.
.
หลังจากที่ลุคค์ล็อคคอลากเพื่อนดาราของตนออกมาได้ก็ปล่อยทันที อนณยังคงยืนนิ่งมองหน้าประตูอย่างชั่งใจก่อนจะเดินไปยังห้องของตัวเองที่เดินไม่ถึงห้าก้าวก็ถึง พร้อมกับงดรหัสอย่างเงียบๆ
“มึงโกรธพวกกูหรอวะ” -จีซัส
“เปล่า...กูแค่กำลังคิดว่าอลิซเป็นอะไร มันแปลกๆ ไป” -อนณ
“อลิซบอกกูอยู่นะ กูว่าจะชวนพวกมึงขึ้นเหนือไปพักผ่อนอยู่” -ลุคค์
“ขึ้นเหนือ? บ้านเกิดอลิซน่ะนะ” -แทนไท
“เออ” -ลุคค์
อนณได้ฟังอย่างนั้นก็อดไม่ได้ที่ขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะหันไปมองลุคค์อย่างสงสัยไม่ต่างจากคนอื่นๆ ลุคค์มองเพื่อนๆ ก่อนจะถอนหายใจแล้วบอกเรื่องที่คุยกับอลิซเมื่อครู่
“ยายอลิซอาการทรุดจนแอดมิทที่โรงพยาบาล แต่ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว อลิซเลยจะลางานกลับบ้านสักอาทิตย์” - ลุคค์
“แล้ว?” -อนณ
“กูก็ไม่อยากให้มันไปคนเดียว มันอยู่กับยายแค่สองคนนะเว้ย กูเลยว่าจะไปด้วยถือโอกาสไปเที่ยวด้วยเลย” -ลุคค์
“อลิซมันยอมหรอวะ?” -แทนไท
“มันสัญญากับกูไว้แล้ว” -ลุคค์
“เกี่ยวก้อยสัญญา?” -จีซัส
“เออ” -ลุคค์<
..อลิซและต้นชาขับรถสปอตคันหรูกลับเข้ามายังบริษัท ก่อนจะขับไปจอดยังลานจอดรถหน้าบริษัทที่เต็มไปด้วยร่วมไม้ ทั้งสองลงจากรถอย่างเร่งรีบ ก่อนจะเปิดท้ายรถเพื่อเอาของที่ซื้อมา“ผมไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าทางแบรนด์เขาจะมาเปลี่ยนกะทันหันแบบนี้”“ไม่เป็นไรหรอก เพราะเขาจ้างเรานะไม่ได้ให้ทำฟรี เขาจะเปลี่ยนยังไงก็ได้ อีกอย่างเป็นแบรนด์ดังด้วย เราได้งานนี้ถือว่าโชคดีแล้ว”“ผมไม่อยากเห็นพี่เหนื่อยเลย ที่จริงผมไปคนเดียวก็ได้นะครับ”“ได้ยังไงล่ะ เดี๋ยวซื้อของมาผิดก็ยุ่งอีก ช่วยๆ กันนี่แหละ”ต้นชาหันไปยิ้มให้อลิซก่อนที่จะแย่งของหนักๆ จากมืออลิซมาถือเอง อลิซจึงหันไปยิ้มให้พร้อมกับพูดขอบใจก่อนที่ทั้งคู่จะเดินเข้าบริษัทไป เพื่อที่จะไปทำพร็อพต่อให้เสร็จทันที่จะถ่ายเซ็ตสุดท้ายช่วงเย็น โดยไม่ได้เข้าไปยังสตูดิโอที่อนณอยู่ อีกนัยหนึ่งที่อลิซขออาสาไปซื้อของเพราะไม่อยากเจอเพื่อนหนุ่มของตัวเองด้วยนั่นแหละอีกด้านหนึ่ง“ไอ้ผู้จัดการครับ ไปซื้อกาแฟให้กูหน่อยสิ”“กูผู้จัดการมึงนะไม่
..“มึงบอกไม่ให้กูทำอะไรในที่ทำงานของมึง แต่มึงทำได้งั้นหรอ?”อนณเดินเข้ามากระชากแขนของอลิซจนเซไปทางเขา อนณจ้องมองเธอพร้อมกับตั้งคำถามเสียงแข็งด้วยความโมโห อลิซเงยหน้ามองคนที่กระชากแขนเธอทั้งน้ำตา แต่อนณกลับไม่ได้เอะใจหรือถามอะไรเลย เอาแต่จ้องมองเธออย่างหาเรื่องและเค้นคำตอบจากเธอ“ตอบกูมาสิลิซ”“ฮึกๆ ...ปล่อยแขนกู”อลิซพยายามกลั้นลูกสะอื้นและสะบัดแขนของตัวเองเพื่อให้หลุดจากการเกาะกุมของเขา แต่อนณกลับยังคงจับไว้แน่นกว่าเดิมจนเธอรู้สึกเจ็บไปหมด“ทำไม? กูเป็นเพื่อนมึงเลยแตะต้องตัวมึงไม่ได้?”“อนณ!!”“ทีมันยังกอดมึงได้เลย!”“ผมไม่ได้คิดจะทำอะไรพี่ลิซนะครับ ผมเห็นเธอร้องไห้ก็แค่ปลอบ”“มึงไม่ต้องเสือก!!”เพี๊ยะ!!!ต้นชาพูดขัดพร้อมกับเข้าไปจับแขนของอนณที่จับแขนของอลิซไว้แน่น หวังจะดึงออก แต่อนณกลับหันไปพูดกับต้นชาอย่างเดือดดาล ก่อนที่ฝ่ามือเล็กๆ อีกข้างของอลิซฟาดเข้าไปเต็มๆ แก้มเนียนใสของเพื่อนชายคนสนิท อนณเบิกตากว้างแต่มือยังคงไม
..“มึงยอมให้ไอ้เด็กเวรนั่นกอดไง!”“กูยังไม่มีใคร กูจะกอดกับใครมันก็สิทธิ์ของกูไหม”“.......”อนณถึงกับพูดไม่ออก เพราะมันก็คือความจริง เขาเองนั่นแหละที่มีสิทธิ์อะไรไปหวง แต่เหมือนหัวใจจะไม่ยอมฟังเหตุผลของสมอง กลับยิ่งรู้สึกไม่ชอบใจมากกว่าเดิมในคำตอบ เขาคว้าอลิซเข้ามากอดแน่นจนอลิซเองก็ตกใจว่าทำไมอยู่ๆ เขาถึงทำแบบนี้ อลิซได้ยืนตัวแข็งทื่อก่อนที่เขาจะผงะตัวออกแล้วจับปลายคางมนสวยเชิดขึ้นหวังจะช่วงชิงริมฝีปากของเธอตามใจสั่งอลิซเห็นอย่างนั้นก็รีบผลักตัวเขาออกอย่างแรง ในใจนึกโกรธไม่น้อยที่เพื่อนชายคนสนิทคิดจะทำแบบนั้น สายตาดวงสวยจ้องมองเพื่อนสนิทอย่างไม่เข้าใจ“ไหนว่ามึงไม่มีใครจะทำอะไรก็ได้ไง งั้นกูก็มีสิทธิ์ทำเหมือนกัน”“ทั้งที่มึงพึ่งไปจูบกับคนอื่นมาเนี่ยนะ ถ้ามึงอยากมากก็โทรหาผู้หญิงของมึงดิวะ”“แล้วทำไมเป็นมึงไม่ได้?”“มึงลืมไปแล้วหรอ ว่ากูเป็นเพื่อนมึงนะอนณ”“........”“มึงกลับไปตั้งสติที่ห้องของมึงก่อน ใจเย็นเมื่อไหร่ค่อยมาคุยกัน”พู
..อนณเดินวนไปเวียนมาถึงแม้ว่าในมือของเขาจะถือบทละครอยู่ก็ตาม แต่สายตากลับไม่มองที่บทหรือแม้แต่อ่านมันเลย สายตาคมของเขาเอาแต่จ้องมองยังมืออีกข้างที่ถือโทรศัพท์เครื่องหรูอยู่ แซมที่นั่งมองดาราหนุ่มในสังกัดพ่วงตำแหน่งเพื่อนของเขาก็ถึงมันขมวดคิ้วมุ่นที่เพื่อนพระเอกตัวดีของตนไม่เป็นอันทำงานเลยแม้แต่น้อย“นี่ ไอ้นณ...วันนี้มึงพลาดไปหลายเทคแล้วนะเว้ย”“......”“มึงช่วยรีบๆ อ่านบทสนใจงานตอนนี้หน่อยได้ไหม มันจะได้ไม่ต้องยืดเวลามาถ่ายใหม่วันอื่น”“เออๆ”“เดี๋ยวก็ไม่ได้ไปกันพอดีหรอกเชียงใหม่อ่ะ”แซมพูดเชิงขู่เข็ญเพื่อนของตน เขารู้ดีว่าที่อนณเป็นแบบนี้ไม่ใช่เพราะใครอื่น แต่เป็นเพื่อนสาวตัวเล็กกระจ้อยร่อยของเขานั่นแหละที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ แซมเองก็ไม่ค่อยแน่ใจนักว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างสองคนนี้ พักหลังๆ เหมือนจะมีลับลมคมในจนน่าสงสัยไปหมด แต่อนณกลับไม่ปริปากพูดหรือปรึกษาเขาเลยสักคำ เหมือนต้องการที่จะปกป้องอลิซยังไงอย่างนั้น แต่แซมก็ยังไม่ได้ปักใจเชื่อในความคิดตัวเองเท่าไหร่ เพราะเขามองตามท่าทางของอนณเท่านั้น
..หลังจากที่ลุคค์อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มทันที ใช้เวลาเพียงไม่นานร่างกายกำยำก็ม่อยหลับไปอย่างเหนื่อยอ่อน ก็แน่สิ..ยังไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อคืนซ้ำยังต้องมาเดินทางเป็นเพื่อนอลิซอีกด้วย จะปล่อยให้เพื่อนสาวมาคนเดียวก็น่าเป็นห่วงอยู่ ยังไงงานเขาก็ไม่ได้มีอะไรมากมายอยู่แล้ว จึงอาสามาตั้งแต่ที่ลุคค์ไปอาบน้ำจนตอนนี้นอนอุตุอยู่บนเตียง อลิซก็ถือโอกาสออกมาเดินชมสวนชมนกชมไม้รอบๆ รีสอร์ตทรงเรือนล้านนาโบราณ แต่ภายในห้องกับออกแนวร่วมสมัยไม่ถึงกับโบราณจ๋าไปซะทีเดียว ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกสมัยใหม่ เพียงแค่เลือกสรรรูปแบบและสีให้เข้ากับเอกลักษณ์ของโรงแรมเท่านั้นอลิซได้โทรนัดคุณหมอที่รักษายายเรื่องที่จะต้องเข้าไปพบและหมอก็ว่างช่วงบ่ายๆ พอดี เลยยอมปล่อยให้เพื่อนชายของตนนอนหลับให้เต็มอิ่ม ก่อนจะที่เธอจะเดินไปถามทางโรงแรมเรื่องหาที่เช่ายืมรถ การที่เธอไม่ขับรถมาเพราะกลัวว่ามันจะช้า จากกรุงเทพไปยังเชียงใหม่มันต้องใช้เวลาเป็นวันในการเดินทาง อีกอย่างมันเป็นเรื่องที่เร่งด่วนหลังจากที่อลิซทำเรื่องต่างๆ เรียบร้อย ก็ขับรถที่เช่ายืมมากลับมายังโรงแรม แถมยังซ
..“แต้ก๋า?”ยายชุลีหันมาถามหลานสาวของตนอีกครั้งอย่างไม่อยากเชื่อว่าหลานสาวจะมีเพื่อนที่เป็นดาราด้วย อลิซพยักหน้าตอบรับแทนคำตอบ ตอนนี้เธอพูดไม่ออกและไม่รู้จะทำตัวยังไงดี อลิซมองดูยายที่ยิ้มอย่างดีใจจนแก้มปริก็พลอยยิ้มตามไปด้วย อนณหันไปหยิบช่อดอกไม้จากแซมแล้วยื่นให้ยายชุลีด้วยรอยยิ้มหวาน ก่อนจะถอดแว่นออกเพื่อให้ผู้เป็นยายเห็นหน้าชัดๆ“ยายเป็นแฟนละครคุณตวย ดีใจขนาด ลิซบ่าเคยบอกยายเลย” ยายชุลีรับช่อดอกไม้มาพร้อมกับพูดขึ้น อนณเห็นท่าทางดีใจอย่างนั้นก็เดินไปข้างๆ เตียงอีกฝั่งแล้วสวมกอดยายเป็นการให้กำลังใจ“ขอบคุณครับยาย ผมอยากให้ยายหายไวๆ แล้วมาดูละครของผมต่อ”“ยายจะดูแลตัวเก่าให้ดี” ยายชุลีตอบรับหลังจากคลายกอดแล้วพร้อมกับยิ้ม มือที่เหี่ยวย่นเอื้อมไปลูบใบหน้าของดาราหนุ่มสายตาจ้องมองอย่างนึกเอ็นดู อนณเองก็ไม่ได้นึกรังเกียจซ้ำยังเอียงหน้ารับมือของยายพร้อมกับจับที่มือของเธอแล้วยิ้มให้“หล่อขนาด หล่อแต้หล่อว่า...ถ้าลิซมีแฟนอย่างนี้ยายคงดีใจ๋ตายตาหลับแล้ว”“ยาย...อู้หยังอย่างนั้
..“คุณอนณมากับอลิซ...เป็นแฟนกันก๋า?”“บ่าใจ่แฟนเจ้า เพื่อนกัน”อลิซรีบตอบทันควัน เพราะดูท่าคนที่ยืนยิ้มหวานมองป้าศรีคงไม่ตอบแน่ๆ ทำไมไม่ว่าอยู่กับใครก็ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นแฟนคนนั้นคนนี้ไปหมด มันดูเหมาะขนาดนั้นเลยหรอ อลิซคิดอย่างไม่เข้าใจเพราะไม่ว่าไปที่ไหนกับใครที่เป็นเพื่อนๆ ของตนก็โดนทักแบบนี้หมด ยิ่งกับอนณยิ่งหนักไปกว่าเดิม ถ้าไปไหนด้วยกันสองคนแล้วมีคนมาเห็นคงได้คิดว่าอนณมีแฟนแน่ๆ พลอยเสียชื่อเสียงไปหมด เพราะอย่างนี้อลิซถึงไม่ค่อยไปไหนกับอนณเท่าไหร่นัก นอกจากไปเจอกลุ่มเพื่อนๆ หรือเขามาลากเธอไปเอง“ว้า ป้าก็นึกว่าจะมีญาติเป็นดาราเสียอีก” ป้าศรีพูดพร้อมกับทำหน้าผิดหวังเล็กน้อยก่อนจะหันไปยิ้มให้อลิซ และคนอื่นๆ พร้อมกับรับไหว้หนุ่มๆ เพื่อนของเธออีกครั้ง“ว่าแต่...วันนี้ค้างที่นี่ก๋า?”“เจ้า...น้องว่าจะอยู่จนกว่ายายจะย้ายโรงพยาบาลแล้ว” อลิซตอบผู้เป็นป้าอย่างยิ้มๆ ป้าศรีมองหน้าหลานสาวของตนอย่างเป็นห่วง ถึงเธอจะไม่ได้มาดูแลยายด้วยเองแต่ก็ส่งเงินมาไม่ขาดไม่เคยไม่ส่ง เพราะป้าศรีคอ
..“งั้นตอบกูมาหน่อย...ว่ามึงคิดยังไงกับไอ้นณ?”อลิซอึ้งกับคำถามของลุคค์ที่ตอนนี้กำลังจับจ้องเธอด้วยความอยากรู้ อลิซหลบสายตาคมของลุคค์เล็กน้อย ครั้นจะให้พูดก็ดันพูดไม่ออก เธอไม่อยากคิดอะไรกับเพื่อนทั้งนั้น แต่ถึงอย่างนั้น....“คุยอะไรกันสองคนตรงนี้ ไม่ชวนพวกกูเลย” อนณเดินเข้ามาพร้อมกับแซม พูดแทรกบทสนทนาของทั้งคู่ ก่อนจะจ้องมองอลิซอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นัก เขาพยายามห้ามตัวเองไม่ให้เป็นคนขวางโลกแล้วแต่พอเห็นอย่างนี้มันก็อดไม่ได้ ร่างกายมันพาเขามาหยุดยืนตรงนี้เอง“ไม่มีอะไรหรอก มึงมาอาบน้ำหรือไง?”“ก็เออดิ ต้องไปเฝ้าไอ้แซมเนี่ย” อนณหันไปตอบลุคค์และพยายามปรับสีหน้าให้มันปกติที่สุด แต่มีหรือที่เพื่อนของเขาจะมองไม่ออกว่าอนณตั้งใจจะมาขัด ลุคค์หันไปมองหน้าอลิซแล้วยิ้มให้ก่อนจะหันไปตบบ่าอนณ“กูขึ้นไปนอนก่อนละกัน...ได้นอนไม่กี่ชั่วโมง”“ทำอะไรมา ถึงได้นอนไม่กี่ชั่วโมง?” อนนณถามขึ้นทันทีพร้อมกับขมวดคิ้วแน่น ในหัวของเขาคิดดีไม่ได้เลย เพราะที่รู้ว่าคืออลิซกับอนณ
“สรุปพวกมึงยังไง?” - แทนไท ลุคค์ แซม พูดขึ้นพร้อมกัน“อ้าว พวกมึงยังไม่รู้หรอ?” -จีซัส“ถามไอ้ลิซดิ” -อนณ“อ้าว ทำไมโยนมาให้กูอ่ะ” -อลิซ“พูดกับผัวดีๆ ดิ” -อนณ“อะไรของมึง อนณมันปล้ำกูไงเลยต้องยอม” -อลิซ“อ้าว! ไอ้เหี้*นณ” ทุกคนหันไปคาดโทษอนณก่อนจะรุมต่อยเขาหยอกๆ จีซัสเองก็ไม่วายร่วมวงด้วย อนณเอามือกันตัวเองพร้อมกับหัวเราะออกมาก่อนจะหันไปสบตากับจีซัส“มึงรู้แล้วไม่ใช่หรอไอ้จี” -อนณ“เออ แต่อยากร่วมวงด้วย” -จีซัส“มึงนี่ตัวดีเลยไอ้หมอ” -ลุคค์“กูเปล๊า” -จีซัส“กูไม่ได้ปล้ำมัน ไอ้ลิซมันเรียกกูไปหาเอง” -อนณ“พวกมึงจะเชื่อกูหรือเชื่อมันอ่ะ” -อลิซ“ไม่เชื่อทั้งคู่อ่ะ พอๆ กันเลยพวกมึงสองตัว” ทุกคนพูดขึ้นพร้อมกันแล้วส่ายหน้า อลิซมองดูทุกคนอย่างยิ้มๆ ภายในใจคิดว่าไม่อยากให้บรรยากาศอย่างนี้หายไปเลย พวกเพื่อนๆ คือสิ่งที่เธอเหลืออยู่“ถ้ากูคบกับอนณพวกมึงจะเปลี่ยนไปไหม?” -อลิซ“มึงพูดอะไรของมึง เพื่อนนะไม่ใช่ผัว” -จีซัส
“พี่อลิซ!...คุณอนณ..” ต้นชาหันไปเห็นอลิซก่อนจะเรียกชื่อของเธอ สายตาของเขาเลื่อนไปที่มือของอลิซที่อนณจับกุมไว้แน่น ก่อนจะเรียกชื่อพี่ชายต่างแม่ด้วยท่าทีที่ไม่สบอารมณ์นัก เมื่อพวกเขาเดินจับมือกันเข้ามาในห้องพักรักษาตัวของผู้เป็นพ่อ“แก! แกยังจะกล้าทำแบบนี้กับอลิซอีกหรอ!! ไอ้เลว!!” อิ่มอุ่นผู้เป็นแม่เลี้ยงเดินเข้าไปหาทั้งคู่พร้อมกับทำท่าจะพุ่งเข้าไปดึงตัวของอลิซออกมา แต่อนณกลับดึงอลิซไปข้างหลังแล้วเอาตัวบังไว้ เขาโน้มตัวลงไปกระซิบเสียงเบากับผู้เป็นแม่เลี้ยงจนทำให้สีหน้าของเธอนั้นถึงกับตกใจ“ถ้าไม่อยากให้ลูกชายของคุณรู้ความจริงก็อย่าเสียงดังไป...ยายชุลีบอกผมหมดแล้ว เรื่องนี้ผมจะบอกพ่อเอง อย่ายุ่ง!”“แก! กล้าดียังไงมายุ่งกับลูกสาวของฉัน!!”“ฉันไม่ใช่ลูกสาวของคุณตั้งแต่วันที่คุณทิ้งฉันไว้กับยายแล้วค่ะ ฉันเป็นแค่ลูกสะใภ้ของคุณเท่านั้น” อลิซพูดพร้อมกับน้ำตาเอ่อคลอ แต่ก็พยายามกลั้นไม่ให้มันไหลลงมาอาบสองแก้ม อิ่มอุ่นมองลูกสาวของตนอย่างเจ็บปวดแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอทำแบบนั้นกับลูกสาวจริงๆ“แม่...แม่ขอโทษ
“พ่อมึงปลอดภัยแล้ว” จีซัสเดินเข้ามาบอกเพื่อนของเขาที่นั่งก้มหน้าคอตกอยู่หลังจากออกมาจากห้องฉุกเฉินมาพร้อมกับบ่าอนณเบาะๆ เพื่อปลอบใจ อนณเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนด้วยสีหน้าที่ดูเศร้าและเพื่อนของเขาคิดว่าไม่น่าใช่เรื่องของพ่ออย่างเดียว“ไปคุยกับกูที่ห้องทำงานก่อนไหม?”“อืม”จีซัสพูดขึ้นก่อนจะเดินนำไปที่ห้องทำงานของเขาโดยมีอนณเดินตามหลังไป ปล่อยให้ต้นชาและแม่อิ่มนั่งเฝ้ารอพ่อของเขาออกจากห้องฉุกเฉิน เหมือนโชคชะตาเล่นตลกที่นำพาครอบครัวของเขาและอลิซมาเจอกัน ดันมาอยู่โรงพยาบาลเดียวกัน อนณคิดไม่ออกเลยว่าถ้าเจอกันมันจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก คนที่น่าสงสารมากที่สุดคงไม่พ้นอลิซที่ตอนนี้ขึ้นชื่อว่าน้องสาวของเขา และเขากลับเอาน้องสาวตัวเองทำเมีย“มีเรื่องอะไร?”“พ่อกูบอกว่าอลิซ....เป็นน้องสาวกู..”“ฮะ?! ถ้าเป็นอย่างนั้นเหี้*มากนะ”“กูสิเหี้* ...ก็กูไม่รู้” อนณพูดก่อนจะน้ำตาไหลพรากออกมาหลังจากที่กลั้นมานาน มือหนากุมขมับปิดบังหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตา จีซัสถอนหายใจก่อนจะตบบ่าเพื่อนอีกครั้ง นี่คงเป็นครั้ง
“กูรักมึง...เกินคำว่าเพื่อนมาตั้งนานแล้ว”“.........”“แต่กูแค่พยายามหลอกตัวเองไง เพราะเหมือนยังไงมึงก็ไม่มองกูเป็นอื่น”“แล้วทำไม...”“เพราะกูข้ามเส้นนั้นมาเอง ไม่ได้อยากเป็นแค่เพื่อนคู่ขา หรืออะไรอย่างนั้นนอกจากแฟนมึง”“อนณ...”“ตั้งแต่ได้กับมึงมากูไม่คิดอยากจะไปเอากับใครอีกเลย...กูสัญญาว่าจะไม่แรดอีก”“คือ...”“คบกับกูได้ไหม?”“มึงคือว่า....”“เป็นแฟนกันเถอะนะ”“ไม่ได้...” อลิซมองหน้าเพื่อนสนิทที่ทำหน้าจริงจัง และเธอก็รู้แล้วว่าเขารู้สึกยังไง น้ำตาเอ่อคลอเบ้าตอบออกไปเสียงแผ่ว ก่อนจะเบือนหน้าหนีหลบสายตาเพื่อนของตน“ทำไม? ...ลิซ มองหน้ากูแล้วตอบ”“อนณ...มึงมีคนที่ต้องแต่งงานด้วยอยู่แล้ว” อนณเอื้อมมือไปจับใบหน้าสวยนั้นให้หันกลับมามองเขา อลิซตอบทั้งน้ำตา คิ้วเข้มขมวดแน่นเมื่อได้ยินคำพูดนั้น สีหน้าที่จริงจังในตอนแรกเปลี่ยนเป็นดุดันเต็มไปด้วยความโกรธ ก่อนจะเข้นเสียงลอดไรฟันถามเพื่อนสาวอย่างใจเย็น“มึง...ไปเจอพ่อกูมาใช
“ขอโทษนะครับ ช่วยหลีกทางหน่อย” อนณพูดอย่างไม่คิดจะสนใจผู้หญิงตรงหน้า ไม่ว่าเธอจะบิดม้วนต้วนเป็นไข่ม้วนพร้อมกับส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มให้เขาแค่ไหนก็ตาม ถ้ายุ่งเรื่องมันก็เหยิงไปกว่านี้“อะ...เอ่อ...คือว่า...”“.........”“พี่ลิซไม่มาด้วยหรอคะ? พอดีมีเรื่องจะคุยกับพี่ลิซเรื่องงาน”“ไม่มาครับ” อนณตอบเสียงเรียบพร้อมกับเบนสายตาไปทางอื่นแทน สาวเจ้าก็ยังคงทำท่าขวยเขินใช้แขนบีบอกให้ชิดติดกันจนเป็นร่อง เสื้อยืดเจ้าหล่อนก็คอลึกเสียเหลือเกิน นั่นคือสาเหตุที่อนณไม่มอง“งั้นพานุ่นไปที่คอนโดด้วยได้ไหมคะ? นุ่นว่าจะนั่งแท็กซี่ไปแต่ไม่รู้ทางเลย”“คงจะไม่ดีมั้ง”“นะคะ...นุ่นไม่รู้ทางจริงๆ” หญิงสาวพูดก่อนจะกระโดดเข้าเกาะแขนอนณอย่างตั้งใจให้เจ้าอกเจ้าเต้าของตนชนแขนเขา อนณผงะตัวออกเล็กน้อย ก่อนจะมองหน้าสาวอย่างไม่สบอารมณ์นัก มารับปากก็คงจะเกาะไม่ปล่อยแน่ๆ“เข้าใจแล้ว...ช่วยปล่อยมือด้วย” อนณตอบพร้อมกับขมวดคิ้วแน่นมองหน้าหญิงสาวและแขนของเขาสลับกันเป็นเชิงบอก นุ่นมองหน้าอนณพร้อมกับยิ้มก่อนจะยอมปล่อ
“จะรีบเสร็จก่อนกูได้ยังไง...นี่พึ่งเริ่มเองนะ” เขายกยิ้มร้ายก่อนจะจับกำแก่นกายใหญ่ของตนที่กำลังตื่นตัวเต็มที่พร้อมกับรูดมันเข้าออกอีกสองสามครั้งแล้วจับแก่นใหญ่นั้นจ่อปากทางแคบ เพื่อนสาวเบิกตากว้างพึ่งเห็นชัดๆ ว่ามันอลังการขนาดนี้ก็ตอนนี้แหละ...และคิดว่าไอ้นั่นหรอที่มันเข้าไปในกายเธอเมื่อคืน...“อ๊ะ!!! อ๊ายยย!! ยัง..เจ็บอยู่เลย...” อลิซถึงกับร้องเสียงหลงเมื่อเขาจับไอ้แท่งนั้นยัดเข้าไปก่อนจะดันมันเข้าไปทีเดียวมิดลำ เขาทำหน้าเหยเกเพราะภายในยังคงรัดแน่นไม่คลาย ก่อนจะโน้มตัวเข้าไปกระซิบข้างหูเพื่อนสาวด้วยน้ำเสียงแหบพร่า“อืมมมม...มึงอย่ารัดกูแน่นนักสิ...จะขยับไม่ได้อยู่แล้ว” เขาไม่พูดเปล่าพร้อมขยับสะโพกออกก่อนจะกระแทกเข้าไปอีกครั้งหนักๆ รอบนี้เขาจะไม่กัดฟันทนทำแบบเนิบๆ อีกต่อไป สะโพกหนาเริ่มโยกเป็นจังหวะที่เขาต้องการเพราะความคับแคบและบีบรัดแน่นทำให้เขาต้องขบกรามอย่างข่มอารมณ์“อ๊า! อ๊า!” เสียงครางใกล้ๆ หูทำเอาอารมณ์ของเขาคุกรุ่นกว่าเดิม ใบหน้าสวยของเพื่อนสาวยบิดเบี้ยวไปตามอารมณ์แรงราคะนั้นมันทำให้เขาอดใจไม่ไห
อนณยืนรออลิซอยู่หน้าผับหลังจากที่คุยกับเลขาของพ่อเสร็จ อลิซเดินออกมาตากร้านอาหารพร้อมกับโบกมือลาต้นชาและส่งยิ้มให้ ทุกอย่างอยู่ในสายตาของอนณ เขามองเพื่อนสาวคนสนิทอย่างไม่สบอารมณ์ รอยยิ้มเขินๆ นั่นที่เธอส่งยิ้มให้ชายอื่นที่ไม่ใช่เขา อลิซแยกกับต้นชาก็เดินข้ามถนนมายังหน้าผับเพื่อเตรียมจะไปช่วยงานลุคค์เหมือนอย่างเคย แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นอนณยืนอยู่เงียบๆ“มึง...มาทำอะไรแถวนี้”“มาตามหามึงไง”“เพื่อ?”“กูไปรู้ข่าวมาว่ามึงจะไปแดกข้าวกินน้องที่บริษัท แต่ไม่คิดว่าจะแดกข้าวกันสองต่อสองกับไอ้หน้าอ่อนนั่น!”อนณพูดพร้อมใส่อารมณ์เผลอตะคอกอลิซอย่างนึกลืมตัว ใบหน้าภายใต้หมวกดูไม่พอใจและเจ็บปวดไม่น้อย อลิซมองหน้าเพื่อนสนิทอย่างไม่เข้าใจ ว่าเขาจะมายุ่งอะไรกับเธออีกในเมื่อเขาให้สัมภาษณ์กับสื่อไปแล้วว่ามีคนดูใจอยู่ และทำไมไม่ไปหาผู้หญิงคนนั้นจะมาวุ่นวายกับเธอทำไมอีก อลิซตีหน้าเรียบนิ่งก่อนจะตอบเพื่อนชายของเธอออกไป“กูจะเปิดใจให้ใครแล้วมันยังไงหรอ? ก็เป็นสิทธิ์ของกูป่ะ”“แต่กูไม่ชอบไง! ทำไมมึงต้องแรดไปหาคนนั้นคน
อลิซยันร่างที่เหนื่อยล้าของตัวเองลุกขึ้นมาจากเตียง ร่างเปลือยเปล่าเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่ออาบน้ำชำระร่างกาย เรื่องเมื่อคืนยังทำให้เธอใจเต้นอยู่เลย ความเจ็บแปลบแล่นเข้ามาที่สะโพกและส่วนนั้น นั้นยิ่งตอกย้ำว่าเธอมีอะไรกับเพื่อนสนิทแล้วจริงๆ อลิซสะบัดความคิดก่อนจะรีบอาบน้ำกัดฟันทนความเจ็บเธอเดินใส่ผ้าขนหนูออกมาเพื่อแต่งตัวไปทำงาน สายตาก็ปรายมองเพื่อนสนิทที่หลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียงของตนด้วยร่างเปลือยเปล่า มีเพียงผ้าห่มคลุมบดบังไว้ ก่อนที่เธอจะรีบหันมาแต่งตัวและออกไปทำงานเพราะกลัวจะสายครืดดดด ครืดดดดเสียงโทรศัพท์สั่นอยู่บนหัวเตียง อนณขมวดคิ้วยุ่งก่อนจะปรือตาเงยหน้าแล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ของตนขึ้นมารับสายด้วยท่าทีงัวเงีย“อืม”(มึงอยู่ไหน กูมารับมึงที่ห้องแต่ไม่เห็น)“ใครวะ”(อ้าว ไอ้นี่ กูแซมผู้จัดการมึงไง)“อ๋อ เออ กูกำลังไป”(มึงอยู่ไหน)“ห้องลิซ แปป...เดี๋ยวออกไป”พูดจบอนณก็วางสายทันทีก่อนจะมองไปรอบๆ ห้องก็ไม่เห็นร่างเพื่อนสนิทที่นอนกอดตนเมื่อคืนแล้ว อ
สองร่างนัวเนียกันไปมาพร้อมกับเดินไปยังห้องนอนของอลิซ ตลอดทางต่างก็ช่วยกันปลดเปลื้องเสื้อผ้าของอีกฝ่ายแต่ก็ยังไม่ยอมละจากจูบ เพื่อนชายคนสนิทอุ้มเพื่อนสาวของตนขึ้นก่อนที่เธอจะตวัดขาเกี่ยวรอบเอวสอบ ขาเรียวเกี่ยวกอดคอหนาพร้อมกับก้มลงมาจูบเขา ร่างหนาอุ้มร่างของเพื่อนสาวไปยังเตียงนอนก่อนจะวางเธอลงนอนราบไปกับเตียงลิ้นร้อนพัวพันเกี่ยวตวัดดูดดึงกันไปมาก่อนที่มือหนาจะเลื่อนเข้าสอดใต้ชุดนอนกระโปรงนั้นเพื่อดึงกางเกงในตัวจิ๋วร่นออกมาให้พ้นทาง ใบหน้าหล่อเลื่อนลงมาพรมจูบที่ซอกคอขาวพร้อมกับขบเม้มมันจนเป็นรอย ร่างบางเงยหน้าขึ้นเปิดทางให้เขาดอมดมได้เต็มที่ ก่อนที่มือของเขาจะร่นเกี่ยวชุดนอนของเธอลงไปกองที่หน้าท้อง“อื้มมม...”เสียงร้องครางเสียงหวานดังขึ้นเมื่อมือหนาบีบคลึงเต้าตึงพร้อมกับครอบครองมันด้วยริมฝีปากหยัก ลิ้นร้อนตวัดวนก่อนจะดูดดึงปลายยอดทำให้ร่างกายสั่นสะท้านแอ่นร่างรับสัมผัสกระสัน มือหนาเลื่อนเอื้อมไปปลดกางเกงของตนออกจนหมดทั้งที่ยังคงปรนเปรอความสุขสมให้ร่างบางไม่พักปลายนิ้วเรียวลูบไล้หยอกเย้าจุดอ่อนไหวของสาวเจ้าจนร้องครางขึ้นอย่างห้า