลังวิ่ง วินาทีนี้เธอต้องเอาตัวรอดจากผู้ชายตรงหน้าให้ได้ก่อน ทว่าก็ยังไม่ทันได้ก้าวไปไหน ตัวของเธอก็ลอยขึ้นจากพื้นไปเรียบร้อยแล้ว“ว๊าย ปล่อยฉันนะ”“ผมจะพาคุณไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไง”“ฉันไปเองได้ ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้เลย”เสียงโวยวายของมุขรินทร์ยังคงดังอยู่ตลอด ทว่าก็ไม่ยังสามารถที่จะดิ้นหนีจากซีโวลอดได้ง่ายๆทางด้านปารวีเธอถูกราเดนพากลับเข้าไปในห้องนอนของเขา หญิงสาวถูกวางที่ห้องน้ำ จากนั้นชายหนุ่มก็ยื่นชุดคลุมสีขาวให้เธอได้เปลี่ยน“เรียบร้อยแล้วก็ออกมาคุยกับผม”ปารวีค่อยๆ ถอดชุดนอนที่เปียกชุ่มออกทั้งน้ำตา ไม่ได้อยากให้ตัวเองฟูมฟายต่อหน้าเขา ทว่าหัวใจที่ถูกความรู้สึกเสียใจบีบรัดจนปวดหนึบก็ยังคงทำให้น้ำตาของเธอไหลทะลักออกมาได้เรื่อยๆ อยู่ดีสาวเจ้าสวมชุดคลุมเรียบร้อยก็เดินออกมาจากห้องน้ำ เมื่อเห็นว่าใครยืนรออยู่หน้าห้องเธอก็รีบปาดน้ำตาก้มหน้างุดในทันที“ร้องให้ทำไม”สิ้นคำถามของชายหนุ่ม ก็เหมือนเป็นแรงบีบหัวใจของเธอให้ปวดหนึบหนักขึ้น แล้วเธอก็เริ่มที่จะกลั้นเสียงสะอื้นไม่ได้อีกต่อไป“ก็คุณ...คุณทำอะไรกั
ราเดนยังคงจ้องคนที่ยืนครุ่นคิดไม่วางตา เขาอยากจะรู้เหลือเกินว่าหญิงสาวจะตัดสินใจเรื่องนี้ยังไง“ค่ะ ฉันตกลง” เงยหน้าตอบอีกฝ่ายด้วยแววตาแน่วแน่“โอเค ชีวิตคู่ของเราจะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้ ผมจะพาคุณไปส่งที่ห้อง”“ค่ะ เอ่อ...”ราเดนที่กำลังเดินนำหญิงสาวหมายจะไปเปิดประตูห้อง ทว่าก็ต้องหันหลังกลับมาคุยกับปารวีอีกรอบ“มีอะไร”“ตอนที่เราลองคบกัน คุณจะไม่ยุ่งกับผู้หญิงคนอื่นใช่ไหมคะ”ราเดนยืนนิ่งครุ่นคิดและอยู่ในเงียบไปชั่วขณะ ทุกวินาทีที่มีแต่ความเงียบทำเอาหัวใจของปารวีเต้นแรงแทบจะกระเด็นออกมาข้างนอกเสียให้ได้ เขาจะรับปากเธอได้ไหม ขอแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวจริงๆ “ถ้าคุณหมายถึงว่าผู้หญิงขายบริการ ผมจะไม่ยุ่ง”“ค่ะ” ริมฝีปากบางพอจะคลี่ยิ้มออกอย่างโล่งใจ จากนั้นก็สาวเท้าตามคนตัวโตออกจากห้องนอนของเขาไป เมื่อครู่กลัวแทบแย่ว่าเขาจะเอ่ยคำตอบที่เธอไม่ต้องการ ทว่าเขาก็ยอมง่ายกว่าที่คิดเอาไว้ทางด้านมุขรินทร์ ตั้งแต่หนีออกมาจากพันธนาการของซีโวลอดได้เธอก็รีบวิ่งกลับเข้ามาในห้อง รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าล็อกกลอนประตูแน่นหนา ห่วงเพื่อนก็ห่วง ทว่าก็กลัวว่าออกไปจากห้องแล้วจะเจอกับซีโวลอดอีกแค่คำแนะนำตัวเองที่เข
“ก็เห็นมองตามหลังรถตลอดเลย”“อ๋อ...แค่ ใจหายนิดหน่อย ฉันไม่เคยอยู่ที่อื่นคนเดียวแบบไม่มีครอบครัว แล้วก็เพื่อนๆ มันเลยรู้สึกแปลกๆ”“ลืมอะไรไปรึเปล่า”ดวงตากลมโตเริ่มเบิกกว้าง ไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่ราเดนพูด มีเรื่องอะไรที่เธอลืมไปงั้นเหรอ“ตอนนี้คุณอยู่กับสามีของคุณ” ในเมื่อเธอมาถึงที่นี่แล้วบอกกับคนของเขาว่าเธอคือภรรยา ทั้งยังคิดว่าตัวเองมีสถานะนั้นกับเขาเสมอมา เขาจะเรียกว่าตัวเองเป็นสามีของเธอก็ไม่ผิดปารวีรีบหลบสายตาชายหนุ่มก่อนจะยืนก้มหน้างุด เธอยืนหันไปหันมาทำตัวไม่ค่อยถูก เพราะเพิ่งรู้สึกอายเรื่องที่สารภาพกับเขาเมื่อคืน ทั้งยังไปย้ำกับเขาว่าอย่าลืมว่าเธอเป็นเมีย ที่เธอกล้าพูดออกไปก็เพราะความโมโหหึงทั้งนั้น พอมาวันนี้ความหน้าบางดันกลับมาอีกแล้ว“เข้าบ้านกันเถอะ ผมจะพาคุณไปสำรวจที่นี่ให้ครบทุกซอกทุกมุม เพราะคุณต้องอยู่ที่นี่อีกนาน” พูดจบก็จูงมือคนตัวเล็กในชุดมินิเดรสแขนสั้นสีฟ้าเดินกลับเข้าไปในบ้านนั่งรถมาได้สักพักใหญ่ๆ มุขรินทร์ที่เอาแต่จับมือถือพิมพ์ข้อความรายงานความคืบหน้าของเรื่องที่นี่ให้เพื่อนๆ ได้รับรู้ เธอก็เริ่มเอะใจว่าการเดินทางไปสนามบินของเธอมันนานเกินไปจำได้ว่าเราเดนบอ
พอมองไปด้านซ้ายก็เห็นว่ามีกำแพงเหล็กตีปิดจนถึงเพดาน ด้านขวาเป็นมุมวางโซฟาสีเทาตัวใหญ่ ในห้องนี้สิ่งที่ทำให้เธอสนใจมากที่สุดก็เห็นว่าจะเป็นกำแพงเหล็กที่ตีสูงจนติดเพดาน ทำไมถึงมีกำแพงนี้อยู่แทบจะกึ่งกลางห้องกัน หรือว่ามันสามารถเปิดเข้าไปข้างในได้อีก“สนใจเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยถามคนที่กำลังจับจ้องไปยังกำแพงสูงด้วยท่าทางฉงนหนัก“เอ่อ...”ไม่ทันที่ปารวีจะได้ตอบปฏิเสธจบ เธอก็ยืนเบิกตาโพลงอ้าปากค้าง เพียงแค่ราเดนทาบฝ่ามือไปที่กลางกำแพงเหล็กสูง กำแพงเหล็กก็เริ่มเคลื่อนออกจากกึ่งกลาง เผยให้เห็นว่าด้านในมีอาวุธมากมายหลายขนาดวางเรียงรายอยู่เต็มแผง ราวกับให้ลูกค้าที่อยากได้อาวุธมาเลือกจิ้มได้ตามสบาย“เห็นแล้วใช่ไหม”ปารวีพยักหน้าหงึกๆ จากนั้นไม่กี่วีนาทีกำแพงเหล็กก็ปิดสนิทมิดชิดเช่นเดิม“เอ่อ...วันนี้คุณต้องทำงานรึเปล่าคะ ฉันไม่รบกวนคุณแล้วก็ได้” หญิงสาวละล่ำละลัก อาวุธพวกนั้นทำให้เธอมีความรู้สึกกลัวเข้ามาในใจพิกล เหมือนตัวเองอยู่ท่ามกลางยุคสงครามยังไงก็ไม่รู้ราเดนรีบเข้าไปรวบอุ้มช้อนก้นคนตัวเล็กที่กำลังเดินหลังให้มาวางเอาไว้บนโต๊ะทำงาน ก่อนจะโน้มตัวให้ใบหน้าของตัวเองเข้าไปใกล้กับใบหน้าของหญิงสาว “
“อ้าวพี่เร ไหนบอกว่าจะกลับพรุ่งนี้ไงคะ”“ธุระเสร็จไวพี่ก็เลยรีบกลับ ลูกๆ บ่นคิดถึงพี่บ้างรึเปล่า” ร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์สีดำเข้ามาสวมกอดพร้อมกอดหอมพวงแก้มนวลของคนเป็นภรรยาฟอดใหญ่“คนตามใจไม่อยู่ทั้งคนจะไม่บ่นถึงได้ยังไงล่ะคะ”“รู้สึกเหมือนกำลังโดนบ่นยังไงก็ไม่รู้”“แล้วทานอะไรมารึยังคะ”“เรียบร้อยครับ แล้วสิ่งที่อยากทานตอนนี้ก็คือเมีย” เขาช้อนก้นอุ้มคนตัวเล็กให้ขึ้นไปนั่งบนโต๊ะก่อนจะแทรกตัวกึ่งกลางขาเรียวทั้งสอง จากนั้นก็รวบใบหน้าหวานด้วยมือทั้งสองประคองบดจูบด้วยความโหยหาปารวียกแขนทั้งสองคล้องคอคนเป็นสามีอย่างรู้งานก่อนจะแลกลิ้นอุ่นนุ่มกับเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ใช่ว่าเขาโหยหาเธอเพียงฝ่ายเดียว เธอเองก็เฝ้าคิดถึงสัมผัสของเขาแทบทุกวินาทีที่ต้องห่างเช่นกันราเดนละมือจากใบหน้าหวานเลื่อนลงมาปลดกางเกงปลดปล่อยแท่งร้อนที่กำลังผงาดหัวปูดเป่งออกมาเผชิญโลกกว้างก่อนจะถลกชุดคลุมตัวบางจากหัวไหล่มนคนเป็นภรรยาให้ไปกองอยู่กับหน้าโต๊ะเมื่อคนตัวเล็กล่อนจ้อนเผยผิวเนื้อนวลเนียนชวนสัมผัสเขาก็วาดแขนประคองแผ่นหลังบางไล่พรมจูบตั้งแต่ลำคอระหงส์สูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆ ให้เต็มปอดจนมาบรรจบอยู่ที่เนินอกอวบ
วันเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนผันนานร่วมสามปีกว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปมากมายโดยเฉพาะชีวิตของปารวี จากก่อนหน้านี้เธอเป็นเพียงเจ้าของไร่ผูกรักริมธาร มีหน้าที่บริหารไร่ และต้อนรับนักท่องเที่ยวตอนนี้เธอกลายเป็นคุณแม่ลูกสองที่ทำหน้าที่ดูแลลูก และเป็นผู้บริหารรีสอร์ทยักษ์ใหญ่ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดไปแล้ว หลังจากที่เธอคืนดีกับราเดนได้ เขาก็เข้ามาพัฒนาไร่ของเธออย่างเต็มที่ ส่วนงานที่คลังอาวุธก็ยังคงบินไปดูแลอยู่บ่อยๆ แต่ส่วนใหญ่เขาก็จะใช้ชีวิตอยู่กับเธอที่ไร่ส่วนเพื่อนๆ ของเธอตอนี้ต่างคนต่างก็มีชีวิตเช่นที่ฝัน ไก่หวานเปิดธุรกิจร้านเสื้อผ้าของตัวเอง แล้วดูท่าทุกอย่างก็กำลังไปได้สวย ส่วนอารยาก็เป็นเภสัชอยู่ที่เดิม เพิ่มเติมคือร้านยาของเธอได้ขยายไปอีกสามสาขาส่วนมุขรินทร์ตอนนี้ก็เลิกทำงานเป็นบัญชีฟรีแลนซ์ แล้วเข้าไปช่วยสามีบริหารงานอยู่ที่รัสเซีย ใช่แล้ว ตอนนี้สองคนนั้นแต่งงานกันเรียบร้อย และตอนนี้ก็กำลังจะมีโซ่ทองคล้องใจออกมาลืมตาดูโลกแล้วด้วยส่วนสามภพก็กลายเป็นนักธุรกิจเต็มตัว ไหนจะดูแลไวน์ที่โรงบ่ม และยังเป็นนักขายตัวยงที่หาลูกค้าได้เก่งมากๆ จนราเดนไม่ต้องเข้าไปช่วยทำอะไรในส่วนของชวิน ต
ราเดนได้แต่ก้มหน้ากลืนน้ำลายอึกใหญ่ แม้จะเห็นว่าปารวีไม่ได้อยากจะเชียร์เขาสักนิด ทว่าเขาก็ยังอยากจะทำในสิ่งที่รับคำท้าชวิน วันนี้เขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า เขา หรือ ชวิน ที่จะเป็นผู้ชนะในการแข่งครั้งนี้พักใหญ่แล้วที่เสียงของท่อไอเสียรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ดังลั่นสนั่นไปทั้งสนาม บีบให้หัวใจของคนที่เฝ้ามองไม่ละสายตาได้เต้นแรงตามเสียงนั้นไปด้วยปารวีแทบจะหยุดหายใจเมื่อเห็นว่าราเดนแทบจะหลุดโค้งทุกครั้งที่เข้าโค้ง ทว่าชวินกลับขับรถในสนามได้อย่างชำนาญ แต่ก็ทิ้งห่างราเดนได้ไม่ไกลมากนัก“รอบสุดท้ายแล้ว ใครจะชนะล่ะเนี่ย”เสียงของไก่หวานยิ่งทำให้ปารวีใจเต้นไม่เป็นส่ำ เธอกลืนน้ำลายไม่ลงคอและจับจ้องไปยังรถของราเดนตาไม่กระพริบ ยอมรับกับหัวใจตัวเองเลยว่าตอนนี้เขาอยากให้เป็นราเดนที่เข้าเส้นชัยไม่ใช่ชวิน ทว่าเหมือนเธอจะมองไม่เห็นโอกาสนั้นเลยและในโค้งสุดท้ายก่อนจะเข้าเส้นชัย รถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่สองคันก็ได้ตีคู่กันมาติดๆ เล่นเอาคนที่เกาะขอบสนามแทบจะหยุดหายใจเพราะลุ้นไปตามๆ กัน ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น“อ๊าย...พี่เร!...” ปารวีร้องเสียงหลงเมื่อรถของราเดนพุ่งออกไปจากสนามแข่งแล้วไ
หวังว่าการยอมลงทุนเรียกคะแนนความสงสารจากคนตัวเล็กจะทำให้เธอกลับมาเป็นของเขาได้โดยเร็ว เขาจะได้ไม่ต้องมานั่งกังวลกับไอ้หนุ่มหน้าละอ่อนที่พยายามจะขโมยหัวใจของเขาไปเช้านี้ชวินเลือกที่จะไปเยี่ยมราเดนพร้อมกับทุกคน เพราะเมื่อคืนเขาเจอหลักฐานเด็ดที่ทำให้เห็นว่าการที่ราเดนต้องเข้าโรงพยาบาลมันไม่ใช่เหตุสุดวิสัย ทว่าเขาเชื่อว่าราเดนต้องการเรียกร้องความสนใจจากปารวีต่างหาก“ดีขึ้นแล้วใช่ไหมครับ”ทุกคนมองไปยังชวินกันเป็นตาเดียวที่เห็นเขาเข้าไปหาราเดนเป็นคนแรกทั้งที่ก็ไม่ค่อยจะชอบหน้ากันสักเท่าไร“อืม ก็ดีขึ้นมากแล้ว” ราเดนพยักหน้าน้อยๆ ตอบชวินเสียงห้วน ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมาไม้ไหนถึงได้แสดงออกว่าเป็นห่วงเป็นใยเขาก่อนทุกคน“เมื่อวานผมดูกล้องวงจรปิดแล้ว ผมเห็นว่าคุณเข้าไปเล่นกับลูกหมาตัวนั้นเอง ไม่ใช่ลูกหมาตัวนั้นวิ่งมาหาคุณ เรียกคะแนนสงสารจากลูกปลาสินะครับ” เมื่อเห็นว่าทุกคนอยู่กันครบ ชวินก็ไม่รีรอที่จะเผยธาตุแท้ของราเดน โดยเฉพาะปารวี เขาอยากให้เธอรู้ว่าราเดนกำลังล้อเล่นกับความรู้สึกของเธออีกแล้ว ดูสิว่าหากหญิงสาวรู้แล้วมันจะเป็นยังไง“จริงเหรอคะ” ปารวีมองจ้องคนตัวโตที่นั่งห้อยขาอยู่บนเตียงด้วยแววตาผิ
“ทำไมมาอยู่ตรงนี้ ไม่เข้าไปร่วมโต๊ะล่ะ”“ไม่ กลัวอดใจกระทืบคนไม่ได้”“หึ่...” ซีโวลอดขำพรืดกับคำตอบของเพื่อนรัก นับว่าไม่ผิดหวังกับคำตอบที่ออกมาจากปากของราเดน“ขำอะไรของนายนักหนา”“ก็ตั้งแต่คบกันมาฉันไม่เคยเห็นแกหึงผู้หญิงนี่หว่า เอาน่า... ฉันเชื่อว่าแกเอาลูกปลากลับคืนมาได้อยู่แล้ว แต่อย่าใจร้อนทำให้เธอโกรธอีก ห้ามบังคับ แต่ควรหัดใช้สมองให้เป็น”“พูดให้มันเข้าใจง่ายๆ หน่อยสิ” ราเดนเริ่มขมวดคิ้วระหว่างส่งเครื่องดื่มให้ซีโวลอด“เรื่องอื่นล่ะเก่งเหลือเกิน มาตกม้าตายเพราะเรื่องผู้หญิง” พูดจบก็ยกแก้วดื่มน้ำเมาสีสวยอึกใหญ่ ทั้งอมยิ้มน้อยๆ ให้เพื่อนที่ดูจะไร้เดียงสาเรื่องหัวใจ“ขอความเห็น ไม่ใช่ให้มาด่าฉัน”“ฉันว่ายังไงลูกปลาก็ยังหลงเหลือความรักให้นายอยู่ แค่ทำตัวน่าสงสารให้เธอเห็นใจนาย เดี๋ยวเธอก็ใจอ่อนกับนายเอง แต่ตอนนี้ห้ามทำอะไรให้เธอโกรธเด็ดขาดถึงจะหมั่นไส้หมอนั่นแค่ไหนก็ช่าง เข้าใจไหม”ราเดนนั่งเงียบ ดวงตาคมยังคงจับจ้องไปยังกลุ่มคนที่ร่วมโต๊ะดินเนอร์กันที่ริมชายหาด ไม่ค่อยชอบใจนักที่เห็นปารวีนั่งหัวร่อต่อกระซิกอยู่กับชวิน เพราะรอยยิ้มที่เธอให้ชวินมันควรจะเป็นของเขา เขาหลี่ตามากขึ้นเรื่
“ก็ฉันจะอยู่รีสอร์ทพี่โชน ทำไมคะ หรือจะบังคับเอาฉันไปขังที่อื่นอีก บอกเลยนะคะว่าให้ฉันเจ็บตัวมากกว่านี้เพื่อหนีไปจากคุณฉันก็ยอม” สาวเจ้าในชุดมินิเดรสคอบัวแขนสั้นสีชมพูนั่งกอดอกบุ้ยปาก ดวงตามีแต่ความแข็งกร้าว ทำเอาคนที่มองจ้องอยู่ต้องถอนหายใจอ่อน“จะให้พี่ทำยังไงถึงจะหายโกรธพี่” ว่าจะไม่พูดเรื่องนี้เขาก็อดไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายเริ่มที่จะประชดประชันเขาขึ้นมา“ก็แค่เซ็นใบหย่ากัน แล้วก็ต่างคนต่างอยู่ค่ะ”“ถ้าพี่บอกว่าจะยอมเซ็นใบหย่าให้ จะไปอยู่รีสอร์ทอื่นได้ไหม”“คุณมีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับฉันคะ”ราเดนยืนกัดฟันถอนหายใจและเงียบไปครู่หนึ่ง สุดท้ายเขาก็ต้องทำตามใจปารวี เมื่อเก็บของเรียบร้อยก็พาเธอไปที่รีสอร์ทของชวินเมื่อมาถึงเขาก็ต้องพยายามสงบอารมณ์ให้มากที่สุดเท่าที่เคยทำมา เพราะหลังจากชวินรู้ว่าปารวีกลับมาพักที่รีสอร์ทของตัวเองก็รับเดินทางจากบ้านมาหาภรรยาของเขาทันที แถมยังทำเหมือนเขาเป็นธาตุอากาศ พูดคุยกันอย่างออกรสทำเหมือนว่าเขาไม่ได้อยู่ด้วย จนเขาต้องเดินหนีมาหาที่สงบอารมณ์ดีที่เขารู้ว่าซีโวลอดกับมุขรินทร์ยังเที่ยวด้วยกันอยู่แถวนี้เลยได้โทรตามให้ทั้งสองมาที่นี่ อย่างน้อยเขาก็ยังมีซีโวลอดเป
ก๊อก ก๊อก ก๊อก สองสายตามองไปยังประตูห้องหลังจากได้ยินเสียงเคาะ ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นมุขรินทร์ก็เดินนำหน้าซีโวลอดเข้ามาข้างใน“แกเป็นไงบ้าง” หญิงสาวหน้าสวยในชุดเดรสกระโปรงยาวสีขาวเดินพุ่งตรงมายังเตียงคนป่วยทันที มุขรินทร์กวาดสายตามองบริเวณของของปารวีที่มีผ้าพันแผลพันเอาไว้จนหนาก็อดรู้สึกเจ็บแทนเพื่อนไม่ได้“ไม่เป็นไรมากแล้ว” ปารวีตอบกลับด้วยรอยยิ้ม ใจชื้นที่เห็นเพื่อนเธออยู่ตรงนี้ จะได้ถือโอกาสนี้ให้มุขรินทร์อยู่เฝ้าเธอเสียเลย“รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ” ซีโวลอดเขายื่นกระเป๋าที่เตรียมเสื้อผ้าเอาไว้ในนั้นให้กับราเดน“อืม” ราเดนรับของจากซีโวลอดได้ก็พุ่งตัวไปที่ห้องน้ำทันทีให้หลังราเดนไปได้ซีโวลอดก็หันมายิ้มให้ปารวี “แล้วต้องอยู่โรงพยาบาลอีกนานไหมครับ”“คุณเรบอกว่าประมาณอาทิตย์นึงค่ะ แล้วนี่คุณเรโทรให้มาเยี่ยมเหรอคะ”“เปล่าครับ ผมรู้เรื่องจากเรก็เลยรีบมา”“แล้วทำไมเพิร์ลมาด้วย หรือว่าทุกคนรู้เรื่องที่ฉันเจ็บตัวหมดแล้วคะ” ใบหน้าหวานซีดเซียวเริ่มมีสีหน้าของความกังวล เธอกลัวว่าพ่อกับแม่จะรู้เรื่องนี้ด้วย“เปล่าครับที่เพิร์ลมาด้วยเพราะผมไปหาเธอที่บ้านพอดี ตอนนี้คนอื่นๆ ยังไม่รู้เรื่อง
หลังจากซีโวลอดวางสายจากราเดนได้ มุขรินทร์ก็รู้ว่าสิ่งที่เธอคาดการณ์เอาไว้ไม่ผิด ตอนนี้ปารวีบาดเจ็บจนต้องนอนโรงพยาบาลเพราะต้องการหนีจากราเดน เธอจึงรีบเดินทางไปหาราเดนและปารวีพร้อมกับซีโวลอดในทันทีชวินบินจากภูเก็ตได้ก็ตรงมายังไร่ผูกรักริมธารเพราะคิดว่าปารวีจะอยู่ที่นี่ ทว่ามาถึงเขาก็ไม่เจอใคร เขาจึงขับรถเข้ามาหาสามภพที่ไร่สหายเสือ แล้วก็ได้รู้เรื่องที่น่าหงุดหงิดใจที่เพื่อนของเขากำลังร่วมหุ้นหับราเดนทำโรงบ่มไวน์โดยที่ไม่คิดจะปรึกษากับเขาสักคำ“แกกำลังจะทำโรงบ่มไวน์กับราเดนทำไมไม่บอกฉัน”“แล้วแกโมโหไรวะ” สามภพเท้าเอวขมวดคิ้ว มองเพื่อนตนด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความฉงน เพราะไม่รู้ว่าทำไมชวินถึงได้มาอารมณ์เสียกับเรื่องแค่นี้ เพราะไม่ช้าไม่นานเขาก็ต้องบอกให้ชวินรับรู้อยู่แล้ว“ฉันไม่ชอบหน้าหมอนั่น” ชวินสบถเสียงแข็ง“ฉันมองออกว่าแกคิดอะไรกับลูกปลา แต่ก็ไม่ควรพาลมาเรื่องงานของฉันนะโว้ย”“แกไม่รู้หรือไงว่าราเดนทำอะไรกับลูกปลาไว้ เค้าทำให้เธอเสียใจ หลอกเธอให้เธอจดทะเบียนด้วยแล้วก็หักหลังเธอจะไปแต่งงานกับคนอื่น” ชวินละล่ำละละลัก เรื่องไม่พอใจที่ราเดนได้ปารวีไปครอบครองเขายอมรับ ทว่าเขาก็ไม่อยากให้เ
ปารวีมองตามหลังคนตัวโตจนเขาเดินออกไปพ้นประตูจากนั้นเธอก็รีบเดินไปล็อคกลอนแน่นหนาก่อนจะสาวเท้ามาที่หน้าต่างเพื่อดูทางหนีทีไล่ เธอไม่ได้สนใจข้าวผัดกับกุ้งย่างตัวโตบนถาดอาหารแม้ท้องจะหิวแค่ไหน ตอนนี้เธออยากออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เท่านั้นคนตัวเล็กสูดหายใจก่อนจะปีนออกไปทางหน้าต่าง ดีที่บ้านหลังนี้ไม่สูงมากไม่เช่นนั้นเธอคงได้เจ็บตัวก่อนที่จะหนีไปหาคนอีกฝั่งของเกาะแน่นอนราเดนกลับมานั่งหน้าเศร้าที่เก้าอี้หน้าชานบ้าน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแทบจะผูกโบว์ ไม่ชอบเวลาที่เห็นปารวีเมินเฉยต่อตัวเองแม้แต่น้อย ทว่าก็ยังคิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรให้เธอได้ยอมเปิดใจให้อภัยไม่ทันที่จะได้คิดตก ความหูไวของเขาก็หูทำให้รู้สึกถึงสัญญาณไม่ดีบางอย่างที่ข้างบ้าน แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าห้องนอนใหญ่มีหน้าต่าง เขารีบสาวเท้าไปชะโงกหน้ามองตามเสียงกิ่งไม้หักก็เห็นหลังไวๆ ของปารวี ตอนนี้เธอวิ่งหนีเขาเข้าป่าไปแล้ว“ลูกปลา มันอันตราย” ราเดนตะโกนจนสุดเสียง เขาไม่น่าประมาทเธอเลย“อ๊าย...”ตะโกนยังไม่ทันขาดคำเสียงกรีดร้อง ของหญิงสาวก็ดังขึ้นเขาจึงรีบสาวเท้าสับวิ่งไปหาเธอทันที วิ่งตามได้ไม่กี่วินาทีเขาก็อยู่ชะงัก อ้าป