เพราะอาการแฮงค์ไม่ค่อยดีขึ้นเท่าไร บวกกับความไม่สบายใจที่ยังเกาะกิน ญาดาจึงใช้เวลานอนแทบทั้งวันในวันเสาร์โดยไม่ออกไปไหนอีกกระทั่งเช้าวันถัดมา
ร่างบางในชุดกางเกงวอร์มขายาวเสื้อยืดยืนรอคิวน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ โดยมีถุงโจ๊กหิ้วอยู่ในมือด้วย แล้วอยู่ๆ ก็มีใครคนหนึ่งขยับมาใกล้พร้อมกระซิบเบาๆ
“นี่ ฝากเพิ่มปาท่องโก๋สามตัวกับน้ำเต้าหู้อีกถุงสิ”
ญาดาขยับตัวถอยเล็กน้อยแล้วพอเห็นว่าเป็นใครก็พูดขึ้นเสียงเบาเช่นกันเพราะไม่อยากให้คนรอบๆ หันมาสนใจ
“สั่งเองสิ”
“เราจะไปซื้อโจ๊ก”
“แล้วไง”
“ฝากหน่อยนะ”
อีกฝ่ายบอก พลางจับมือข้างที่ว่างของเธอขึ้นมายัดแบงค์ยี่สิบใส่ แล้วก็วางมือบนไหล่บางตบลงเบาๆ ราวฝากฝังพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะผละไป ไม่สนใจแม้เธอจะเรียกซ้ำ
“เดี๋ยวสินายวิน”
เธอไม่อยากทำตัวให้เป็นจุดสนใจนักจึงไม่กล้าเรียกเขาเสียงดัง เพราะรับรู้ได้จากกระแสของคนที่อยู่ใกล้ๆ ว่ามีการเหล่มอง ซึ่งบางคนอาจไม่พอใจกับการที่เพื่อนที่มาทีหลังฝากเธอซื้อก็เป็นได้ เท่ากับคนที่มาหลังเธอต้องเสียเวลารอเพิ่มอีกหน่อยกับการเตรียมของให้เธอ แม้จะไม่นานนักทว่ามันก็น่าเกรงใจอยู่ไม่น้อย
หญิงสาวได้แต่เข่นเขี้ยวคนที่ฝากตนซื้อของอยู่ในใจ แม้ใบหน้าจะพยายามนิ่งเฉยก็ตาม หากญาดาก็ยังสั่งเผื่อชายหนุ่มตามที่เขาบอก อย่างน้อยอีกฝ่ายก็ให้เงินมาแล้ว เธอไม่อยากถือทิฐิเรื่องมาก
เมื่อได้ของตามที่สั่งเดินจากร้านน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋มาเล็กน้อยก็เห็นอีกฝ่ายได้โจ๊กมาแล้วเช่นกัน เธอจึงยื่นของให้ เพราะสั่งคนขายให้แยกถุงเรียบร้อยเพื่อความสะดวก
“อะ เอาไป ทีหลังซื้อเองนะ เสียมารยาท คนอื่นเขารอตั้งนาน”
เจ้าของร่างสูงกำยำรับถุงจากเธอด้วยสีหน้าไม่ได้อนาทรแม้แต่นิด แถมยังพูดไปเรื่องอื่น เมื่อเธอเริ่มเดินเพื่อกลับคอนโด เขาก็ก้าวตามมา
“ร้อนมาก ทั้งที่ยังเช้าอยู่นะเนี่ย”
เวลานี้เพิ่งเจ็ดโมงเช้า เธอไม่ค่อยรู้สึกว่าร้อนเท่าไร ทว่าดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ชิน ใบหน้าขาวคมมองเห็นไรเคราเขียวมีเหงื่อผุดพราย แผงอกเสื้อของเขาก็เริ่มซึมเปียก ทว่าเมื่อสายตามองแผงอกกว้างแล้วก็อดที่จะเลื่อนสูงผ่านคอแกร่งไปหยุดที่ปากได้รูปสีแดงสดของชายหนุ่มอย่างลืมตัวไม่ได้
บางอย่างทำให้เธอสะดุดใจ แต่ญาดาพยายามบอกตัวเองว่าไม่ใช่ เธอจำสีหน้าที่อีกฝ่ายเห็นเธอเมื่อตอนกลางวันเมื่อวานได้ เขาดูแปลกใจ
“พริก”
เสียงเรียกที่คุ้นประหลาดทำเอาใจสาวไหววูบ แม้จะย้ำกับตัวเองว่าไม่น่าจะใช่คนตรงหน้า ทว่าก็ยังรู้สึกสะกิดใจอยู่
“นายไปงานแต่งพี่เชนทร์คืนวันศุกร์หรือเปล่า”
เธอตัดใจถามออกไป แทนที่จะสนใจที่อีกฝ่ายเรียกตนเอง
พริษฐ์เหลือบมองคนตัวเล็กที่เดินข้างกันขณะก้าวเข้าประตูคอนโด หญิงสาวมองหน้าเขาเพียงแวบเดียวแล้วมองตรงราวไม่ต้องการสบตาอย่างไรอย่างนั้น
“ไปสิ จะพลาดได้ไง”
ร่างบางดูชะงักเล็กน้อย หากก็ก้าวเข้าลิฟต์ที่เปิดออกมาพอดี โดยมีคนอื่นนอกจากทั้งคู่ด้วยทำให้ต่างฝ่ายต่างก็เงียบไป กระทั่งถึงชั้นของตนแล้วเดินไปตามโถงกลางตามลำพังนั่นแหละ หญิงสาวจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“นายมาอยู่นี่ตั้งแต่เมื่อไร ไม่เคยเห็นเลย”
“อาทิตย์ก่อนน่ะ”
“ทำงานแถวนี้เหรอ”
ถามไปแล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าเขาเป็นน้องชายของเจ้านายเธอ
“จริงๆ ก็ตกงานอยู่”
ชายหนุ่มบอกพร้อมยิ้มบาง สีหน้าไม่ได้ดูเหมือนคนตกงานเลยแม้แต่น้อย
“ทำไมนายไม่ทำงานที่ธนัญการ”
หญิงสาวเอ่ยชื่อบริษัทแม่สั้นๆ ซึ่งก็คือ ธนัญการคอเปอเรชั่นของตระกูลชายหนุ่ม
“ถ้าไม่รู้จากคุณพศินเมื่อวาน ก็ลืมไปแล้วว่านายก็นามสกุลนี้”
อีกฝ่ายเพียงแค่หัวเราะในลำคอ เธอเองก็ไม่ได้ใส่ใจนัก ต่างก็ห่างหายกันไปเกือบสิบปี ไม่แปลกที่ตนเองและชายหนุ่มจะไม่ได้จดจำนามสกุลของกันและกัน แม้จะเรียนคณะเดียวกันก็ตาม นักศึกษามีหลายร้อยคน หากไม่ได้ทำงานกลุ่มร่วมกันบ่อยๆ ก็ยากที่จะจำจนขึ้นใจ
ทั้งคู่เข้าชมรมถ่ายภาพเหมือนกัน และเธอก็ได้เจอเชนทร์ในชมรมนี้
“เราไปต่ออเมริกา ทำงานที่โน่นยาวเลย เพิ่งกลับมาได้เดือนเดียวเอง”
ญาดาพยักหน้ารับ หากก็ไม่ได้ตาวาวหรือสนใจอะไรมากนัก เมื่อมาถึงหน้าห้องก็แตะคีย์การ์ดประตู แต่พอเปิดเข้าไปมือหนาก็วางข้างๆ มือเธอดันประตูกว้างขึ้น ร่างสูงกว่าเธอมากขยับมาใกล้ด้านหลังพร้อมเอ่ย
“ขอไปกินข้าวเช้าด้วยนะ”
“หา?”
ยังไม่ทันได้แย้งอะไร อีกฝ่ายก็ดันหลังเธอแผ่วเบาให้เข้าห้องโดยมีเขาก้าวตามติดเข้ามา ญาดาหันกลับมามองคนที่ถือวิสาสะเข้าห้องตนโดยไม่ได้รับอนุญาตตาขวาง
“นี่นายวิน เรายังไม่ได้บอกเลยว่าให้เข้ามาได้”
“เอาน่า อย่าใจดำกับเพื่อนกับฝูงสิ”
พริษฐ์บอกหน้าตาเฉย
“แต่นี่มันห้องส่วนตัวของผู้หญิงที่อยู่คนเดียว”
ญาดากัดฟันพูดเสียงเข้ม ทว่าอีกฝ่ายยักไหล่
“ก็ดีออกไม่ใช่เหรอ เรามาอยู่ใกล้ๆ เป็นเพื่อนบ้าน เข้านอกออกในบ่อย คนเห็นจะได้ไม่คิดว่าพริกหัวเดียวกระเทียมลีบ”
“จะยิ่งมองไม่ดีสิไม่ว่า”
เจ้าของห้องเริ่มเสียงดังขึ้น ทว่าพริษฐ์กลับโน้มหน้าขาวคมมาใกล้พร้อมยิ้มหวานให้ ทำเอาคนตัวเล็กต้องเอนถอยห่าง เป็นโอกาสให้ชายหนุ่มปิดประตูลงได้
“คุยกันหน่อยสิ เราออกจะคิดถึงเพื่อน”
ญาดามองคนพูดอย่างไม่ไว้ใจพร้อมชูถุงโจ๊กในมือเตรียมพร้อมปาทันที ทำเอาพริษฐ์รีบถอยไม่เป็นกระบวนไปยืนชิดประตู
“เดี๋ยวๆๆ เราแค่อยากคุยตามประสาเพื่อนที่ไม่เจอกันนานจริงๆ”
ตาคู่กลมโตบอกชัดว่ายังไม่เชื่อ ทำเอาคนกลัวถุงโจ๊กร้อนจะลอยมาใส่อดเหลือบมองมันสลับกับดวงหน้าเล็กใสไปมาอย่างระแวงไม่ได้
“ถึงเป็นเพื่อน แต่ก็ห่างกันไปตั้งนานแล้ว แถมเพิ่งเจอกันนายก็มาขอเข้าห้องเราเลยเนี่ยนะ”
“เราไม่ใช่เพื่อนซี้ก็จริง แต่ก็สนิทแล้วก็คุยกันถูกคอรู้จักกันมาตลอดสี่ปีไม่ใช่เหรอ แล้วห้องติดกันแค่นี้เอง ทำไมพริกคิดมาก มีเพื่อนอยู่ใกล้ๆ จะได้พึ่งพากันได้”
“อย่างนายเนี่ยนะ”
หญิงสาวส่งสายตาดูแคลนจนคนเห็นขมวดคิ้วขุ่นใจ
“อย่างเราทำไม”
“นายมันตัวอันตราย”
ญาดาพูดออกมาแล้วทั้งสองคนต่างก็เงียบไป พริษฐ์เองก็ดูจะไม่เถียงในข้อนี้ เพราะตลอดเวลาที่รู้จักกันหญิงสาวก็เรียกเขาแบบนี้และไม่เคยไว้ใจเขาให้เข้าใกล้เกินควร เธอมองว่าเขาเป็นเสือผู้หญิง ซึ่งมันก็จริง พริษฐ์นอนกับสาวในมหาวิทยาลัยมากหน้าหลายตา ที่สำคัญเขาไม่ได้คบใครจริงจังด้วย ทำตัวโสดพร้อมควงทุกคนเสมอ หนุ่มหล่อบ้านรวยขับรถหรู สาวๆ ที่ไหนก็พร้อมกระโจนเข้าหา แม้พริษฐ์ไม่ได้เป็นเดือนมหาวิทยาลัยเพราะเขาไม่สนใจประกวดแข่งขันถึงจะมีคนยุมากมายก็ตาม ทว่าชายหนุ่มก็เป็นที่หมายปองของสาวๆ ตลอดระยะเวลาสี่ปีที่เขาเรียน
“ยังจำได้อยู่อีกเหรอ”
ชายหนุ่มพยายามเปลี่ยนบรรยากาศมาเป็นพูดเล่น ก่อนจะยิ้มกว้างอีกครั้ง
“พริกก็รู้ว่าเราไม่อันตรายกับพริก”
=====
วินดูน่าสงสัยสุดละ ^-^
ติดตามข่าวสารนิยายเรื่องใหม่ เมาท์ เมนต์ นะจ๊ะ
“พริกก็รู้ว่าเราไม่อันตรายกับพริก”คนฟังเม้มปาก เธอรู้ว่าสิ่งที่พูดไปทำให้อีกฝ่ายเสียความรู้สึกไม่น้อย เพราะเธอเรียกเขาแบบนี้เมื่อไร พริษฐ์จะหน้าเสียทุกที และพยายามยืนยันคำพูดเดิมๆ เหมือนเช่นตอนนี้ไม่ใช่ไม่รู้ ว่าพริษฐ์เห็นเธอเป็นเพื่อนจริงๆ แต่ลึกในใจญาดายอมรับว่าเธอกลัวชายหนุ่มหน่อยๆ หากก็ไม่เคยพูดให้เขารู้ ทว่าเวลาอีกฝ่ายเข้าใกล้ปฏิกิริยาของเธอจะค่อนข้างชัดเจนคือรีบถอยห่าง จนชายหนุ่มยังเคยแซวว่า เธอคงเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ถอยหนีเขาแต่สิ่งที่ทำให้เธอยังพูดคุยกับพริษฐ์ ไม่ตัดความสัมพันธ์ฉันเพื่อนไปก็เพราะคำพูดของเขาในช่วงแรกที่เพิ่งรู้ว่าเข้าชมรมเดียวกัน‘คงมีแค่พริกที่เรานั่งกินข้าวด้วยได้แบบสบายใจ’การอยู่ชมรมเดียวกัน ทำให้พูดคุยเรื่องถ่ายภาพที่ชอบเหมือนกันได้ถูกคอ แล้วก็เป็นชายหนุ่มเองที่มักจะเข้ามาชวนเธอคุยเวลากินข้าวกลางวันก่อนเข้าชมรมด้วยกัน‘ทำไม’ในตอนนั้นเธอถามไปอย่างนั้นเอง เพราะกำลังอร่อยกับอาหารตรงหน้ามากกว่า‘ก็คนอื่นกินไปทำตาหวานใส่ไป บางคนชวนคุยเรื่องบนเตียง บางคนกินไปลูบต้นขาเราไป กินไม่อิ่มสักที’ญาดาจำได้ว่าเธอเงยหน้าขึ้นสบตาคู่คมสีดำขลับอึ้งๆ ขณะที่อีกฝ่ายยิ้มให้อ
บนรถทัวร์ที่กำลังเคลื่อนออกจากมหาวิทยาลัย ญาดานั่งข้างฝ้ายเพื่อนผู้หญิงที่อยู่คนละคณะทว่ามาทำความรู้จักกันในชมรม หากก็สนิทกันพอสมควร สองสาวหันมองหน้ากันทันทีและขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเพลงที่รุ่นพี่ร้องประสานเสียงขึ้น“เสร็จล่ะมึงคราวนี้เสร็จล่ะมึง อยู่บ้านดีๆ ไม่ชอบ อยู่บ้านดีๆ ไม่ชอบ เสือกมารับน้องคราวนี้เสร็จล่ะมึง”รุ่นพี่พร้อมใจกันร้องวนอยู่ครู่ใหญ่ เพื่อนของเธอกลืนน้ำลาย ทว่าก็ไม่ได้พูดอะไร ญาดาคิดว่าอีกฝ่ายคิดเหมือนเธอก็คือ เพลงดูเป็นลางไม่ค่อยดีเท่าไรแน่นอนว่าเธอกำลังจะไปรับน้องกับชมรมที่ต่างจังหวัด แม้จะมีรับน้องภายในคณะไปแล้ว ทว่าชมรมก็มีการรับน้องด้วย ซึ่งรุ่นพี่บอกว่าเป็นการทำกิจกรรมสานสัมพันธ์พี่น้องในชมรมสนุกๆ กับได้ถ่ายรูปธรรมชาติตามสไตล์ชมรมถ่ายภาพ รุ่นน้องจึงต่างก็อยากเข้าร่วมเพราะอยากแสดงฝีมือและเหมือนได้ไปเที่ยวกลายๆมาถึงที่พักแห่งหนึ่งบริเวณแก่งกระจาน เพียงแค่รถจอดก็ได้ยินเสียงประกาศจากโทรโข่งดังขึ้นทันที“ลงมาเลยน้องๆ ลงมาเลย เข้าแถวตอนเรียงหนึ่ง ชายสามแถว หญิงสองแถว ให้ไวเลยน้องให้ไว”ญาดากับเพื่อนรีบขยับตัวทันทีเมื่อคนอื่นต่างก็ลุกพรวดแล้วมุ่งหน้าไปยังประตูรถตามๆ กั
ช่วงกลางคืนแบ่งกลุ่มใหม่โชว์ความสามารถและเล่นเกม เป็นการสันทนาการสนุกๆ และความร่วมมือร่วมใจกันในทีม แม้จะไม่รู้จักกันมากนักหากเพื่อนในกลุ่มของญาดาก็ให้ความร่วมมือกันดีจนได้อันดับที่หนึ่งมา รางวัลเป็นของที่ระลึกจากรุ่นพี่ ซึ่งเธอได้ของจากเชนทร์“อย่าเพิ่งเปิดดูนะน้อง เดี๋ยวตกใจ”อีกฝ่ายบอกพร้อมยิ้มกว้างญาดาได้แต่ทำหน้ามึนงง เขาใส่มาในซองขนาดโปสการ์ด เธอจึงยังไม่ดูตามที่ชายหนุ่มบอกต่อมาเป็นการบายศรีผูกข้อมือรับน้องซึ่งนั่งกันเป็นวงกลม ญาดานั่งติดกับเพื่อนที่อยู่กลุ่มเดียวกันซึ่งเธอจำได้ว่าเป็นผู้ชายที่ชนเธอก่อนหน้านี้ เพราะหน้าตาเขาค่อนข้างเด่นกว่าทุกคน สาวๆ หลายคนมองตามทั้งรุ่นเดียวกันและรุ่นพี่ แต่อีกฝ่ายนั่งจนเข่าของเขามาชนกับเธอ ทำเอาญาดาถึงกับสะดุ้ง พยายามถอยห่างนิดๆ ทำให้ตัวเธอเหลื่อมออกมาจากวงกลมเล็กน้อย ไม่อยากนั่งเข่าชนกับเขาชายหนุ่มมองเธออย่างแปลกใจ คิ้วเข้มขมวดก่อนจะพูดขึ้น“ขยับเข้ามาอีกสิเธอ เดี๋ยวรุ่นพี่ก็มาถึงแล้ว”“ไม่อะ เจ็บเข่า”อีกฝ่ายยิ่งขมวดคิ้วมากขึ้น ญาดาจึงบอกเขาไปเพราะเกรงเขาจะคิดว่าเธอรังเกียจ“เราไม่ได้รังเกียจอะไรนายนะ แต่เข่านายชนเข่าเรา มันแข็ง เราเจ็บ”เ
ภาพที่ญาดาถ่ายได้แปะที่บอร์ดของชมรมหนึ่งภาพอย่างที่หญิงสาวคาดไม่ถึง ส่วนภาพที่เหลือเชนทร์ให้เธอทั้งหมด โดยรุ่นน้องคนที่ได้โชว์ภาพมีทั้งหมดสิบคนรวมเธอ หนึ่งในนั้นมีวิน หนุ่มหล่อขวัญใจสาวทั่วมหาวิทยาลัยด้วยนับตั้งแต่รับน้อง ญาดามีโอกาสได้พูดคุยกับเชนทร์มากขึ้น เพราะเขาเป็นรุ่นพี่ที่ยินดีช่วยเหลือและให้คำแนะนำน้องๆ โดยในชมรมมีการจัดอบรมบ่อยครั้งจากรุ่นพี่ ซึ่งไม่ได้บังคับรุ่นน้องให้เข้าร่วมทุกคน แต่ญาดาก็ไปทุกครั้งอย่างไม่เคยพลาด ตอนนี้เธอเริ่มเก็บเงินได้จำนวนหนึ่งแล้วแต่ยังไม่พอซื้อกล้อง แต่เมื่อจำเป็นต้องใช้ในการอบรมเมื่อไร เชนทร์ก็จะให้ยืมอย่างใจดีอย่างเช่นวันนี้ แถมยังมีชีตปึกหนาเพิ่มมาด้วย“นี่ชีตวิชาที่พริกบอกว่าไม่ค่อยเข้าใจ ของพี่เอง พี่โน้ตอะไรสำคัญๆ ไว้ ไม่เข้าใจตรงไหนก็ถามได้”ชายหนุ่มส่งมาให้ ทำเอาญาดามองชีตกับกล้องก่อนจะมองหน้าคนให้ด้วยสายตาเหมือนเห็นพระเอกขี่ม้าขาว“แหม ใจดีกับน้องพริกกว่าทุกคนอีกแล้วไอ้เชนทร์ กลัวเขาไม่รู้หรือไงวะ”“รู้อะไร”เชนทร์ถามกลับยิ้มๆ รับคำแซว แต่ก็ไม่ได้เถียงหรือปฏิเสธ“แน่ๆๆ ทำเป็นมึน”รุ่นพี่ที่สนิทกับชายหนุ่มกระแทกไหล่ ก่อนจะเดินเข้าชมรมไป เชน
“พะ...”ป้าบ!คนตัวเล็กที่กระโจนเข้ามาหาพร้อมตะปบปากเขาเสียงดังทำเอาพริษฐ์ถึงกับงง แถมเธอยังโถมตัวใส่เขาแล้วดันให้ถอยแทบไม่เป็นกระบวน แม้แข็งแรงกว่าแต่ชายหนุ่มก็ยอมถอยตามอีกฝ่ายไปจนเกือบถึงมุมบันได“อะไรเนี่ยพริก”เมื่อญาดายอมปล่อยมือออกจากปากเขาก็ถามทันที รู้สึกชาราวกับเพิ่งถูกตบปากก็ไม่ปาน“วันนี้ไม่ต้องเข้าชมรมหรอก ไปที่อื่นเถอะ”“ไม่รู้จะไปไหน เบื่อๆ ว่าจะมาแอบงีบที่นี่สักหน่อย”พริษฐ์บอกพร้อมกับเดินไปข้างหน้าแต่ญาดาฉุดแขนเขาเอาไว้พร้อมพูดรัวเร็ว“จะไม่มีที่ไปได้ยังไง นายมีผู้หญิงตั้งกี่คน ไม่ไปกับใครสักคนเลยเหรอ”คำพูดของอีกฝ่ายทำให้ชายหนุ่มต้องหันกลับมามองด้วยความแปลกใจ“ในนั้นมีอะไรงั้นเหรอ”เขาเดาได้ในทันทีว่าภายในชมรมต้องมีอะไรผิดปกติไป เพราะที่นั่นเป็นส่วนที่สมาชิกสามารถเข้าออกได้ตลอดตามต้องการ แต่ญาดากลับไม่อยากให้เขาเข้าไปในตอนนี้“เรื่องที่เราไม่ควรยุ่งน่ะ”เธอตัดสินใจพูดไปดวงหน้าใสที่ผมยาวสลวยถูกรวบสูงไว้ด้านหลังทั้งหมดนั้นค่อนข้างแดงเล็กน้อย มีเหงื่อผุดตรงหน้าผาก ทำให้เขาเชื่อว่าในชมรมน่าจะมีสิ่งที่ไม่ควรเห็นจริงๆพริษฐ์กำลังขยับปากจะพูดปลายหางตาก็เห็นคนสองคนก้าวออกมาจา
“พริก คุณวุ้นเรียกประชุมด่วนตอนบ่ายนะ”อนงค์นางเดินมายังโต๊ะของเธอทันทีที่กลับเข้ามาในแผนกพร้อมกับพนิดา สีหน้าทั้งสองเคร่งเครียดจนญาดาอดคิดถึงคำที่กุลนารีพูดไม่ได้น่าจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น“ทุกคนเหรอคะ”“แค่หัวหน้า”“ค่ะ”หญิงสาวรับคำอนงค์นางจึงเดินไปยังฝ่ายของตน ญาดาทำงานอยู่ในแผนกที่เล็กที่สุดในบริษัท เป็นสำนักพิมพ์ที่เป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายประชาสัมพันธ์และการตลาด เพราะความจริงพนิดาเป็นผู้จัดการฝ่ายนี้ เจ้านายเธอของเปิดสำนักพิมพ์ทั้งที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันเลยแต่เป็นความชอบส่วนตัวของอีกฝ่ายที่อยากทำ ในแผนกจึงมีทั้งทีมทำหนังสือและประชมสัมพันธ์อยู่ด้วยกัน แม้จะดูแปลกสักหน่อย แต่เพราะนี่คือบริษัทของตระกูลธนัญการ ลูกสาวของเจ้าของบริษัทอยากทำจึงไม่แปลกที่จะทำได้ แม้เวลานี้คนที่ดูแลทุกอย่างจะเป็นพศินแต่เธอรู้มาจากอนงค์นางว่าท่านประธานใหญ่ไพศาลรักลูกสาวมาก“มีเรื่องเครียดอะไรเหรอครับ”ภาสกรลุกขึ้นยื่นหน้าข้ามพาร์ทิชันฝั่งตรงข้ามมาถามเธอ ญาดาได้แต่ถอนหายใจก่อนจะมองอีกฝ่ายด้วยสายตาดุ“อยากรู้อยากเห็น”“ก็หน้าเจ๊เขาบอกบุญไม่รับ แถมคิ้วยังผูกโบขนาดนั้น จะไม่ให้อยากรู้ได้ยังไง”ชายหนุ่มพูดพร้อมเห
ใช้เวลาพอสมควรกว่าจะมาถึงคอนโด แต่ญาดาก็คิดงานออกพอดีจึงโน้ตไว้ในมือถือของตัวเอง มีบ้างที่ภาสกรถามถึงเรื่องประชุมด่วนแต่เธอบอกว่าเขาจะได้รู้ตอนประชุมรวมชายหนุ่มก็ไม่ซักไซ้อะไรอีก ปล่อยให้เธอก้มหน้าพิมพ์งานในมือถือไปทั้งสองคนเดินจากรถมาถึงตอนที่ลิฟต์ของลานจอดรถใกล้จะปิดพอดีภาสกรจึงเอ่ยขึ้น“รอด้วยครับ”แต่แล้วชายหนุ่มก็นึกขึ้นมาได้ว่าของที่ตนถือในมือไม่ครบ“อ้าว ลืมโน้ตบุ๊ก พี่พริกขึ้นไปก่อนเลย”พูดจบภาสกรก็หันหลังกลับทันที เพราะปกติจะวางของที่เบาะข้างตัว แต่เมื่อมีคนนั่งด้วยเขาจึงเอากระเป๋าใส่โน้ตบุ๊กไปวางที่เบาะหลังญาดารีบเดินไปยังลิฟต์อย่างไม่ให้เสียเวลา เพราะเกรงใจคนที่เปิดลิฟต์รออยู่ เมื่อไปถึงก็เห็นว่าเป็นพริษฐ์ยืนอยู่ในนั้น ร่างบางชะงักเล็กน้อยหากก็ก้าวเข้าไปก่อนประตูลิฟต์จะปิด“ไง เพิ่งกลับเหรอ”เขาเอ่ยทักขึ้น“อืม”ญาดาไม่ได้หันมองอีกฝ่ายแต่ก็ตอบรับสั้นๆ ยอมรับว่ายังเคือง ชายหนุ่มกับสิ่งที่เขาพูดเมื่อวานอยู่ และเธอก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป นอกจากมองเขาอย่างไม่พอใจ ทว่าพริษฐ์ก็ยอมเดินออกจากห้องเธอไปง่ายๆ โดยไม่เซ้าซี้ทั้งคู่เงียบไปเพียงชั่วอึดใจพริษฐ์ก็ถามขึ้นอีก“พริกกลับกับหมอน
พริษฐ์หันกลับมาเมื่อเห็นว่าญาดาเงียบไป ทั้งที่ไม่เห็นหน้าชัดนักหากเขาก็พอเดาความคิดของหญิงสาวได้“เวลาแบบนี้ พริกอาจจะเหงา”“เราไม่เป็นไร”เธอตอบกลับเสียงเรียบทำให้ชายหนุ่มถอนหายใจ“ทำไมต้องทำเป็นเข้มแข็งทั้งที่ตัวเองอ่อนแอ”“เราไม่ได้อ่อนแอ”“ขอล่ะพริก อย่าหัวดื้อได้ไหม”“นายต่างหากที่ดื้อ นายเข้ามายุ่งเรื่องของเราทั้งที่เราไม่ได้ต้องการ เราจัดการความรู้สึกตัวเองได้”“จัดการได้งั้นเหรอ จัดการได้จริงแล้วทำไม...”เปรี้ยง!! ครืน!!แสงวาบตามด้วยเสียงฟ้าดังสนั่นอีกครั้ง ไฟดับไปแล้วทำให้ความสว่างแวบเข้ามาชัดเจน พร้อมกับร่างบางสะดุ้งเฮือกผวาเข้าไปใกล้ชายหนุ่ม พริษฐ์เองก็คว้าเอวเธอทันทีเช่นกันความใกล้ชิดครั้งที่สองทำให้ต่างก็ยืนนิ่งเงียบกันชั่วอึดใจก่อนชายหนุ่มจะเป็นฝ่ายพูดขึ้น“นี่เหรออยู่คนเดียวได้”“อยู่ได้น่า มันเป็นปฏิกิริยาเวลาตกใจแค่นั้นเอง อย่าตีขลุมได้ไหม ปล่อยด้วย”“แค่ยอมรับว่าตัวเองอ่อนแอ มันเสียหน้ามากเหรอ”“เราว่านายกับเรากำลังพูดคนละเรื่องกันนะ”“มันก็ใช่ แต่พริกกำลังรู้สึกแย่ เราเป็นห่วง”น้ำเสียงที่ทุ้มลงทำให้ญาดาหน้าร้อนขึ้นมา รู้สึกหวั่นใจเพราะความใกล้ชิดที่มากเกินไประหว่า
“ขอโทษครับที่รัก วินจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว”พริษฐ์ลูบไหล่บางแผ่วเบา รู้สึกผิดอยู่บ้างเหมือนกันหากจำต้องบังคับให้อีกฝ่ายห้ามถอดแหวนของเขา มือหนาลูบลงมาจับมือบ้างขึ้น หยิบแหวนจากกล่องกำมะหยี่ที่ใส่กระเป๋ากางเกงไว้ตอนจูโจ่มหญิงสาวออกมาสวมคืนให้ ก่อนจะยกมือบางขึ้นมาจูบ แล้วพรมไล้จนทั่วทุกนิ้ว“ใส่ไว้ ห้ามถอด มันคือสิ่งที่บอกว่าพริกกุมหัวใจวินเอาไว้”เขากระซิบบอกแล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อถูกมือหญิงสาวอีกข้างเหน็บเข้าตรงเอวหนา“นี่แน่ะ ชอบแกล้งพริกอยู่ได้”“ไม่แกล้งแล้ว คราวนี้จะรักแล้ว มามะ มารักกัน”ชายหนุ่มบอกแล้วกดจูบลงไปบนริมฝีปากอิ่มสวยทันที จบการโต้เถียงทุกคำจากคนตัวเล็ก ญาดาเองก็ไม่ได้โกรธชายหนุ่มเท่าไรนัก แม้จะกลัวจริงๆ แต่พอเขากอดอ้อมกอดอุ่นก็ปัดสัมผัสน่าตกใจเมื่อครู่เลือนหาย แล้วเธอก็อยากได้รับการแตะต้องอย่างทะนุถนอมจากอีกฝ่ายมาเติมเต็มเพิ่มขึ้นไปอีกอกใจสาวเต้นรัวขึ้น สะโพกถูกยกขึ้นให้เกยตักแกร่ง มือหนาลูบไล้สัดส่วนสะคราญอย่างเร่งร้อนราวต้องการลบความรู้สึกเมื่อครู่ทิ้งให้เธอ ผ้าเนื้อบางไม่ช่วยปกป้องเธอจากมืออีกฝ่ายแม้แต่น้อยนิดวันนี้ญาดาใส่เสื้อยืดตัวเล็กกับกางเกงขาสั้นเนื้อนิ่ม พักหล
พริษฐ์ย้ำกับเธอซ้ำอีกก่อนจะต่างคนต่างแยกไปขึ้นลิฟต์ฝั่งของตนเองว่าจะพาไปซื้อแหวนหมั้น ญาดาได้แต่ถอนหายใจเพราะปฏิเสธไปแล้วอีกฝ่ายก็ไม่ยอม เธอได้แต่ส่งข้อความไปบอกกุลนารีว่าวันนี้ต้องไปทำธุระ กินข้าวกลางวันด้วยไม่ได้ ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่มีปัญหา ก่อนจะมาเจอชายหนุ่มที่รถตามที่เขานัดเอาไว้ญาดาไม่ค่อยเห็นด้วยที่เขาจะซื้อแหวนให้เธอ และเมื่อเห็นร้านที่ชายหนุ่มกำลังจะพาเข้าแล้วก็ถึงกับตาโต รีบดึงมือหนาเอาไว้ก่อนด้วยความตกใจ“ร้านแพงไปนะวิน”เธอบอกอย่างเกรงใจ ไม่อยากให้เขาเสียเงินเยอะเพราะเรื่องนี้“ไม่นี่”ร่างสูงจะก้าวต่อแต่ญาดาย้ำเสียงเข้ม“พริกไม่เอานะวิน ถ้าจะซื้อแบบนี้ไม่ต้องซื้อเลยนะ”สุดท้ายพริษฐ์ก็ถอนหายใจออกมาแล้วก้มลงพูดกับเธอด้วยสีหน้าท่าทางจริงจัง“วินจะซื้อแหวนทองคำขาวเกลี้ยงๆ ไม่มีเพชร ไม่มีลวดลายอะไรทั้งนั้นนะครับ โอเค๊”เมื่ออีกฝ่ายบอกมาอย่างนั้นเธอจึงพยักหน้ายินยอม จากนั้น ชายหนุ่มก็จับมือเธอเดินเข้าร้าน ครู่หนึ่งสองหนุ่มสาวกก็ออกจากร้านโดยญาดามีแหวนทองคำขาวกลมเกลี้ยงเนื้อหนาบนนิ้วนางข้างซ้าย==============เขาไม่เห็นแหวนบนนิ้วของญาดา พริษฐ์แอบสังเกตนิ้วนางข้างซ้ายของหญิงสาวที่สอ
“แป๊บเดียว เดี๋ยวดีขึ้นครับคนดี”เขาจูบซ้ำบนหน้าผากนวลเมื่อเริ่มเคลื่อนไหว ทั้งที่ภายในกายหนุ่มแทบระเบิดด้วยเพลิงเร่าร้อน หากเขาก็กัดฟันยับยั้งสะโพกตนเองให้ช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ รั้งรอคนใต้ร่างให้ปรับตัวและพลุ่งพล่านไปพร้อมกับเขา ปากอุ่นขยับไปเม้มใบหูเล็กแถมกระตุ้นเร่งเร้าด้วยคำพูด“อืม พริกร้อนมาก พริกหวานของวิน ดีสุดๆ”“อื้อ”พร้อมเสียงครางประท้วงนั้นเขาก็ถูกข่วนตรงไหล่ทำเอาสะดุ้งนิดๆ ไม่รู้ว่าหญิงสาวเคลิ้มตามหรือขัดเคืองเขากันแน่ แต่น่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่าญาดาใจหวิวหอบกระเส่าอย่างหนักหน่วง ถูกกระแสใคร่พิศวาสจากกายแกร่งทำลายล้างอย่างรุนแรง อีกฝ่ายยังจะพูดให้เธอรู้สึกซ่านสยิวไปทั้งตัวอีก เพราะเขินอายทว่ากลับเพริดตามเขาทั้งกายและใจทำให้หญิงสาวลงมือกับชายหนุ่มไป หากก็ยอมรับว่าเวลานี้ร่างทั้งร่างของเธอไม่หลงเหลือพื้นที่สมบูรณ์ใดแล้ว หากเปรียบดั่งไฟภายในตัวเธอคงมอดไหม้ไปหมดด้วยแรงรักจากร่างสูงกำยำเพียงสะโพกแกร่งทิ้งจังหวะเนิบนาบเธอก็แทบแตกพล่าน ทว่าเมื่ออีกฝ่ายเร่งเร้าหนักขึ้น ญาดาก็สุดที่จะทนอีกต่อไป เสียงหวานพร่าถูกระบายออกมาเป็นระยะทดแทนอารมณ์รุ่มร้อนที่ปะทุดุเดือดในร่างสาว หากก
สองร่างกอดเคล้านัวเนียพลิกไปมาบนเตียงขณะปากก็พร่ำมอบจูบแก่กันอยู่ชั่วอึดใจใหญ่ ก่อนพริษฐ์จะเป็นฝ่ายขึ้นมาคร่อมร่างบาง ใบหน้าขาวคมซุกไซ้ลงหาความหอมจากซอกคอเล็ก พร้อมทิ้งรอยอุ่นด้วยจูบและปลายลิ้นไล่ลงมาหาอกอวบแล้วกลับขึ้นไปยังลำคออีกข้าง ขณะที่มือข้างหนึ่งสอดเข้าไปใต้เสื้อหญิงสาวเกาะกุมความอวบอิ่มเอาไว้ในมือ เคล้าคลึงก้อนเนื้อนุ่มหยุ่นอย่างพึงใจ ได้ยินเสียงหอบแรงจากคนตัวเล็กใจเขายิ่งเต้นกระหน่ำตามไปด้วยเรือนกายแกร่งเบียดไล้ต้นขากับช่วงหน้าท้องแบนราบแสดงออกถึงการเรียกร้องต้องการ แม้จะหวาดกลัวอยู่บ้างกับความกร้าวร้อนระอุที่ไม่ยอมห่างจากเนื้อตัวเธอเลย หากญาดากลับตื่นเต้นอยากค้นหาสิ่งลึกลับที่ซุกซ่อนอยู่และไม่อาจเอื้อมคิดถึงมาก่อนพริษฐ์เม้มเนื้อบางตรงซอกคอหอมขณะที่มือหนึ่งยังเอาอกเอาใจทรวงงามสล้าง ก่อนจะไล้ลิ้นขึ้นไปหาใบหูเล็ก กัดเบาๆ ด้วยความมันเขี้ยวแล้วก็ยิ่งได้ยินเสียงหวานสั่นพร่าในลำคอเล็ก อกอวบขยับขึ้นหามือเขา ยอดทรวงเบ่งบานต้านผ้าลูกไม้เด่นชัด“วินถอดเสื้อนะ”ชายหนุ่มกระซิบบอกก่อนจะขยับตัวขึ้นพร้อมโอบร่างบางให้นั่งด้วยกัน คว้าเสื้ออีกฝ่ายถอดขึ้นด้านบน แล้วรวบเรือนร่างงดงามเข้ามาหาข
“วันนี้แก้มให้พริกดูรูปที่วินถ่ายแล้วโพสต์ในไอจี”เธอเอ่ยขึ้นทันทีที่อีกฝ่ายเข้ามากอดด้านหลังและหอมแก้มขณะที่กำลังนั่งทำงานอยู่หน้าโน้ตบุ๊กตรงโซฟาวันนี้พริษฐ์กลับดึกมาก เธอรู้ทั้งจากชายหนุ่มที่ส่งข้อความบอกและภาสกรที่ส่งข้อความมาบ่น ว่าทำงานวันแรกก็ดึกเลย ญาดาไม่มีปัญหาอยู่แล้วหากต้องกลับเอง หากฝนไม่ตกเธอก็ไม่ลำบาก แล้วตอนนี้เธอก็บอกรหัสให้ชายหนุ่มกดเข้าห้องเองได้อย่างสะดวกแล้วด้วย ทว่าเขาก็จะส่งข้อความบอกก่อนล่วงหน้าเช่นเคย เพื่อที่เธอจะได้มั่นใจว่าเป็นเขาไม่ใช่คนอื่นพยายามจะเข้าห้องชายหนุ่มเพียงสบตากับเธอแล้วยิ้มบาง ก่อนจะเดินอ้อมโซฟามานั่งข้างๆ“โกรธที่ไม่โพสต์ให้เห็นหน้าหรือเปล่า”สายตากับสีหน้าคนพูดดูก็รู้ว่าแกล้งเย้าเธอ ญาดาจึงส่ายหน้าแล้วยิ้มให้“ดูสวยเหมือนไม่ใช่พริกเลย”“แน่ะ แกล้งทำเป็นไม่รู้ว่าตัวเองสวย”พริษฐ์แซวพร้อมกับจับข้างแก้มนุ่มดึงเบาๆ“พริกกดตามวินไปแล้วนะ”เธอแค่รู้สึกว่าตนเองควรทำ คิดว่าเธอกับพริษฐ์ต้องเรียนรู้เรื่องส่วนตัวของกันและกันให้มากกว่านี้ และเธอก็อยากรู้หลายอย่างเกี่ยวกับ อีกฝ่าย“หืม? งั้นเหรอ”พริษฐ์หยิบมือถือในกระเป๋ามาดู แล้วเห็นว่ามีแจ้งเตือนจริง
“แหม หวานเชียวนะ ไม่คิดว่าคุณพริษฐ์จะมีโมเมนต์นี้”กุลนารีดูโซเชียลระหว่างนั่งรออาหารกับเธอแล้วเอ่ยขึ้นญาดาขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ ขณะที่เพื่อนส่งมือถือของตนเองมาให้ เธอจึงรับมาดูแล้วก็ถึงกับอึ้ง หน้าค่อยๆ ร้อนขึ้นกับสิ่งที่เห็น“เขาตั้งใจโพสต์แต่ภาพด้านหลังพริกล้วนๆ เลย แถมยังสวยทุกรูป โรแมนติกมากอะ”เพื่อนสาวทำท่าเคลิ้มขณะพูด“ตอนนี้มีแต่คอมเมนต์อยากเห็นหน้าผู้หญิงทั้งนั้น ส่วนเพื่อนผู้หญิงของเขาก็บอกว่าอิจฉา อยากได้รูปสวยแบบนี้บ้าง”แต่ละภาพที่พริษฐ์โพสต์เป็นภาพด้านหลังที่เธอไม่รู้ว่าชายหนุ่มถ่ายเอาไว้ เขาเก็บภาพไว้ในทุกบรรยากาศเลยทีเดียว ทุกภาพสวยจริงอย่างที่ กุลนารีพูดจนญาดายังไม่คิดว่านั่นเป็นตัวเองด้วยซ้ำ แถมยังมีภาพคู่ที่ไม่เห็นหน้าอีกด้วย ระดับความหวานพุ่งปรี๊ดจนเจ้าตัวเองยังเขิน แค่เธอเห็นจากที่เขาส่งมาให้ก็ใจหวิวแล้ว นี่ชายหนุ่มยังโพสต์เต็มหน้าโซเชียลของเขาอีก เห็นแล้วทำเอาญาดาทำหน้าไม่ถูก ไม่กล้าสบตาเพื่อนเลยทีเดียวที่สำคัญเขาใช้รูปที่เธอถ่ายให้เป็นโปรไฟล์อย่างที่บอกจริงๆกุลนารีมองคนที่เอาแต่จ้องมือถือ จะยิ้มก็ไม่ยิ้ม กัดริมฝีปากล่าง หน้าแดงระเรื่อแล้วก็ถอนหายใจยาว“อะไร
“ตกหลุมรักวินล่ะสิ”พริษฐ์เอ่ยขึ้น เมื่อออกมาแล้วเห็นว่าแฟนสาวของตัวเองยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ขณะดูจอมือถือ“ขี้ตู่”ญาดาย่นจมูกใส่พร้อมส่ายหน้า“อ้าวไม่ใช่เหรอ วินอุตส่าห์ส่งรูปตัวเองที่พริกถ่ายไปให้เพราะคิดว่าดูดีมาก”“ชอบแค่รูปเดียวเหรอ ถึงส่งมาแค่นี้”“ไม่รู้ว่าพริกอยากได้หลายรูป เดี๋ยวส่งให้รัวๆ เลย”ร่างสูงกำยำมานั่งลงข้างๆ สีหน้าทะเล้นจนน่าหมั่นไส้“จะเอามาทำไมเยอะแยะ แค่อยากรู้ว่าถูกใจบ้างไหมที่พริกถ่ายไป”“ถูกใจครับ ถูกใจมาก วินเลือกตั้งนานกว่าจะได้รูปตั้งเป็นโปรไฟล์”คนฟังถึงกับแปลกใจที่เขาบอกอย่างนั้น ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเห็นว่าดีจนเอาไปเป็นภาพโปรไฟล์“รู้ไหม เขาบอกว่าคนเราจะถ่ายรูปคนที่ตัวเองรักออกมาดูดี สวยทุกมุม เพราะออกมาจากหัวใจ”ชายหนุ่มบอกเสียงทุ้มนุ่มน่าฟัง พยายามแฝงความหมายในนั้น แต่ญาดาทำหน้าราวกับไม่รู้ไม่ชี้ลุกขึ้นพร้อมบอก“ไปกินข้าวดีกว่า หิวแล้ว”พริษฐ์มองตามร่างบางที่เดินออกไปทางประตูด้วยความรู้สึกมันเขี้ยว นึกอยากจับกลับมาจูบบังคับให้บอกรักเขาซ้ำๆ นักทั้งคู่กลับมาเก็บของเช็กเอาต์ก่อนเที่ยง แวะชมวิวกินขนมของว่างในจุดที่นิยม แล้วก็หาร้านอาหารกินกลางวันกิน ก่อนจะออกจาก
พระอาทิตย์ยังไม่สาดแสง ญาดารู้สึกตัวตามเวลาที่ตั้งปลุกเผื่อเอาไว้ หลังเหตุการณ์วาบหวามที่สุดในชีวิต ล้างตัวแล้วเธอก็ขอให้พริษฐ์เอาเสื้อผ้ามาให้แล้วให้ชายหนุ่มรอข้างนอก ไม่กล้าให้เขาอุ้มออกไปทั้งที่ยังเปลือยเปล่า แค่เขาพาเธอมาล้างตัวด้วยสภาพนี้หญิงสาวก็แทบอยากหายตัวไปจากห้องน้ำแล้ว ทว่าทำไม่ได้ แถมพริษฐ์ยังทำในสิ่งที่น่าอายสุดๆ ในห้องน้ำอีกต่างหากเมื่อออกจากห้องน้ำมาก็ถูกอุ้มจนตัวลอยพามานอนกอดบนเตียง ใกล้จะเคลิ้มหลับแล้วญาดาจึงบอกอีกฝ่ายว่าอยากดูพระอาทิตย์ขึ้น ซึ่ง ชายหนุ่มก็บอกว่าอยากเก็บภาพเหมือนกันร่างสูงกำยำขยับตัวตามเธอ ทว่ายังหลับตาแล้วพลิกไปอีกข้าง ญาดาไปเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวแล้วหยิบมือถือดูนาฬิกาอีกครั้งก่อนเดินไปเปิดม่าน ยังไม่มีแสงสาดส่องก็จริงหากฟ้าก็ไม่ถึงกับมืดมิด ได้ยินเสียงชายหนุ่มลุกจากเตียงแต่เธอเลือกเปิดประตูประจกออกไปด้านนอกแทนที่จะหันมองอีกฝ่ายติดชายหาดมีมุมที่จัดไว้สำหรับนั่งแบบเปลและโต๊ะไม้น่ารักอยู่ เธอจึงออกไปนั่งรอพริษฐ์ที่เปล ถ่ายรูปบรรยากาศเล่นด้วยมือถือไปเรื่อย ไม่นานชายหนุ่มก็ตามมา โดยที่ญาดาไม่รู้ว่าเขาเก็บภาพด้านหลังขณะนั่งบนเปลของเธอเอาไว้ด้วย“พริ
“อือ...วิน....”ญาดาเพียงพึมพำเสียงพร่าแล้วกัดริมฝีปากตัวเองราวต้องการสะกดความซ่านร้อนภายในให้สงบลงทั้งที่ไม่มีทางทำได้ปลายลิ้นอุ่นไล้เลียยอดอกสีหวานพร้อมทั้งดูดดื่มเต็มที่ กระแสบางอย่างพลุ่งพล่านในร่างสาวจนญาดาต้องบิดตัวครวญครางแผ่วผิว ไม่เพียงแค่ปาก มือชายหนุ่มยังบีบเคล้นอีกข้างอย่างไม่ยอมปล่อยให้ว่าง ทรวงงามสองข้างถูกดื่มกินราวไม่มีวันหมดความหวาน แต่ที่ร้ายกว่านั้นคือมือ ร้ายกาจข้างหนึ่งของเขาลอดผ่านขอบกางเกงใส่นอนของเธอไปแล้วไม่ใช่ครั้งแรกที่พริษฐ์ลูบไล้เธอ แม้ญาดาจะพยายามขยับขาชิดมากแค่ไหนอีกฝ่ายก็ทำให้เธออ่อนแรงได้เช่นครั้งนี้พริษฐ์ผละขึ้นมามองคนที่กำลังร้อนระอุด้วยไฟเสน่หาจากฝีมือเขาอย่างพึงพอใจ ดวงหน้าใสแดงก่ำ ตาปรือจนแทบจะลืมไม่ขึ้น ปากอิ่มถูกขบเอาไว้นิดๆ เรือนร่างงดงามได้รูปสวยดิ้นไปมาเล็กน้อย ทรวงสล้างขาวอวบสะท้อนแผ่วตามแรงหายใจ ส่วนสีชมพูจางชูช่อน่ามอง น่าลงไปฟอนเฟ้นซ้ำอีก แต่เขายังอยากมองอีกฝ่ายอยู่ มือหนาทำงานแทบไม่ให้คนตัวเล็กได้ผ่อนคลายอารมณ์ แม้จะมีผ้าเนื้อบางขวางกั้นอยู่หากแรงกระตุ้นก็มากพอที่จะทำให้ร่างสวยบิดพลิ้วด้วยความเร่าร้อน“พริกสวยที่สุดเลยคนดี”เขากระซิบบ