“นาย...”
เธอพูดสั้นๆ แล้วพยายามนึกว่าจะพูดอะไร จึงขมวดคิ้วมุ่น เพียงชั่วเวลาแวบเดียวที่ได้เห็นหน้าพริษฐ์ก็ราวกับสมองว่างเปล่าชั่วขณะ เคยรู้สึกเหมือนกันว่าเจ้านายของตนดูคล้ายใครสักคน มายืนข้างพริษฐ์แบบนี้ก็กระจ่างแจ้ง
“วินรู้จักญาดาเหรอ”
เป็นพศินที่ถามคนข้างตัว เจ้าตัวก็ตอบแบบไม่เสียเวลาคิดใดๆ
“เพื่อนสมัยมหา’ ลัยน่ะครับ”
จากนั้นก็หันมายกยิ้มมุมปากแล้วทักญาดาอย่างจริงจัง ทว่าน้ำเสียงกลับเป็นในเชิงล้อ
“ไงพริก ไม่เจอกันนาน ไม่โตขึ้นเลยนะ”
พริษฐ์กวาดมองสาวตัวเล็กผมสั้นพอดีช่วงบ่าที่รวบไว้ลวกๆ เผยดวงหน้าใส กับเสื้อยืดแขนสั้น กางเกงขาสั้น ดูสบายๆ กลับยิ่งทำให้อีกฝ่ายดูเหมือนสาวน้อยอายุสักยี่สิบปีแล้วอดยิ้มกว้างไม่ได้ ทว่าเจ้าของดวงตากลมโตกลับมีสีหน้ามึนงงจ้องเขาด้วยแววตาเคลือบแคลงราวสงสัย ไม่สนใจคำแซวของเขาแม้แต่น้อย ชายหนุ่มจึงยักไหล่แล้วเหลือบมองหนุ่มอีกคนที่ขยับมายืนใกล้ๆ หญิงสาวด้วยความสนใจ สายตาหมอนั่นมองเขาในแบบที่ผู้ชายด้วยกันเห็นแล้วดูออกในทันที
หวงก้าง...
“พี่พริกจะไปหาอะไรกินใช่ไหม เอานี่ไปสิ ซื้อมาเผื่อ จำได้ว่าพี่ชอบก๋วยเตี๋ยวต้มยำเจ้านี้”
ภาสกรยื่นถุงก๋วยเตี๋ยวมาให้ ด้วยความที่มัวครุ่นคิดบางอย่างอยู่ญาดาจึงรับมาโดยไม่ปฏิเสธเพราะเธอตั้งใจจะลงไปซื้ออยู่พอดี
“ขอบใจ เดี๋ยวให้ตังค์นะ”
“เอาไปเถอะพี่ สลับกันจ่ายบ่อยไป”
ชายหนุ่มเอ่ยถึงความสนิทสนมอย่างชัดเจน ราวกับต้องการบอกเล่าลอยๆ แล้วหันไปทางเจ้านายหนุ่ม
“คุณพศินจะลงไปหาอะไรกินใช่ไหมครับ แนะนำก๋วยเตี๋ยวร้านแรกขวามือหน้าคอนโดนะครับ ต้มยำแซบจริง”
ภาสกรบอก เขาไม่คิดว่าเจ้านายจะให้ความเป็นกันเองกับตนเองหรอก ทว่าก็ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวอีกฝ่ายจนต้องเว้นระยะห่าง และวันนี้ก็เป็นวันหยุด แค่ไม่ปีนเกลียวก็คงไม่น่าเกลียดอะไรหากเขาจะคุยกับอีกฝ่ายเช่นนี้
“อืม น่าสนใจ ว่าไงล่ะวิน”
“อะไรก็ได้พี่ ตอนนี้หิวจนกินช้างได้ทั้งตัวแล้ว”
คนเป็นน้องชายตอบพี่ชายจึงหัวเราะเบาๆ แล้วพยักหน้ารับรู้
“งั้นจะลองไปร้านที่คุณบอกแล้วกัน ผมไปล่ะ ญาดา แล้วก็...ภาสกร”
ใช้เวลาคิดชื่อพนักงานหนุ่มเล็กน้อยพศินก็เอ่ยได้ถูกต้อง ด้วยความที่อีกฝ่ายเข้ามาทำงานยังไม่นาน หากเขาก็พอจำหน้าได้เพราะถือว่ามีผลงานเด่นและได้รับการพูดถึงจากพนิดาบ่อยครั้ง
พริษฐ์เดินล้วงกระเป๋าตามพี่ชายด้วยท่าทางสบายๆ โดยไม่ได้หันมองเพื่อนสมัยเรียนของตนซ้ำ
ทว่าคนที่มองตามเขากลับเป็นญาดา เพราะระดับหน้าของเธอพอดีกับช่วงแผงอกหนาของอีกฝ่ายทำให้หญิงสาวยิ่งขมวดคิ้วจนยุ่ง จะว่าไปแล้ว ความสูงของผู้ชายทั้งสามคนก็แทบจะไม่แตกต่างกันเลย แต่โทนเสียงพูดเลือนรางเมื่อคืนใกล้เคียงกับพศินและพริษฐ์จนน่าหวั่นใจ
หากสายตาของสองหนุ่มกลับไร้แววใดๆ เจ้านายของเธอออกจะเหมือนสงสารด้วยซ้ำ หรืออาจเป็นสมเพชเพราะเธอทำอะไรแปลกๆ กับเขาแล้วชายหนุ่มก็พาเธอไปส่งกุลนารีโดยไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็อาจเป็นได้ จากนั้นเพื่อนสาวอาจมาส่งเธอ
ทว่าทฤษฎีนี้ตกไปเพราะมีเนกไทผู้ชายในห้องของเธอ
ส่วนพริษฐ์เขาทำหน้าเหมือนเพิ่งเห็นเธอวันนี้ ญาดาไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายไปร่วมงานแต่งของเชนทร์หรือไม่ เพื่อนและรุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยไปหลายคนก็จริง แต่เธอเองก็ไม่ได้เห็นหรือทักทายครบทุกคน
โอ๊ย...ยิ่งคิดยิ่งเครียด
ใบหน้าของญาดาทั้งหงุดหงิดและเคร่งเครียดจนคนที่มองอยู่อดที่จะแตะไหล่เบาๆ ด้วยความเกรงใจไม่ได้
“หิวเหรอพี่”
เมื่อรู้สึกตัวและหันมองคนใกล้ตัวก็เห็นอกกว้างกับต้นแขนกำยำ หญิงสาวจึงถอยห่างเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อขาวของภาสกรอย่างอดสงสัยไม่ได้ แต่เธอไม่อยากชี้โพรงให้กระรอก ไม่อยากถามว่าเขาเป็นคนมาส่งเธอหรือเปล่า กลัวจะเข้าทาง กลัวว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นหมอนี่
คิดแล้วก็อดไม่ได้ที่จะแอบสังเกตปากได้รูปของชายหนุ่ม ซึ่งเขาก็ขยับหน้าต่ำลงมาจ้องตาเธอใกล้ๆ ทำเอาญาดาถึงกับผงะ
“มองอะไรพี่ ถามก็ไม่ตอบ”
ตากลมโตกะพริบถี่แล้วส่ายหน้า
“ไม่มีอะไร แค่...เอ่อ...จะบอกว่าเหมือนมีอะไรติดฟันนายน่ะ”
พูดแล้วก็รีบเปิดประตูห้องตัวเอง ก่อนจะชูถุงก๋วยเตี๋ยวเล็กน้อย
“ไปกินล่ะนะ”
จากนั้นก็รีบเผ่นเข้าไปข้างในแล้วปิดประตูทันที
ภาสกรมองประตูห้องของสาวรุ่นพี่นิ่งราวกับเห็นทะลุเข้าไปภายในก่อนจะยกยิ้มมุมปาก ก็เพราะอีกฝ่ายทำตัวน่ารักแบบนี้จะให้เขามองว่าเธอเป็นหัวหน้าได้ยังไง
เจ้าของร่างเล็กนั่งกินก๋วยเตี๋ยวอย่างใจลอยทั้งที่เป็นเจ้าโปรดของตัวเอง เธอไม่ได้อยากหรือฟื้นความทรงจำนั้นเลย อยากให้เป็นเพียงความฝันด้วยซ้ำแต่กลับจำสัมผัสจากปากกับปลายลิ้นอุ่นได้ชัดในความรู้สึก ญาดากังวลก็คือใครบางคนที่เธอทำเรื่องน่าอายกับเขาจะเอ่ยถึงมันขึ้นมา นี่คือเหตุผลที่ทำให้เธอหวาดระแวง
หวังว่าเรื่องน่าขายหน้านี้จะเงียบหายไปเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยด้วยเถิด
มือถือที่วางอยู่ใกล้ๆ สั่นขึ้นมาญาดาจึงเหลือบมองแล้วหยิบมาดู
‘วันจันทร์นี้คงเครียดน่าดู’
หญิงสาวขมวดคิ้วหลังอ่านข้อความที่กุลนารีส่งมา เธอลืมสนใจเรื่องนี้เพราะมัวแต่คิดมากกับเรื่องของตัวเอง
‘เข้าประชุมก็แอบมากระซิบกันบ้างนะ’
เธอพิมพ์ตอบไป แล้วอีกฝ่ายก็ส่งสติ๊กเกอร์ท่าทางลำบากใจกลับมา ญาดาจึงยิ้มบาง จะว่าไปแล้ว เพื่อนสนิทดูไม่ห่วงใยถามไถ่ทั้งที่ก็รู้ว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาเธอเมามากกว่าปกติ ก็ทำให้ญาดานึกฉงนใจเช่นกัน ทว่าเมื่อสังเกตข้อความเมื่อคืนที่ผ่านมาเห็นว่าตนคุยกับเพื่อนแล้วก็ต้องตาโต
กุลนารีทั้งส่งข้อความและโทรหาเธอผ่านแอปฟรี และเธอก็รับสายอีกฝ่ายด้วย เพราะมีเวลาที่คุยกันระบุอยู่ นั่นเท่ากับว่าเธอคุยกับเพื่อนสนิทไปแล้วแต่ญาดาจำไม่ได้แม้แต่น้อยว่าคุยอะไรไปบ้าง
หรือเธอควรจะถามกุลนารี อีกฝ่ายน่าจะรู้ว่าเธอกลับคอนโดยังไงในเมื่อทั้งสองโทรคุยกัน แถมเพื่อนยังไม่เป็นห่วงเธออีกด้วย ก็เธอเมานี่นา ถามไปคงไม่แปลก
‘แก้ม เมื่อคืนพริกกลับยังไงอะ’
ญาดาตัดสินใจพิมพ์ในที่สุด
‘จำไม่ได้เหรอ’
‘อืม’
‘เห็นบอกว่ากลับกับเพื่อนสมัยเรียน ไว้ใจได้’
กุลนารีพิมพ์ตอบกลับมา ตามด้วยสติ๊กเกอร์ที่มีเครื่องหมายคำถาม
‘นี่อย่าบอกนะ ว่าจำไม่ได้ว่ากลับกับใครน่ะ’
อีกฝ่ายถามต่อ ทว่าญาดาอึ้งไปตั้งแต่เห็นคำว่า ‘เพื่อนสมัยเรียน’ แล้ว นี่เธอยังเจอใครคนอื่นอีกหรือ? แถมยังให้เขาเข้ามาถึงในห้องด้วย
เธอส่งกลับไปเพียงสติ๊กเกอร์เกาหัว ทำเอากุลนารีส่งตัวอักษรภาษาอังกฤษกลับมา
‘OMG!!’
‘ตายแล้วพริก ตกลงนี่เธอปลอดภัยดีหรือเปล่าเนี่ย’
เพื่อนสาวส่งข้อความมาติดกันในทันที ขณะที่คนอ่านได้แต่ทำหน้าแหย แล้วพิมพ์ตอบอย่างมึนๆ
‘อืม พริกโอเค’
แน่นอนว่าเธอไม่โอเคเลยสักนิด แต่จะทำอะไรได้ในเมื่อนึกไม่ออกจริงๆ ว่าตัวเองดันไปจูบกับใครเข้า ทว่าที่ญาดายังปลอบใจตัวเองได้ในตอนนี้ก็คือ เธอมั่นใจว่าเสียไปแค่จูบ!
=====
เสียแค่จูบจริงๆ แน่นะ? ^-^
ติดตามข่าวสารนิยายเรื่องใหม่ เมาท์ เมนต์ นะจ๊ะ
เพราะอาการแฮงค์ไม่ค่อยดีขึ้นเท่าไร บวกกับความไม่สบายใจที่ยังเกาะกิน ญาดาจึงใช้เวลานอนแทบทั้งวันในวันเสาร์โดยไม่ออกไปไหนอีกกระทั่งเช้าวันถัดมาร่างบางในชุดกางเกงวอร์มขายาวเสื้อยืดยืนรอคิวน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ โดยมีถุงโจ๊กหิ้วอยู่ในมือด้วย แล้วอยู่ๆ ก็มีใครคนหนึ่งขยับมาใกล้พร้อมกระซิบเบาๆ“นี่ ฝากเพิ่มปาท่องโก๋สามตัวกับน้ำเต้าหู้อีกถุงสิ”ญาดาขยับตัวถอยเล็กน้อยแล้วพอเห็นว่าเป็นใครก็พูดขึ้นเสียงเบาเช่นกันเพราะไม่อยากให้คนรอบๆ หันมาสนใจ“สั่งเองสิ”“เราจะไปซื้อโจ๊ก”“แล้วไง”“ฝากหน่อยนะ”อีกฝ่ายบอก พลางจับมือข้างที่ว่างของเธอขึ้นมายัดแบงค์ยี่สิบใส่ แล้วก็วางมือบนไหล่บางตบลงเบาๆ ราวฝากฝังพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะผละไป ไม่สนใจแม้เธอจะเรียกซ้ำ“เดี๋ยวสินายวิน”เธอไม่อยากทำตัวให้เป็นจุดสนใจนักจึงไม่กล้าเรียกเขาเสียงดัง เพราะรับรู้ได้จากกระแสของคนที่อยู่ใกล้ๆ ว่ามีการเหล่มอง ซึ่งบางคนอาจไม่พอใจกับการที่เพื่อนที่มาทีหลังฝากเธอซื้อก็เป็นได้ เท่ากับคนที่มาหลังเธอต้องเสียเวลารอเพิ่มอีกหน่อยกับการเตรียมของให้เธอ แม้จะไม่นานนักทว่ามันก็น่าเกรงใจอยู่ไม่น้อยหญิงสาวได้แต่เข่นเขี้ยวคนที่ฝากตนซื้อของอยู่ในใจ
“พริกก็รู้ว่าเราไม่อันตรายกับพริก”คนฟังเม้มปาก เธอรู้ว่าสิ่งที่พูดไปทำให้อีกฝ่ายเสียความรู้สึกไม่น้อย เพราะเธอเรียกเขาแบบนี้เมื่อไร พริษฐ์จะหน้าเสียทุกที และพยายามยืนยันคำพูดเดิมๆ เหมือนเช่นตอนนี้ไม่ใช่ไม่รู้ ว่าพริษฐ์เห็นเธอเป็นเพื่อนจริงๆ แต่ลึกในใจญาดายอมรับว่าเธอกลัวชายหนุ่มหน่อยๆ หากก็ไม่เคยพูดให้เขารู้ ทว่าเวลาอีกฝ่ายเข้าใกล้ปฏิกิริยาของเธอจะค่อนข้างชัดเจนคือรีบถอยห่าง จนชายหนุ่มยังเคยแซวว่า เธอคงเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ถอยหนีเขาแต่สิ่งที่ทำให้เธอยังพูดคุยกับพริษฐ์ ไม่ตัดความสัมพันธ์ฉันเพื่อนไปก็เพราะคำพูดของเขาในช่วงแรกที่เพิ่งรู้ว่าเข้าชมรมเดียวกัน‘คงมีแค่พริกที่เรานั่งกินข้าวด้วยได้แบบสบายใจ’การอยู่ชมรมเดียวกัน ทำให้พูดคุยเรื่องถ่ายภาพที่ชอบเหมือนกันได้ถูกคอ แล้วก็เป็นชายหนุ่มเองที่มักจะเข้ามาชวนเธอคุยเวลากินข้าวกลางวันก่อนเข้าชมรมด้วยกัน‘ทำไม’ในตอนนั้นเธอถามไปอย่างนั้นเอง เพราะกำลังอร่อยกับอาหารตรงหน้ามากกว่า‘ก็คนอื่นกินไปทำตาหวานใส่ไป บางคนชวนคุยเรื่องบนเตียง บางคนกินไปลูบต้นขาเราไป กินไม่อิ่มสักที’ญาดาจำได้ว่าเธอเงยหน้าขึ้นสบตาคู่คมสีดำขลับอึ้งๆ ขณะที่อีกฝ่ายยิ้มให้อ
บนรถทัวร์ที่กำลังเคลื่อนออกจากมหาวิทยาลัย ญาดานั่งข้างฝ้ายเพื่อนผู้หญิงที่อยู่คนละคณะทว่ามาทำความรู้จักกันในชมรม หากก็สนิทกันพอสมควร สองสาวหันมองหน้ากันทันทีและขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเพลงที่รุ่นพี่ร้องประสานเสียงขึ้น“เสร็จล่ะมึงคราวนี้เสร็จล่ะมึง อยู่บ้านดีๆ ไม่ชอบ อยู่บ้านดีๆ ไม่ชอบ เสือกมารับน้องคราวนี้เสร็จล่ะมึง”รุ่นพี่พร้อมใจกันร้องวนอยู่ครู่ใหญ่ เพื่อนของเธอกลืนน้ำลาย ทว่าก็ไม่ได้พูดอะไร ญาดาคิดว่าอีกฝ่ายคิดเหมือนเธอก็คือ เพลงดูเป็นลางไม่ค่อยดีเท่าไรแน่นอนว่าเธอกำลังจะไปรับน้องกับชมรมที่ต่างจังหวัด แม้จะมีรับน้องภายในคณะไปแล้ว ทว่าชมรมก็มีการรับน้องด้วย ซึ่งรุ่นพี่บอกว่าเป็นการทำกิจกรรมสานสัมพันธ์พี่น้องในชมรมสนุกๆ กับได้ถ่ายรูปธรรมชาติตามสไตล์ชมรมถ่ายภาพ รุ่นน้องจึงต่างก็อยากเข้าร่วมเพราะอยากแสดงฝีมือและเหมือนได้ไปเที่ยวกลายๆมาถึงที่พักแห่งหนึ่งบริเวณแก่งกระจาน เพียงแค่รถจอดก็ได้ยินเสียงประกาศจากโทรโข่งดังขึ้นทันที“ลงมาเลยน้องๆ ลงมาเลย เข้าแถวตอนเรียงหนึ่ง ชายสามแถว หญิงสองแถว ให้ไวเลยน้องให้ไว”ญาดากับเพื่อนรีบขยับตัวทันทีเมื่อคนอื่นต่างก็ลุกพรวดแล้วมุ่งหน้าไปยังประตูรถตามๆ กั
ช่วงกลางคืนแบ่งกลุ่มใหม่โชว์ความสามารถและเล่นเกม เป็นการสันทนาการสนุกๆ และความร่วมมือร่วมใจกันในทีม แม้จะไม่รู้จักกันมากนักหากเพื่อนในกลุ่มของญาดาก็ให้ความร่วมมือกันดีจนได้อันดับที่หนึ่งมา รางวัลเป็นของที่ระลึกจากรุ่นพี่ ซึ่งเธอได้ของจากเชนทร์“อย่าเพิ่งเปิดดูนะน้อง เดี๋ยวตกใจ”อีกฝ่ายบอกพร้อมยิ้มกว้างญาดาได้แต่ทำหน้ามึนงง เขาใส่มาในซองขนาดโปสการ์ด เธอจึงยังไม่ดูตามที่ชายหนุ่มบอกต่อมาเป็นการบายศรีผูกข้อมือรับน้องซึ่งนั่งกันเป็นวงกลม ญาดานั่งติดกับเพื่อนที่อยู่กลุ่มเดียวกันซึ่งเธอจำได้ว่าเป็นผู้ชายที่ชนเธอก่อนหน้านี้ เพราะหน้าตาเขาค่อนข้างเด่นกว่าทุกคน สาวๆ หลายคนมองตามทั้งรุ่นเดียวกันและรุ่นพี่ แต่อีกฝ่ายนั่งจนเข่าของเขามาชนกับเธอ ทำเอาญาดาถึงกับสะดุ้ง พยายามถอยห่างนิดๆ ทำให้ตัวเธอเหลื่อมออกมาจากวงกลมเล็กน้อย ไม่อยากนั่งเข่าชนกับเขาชายหนุ่มมองเธออย่างแปลกใจ คิ้วเข้มขมวดก่อนจะพูดขึ้น“ขยับเข้ามาอีกสิเธอ เดี๋ยวรุ่นพี่ก็มาถึงแล้ว”“ไม่อะ เจ็บเข่า”อีกฝ่ายยิ่งขมวดคิ้วมากขึ้น ญาดาจึงบอกเขาไปเพราะเกรงเขาจะคิดว่าเธอรังเกียจ“เราไม่ได้รังเกียจอะไรนายนะ แต่เข่านายชนเข่าเรา มันแข็ง เราเจ็บ”เ
ภาพที่ญาดาถ่ายได้แปะที่บอร์ดของชมรมหนึ่งภาพอย่างที่หญิงสาวคาดไม่ถึง ส่วนภาพที่เหลือเชนทร์ให้เธอทั้งหมด โดยรุ่นน้องคนที่ได้โชว์ภาพมีทั้งหมดสิบคนรวมเธอ หนึ่งในนั้นมีวิน หนุ่มหล่อขวัญใจสาวทั่วมหาวิทยาลัยด้วยนับตั้งแต่รับน้อง ญาดามีโอกาสได้พูดคุยกับเชนทร์มากขึ้น เพราะเขาเป็นรุ่นพี่ที่ยินดีช่วยเหลือและให้คำแนะนำน้องๆ โดยในชมรมมีการจัดอบรมบ่อยครั้งจากรุ่นพี่ ซึ่งไม่ได้บังคับรุ่นน้องให้เข้าร่วมทุกคน แต่ญาดาก็ไปทุกครั้งอย่างไม่เคยพลาด ตอนนี้เธอเริ่มเก็บเงินได้จำนวนหนึ่งแล้วแต่ยังไม่พอซื้อกล้อง แต่เมื่อจำเป็นต้องใช้ในการอบรมเมื่อไร เชนทร์ก็จะให้ยืมอย่างใจดีอย่างเช่นวันนี้ แถมยังมีชีตปึกหนาเพิ่มมาด้วย“นี่ชีตวิชาที่พริกบอกว่าไม่ค่อยเข้าใจ ของพี่เอง พี่โน้ตอะไรสำคัญๆ ไว้ ไม่เข้าใจตรงไหนก็ถามได้”ชายหนุ่มส่งมาให้ ทำเอาญาดามองชีตกับกล้องก่อนจะมองหน้าคนให้ด้วยสายตาเหมือนเห็นพระเอกขี่ม้าขาว“แหม ใจดีกับน้องพริกกว่าทุกคนอีกแล้วไอ้เชนทร์ กลัวเขาไม่รู้หรือไงวะ”“รู้อะไร”เชนทร์ถามกลับยิ้มๆ รับคำแซว แต่ก็ไม่ได้เถียงหรือปฏิเสธ“แน่ๆๆ ทำเป็นมึน”รุ่นพี่ที่สนิทกับชายหนุ่มกระแทกไหล่ ก่อนจะเดินเข้าชมรมไป เชน
“พะ...”ป้าบ!คนตัวเล็กที่กระโจนเข้ามาหาพร้อมตะปบปากเขาเสียงดังทำเอาพริษฐ์ถึงกับงง แถมเธอยังโถมตัวใส่เขาแล้วดันให้ถอยแทบไม่เป็นกระบวน แม้แข็งแรงกว่าแต่ชายหนุ่มก็ยอมถอยตามอีกฝ่ายไปจนเกือบถึงมุมบันได“อะไรเนี่ยพริก”เมื่อญาดายอมปล่อยมือออกจากปากเขาก็ถามทันที รู้สึกชาราวกับเพิ่งถูกตบปากก็ไม่ปาน“วันนี้ไม่ต้องเข้าชมรมหรอก ไปที่อื่นเถอะ”“ไม่รู้จะไปไหน เบื่อๆ ว่าจะมาแอบงีบที่นี่สักหน่อย”พริษฐ์บอกพร้อมกับเดินไปข้างหน้าแต่ญาดาฉุดแขนเขาเอาไว้พร้อมพูดรัวเร็ว“จะไม่มีที่ไปได้ยังไง นายมีผู้หญิงตั้งกี่คน ไม่ไปกับใครสักคนเลยเหรอ”คำพูดของอีกฝ่ายทำให้ชายหนุ่มต้องหันกลับมามองด้วยความแปลกใจ“ในนั้นมีอะไรงั้นเหรอ”เขาเดาได้ในทันทีว่าภายในชมรมต้องมีอะไรผิดปกติไป เพราะที่นั่นเป็นส่วนที่สมาชิกสามารถเข้าออกได้ตลอดตามต้องการ แต่ญาดากลับไม่อยากให้เขาเข้าไปในตอนนี้“เรื่องที่เราไม่ควรยุ่งน่ะ”เธอตัดสินใจพูดไปดวงหน้าใสที่ผมยาวสลวยถูกรวบสูงไว้ด้านหลังทั้งหมดนั้นค่อนข้างแดงเล็กน้อย มีเหงื่อผุดตรงหน้าผาก ทำให้เขาเชื่อว่าในชมรมน่าจะมีสิ่งที่ไม่ควรเห็นจริงๆพริษฐ์กำลังขยับปากจะพูดปลายหางตาก็เห็นคนสองคนก้าวออกมาจา
“พริก คุณวุ้นเรียกประชุมด่วนตอนบ่ายนะ”อนงค์นางเดินมายังโต๊ะของเธอทันทีที่กลับเข้ามาในแผนกพร้อมกับพนิดา สีหน้าทั้งสองเคร่งเครียดจนญาดาอดคิดถึงคำที่กุลนารีพูดไม่ได้น่าจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น“ทุกคนเหรอคะ”“แค่หัวหน้า”“ค่ะ”หญิงสาวรับคำอนงค์นางจึงเดินไปยังฝ่ายของตน ญาดาทำงานอยู่ในแผนกที่เล็กที่สุดในบริษัท เป็นสำนักพิมพ์ที่เป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายประชาสัมพันธ์และการตลาด เพราะความจริงพนิดาเป็นผู้จัดการฝ่ายนี้ เจ้านายเธอของเปิดสำนักพิมพ์ทั้งที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันเลยแต่เป็นความชอบส่วนตัวของอีกฝ่ายที่อยากทำ ในแผนกจึงมีทั้งทีมทำหนังสือและประชมสัมพันธ์อยู่ด้วยกัน แม้จะดูแปลกสักหน่อย แต่เพราะนี่คือบริษัทของตระกูลธนัญการ ลูกสาวของเจ้าของบริษัทอยากทำจึงไม่แปลกที่จะทำได้ แม้เวลานี้คนที่ดูแลทุกอย่างจะเป็นพศินแต่เธอรู้มาจากอนงค์นางว่าท่านประธานใหญ่ไพศาลรักลูกสาวมาก“มีเรื่องเครียดอะไรเหรอครับ”ภาสกรลุกขึ้นยื่นหน้าข้ามพาร์ทิชันฝั่งตรงข้ามมาถามเธอ ญาดาได้แต่ถอนหายใจก่อนจะมองอีกฝ่ายด้วยสายตาดุ“อยากรู้อยากเห็น”“ก็หน้าเจ๊เขาบอกบุญไม่รับ แถมคิ้วยังผูกโบขนาดนั้น จะไม่ให้อยากรู้ได้ยังไง”ชายหนุ่มพูดพร้อมเห
ใช้เวลาพอสมควรกว่าจะมาถึงคอนโด แต่ญาดาก็คิดงานออกพอดีจึงโน้ตไว้ในมือถือของตัวเอง มีบ้างที่ภาสกรถามถึงเรื่องประชุมด่วนแต่เธอบอกว่าเขาจะได้รู้ตอนประชุมรวมชายหนุ่มก็ไม่ซักไซ้อะไรอีก ปล่อยให้เธอก้มหน้าพิมพ์งานในมือถือไปทั้งสองคนเดินจากรถมาถึงตอนที่ลิฟต์ของลานจอดรถใกล้จะปิดพอดีภาสกรจึงเอ่ยขึ้น“รอด้วยครับ”แต่แล้วชายหนุ่มก็นึกขึ้นมาได้ว่าของที่ตนถือในมือไม่ครบ“อ้าว ลืมโน้ตบุ๊ก พี่พริกขึ้นไปก่อนเลย”พูดจบภาสกรก็หันหลังกลับทันที เพราะปกติจะวางของที่เบาะข้างตัว แต่เมื่อมีคนนั่งด้วยเขาจึงเอากระเป๋าใส่โน้ตบุ๊กไปวางที่เบาะหลังญาดารีบเดินไปยังลิฟต์อย่างไม่ให้เสียเวลา เพราะเกรงใจคนที่เปิดลิฟต์รออยู่ เมื่อไปถึงก็เห็นว่าเป็นพริษฐ์ยืนอยู่ในนั้น ร่างบางชะงักเล็กน้อยหากก็ก้าวเข้าไปก่อนประตูลิฟต์จะปิด“ไง เพิ่งกลับเหรอ”เขาเอ่ยทักขึ้น“อืม”ญาดาไม่ได้หันมองอีกฝ่ายแต่ก็ตอบรับสั้นๆ ยอมรับว่ายังเคือง ชายหนุ่มกับสิ่งที่เขาพูดเมื่อวานอยู่ และเธอก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป นอกจากมองเขาอย่างไม่พอใจ ทว่าพริษฐ์ก็ยอมเดินออกจากห้องเธอไปง่ายๆ โดยไม่เซ้าซี้ทั้งคู่เงียบไปเพียงชั่วอึดใจพริษฐ์ก็ถามขึ้นอีก“พริกกลับกับหมอน
“ขอโทษครับที่รัก วินจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว”พริษฐ์ลูบไหล่บางแผ่วเบา รู้สึกผิดอยู่บ้างเหมือนกันหากจำต้องบังคับให้อีกฝ่ายห้ามถอดแหวนของเขา มือหนาลูบลงมาจับมือบ้างขึ้น หยิบแหวนจากกล่องกำมะหยี่ที่ใส่กระเป๋ากางเกงไว้ตอนจูโจ่มหญิงสาวออกมาสวมคืนให้ ก่อนจะยกมือบางขึ้นมาจูบ แล้วพรมไล้จนทั่วทุกนิ้ว“ใส่ไว้ ห้ามถอด มันคือสิ่งที่บอกว่าพริกกุมหัวใจวินเอาไว้”เขากระซิบบอกแล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อถูกมือหญิงสาวอีกข้างเหน็บเข้าตรงเอวหนา“นี่แน่ะ ชอบแกล้งพริกอยู่ได้”“ไม่แกล้งแล้ว คราวนี้จะรักแล้ว มามะ มารักกัน”ชายหนุ่มบอกแล้วกดจูบลงไปบนริมฝีปากอิ่มสวยทันที จบการโต้เถียงทุกคำจากคนตัวเล็ก ญาดาเองก็ไม่ได้โกรธชายหนุ่มเท่าไรนัก แม้จะกลัวจริงๆ แต่พอเขากอดอ้อมกอดอุ่นก็ปัดสัมผัสน่าตกใจเมื่อครู่เลือนหาย แล้วเธอก็อยากได้รับการแตะต้องอย่างทะนุถนอมจากอีกฝ่ายมาเติมเต็มเพิ่มขึ้นไปอีกอกใจสาวเต้นรัวขึ้น สะโพกถูกยกขึ้นให้เกยตักแกร่ง มือหนาลูบไล้สัดส่วนสะคราญอย่างเร่งร้อนราวต้องการลบความรู้สึกเมื่อครู่ทิ้งให้เธอ ผ้าเนื้อบางไม่ช่วยปกป้องเธอจากมืออีกฝ่ายแม้แต่น้อยนิดวันนี้ญาดาใส่เสื้อยืดตัวเล็กกับกางเกงขาสั้นเนื้อนิ่ม พักหล
พริษฐ์ย้ำกับเธอซ้ำอีกก่อนจะต่างคนต่างแยกไปขึ้นลิฟต์ฝั่งของตนเองว่าจะพาไปซื้อแหวนหมั้น ญาดาได้แต่ถอนหายใจเพราะปฏิเสธไปแล้วอีกฝ่ายก็ไม่ยอม เธอได้แต่ส่งข้อความไปบอกกุลนารีว่าวันนี้ต้องไปทำธุระ กินข้าวกลางวันด้วยไม่ได้ ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่มีปัญหา ก่อนจะมาเจอชายหนุ่มที่รถตามที่เขานัดเอาไว้ญาดาไม่ค่อยเห็นด้วยที่เขาจะซื้อแหวนให้เธอ และเมื่อเห็นร้านที่ชายหนุ่มกำลังจะพาเข้าแล้วก็ถึงกับตาโต รีบดึงมือหนาเอาไว้ก่อนด้วยความตกใจ“ร้านแพงไปนะวิน”เธอบอกอย่างเกรงใจ ไม่อยากให้เขาเสียเงินเยอะเพราะเรื่องนี้“ไม่นี่”ร่างสูงจะก้าวต่อแต่ญาดาย้ำเสียงเข้ม“พริกไม่เอานะวิน ถ้าจะซื้อแบบนี้ไม่ต้องซื้อเลยนะ”สุดท้ายพริษฐ์ก็ถอนหายใจออกมาแล้วก้มลงพูดกับเธอด้วยสีหน้าท่าทางจริงจัง“วินจะซื้อแหวนทองคำขาวเกลี้ยงๆ ไม่มีเพชร ไม่มีลวดลายอะไรทั้งนั้นนะครับ โอเค๊”เมื่ออีกฝ่ายบอกมาอย่างนั้นเธอจึงพยักหน้ายินยอม จากนั้น ชายหนุ่มก็จับมือเธอเดินเข้าร้าน ครู่หนึ่งสองหนุ่มสาวกก็ออกจากร้านโดยญาดามีแหวนทองคำขาวกลมเกลี้ยงเนื้อหนาบนนิ้วนางข้างซ้าย==============เขาไม่เห็นแหวนบนนิ้วของญาดา พริษฐ์แอบสังเกตนิ้วนางข้างซ้ายของหญิงสาวที่สอ
“แป๊บเดียว เดี๋ยวดีขึ้นครับคนดี”เขาจูบซ้ำบนหน้าผากนวลเมื่อเริ่มเคลื่อนไหว ทั้งที่ภายในกายหนุ่มแทบระเบิดด้วยเพลิงเร่าร้อน หากเขาก็กัดฟันยับยั้งสะโพกตนเองให้ช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ รั้งรอคนใต้ร่างให้ปรับตัวและพลุ่งพล่านไปพร้อมกับเขา ปากอุ่นขยับไปเม้มใบหูเล็กแถมกระตุ้นเร่งเร้าด้วยคำพูด“อืม พริกร้อนมาก พริกหวานของวิน ดีสุดๆ”“อื้อ”พร้อมเสียงครางประท้วงนั้นเขาก็ถูกข่วนตรงไหล่ทำเอาสะดุ้งนิดๆ ไม่รู้ว่าหญิงสาวเคลิ้มตามหรือขัดเคืองเขากันแน่ แต่น่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่าญาดาใจหวิวหอบกระเส่าอย่างหนักหน่วง ถูกกระแสใคร่พิศวาสจากกายแกร่งทำลายล้างอย่างรุนแรง อีกฝ่ายยังจะพูดให้เธอรู้สึกซ่านสยิวไปทั้งตัวอีก เพราะเขินอายทว่ากลับเพริดตามเขาทั้งกายและใจทำให้หญิงสาวลงมือกับชายหนุ่มไป หากก็ยอมรับว่าเวลานี้ร่างทั้งร่างของเธอไม่หลงเหลือพื้นที่สมบูรณ์ใดแล้ว หากเปรียบดั่งไฟภายในตัวเธอคงมอดไหม้ไปหมดด้วยแรงรักจากร่างสูงกำยำเพียงสะโพกแกร่งทิ้งจังหวะเนิบนาบเธอก็แทบแตกพล่าน ทว่าเมื่ออีกฝ่ายเร่งเร้าหนักขึ้น ญาดาก็สุดที่จะทนอีกต่อไป เสียงหวานพร่าถูกระบายออกมาเป็นระยะทดแทนอารมณ์รุ่มร้อนที่ปะทุดุเดือดในร่างสาว หากก
สองร่างกอดเคล้านัวเนียพลิกไปมาบนเตียงขณะปากก็พร่ำมอบจูบแก่กันอยู่ชั่วอึดใจใหญ่ ก่อนพริษฐ์จะเป็นฝ่ายขึ้นมาคร่อมร่างบาง ใบหน้าขาวคมซุกไซ้ลงหาความหอมจากซอกคอเล็ก พร้อมทิ้งรอยอุ่นด้วยจูบและปลายลิ้นไล่ลงมาหาอกอวบแล้วกลับขึ้นไปยังลำคออีกข้าง ขณะที่มือข้างหนึ่งสอดเข้าไปใต้เสื้อหญิงสาวเกาะกุมความอวบอิ่มเอาไว้ในมือ เคล้าคลึงก้อนเนื้อนุ่มหยุ่นอย่างพึงใจ ได้ยินเสียงหอบแรงจากคนตัวเล็กใจเขายิ่งเต้นกระหน่ำตามไปด้วยเรือนกายแกร่งเบียดไล้ต้นขากับช่วงหน้าท้องแบนราบแสดงออกถึงการเรียกร้องต้องการ แม้จะหวาดกลัวอยู่บ้างกับความกร้าวร้อนระอุที่ไม่ยอมห่างจากเนื้อตัวเธอเลย หากญาดากลับตื่นเต้นอยากค้นหาสิ่งลึกลับที่ซุกซ่อนอยู่และไม่อาจเอื้อมคิดถึงมาก่อนพริษฐ์เม้มเนื้อบางตรงซอกคอหอมขณะที่มือหนึ่งยังเอาอกเอาใจทรวงงามสล้าง ก่อนจะไล้ลิ้นขึ้นไปหาใบหูเล็ก กัดเบาๆ ด้วยความมันเขี้ยวแล้วก็ยิ่งได้ยินเสียงหวานสั่นพร่าในลำคอเล็ก อกอวบขยับขึ้นหามือเขา ยอดทรวงเบ่งบานต้านผ้าลูกไม้เด่นชัด“วินถอดเสื้อนะ”ชายหนุ่มกระซิบบอกก่อนจะขยับตัวขึ้นพร้อมโอบร่างบางให้นั่งด้วยกัน คว้าเสื้ออีกฝ่ายถอดขึ้นด้านบน แล้วรวบเรือนร่างงดงามเข้ามาหาข
“วันนี้แก้มให้พริกดูรูปที่วินถ่ายแล้วโพสต์ในไอจี”เธอเอ่ยขึ้นทันทีที่อีกฝ่ายเข้ามากอดด้านหลังและหอมแก้มขณะที่กำลังนั่งทำงานอยู่หน้าโน้ตบุ๊กตรงโซฟาวันนี้พริษฐ์กลับดึกมาก เธอรู้ทั้งจากชายหนุ่มที่ส่งข้อความบอกและภาสกรที่ส่งข้อความมาบ่น ว่าทำงานวันแรกก็ดึกเลย ญาดาไม่มีปัญหาอยู่แล้วหากต้องกลับเอง หากฝนไม่ตกเธอก็ไม่ลำบาก แล้วตอนนี้เธอก็บอกรหัสให้ชายหนุ่มกดเข้าห้องเองได้อย่างสะดวกแล้วด้วย ทว่าเขาก็จะส่งข้อความบอกก่อนล่วงหน้าเช่นเคย เพื่อที่เธอจะได้มั่นใจว่าเป็นเขาไม่ใช่คนอื่นพยายามจะเข้าห้องชายหนุ่มเพียงสบตากับเธอแล้วยิ้มบาง ก่อนจะเดินอ้อมโซฟามานั่งข้างๆ“โกรธที่ไม่โพสต์ให้เห็นหน้าหรือเปล่า”สายตากับสีหน้าคนพูดดูก็รู้ว่าแกล้งเย้าเธอ ญาดาจึงส่ายหน้าแล้วยิ้มให้“ดูสวยเหมือนไม่ใช่พริกเลย”“แน่ะ แกล้งทำเป็นไม่รู้ว่าตัวเองสวย”พริษฐ์แซวพร้อมกับจับข้างแก้มนุ่มดึงเบาๆ“พริกกดตามวินไปแล้วนะ”เธอแค่รู้สึกว่าตนเองควรทำ คิดว่าเธอกับพริษฐ์ต้องเรียนรู้เรื่องส่วนตัวของกันและกันให้มากกว่านี้ และเธอก็อยากรู้หลายอย่างเกี่ยวกับ อีกฝ่าย“หืม? งั้นเหรอ”พริษฐ์หยิบมือถือในกระเป๋ามาดู แล้วเห็นว่ามีแจ้งเตือนจริง
“แหม หวานเชียวนะ ไม่คิดว่าคุณพริษฐ์จะมีโมเมนต์นี้”กุลนารีดูโซเชียลระหว่างนั่งรออาหารกับเธอแล้วเอ่ยขึ้นญาดาขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ ขณะที่เพื่อนส่งมือถือของตนเองมาให้ เธอจึงรับมาดูแล้วก็ถึงกับอึ้ง หน้าค่อยๆ ร้อนขึ้นกับสิ่งที่เห็น“เขาตั้งใจโพสต์แต่ภาพด้านหลังพริกล้วนๆ เลย แถมยังสวยทุกรูป โรแมนติกมากอะ”เพื่อนสาวทำท่าเคลิ้มขณะพูด“ตอนนี้มีแต่คอมเมนต์อยากเห็นหน้าผู้หญิงทั้งนั้น ส่วนเพื่อนผู้หญิงของเขาก็บอกว่าอิจฉา อยากได้รูปสวยแบบนี้บ้าง”แต่ละภาพที่พริษฐ์โพสต์เป็นภาพด้านหลังที่เธอไม่รู้ว่าชายหนุ่มถ่ายเอาไว้ เขาเก็บภาพไว้ในทุกบรรยากาศเลยทีเดียว ทุกภาพสวยจริงอย่างที่ กุลนารีพูดจนญาดายังไม่คิดว่านั่นเป็นตัวเองด้วยซ้ำ แถมยังมีภาพคู่ที่ไม่เห็นหน้าอีกด้วย ระดับความหวานพุ่งปรี๊ดจนเจ้าตัวเองยังเขิน แค่เธอเห็นจากที่เขาส่งมาให้ก็ใจหวิวแล้ว นี่ชายหนุ่มยังโพสต์เต็มหน้าโซเชียลของเขาอีก เห็นแล้วทำเอาญาดาทำหน้าไม่ถูก ไม่กล้าสบตาเพื่อนเลยทีเดียวที่สำคัญเขาใช้รูปที่เธอถ่ายให้เป็นโปรไฟล์อย่างที่บอกจริงๆกุลนารีมองคนที่เอาแต่จ้องมือถือ จะยิ้มก็ไม่ยิ้ม กัดริมฝีปากล่าง หน้าแดงระเรื่อแล้วก็ถอนหายใจยาว“อะไร
“ตกหลุมรักวินล่ะสิ”พริษฐ์เอ่ยขึ้น เมื่อออกมาแล้วเห็นว่าแฟนสาวของตัวเองยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ขณะดูจอมือถือ“ขี้ตู่”ญาดาย่นจมูกใส่พร้อมส่ายหน้า“อ้าวไม่ใช่เหรอ วินอุตส่าห์ส่งรูปตัวเองที่พริกถ่ายไปให้เพราะคิดว่าดูดีมาก”“ชอบแค่รูปเดียวเหรอ ถึงส่งมาแค่นี้”“ไม่รู้ว่าพริกอยากได้หลายรูป เดี๋ยวส่งให้รัวๆ เลย”ร่างสูงกำยำมานั่งลงข้างๆ สีหน้าทะเล้นจนน่าหมั่นไส้“จะเอามาทำไมเยอะแยะ แค่อยากรู้ว่าถูกใจบ้างไหมที่พริกถ่ายไป”“ถูกใจครับ ถูกใจมาก วินเลือกตั้งนานกว่าจะได้รูปตั้งเป็นโปรไฟล์”คนฟังถึงกับแปลกใจที่เขาบอกอย่างนั้น ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเห็นว่าดีจนเอาไปเป็นภาพโปรไฟล์“รู้ไหม เขาบอกว่าคนเราจะถ่ายรูปคนที่ตัวเองรักออกมาดูดี สวยทุกมุม เพราะออกมาจากหัวใจ”ชายหนุ่มบอกเสียงทุ้มนุ่มน่าฟัง พยายามแฝงความหมายในนั้น แต่ญาดาทำหน้าราวกับไม่รู้ไม่ชี้ลุกขึ้นพร้อมบอก“ไปกินข้าวดีกว่า หิวแล้ว”พริษฐ์มองตามร่างบางที่เดินออกไปทางประตูด้วยความรู้สึกมันเขี้ยว นึกอยากจับกลับมาจูบบังคับให้บอกรักเขาซ้ำๆ นักทั้งคู่กลับมาเก็บของเช็กเอาต์ก่อนเที่ยง แวะชมวิวกินขนมของว่างในจุดที่นิยม แล้วก็หาร้านอาหารกินกลางวันกิน ก่อนจะออกจาก
พระอาทิตย์ยังไม่สาดแสง ญาดารู้สึกตัวตามเวลาที่ตั้งปลุกเผื่อเอาไว้ หลังเหตุการณ์วาบหวามที่สุดในชีวิต ล้างตัวแล้วเธอก็ขอให้พริษฐ์เอาเสื้อผ้ามาให้แล้วให้ชายหนุ่มรอข้างนอก ไม่กล้าให้เขาอุ้มออกไปทั้งที่ยังเปลือยเปล่า แค่เขาพาเธอมาล้างตัวด้วยสภาพนี้หญิงสาวก็แทบอยากหายตัวไปจากห้องน้ำแล้ว ทว่าทำไม่ได้ แถมพริษฐ์ยังทำในสิ่งที่น่าอายสุดๆ ในห้องน้ำอีกต่างหากเมื่อออกจากห้องน้ำมาก็ถูกอุ้มจนตัวลอยพามานอนกอดบนเตียง ใกล้จะเคลิ้มหลับแล้วญาดาจึงบอกอีกฝ่ายว่าอยากดูพระอาทิตย์ขึ้น ซึ่ง ชายหนุ่มก็บอกว่าอยากเก็บภาพเหมือนกันร่างสูงกำยำขยับตัวตามเธอ ทว่ายังหลับตาแล้วพลิกไปอีกข้าง ญาดาไปเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวแล้วหยิบมือถือดูนาฬิกาอีกครั้งก่อนเดินไปเปิดม่าน ยังไม่มีแสงสาดส่องก็จริงหากฟ้าก็ไม่ถึงกับมืดมิด ได้ยินเสียงชายหนุ่มลุกจากเตียงแต่เธอเลือกเปิดประตูประจกออกไปด้านนอกแทนที่จะหันมองอีกฝ่ายติดชายหาดมีมุมที่จัดไว้สำหรับนั่งแบบเปลและโต๊ะไม้น่ารักอยู่ เธอจึงออกไปนั่งรอพริษฐ์ที่เปล ถ่ายรูปบรรยากาศเล่นด้วยมือถือไปเรื่อย ไม่นานชายหนุ่มก็ตามมา โดยที่ญาดาไม่รู้ว่าเขาเก็บภาพด้านหลังขณะนั่งบนเปลของเธอเอาไว้ด้วย“พริ
“อือ...วิน....”ญาดาเพียงพึมพำเสียงพร่าแล้วกัดริมฝีปากตัวเองราวต้องการสะกดความซ่านร้อนภายในให้สงบลงทั้งที่ไม่มีทางทำได้ปลายลิ้นอุ่นไล้เลียยอดอกสีหวานพร้อมทั้งดูดดื่มเต็มที่ กระแสบางอย่างพลุ่งพล่านในร่างสาวจนญาดาต้องบิดตัวครวญครางแผ่วผิว ไม่เพียงแค่ปาก มือชายหนุ่มยังบีบเคล้นอีกข้างอย่างไม่ยอมปล่อยให้ว่าง ทรวงงามสองข้างถูกดื่มกินราวไม่มีวันหมดความหวาน แต่ที่ร้ายกว่านั้นคือมือ ร้ายกาจข้างหนึ่งของเขาลอดผ่านขอบกางเกงใส่นอนของเธอไปแล้วไม่ใช่ครั้งแรกที่พริษฐ์ลูบไล้เธอ แม้ญาดาจะพยายามขยับขาชิดมากแค่ไหนอีกฝ่ายก็ทำให้เธออ่อนแรงได้เช่นครั้งนี้พริษฐ์ผละขึ้นมามองคนที่กำลังร้อนระอุด้วยไฟเสน่หาจากฝีมือเขาอย่างพึงพอใจ ดวงหน้าใสแดงก่ำ ตาปรือจนแทบจะลืมไม่ขึ้น ปากอิ่มถูกขบเอาไว้นิดๆ เรือนร่างงดงามได้รูปสวยดิ้นไปมาเล็กน้อย ทรวงสล้างขาวอวบสะท้อนแผ่วตามแรงหายใจ ส่วนสีชมพูจางชูช่อน่ามอง น่าลงไปฟอนเฟ้นซ้ำอีก แต่เขายังอยากมองอีกฝ่ายอยู่ มือหนาทำงานแทบไม่ให้คนตัวเล็กได้ผ่อนคลายอารมณ์ แม้จะมีผ้าเนื้อบางขวางกั้นอยู่หากแรงกระตุ้นก็มากพอที่จะทำให้ร่างสวยบิดพลิ้วด้วยความเร่าร้อน“พริกสวยที่สุดเลยคนดี”เขากระซิบบ