.
.
ห้องประชุม
“ทางทีมเราต้องการคุณอนณมาเป็นแบบในนิตยสารของเดือนนี้ ทางแบรนด์ Nice Cein เขาบรีฟมาแบบนี้ ว่าต้องเป็นคุณอนณเท่านั้น แต่ว่าทางเราติดต่อคุณแซมผู้จัดการของคุณอนณไปแล้ว เขาปฏิเสธว่าคุณอนณไม่รับงานนิตยสาร”
“เราจะทำยังไงกันดีล่ะพี่รัตน์”
เด็กฝึกงานที่ชื่อลูกหยีในทีมเอ่ยขึ้นอย่างร้อนใจ เพราะนิตยสารสมัยนี้ไม่ได้เป็นที่นิยมเท่าไหร่ตั้งแต่มีอีบุ๊คขึ้นมาหรือหนังสือออนไลน์ การที่เสื้อผ้าแบรนด์ดังกำลังเป็นกระแสมาจ้างงานโปรโมทผ่านนิตยสารของพวกเธอนั้นถือว่าเป็นเรื่องยากมาก เพราะนิตยสารของพวกเธอไม่ได้มีชื่อเสียงมากนัก รัตนาหรือพี่รัตน์หันไปมองอลิซด้วยแววตาอ้อนวอน
“เดี๋ยวๆ นะ มองลิซแบบนี้หมายความว่า....”
“ช่วยพี่หน่อยเถอะนะลิซ ยังไงอนณก็เป็นเพื่อนเราไม่ใช่หรอ?”
“พี่รัตน์คะ...ลิซไม่อยากใช้สายสัมพันธ์มิตรภาพเพื่อให้ได้งานหรอกนะคะ อีกอย่างลิซก็....ไม่ได้สนิทขนาดนั้น”
“หือ...ไม่สนิทแต่เมื่อเช้ายังมาส่งกันอยู่เลยนะคะ เมย์เห็น”
ลูกทีมอีกคนพูดพร้อมกับจ้องมองอลิซ สายตาของเธอบ่งบอกว่าเธอเห็นอย่างนั้นจริงๆ อลิซมองรถเมย์ ลูกหยี เมเปิ้ล และต้นชาที่เป็นผู้ชายคนเดียวในกลุ่มก่อนจะหันไปมองรัตนา ทุกคนต่างจ้องมองอลิซอย่างขอร้อง
“นะอลิซ นะๆๆ ถ้าเราไม่ได้งานนี้นิตยสารของเราได้ถูกยุบแน่ๆ เพราะขายไม่ได้ ถ้ามีคุณอนณที่กำลังมาแรงตอนนี้มาขึ้นปกมันต้องส่งยอดขายดีกว่าเดิมแน่ๆ”
“ลิซว่าไม่เกี่ยวหรอกมั้งคะพี่รัตน์ ทางที่ดีพี่รัตน์น่าจะพิจารณาเรื่องที่เราลงขายเป็นอีบุ๊คมากกว่า เพราะสมัยนี้ไม่ค่อยมีใครซื้อเป็นเล่มแล้วค่ะ”
“ถ้าลิซเชิญคุณอนณมาร่วมงานได้ พี่จะลงอีบุ๊คที่มีคุณอนณขึ้นปกเป็นเรื่องแรกเลย!”
“โธ่..พี่รัตน์คะ...นณมันไม่มาหรอกค่ะ มันไม่ชอบให้สัมภาษณ์เรื่องส่วนตัว”
“ลองคุยดูหน่อยก็ไม่เสียหายนะครับพี่ลิซ”
“นั่นสิคะ เปิ้ลว่าเขาอาจจะยอมให้เป็นข้อยกเว้นก็ได้”
ต้นชาและเมเปิ้ลเสริมทัพให้รัตนาผู้เป็นหัวหน้าทีม ทุกคนต่างมองเธอด้วยความคาดหวัง อลิซถอนหายใจเพราะใจของเธอไม่อยากเอาคำว่าเพื่อนมาเป็นตัวเชื่อมให้เขาร่วมงานที่เขาไม่อยากรับ แต่มันก็ช่วยไม่ได้จริง
“จะลองคุยดูค่ะ แต่ไม่รับปากนะคะว่าเขาจะมาหรือเปล่า”
ทุกคนพร้อมใจกันโห่ร้องอย่างดีใจเหมือนว่าอนณจะมาแน่ๆ ก่อนจะกระโดดโลดเต้นกันโดยไม่สนใจเลยว่าอลิซจะหนักใจแค่ไหน ต้นชาแอบมองอลิซพร้อมกับยิ้มให้กับตัวเอง ตั้งแต่เขาฝึกงานมาจนได้เป็นพนักงานประจำและอยู่ทีมเดียวกันกับอลิซ ต้นชาก็รู้เลยว่าอลิซเป็นคนจริงจังกับงาน เข้มงวดเวลาสอนงานก็จริง แต่แท้จริงแล้วเธอเป็นคนใจดีมากๆ คนหนึ่ง
หลังจากประชุมช่วงเช้าเสร็จทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไปทำงาน โดยรัตนาต้องเอาแบบร่างเอกสารและประวัตินายแบบไปพรีเซ้นต์ให้บรรณาธิการและทีมบริหารของแบรนด์ที่ว่าจ้าง รวมถึงการหาข้อสรุปที่จะเอานิตยสารขึ้นทำเป็นหนังสือออนไลน์ ส่วนคนอื่นๆ ก็พากันเดินมาที่โต๊ะพร้อมกับเตรียมตัวที่จะทำงานต่อ
“ทุกคนจะดื่มอะไรไหมครับ เดี๋ยวผมลงไปซื้อให้” -ต้นชา
“จริงหรอ? ต้นชานายจะเลี้ยงพวกฉันหรอ?” -ลูกหยี
“จ่ายเองสิครับ เงินเดือนก็เท่ากัน” -ต้นชา
“โห่ อะไรอ่ะ นึกว่าพี่จะใจดีเลี้ยงซะอีก” -รถเมย์
“พวกแกก็....ถึงต้นชาเป็นผู้ชายแต่จะให้มาเลี้ยงพวกแกทุกครั้งก็คงไม่ได้ไหม?” -เมเปิ้ล
“รถเมย์ พูดถูก...แล้วพี่ลิซจะดื่มเหมือนเดิมไหมครับ ผมเลี้ยง”
ต้นชาหันไปพูดกับลิซเหมือนเช่นเคยพร้อมกับส่งรอยยิ้มหวานให้เธอ ทำเอาเพื่อนๆ ในทีมคนอื่นๆ ถึงกับมองหน้ากันไปมาด้วยความ งงงวย และจ้องมองต้นชาด้วยแววตาจับผิด ต้นชารู้สึกถึงสายตาแปลกๆ ของคนในทีมและลิซเองก็ดูสงสัยไม่น้อยที่อยู่ๆ วันนี้เขาพูดแบบนี้ แต่จริงๆ แล้วก็เป็นแบบนี้ทุกวัน แต่วันนี้ดูโจ่งแจ้งเกินไปหน่อย ต้นชาอมยิ้มพร้อมกับลูบท้ายทอยแก้เขิน
“อย่ามองกันแบบนั้น...พี่ลิซเหมือนอาจารย์ของผมไง ต้องมีของมาเซ่นหน่อย”
“ลิซ นี่แกยกระดับเป็นอาจารย์ใหญ่แล้ว? ถึงกับต้องเอาของมาเซ่น”
เมเปิ้ลอดแซวเพื่อนของตนไม่ได้ เพราะเธอมองดูก็รู้ว่าต้นชาแอบชอบอลิซแน่ๆ จะมีใครไม่ชอบบ้างล่ะ สวยเก่ง หุ่นแซ่บขนาดนี้ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ค่อยแต่งตัวอวดเนื้อหนังมังสาเท่าไหร่ตอนทำงานแต่ก็ไม่ได้โลว์แฟชั่นเสียทีเดียว จะเห็นว่าเธอแซ่บไม่แซ่บก็คงจะเป็นตอนไปผับเท่านั้น
“เอาเหมือนเดิมก็ได้”
“อเมริกาโน่ไม่หวานนะครับ”
ต้นชาย้ำอลิซก่อนที่เธอจะพยักหน้าแล้วหันไปสนใจงานของตนต่อ งานที่เธอชั่งใจอยู่นานและคิดหนักพลางจ้องหน้าจอโทรศัพท์โดยไม่ยอมกดโทรออกเสียที ในขณะที่คนอื่นกำลังวุ่นวายกับการเลือกเครื่องดื่มอยู่
ตู๊ดดดดด...
(อืม...ว่า?)
ไม่ทันที่จะได้เตรียมคำพูดเสียงรอสายก็แสนสั้นเหลือเกิน ปลายสายก็กดรับอย่างรวดเร็วและกรอกเสียงทุ้มมาตามสาย อลิซมองโทรศัพท์อีกครั้งก่อนจะได้ยินปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
(จะพูดไหม? ไม่พูดกูวางนะ)
“เดี๋ยวๆ มึงจะใจร้อนไปไหนเนี่ย!”
(มีไรล่ะ โทรมาแล้วเงียบ)
“แล้วรับสายเร็วจังล่ะ เตรียมคำพูดไม่ทัน!”
(หึ...เดี๋ยวโทรหากูต้องเตรียมคำพูดแล้วหรอ?)
“ไม่ใช่อย่างที่มึงคิดแล้วกัน”
(มึงรู้หรอว่ากูคิดอะไร?)
“โอ๊ย! ช่างเถอะ กูโทรมาเรื่องงาน”
(อาฮะ)
“คือนิตยสารของกูอ่ะรับแบรนด์แฟชั่นแล้วทางแบรนด์เขาอยากได้มึงเป็นแบบขึ้นปกนิตยสาร...”
(รู้แล้ว แล้วยังไง?)
“แล้วมึงจะรับงานไหม? ...แบบว่า...”
(ตอนเย็นค่อยคุย)
“ฮะ? ...ได้...มึงอยากกินอะไรไหมล่ะ? กูเลี้ยง”
(ก็บอกตอนเย็นค่อยคุย กูไม่ว่างตอนนี้)
“เออ ก็ได้วะ”
อลิซพูดจบก็วางสายทันที เพราะคิดว่าถ้าคุยยาวกว่านี้จะรบกวนเวลาของเขา แต่ไม่ทันได้วางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะก็มีคนโทรเข้ามาและไม่ใช่ใครที่ไหน ก็เพื่อนตัวดีคนเดิมนั่นแหละ อลิซขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะกดรับสาย
“อะไรอีก?”
(มึงวางสายกูทำไม?)
“ก็มึงบอกไม่ว่างตอนนี้”
(กูแต่งหน้าอยู่ แต่คุยกับมึงได้ที่ไม่ใช่เรื่องงาน เรื่องงานค่อยคุยทีหลัง)
“แต่กูไม่ได้ว่าง”
“กาแฟพี่ลิซได้แล้วครับ เดี๋ยวผมแกะหลอดให้”
“ขอบใจนะชา”
(...ใคร?)
“ฮะ?”
(มึงคุยกับกูแต่หันไปตอบคนอื่นหรอ?)
“ก็น้องในทีม เดี๋ยวมามึงก็เจอเองแหละ”
(...เรื่องของมึงเถอะ)
“อะไรของมึงเนี่ยอนณ เอาแต่ใจจังวะ”
(แค่นี้)
ไม่ทันที่อลิซจะได้ตอบอะไรปลายสายก็วางไปเสียแล้ว คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อยก่อนจะวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจ ต้นชาที่ยังยืนมองอลิซอยู่ไม่ไปไหนก็มองตามโทรศัพท์ที่เธอวางก่อนจะมองใบหน้าของรุ่นพี่สาวอย่างชั่งใจว่าเขาจะเอ่ยถามดีไหม? หรือว่าไม่ควรถามดี เพราะอลิซไม่ค่อยพูดถึงเพื่อนๆ ของเธอสักเท่าไหร่นัก
“พี่ลิซกับคุณอนณดูสนิทกันมากเลยนะครับ”
“อ๋อ...ก็นะ เป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียน”
“โห...เท่ห์มากเลยมีเพื่อนเป็นดาราดังระดับพระเอกด้วย”
“ไม่หรอกน่า”
“แล้วอยู่กับคนหล่อขนาดนั้นพี่อลิซไม่หวั่นไหวบ้างหรอครับ?”
“ก็ไม่นะ เฉยๆ รู้นิสัยกันมานานแล้วมั้งเลยชิน”
ต้นชาอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเมื่ออลิซบอกว่าเฉยๆ กับคนอย่างอนณที่เป็นดารารูปหล่อที่ใครๆ ก็อยากจะเข้าไปถวายตัวให้ และนั่นก็ไม่ได้มีผลกับอลิซเลย ท่าทางของอลิซดูเฉยจริงๆ อย่างที่พูด และเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกมีความหวัง
“ชอบก็รีบบอกนะจ๊ะ เดี๋ยวจะแห้วเอา”
เมเปิ้ลพูดทั้งที่ยังนั่งอยู่ที่เดิมแต่สายตามองต้นชาพร้อมด้วยรอยยิ้มอย่างรู้ทันและต้นชาเองก็ยิ้มรับคำพูดของเมเปิ้ลด้วยรอยยิ้มเช่นกัน อลิซหันไปมองตาขวางใส่เมเปิ้ลที่ดูจะเชียร์รุ่นน้องคนนี้เสียเหลือเกิน
“แกอย่ามองฉันอย่างนั้นนะ ที่ฉันพูดเพราะหวังดี แกเองก็โสดมานานมากแล้วนะลิซ เปิดใจบ้างก็ได้ ต้นชามันก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร รูปหล่อพ่อรวย เลี้ยงแกได้สบายทั้งชาติ”
“โปรไฟล์ดีขนาดนั้นทำไมแกไม่จีบน้องมันเองเลยล่ะ”
“ก็น้องมันไม่ได้ชอบฉัน...ฉันรู้ว่าแกก็รู้นะว่าน้องคิดยังไง”
อลิซเงียบไปเพราะมันจริงอย่างที่เมเปิ้ลพูด ต้นชาแสดงออกชัดเจนเสมอมาชอบเธอตั้งแต่เป็นเด็กฝึกงานถึงแม้ว่าเธอจะเข้มงวดกับเขามากแค่ไหนก็ตาม ต้นชามองทั้งสองคนก่อนจะหันไปจ้องหน้าอลิซอย่างมีนัยแต่เป็นอลิซเองที่ไม่กล้าสบตา
“ไหนๆ ก็รู้อยู่แล้ว งั้นผมขอจีบพี่อลิซได้ไหมครับ?”
“พูดเหมือนที่ทำอยู่ไม่ได้จีบงั้นแหละพี่ชา”
รถเมย์พูดแซวก่อนจะยิ้มกระหยิ่มกระหย่องอย่างรู้ทัน เอาจริงๆ ทุกคนในทีมรู้ดีอยู่แล้วว่าต้นชาชอบอลิซ และเขายังคอยดูแลเธอตลอด ถึงจะแค่เวลาที่อยู่ที่ทำงานก็เถอะ อลิซยิ้มแห้งๆ เพราะไม่รู้จะตอบว่าอะไร เพราะตัวเธอเองไม่ทันจะได้คิดเรื่องนี้สักเท่าไหร่นัก
“ไม่ตอบแสดงว่าอนุญาตนะครับ ผมจะได้เดินหน้าจีบอย่างเต็มที่”
.
.
..หลังเลิกงานอลิซยืนรอเพื่อนของตนที่บอกว่าจะมารับตั้งแต่ห้าโมงครึ่งจนตอนนี้ก็ปาไปหกโมงครึ่งแล้ว แต่กลับไม่เห็นวี่แววของเพื่อนสนิทตนเลย เธอยืนยกนาฬิกาขึ้นมาดูแทบจะทุกสิบนาทีหลังจากที่เลยเวลานัดพร้อมกับสายตาสอดส่องไปทั่วบริเวณแอบหวังว่าเขาอาจจะมาช้านิดหน่อยเพราะติดงานก็ได้ อลิซโทรศัพท์มือถือขึ้นมาพร้อมกับแชทหาเพื่อนสนิทอีกครั้งอลิซ - อยู่ไหนแล้ว กูยืนรออยู่หน้าบริษัทอลิซ - ถ้ามึงไม่ว่างก็บอกกูได้นะ กูกลับเองได้เธอมองหน้าจอกับข้อความที่เพื่อนของเขาไม่มีแม้แต่จะอ่านเลยด้วยซ้ำ ไม่ว่าเธอจะโทรหาไปกี่รอบแต่เขาก็ไม่รับสายจนเธอไม่รู้ว่าควรจะรอหรือกลับเลยดี ที่ยังไม่กลับเพราะนัดเรื่องคุยงานกันไว้ เธอจึงคิดว่ารออีกหน่อยจนตอนนี้ก็จะปาไปหกโมงครึ่งแล้วก็ยังไม่เห็นวี่แววเลยแม้แต่น้อย“พี่ลิซยังไม่กลับหรอครับ?”อลิซหันไปตามต้นเสียงที่เอ่ยทักขึ้น เธอยิ้มบางๆ ไม่ได้ตอบอะไร ต้นชาเดินเข้ามาหาเธอพร้อมกับยืนรออยู่ข้างๆ เธอเงียบๆ ด้วยรอยยิ้มจนอลิซเองก็อดสงสัยไม่ได้ว่
..“นอนกับมึงในห้องได้ไหม?”“ม..ไม่ได้ มึงก็ไปนอนกับสาวๆ ของมึงสิ”“แต่กูอยากนอนกับมึง แค่นอนเฉยๆ มึงคิดอะไร”“ไม่ว่ายังไงก็ไม่ได้ ถ้าจะนอนก็นอนโซฟา”อลิซที่ตอนแรกหวั่นไหวแต่ก็จะยอมให้เขามานอนกับเธอไม่ได้ เพราะเธอรู้ว่าเพื่อนของเธอนิสัยยังไง การที่ยอมให้เขามานอนด้วยก็เหมือนเปิดทางให้ และไม่มีทางที่เขาไม่ทำอะไรแน่ๆ คนอย่างอนณไม่มีทางที่ปล่อยไปง่ายๆ แน่ ถึงเธอจะเป็นเพื่อนและเขาไม่เคยแตะต้องเลยก็ตาม“ทำไม? มึงไม่ไว้ใจกูหรอ?”“ไม่ใช่อย่างนั้น...กูไม่ไว้ใจตัวเอง”“หึ...มึงจะทำอะไรกูหรอ?”อนณพูดพร้อมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ เพื่อนสาวของเขา เพราะสิ่งที่เขารู้เธอก็คือนักล่าเหมือนกับเขา แต่เธอไม่เคยคิดที่จะหันกลับมามองเขาหรือล่าเขานี่สิคือแปลก แต่ตอนนี้กลับอ้างว่าไม่ใจตัวเองซะอย่างนั้น“กูไม่ทำแน่นอน มึงกับกูก็ประเภทเดียวกันไม่คิดจะทำเพื่อน”“แล้วที่มึงบอกไม่ไว้ใจตัวเองคือ?”“คือ...กูหมายถึง...กูจะนอนไม่หลับ เพราะกูไม่เคยนอนกับใคร”“ฮะ?”
“กรี๊ดดด!” อลิซกรีดร้องอย่างตกใจเมื่อเปิดประตูแล้วเขากลับอุ้มเธอขึ้นพาดบ่าทันที อนณหัวเราะในลำคอก่อนจะใช้เท้าปิดประตูลง เขาอุ้มอลิซเดินเข้าห้องนอนแล้ววางเธอลงบนเตียงสีเข้มของเขา ริมฝีปากหยักไม่รอให้เธอได้เอ่ยถามก้มลงป้อนจูบเธอในทันที ก่อนที่เขาจะละจากจูบนั้นมองอลิซที่หน้าแดงมองเขา“มึงเป็นคนแรกเลยนะที่กูหิ้วขึ้นเตียงตัวเอง”“มึงจะมาพูดอะไรตอนนี้เนี่ย กูควรดีใจใช่ไหม?”“กูพูดจริงๆ นะ”“เชื่อได้หรอ?”“มึงก็รู้เรื่องของกูไม่ใช่หรอ?”“อ...อือ...รู้แล้วน่า”อลิซตอบปัดๆ อย่างเขินๆ จากที่เธอรู้มามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะเขามักจะไปข้างนอกมากกว่าจะพาใครเข้ามายุ่งในคอนโดของตัวเอง ไม่ทันที่อลิซได้คิดต่อเขาก็ก้มลงป้อนจูบอีกครั้ง คราวนี้มันยาวนานและร้อนแรงกว่ารอบแรกมากนัก จนไฟในกายของทั้งคู่เริ่มร้อนระอุไปหมดทั้งสองร่างกอดกันกลมก่อนที่เสื้อผ้าอาภรณ์ที่เคยอยู่บนเรือนร่างของทั้งคู่ก็ได้ปลิวว่อนไปคนละทิศละทาง เหลือแต่เพียงร่างเปลือยเปล่าของทั้งคู่ที่พร้อมจะบรรเลงบทรักเสียเต็มประดาเตียงที่ว่ามั่นคงกับโยกไป
..ห้องแชทกลุ่มอนณ - อยากแดกเหล้าจีซัส – อารมณ์ไหนของมึงครับไอ้ดาราอนณ - แค่อยากแดกแทนไท – ลิซมาไหม?ลุคค์ – ถามหาแต่หญิง นั่นเพื่อนแซม - หิ้วไหม?อนณ - เหมือนเดิมจีซัส - ใครก็ได้หยุดไอ้ดาราจอมเจ้าชู้นี่ทีแทนไท – ใครก็เบรกมันไม่ได้หรอกอนณ - สรุปจะแดกไหม? ถ้าไม่ กูจะได้ไปคนเดียวลุคค์- ผับกูผับHISO“เป็นเหี้*ไรมาแต่หัววัน”“ก็แค่อยากแดก”ลุคค์เดินเข้ามาหาอนณที่มาเป็นคนแรกแถมยังยกเหล้าเพียวๆ ไม่รอเพื่อนคนอื่นๆ เลย ลุคค์นั่งลงข้างๆ เพื่อนตัวเองพร้อมกับแก้วเหล้าในมือที่เพื่อนของเขาประเคนให้ ก่อนจะยกขึ้นมาดื่มอย่างเงียบๆ อนณเองก็ยกไม่พักเหมือนหิวน้ำมาจากไหน“มึงว่าถ้าผู้หญิงอยู่บนเตียงกับผู้ชายสองต่อสองแล้วจูบกันแล้วมันจะไม่ไปต่อได้หรอวะ”“ฮะ?”ลุคค์แทบจะสำลักเหล้าที่กำลังยกเข้าปากก่อนจะหันไปหาเพื่อนรักที่มีเรื่องผู้หญิงไม่เว้นวัน กลับมาถามเขาแค่คำถามง
..“คงไม่ใช่คนที่กูคิดหรอกนะ เพราะมันแปลกๆ ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว” -แซม“ขอให้ไม่ใช่คนที่กูคิดเหมือนกัน ไม่งั้นใจกูแตกเป็นเสี่ยงๆ แน่” -แทนไท“ไอ้ไท มึงก็เว่อ” -ลุคค์“แล้วพวกมึงคิดว่าใคร?” -จีซัส“ไอ้ลิซ”ทุกคนพูดขึ้นพร้อมกับอย่างไม่ได้นัดหมายพร้อมกับมองหน้ากันไปมา เอาจริงๆ พวกเขาก็รู้อยู่แล้วว่าอนณรู้สึกพิเศษกับอลิซแต่เขาก็ไม่เคยข้ามเส้นเลยสักครั้ง ซ้ำยังทำเหมือนไม่สนใจเสียอีก คนที่แสดงออกชัดเจนอย่างแทนไทยังไม่กล้าล้ำเส้นเลย มีอย่างที่ไหนทั้งที่ตัวเองไม่ได้ว่างแต่ยังคอยไปรับไปส่ง พักหลังๆ มานี้ดูแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเพื่อนสาวตัวเล็กแปลกๆ อาจจะเป็นเพราะอลิซสวยขึ้นมากกว่าแต่ก่อนตอนสมัยเรียน แต่มันต้องมีอะไรที่ทำให้เพื่อนรักอย่างอนณต้องตามติดแจแน่ๆ“ถึงมันจะแสดงออกอย่างนั้น แม่งก็ยังควงผู้หญิงไม่เลือกเหมือนเดิม” -แซม“แก้ยากว่ะ ถ้ามันล้ำเส้นไอ้ลิซจริงๆ ก็สงสารไอ้ลิซมันนะ” -จีซิส“เตือนหน่อยก็ดี
“ทำไมแบบนี้ทำไมต้นชา?”“ผมอยากให้พี่เลิกกับมันตามความต้องการของแม่ พี่รู้ไหมว่าแม่เสียใจแค่ไหน?”“นั่นแม่นายไม่ใช่แม่พี่”“ถึงยังไงพี่ก็หนีความจริงในสายเลือดไม่ได้หรอกนะ”“งั้นหรอ? งั้นนายก็น่าจะมองฉันเป็นเหมือนพี่สาวบ้างนะ มีน้องที่ไหนทำให้พี่กับแฟนเลิกกัน”“ก็มันเป็นคนไม่ดี”“นั่นพี่เลือกเอง พี่รู้จักเขาดีมานานกว่านายนะชา”“.......”อลิซพูดด้วยสีหน้าจริงจังพร้อมกับจ้องมองต้นชาที่ยืนขมวดคิ้วเงียบ อนณได้แต่ยืนอยู่ไกลๆ ไม่ได้เข้ามายุ่งตามที่อลิซขอ เพราะอลิซกลัวว่าเขาจะทำอะไรใจร้อน“พี่ขอเถอะ...อย่ามายุ่งเรื่องของพี่อีก”“ได้สิ...แต่พี่ต้องยอมรับแม่ก่อน”“ยังไงพี่ก็หนีแม่ไม่พ้นหรอกนะ ถ้าเมื่อไหร่ที่ต้องแต่งงานกับอนณก็ต้องเจออยู่แล้ว ต้องเรียกแม่อยู่แล้ว”“พี่จะแต่งงานกับมันจริงๆ หรอ? ไม่กลัวมันทำให้พี่เสียใจหรอ”“พี่คิดว่าพี่เอาอยู่”“.......”ต้นชาไม่ได้พูดอะไรต่อได้แต่พยักหน้าเงียบๆ อลิซจึงเดินเข้าไปตบบ่าผู้ที่ขึ้นชื่อว่าน้องชายตามสายเลือ
.. “มึงเลิกแกล้งกูแบบนี้ได้ยัง? กูไม่ชอบ” อลิซพูดขึ้นเสียงเรียบนิ่งหลังจากที่โดนต้อนจนหลังติดกับมุมโซฟา แต่เขากลับยังขยับเข้ามมาใกล้ไม่หยุด ถึงจะเป็นเพื่อนกันมานานก็เถอะ ทำแบบนี้เธอก็ต้องหวั่นใจบ้างล่ะ หน้าของเพื่อนชายคนสนิทก็ไม่ใช่ว่าจะขี้ริ้วขี้เหร่“หึ...กูแค่อยากเตือน มึงชอบไว้ใจคนอื่นมากไป”“ก็พวกมึงคือเพื่อน กูถึงไว้ใจ”“วันเวลายังเปลี่ยนได้ ใจคนก็เปลี่ยนได้เหมือนกัน”ลุคค์พูดก่อนจะเบี่ยงตัวกลับมานั่งที่เดิม อลิซหันไปมองขวางๆ พร้อมกับขมวดคิ้วเรียวแน่น นึกหมั่นไส้เพื่อนจอมขี้แอ็คคนนี้ไม่น้อย ถึงจะรู้ว่าที่ลุคค์เป็นแบบนี้โดยธรรมชาติ เพราะเป็นการป้องกันตัวเองไม่ให้มีผู้หญิงมาเกาะแกะมากจนน่ารำคาญ เขาถึงได้ปากร้ายไปเสียบ้าง แต่โดยเนื้อแท้ของเขานั้นไม่ได้เป็นคนใจร้ายไส้ระกำเหมือนกับบุคลิกของเขาเลย“แล้วใจมึงเปลี่ยนมาสนใจผู้หญิงที่หน้าตาพอไปวัดไปวาได้อย่างกูหรอ?” อลิซถามอย่างติดตลก ลุคค์ย้ายตัวกลับมานั่งที่เดิมหันไปมองหน้าเพื่อนสาวของตนก่อนจะยกยิ้มแล้วถามขึ้น“มึงอยากรู้?”“ไม่ได้อ
..หลังจากที่ลุคค์ล็อคคอลากเพื่อนดาราของตนออกมาได้ก็ปล่อยทันที อนณยังคงยืนนิ่งมองหน้าประตูอย่างชั่งใจก่อนจะเดินไปยังห้องของตัวเองที่เดินไม่ถึงห้าก้าวก็ถึง พร้อมกับงดรหัสอย่างเงียบๆ“มึงโกรธพวกกูหรอวะ” -จีซัส“เปล่า...กูแค่กำลังคิดว่าอลิซเป็นอะไร มันแปลกๆ ไป” -อนณ“อลิซบอกกูอยู่นะ กูว่าจะชวนพวกมึงขึ้นเหนือไปพักผ่อนอยู่” -ลุคค์“ขึ้นเหนือ? บ้านเกิดอลิซน่ะนะ” -แทนไท“เออ” -ลุคค์อนณได้ฟังอย่างนั้นก็อดไม่ได้ที่ขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะหันไปมองลุคค์อย่างสงสัยไม่ต่างจากคนอื่นๆ ลุคค์มองเพื่อนๆ ก่อนจะถอนหายใจแล้วบอกเรื่องที่คุยกับอลิซเมื่อครู่“ยายอลิซอาการทรุดจนแอดมิทที่โรงพยาบาล แต่ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว อลิซเลยจะลางานกลับบ้านสักอาทิตย์” - ลุคค์“แล้ว?” -อนณ“กูก็ไม่อยากให้มันไปคนเดียว มันอยู่กับยายแค่สองคนนะเว้ย กูเลยว่าจะไปด้วยถือโอกาสไปเที่ยวด้วยเลย” -ลุคค์“อลิซมันยอมหรอวะ?” -แทนไท“มันสัญญากับกูไว้แล้ว” -ลุคค์“เกี่ยวก้อยสัญญา?” -จีซัส“เออ” -ลุคค์
“สรุปพวกมึงยังไง?” - แทนไท ลุคค์ แซม พูดขึ้นพร้อมกัน“อ้าว พวกมึงยังไม่รู้หรอ?” -จีซัส“ถามไอ้ลิซดิ” -อนณ“อ้าว ทำไมโยนมาให้กูอ่ะ” -อลิซ“พูดกับผัวดีๆ ดิ” -อนณ“อะไรของมึง อนณมันปล้ำกูไงเลยต้องยอม” -อลิซ“อ้าว! ไอ้เหี้*นณ” ทุกคนหันไปคาดโทษอนณก่อนจะรุมต่อยเขาหยอกๆ จีซัสเองก็ไม่วายร่วมวงด้วย อนณเอามือกันตัวเองพร้อมกับหัวเราะออกมาก่อนจะหันไปสบตากับจีซัส“มึงรู้แล้วไม่ใช่หรอไอ้จี” -อนณ“เออ แต่อยากร่วมวงด้วย” -จีซัส“มึงนี่ตัวดีเลยไอ้หมอ” -ลุคค์“กูเปล๊า” -จีซัส“กูไม่ได้ปล้ำมัน ไอ้ลิซมันเรียกกูไปหาเอง” -อนณ“พวกมึงจะเชื่อกูหรือเชื่อมันอ่ะ” -อลิซ“ไม่เชื่อทั้งคู่อ่ะ พอๆ กันเลยพวกมึงสองตัว” ทุกคนพูดขึ้นพร้อมกันแล้วส่ายหน้า อลิซมองดูทุกคนอย่างยิ้มๆ ภายในใจคิดว่าไม่อยากให้บรรยากาศอย่างนี้หายไปเลย พวกเพื่อนๆ คือสิ่งที่เธอเหลืออยู่“ถ้ากูคบกับอนณพวกมึงจะเปลี่ยนไปไหม?” -อลิซ“มึงพูดอะไรของมึง เพื่อนนะไม่ใช่ผัว” -จีซัส
“พี่อลิซ!...คุณอนณ..” ต้นชาหันไปเห็นอลิซก่อนจะเรียกชื่อของเธอ สายตาของเขาเลื่อนไปที่มือของอลิซที่อนณจับกุมไว้แน่น ก่อนจะเรียกชื่อพี่ชายต่างแม่ด้วยท่าทีที่ไม่สบอารมณ์นัก เมื่อพวกเขาเดินจับมือกันเข้ามาในห้องพักรักษาตัวของผู้เป็นพ่อ“แก! แกยังจะกล้าทำแบบนี้กับอลิซอีกหรอ!! ไอ้เลว!!” อิ่มอุ่นผู้เป็นแม่เลี้ยงเดินเข้าไปหาทั้งคู่พร้อมกับทำท่าจะพุ่งเข้าไปดึงตัวของอลิซออกมา แต่อนณกลับดึงอลิซไปข้างหลังแล้วเอาตัวบังไว้ เขาโน้มตัวลงไปกระซิบเสียงเบากับผู้เป็นแม่เลี้ยงจนทำให้สีหน้าของเธอนั้นถึงกับตกใจ“ถ้าไม่อยากให้ลูกชายของคุณรู้ความจริงก็อย่าเสียงดังไป...ยายชุลีบอกผมหมดแล้ว เรื่องนี้ผมจะบอกพ่อเอง อย่ายุ่ง!”“แก! กล้าดียังไงมายุ่งกับลูกสาวของฉัน!!”“ฉันไม่ใช่ลูกสาวของคุณตั้งแต่วันที่คุณทิ้งฉันไว้กับยายแล้วค่ะ ฉันเป็นแค่ลูกสะใภ้ของคุณเท่านั้น” อลิซพูดพร้อมกับน้ำตาเอ่อคลอ แต่ก็พยายามกลั้นไม่ให้มันไหลลงมาอาบสองแก้ม อิ่มอุ่นมองลูกสาวของตนอย่างเจ็บปวดแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอทำแบบนั้นกับลูกสาวจริงๆ“แม่...แม่ขอโทษ
“พ่อมึงปลอดภัยแล้ว” จีซัสเดินเข้ามาบอกเพื่อนของเขาที่นั่งก้มหน้าคอตกอยู่หลังจากออกมาจากห้องฉุกเฉินมาพร้อมกับบ่าอนณเบาะๆ เพื่อปลอบใจ อนณเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนด้วยสีหน้าที่ดูเศร้าและเพื่อนของเขาคิดว่าไม่น่าใช่เรื่องของพ่ออย่างเดียว“ไปคุยกับกูที่ห้องทำงานก่อนไหม?”“อืม”จีซัสพูดขึ้นก่อนจะเดินนำไปที่ห้องทำงานของเขาโดยมีอนณเดินตามหลังไป ปล่อยให้ต้นชาและแม่อิ่มนั่งเฝ้ารอพ่อของเขาออกจากห้องฉุกเฉิน เหมือนโชคชะตาเล่นตลกที่นำพาครอบครัวของเขาและอลิซมาเจอกัน ดันมาอยู่โรงพยาบาลเดียวกัน อนณคิดไม่ออกเลยว่าถ้าเจอกันมันจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก คนที่น่าสงสารมากที่สุดคงไม่พ้นอลิซที่ตอนนี้ขึ้นชื่อว่าน้องสาวของเขา และเขากลับเอาน้องสาวตัวเองทำเมีย“มีเรื่องอะไร?”“พ่อกูบอกว่าอลิซ....เป็นน้องสาวกู..”“ฮะ?! ถ้าเป็นอย่างนั้นเหี้*มากนะ”“กูสิเหี้* ...ก็กูไม่รู้” อนณพูดก่อนจะน้ำตาไหลพรากออกมาหลังจากที่กลั้นมานาน มือหนากุมขมับปิดบังหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตา จีซัสถอนหายใจก่อนจะตบบ่าเพื่อนอีกครั้ง นี่คงเป็นครั้ง
“กูรักมึง...เกินคำว่าเพื่อนมาตั้งนานแล้ว”“.........”“แต่กูแค่พยายามหลอกตัวเองไง เพราะเหมือนยังไงมึงก็ไม่มองกูเป็นอื่น”“แล้วทำไม...”“เพราะกูข้ามเส้นนั้นมาเอง ไม่ได้อยากเป็นแค่เพื่อนคู่ขา หรืออะไรอย่างนั้นนอกจากแฟนมึง”“อนณ...”“ตั้งแต่ได้กับมึงมากูไม่คิดอยากจะไปเอากับใครอีกเลย...กูสัญญาว่าจะไม่แรดอีก”“คือ...”“คบกับกูได้ไหม?”“มึงคือว่า....”“เป็นแฟนกันเถอะนะ”“ไม่ได้...” อลิซมองหน้าเพื่อนสนิทที่ทำหน้าจริงจัง และเธอก็รู้แล้วว่าเขารู้สึกยังไง น้ำตาเอ่อคลอเบ้าตอบออกไปเสียงแผ่ว ก่อนจะเบือนหน้าหนีหลบสายตาเพื่อนของตน“ทำไม? ...ลิซ มองหน้ากูแล้วตอบ”“อนณ...มึงมีคนที่ต้องแต่งงานด้วยอยู่แล้ว” อนณเอื้อมมือไปจับใบหน้าสวยนั้นให้หันกลับมามองเขา อลิซตอบทั้งน้ำตา คิ้วเข้มขมวดแน่นเมื่อได้ยินคำพูดนั้น สีหน้าที่จริงจังในตอนแรกเปลี่ยนเป็นดุดันเต็มไปด้วยความโกรธ ก่อนจะเข้นเสียงลอดไรฟันถามเพื่อนสาวอย่างใจเย็น“มึง...ไปเจอพ่อกูมาใช
“ขอโทษนะครับ ช่วยหลีกทางหน่อย” อนณพูดอย่างไม่คิดจะสนใจผู้หญิงตรงหน้า ไม่ว่าเธอจะบิดม้วนต้วนเป็นไข่ม้วนพร้อมกับส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มให้เขาแค่ไหนก็ตาม ถ้ายุ่งเรื่องมันก็เหยิงไปกว่านี้“อะ...เอ่อ...คือว่า...”“.........”“พี่ลิซไม่มาด้วยหรอคะ? พอดีมีเรื่องจะคุยกับพี่ลิซเรื่องงาน”“ไม่มาครับ” อนณตอบเสียงเรียบพร้อมกับเบนสายตาไปทางอื่นแทน สาวเจ้าก็ยังคงทำท่าขวยเขินใช้แขนบีบอกให้ชิดติดกันจนเป็นร่อง เสื้อยืดเจ้าหล่อนก็คอลึกเสียเหลือเกิน นั่นคือสาเหตุที่อนณไม่มอง“งั้นพานุ่นไปที่คอนโดด้วยได้ไหมคะ? นุ่นว่าจะนั่งแท็กซี่ไปแต่ไม่รู้ทางเลย”“คงจะไม่ดีมั้ง”“นะคะ...นุ่นไม่รู้ทางจริงๆ” หญิงสาวพูดก่อนจะกระโดดเข้าเกาะแขนอนณอย่างตั้งใจให้เจ้าอกเจ้าเต้าของตนชนแขนเขา อนณผงะตัวออกเล็กน้อย ก่อนจะมองหน้าสาวอย่างไม่สบอารมณ์นัก มารับปากก็คงจะเกาะไม่ปล่อยแน่ๆ“เข้าใจแล้ว...ช่วยปล่อยมือด้วย” อนณตอบพร้อมกับขมวดคิ้วแน่นมองหน้าหญิงสาวและแขนของเขาสลับกันเป็นเชิงบอก นุ่นมองหน้าอนณพร้อมกับยิ้มก่อนจะยอมปล่อ
“จะรีบเสร็จก่อนกูได้ยังไง...นี่พึ่งเริ่มเองนะ” เขายกยิ้มร้ายก่อนจะจับกำแก่นกายใหญ่ของตนที่กำลังตื่นตัวเต็มที่พร้อมกับรูดมันเข้าออกอีกสองสามครั้งแล้วจับแก่นใหญ่นั้นจ่อปากทางแคบ เพื่อนสาวเบิกตากว้างพึ่งเห็นชัดๆ ว่ามันอลังการขนาดนี้ก็ตอนนี้แหละ...และคิดว่าไอ้นั่นหรอที่มันเข้าไปในกายเธอเมื่อคืน...“อ๊ะ!!! อ๊ายยย!! ยัง..เจ็บอยู่เลย...” อลิซถึงกับร้องเสียงหลงเมื่อเขาจับไอ้แท่งนั้นยัดเข้าไปก่อนจะดันมันเข้าไปทีเดียวมิดลำ เขาทำหน้าเหยเกเพราะภายในยังคงรัดแน่นไม่คลาย ก่อนจะโน้มตัวเข้าไปกระซิบข้างหูเพื่อนสาวด้วยน้ำเสียงแหบพร่า“อืมมมม...มึงอย่ารัดกูแน่นนักสิ...จะขยับไม่ได้อยู่แล้ว” เขาไม่พูดเปล่าพร้อมขยับสะโพกออกก่อนจะกระแทกเข้าไปอีกครั้งหนักๆ รอบนี้เขาจะไม่กัดฟันทนทำแบบเนิบๆ อีกต่อไป สะโพกหนาเริ่มโยกเป็นจังหวะที่เขาต้องการเพราะความคับแคบและบีบรัดแน่นทำให้เขาต้องขบกรามอย่างข่มอารมณ์“อ๊า! อ๊า!” เสียงครางใกล้ๆ หูทำเอาอารมณ์ของเขาคุกรุ่นกว่าเดิม ใบหน้าสวยของเพื่อนสาวยบิดเบี้ยวไปตามอารมณ์แรงราคะนั้นมันทำให้เขาอดใจไม่ไห
อนณยืนรออลิซอยู่หน้าผับหลังจากที่คุยกับเลขาของพ่อเสร็จ อลิซเดินออกมาตากร้านอาหารพร้อมกับโบกมือลาต้นชาและส่งยิ้มให้ ทุกอย่างอยู่ในสายตาของอนณ เขามองเพื่อนสาวคนสนิทอย่างไม่สบอารมณ์ รอยยิ้มเขินๆ นั่นที่เธอส่งยิ้มให้ชายอื่นที่ไม่ใช่เขา อลิซแยกกับต้นชาก็เดินข้ามถนนมายังหน้าผับเพื่อเตรียมจะไปช่วยงานลุคค์เหมือนอย่างเคย แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นอนณยืนอยู่เงียบๆ“มึง...มาทำอะไรแถวนี้”“มาตามหามึงไง”“เพื่อ?”“กูไปรู้ข่าวมาว่ามึงจะไปแดกข้าวกินน้องที่บริษัท แต่ไม่คิดว่าจะแดกข้าวกันสองต่อสองกับไอ้หน้าอ่อนนั่น!”อนณพูดพร้อมใส่อารมณ์เผลอตะคอกอลิซอย่างนึกลืมตัว ใบหน้าภายใต้หมวกดูไม่พอใจและเจ็บปวดไม่น้อย อลิซมองหน้าเพื่อนสนิทอย่างไม่เข้าใจ ว่าเขาจะมายุ่งอะไรกับเธออีกในเมื่อเขาให้สัมภาษณ์กับสื่อไปแล้วว่ามีคนดูใจอยู่ และทำไมไม่ไปหาผู้หญิงคนนั้นจะมาวุ่นวายกับเธอทำไมอีก อลิซตีหน้าเรียบนิ่งก่อนจะตอบเพื่อนชายของเธอออกไป“กูจะเปิดใจให้ใครแล้วมันยังไงหรอ? ก็เป็นสิทธิ์ของกูป่ะ”“แต่กูไม่ชอบไง! ทำไมมึงต้องแรดไปหาคนนั้นคน
อลิซยันร่างที่เหนื่อยล้าของตัวเองลุกขึ้นมาจากเตียง ร่างเปลือยเปล่าเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่ออาบน้ำชำระร่างกาย เรื่องเมื่อคืนยังทำให้เธอใจเต้นอยู่เลย ความเจ็บแปลบแล่นเข้ามาที่สะโพกและส่วนนั้น นั้นยิ่งตอกย้ำว่าเธอมีอะไรกับเพื่อนสนิทแล้วจริงๆ อลิซสะบัดความคิดก่อนจะรีบอาบน้ำกัดฟันทนความเจ็บเธอเดินใส่ผ้าขนหนูออกมาเพื่อแต่งตัวไปทำงาน สายตาก็ปรายมองเพื่อนสนิทที่หลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียงของตนด้วยร่างเปลือยเปล่า มีเพียงผ้าห่มคลุมบดบังไว้ ก่อนที่เธอจะรีบหันมาแต่งตัวและออกไปทำงานเพราะกลัวจะสายครืดดดด ครืดดดดเสียงโทรศัพท์สั่นอยู่บนหัวเตียง อนณขมวดคิ้วยุ่งก่อนจะปรือตาเงยหน้าแล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ของตนขึ้นมารับสายด้วยท่าทีงัวเงีย“อืม”(มึงอยู่ไหน กูมารับมึงที่ห้องแต่ไม่เห็น)“ใครวะ”(อ้าว ไอ้นี่ กูแซมผู้จัดการมึงไง)“อ๋อ เออ กูกำลังไป”(มึงอยู่ไหน)“ห้องลิซ แปป...เดี๋ยวออกไป”พูดจบอนณก็วางสายทันทีก่อนจะมองไปรอบๆ ห้องก็ไม่เห็นร่างเพื่อนสนิทที่นอนกอดตนเมื่อคืนแล้ว อ
สองร่างนัวเนียกันไปมาพร้อมกับเดินไปยังห้องนอนของอลิซ ตลอดทางต่างก็ช่วยกันปลดเปลื้องเสื้อผ้าของอีกฝ่ายแต่ก็ยังไม่ยอมละจากจูบ เพื่อนชายคนสนิทอุ้มเพื่อนสาวของตนขึ้นก่อนที่เธอจะตวัดขาเกี่ยวรอบเอวสอบ ขาเรียวเกี่ยวกอดคอหนาพร้อมกับก้มลงมาจูบเขา ร่างหนาอุ้มร่างของเพื่อนสาวไปยังเตียงนอนก่อนจะวางเธอลงนอนราบไปกับเตียงลิ้นร้อนพัวพันเกี่ยวตวัดดูดดึงกันไปมาก่อนที่มือหนาจะเลื่อนเข้าสอดใต้ชุดนอนกระโปรงนั้นเพื่อดึงกางเกงในตัวจิ๋วร่นออกมาให้พ้นทาง ใบหน้าหล่อเลื่อนลงมาพรมจูบที่ซอกคอขาวพร้อมกับขบเม้มมันจนเป็นรอย ร่างบางเงยหน้าขึ้นเปิดทางให้เขาดอมดมได้เต็มที่ ก่อนที่มือของเขาจะร่นเกี่ยวชุดนอนของเธอลงไปกองที่หน้าท้อง“อื้มมม...”เสียงร้องครางเสียงหวานดังขึ้นเมื่อมือหนาบีบคลึงเต้าตึงพร้อมกับครอบครองมันด้วยริมฝีปากหยัก ลิ้นร้อนตวัดวนก่อนจะดูดดึงปลายยอดทำให้ร่างกายสั่นสะท้านแอ่นร่างรับสัมผัสกระสัน มือหนาเลื่อนเอื้อมไปปลดกางเกงของตนออกจนหมดทั้งที่ยังคงปรนเปรอความสุขสมให้ร่างบางไม่พักปลายนิ้วเรียวลูบไล้หยอกเย้าจุดอ่อนไหวของสาวเจ้าจนร้องครางขึ้นอย่างห้า