ต่อให้จะรวย จะสวย หรือจะแสนดีแค่ไหนก็ถูกชายหนุ่มปฏิเสธโดยไม่มีข้อยกเว้น และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนบอกว่าอยากทำความรู้จักกับเขา
“ไม่ให้จริงเหรอพี่ธาม คุณเขาสวยมากเลยนะ”
ธามไทเมินเฉยต่อเสียงของน้อยหน่า จับหูฟังอินเอียร์ใส่เข้าไปในหู แล้วหันไปให้สัญญาณเริ่มเพลงใหม่กับนักดนตรีอีกสองคนด้านหลัง ทำให้น้อยหน่าต้องล่าถอยกลับไปบอกข่าวกับเฮสเทียอย่างผิดหวัง
“เพลงนี้จะเป็นเพลงสุดท้ายของผมในค่ำคืนนี้ มอบให้กับคนที่รอคนในหัวใจของตัวเองอยู่นะครับ”
เสียงกรี๊ดกร๊าดดังขึ้นหลังจากชายหนุ่มพูดจบประโยค เขาหยิบเก้าอี้มานั่งกลางเวที ยกขาไขว่ห้างแล้ววางกีตาร์ตัวเก่งบนหน้าตัก
นิ้วเรียวสวยเกากีตาร์เป็นทำนองประสานกับเสียงคีย์บอร์ดของนักดนตรีอีกท่านหนึ่ง มองลงไปยังลูกค้าที่เริ่มโยกหัวไปตามทำนองเพลง
ริมฝีปากหนาขยับขับร้องเพลงอย่างไพเราะ เสียงของเขาสะกดให้ลูกค้าหญิงชายด้านล่างหยุดฟังแทบทุกโต๊ะ เช่นเดียวกับหญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งฟังอยู่ไกลๆ แม้ว่าตัวเธอนั้นจะถูกปฏิเสธมาหมาดๆ ก็ตาม
“ในวันนี้เหลือแค่เพียงตัวฉัน เมื่อถึงคราวต้องห่างกันไม่พอเจอ กลิ่นดอกไม้พลันล่องลอยจางหาย วอนสายลมช่วยพัดหวนกลับคืนมา…”
…
“…รักฝังตรึงใจในหัวใจยังห่วงหา คิดถึงเธอในทุกวันที่อ่อนล้า แม้ไกลจนสุดฟ้า ยังคงรอพบเธอ กลิ่นดอกไม้หอมเย้ายวน ชวนให้ใจยังใฝ่หา คิดคำนึงนานเท่าไรยิ่งสั่นไหว เมื่อเธอช่างห่างไกล กลัวจากลาหายไป ไม่กลับคืนมา”
ธามไทไม่ได้คิดสนใจผู้หญิงที่บอกว่าอยากรู้จักเขา แต่จุดที่นั่งอยู่กลับมองเห็นเธอได้ง่ายๆ วินาทีที่สบตากับเธอเหมือนเวลาหมุนช้าลง หัวใจของเขาสั่นไหวอย่างรุนแรง เกือบจะหลงลืมเนื้อเพลงไปแล้วเสียด้วยซ้ำ
แต่เขาก็ยังครองสติไว้ได้ เพียงแต่กำลังด่าทอตัวเองในใจว่า ‘กูพลาด…พลาดที่ปฏิเสธพี่สาวคนนั้น’
แม้ว่าจะไม่ได้เจอกันมานานเป็นสิบปี แต่ไม่เคยมีวินาทีไหนเลยที่เขาลืมใบหน้าสวยงามของเธอ และไม่คิดว่าจะได้พบเจอกันอีกครั้ง
ตลอดเวลาที่ขับร้องบทเพลงสุดท้ายของค่ำคืนนี้ สายตาของธามไทจดจ้องอยู่ที่เฮสเทียตลอดเวลา ไม่ว่อกแว่กมองผู้หญิงคนอื่นที่พยายามโบกไม้โบกมือให้กับเขาเลย
หลังจากการแสดงจบลง เขารีบเก็บกีตาร์ตัวโปรดใส่กระเป๋า แล้วตั้งท่าจะเดินลงจากเวทีอย่างรวดเร็ว นั่นก็เป็นเพราะว่าเฮสเทียกำลังเดินออกไปจากไนต์คลับ
“เฮ้ย! ไอ้ธามไม่เอาค่าจ้างเหรอวะ”
“เดี๋ยวกูมาเอาคราวหน้า” เขาตอบกลับไปเพียงเท่านั้น สับเท้าวิ่งตามพี่สาวคนนั้นออกมาด้านนอก แต่เพียงแวบเดียวเธอก็หายไปจากสายตาของเขาเสียแล้ว
ถือว่ายังเป็นโชคดีของเขาที่เธอยังไม่ได้กลับไป เพราะเธอยืนหลบมุมสูบบุหรี่อยู่ทางขวามือ แต่ทำเพียงเขามองเธออยู่ห่างๆ ไม่รู้ปอดแหกอะไรขึ้นมาถึงไม่กล้าเดินเข้าไปหาเธอสักที
เธอจะหาว่าเขากลับกลอกหรือไม่ที่ปฏิเสธเธอไปแล้ว แต่กลับเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาเธอเอง แต่ถ้าไม่เข้าไปพูดคุยกับเธอตอนนี้ อาจจะไม่มีโอกาสอีกแล้วก็ได้
ธามไทเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของเฮสเทีย แล้วเรียกเธอว่า “พี่ครับ”
“หือ?” คนถูกทักครางรับในลำคอเสียงแผ่ว พร้อมกับเงยหน้ามองใบหน้าหล่อเหลาเจ้าของเสียง โครงคิ้วเลิกขึ้นทันทีที่เห็นว่าเป็นเป้าหมายตัวเอง
“เอ่อ…เห็นน้อยหน่าบอกว่าพี่อยากรู้จักผม” ชายหนุ่มยกมือเกาหลังคอแก้เก้อ เบนสายตามองปลายจมูกเชิดรั้นแทนการสบตา เพราะดาเมจรุนแรงจากแววตาของเธอมันทำให้เขารู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง
“แต่ก็ปฏิเสธไปแล้วนี่”
“ขอโทษครับ ตอนนั้นผมโฟกัสกับงานอยู่”
เฮสเทียพยักหน้าเบาๆ “อ้อ แล้วนี่ตามพี่ออกมา?”
“ก็…ทำนองนั้นครับ”
“ตามออกมานี่รู้รึเปล่าว่าพี่ต้องการอะไร”
“พี่ต้องการอะไรล่ะครับ” เธอต้องการอะไรเขาไม่อาจรู้ได้ แต่ถ้าเป็นเธอเขาพร้อมจะตกลงทุกข้อเสนอ
“เราให้อะไรพี่ได้บ้างล่ะ”
“พี่ว่ามาก่อนสิครับ”
“เพื่อนกิน เพื่อนเที่ยว เพื่อนนอน…สนใจมั้ย” หญิงสาวยกยิ้มที่มุมปาก เมื่อเห็นแสงไฟสาดกระทบใบหน้าคมคายแล้วเห็นว่าใบหูของเขากำลังแดงระเรื่อ
“…สนใจครับ”
Cr.Song : กลิ่นดอกไม้ - Newery
“ไม่คิดก่อนเลยเหรอ”“ผมไม่อยากปฏิเสธพี่รอบที่สอง”“จริงๆ ก็ไม่เคยมีใครกล้าปฏิเสธพี่นะ”เรื่องนั้นธามไทเชื่อสนิทใจ ครั้งแรกที่เจอเธอว่าสวยมากแล้ว แต่ตอนนี้กลับทวีคูณความงดงามมากขึ้นไปอีกไม่รู้กี่เท่า เพราะแบบนี้เขาถึงไม่กล้าสบตากับเธอตรงๆ“โอ๊ย! ปล่อยฉันนะ”เสียงโวยวายของหญิงสาวคนหนึ่งทำให้เฮสเทียหันไปมองอย่างสงสัย มองตามหล่อนขณะถูกผู้ชายซึ่งมีอาการมึนเมากระชากลากบริเวณหน้าไนต์คลับ หากเป็นคนอื่นเฮสเทียคงชั่งใจในการช่วยเหลือ แต่ผู้หญิงคนนั้นดันเป็นพนักงานในไนต์คลับของเพื่อนสนิท เห็นหน้าค่าตากันอยู่บ่อยๆไว้เท่าความคิดเธอทิ้งบุหรี่ลงบนพื้น แล้วสับรองเท้าส้นสูงเดินเข้าไปหาสองคนนั้นทันทีหมับ!“ใครวะ!”“ถ้าเมาก็กลับไปนอน อย่ามาระรานคนอื่น” เธอเอ่ยผ่านน้ำเสียงเรียบนิ่ง กดข่มอีกฝ่ายโดยการจิกเล็บลงบนข้อมือของเขาอย่างแรง“คะ…คุณเฮสเทียช่วยหนูด้วย ฮึก! เขาพยายามลวนลามหนูตั้งแต่ในคลับแล้ว” เด็กสาวร้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนเจ้านายทั้งน้ำตา ร่างกายสั่นเทาจากความกลัวที่อยู่ในอก“ไม่รู้จักกันใช่มั้ย”“มะ…ไม่ค่ะ”เฮสเทียพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ แล้วจะหันไปพูดกับคนเมาอีกครั้ง “ปล่อยเด็กคนนี้ซะ”“มายุ่
ฝนห่าใหญ่โหมกระหน่ำกระทบร่างของเด็กชายวัยสิบสี่ปีจนเปียกปอน ขณะถูกกลุ่มวัยรุ่นขี้ยารุมทำร้ายเพื่อไถเงิน แม้ว่าจะพยายามปัดป้อง แต่ด้วยความที่เขาตัวเล็กและเด็กกว่าก็ไม่สามารถต่อต้านการกระทำแย่ๆ คนพวกนั้นได้ไม่แน่ใจว่าเพราะชุดที่เขาสวมใส่เป็นของมีราคาหรือเปล่า มันถึงได้พยายามกระชากมันออกไปแรงๆ แต่เด็กชายก็ปัดออก“กูบอกให้เอาเงินมา ไม่ได้ยินรึไงวะ!” “...” เขาเงยหน้าสบตากับวัยรุ่นตรงหน้าอย่างไม่เกรงกลัว ซ้ำการเงียบยิ่งทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจมากกว่าเดิม“เฮ้ย! มึงหูหนวกรึไง”“…”“มันไม่ได้หูหนวกหรอก กูว่ามันเข้าใจแต่มันกวนตีน” ชายคนที่สองบอกเพื่อนตัวเอง ก่อนจะเอื้อมมือไปจับคอของเด็กชาย “ถ้ามึงไม่อยากตายก็รีบเอาเงินมาจะดีกว่า หน้าตาดูเหมือนลูกคนรวยขนาดนี้ เสือกบอกว่าไม่มีเงินได้ไงวะ”“กูไม่ให้”ผลัวะ!ใบหน้าหล่อเหลาของเด็กชายถูกกำปั้นหนักเหวี่ยงเข้าใส่อย่างแรงจนสะบัด แต่กลับไม่ส่งเสียงร้องเจ็บปวดออกมาเลยสักนิด นั่นยิ่งทำให้กลุ่มวัยรุ่นไม่สบอารมณ์ถึงขั้นผลักเด็กชายล้มลงไปบนพื้น แล้วรุมประเคนฝ่าเท้าให้กับเขาไม่รู้ว่าโชคชะตาต้องการเล่นตลกกับเขาหรือว่าอย่างไร ทั้งๆ ที่หนีออกมาจากความอุบาทว์ แต่กล
—————ปัง~ประตูห้องทำงานถูกเปิดอย่างไร้มารยาทจนเกิดเสียงดังสนั่น ทำให้หญิงสาวซึ่งกำลังเก็บเอกสารสำคัญด้วยความเร่งรีบต้องหยุดการกระทำแล้วช้อนสายตาขึ้นมอง“ลืมพกมารยาทมาจากบ้านเหรอ”“ทำไมไม่รับสายผม” คนถูกแดกดันไม่ได้สะทกสะท้านกับคำพูดนั้นเลยสักนิด ซ้ำยังเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ“ฉันว่าเมื่อวานฉันพูดชัดเจนแล้วนะเดวิด”“ที่รัก...มันก็แค่เรื่องเล็กน้อย”“…” เฮสเทียเงียบ เลือกใช้สายตาเย็นเยือกมองมือหนาที่จับเอวของเธอก่อนจะเลื่อนขึ้นไปมองเจ้าของมือนั้น“คุณหึงผมแบบนี้ ผมโคตรดีใจเลยรู้มั้ย”“เอาอวัยวะส่วนไหนคิดถึงเข้าใจว่าฉันหึง?”“ถ้าคุณไม่หึงก็คงไม่บอกเลิกผมหรอกใช่มั้ย”เบื้องหน้า ‘เดวิด’ คือคนรักของเธอที่คบหากันมาเกือบสามปี แต่เบื้องหลังเขาก็เป็นแค่หมากตัวหนึ่งที่เฮสเทียเก็บไว้เพื่อหาผลประโยชน์ ตัวเขาก็ได้ผลประโยชน์จากการคบหากับเจ้าแม่อย่างเธอเช่นกัน แต่เฮสเทียไม่เคยรู้สึกพิเศษกับเขา และไม่เคยคิดจะเปิดใจให้กับผู้ชายคนนี้ แม้ว่าเขาจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อครอบครองเธอก็ตามทีหญิงสาวปัดมือหนาออกจากบั้นท้ายตัวเอง แล้วจึงพูด “อย่ามาแตะต้องตัวฉัน”“ไม่เอาน่าที่รัก” เดวิดพยายามรวบข้อมือเล็ก แล้
“ไปที่โต๊ะเหอะ ไอ้มาร์คมันโทรตามยิกๆ แล้ว”เฮสเทียชูโทรศัพท์ที่กำลังสั่นครืด เพราะสายเรียกของมาร์คัสให้เฟรย่าดูเป็นการจบบทสนทนานี้ ก่อนสองสาวเดินผ่านนักท่องราตรีขึ้นมายังชั้นสองของไนต์คลับด้วยกันกลุ่มเพื่อนสนิทของเธอประกอบไปด้วย มาร์คัส คาลิกซ์ วิเวียน เฟรย่า และไวซ์ แต่บางคนมีเหตุจำเป็นก็เลยมาไม่ได้ ตอนนี้จึงขาดไปบ้างบางคน“มาช้าฉิบหาย ฉันจะกลับแล้วเนี่ย”“ก็แค่นิดหน่อยเองป้ะ บ่นไรนักไอ้มาร์ค”“ฉันคิดถึงลูกกับเมีย”“ดื่มก่อนสักสองแก้วแล้วค่อยกลับ” เฮสเทียหย่อนสะโพกนั่งลงบนโซฟาเดี่ยว ขณะที่เฟรย่าซึ่งเดินมาด้วยกันปลีกตัวไปนั่งข้างคาลิกซ์เพราะสงสัยมาตั้งแต่แรกว่าทำไมวันนี้บรรยากาศในไนต์คลับถึงเปลี่ยนไปจึงเอ่ยถามต่อ “ทำไมวันนี้มีดนตรีสด?”“ดนตรีสดมีทุกวันอังคารกับพฤหัสฯ”“อ้อ แล้วนั่นนักร้องใหม่เหรอ”“ใหม่ที่นี่ แต่เก่าที่อื่น เพิ่งดึงตัวมา” เขาอยากเปลี่ยนระบบภายในไนต์คลับของตัวเองใหม่ จึงซื้อตัวนักร้องผู้ชายคนนั้นมาจากอีกร้านหนึ่ง แถมยังเป็นนักร้องที่ดังในหมู่นักท่องราตรีสาวๆ มากอีกด้วย “เธอไม่สังเกตเหรอว่าคืนนี้ลูกค้าผู้หญิงเยอะมาก”เฮสเทียเหลือบมองลงไปยังเวทีด้านล่าง “ก็ไม่แปลกใจ หล
“ไม่คิดก่อนเลยเหรอ”“ผมไม่อยากปฏิเสธพี่รอบที่สอง”“จริงๆ ก็ไม่เคยมีใครกล้าปฏิเสธพี่นะ”เรื่องนั้นธามไทเชื่อสนิทใจ ครั้งแรกที่เจอเธอว่าสวยมากแล้ว แต่ตอนนี้กลับทวีคูณความงดงามมากขึ้นไปอีกไม่รู้กี่เท่า เพราะแบบนี้เขาถึงไม่กล้าสบตากับเธอตรงๆ“โอ๊ย! ปล่อยฉันนะ”เสียงโวยวายของหญิงสาวคนหนึ่งทำให้เฮสเทียหันไปมองอย่างสงสัย มองตามหล่อนขณะถูกผู้ชายซึ่งมีอาการมึนเมากระชากลากบริเวณหน้าไนต์คลับ หากเป็นคนอื่นเฮสเทียคงชั่งใจในการช่วยเหลือ แต่ผู้หญิงคนนั้นดันเป็นพนักงานในไนต์คลับของเพื่อนสนิท เห็นหน้าค่าตากันอยู่บ่อยๆไว้เท่าความคิดเธอทิ้งบุหรี่ลงบนพื้น แล้วสับรองเท้าส้นสูงเดินเข้าไปหาสองคนนั้นทันทีหมับ!“ใครวะ!”“ถ้าเมาก็กลับไปนอน อย่ามาระรานคนอื่น” เธอเอ่ยผ่านน้ำเสียงเรียบนิ่ง กดข่มอีกฝ่ายโดยการจิกเล็บลงบนข้อมือของเขาอย่างแรง“คะ…คุณเฮสเทียช่วยหนูด้วย ฮึก! เขาพยายามลวนลามหนูตั้งแต่ในคลับแล้ว” เด็กสาวร้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนเจ้านายทั้งน้ำตา ร่างกายสั่นเทาจากความกลัวที่อยู่ในอก“ไม่รู้จักกันใช่มั้ย”“มะ…ไม่ค่ะ”เฮสเทียพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ แล้วจะหันไปพูดกับคนเมาอีกครั้ง “ปล่อยเด็กคนนี้ซะ”“มายุ่
ต่อให้จะรวย จะสวย หรือจะแสนดีแค่ไหนก็ถูกชายหนุ่มปฏิเสธโดยไม่มีข้อยกเว้น และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนบอกว่าอยากทำความรู้จักกับเขา“ไม่ให้จริงเหรอพี่ธาม คุณเขาสวยมากเลยนะ”ธามไทเมินเฉยต่อเสียงของน้อยหน่า จับหูฟังอินเอียร์ใส่เข้าไปในหู แล้วหันไปให้สัญญาณเริ่มเพลงใหม่กับนักดนตรีอีกสองคนด้านหลัง ทำให้น้อยหน่าต้องล่าถอยกลับไปบอกข่าวกับเฮสเทียอย่างผิดหวัง“เพลงนี้จะเป็นเพลงสุดท้ายของผมในค่ำคืนนี้ มอบให้กับคนที่รอคนในหัวใจของตัวเองอยู่นะครับ”เสียงกรี๊ดกร๊าดดังขึ้นหลังจากชายหนุ่มพูดจบประโยค เขาหยิบเก้าอี้มานั่งกลางเวที ยกขาไขว่ห้างแล้ววางกีตาร์ตัวเก่งบนหน้าตักนิ้วเรียวสวยเกากีตาร์เป็นทำนองประสานกับเสียงคีย์บอร์ดของนักดนตรีอีกท่านหนึ่ง มองลงไปยังลูกค้าที่เริ่มโยกหัวไปตามทำนองเพลงริมฝีปากหนาขยับขับร้องเพลงอย่างไพเราะ เสียงของเขาสะกดให้ลูกค้าหญิงชายด้านล่างหยุดฟังแทบทุกโต๊ะ เช่นเดียวกับหญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งฟังอยู่ไกลๆ แม้ว่าตัวเธอนั้นจะถูกปฏิเสธมาหมาดๆ ก็ตาม“ในวันนี้เหลือแค่เพียงตัวฉัน เมื่อถึงคราวต้องห่างกันไม่พอเจอ กลิ่นดอกไม้พลันล่องลอยจางหาย วอนสายลมช่วยพัดหวนกลับคืนมา…” …“…รักฝังตรึงใจใ
“ไปที่โต๊ะเหอะ ไอ้มาร์คมันโทรตามยิกๆ แล้ว”เฮสเทียชูโทรศัพท์ที่กำลังสั่นครืด เพราะสายเรียกของมาร์คัสให้เฟรย่าดูเป็นการจบบทสนทนานี้ ก่อนสองสาวเดินผ่านนักท่องราตรีขึ้นมายังชั้นสองของไนต์คลับด้วยกันกลุ่มเพื่อนสนิทของเธอประกอบไปด้วย มาร์คัส คาลิกซ์ วิเวียน เฟรย่า และไวซ์ แต่บางคนมีเหตุจำเป็นก็เลยมาไม่ได้ ตอนนี้จึงขาดไปบ้างบางคน“มาช้าฉิบหาย ฉันจะกลับแล้วเนี่ย”“ก็แค่นิดหน่อยเองป้ะ บ่นไรนักไอ้มาร์ค”“ฉันคิดถึงลูกกับเมีย”“ดื่มก่อนสักสองแก้วแล้วค่อยกลับ” เฮสเทียหย่อนสะโพกนั่งลงบนโซฟาเดี่ยว ขณะที่เฟรย่าซึ่งเดินมาด้วยกันปลีกตัวไปนั่งข้างคาลิกซ์เพราะสงสัยมาตั้งแต่แรกว่าทำไมวันนี้บรรยากาศในไนต์คลับถึงเปลี่ยนไปจึงเอ่ยถามต่อ “ทำไมวันนี้มีดนตรีสด?”“ดนตรีสดมีทุกวันอังคารกับพฤหัสฯ”“อ้อ แล้วนั่นนักร้องใหม่เหรอ”“ใหม่ที่นี่ แต่เก่าที่อื่น เพิ่งดึงตัวมา” เขาอยากเปลี่ยนระบบภายในไนต์คลับของตัวเองใหม่ จึงซื้อตัวนักร้องผู้ชายคนนั้นมาจากอีกร้านหนึ่ง แถมยังเป็นนักร้องที่ดังในหมู่นักท่องราตรีสาวๆ มากอีกด้วย “เธอไม่สังเกตเหรอว่าคืนนี้ลูกค้าผู้หญิงเยอะมาก”เฮสเทียเหลือบมองลงไปยังเวทีด้านล่าง “ก็ไม่แปลกใจ หล
—————ปัง~ประตูห้องทำงานถูกเปิดอย่างไร้มารยาทจนเกิดเสียงดังสนั่น ทำให้หญิงสาวซึ่งกำลังเก็บเอกสารสำคัญด้วยความเร่งรีบต้องหยุดการกระทำแล้วช้อนสายตาขึ้นมอง“ลืมพกมารยาทมาจากบ้านเหรอ”“ทำไมไม่รับสายผม” คนถูกแดกดันไม่ได้สะทกสะท้านกับคำพูดนั้นเลยสักนิด ซ้ำยังเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ“ฉันว่าเมื่อวานฉันพูดชัดเจนแล้วนะเดวิด”“ที่รัก...มันก็แค่เรื่องเล็กน้อย”“…” เฮสเทียเงียบ เลือกใช้สายตาเย็นเยือกมองมือหนาที่จับเอวของเธอก่อนจะเลื่อนขึ้นไปมองเจ้าของมือนั้น“คุณหึงผมแบบนี้ ผมโคตรดีใจเลยรู้มั้ย”“เอาอวัยวะส่วนไหนคิดถึงเข้าใจว่าฉันหึง?”“ถ้าคุณไม่หึงก็คงไม่บอกเลิกผมหรอกใช่มั้ย”เบื้องหน้า ‘เดวิด’ คือคนรักของเธอที่คบหากันมาเกือบสามปี แต่เบื้องหลังเขาก็เป็นแค่หมากตัวหนึ่งที่เฮสเทียเก็บไว้เพื่อหาผลประโยชน์ ตัวเขาก็ได้ผลประโยชน์จากการคบหากับเจ้าแม่อย่างเธอเช่นกัน แต่เฮสเทียไม่เคยรู้สึกพิเศษกับเขา และไม่เคยคิดจะเปิดใจให้กับผู้ชายคนนี้ แม้ว่าเขาจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อครอบครองเธอก็ตามทีหญิงสาวปัดมือหนาออกจากบั้นท้ายตัวเอง แล้วจึงพูด “อย่ามาแตะต้องตัวฉัน”“ไม่เอาน่าที่รัก” เดวิดพยายามรวบข้อมือเล็ก แล้
ฝนห่าใหญ่โหมกระหน่ำกระทบร่างของเด็กชายวัยสิบสี่ปีจนเปียกปอน ขณะถูกกลุ่มวัยรุ่นขี้ยารุมทำร้ายเพื่อไถเงิน แม้ว่าจะพยายามปัดป้อง แต่ด้วยความที่เขาตัวเล็กและเด็กกว่าก็ไม่สามารถต่อต้านการกระทำแย่ๆ คนพวกนั้นได้ไม่แน่ใจว่าเพราะชุดที่เขาสวมใส่เป็นของมีราคาหรือเปล่า มันถึงได้พยายามกระชากมันออกไปแรงๆ แต่เด็กชายก็ปัดออก“กูบอกให้เอาเงินมา ไม่ได้ยินรึไงวะ!” “...” เขาเงยหน้าสบตากับวัยรุ่นตรงหน้าอย่างไม่เกรงกลัว ซ้ำการเงียบยิ่งทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจมากกว่าเดิม“เฮ้ย! มึงหูหนวกรึไง”“…”“มันไม่ได้หูหนวกหรอก กูว่ามันเข้าใจแต่มันกวนตีน” ชายคนที่สองบอกเพื่อนตัวเอง ก่อนจะเอื้อมมือไปจับคอของเด็กชาย “ถ้ามึงไม่อยากตายก็รีบเอาเงินมาจะดีกว่า หน้าตาดูเหมือนลูกคนรวยขนาดนี้ เสือกบอกว่าไม่มีเงินได้ไงวะ”“กูไม่ให้”ผลัวะ!ใบหน้าหล่อเหลาของเด็กชายถูกกำปั้นหนักเหวี่ยงเข้าใส่อย่างแรงจนสะบัด แต่กลับไม่ส่งเสียงร้องเจ็บปวดออกมาเลยสักนิด นั่นยิ่งทำให้กลุ่มวัยรุ่นไม่สบอารมณ์ถึงขั้นผลักเด็กชายล้มลงไปบนพื้น แล้วรุมประเคนฝ่าเท้าให้กับเขาไม่รู้ว่าโชคชะตาต้องการเล่นตลกกับเขาหรือว่าอย่างไร ทั้งๆ ที่หนีออกมาจากความอุบาทว์ แต่กล