.
.
“...กูไม่ได้พูดเล่น”
อนณพูดกับเพื่อนสาวของตนด้วยสีหน้าจริงจังแต่อลิซตอบกลับเขาด้วยท่าทีออดอ้อน การที่เธอทำแบบนี้มันคือการเชิญชวนเขาชัดๆ ถ้าผู้หญิงตรงหน้าของเขาไม่ใช่อลิซ เขาคงไม่คิดหนักแบบนี้แน่ และผู้หญิงตรงหน้าคงได้สลบเหมือดคาเตียงไปแล้ว ชายหนุ่มดึงมือออกโดยไม่พูดอะไรก่อนจะหันไปดึงผ้าห่มมาคลุมตัวของเธออีกครั้ง และหยัดตัวเต็มความสูงพร้อมกับหันหน้าไปทางอื่นอย่างเงียบๆ แต่อลิซก็ยังไม่วายจะดึงรั้งแขนแกร่งของเขาไว้
“มึงรังเกียจกูหรอ?”
“...เปล่า...ไว้มึงมีสติค่อยพูดแบบนี้กับกูใหม่”
พูดจบอนณก็เดินออกจากห้องนอนของเขาไปพร้อมกับปิดประตูให้ก่อนที่ตัวเองจะยืนพิงประตูและเอามือกุมขมับของตนอยู่อย่างนั้น ภายในใจแอบขุ่นเคืองตัวเองไม่น้อยที่ปฏิเสธไปอย่างนั้น แต่เขาไม่อยากมีอะไรกับอลิซโดยที่เธอไร้สติแบบนี้ เพราะเขารู้ว่าถ้าเธอตื่นขึ้นมาจะเสียใจภายหลังแน่ๆ
“อนณ...ใจแข็งไว้นะมึง”
ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าวเพราะภาพเรือนร่างของเพื่อนสาวยังคงติดอยู่ในหัวอยู่เลย ไหนจะสีหน้าแบบนั้นของเธออีก และเขายังต้องคอยย้ำตัวเองว่าเธอคือเพื่อน แต่ร่างกายของเขากลับไม่ได้เป็นไปตามความคิดเลย มันซื่อตรงกับความรู้สึกของเขาจนน่าหงุดหงิด อนณก้มมองเบื้องล่างที่ตื่นตัวขึ้นเต็มที่ก่อนจะถอนหายใจ และคิดว่าต้องหาทางจัดการเจ้าตัวที่ตื่นขึ้นมาอย่างไม่ไว้หน้าเขา
เช้าวันถัดมา
ติ่งต่องๆๆๆๆๆ
อนณที่ค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟาที่เขาใช้เป็นที่นอนเมื่อคืน เพราะเสียงกดกริ่งหน้าห้องดังขึ้นไม่พัก ก่อนที่เขาจะหยิบนาฬิกาขึ้นมาดูอย่างหัวเสีย เพราะนี่มันพึ่งจะเจ็ดโมงเช้าแต่กลับถูกก่อกวนทั้งที่เขานอนยังไม่เต็มอิ่มเลยด้วยซ้ำ เขาลุกขึ้นไปเปิดประตูห้องอย่างหัวเสียก่อนจะเห็นหน้าหล่อๆ ของเพื่อนๆ ที่ยืนเรียงหน้าสลอนอยู่หน้าห้องด้วยรอยยิ้มร้าย
“กว่าจะเปิดนะ มัวทำอะไรอยู่หรอไอ้เพื่อนรัก”
จีซัสพูดพร้อมกับเข้าไปล็อคอนณเชิงหยอกล้อ ก่อนที่คนอื่นๆ จะแกล้งต่อยเขาอย่างล้อเลียน เพราะคิดว่าเมื่อคืนอนณอาจจะข้ามเส้นคำว่าเพื่อนไปแล้วแน่ๆ ดูจากอาการของอลิซแล้ว คนอย่างอนณไม่พลาดแน่ๆ
“อะไรของมึงไอ้หมอ จะให้กูทำอะไรล่ะ ก็นอนดิไอ้เพื่อนเวร” -อนณ
“ใช่หรอ? ดูจากสภาพไอ้ลิซเมื่อคืนไม่น่ารอด” -แทนไท
“พวกมึงเป็นเพื่อนกูมากี่ปี? ทำไมถึงคิดว่ากูจะทำแบบนั้น” -อนณ
“เพราะเป็นเพื่อนรักกับมึงมานานเลยรู้ว่ามึงมันร้าย” -จีซัส
“มึงคงจะ...ยังไม่ได้ข้ามเส้นคำว่าเพื่อนหรอกนะ” -ลุคค์
“ข้ามเชี่ยไร เมื่อคืนกูนอนโซฟา ไม่งั้นกูคงไม่มาเปิดประตูให้พวกมึงหรอกไอ้พวกเวร”
อนณพูดอย่างหัวเสียพร้อมกับใบหน้าที่อึ้งทึ่งของเพื่อนๆ เพราะมันก็จริงอย่างที่อนณว่า ถ้าได้ทำเรื่องแบบนั้นแล้วคนอย่างอนณคงจะไม่ปล่อยให้รอดรับเช้าวันใหม่ที่สดใสได้อย่างแน่นอน ต่อให้อะไรเข้ามากวนเขาก็จะไม่สนใจ และมายืนทำหน้ามุ่ยอยู่ตรงนี้แน่ๆ จีซัส แทนไท และลุคค์ ถึงกับกลั้นขำไว้ไม่อยู่ที่เพื่อนของพวกเขาพลาด ทั้งที่ใครๆ ก็ดูออกว่าอนณรักเพื่อนสาวของเขามากแค่ไหน แถมรักในแบบที่เกินกว่าเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียน
“เออๆ ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว เดี๋ยวจะมองหน้ากันไม่ติด”
ลุคค์พูดปัดๆ พร้อมยกยิ้มและไม่ได้ซักไซ้ถามอะไรต่อ เพราะพวกเขาเองก็ต้องรีบไปทำงาน ขืนซักไซ้ต่อคงได้เถียงกันอีกยาวแน่ๆ และเดี๋ยวจะไปทำงานสายกันหมด
“งั้นพวกกูไปทำงานก่อนนะ” -จีซัส
“เออ” -อนณ
เพื่อนๆ ตบบ่าของอนณเบาๆ ก่อนจะพากันเดินไปยังหน้าคอนโดเพื่อเรียกรถแท็กซี่และไปเอารถหรูที่จอดทิ้งไว้ในผับของลุคค์ อนณเห็นเพื่อนๆ ไปกันหมดแล้ว เขาจึงปิดประตูห้องแล้วเดินเข้าห้องนอนของตนที่มีเพื่อนสาวแสนสวยนอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียง ชายหนุ่มเดินไปดึงผ้าห่มออกทำให้คนที่นอนหลับอย่างสบายใจถึงกับสะดุ้งก่อนอลิซจะค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างงงๆ
“อือ...”
“ตื่นได้ล่ะ วันนี้กูมีงานเช้า และมึงก็ต้องไปทำงานด้วย”
อลิซขยี้ตาอย่างงัวเงียก่อนจะพยักหน้ารับเพื่อนหนุ่มคนสนิท ความรู้สึกหนาวเหน็บจนขนลุกซู่ทำให้อลิซก้มมองตัวเองก่อนจะพบว่าบนร่างของเธอเหลือเพียงบราปีกนกและแพนตี้ตัวน้อยเท่านั้น ดวงตาสวยเบิกตากว้างอ้าปากค้างอย่างตกใจพร้อมกับรีบเงยหน้ามองเพื่อนรักของตน
“ไม่ต้องมามองกูเลย มึงเป็นคนถอดเอง”
“เฮ้อ...งั้นก็โล่งอก”
“กูเป็นคนเอาผ้าห่มปิดให้”
“ฮะ? ...เอ่อ...แล้วมึง...เห็น...”
“ทำไม? ...เห็นมึงแก้ผ้าแล้วทำไม?”
“ป...เปล่าๆ งั้นก็ออกไปเซ่ จะยืนมองทำซากอะไรล่ะ”
อลิซตอบพลางหลบสายตาคมของเพื่อนชายที่จ้องมองเธอไม่วางตา ก่อนเธอจะหันไปแผดเสียงใส่เขา เพราะรู้สึกว่าเขาจ้องมองเธอนานจนเธอเริ่มเขินเองเสียแล้ว อลิซดึงผ้าห่มมาคลุมร่างเพื่อหลบสายตาคมนั้นอย่างเขินๆ
“หึ...แค่นี้ทำเป็นเขิน...ทีเมื่อคืนไม่เห็นเขินแบบนี้เลย แถมยังใจกล้า...”
“เมื่อคืน? ... ท...ทำไม?”
“...มึงรู้อยู่แล้วหรือแกล้งไม่รู้?”
อนณหรี่ตาคมมองอลิซที่ไม่กล้าสบตาเขาเวลาเขาถามอย่างสงสัย ใบหน้าที่แดงเรื่อขึ้นของเพื่อนสาวมันเหมือนบ่งบอกว่าเธอจำเรื่องเมื่อคืนได้อย่างไงอย่างนั้น อลิซไม่ได้ตอบอะไรอนณจึงเดินเข้าไปหาเธอก่อนจะโน้มตัวลงไปจ้องมองใบหน้าของอลิซใกล้ๆ อลิซเอนตัวหลบตามสัญชาตญาณเมื่อรู้สึกว่าใบหน้าหล่อของผู้เป็นเพื่อนเริ่มใกล้เกินไป
“อะ...อะไร...”
“มึงยังไม่ตอบกูเลย”
“ก็...ก็...”
“หืม? ...”
ใบหน้าของอนณใกล้เข้าไปเรื่อยๆ อลิซก็หนีเรื่อยๆ จนในที่สุดเธอก็ล้มตัวลงราบกับเตียงเพราะการกดดันของอนณ และเขาเองก็คร่อมร่างเธอไว้และยังไม่วายมองเธออยู่อย่างนั้น ใบหน้าของเพื่อนหนุ่มใกล้แค่คืบและเหมือนว่าเขาจะไม่ยอมถอยออกไปแน่ๆ อลิซจึงรีบมุดลงใต้ผ้าห่มเพื่อซ่อนใบหน้าที่ร้อนผ่าวถึงใบหู
“หึๆ ...เมื่อคืนยังยั่วกูอยู่เลย แล้วตอนนี้มึงจะกลัวอะไร?”
“มึงเลิกแกล้งกูเถอะ ถ้ามึงจะทำมึงทำไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”
“ก็เมื่อคืนมึงไม่มีสติ ตอนนี้มึงมีสติกูอยากทำตอนนี้มากกว่า”
“ฮะ?! จะบ้าหรอ...เราเป็นเพื่อนกัน”
“ขนาดมึงรู้อย่างนั้นยังกล้ายั่วกูนะ”
“กูไม่ได้ตั้งใจโว้ย!”
อลิซเถียงเพื่อนของตนทั้งที่ยังอยู่ใต้ผ้าห่มอย่างนั้น อนณอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมากับท่าทางของเพื่อนสาวที่ดูเขินอย่างจริงจัง ก่อนลุกออกจากตัวของเธอไปยืนข้างเตียงแทน อลิซจึงโผล่หน้าขึ้นมาจากผ้าห่มพร้อมส่งสายตาอาฆาตใส่เพื่อนหนุ่มคนสนิทที่แกล้งเธอ
“ฮ่าๆๆ มึงนี่แม่งเหมือนเต่าเลย”
“มึงชอบแกล้งกูอ่ะ”
“แล้วมึงจะเขินทำไม กูเพื่อนมึงนะ”
“มึงก็ไม่ได้ขี้เหร่นะอนณ มึงหล่อระดับซูเปอร์สตาร์เป็นใครจะไม่เขิน”
“ปกติไม่เห็นมึงเขิน”
“ก็...กูพึ่งตื่น...ก็มีตกใจบ้าง”
“เหรอ”
“ออกไปได้แล้ว กูจะอาบน้ำไปทำงาน”
“อาบด้วยกันเลยไหม? ยังไงก็ไม่เขินอยู่แล้วจะได้ไม่เสียเวลา”
“ไอ้บ้า...เพื่อนที่ไหนเขาอาบน้ำด้วยกัน ออกไป๊!”
อลิซพูดพร้อมกับขว้างหมอนใส่อนณที่ยังคงยืนหน้าระรื่นกวนประสาทเธออย่างนั้น ก่อนที่อนณจะยอมกลับห้องไปแต่โดยดีเพราะเขาเองก็มีคิวงานที่ต้องไปแต่เช้าเหมือนกัน เมื่อทั้งสองอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย อนณก็ยังไม่วายจะอาสาไปส่งอลิซที่บริษัท เขาบอกว่าเป็นทางผ่านอยู่แล้ว แม้อลิซจะค้านว่าไม่ต้องแต่เพื่อนรักของเธอก็ไม่ยอมอยู่ดี จนแล้วจนรอดเธอก็ต้องมาทำงานพร้อมกันกับเขาอยู่ดี
“เดี๋ยวเย็นนี้กูมารับ”
“ไม่ต้องก็ได้”
“แล้วมึงจะกลับยังไง?”
“กลับได้น่า แค่นี้สบายมาก”
“ไม่ กูจะมารับและมึงต้องรอกูมารับด้วย”
อนณยื่นคำขาดก่อนที่อลิซจะถอนหายใจแล้วพยักหน้ารับ รถตู้สีดำทึบแล่นมาจอดยังหน้าบริษัทของเธอ อลิซเตรียมตัวจะลงจากรถแต่ก็ถูกอนณคว้าแขนเอาไว้เสียก่อน อลิซหันไปมองหน้าเพื่อนของตนอย่างสงสัย แต่เขากลับไม่ได้พูดอะไรออกมา
“อะไรหรอ?”
“เปล่า...”
“เปล่าก็ปล่อยสิ”
“คือ.....”
“สรุปว่ามีอะไร?”
“จะพูดอะไรก็รีบๆ พูดเถอะครับไอ้พระเอก เรามีนัดกับผู้กำกับนะเว้ย”
แซมที่มองดูพวกเขาจากกระจกหลังอยู่นานได้เอ่ยขึ้นพร้อมกับส่ายหน้าและยิ้มเหมือนรู้ทันเด็กในสังกัดของตน อนณส่งสายตาดุผ่านกระจกให้แซม ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับอลิซที่ยังคงทำหน้าสงสัย
“ตั้งใจทำงานนะ อย่าลืมรอกูมารับตอนเย็น วันนี้กูเลิกเร็ว”
“แค่นี้? ...แชทมาก็ได้มั้ง”
“เออ...แค่จะบอกว่าตั้งใจทำงาน”
“กูก็ตั้งใจของกูทุกวัน”
“มึงนี่ขยันทำลายบรรยากาศนะ”
“บรรยากาศอะไรอีกอ่ะ?”
อลิซยังคงทำหน้างง แต่อนณกลับพ่นลมหายใจยาวเมื่อดูเหมือนว่าเพื่อนสาวของเขาจะไม่ยอมเข้าใจความหมายของคำพูดตนเลย แต่ก็ไม่แปลกเพราะอลิซยังไม่รู้ว่าเขารู้สึกยังไง ขนาดเขาเองก็ยังไม่รู้ว่าทำไมถึงทำแบบนี้กับเธอ แต่ก็คิดเสมอว่าเพราะรักเพื่อนและอีกอย่างพวกเขาสนิทกันมานานมากอาจจะคิดว่าเหมือนคนในครอบครัวก็ได้
“ไปทำงานเถอะ”
“อ้าว...”
อนณพูดตัดบทก่อนที่อลิซจะลงจากรถทั้งที่ยังไม่หายสงสัย รถตู้แล่นไปจนลับตาแต่อลิซพึ่งจะเผยรอยยิ้มอย่างเขินๆ กับตัวเอง ถึงมันจะแปลกๆ แต่เธอกลับดีใจที่เขาพูดออกมาแบบนั้น และไหนจะท่าทีแปลกๆ นั้นอีก มันชวนให้คิดไปไกลเสียจริงๆ
“อลิซเอ๊ย...เป็นบ้าอะไรของแกเนี่ย...อนณเป็นเพื่อนแกมานานแล้วนะ”
อลิซพูดอย่างเขินๆ พร้อมกับยืนบิดอยู่คนเดียวหน้าบริษัทก่อนจะสะบัดความคิดเมื่อครู่ทิ้งไปอย่างรวดเร็ว แล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อให้ตัวเองมีสติ เธออาจจะแค่หวั่นไหวเท่านั้นอาจจะเพราะเธอโสดมานานเกินไปก็ได้ อลิซคิดแบบนั้นก่อนจะเดินเข้าไปทำงาน
.
.
.
..ห้องประชุม“ทางทีมเราต้องการคุณอนณมาเป็นแบบในนิตยสารของเดือนนี้ ทางแบรนด์ Nice Cein เขาบรีฟมาแบบนี้ ว่าต้องเป็นคุณอนณเท่านั้น แต่ว่าทางเราติดต่อคุณแซมผู้จัดการของคุณอนณไปแล้ว เขาปฏิเสธว่าคุณอนณไม่รับงานนิตยสาร”“เราจะทำยังไงกันดีล่ะพี่รัตน์”เด็กฝึกงานที่ชื่อลูกหยีในทีมเอ่ยขึ้นอย่างร้อนใจ เพราะนิตยสารสมัยนี้ไม่ได้เป็นที่นิยมเท่าไหร่ตั้งแต่มีอีบุ๊คขึ้นมาหรือหนังสือออนไลน์ การที่เสื้อผ้าแบรนด์ดังกำลังเป็นกระแสมาจ้างงานโปรโมทผ่านนิตยสารของพวกเธอนั้นถือว่าเป็นเรื่องยากมาก เพราะนิตยสารของพวกเธอไม่ได้มีชื่อเสียงมากนัก รัตนาหรือพี่รัตน์หันไปมองอลิซด้วยแววตาอ้อนวอน“เดี๋ยวๆ นะ มองลิซแบบนี้หมายความว่า....”“ช่วยพี่หน่อยเถอะนะลิซ ยังไงอนณก็เป็นเพื่อนเราไม่ใช่หรอ?”“พี่รัตน์คะ...ลิซไม่อยากใช้สายสัมพันธ์มิตรภาพเพื่อให้ได้งานหรอกนะคะ อีกอย่างลิซก็....ไม่ได้สนิทขนาดนั้น”“หือ...ไม่สนิทแต่เมื่อเช้ายังมาส่งกันอยู่เลยนะคะ เมย์เห็น”ลูกทีมอีกคนพูดพร้อมกับจ้องมองอ
..หลังเลิกงานอลิซยืนรอเพื่อนของตนที่บอกว่าจะมารับตั้งแต่ห้าโมงครึ่งจนตอนนี้ก็ปาไปหกโมงครึ่งแล้ว แต่กลับไม่เห็นวี่แววของเพื่อนสนิทตนเลย เธอยืนยกนาฬิกาขึ้นมาดูแทบจะทุกสิบนาทีหลังจากที่เลยเวลานัดพร้อมกับสายตาสอดส่องไปทั่วบริเวณแอบหวังว่าเขาอาจจะมาช้านิดหน่อยเพราะติดงานก็ได้ อลิซโทรศัพท์มือถือขึ้นมาพร้อมกับแชทหาเพื่อนสนิทอีกครั้งอลิซ - อยู่ไหนแล้ว กูยืนรออยู่หน้าบริษัทอลิซ - ถ้ามึงไม่ว่างก็บอกกูได้นะ กูกลับเองได้เธอมองหน้าจอกับข้อความที่เพื่อนของเขาไม่มีแม้แต่จะอ่านเลยด้วยซ้ำ ไม่ว่าเธอจะโทรหาไปกี่รอบแต่เขาก็ไม่รับสายจนเธอไม่รู้ว่าควรจะรอหรือกลับเลยดี ที่ยังไม่กลับเพราะนัดเรื่องคุยงานกันไว้ เธอจึงคิดว่ารออีกหน่อยจนตอนนี้ก็จะปาไปหกโมงครึ่งแล้วก็ยังไม่เห็นวี่แววเลยแม้แต่น้อย“พี่ลิซยังไม่กลับหรอครับ?”อลิซหันไปตามต้นเสียงที่เอ่ยทักขึ้น เธอยิ้มบางๆ ไม่ได้ตอบอะไร ต้นชาเดินเข้ามาหาเธอพร้อมกับยืนรออยู่ข้างๆ เธอเงียบๆ ด้วยรอยยิ้มจนอลิซเองก็อดสงสัยไม่ได้ว่
..“นอนกับมึงในห้องได้ไหม?”“ม..ไม่ได้ มึงก็ไปนอนกับสาวๆ ของมึงสิ”“แต่กูอยากนอนกับมึง แค่นอนเฉยๆ มึงคิดอะไร”“ไม่ว่ายังไงก็ไม่ได้ ถ้าจะนอนก็นอนโซฟา”อลิซที่ตอนแรกหวั่นไหวแต่ก็จะยอมให้เขามานอนกับเธอไม่ได้ เพราะเธอรู้ว่าเพื่อนของเธอนิสัยยังไง การที่ยอมให้เขามานอนด้วยก็เหมือนเปิดทางให้ และไม่มีทางที่เขาไม่ทำอะไรแน่ๆ คนอย่างอนณไม่มีทางที่ปล่อยไปง่ายๆ แน่ ถึงเธอจะเป็นเพื่อนและเขาไม่เคยแตะต้องเลยก็ตาม“ทำไม? มึงไม่ไว้ใจกูหรอ?”“ไม่ใช่อย่างนั้น...กูไม่ไว้ใจตัวเอง”“หึ...มึงจะทำอะไรกูหรอ?”อนณพูดพร้อมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ เพื่อนสาวของเขา เพราะสิ่งที่เขารู้เธอก็คือนักล่าเหมือนกับเขา แต่เธอไม่เคยคิดที่จะหันกลับมามองเขาหรือล่าเขานี่สิคือแปลก แต่ตอนนี้กลับอ้างว่าไม่ใจตัวเองซะอย่างนั้น“กูไม่ทำแน่นอน มึงกับกูก็ประเภทเดียวกันไม่คิดจะทำเพื่อน”“แล้วที่มึงบอกไม่ไว้ใจตัวเองคือ?”“คือ...กูหมายถึง...กูจะนอนไม่หลับ เพราะกูไม่เคยนอนกับใคร”“ฮะ?”
“กรี๊ดดด!” อลิซกรีดร้องอย่างตกใจเมื่อเปิดประตูแล้วเขากลับอุ้มเธอขึ้นพาดบ่าทันที อนณหัวเราะในลำคอก่อนจะใช้เท้าปิดประตูลง เขาอุ้มอลิซเดินเข้าห้องนอนแล้ววางเธอลงบนเตียงสีเข้มของเขา ริมฝีปากหยักไม่รอให้เธอได้เอ่ยถามก้มลงป้อนจูบเธอในทันที ก่อนที่เขาจะละจากจูบนั้นมองอลิซที่หน้าแดงมองเขา“มึงเป็นคนแรกเลยนะที่กูหิ้วขึ้นเตียงตัวเอง”“มึงจะมาพูดอะไรตอนนี้เนี่ย กูควรดีใจใช่ไหม?”“กูพูดจริงๆ นะ”“เชื่อได้หรอ?”“มึงก็รู้เรื่องของกูไม่ใช่หรอ?”“อ...อือ...รู้แล้วน่า”อลิซตอบปัดๆ อย่างเขินๆ จากที่เธอรู้มามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะเขามักจะไปข้างนอกมากกว่าจะพาใครเข้ามายุ่งในคอนโดของตัวเอง ไม่ทันที่อลิซได้คิดต่อเขาก็ก้มลงป้อนจูบอีกครั้ง คราวนี้มันยาวนานและร้อนแรงกว่ารอบแรกมากนัก จนไฟในกายของทั้งคู่เริ่มร้อนระอุไปหมดทั้งสองร่างกอดกันกลมก่อนที่เสื้อผ้าอาภรณ์ที่เคยอยู่บนเรือนร่างของทั้งคู่ก็ได้ปลิวว่อนไปคนละทิศละทาง เหลือแต่เพียงร่างเปลือยเปล่าของทั้งคู่ที่พร้อมจะบรรเลงบทรักเสียเต็มประดาเตียงที่ว่ามั่นคงกับโยกไป
..ห้องแชทกลุ่มอนณ - อยากแดกเหล้าจีซัส – อารมณ์ไหนของมึงครับไอ้ดาราอนณ - แค่อยากแดกแทนไท – ลิซมาไหม?ลุคค์ – ถามหาแต่หญิง นั่นเพื่อนแซม - หิ้วไหม?อนณ - เหมือนเดิมจีซัส - ใครก็ได้หยุดไอ้ดาราจอมเจ้าชู้นี่ทีแทนไท – ใครก็เบรกมันไม่ได้หรอกอนณ - สรุปจะแดกไหม? ถ้าไม่ กูจะได้ไปคนเดียวลุคค์- ผับกูผับHISO“เป็นเหี้*ไรมาแต่หัววัน”“ก็แค่อยากแดก”ลุคค์เดินเข้ามาหาอนณที่มาเป็นคนแรกแถมยังยกเหล้าเพียวๆ ไม่รอเพื่อนคนอื่นๆ เลย ลุคค์นั่งลงข้างๆ เพื่อนตัวเองพร้อมกับแก้วเหล้าในมือที่เพื่อนของเขาประเคนให้ ก่อนจะยกขึ้นมาดื่มอย่างเงียบๆ อนณเองก็ยกไม่พักเหมือนหิวน้ำมาจากไหน“มึงว่าถ้าผู้หญิงอยู่บนเตียงกับผู้ชายสองต่อสองแล้วจูบกันแล้วมันจะไม่ไปต่อได้หรอวะ”“ฮะ?”ลุคค์แทบจะสำลักเหล้าที่กำลังยกเข้าปากก่อนจะหันไปหาเพื่อนรักที่มีเรื่องผู้หญิงไม่เว้นวัน กลับมาถามเขาแค่คำถามง
..“คงไม่ใช่คนที่กูคิดหรอกนะ เพราะมันแปลกๆ ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว” -แซม“ขอให้ไม่ใช่คนที่กูคิดเหมือนกัน ไม่งั้นใจกูแตกเป็นเสี่ยงๆ แน่” -แทนไท“ไอ้ไท มึงก็เว่อ” -ลุคค์“แล้วพวกมึงคิดว่าใคร?” -จีซัส“ไอ้ลิซ”ทุกคนพูดขึ้นพร้อมกับอย่างไม่ได้นัดหมายพร้อมกับมองหน้ากันไปมา เอาจริงๆ พวกเขาก็รู้อยู่แล้วว่าอนณรู้สึกพิเศษกับอลิซแต่เขาก็ไม่เคยข้ามเส้นเลยสักครั้ง ซ้ำยังทำเหมือนไม่สนใจเสียอีก คนที่แสดงออกชัดเจนอย่างแทนไทยังไม่กล้าล้ำเส้นเลย มีอย่างที่ไหนทั้งที่ตัวเองไม่ได้ว่างแต่ยังคอยไปรับไปส่ง พักหลังๆ มานี้ดูแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเพื่อนสาวตัวเล็กแปลกๆ อาจจะเป็นเพราะอลิซสวยขึ้นมากกว่าแต่ก่อนตอนสมัยเรียน แต่มันต้องมีอะไรที่ทำให้เพื่อนรักอย่างอนณต้องตามติดแจแน่ๆ“ถึงมันจะแสดงออกอย่างนั้น แม่งก็ยังควงผู้หญิงไม่เลือกเหมือนเดิม” -แซม“แก้ยากว่ะ ถ้ามันล้ำเส้นไอ้ลิซจริงๆ ก็สงสารไอ้ลิซมันนะ” -จีซิส“เตือนหน่อยก็ดี
“ทำไมแบบนี้ทำไมต้นชา?”“ผมอยากให้พี่เลิกกับมันตามความต้องการของแม่ พี่รู้ไหมว่าแม่เสียใจแค่ไหน?”“นั่นแม่นายไม่ใช่แม่พี่”“ถึงยังไงพี่ก็หนีความจริงในสายเลือดไม่ได้หรอกนะ”“งั้นหรอ? งั้นนายก็น่าจะมองฉันเป็นเหมือนพี่สาวบ้างนะ มีน้องที่ไหนทำให้พี่กับแฟนเลิกกัน”“ก็มันเป็นคนไม่ดี”“นั่นพี่เลือกเอง พี่รู้จักเขาดีมานานกว่านายนะชา”“.......”อลิซพูดด้วยสีหน้าจริงจังพร้อมกับจ้องมองต้นชาที่ยืนขมวดคิ้วเงียบ อนณได้แต่ยืนอยู่ไกลๆ ไม่ได้เข้ามายุ่งตามที่อลิซขอ เพราะอลิซกลัวว่าเขาจะทำอะไรใจร้อน“พี่ขอเถอะ...อย่ามายุ่งเรื่องของพี่อีก”“ได้สิ...แต่พี่ต้องยอมรับแม่ก่อน”“ยังไงพี่ก็หนีแม่ไม่พ้นหรอกนะ ถ้าเมื่อไหร่ที่ต้องแต่งงานกับอนณก็ต้องเจออยู่แล้ว ต้องเรียกแม่อยู่แล้ว”“พี่จะแต่งงานกับมันจริงๆ หรอ? ไม่กลัวมันทำให้พี่เสียใจหรอ”“พี่คิดว่าพี่เอาอยู่”“.......”ต้นชาไม่ได้พูดอะไรต่อได้แต่พยักหน้าเงียบๆ อลิซจึงเดินเข้าไปตบบ่าผู้ที่ขึ้นชื่อว่าน้องชายตามสายเลือ
.. “มึงเลิกแกล้งกูแบบนี้ได้ยัง? กูไม่ชอบ” อลิซพูดขึ้นเสียงเรียบนิ่งหลังจากที่โดนต้อนจนหลังติดกับมุมโซฟา แต่เขากลับยังขยับเข้ามมาใกล้ไม่หยุด ถึงจะเป็นเพื่อนกันมานานก็เถอะ ทำแบบนี้เธอก็ต้องหวั่นใจบ้างล่ะ หน้าของเพื่อนชายคนสนิทก็ไม่ใช่ว่าจะขี้ริ้วขี้เหร่“หึ...กูแค่อยากเตือน มึงชอบไว้ใจคนอื่นมากไป”“ก็พวกมึงคือเพื่อน กูถึงไว้ใจ”“วันเวลายังเปลี่ยนได้ ใจคนก็เปลี่ยนได้เหมือนกัน”ลุคค์พูดก่อนจะเบี่ยงตัวกลับมานั่งที่เดิม อลิซหันไปมองขวางๆ พร้อมกับขมวดคิ้วเรียวแน่น นึกหมั่นไส้เพื่อนจอมขี้แอ็คคนนี้ไม่น้อย ถึงจะรู้ว่าที่ลุคค์เป็นแบบนี้โดยธรรมชาติ เพราะเป็นการป้องกันตัวเองไม่ให้มีผู้หญิงมาเกาะแกะมากจนน่ารำคาญ เขาถึงได้ปากร้ายไปเสียบ้าง แต่โดยเนื้อแท้ของเขานั้นไม่ได้เป็นคนใจร้ายไส้ระกำเหมือนกับบุคลิกของเขาเลย“แล้วใจมึงเปลี่ยนมาสนใจผู้หญิงที่หน้าตาพอไปวัดไปวาได้อย่างกูหรอ?” อลิซถามอย่างติดตลก ลุคค์ย้ายตัวกลับมานั่งที่เดิมหันไปมองหน้าเพื่อนสาวของตนก่อนจะยกยิ้มแล้วถามขึ้น“มึงอยากรู้?”“ไม่ได้อ
“สรุปพวกมึงยังไง?” - แทนไท ลุคค์ แซม พูดขึ้นพร้อมกัน“อ้าว พวกมึงยังไม่รู้หรอ?” -จีซัส“ถามไอ้ลิซดิ” -อนณ“อ้าว ทำไมโยนมาให้กูอ่ะ” -อลิซ“พูดกับผัวดีๆ ดิ” -อนณ“อะไรของมึง อนณมันปล้ำกูไงเลยต้องยอม” -อลิซ“อ้าว! ไอ้เหี้*นณ” ทุกคนหันไปคาดโทษอนณก่อนจะรุมต่อยเขาหยอกๆ จีซัสเองก็ไม่วายร่วมวงด้วย อนณเอามือกันตัวเองพร้อมกับหัวเราะออกมาก่อนจะหันไปสบตากับจีซัส“มึงรู้แล้วไม่ใช่หรอไอ้จี” -อนณ“เออ แต่อยากร่วมวงด้วย” -จีซัส“มึงนี่ตัวดีเลยไอ้หมอ” -ลุคค์“กูเปล๊า” -จีซัส“กูไม่ได้ปล้ำมัน ไอ้ลิซมันเรียกกูไปหาเอง” -อนณ“พวกมึงจะเชื่อกูหรือเชื่อมันอ่ะ” -อลิซ“ไม่เชื่อทั้งคู่อ่ะ พอๆ กันเลยพวกมึงสองตัว” ทุกคนพูดขึ้นพร้อมกันแล้วส่ายหน้า อลิซมองดูทุกคนอย่างยิ้มๆ ภายในใจคิดว่าไม่อยากให้บรรยากาศอย่างนี้หายไปเลย พวกเพื่อนๆ คือสิ่งที่เธอเหลืออยู่“ถ้ากูคบกับอนณพวกมึงจะเปลี่ยนไปไหม?” -อลิซ“มึงพูดอะไรของมึง เพื่อนนะไม่ใช่ผัว” -จีซัส
“พี่อลิซ!...คุณอนณ..” ต้นชาหันไปเห็นอลิซก่อนจะเรียกชื่อของเธอ สายตาของเขาเลื่อนไปที่มือของอลิซที่อนณจับกุมไว้แน่น ก่อนจะเรียกชื่อพี่ชายต่างแม่ด้วยท่าทีที่ไม่สบอารมณ์นัก เมื่อพวกเขาเดินจับมือกันเข้ามาในห้องพักรักษาตัวของผู้เป็นพ่อ“แก! แกยังจะกล้าทำแบบนี้กับอลิซอีกหรอ!! ไอ้เลว!!” อิ่มอุ่นผู้เป็นแม่เลี้ยงเดินเข้าไปหาทั้งคู่พร้อมกับทำท่าจะพุ่งเข้าไปดึงตัวของอลิซออกมา แต่อนณกลับดึงอลิซไปข้างหลังแล้วเอาตัวบังไว้ เขาโน้มตัวลงไปกระซิบเสียงเบากับผู้เป็นแม่เลี้ยงจนทำให้สีหน้าของเธอนั้นถึงกับตกใจ“ถ้าไม่อยากให้ลูกชายของคุณรู้ความจริงก็อย่าเสียงดังไป...ยายชุลีบอกผมหมดแล้ว เรื่องนี้ผมจะบอกพ่อเอง อย่ายุ่ง!”“แก! กล้าดียังไงมายุ่งกับลูกสาวของฉัน!!”“ฉันไม่ใช่ลูกสาวของคุณตั้งแต่วันที่คุณทิ้งฉันไว้กับยายแล้วค่ะ ฉันเป็นแค่ลูกสะใภ้ของคุณเท่านั้น” อลิซพูดพร้อมกับน้ำตาเอ่อคลอ แต่ก็พยายามกลั้นไม่ให้มันไหลลงมาอาบสองแก้ม อิ่มอุ่นมองลูกสาวของตนอย่างเจ็บปวดแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอทำแบบนั้นกับลูกสาวจริงๆ“แม่...แม่ขอโทษ
“พ่อมึงปลอดภัยแล้ว” จีซัสเดินเข้ามาบอกเพื่อนของเขาที่นั่งก้มหน้าคอตกอยู่หลังจากออกมาจากห้องฉุกเฉินมาพร้อมกับบ่าอนณเบาะๆ เพื่อปลอบใจ อนณเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนด้วยสีหน้าที่ดูเศร้าและเพื่อนของเขาคิดว่าไม่น่าใช่เรื่องของพ่ออย่างเดียว“ไปคุยกับกูที่ห้องทำงานก่อนไหม?”“อืม”จีซัสพูดขึ้นก่อนจะเดินนำไปที่ห้องทำงานของเขาโดยมีอนณเดินตามหลังไป ปล่อยให้ต้นชาและแม่อิ่มนั่งเฝ้ารอพ่อของเขาออกจากห้องฉุกเฉิน เหมือนโชคชะตาเล่นตลกที่นำพาครอบครัวของเขาและอลิซมาเจอกัน ดันมาอยู่โรงพยาบาลเดียวกัน อนณคิดไม่ออกเลยว่าถ้าเจอกันมันจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก คนที่น่าสงสารมากที่สุดคงไม่พ้นอลิซที่ตอนนี้ขึ้นชื่อว่าน้องสาวของเขา และเขากลับเอาน้องสาวตัวเองทำเมีย“มีเรื่องอะไร?”“พ่อกูบอกว่าอลิซ....เป็นน้องสาวกู..”“ฮะ?! ถ้าเป็นอย่างนั้นเหี้*มากนะ”“กูสิเหี้* ...ก็กูไม่รู้” อนณพูดก่อนจะน้ำตาไหลพรากออกมาหลังจากที่กลั้นมานาน มือหนากุมขมับปิดบังหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตา จีซัสถอนหายใจก่อนจะตบบ่าเพื่อนอีกครั้ง นี่คงเป็นครั้ง
“กูรักมึง...เกินคำว่าเพื่อนมาตั้งนานแล้ว”“.........”“แต่กูแค่พยายามหลอกตัวเองไง เพราะเหมือนยังไงมึงก็ไม่มองกูเป็นอื่น”“แล้วทำไม...”“เพราะกูข้ามเส้นนั้นมาเอง ไม่ได้อยากเป็นแค่เพื่อนคู่ขา หรืออะไรอย่างนั้นนอกจากแฟนมึง”“อนณ...”“ตั้งแต่ได้กับมึงมากูไม่คิดอยากจะไปเอากับใครอีกเลย...กูสัญญาว่าจะไม่แรดอีก”“คือ...”“คบกับกูได้ไหม?”“มึงคือว่า....”“เป็นแฟนกันเถอะนะ”“ไม่ได้...” อลิซมองหน้าเพื่อนสนิทที่ทำหน้าจริงจัง และเธอก็รู้แล้วว่าเขารู้สึกยังไง น้ำตาเอ่อคลอเบ้าตอบออกไปเสียงแผ่ว ก่อนจะเบือนหน้าหนีหลบสายตาเพื่อนของตน“ทำไม? ...ลิซ มองหน้ากูแล้วตอบ”“อนณ...มึงมีคนที่ต้องแต่งงานด้วยอยู่แล้ว” อนณเอื้อมมือไปจับใบหน้าสวยนั้นให้หันกลับมามองเขา อลิซตอบทั้งน้ำตา คิ้วเข้มขมวดแน่นเมื่อได้ยินคำพูดนั้น สีหน้าที่จริงจังในตอนแรกเปลี่ยนเป็นดุดันเต็มไปด้วยความโกรธ ก่อนจะเข้นเสียงลอดไรฟันถามเพื่อนสาวอย่างใจเย็น“มึง...ไปเจอพ่อกูมาใช
“ขอโทษนะครับ ช่วยหลีกทางหน่อย” อนณพูดอย่างไม่คิดจะสนใจผู้หญิงตรงหน้า ไม่ว่าเธอจะบิดม้วนต้วนเป็นไข่ม้วนพร้อมกับส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มให้เขาแค่ไหนก็ตาม ถ้ายุ่งเรื่องมันก็เหยิงไปกว่านี้“อะ...เอ่อ...คือว่า...”“.........”“พี่ลิซไม่มาด้วยหรอคะ? พอดีมีเรื่องจะคุยกับพี่ลิซเรื่องงาน”“ไม่มาครับ” อนณตอบเสียงเรียบพร้อมกับเบนสายตาไปทางอื่นแทน สาวเจ้าก็ยังคงทำท่าขวยเขินใช้แขนบีบอกให้ชิดติดกันจนเป็นร่อง เสื้อยืดเจ้าหล่อนก็คอลึกเสียเหลือเกิน นั่นคือสาเหตุที่อนณไม่มอง“งั้นพานุ่นไปที่คอนโดด้วยได้ไหมคะ? นุ่นว่าจะนั่งแท็กซี่ไปแต่ไม่รู้ทางเลย”“คงจะไม่ดีมั้ง”“นะคะ...นุ่นไม่รู้ทางจริงๆ” หญิงสาวพูดก่อนจะกระโดดเข้าเกาะแขนอนณอย่างตั้งใจให้เจ้าอกเจ้าเต้าของตนชนแขนเขา อนณผงะตัวออกเล็กน้อย ก่อนจะมองหน้าสาวอย่างไม่สบอารมณ์นัก มารับปากก็คงจะเกาะไม่ปล่อยแน่ๆ“เข้าใจแล้ว...ช่วยปล่อยมือด้วย” อนณตอบพร้อมกับขมวดคิ้วแน่นมองหน้าหญิงสาวและแขนของเขาสลับกันเป็นเชิงบอก นุ่นมองหน้าอนณพร้อมกับยิ้มก่อนจะยอมปล่อ
“จะรีบเสร็จก่อนกูได้ยังไง...นี่พึ่งเริ่มเองนะ” เขายกยิ้มร้ายก่อนจะจับกำแก่นกายใหญ่ของตนที่กำลังตื่นตัวเต็มที่พร้อมกับรูดมันเข้าออกอีกสองสามครั้งแล้วจับแก่นใหญ่นั้นจ่อปากทางแคบ เพื่อนสาวเบิกตากว้างพึ่งเห็นชัดๆ ว่ามันอลังการขนาดนี้ก็ตอนนี้แหละ...และคิดว่าไอ้นั่นหรอที่มันเข้าไปในกายเธอเมื่อคืน...“อ๊ะ!!! อ๊ายยย!! ยัง..เจ็บอยู่เลย...” อลิซถึงกับร้องเสียงหลงเมื่อเขาจับไอ้แท่งนั้นยัดเข้าไปก่อนจะดันมันเข้าไปทีเดียวมิดลำ เขาทำหน้าเหยเกเพราะภายในยังคงรัดแน่นไม่คลาย ก่อนจะโน้มตัวเข้าไปกระซิบข้างหูเพื่อนสาวด้วยน้ำเสียงแหบพร่า“อืมมมม...มึงอย่ารัดกูแน่นนักสิ...จะขยับไม่ได้อยู่แล้ว” เขาไม่พูดเปล่าพร้อมขยับสะโพกออกก่อนจะกระแทกเข้าไปอีกครั้งหนักๆ รอบนี้เขาจะไม่กัดฟันทนทำแบบเนิบๆ อีกต่อไป สะโพกหนาเริ่มโยกเป็นจังหวะที่เขาต้องการเพราะความคับแคบและบีบรัดแน่นทำให้เขาต้องขบกรามอย่างข่มอารมณ์“อ๊า! อ๊า!” เสียงครางใกล้ๆ หูทำเอาอารมณ์ของเขาคุกรุ่นกว่าเดิม ใบหน้าสวยของเพื่อนสาวยบิดเบี้ยวไปตามอารมณ์แรงราคะนั้นมันทำให้เขาอดใจไม่ไห
อนณยืนรออลิซอยู่หน้าผับหลังจากที่คุยกับเลขาของพ่อเสร็จ อลิซเดินออกมาตากร้านอาหารพร้อมกับโบกมือลาต้นชาและส่งยิ้มให้ ทุกอย่างอยู่ในสายตาของอนณ เขามองเพื่อนสาวคนสนิทอย่างไม่สบอารมณ์ รอยยิ้มเขินๆ นั่นที่เธอส่งยิ้มให้ชายอื่นที่ไม่ใช่เขา อลิซแยกกับต้นชาก็เดินข้ามถนนมายังหน้าผับเพื่อเตรียมจะไปช่วยงานลุคค์เหมือนอย่างเคย แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นอนณยืนอยู่เงียบๆ“มึง...มาทำอะไรแถวนี้”“มาตามหามึงไง”“เพื่อ?”“กูไปรู้ข่าวมาว่ามึงจะไปแดกข้าวกินน้องที่บริษัท แต่ไม่คิดว่าจะแดกข้าวกันสองต่อสองกับไอ้หน้าอ่อนนั่น!”อนณพูดพร้อมใส่อารมณ์เผลอตะคอกอลิซอย่างนึกลืมตัว ใบหน้าภายใต้หมวกดูไม่พอใจและเจ็บปวดไม่น้อย อลิซมองหน้าเพื่อนสนิทอย่างไม่เข้าใจ ว่าเขาจะมายุ่งอะไรกับเธออีกในเมื่อเขาให้สัมภาษณ์กับสื่อไปแล้วว่ามีคนดูใจอยู่ และทำไมไม่ไปหาผู้หญิงคนนั้นจะมาวุ่นวายกับเธอทำไมอีก อลิซตีหน้าเรียบนิ่งก่อนจะตอบเพื่อนชายของเธอออกไป“กูจะเปิดใจให้ใครแล้วมันยังไงหรอ? ก็เป็นสิทธิ์ของกูป่ะ”“แต่กูไม่ชอบไง! ทำไมมึงต้องแรดไปหาคนนั้นคน
อลิซยันร่างที่เหนื่อยล้าของตัวเองลุกขึ้นมาจากเตียง ร่างเปลือยเปล่าเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่ออาบน้ำชำระร่างกาย เรื่องเมื่อคืนยังทำให้เธอใจเต้นอยู่เลย ความเจ็บแปลบแล่นเข้ามาที่สะโพกและส่วนนั้น นั้นยิ่งตอกย้ำว่าเธอมีอะไรกับเพื่อนสนิทแล้วจริงๆ อลิซสะบัดความคิดก่อนจะรีบอาบน้ำกัดฟันทนความเจ็บเธอเดินใส่ผ้าขนหนูออกมาเพื่อแต่งตัวไปทำงาน สายตาก็ปรายมองเพื่อนสนิทที่หลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียงของตนด้วยร่างเปลือยเปล่า มีเพียงผ้าห่มคลุมบดบังไว้ ก่อนที่เธอจะรีบหันมาแต่งตัวและออกไปทำงานเพราะกลัวจะสายครืดดดด ครืดดดดเสียงโทรศัพท์สั่นอยู่บนหัวเตียง อนณขมวดคิ้วยุ่งก่อนจะปรือตาเงยหน้าแล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ของตนขึ้นมารับสายด้วยท่าทีงัวเงีย“อืม”(มึงอยู่ไหน กูมารับมึงที่ห้องแต่ไม่เห็น)“ใครวะ”(อ้าว ไอ้นี่ กูแซมผู้จัดการมึงไง)“อ๋อ เออ กูกำลังไป”(มึงอยู่ไหน)“ห้องลิซ แปป...เดี๋ยวออกไป”พูดจบอนณก็วางสายทันทีก่อนจะมองไปรอบๆ ห้องก็ไม่เห็นร่างเพื่อนสนิทที่นอนกอดตนเมื่อคืนแล้ว อ
สองร่างนัวเนียกันไปมาพร้อมกับเดินไปยังห้องนอนของอลิซ ตลอดทางต่างก็ช่วยกันปลดเปลื้องเสื้อผ้าของอีกฝ่ายแต่ก็ยังไม่ยอมละจากจูบ เพื่อนชายคนสนิทอุ้มเพื่อนสาวของตนขึ้นก่อนที่เธอจะตวัดขาเกี่ยวรอบเอวสอบ ขาเรียวเกี่ยวกอดคอหนาพร้อมกับก้มลงมาจูบเขา ร่างหนาอุ้มร่างของเพื่อนสาวไปยังเตียงนอนก่อนจะวางเธอลงนอนราบไปกับเตียงลิ้นร้อนพัวพันเกี่ยวตวัดดูดดึงกันไปมาก่อนที่มือหนาจะเลื่อนเข้าสอดใต้ชุดนอนกระโปรงนั้นเพื่อดึงกางเกงในตัวจิ๋วร่นออกมาให้พ้นทาง ใบหน้าหล่อเลื่อนลงมาพรมจูบที่ซอกคอขาวพร้อมกับขบเม้มมันจนเป็นรอย ร่างบางเงยหน้าขึ้นเปิดทางให้เขาดอมดมได้เต็มที่ ก่อนที่มือของเขาจะร่นเกี่ยวชุดนอนของเธอลงไปกองที่หน้าท้อง“อื้มมม...”เสียงร้องครางเสียงหวานดังขึ้นเมื่อมือหนาบีบคลึงเต้าตึงพร้อมกับครอบครองมันด้วยริมฝีปากหยัก ลิ้นร้อนตวัดวนก่อนจะดูดดึงปลายยอดทำให้ร่างกายสั่นสะท้านแอ่นร่างรับสัมผัสกระสัน มือหนาเลื่อนเอื้อมไปปลดกางเกงของตนออกจนหมดทั้งที่ยังคงปรนเปรอความสุขสมให้ร่างบางไม่พักปลายนิ้วเรียวลูบไล้หยอกเย้าจุดอ่อนไหวของสาวเจ้าจนร้องครางขึ้นอย่างห้า