พริษฐ์มาได้เวลาพอดีเลย 5555
“พะ...”ป้าบ!คนตัวเล็กที่กระโจนเข้ามาหาพร้อมตะปบปากเขาเสียงดังทำเอาพริษฐ์ถึงกับงง แถมเธอยังโถมตัวใส่เขาแล้วดันให้ถอยแทบไม่เป็นกระบวน แม้แข็งแรงกว่าแต่ชายหนุ่มก็ยอมถอยตามอีกฝ่ายไปจนเกือบถึงมุมบันได“อะไรเนี่ยพริก”เมื่อญาดายอมปล่อยมือออกจากปากเขาก็ถามทันที รู้สึกชาราวกับเพิ่งถูกตบปากก็ไม่ปาน“วันนี้ไม่ต้องเข้าชมรมหรอก ไปที่อื่นเถอะ”“ไม่รู้จะไปไหน เบื่อๆ ว่าจะมาแอบงีบที่นี่สักหน่อย”พริษฐ์บอกพร้อมกับเดินไปข้างหน้าแต่ญาดาฉุดแขนเขาเอาไว้พร้อมพูดรัวเร็ว“จะไม่มีที่ไปได้ยังไง นายมีผู้หญิงตั้งกี่คน ไม่ไปกับใครสักคนเลยเหรอ”คำพูดของอีกฝ่ายทำให้ชายหนุ่มต้องหันกลับมามองด้วยความแปลกใจ“ในนั้นมีอะไรงั้นเหรอ”เขาเดาได้ในทันทีว่าภายในชมรมต้องมีอะไรผิดปกติไป เพราะที่นั่นเป็นส่วนที่สมาชิกสามารถเข้าออกได้ตลอดตามต้องการ แต่ญาดากลับไม่อยากให้เขาเข้าไปในตอนนี้“เรื่องที่เราไม่ควรยุ่งน่ะ”เธอตัดสินใจพูดไปดวงหน้าใสที่ผมยาวสลวยถูกรวบสูงไว้ด้านหลังทั้งหมดนั้นค่อนข้างแดงเล็กน้อย มีเหงื่อผุดตรงหน้าผาก ทำให้เขาเชื่อว่าในชมรมน่าจะมีสิ่งที่ไม่ควรเห็นจริงๆพริษฐ์กำลังขยับปากจะพูดปลายหางตาก็เห็นคนสองคนก้าวออกมาจา
“พริก คุณวุ้นเรียกประชุมด่วนตอนบ่ายนะ”อนงค์นางเดินมายังโต๊ะของเธอทันทีที่กลับเข้ามาในแผนกพร้อมกับพนิดา สีหน้าทั้งสองเคร่งเครียดจนญาดาอดคิดถึงคำที่กุลนารีพูดไม่ได้น่าจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น“ทุกคนเหรอคะ”“แค่หัวหน้า”“ค่ะ”หญิงสาวรับคำอนงค์นางจึงเดินไปยังฝ่ายของตน ญาดาทำงานอยู่ในแผนกที่เล็กที่สุดในบริษัท เป็นสำนักพิมพ์ที่เป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายประชาสัมพันธ์และการตลาด เพราะความจริงพนิดาเป็นผู้จัดการฝ่ายนี้ เจ้านายเธอของเปิดสำนักพิมพ์ทั้งที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันเลยแต่เป็นความชอบส่วนตัวของอีกฝ่ายที่อยากทำ ในแผนกจึงมีทั้งทีมทำหนังสือและประชมสัมพันธ์อยู่ด้วยกัน แม้จะดูแปลกสักหน่อย แต่เพราะนี่คือบริษัทของตระกูลธนัญการ ลูกสาวของเจ้าของบริษัทอยากทำจึงไม่แปลกที่จะทำได้ แม้เวลานี้คนที่ดูแลทุกอย่างจะเป็นพศินแต่เธอรู้มาจากอนงค์นางว่าท่านประธานใหญ่ไพศาลรักลูกสาวมาก“มีเรื่องเครียดอะไรเหรอครับ”ภาสกรลุกขึ้นยื่นหน้าข้ามพาร์ทิชันฝั่งตรงข้ามมาถามเธอ ญาดาได้แต่ถอนหายใจก่อนจะมองอีกฝ่ายด้วยสายตาดุ“อยากรู้อยากเห็น”“ก็หน้าเจ๊เขาบอกบุญไม่รับ แถมคิ้วยังผูกโบขนาดนั้น จะไม่ให้อยากรู้ได้ยังไง”ชายหนุ่มพูดพร้อมเห
ใช้เวลาพอสมควรกว่าจะมาถึงคอนโด แต่ญาดาก็คิดงานออกพอดีจึงโน้ตไว้ในมือถือของตัวเอง มีบ้างที่ภาสกรถามถึงเรื่องประชุมด่วนแต่เธอบอกว่าเขาจะได้รู้ตอนประชุมรวมชายหนุ่มก็ไม่ซักไซ้อะไรอีก ปล่อยให้เธอก้มหน้าพิมพ์งานในมือถือไปทั้งสองคนเดินจากรถมาถึงตอนที่ลิฟต์ของลานจอดรถใกล้จะปิดพอดีภาสกรจึงเอ่ยขึ้น“รอด้วยครับ”แต่แล้วชายหนุ่มก็นึกขึ้นมาได้ว่าของที่ตนถือในมือไม่ครบ“อ้าว ลืมโน้ตบุ๊ก พี่พริกขึ้นไปก่อนเลย”พูดจบภาสกรก็หันหลังกลับทันที เพราะปกติจะวางของที่เบาะข้างตัว แต่เมื่อมีคนนั่งด้วยเขาจึงเอากระเป๋าใส่โน้ตบุ๊กไปวางที่เบาะหลังญาดารีบเดินไปยังลิฟต์อย่างไม่ให้เสียเวลา เพราะเกรงใจคนที่เปิดลิฟต์รออยู่ เมื่อไปถึงก็เห็นว่าเป็นพริษฐ์ยืนอยู่ในนั้น ร่างบางชะงักเล็กน้อยหากก็ก้าวเข้าไปก่อนประตูลิฟต์จะปิด“ไง เพิ่งกลับเหรอ”เขาเอ่ยทักขึ้น“อืม”ญาดาไม่ได้หันมองอีกฝ่ายแต่ก็ตอบรับสั้นๆ ยอมรับว่ายังเคือง ชายหนุ่มกับสิ่งที่เขาพูดเมื่อวานอยู่ และเธอก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป นอกจากมองเขาอย่างไม่พอใจ ทว่าพริษฐ์ก็ยอมเดินออกจากห้องเธอไปง่ายๆ โดยไม่เซ้าซี้ทั้งคู่เงียบไปเพียงชั่วอึดใจพริษฐ์ก็ถามขึ้นอีก“พริกกลับกับหมอน
พริษฐ์หันกลับมาเมื่อเห็นว่าญาดาเงียบไป ทั้งที่ไม่เห็นหน้าชัดนักหากเขาก็พอเดาความคิดของหญิงสาวได้“เวลาแบบนี้ พริกอาจจะเหงา”“เราไม่เป็นไร”เธอตอบกลับเสียงเรียบทำให้ชายหนุ่มถอนหายใจ“ทำไมต้องทำเป็นเข้มแข็งทั้งที่ตัวเองอ่อนแอ”“เราไม่ได้อ่อนแอ”“ขอล่ะพริก อย่าหัวดื้อได้ไหม”“นายต่างหากที่ดื้อ นายเข้ามายุ่งเรื่องของเราทั้งที่เราไม่ได้ต้องการ เราจัดการความรู้สึกตัวเองได้”“จัดการได้งั้นเหรอ จัดการได้จริงแล้วทำไม...”เปรี้ยง!! ครืน!!แสงวาบตามด้วยเสียงฟ้าดังสนั่นอีกครั้ง ไฟดับไปแล้วทำให้ความสว่างแวบเข้ามาชัดเจน พร้อมกับร่างบางสะดุ้งเฮือกผวาเข้าไปใกล้ชายหนุ่ม พริษฐ์เองก็คว้าเอวเธอทันทีเช่นกันความใกล้ชิดครั้งที่สองทำให้ต่างก็ยืนนิ่งเงียบกันชั่วอึดใจก่อนชายหนุ่มจะเป็นฝ่ายพูดขึ้น“นี่เหรออยู่คนเดียวได้”“อยู่ได้น่า มันเป็นปฏิกิริยาเวลาตกใจแค่นั้นเอง อย่าตีขลุมได้ไหม ปล่อยด้วย”“แค่ยอมรับว่าตัวเองอ่อนแอ มันเสียหน้ามากเหรอ”“เราว่านายกับเรากำลังพูดคนละเรื่องกันนะ”“มันก็ใช่ แต่พริกกำลังรู้สึกแย่ เราเป็นห่วง”น้ำเสียงที่ทุ้มลงทำให้ญาดาหน้าร้อนขึ้นมา รู้สึกหวั่นใจเพราะความใกล้ชิดที่มากเกินไประหว่า
คืนนั้นชายหนุ่มมองหาญาดากึ่งลุ้นกึ่งคิดว่าเธออาจจะไม่มา เพราะอาจไม่ได้ติดต่อกับเชนทร์แล้ว ทว่าเขาก็เห็นเธอจนได้ ดวงหน้าสวยงามเข้ากับผมสั้นพอดีบ่าที่ดัดลอนคลายๆ บวกกับชุดหวานน่ารักส่งให้เพื่อนของเขาสวยอ่อนหวานน่าทะนุถนอมขึ้นมาก พริษฐ์จะเข้าไปเพื่อทักทายแต่ท่าทางของเธอทำให้เขาสะดุดใจจนต้องรีบไปดูใกล้ๆ และทุกอย่างก็เกิดขึ้นกะทันหันอย่างที่เขาไม่ทันตั้งตัว รู้สึกตัวอีกทีก็ทำในสิ่งที่ไม่ควรทำกับเพื่อนไปแล้ว นั่นทำให้เขารู้สึกผิดไม่น้อยทีเดียว จากนั้นก็คิดว่าไม่ควรปล่อยให้หญิงสาวอยู่คนเดียวจึงพากลับแต่ทั้งที่ไม่อยากเปิดเผย ทว่าพอเห็นว่ามีผู้ชายคนอื่นตีสนิทญาดาเขากลับไม่พอใจ จิตใจร้อนรน และคิดว่าตนต้องรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเขาเมื่อเห็นว่าอย่างน้อยอีกฝ่ายก็ยอมเจรจาแทนที่จะชวนทะเลาะ พริษฐ์จึงคลายอ้อมแขนแล้วถอยออกไปในระยะที่คิดว่าญาดาน่าจะพอใจหญิงสาวลูบแขนสองข้างของตัวเองเพราะพอร่างใหญ่ขยับไปเธอก็รู้สึกเย็นขึ้นมาเสียเฉยๆ ขณะที่ในหัวก็ครุ่นคิดไปด้วยว่าจะหาทางออกอย่างไร“เรื่องคืนนั้น...”เธอเอ่ยขึ้นมาก่อน พร้อมกับมองตามร่างสูงกำยำที่ถอดเสื้อสูทของตนออกเอาไปพาดที่โซฟา แล้วหันกลับ
“ตามความคิดของเรา พริกรู้จักแค่การแอบรัก แอบชื่นชม มีความสุขที่ได้เห็นได้มอง ได้พูดคุยก็มีความสุข พริกปลื้มพี่เชนทร์ เหมือนคนที่ปลื้มไอดอลของตัวเอง ชายในฝัน ปริ้นซ์ชาร์มมิ่ง”พริษฐ์ให้เหตุผลกับหญิงสาวสิ่งที่อีกฝ่ายพูดมาตรงกับความรู้สึกของเธออย่างไม่น่าเชื่อว่าเพื่อนหนุ่มจะเข้าใจเธอถึงขนาดนี้“แต่เพราะพี่เชนทร์อยู่ใกล้เกินไป ทำให้พริกไม่กล้ายื่นมือเข้าไปหา ไม่กล้าเผยความรู้สึกของตัวเอง กลัวว่าความสุขที่มีอยู่จะหายไป”ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกพริษฐ์ปอกเปลือกจนแทบเปลือยเปล่าอย่างน่าใจหาย ทำเอาญาดานึกกลัวอีกฝ่ายขึ้นมาจนต้องแอบกลืนน้ำลาย แม้จะพยายามบังคับตัวเองให้วางเฉยแต่หน้าของเธอคงซีดลงไปแล้วใบหน้าขาวคมส่ายไปมาก่อนเอ่ยอย่างจริงจัง“นั่นมันเทียบไม่ได้กับการมีความรักที่ได้คบหากันจริงๆ การได้ใช้เวลาด้วยกันตามประสาคนรัก มีคุณค่ากว่าที่พริกเก็บพี่เชนทร์ไว้แค่ในใจ”ญาดาเม้มปากเพราะอยู่ๆ ตาก็เริ่มร้อนผ่าว เธอมั่นใจว่าเธอมีความสุขกับการแอบรักเชนทร์มาตลอด ไม่คิดว่ามันคือการเสียเวลาและไม่มีคุณค่าใด“อย่ามาดูถูกการแอบรักของเรา”เสียงหวานสั่นเล็กน้อยแต่ก็ข่มใจให้เย็นเข้าไว้แม้จะเริ่ม
เจ็ดนาฬิกา...ญาดาเปิดประตูห้องของตนออกไปก็เจอเข้ากับพริษฐ์ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงพิงผนังรออยู่ก่อนแล้ว ใบหน้าขาวคมเอียงมามองพร้อมส่งยิ้มให้และขยับตัวยืนตรง ท่าทางของอีกฝ่ายทำเอาหญิงสาวถึงกับกลอกตามันต้องทำเท่ขนาดนั้นด้วยหรือไง ในเมื่อเธอกับเขาไม่ใช่เพิ่งรู้จักกันสักหน่อย“ไม่จำเป็นต้องหว่านเสน่ห์กับเราก็ได้มั้ง”ญาดาเอ่ยขึ้นพร้อมกับขยับเท้าก้าวเดินทันทีอย่างไม่ต้องการให้เสียเวลาโดยมีร่างสูงกำยำตามมา“พริกไม่หลงเสน่ห์อยู่แล้วจะสนใจทำไม แล้วเมื่อกี้ก็ปกตินะ ไม่ได้พยายามทำอะไร”หญิงสาวมองคนมั่นหน้าที่ยักไหล่พร้อมบอกว่าตัวเองดูหล่อเท่น่ามองอย่างธรรมชาติแล้วก็อดเบะปากไม่ได้‘จะบอกว่าตัวเองดูดีอยู่แล้วสินะ’เธอแอบคิดอย่างหมั่นไส้ขณะเดียวกันชายหนุ่มก็จับกระเป๋าโน้ตบุ๊กที่เธอถืออยู่ เมื่อญาดาเหลือบมองเขาก็ยักคิ้ว“หน้าที่แฟนไงครับผม”เธอรู้ว่าอีกฝ่ายแค่พยายามชวนคุยแบบเล่นลิ้นให้บรรยากาศระหว่างเธอกับเขาผ่อนคลาย ญาดาเองก็บอกตัวเองให้ปล่อยวางนับตั้งแต่ก้าวออกจากประตูมา ไม่ยึดติดกับระดับความสัมพันธ์ที่กำลังจะเปลี่ยนแปลง แค่เป็นเหมือนที่เคยเป็น ไม่ต้องเกร็งหรือใส่ใจกับสิ่งที่พริษฐ์กำลังทำ อย่างน้อย
มือหนึ่งเคาะที่โต๊ะเธอเบาๆ ทำให้ญาดาเงยหน้าที่กำลังเคร่งเครียดกับแผนงานขึ้น แล้วก็เห็นว่าเป็นภาสกรที่ก้มลงมองด้วยสีหน้าสงสัย“ไหนพี่พริกบอกว่ามีอะไรที่เกี่ยวกับผมแล้วจะบอกไง เมื่อวานกลับด้วยกันทำไมไม่บอกกันบ้าง”“อะไร?”ญาดาถามอย่างไม่เข้าใจ ขณะที่อีกฝ่ายก้มลงมาอีกหน่อยแล้วพูดเสียงเบา“เรามีสิทธิ์ถูกปิด พี่พริกถึงถูกเรียกประชุมด่วนเมื่อวาน ใช่ไหม”หญิงสาวอึ้งไป“ไปรู้มาจากไหนเนี่ย”เธอกระซิบเสียงเบาลงไปอีก“ใช่จริงๆ ด้วย”ญาดายกนิ้วชี้จุ๊ปากตัวเองเมื่อภาสกรเสียงดังขึ้นมา ระหว่างนั้นมีพนักงานคนอื่นเดินผ่านเธอจึงหาทางให้อีกฝ่ายสงบลงก่อน“ไว้กินข้าวเที่ยงด้วยกัน แล้วค่อยคุยกัน”ปิดบังต่อไปคงไม่มีประโยชน์เธอเลยคิดว่าคุยให้เข้าใจจะดีกว่า จากนั้นภาสกรก็ยอมเดินไปนั่งโต๊ะตัวเองแม้จะไม่ดูไม่โอเคนักก็ตามเธอมีลูกน้องทีมกราฟิกสามคน ผู้หญิงหนึ่ง ผู้ชายสอง ทั้งทีมค่อนข้างกลมเกลียวกัน แต่ก็ต่างมีเวลาส่วนตัวในช่วงเที่ยง ลูกน้องผู้ชายอีกคนของเธอมีแฟนอยู่ในบริษัท ส่วนผู้หญิงมีเพื่อนเป็นทีมบรรณาธิการจึงต่างก็มีคนกินข้าวด้วย รวมทั้งภาสกรที่มีเพื่อนฝั่งบริษัทเฟอร์นิเจอร์ เธอเองก็กินกับกุลนารี หรืออนงค์นาง
“ขอโทษครับที่รัก วินจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว”พริษฐ์ลูบไหล่บางแผ่วเบา รู้สึกผิดอยู่บ้างเหมือนกันหากจำต้องบังคับให้อีกฝ่ายห้ามถอดแหวนของเขา มือหนาลูบลงมาจับมือบ้างขึ้น หยิบแหวนจากกล่องกำมะหยี่ที่ใส่กระเป๋ากางเกงไว้ตอนจูโจ่มหญิงสาวออกมาสวมคืนให้ ก่อนจะยกมือบางขึ้นมาจูบ แล้วพรมไล้จนทั่วทุกนิ้ว“ใส่ไว้ ห้ามถอด มันคือสิ่งที่บอกว่าพริกกุมหัวใจวินเอาไว้”เขากระซิบบอกแล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อถูกมือหญิงสาวอีกข้างเหน็บเข้าตรงเอวหนา“นี่แน่ะ ชอบแกล้งพริกอยู่ได้”“ไม่แกล้งแล้ว คราวนี้จะรักแล้ว มามะ มารักกัน”ชายหนุ่มบอกแล้วกดจูบลงไปบนริมฝีปากอิ่มสวยทันที จบการโต้เถียงทุกคำจากคนตัวเล็ก ญาดาเองก็ไม่ได้โกรธชายหนุ่มเท่าไรนัก แม้จะกลัวจริงๆ แต่พอเขากอดอ้อมกอดอุ่นก็ปัดสัมผัสน่าตกใจเมื่อครู่เลือนหาย แล้วเธอก็อยากได้รับการแตะต้องอย่างทะนุถนอมจากอีกฝ่ายมาเติมเต็มเพิ่มขึ้นไปอีกอกใจสาวเต้นรัวขึ้น สะโพกถูกยกขึ้นให้เกยตักแกร่ง มือหนาลูบไล้สัดส่วนสะคราญอย่างเร่งร้อนราวต้องการลบความรู้สึกเมื่อครู่ทิ้งให้เธอ ผ้าเนื้อบางไม่ช่วยปกป้องเธอจากมืออีกฝ่ายแม้แต่น้อยนิดวันนี้ญาดาใส่เสื้อยืดตัวเล็กกับกางเกงขาสั้นเนื้อนิ่ม พักหล
พริษฐ์ย้ำกับเธอซ้ำอีกก่อนจะต่างคนต่างแยกไปขึ้นลิฟต์ฝั่งของตนเองว่าจะพาไปซื้อแหวนหมั้น ญาดาได้แต่ถอนหายใจเพราะปฏิเสธไปแล้วอีกฝ่ายก็ไม่ยอม เธอได้แต่ส่งข้อความไปบอกกุลนารีว่าวันนี้ต้องไปทำธุระ กินข้าวกลางวันด้วยไม่ได้ ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่มีปัญหา ก่อนจะมาเจอชายหนุ่มที่รถตามที่เขานัดเอาไว้ญาดาไม่ค่อยเห็นด้วยที่เขาจะซื้อแหวนให้เธอ และเมื่อเห็นร้านที่ชายหนุ่มกำลังจะพาเข้าแล้วก็ถึงกับตาโต รีบดึงมือหนาเอาไว้ก่อนด้วยความตกใจ“ร้านแพงไปนะวิน”เธอบอกอย่างเกรงใจ ไม่อยากให้เขาเสียเงินเยอะเพราะเรื่องนี้“ไม่นี่”ร่างสูงจะก้าวต่อแต่ญาดาย้ำเสียงเข้ม“พริกไม่เอานะวิน ถ้าจะซื้อแบบนี้ไม่ต้องซื้อเลยนะ”สุดท้ายพริษฐ์ก็ถอนหายใจออกมาแล้วก้มลงพูดกับเธอด้วยสีหน้าท่าทางจริงจัง“วินจะซื้อแหวนทองคำขาวเกลี้ยงๆ ไม่มีเพชร ไม่มีลวดลายอะไรทั้งนั้นนะครับ โอเค๊”เมื่ออีกฝ่ายบอกมาอย่างนั้นเธอจึงพยักหน้ายินยอม จากนั้น ชายหนุ่มก็จับมือเธอเดินเข้าร้าน ครู่หนึ่งสองหนุ่มสาวกก็ออกจากร้านโดยญาดามีแหวนทองคำขาวกลมเกลี้ยงเนื้อหนาบนนิ้วนางข้างซ้าย==============เขาไม่เห็นแหวนบนนิ้วของญาดา พริษฐ์แอบสังเกตนิ้วนางข้างซ้ายของหญิงสาวที่สอ
“แป๊บเดียว เดี๋ยวดีขึ้นครับคนดี”เขาจูบซ้ำบนหน้าผากนวลเมื่อเริ่มเคลื่อนไหว ทั้งที่ภายในกายหนุ่มแทบระเบิดด้วยเพลิงเร่าร้อน หากเขาก็กัดฟันยับยั้งสะโพกตนเองให้ช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ รั้งรอคนใต้ร่างให้ปรับตัวและพลุ่งพล่านไปพร้อมกับเขา ปากอุ่นขยับไปเม้มใบหูเล็กแถมกระตุ้นเร่งเร้าด้วยคำพูด“อืม พริกร้อนมาก พริกหวานของวิน ดีสุดๆ”“อื้อ”พร้อมเสียงครางประท้วงนั้นเขาก็ถูกข่วนตรงไหล่ทำเอาสะดุ้งนิดๆ ไม่รู้ว่าหญิงสาวเคลิ้มตามหรือขัดเคืองเขากันแน่ แต่น่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่าญาดาใจหวิวหอบกระเส่าอย่างหนักหน่วง ถูกกระแสใคร่พิศวาสจากกายแกร่งทำลายล้างอย่างรุนแรง อีกฝ่ายยังจะพูดให้เธอรู้สึกซ่านสยิวไปทั้งตัวอีก เพราะเขินอายทว่ากลับเพริดตามเขาทั้งกายและใจทำให้หญิงสาวลงมือกับชายหนุ่มไป หากก็ยอมรับว่าเวลานี้ร่างทั้งร่างของเธอไม่หลงเหลือพื้นที่สมบูรณ์ใดแล้ว หากเปรียบดั่งไฟภายในตัวเธอคงมอดไหม้ไปหมดด้วยแรงรักจากร่างสูงกำยำเพียงสะโพกแกร่งทิ้งจังหวะเนิบนาบเธอก็แทบแตกพล่าน ทว่าเมื่ออีกฝ่ายเร่งเร้าหนักขึ้น ญาดาก็สุดที่จะทนอีกต่อไป เสียงหวานพร่าถูกระบายออกมาเป็นระยะทดแทนอารมณ์รุ่มร้อนที่ปะทุดุเดือดในร่างสาว หากก
สองร่างกอดเคล้านัวเนียพลิกไปมาบนเตียงขณะปากก็พร่ำมอบจูบแก่กันอยู่ชั่วอึดใจใหญ่ ก่อนพริษฐ์จะเป็นฝ่ายขึ้นมาคร่อมร่างบาง ใบหน้าขาวคมซุกไซ้ลงหาความหอมจากซอกคอเล็ก พร้อมทิ้งรอยอุ่นด้วยจูบและปลายลิ้นไล่ลงมาหาอกอวบแล้วกลับขึ้นไปยังลำคออีกข้าง ขณะที่มือข้างหนึ่งสอดเข้าไปใต้เสื้อหญิงสาวเกาะกุมความอวบอิ่มเอาไว้ในมือ เคล้าคลึงก้อนเนื้อนุ่มหยุ่นอย่างพึงใจ ได้ยินเสียงหอบแรงจากคนตัวเล็กใจเขายิ่งเต้นกระหน่ำตามไปด้วยเรือนกายแกร่งเบียดไล้ต้นขากับช่วงหน้าท้องแบนราบแสดงออกถึงการเรียกร้องต้องการ แม้จะหวาดกลัวอยู่บ้างกับความกร้าวร้อนระอุที่ไม่ยอมห่างจากเนื้อตัวเธอเลย หากญาดากลับตื่นเต้นอยากค้นหาสิ่งลึกลับที่ซุกซ่อนอยู่และไม่อาจเอื้อมคิดถึงมาก่อนพริษฐ์เม้มเนื้อบางตรงซอกคอหอมขณะที่มือหนึ่งยังเอาอกเอาใจทรวงงามสล้าง ก่อนจะไล้ลิ้นขึ้นไปหาใบหูเล็ก กัดเบาๆ ด้วยความมันเขี้ยวแล้วก็ยิ่งได้ยินเสียงหวานสั่นพร่าในลำคอเล็ก อกอวบขยับขึ้นหามือเขา ยอดทรวงเบ่งบานต้านผ้าลูกไม้เด่นชัด“วินถอดเสื้อนะ”ชายหนุ่มกระซิบบอกก่อนจะขยับตัวขึ้นพร้อมโอบร่างบางให้นั่งด้วยกัน คว้าเสื้ออีกฝ่ายถอดขึ้นด้านบน แล้วรวบเรือนร่างงดงามเข้ามาหาข
“วันนี้แก้มให้พริกดูรูปที่วินถ่ายแล้วโพสต์ในไอจี”เธอเอ่ยขึ้นทันทีที่อีกฝ่ายเข้ามากอดด้านหลังและหอมแก้มขณะที่กำลังนั่งทำงานอยู่หน้าโน้ตบุ๊กตรงโซฟาวันนี้พริษฐ์กลับดึกมาก เธอรู้ทั้งจากชายหนุ่มที่ส่งข้อความบอกและภาสกรที่ส่งข้อความมาบ่น ว่าทำงานวันแรกก็ดึกเลย ญาดาไม่มีปัญหาอยู่แล้วหากต้องกลับเอง หากฝนไม่ตกเธอก็ไม่ลำบาก แล้วตอนนี้เธอก็บอกรหัสให้ชายหนุ่มกดเข้าห้องเองได้อย่างสะดวกแล้วด้วย ทว่าเขาก็จะส่งข้อความบอกก่อนล่วงหน้าเช่นเคย เพื่อที่เธอจะได้มั่นใจว่าเป็นเขาไม่ใช่คนอื่นพยายามจะเข้าห้องชายหนุ่มเพียงสบตากับเธอแล้วยิ้มบาง ก่อนจะเดินอ้อมโซฟามานั่งข้างๆ“โกรธที่ไม่โพสต์ให้เห็นหน้าหรือเปล่า”สายตากับสีหน้าคนพูดดูก็รู้ว่าแกล้งเย้าเธอ ญาดาจึงส่ายหน้าแล้วยิ้มให้“ดูสวยเหมือนไม่ใช่พริกเลย”“แน่ะ แกล้งทำเป็นไม่รู้ว่าตัวเองสวย”พริษฐ์แซวพร้อมกับจับข้างแก้มนุ่มดึงเบาๆ“พริกกดตามวินไปแล้วนะ”เธอแค่รู้สึกว่าตนเองควรทำ คิดว่าเธอกับพริษฐ์ต้องเรียนรู้เรื่องส่วนตัวของกันและกันให้มากกว่านี้ และเธอก็อยากรู้หลายอย่างเกี่ยวกับ อีกฝ่าย“หืม? งั้นเหรอ”พริษฐ์หยิบมือถือในกระเป๋ามาดู แล้วเห็นว่ามีแจ้งเตือนจริง
“แหม หวานเชียวนะ ไม่คิดว่าคุณพริษฐ์จะมีโมเมนต์นี้”กุลนารีดูโซเชียลระหว่างนั่งรออาหารกับเธอแล้วเอ่ยขึ้นญาดาขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ ขณะที่เพื่อนส่งมือถือของตนเองมาให้ เธอจึงรับมาดูแล้วก็ถึงกับอึ้ง หน้าค่อยๆ ร้อนขึ้นกับสิ่งที่เห็น“เขาตั้งใจโพสต์แต่ภาพด้านหลังพริกล้วนๆ เลย แถมยังสวยทุกรูป โรแมนติกมากอะ”เพื่อนสาวทำท่าเคลิ้มขณะพูด“ตอนนี้มีแต่คอมเมนต์อยากเห็นหน้าผู้หญิงทั้งนั้น ส่วนเพื่อนผู้หญิงของเขาก็บอกว่าอิจฉา อยากได้รูปสวยแบบนี้บ้าง”แต่ละภาพที่พริษฐ์โพสต์เป็นภาพด้านหลังที่เธอไม่รู้ว่าชายหนุ่มถ่ายเอาไว้ เขาเก็บภาพไว้ในทุกบรรยากาศเลยทีเดียว ทุกภาพสวยจริงอย่างที่ กุลนารีพูดจนญาดายังไม่คิดว่านั่นเป็นตัวเองด้วยซ้ำ แถมยังมีภาพคู่ที่ไม่เห็นหน้าอีกด้วย ระดับความหวานพุ่งปรี๊ดจนเจ้าตัวเองยังเขิน แค่เธอเห็นจากที่เขาส่งมาให้ก็ใจหวิวแล้ว นี่ชายหนุ่มยังโพสต์เต็มหน้าโซเชียลของเขาอีก เห็นแล้วทำเอาญาดาทำหน้าไม่ถูก ไม่กล้าสบตาเพื่อนเลยทีเดียวที่สำคัญเขาใช้รูปที่เธอถ่ายให้เป็นโปรไฟล์อย่างที่บอกจริงๆกุลนารีมองคนที่เอาแต่จ้องมือถือ จะยิ้มก็ไม่ยิ้ม กัดริมฝีปากล่าง หน้าแดงระเรื่อแล้วก็ถอนหายใจยาว“อะไร
“ตกหลุมรักวินล่ะสิ”พริษฐ์เอ่ยขึ้น เมื่อออกมาแล้วเห็นว่าแฟนสาวของตัวเองยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ขณะดูจอมือถือ“ขี้ตู่”ญาดาย่นจมูกใส่พร้อมส่ายหน้า“อ้าวไม่ใช่เหรอ วินอุตส่าห์ส่งรูปตัวเองที่พริกถ่ายไปให้เพราะคิดว่าดูดีมาก”“ชอบแค่รูปเดียวเหรอ ถึงส่งมาแค่นี้”“ไม่รู้ว่าพริกอยากได้หลายรูป เดี๋ยวส่งให้รัวๆ เลย”ร่างสูงกำยำมานั่งลงข้างๆ สีหน้าทะเล้นจนน่าหมั่นไส้“จะเอามาทำไมเยอะแยะ แค่อยากรู้ว่าถูกใจบ้างไหมที่พริกถ่ายไป”“ถูกใจครับ ถูกใจมาก วินเลือกตั้งนานกว่าจะได้รูปตั้งเป็นโปรไฟล์”คนฟังถึงกับแปลกใจที่เขาบอกอย่างนั้น ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเห็นว่าดีจนเอาไปเป็นภาพโปรไฟล์“รู้ไหม เขาบอกว่าคนเราจะถ่ายรูปคนที่ตัวเองรักออกมาดูดี สวยทุกมุม เพราะออกมาจากหัวใจ”ชายหนุ่มบอกเสียงทุ้มนุ่มน่าฟัง พยายามแฝงความหมายในนั้น แต่ญาดาทำหน้าราวกับไม่รู้ไม่ชี้ลุกขึ้นพร้อมบอก“ไปกินข้าวดีกว่า หิวแล้ว”พริษฐ์มองตามร่างบางที่เดินออกไปทางประตูด้วยความรู้สึกมันเขี้ยว นึกอยากจับกลับมาจูบบังคับให้บอกรักเขาซ้ำๆ นักทั้งคู่กลับมาเก็บของเช็กเอาต์ก่อนเที่ยง แวะชมวิวกินขนมของว่างในจุดที่นิยม แล้วก็หาร้านอาหารกินกลางวันกิน ก่อนจะออกจาก
พระอาทิตย์ยังไม่สาดแสง ญาดารู้สึกตัวตามเวลาที่ตั้งปลุกเผื่อเอาไว้ หลังเหตุการณ์วาบหวามที่สุดในชีวิต ล้างตัวแล้วเธอก็ขอให้พริษฐ์เอาเสื้อผ้ามาให้แล้วให้ชายหนุ่มรอข้างนอก ไม่กล้าให้เขาอุ้มออกไปทั้งที่ยังเปลือยเปล่า แค่เขาพาเธอมาล้างตัวด้วยสภาพนี้หญิงสาวก็แทบอยากหายตัวไปจากห้องน้ำแล้ว ทว่าทำไม่ได้ แถมพริษฐ์ยังทำในสิ่งที่น่าอายสุดๆ ในห้องน้ำอีกต่างหากเมื่อออกจากห้องน้ำมาก็ถูกอุ้มจนตัวลอยพามานอนกอดบนเตียง ใกล้จะเคลิ้มหลับแล้วญาดาจึงบอกอีกฝ่ายว่าอยากดูพระอาทิตย์ขึ้น ซึ่ง ชายหนุ่มก็บอกว่าอยากเก็บภาพเหมือนกันร่างสูงกำยำขยับตัวตามเธอ ทว่ายังหลับตาแล้วพลิกไปอีกข้าง ญาดาไปเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวแล้วหยิบมือถือดูนาฬิกาอีกครั้งก่อนเดินไปเปิดม่าน ยังไม่มีแสงสาดส่องก็จริงหากฟ้าก็ไม่ถึงกับมืดมิด ได้ยินเสียงชายหนุ่มลุกจากเตียงแต่เธอเลือกเปิดประตูประจกออกไปด้านนอกแทนที่จะหันมองอีกฝ่ายติดชายหาดมีมุมที่จัดไว้สำหรับนั่งแบบเปลและโต๊ะไม้น่ารักอยู่ เธอจึงออกไปนั่งรอพริษฐ์ที่เปล ถ่ายรูปบรรยากาศเล่นด้วยมือถือไปเรื่อย ไม่นานชายหนุ่มก็ตามมา โดยที่ญาดาไม่รู้ว่าเขาเก็บภาพด้านหลังขณะนั่งบนเปลของเธอเอาไว้ด้วย“พริ
“อือ...วิน....”ญาดาเพียงพึมพำเสียงพร่าแล้วกัดริมฝีปากตัวเองราวต้องการสะกดความซ่านร้อนภายในให้สงบลงทั้งที่ไม่มีทางทำได้ปลายลิ้นอุ่นไล้เลียยอดอกสีหวานพร้อมทั้งดูดดื่มเต็มที่ กระแสบางอย่างพลุ่งพล่านในร่างสาวจนญาดาต้องบิดตัวครวญครางแผ่วผิว ไม่เพียงแค่ปาก มือชายหนุ่มยังบีบเคล้นอีกข้างอย่างไม่ยอมปล่อยให้ว่าง ทรวงงามสองข้างถูกดื่มกินราวไม่มีวันหมดความหวาน แต่ที่ร้ายกว่านั้นคือมือ ร้ายกาจข้างหนึ่งของเขาลอดผ่านขอบกางเกงใส่นอนของเธอไปแล้วไม่ใช่ครั้งแรกที่พริษฐ์ลูบไล้เธอ แม้ญาดาจะพยายามขยับขาชิดมากแค่ไหนอีกฝ่ายก็ทำให้เธออ่อนแรงได้เช่นครั้งนี้พริษฐ์ผละขึ้นมามองคนที่กำลังร้อนระอุด้วยไฟเสน่หาจากฝีมือเขาอย่างพึงพอใจ ดวงหน้าใสแดงก่ำ ตาปรือจนแทบจะลืมไม่ขึ้น ปากอิ่มถูกขบเอาไว้นิดๆ เรือนร่างงดงามได้รูปสวยดิ้นไปมาเล็กน้อย ทรวงสล้างขาวอวบสะท้อนแผ่วตามแรงหายใจ ส่วนสีชมพูจางชูช่อน่ามอง น่าลงไปฟอนเฟ้นซ้ำอีก แต่เขายังอยากมองอีกฝ่ายอยู่ มือหนาทำงานแทบไม่ให้คนตัวเล็กได้ผ่อนคลายอารมณ์ แม้จะมีผ้าเนื้อบางขวางกั้นอยู่หากแรงกระตุ้นก็มากพอที่จะทำให้ร่างสวยบิดพลิ้วด้วยความเร่าร้อน“พริกสวยที่สุดเลยคนดี”เขากระซิบบ