.
.
“...กูไม่ได้พูดเล่น”
อนณพูดกับเพื่อนสาวของตนด้วยสีหน้าจริงจังแต่อลิซตอบกลับเขาด้วยท่าทีออดอ้อน การที่เธอทำแบบนี้มันคือการเชิญชวนเขาชัดๆ ถ้าผู้หญิงตรงหน้าของเขาไม่ใช่อลิซ เขาคงไม่คิดหนักแบบนี้แน่ และผู้หญิงตรงหน้าคงได้สลบเหมือดคาเตียงไปแล้ว ชายหนุ่มดึงมือออกโดยไม่พูดอะไรก่อนจะหันไปดึงผ้าห่มมาคลุมตัวของเธออีกครั้ง และหยัดตัวเต็มความสูงพร้อมกับหันหน้าไปทางอื่นอย่างเงียบๆ แต่อลิซก็ยังไม่วายจะดึงรั้งแขนแกร่งของเขาไว้
“มึงรังเกียจกูหรอ?”
“...เปล่า...ไว้มึงมีสติค่อยพูดแบบนี้กับกูใหม่”
พูดจบอนณก็เดินออกจากห้องนอนของเขาไปพร้อมกับปิดประตูให้ก่อนที่ตัวเองจะยืนพิงประตูและเอามือกุมขมับของตนอยู่อย่างนั้น ภายในใจแอบขุ่นเคืองตัวเองไม่น้อยที่ปฏิเสธไปอย่างนั้น แต่เขาไม่อยากมีอะไรกับอลิซโดยที่เธอไร้สติแบบนี้ เพราะเขารู้ว่าถ้าเธอตื่นขึ้นมาจะเสียใจภายหลังแน่ๆ
“อนณ...ใจแข็งไว้นะมึง”
ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าวเพราะภาพเรือนร่างของเพื่อนสาวยังคงติดอยู่ในหัวอยู่เลย ไหนจะสีหน้าแบบนั้นของเธออีก และเขายังต้องคอยย้ำตัวเองว่าเธอคือเพื่อน แต่ร่างกายของเขากลับไม่ได้เป็นไปตามความคิดเลย มันซื่อตรงกับความรู้สึกของเขาจนน่าหงุดหงิด อนณก้มมองเบื้องล่างที่ตื่นตัวขึ้นเต็มที่ก่อนจะถอนหายใจ และคิดว่าต้องหาทางจัดการเจ้าตัวที่ตื่นขึ้นมาอย่างไม่ไว้หน้าเขา
เช้าวันถัดมา
ติ่งต่องๆๆๆๆๆ
อนณที่ค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟาที่เขาใช้เป็นที่นอนเมื่อคืน เพราะเสียงกดกริ่งหน้าห้องดังขึ้นไม่พัก ก่อนที่เขาจะหยิบนาฬิกาขึ้นมาดูอย่างหัวเสีย เพราะนี่มันพึ่งจะเจ็ดโมงเช้าแต่กลับถูกก่อกวนทั้งที่เขานอนยังไม่เต็มอิ่มเลยด้วยซ้ำ เขาลุกขึ้นไปเปิดประตูห้องอย่างหัวเสียก่อนจะเห็นหน้าหล่อๆ ของเพื่อนๆ ที่ยืนเรียงหน้าสลอนอยู่หน้าห้องด้วยรอยยิ้มร้าย
“กว่าจะเปิดนะ มัวทำอะไรอยู่หรอไอ้เพื่อนรัก”
จีซัสพูดพร้อมกับเข้าไปล็อคอนณเชิงหยอกล้อ ก่อนที่คนอื่นๆ จะแกล้งต่อยเขาอย่างล้อเลียน เพราะคิดว่าเมื่อคืนอนณอาจจะข้ามเส้นคำว่าเพื่อนไปแล้วแน่ๆ ดูจากอาการของอลิซแล้ว คนอย่างอนณไม่พลาดแน่ๆ
“อะไรของมึงไอ้หมอ จะให้กูทำอะไรล่ะ ก็นอนดิไอ้เพื่อนเวร” -อนณ
“ใช่หรอ? ดูจากสภาพไอ้ลิซเมื่อคืนไม่น่ารอด” -แทนไท
“พวกมึงเป็นเพื่อนกูมากี่ปี? ทำไมถึงคิดว่ากูจะทำแบบนั้น” -อนณ
“เพราะเป็นเพื่อนรักกับมึงมานานเลยรู้ว่ามึงมันร้าย” -จีซัส
“มึงคงจะ...ยังไม่ได้ข้ามเส้นคำว่าเพื่อนหรอกนะ” -ลุคค์
“ข้ามเชี่ยไร เมื่อคืนกูนอนโซฟา ไม่งั้นกูคงไม่มาเปิดประตูให้พวกมึงหรอกไอ้พวกเวร”
อนณพูดอย่างหัวเสียพร้อมกับใบหน้าที่อึ้งทึ่งของเพื่อนๆ เพราะมันก็จริงอย่างที่อนณว่า ถ้าได้ทำเรื่องแบบนั้นแล้วคนอย่างอนณคงจะไม่ปล่อยให้รอดรับเช้าวันใหม่ที่สดใสได้อย่างแน่นอน ต่อให้อะไรเข้ามากวนเขาก็จะไม่สนใจ และมายืนทำหน้ามุ่ยอยู่ตรงนี้แน่ๆ จีซัส แทนไท และลุคค์ ถึงกับกลั้นขำไว้ไม่อยู่ที่เพื่อนของพวกเขาพลาด ทั้งที่ใครๆ ก็ดูออกว่าอนณรักเพื่อนสาวของเขามากแค่ไหน แถมรักในแบบที่เกินกว่าเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียน
“เออๆ ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว เดี๋ยวจะมองหน้ากันไม่ติด”
ลุคค์พูดปัดๆ พร้อมยกยิ้มและไม่ได้ซักไซ้ถามอะไรต่อ เพราะพวกเขาเองก็ต้องรีบไปทำงาน ขืนซักไซ้ต่อคงได้เถียงกันอีกยาวแน่ๆ และเดี๋ยวจะไปทำงานสายกันหมด
“งั้นพวกกูไปทำงานก่อนนะ” -จีซัส
“เออ” -อนณ
เพื่อนๆ ตบบ่าของอนณเบาๆ ก่อนจะพากันเดินไปยังหน้าคอนโดเพื่อเรียกรถแท็กซี่และไปเอารถหรูที่จอดทิ้งไว้ในผับของลุคค์ อนณเห็นเพื่อนๆ ไปกันหมดแล้ว เขาจึงปิดประตูห้องแล้วเดินเข้าห้องนอนของตนที่มีเพื่อนสาวแสนสวยนอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียง ชายหนุ่มเดินไปดึงผ้าห่มออกทำให้คนที่นอนหลับอย่างสบายใจถึงกับสะดุ้งก่อนอลิซจะค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างงงๆ
“อือ...”
“ตื่นได้ล่ะ วันนี้กูมีงานเช้า และมึงก็ต้องไปทำงานด้วย”
อลิซขยี้ตาอย่างงัวเงียก่อนจะพยักหน้ารับเพื่อนหนุ่มคนสนิท ความรู้สึกหนาวเหน็บจนขนลุกซู่ทำให้อลิซก้มมองตัวเองก่อนจะพบว่าบนร่างของเธอเหลือเพียงบราปีกนกและแพนตี้ตัวน้อยเท่านั้น ดวงตาสวยเบิกตากว้างอ้าปากค้างอย่างตกใจพร้อมกับรีบเงยหน้ามองเพื่อนรักของตน
“ไม่ต้องมามองกูเลย มึงเป็นคนถอดเอง”
“เฮ้อ...งั้นก็โล่งอก”
“กูเป็นคนเอาผ้าห่มปิดให้”
“ฮะ? ...เอ่อ...แล้วมึง...เห็น...”
“ทำไม? ...เห็นมึงแก้ผ้าแล้วทำไม?”
“ป...เปล่าๆ งั้นก็ออกไปเซ่ จะยืนมองทำซากอะไรล่ะ”
อลิซตอบพลางหลบสายตาคมของเพื่อนชายที่จ้องมองเธอไม่วางตา ก่อนเธอจะหันไปแผดเสียงใส่เขา เพราะรู้สึกว่าเขาจ้องมองเธอนานจนเธอเริ่มเขินเองเสียแล้ว อลิซดึงผ้าห่มมาคลุมร่างเพื่อหลบสายตาคมนั้นอย่างเขินๆ
“หึ...แค่นี้ทำเป็นเขิน...ทีเมื่อคืนไม่เห็นเขินแบบนี้เลย แถมยังใจกล้า...”
“เมื่อคืน? ... ท...ทำไม?”
“...มึงรู้อยู่แล้วหรือแกล้งไม่รู้?”
อนณหรี่ตาคมมองอลิซที่ไม่กล้าสบตาเขาเวลาเขาถามอย่างสงสัย ใบหน้าที่แดงเรื่อขึ้นของเพื่อนสาวมันเหมือนบ่งบอกว่าเธอจำเรื่องเมื่อคืนได้อย่างไงอย่างนั้น อลิซไม่ได้ตอบอะไรอนณจึงเดินเข้าไปหาเธอก่อนจะโน้มตัวลงไปจ้องมองใบหน้าของอลิซใกล้ๆ อลิซเอนตัวหลบตามสัญชาตญาณเมื่อรู้สึกว่าใบหน้าหล่อของผู้เป็นเพื่อนเริ่มใกล้เกินไป
“อะ...อะไร...”
“มึงยังไม่ตอบกูเลย”
“ก็...ก็...”
“หืม? ...”
ใบหน้าของอนณใกล้เข้าไปเรื่อยๆ อลิซก็หนีเรื่อยๆ จนในที่สุดเธอก็ล้มตัวลงราบกับเตียงเพราะการกดดันของอนณ และเขาเองก็คร่อมร่างเธอไว้และยังไม่วายมองเธออยู่อย่างนั้น ใบหน้าของเพื่อนหนุ่มใกล้แค่คืบและเหมือนว่าเขาจะไม่ยอมถอยออกไปแน่ๆ อลิซจึงรีบมุดลงใต้ผ้าห่มเพื่อซ่อนใบหน้าที่ร้อนผ่าวถึงใบหู
“หึๆ ...เมื่อคืนยังยั่วกูอยู่เลย แล้วตอนนี้มึงจะกลัวอะไร?”
“มึงเลิกแกล้งกูเถอะ ถ้ามึงจะทำมึงทำไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”
“ก็เมื่อคืนมึงไม่มีสติ ตอนนี้มึงมีสติกูอยากทำตอนนี้มากกว่า”
“ฮะ?! จะบ้าหรอ...เราเป็นเพื่อนกัน”
“ขนาดมึงรู้อย่างนั้นยังกล้ายั่วกูนะ”
“กูไม่ได้ตั้งใจโว้ย!”
อลิซเถียงเพื่อนของตนทั้งที่ยังอยู่ใต้ผ้าห่มอย่างนั้น อนณอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมากับท่าทางของเพื่อนสาวที่ดูเขินอย่างจริงจัง ก่อนลุกออกจากตัวของเธอไปยืนข้างเตียงแทน อลิซจึงโผล่หน้าขึ้นมาจากผ้าห่มพร้อมส่งสายตาอาฆาตใส่เพื่อนหนุ่มคนสนิทที่แกล้งเธอ
“ฮ่าๆๆ มึงนี่แม่งเหมือนเต่าเลย”
“มึงชอบแกล้งกูอ่ะ”
“แล้วมึงจะเขินทำไม กูเพื่อนมึงนะ”
“มึงก็ไม่ได้ขี้เหร่นะอนณ มึงหล่อระดับซูเปอร์สตาร์เป็นใครจะไม่เขิน”
“ปกติไม่เห็นมึงเขิน”
“ก็...กูพึ่งตื่น...ก็มีตกใจบ้าง”
“เหรอ”
“ออกไปได้แล้ว กูจะอาบน้ำไปทำงาน”
“อาบด้วยกันเลยไหม? ยังไงก็ไม่เขินอยู่แล้วจะได้ไม่เสียเวลา”
“ไอ้บ้า...เพื่อนที่ไหนเขาอาบน้ำด้วยกัน ออกไป๊!”
อลิซพูดพร้อมกับขว้างหมอนใส่อนณที่ยังคงยืนหน้าระรื่นกวนประสาทเธออย่างนั้น ก่อนที่อนณจะยอมกลับห้องไปแต่โดยดีเพราะเขาเองก็มีคิวงานที่ต้องไปแต่เช้าเหมือนกัน เมื่อทั้งสองอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย อนณก็ยังไม่วายจะอาสาไปส่งอลิซที่บริษัท เขาบอกว่าเป็นทางผ่านอยู่แล้ว แม้อลิซจะค้านว่าไม่ต้องแต่เพื่อนรักของเธอก็ไม่ยอมอยู่ดี จนแล้วจนรอดเธอก็ต้องมาทำงานพร้อมกันกับเขาอยู่ดี
“เดี๋ยวเย็นนี้กูมารับ”
“ไม่ต้องก็ได้”
“แล้วมึงจะกลับยังไง?”
“กลับได้น่า แค่นี้สบายมาก”
“ไม่ กูจะมารับและมึงต้องรอกูมารับด้วย”
อนณยื่นคำขาดก่อนที่อลิซจะถอนหายใจแล้วพยักหน้ารับ รถตู้สีดำทึบแล่นมาจอดยังหน้าบริษัทของเธอ อลิซเตรียมตัวจะลงจากรถแต่ก็ถูกอนณคว้าแขนเอาไว้เสียก่อน อลิซหันไปมองหน้าเพื่อนของตนอย่างสงสัย แต่เขากลับไม่ได้พูดอะไรออกมา
“อะไรหรอ?”
“เปล่า...”
“เปล่าก็ปล่อยสิ”
“คือ.....”
“สรุปว่ามีอะไร?”
“จะพูดอะไรก็รีบๆ พูดเถอะครับไอ้พระเอก เรามีนัดกับผู้กำกับนะเว้ย”
แซมที่มองดูพวกเขาจากกระจกหลังอยู่นานได้เอ่ยขึ้นพร้อมกับส่ายหน้าและยิ้มเหมือนรู้ทันเด็กในสังกัดของตน อนณส่งสายตาดุผ่านกระจกให้แซม ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับอลิซที่ยังคงทำหน้าสงสัย
“ตั้งใจทำงานนะ อย่าลืมรอกูมารับตอนเย็น วันนี้กูเลิกเร็ว”
“แค่นี้? ...แชทมาก็ได้มั้ง”
“เออ...แค่จะบอกว่าตั้งใจทำงาน”
“กูก็ตั้งใจของกูทุกวัน”
“มึงนี่ขยันทำลายบรรยากาศนะ”
“บรรยากาศอะไรอีกอ่ะ?”
อลิซยังคงทำหน้างง แต่อนณกลับพ่นลมหายใจยาวเมื่อดูเหมือนว่าเพื่อนสาวของเขาจะไม่ยอมเข้าใจความหมายของคำพูดตนเลย แต่ก็ไม่แปลกเพราะอลิซยังไม่รู้ว่าเขารู้สึกยังไง ขนาดเขาเองก็ยังไม่รู้ว่าทำไมถึงทำแบบนี้กับเธอ แต่ก็คิดเสมอว่าเพราะรักเพื่อนและอีกอย่างพวกเขาสนิทกันมานานมากอาจจะคิดว่าเหมือนคนในครอบครัวก็ได้
“ไปทำงานเถอะ”
“อ้าว...”
อนณพูดตัดบทก่อนที่อลิซจะลงจากรถทั้งที่ยังไม่หายสงสัย รถตู้แล่นไปจนลับตาแต่อลิซพึ่งจะเผยรอยยิ้มอย่างเขินๆ กับตัวเอง ถึงมันจะแปลกๆ แต่เธอกลับดีใจที่เขาพูดออกมาแบบนั้น และไหนจะท่าทีแปลกๆ นั้นอีก มันชวนให้คิดไปไกลเสียจริงๆ
“อลิซเอ๊ย...เป็นบ้าอะไรของแกเนี่ย...อนณเป็นเพื่อนแกมานานแล้วนะ”
อลิซพูดอย่างเขินๆ พร้อมกับยืนบิดอยู่คนเดียวหน้าบริษัทก่อนจะสะบัดความคิดเมื่อครู่ทิ้งไปอย่างรวดเร็ว แล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อให้ตัวเองมีสติ เธออาจจะแค่หวั่นไหวเท่านั้นอาจจะเพราะเธอโสดมานานเกินไปก็ได้ อลิซคิดแบบนั้นก่อนจะเดินเข้าไปทำงาน
.
.
.
..ห้องประชุม“ทางทีมเราต้องการคุณอนณมาเป็นแบบในนิตยสารของเดือนนี้ ทางแบรนด์ Nice Cein เขาบรีฟมาแบบนี้ ว่าต้องเป็นคุณอนณเท่านั้น แต่ว่าทางเราติดต่อคุณแซมผู้จัดการของคุณอนณไปแล้ว เขาปฏิเสธว่าคุณอนณไม่รับงานนิตยสาร”“เราจะทำยังไงกันดีล่ะพี่รัตน์”เด็กฝึกงานที่ชื่อลูกหยีในทีมเอ่ยขึ้นอย่างร้อนใจ เพราะนิตยสารสมัยนี้ไม่ได้เป็นที่นิยมเท่าไหร่ตั้งแต่มีอีบุ๊คขึ้นมาหรือหนังสือออนไลน์ การที่เสื้อผ้าแบรนด์ดังกำลังเป็นกระแสมาจ้างงานโปรโมทผ่านนิตยสารของพวกเธอนั้นถือว่าเป็นเรื่องยากมาก เพราะนิตยสารของพวกเธอไม่ได้มีชื่อเสียงมากนัก รัตนาหรือพี่รัตน์หันไปมองอลิซด้วยแววตาอ้อนวอน“เดี๋ยวๆ นะ มองลิซแบบนี้หมายความว่า....”“ช่วยพี่หน่อยเถอะนะลิซ ยังไงอนณก็เป็นเพื่อนเราไม่ใช่หรอ?”“พี่รัตน์คะ...ลิซไม่อยากใช้สายสัมพันธ์มิตรภาพเพื่อให้ได้งานหรอกนะคะ อีกอย่างลิซก็....ไม่ได้สนิทขนาดนั้น”“หือ...ไม่สนิทแต่เมื่อเช้ายังมาส่งกันอยู่เลยนะคะ เมย์เห็น”ลูกทีมอีกคนพูดพร้อมกับจ้องมองอ
..หลังเลิกงานอลิซยืนรอเพื่อนของตนที่บอกว่าจะมารับตั้งแต่ห้าโมงครึ่งจนตอนนี้ก็ปาไปหกโมงครึ่งแล้ว แต่กลับไม่เห็นวี่แววของเพื่อนสนิทตนเลย เธอยืนยกนาฬิกาขึ้นมาดูแทบจะทุกสิบนาทีหลังจากที่เลยเวลานัดพร้อมกับสายตาสอดส่องไปทั่วบริเวณแอบหวังว่าเขาอาจจะมาช้านิดหน่อยเพราะติดงานก็ได้ อลิซโทรศัพท์มือถือขึ้นมาพร้อมกับแชทหาเพื่อนสนิทอีกครั้งอลิซ - อยู่ไหนแล้ว กูยืนรออยู่หน้าบริษัทอลิซ - ถ้ามึงไม่ว่างก็บอกกูได้นะ กูกลับเองได้เธอมองหน้าจอกับข้อความที่เพื่อนของเขาไม่มีแม้แต่จะอ่านเลยด้วยซ้ำ ไม่ว่าเธอจะโทรหาไปกี่รอบแต่เขาก็ไม่รับสายจนเธอไม่รู้ว่าควรจะรอหรือกลับเลยดี ที่ยังไม่กลับเพราะนัดเรื่องคุยงานกันไว้ เธอจึงคิดว่ารออีกหน่อยจนตอนนี้ก็จะปาไปหกโมงครึ่งแล้วก็ยังไม่เห็นวี่แววเลยแม้แต่น้อย“พี่ลิซยังไม่กลับหรอครับ?”อลิซหันไปตามต้นเสียงที่เอ่ยทักขึ้น เธอยิ้มบางๆ ไม่ได้ตอบอะไร ต้นชาเดินเข้ามาหาเธอพร้อมกับยืนรออยู่ข้างๆ เธอเงียบๆ ด้วยรอยยิ้มจนอลิซเองก็อดสงสัยไม่ได้ว่
..“นอนกับมึงในห้องได้ไหม?”“ม..ไม่ได้ มึงก็ไปนอนกับสาวๆ ของมึงสิ”“แต่กูอยากนอนกับมึง แค่นอนเฉยๆ มึงคิดอะไร”“ไม่ว่ายังไงก็ไม่ได้ ถ้าจะนอนก็นอนโซฟา”อลิซที่ตอนแรกหวั่นไหวแต่ก็จะยอมให้เขามานอนกับเธอไม่ได้ เพราะเธอรู้ว่าเพื่อนของเธอนิสัยยังไง การที่ยอมให้เขามานอนด้วยก็เหมือนเปิดทางให้ และไม่มีทางที่เขาไม่ทำอะไรแน่ๆ คนอย่างอนณไม่มีทางที่ปล่อยไปง่ายๆ แน่ ถึงเธอจะเป็นเพื่อนและเขาไม่เคยแตะต้องเลยก็ตาม“ทำไม? มึงไม่ไว้ใจกูหรอ?”“ไม่ใช่อย่างนั้น...กูไม่ไว้ใจตัวเอง”“หึ...มึงจะทำอะไรกูหรอ?”อนณพูดพร้อมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ เพื่อนสาวของเขา เพราะสิ่งที่เขารู้เธอก็คือนักล่าเหมือนกับเขา แต่เธอไม่เคยคิดที่จะหันกลับมามองเขาหรือล่าเขานี่สิคือแปลก แต่ตอนนี้กลับอ้างว่าไม่ใจตัวเองซะอย่างนั้น“กูไม่ทำแน่นอน มึงกับกูก็ประเภทเดียวกันไม่คิดจะทำเพื่อน”“แล้วที่มึงบอกไม่ไว้ใจตัวเองคือ?”“คือ...กูหมายถึง...กูจะนอนไม่หลับ เพราะกูไม่เคยนอนกับใคร”“ฮะ?”
..“อื้อ...อ๊ะ....”มือหนากอบกำเต้าตึงสวยของเพื่อนสาว ลิ้นร้อนบดดุนตุ่มไตปลายยอดถัน หญิงสาวเม้มปากแน่นพร้อมกับปรือตามองชายหนุ่มบนร่าง ใบหน้าหล่อระดับซูเปอร์สตาร์ที่คุ้นหน้าคุ้นเพราะเห็นใบหน้าหล่อนั้นแทบทุกวัน แต่วันนี้กลับแตกต่างออกไปจากทุกครั้ง การกระทำของเขาในตอนนี้มันข้ามเส้นที่เคยขีดไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้วอลิซแอ่นกายรับสัมผัสกระสันที่เขามอบให้ ความรุนแรงดุดันของเขาไม่แผ่วลงเลย หญิงสาวเตรียมจะอ้าปากร้องห้ามแม้ว่าอารมณ์ตอนนี้จะคุกรุ่นเต็มทีแล้วก็ตาม ถ้ามันเลยไปถึงขั้นนั้นเธอเองก็คงทำตัวกับเพื่อนรักคนนี้ไม่ถูกเช่นกัน“อ๊ะ! ..อนณ...ย..หยุด..อื้อออ”ชายหนุ่มตวัดสายตาขึ้นมองใบหน้าสวยที่เต็มไปด้วยน้ำตาที่คลออยู่เต็มเบ้าตา เขารู้ดีว่าเธอจะพูดอะไร แต่เขากลับไม่สนใจแล้วหันไปเริงรมย์กับร่างกายอันเย้ายวนของเพื่อนสาวต่อ ฟันคมขบไปที่เนินอกสวยจนเป็นรอยอย่างมันเขี้ยว ทำเอาอลิซถึงกับสะดุ้ง ก่อนที่มือหนาจะลูบไล้เรือนร่างลงไปยังจุดสงวนของเธอแล้วบดขยี้มันด้วยปลายนิ้ว ทำเอาเพื่อนสาวของเขาครางเสียงหวานและบิดตัวไปมาตามจังหวะที่เขา
..“เลิกงานเมื่อไหร่?”(ฮะ? อะไร? ทำไม?)“เดี๋ยวกูไปรับ”(มึงไม่ต้องลำบากก็ได้นะอนณ กูกลับเองได้)“ไม่ เดี๋ยวกูไปรับ”(ถึงกูจะห้ามมึงก็ไม่ฟังสินะ)“อืม ก็รู้นี่”(อีกสิบห้านาที เดี๋ยวกูรอหน้าโรงแรม)“เออ”เสียงทุ้มกรอกไปยังปลายสายด้วยอารมณ์หงุดหงิด เวลามีปัญหาเขามักจะโทรหาเพื่อนรักคนนี้ที่เติบโตมาพร้อมกับเขา แม้เขาจะมีเพื่อนมากมายแต่เขาก็ยังตัวติดกับเพื่อนสาวปลายสายไม่ห่าง ทั้งสองสนิทกันมากถึงขนาดรู้ทุกเรื่องและทุกอย่างของกันและกันอนณซุปเปอร์สตาร์หนุ่มฮอตจอมเจ้าชู้ที่ใครๆ ก็รู้ชื่อเสียงของเขาดี แม้ในวงเพื่อนๆ ก็รู้ดีว่าเขาน่ะร้ายตัวพ่อ เรื่องผู้หญิงก็เป็นข่าวออกบ่อย แต่ก็ไม่เคยเห็นเขาคบกับใครได้นานเลย เบื่อก็ทิ้ง แต่ที่เพื่อนๆ ในกลุ่มแปลกใจที่สุดคือเพื่อนสาวของเขาที่เป็นโปรดิวเซอร์ใหญ่ของรายการโทรทัศน์ต่างๆ สวยสะพรั่ง หุ่นเซ็กซี่ขยี้ใจหนุ่มๆแต่พ่อซูเปอร์สตาร์หนุ่มกลับไม่เคยแตะต้องเธอเลยสักครั้ง ดูรักดูหวงมากกว่าเสียอีก ปกติสาวๆ สวยๆ ไม่ว่ารู้จักกันมานานหรือพึ่งรู้จักเขามักจะไม
..“ไปนั่งเล่นที่ห้องกูก่อนไหม?”“....อืมๆ”แซมมองท่าทีของอนณที่ดูออดอ้อนเพื่อนของเขาอย่างไม่เข้าใจ เพราะเขาเองตั้งแต่ทำงานกับอนณมาตลอดสี่ปีไม่เคยเห็นเขาในมุมนี้เลยสักครั้ง แต่ดูเหมือนอลิซจะไม่ได้คิดหรือรู้สึกอะไรกับความแปลกของความสัมพันธ์ที่อนณเรียกว่าเพื่อนเลยแซมมองสายของอนณออกว่าคิดยังไงแต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่รู้ตัวเองเลยด้วยซ้ำ แซมเลยเข้าใจในทันทีว่าทำไมเขาถึงคบกับใครไม่ได้นาน“คืนนี้จะไปผับใช่ไหม?”“ใช่ มึงจะไปด้วยไหมล่ะ?”“ไปดิ กูจะไปล่าบ้าง”“เหอะ...”“งั้นพี่ขอไปเตรียมตัวก่อนนะ ไว้เจอกันที่ผับ”“ค่ะ ขับรถดีๆ นะคะ”“ครับน้องอลิซ”อนณพยักหน้าให้ผู้จัดการของตนก่อนจะหันไปมองอลิซที่ดูดี๊ด้าที่จะได้ไปเที่ยวผับ พร้อมกับคำพูดที่เธอบอกว่าจะออกล่าทำให้เขาไม่สบอารมณ์เล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะเขาเองก็จะไปหาเหยื่อแก้เซ็งเหมือนกัน“ชุดของกูมีอยู่ในห้องมึงใช่ป่ะ?”“มี”“ดีมาก”“ไม่ต้องใส่ชุดสีแดงนั้นไปนะ”
..ลุคค์พูดขึ้นพร้อมกับหัวเราะร่วนก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นมากระดก สายตาของเขามองไปที่อลิซไม่วางตาก่อนจะสลับไปมองหน้าอนณที่ยังคงเรียบนิ่ง อนณไม่ได้ตอบโต้อะไรพร้อมกับทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ จีซัส ก่อนะที่แซมจะยื่นแก้วเหล้าที่ชงแล้วให้เขา อนณยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มแต่สายตายังคงไม่ละจากเพื่อนสาวของตนเลย“ไม่ไปขัด?” -จีซัส“ขัดทำไม...มันบอกจะมาล่าเอง” -อนณ“เหรอ...มึงยอมว่างั้น?” -ลุคค์“แล้วทำไมจะไม่ยอม? นั่นเพื่อนไม่ใช่เมีย” -อนณ“งั้นอย่างนี้กูก็สามารถ...ใช่ไหม?” -แทนไท“ไอ้ไท ถ้ามึงคิดจะเล่นๆ ก็ไม่ต้องเสือกเสนอหน้า” -อนณ“เอ้ย...ใครจะเล่นๆ ได้มาเป็นเมียกูยอมอยู่บ้านทั้งวันเลย” -แทนไท“แล้วแต่มึงเถอะ” –อนณ“พวกมึงก็อย่าไปยั่วโมโหมันนักเลย” –แซม“นั่นๆ ไอ้หน้าอ่อนมันกอดเอวซุกคอแล้ว” –จีซัส“มึงจะบรรยายเพื่อ? ถ้ามันไม่ยอมมันก็ผลักออกเองแหละ”อนณพูดอย่างหัวเสียแต่ก็ยังคงไม่ละสายตาไปจากเพื่อนสาวคนสวยเลยแม้แต่น้อย เขาค่อยๆ ยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม ก่อนจะกำแก้วแน่นที่ไม่เห็นท่าท
..“ไม่มีอะไรหรอกครับ อลิซเป็นว่าที่แฟนผม” -แทนไท“อ๋อ...คุณแทนกำลังจีบอยู่หรอคะเนี่ย?” -ซีเซีย“ครับ” -แทนไท“ทำไมมึงพูดแบบนั้นอ่ะ” -อลิซ“มึงก็ให้กูจีบสักทีเถอะ” -แทนไท“จะบ้าหรอไท”อลิซพูดขึ้นพร้อมกับขมวดคิ้วเรียวสวย ก่อนจะฟาดฝ่ามือไปที่เพื่อนขี้เล่นของตน แทนไทหัวเราะออกมาเหมือนมันเป็นเรื่องตลก ทุกคนต่างส่ายหัวที่แทนไทก็ขยันแกล้งอลิซไม่เปลี่ยน เขาพูดแบบนี้มาเป็นปีๆ แต่อนณกลับไม่ได้คิดแบบนั้น เพราะดูเหมือนว่าแทนไทจะพูดจริงแต่เพียงติดเล่น“เราไปกันเถอะซีเซีย”“ค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ”ซีเซียหันไปพูดบอกลากลุ่มเพื่อนๆ ของอนณก่อนจะพากันเดินออกไป อลิซมองตามแผ่นหลังนั้นจนลับตาก่อนจะหันไปยกเหล้าขึ้นมาดื่มตามปกติ แต่แค่ตอนนี้เธออาจจะอยากดื่มมากกว่าปกติ“เบามึงเบา! เฮิร์ทหรอที่ไอ้อนณไปกับสาวอ่ะ” –จีซัส“เอาไรมาพูด กูก็แดกปกติ...แค่วันนี้กูเหนื่อยงาน เหล้านี่แหละพักสมองได้ดีสุด” -อลิซ“คิดแต่เรื่องงาน มิน่า...ถึงไม่มีผัว” –ลุคค์“แล้วมึง
..“นอนกับมึงในห้องได้ไหม?”“ม..ไม่ได้ มึงก็ไปนอนกับสาวๆ ของมึงสิ”“แต่กูอยากนอนกับมึง แค่นอนเฉยๆ มึงคิดอะไร”“ไม่ว่ายังไงก็ไม่ได้ ถ้าจะนอนก็นอนโซฟา”อลิซที่ตอนแรกหวั่นไหวแต่ก็จะยอมให้เขามานอนกับเธอไม่ได้ เพราะเธอรู้ว่าเพื่อนของเธอนิสัยยังไง การที่ยอมให้เขามานอนด้วยก็เหมือนเปิดทางให้ และไม่มีทางที่เขาไม่ทำอะไรแน่ๆ คนอย่างอนณไม่มีทางที่ปล่อยไปง่ายๆ แน่ ถึงเธอจะเป็นเพื่อนและเขาไม่เคยแตะต้องเลยก็ตาม“ทำไม? มึงไม่ไว้ใจกูหรอ?”“ไม่ใช่อย่างนั้น...กูไม่ไว้ใจตัวเอง”“หึ...มึงจะทำอะไรกูหรอ?”อนณพูดพร้อมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ เพื่อนสาวของเขา เพราะสิ่งที่เขารู้เธอก็คือนักล่าเหมือนกับเขา แต่เธอไม่เคยคิดที่จะหันกลับมามองเขาหรือล่าเขานี่สิคือแปลก แต่ตอนนี้กลับอ้างว่าไม่ใจตัวเองซะอย่างนั้น“กูไม่ทำแน่นอน มึงกับกูก็ประเภทเดียวกันไม่คิดจะทำเพื่อน”“แล้วที่มึงบอกไม่ไว้ใจตัวเองคือ?”“คือ...กูหมายถึง...กูจะนอนไม่หลับ เพราะกูไม่เคยนอนกับใคร”“ฮะ?”
..หลังเลิกงานอลิซยืนรอเพื่อนของตนที่บอกว่าจะมารับตั้งแต่ห้าโมงครึ่งจนตอนนี้ก็ปาไปหกโมงครึ่งแล้ว แต่กลับไม่เห็นวี่แววของเพื่อนสนิทตนเลย เธอยืนยกนาฬิกาขึ้นมาดูแทบจะทุกสิบนาทีหลังจากที่เลยเวลานัดพร้อมกับสายตาสอดส่องไปทั่วบริเวณแอบหวังว่าเขาอาจจะมาช้านิดหน่อยเพราะติดงานก็ได้ อลิซโทรศัพท์มือถือขึ้นมาพร้อมกับแชทหาเพื่อนสนิทอีกครั้งอลิซ - อยู่ไหนแล้ว กูยืนรออยู่หน้าบริษัทอลิซ - ถ้ามึงไม่ว่างก็บอกกูได้นะ กูกลับเองได้เธอมองหน้าจอกับข้อความที่เพื่อนของเขาไม่มีแม้แต่จะอ่านเลยด้วยซ้ำ ไม่ว่าเธอจะโทรหาไปกี่รอบแต่เขาก็ไม่รับสายจนเธอไม่รู้ว่าควรจะรอหรือกลับเลยดี ที่ยังไม่กลับเพราะนัดเรื่องคุยงานกันไว้ เธอจึงคิดว่ารออีกหน่อยจนตอนนี้ก็จะปาไปหกโมงครึ่งแล้วก็ยังไม่เห็นวี่แววเลยแม้แต่น้อย“พี่ลิซยังไม่กลับหรอครับ?”อลิซหันไปตามต้นเสียงที่เอ่ยทักขึ้น เธอยิ้มบางๆ ไม่ได้ตอบอะไร ต้นชาเดินเข้ามาหาเธอพร้อมกับยืนรออยู่ข้างๆ เธอเงียบๆ ด้วยรอยยิ้มจนอลิซเองก็อดสงสัยไม่ได้ว่
..ห้องประชุม“ทางทีมเราต้องการคุณอนณมาเป็นแบบในนิตยสารของเดือนนี้ ทางแบรนด์ Nice Cein เขาบรีฟมาแบบนี้ ว่าต้องเป็นคุณอนณเท่านั้น แต่ว่าทางเราติดต่อคุณแซมผู้จัดการของคุณอนณไปแล้ว เขาปฏิเสธว่าคุณอนณไม่รับงานนิตยสาร”“เราจะทำยังไงกันดีล่ะพี่รัตน์”เด็กฝึกงานที่ชื่อลูกหยีในทีมเอ่ยขึ้นอย่างร้อนใจ เพราะนิตยสารสมัยนี้ไม่ได้เป็นที่นิยมเท่าไหร่ตั้งแต่มีอีบุ๊คขึ้นมาหรือหนังสือออนไลน์ การที่เสื้อผ้าแบรนด์ดังกำลังเป็นกระแสมาจ้างงานโปรโมทผ่านนิตยสารของพวกเธอนั้นถือว่าเป็นเรื่องยากมาก เพราะนิตยสารของพวกเธอไม่ได้มีชื่อเสียงมากนัก รัตนาหรือพี่รัตน์หันไปมองอลิซด้วยแววตาอ้อนวอน“เดี๋ยวๆ นะ มองลิซแบบนี้หมายความว่า....”“ช่วยพี่หน่อยเถอะนะลิซ ยังไงอนณก็เป็นเพื่อนเราไม่ใช่หรอ?”“พี่รัตน์คะ...ลิซไม่อยากใช้สายสัมพันธ์มิตรภาพเพื่อให้ได้งานหรอกนะคะ อีกอย่างลิซก็....ไม่ได้สนิทขนาดนั้น”“หือ...ไม่สนิทแต่เมื่อเช้ายังมาส่งกันอยู่เลยนะคะ เมย์เห็น”ลูกทีมอีกคนพูดพร้อมกับจ้องมองอ
..“...กูไม่ได้พูดเล่น”อนณพูดกับเพื่อนสาวของตนด้วยสีหน้าจริงจังแต่อลิซตอบกลับเขาด้วยท่าทีออดอ้อน การที่เธอทำแบบนี้มันคือการเชิญชวนเขาชัดๆ ถ้าผู้หญิงตรงหน้าของเขาไม่ใช่อลิซ เขาคงไม่คิดหนักแบบนี้แน่ และผู้หญิงตรงหน้าคงได้สลบเหมือดคาเตียงไปแล้ว ชายหนุ่มดึงมือออกโดยไม่พูดอะไรก่อนจะหันไปดึงผ้าห่มมาคลุมตัวของเธออีกครั้ง และหยัดตัวเต็มความสูงพร้อมกับหันหน้าไปทางอื่นอย่างเงียบๆ แต่อลิซก็ยังไม่วายจะดึงรั้งแขนแกร่งของเขาไว้“มึงรังเกียจกูหรอ?”“...เปล่า...ไว้มึงมีสติค่อยพูดแบบนี้กับกูใหม่”พูดจบอนณก็เดินออกจากห้องนอนของเขาไปพร้อมกับปิดประตูให้ก่อนที่ตัวเองจะยืนพิงประตูและเอามือกุมขมับของตนอยู่อย่างนั้น ภายในใจแอบขุ่นเคืองตัวเองไม่น้อยที่ปฏิเสธไปอย่างนั้น แต่เขาไม่อยากมีอะไรกับอลิซโดยที่เธอไร้สติแบบนี้ เพราะเขารู้ว่าถ้าเธอตื่นขึ้นมาจะเสียใจภายหลังแน่ๆ“อนณ...ใจแข็งไว้นะมึง”ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าวเพราะภาพเรือนร่างของเพื่อนสาวยังคงติดอยู่ในหัวอยู่เล
..ลุคค์พยายามดันหน้าเธอไว้ ในรถชุลมุนวุ่นวายไปหมด จีซัสก็พยายามจับไหล่เธอไว้ให้ติดเบาะ แทนไทก็พยายามดึงรั้งเอวบางของอลิซไว้ไม่ให้เขยิบเข้าไปใกล้ลุคค์มากกว่านั้น รถตู้ค่อยๆ แล่นมาจอดหน้าโรงแรมหรูก่อนจะเปิดประตูข้างรถเพื่อให้อนณได้เข้าไปนั่ง ดาราหนุ่มรีบขึ้นรถอย่างรีบร้อน คิ้วเข้มขมวดแน่นเมื่อเห็นภาพตรงหน้า“พวกมึง.....”“รีบนั่งก่อนไหม? แล้วมาช่วยกู”“มึงก็ลุกดิ”“เออ”อนณมองลุคค์ที่พยายามจะลุกขึ้นแต่อลิซกลับไม่ยอมปล่อยให้เขาลุกเลย แทนไทเลยยกมือขึ้นอย่างเรียบร้อยพร้อมกับมองหน้าอนณอย่างจำยอม“กูเอง กูลุกเองไม่งั้นกูตายแน่”“รีบๆ นั่งจอดนานไม่ได้”แซมพูดพร้อมกับมองผ่านกระจก แทนไทรีบลุกไปนั่งข้างๆ จีซัสจากตอนแรกที่นั่งติดหน้าต่างรถ อนณเลยไปนั่งแทนที่ก่อนจะมองไปที่เพื่อนสาวของตนที่ชุดเลิกขึ้นจนแทบจะเห็นแพนตี้ตัวน้อยก่อนจะมองหน้าลุคค์อย่างตั้งคำถาม“ไม่ต้องมองกู...มันเลิกกระโปรงขึ้นเอง” -ลุคค์“แล้วทำไมเป็นงั้น” -อนณ“น่าจะโดนมอ
..“ไม่มีอะไรหรอกครับ อลิซเป็นว่าที่แฟนผม” -แทนไท“อ๋อ...คุณแทนกำลังจีบอยู่หรอคะเนี่ย?” -ซีเซีย“ครับ” -แทนไท“ทำไมมึงพูดแบบนั้นอ่ะ” -อลิซ“มึงก็ให้กูจีบสักทีเถอะ” -แทนไท“จะบ้าหรอไท”อลิซพูดขึ้นพร้อมกับขมวดคิ้วเรียวสวย ก่อนจะฟาดฝ่ามือไปที่เพื่อนขี้เล่นของตน แทนไทหัวเราะออกมาเหมือนมันเป็นเรื่องตลก ทุกคนต่างส่ายหัวที่แทนไทก็ขยันแกล้งอลิซไม่เปลี่ยน เขาพูดแบบนี้มาเป็นปีๆ แต่อนณกลับไม่ได้คิดแบบนั้น เพราะดูเหมือนว่าแทนไทจะพูดจริงแต่เพียงติดเล่น“เราไปกันเถอะซีเซีย”“ค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ”ซีเซียหันไปพูดบอกลากลุ่มเพื่อนๆ ของอนณก่อนจะพากันเดินออกไป อลิซมองตามแผ่นหลังนั้นจนลับตาก่อนจะหันไปยกเหล้าขึ้นมาดื่มตามปกติ แต่แค่ตอนนี้เธออาจจะอยากดื่มมากกว่าปกติ“เบามึงเบา! เฮิร์ทหรอที่ไอ้อนณไปกับสาวอ่ะ” –จีซัส“เอาไรมาพูด กูก็แดกปกติ...แค่วันนี้กูเหนื่อยงาน เหล้านี่แหละพักสมองได้ดีสุด” -อลิซ“คิดแต่เรื่องงาน มิน่า...ถึงไม่มีผัว” –ลุคค์“แล้วมึง
..ลุคค์พูดขึ้นพร้อมกับหัวเราะร่วนก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นมากระดก สายตาของเขามองไปที่อลิซไม่วางตาก่อนจะสลับไปมองหน้าอนณที่ยังคงเรียบนิ่ง อนณไม่ได้ตอบโต้อะไรพร้อมกับทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ จีซัส ก่อนะที่แซมจะยื่นแก้วเหล้าที่ชงแล้วให้เขา อนณยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มแต่สายตายังคงไม่ละจากเพื่อนสาวของตนเลย“ไม่ไปขัด?” -จีซัส“ขัดทำไม...มันบอกจะมาล่าเอง” -อนณ“เหรอ...มึงยอมว่างั้น?” -ลุคค์“แล้วทำไมจะไม่ยอม? นั่นเพื่อนไม่ใช่เมีย” -อนณ“งั้นอย่างนี้กูก็สามารถ...ใช่ไหม?” -แทนไท“ไอ้ไท ถ้ามึงคิดจะเล่นๆ ก็ไม่ต้องเสือกเสนอหน้า” -อนณ“เอ้ย...ใครจะเล่นๆ ได้มาเป็นเมียกูยอมอยู่บ้านทั้งวันเลย” -แทนไท“แล้วแต่มึงเถอะ” –อนณ“พวกมึงก็อย่าไปยั่วโมโหมันนักเลย” –แซม“นั่นๆ ไอ้หน้าอ่อนมันกอดเอวซุกคอแล้ว” –จีซัส“มึงจะบรรยายเพื่อ? ถ้ามันไม่ยอมมันก็ผลักออกเองแหละ”อนณพูดอย่างหัวเสียแต่ก็ยังคงไม่ละสายตาไปจากเพื่อนสาวคนสวยเลยแม้แต่น้อย เขาค่อยๆ ยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม ก่อนจะกำแก้วแน่นที่ไม่เห็นท่าท
..“ไปนั่งเล่นที่ห้องกูก่อนไหม?”“....อืมๆ”แซมมองท่าทีของอนณที่ดูออดอ้อนเพื่อนของเขาอย่างไม่เข้าใจ เพราะเขาเองตั้งแต่ทำงานกับอนณมาตลอดสี่ปีไม่เคยเห็นเขาในมุมนี้เลยสักครั้ง แต่ดูเหมือนอลิซจะไม่ได้คิดหรือรู้สึกอะไรกับความแปลกของความสัมพันธ์ที่อนณเรียกว่าเพื่อนเลยแซมมองสายของอนณออกว่าคิดยังไงแต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่รู้ตัวเองเลยด้วยซ้ำ แซมเลยเข้าใจในทันทีว่าทำไมเขาถึงคบกับใครไม่ได้นาน“คืนนี้จะไปผับใช่ไหม?”“ใช่ มึงจะไปด้วยไหมล่ะ?”“ไปดิ กูจะไปล่าบ้าง”“เหอะ...”“งั้นพี่ขอไปเตรียมตัวก่อนนะ ไว้เจอกันที่ผับ”“ค่ะ ขับรถดีๆ นะคะ”“ครับน้องอลิซ”อนณพยักหน้าให้ผู้จัดการของตนก่อนจะหันไปมองอลิซที่ดูดี๊ด้าที่จะได้ไปเที่ยวผับ พร้อมกับคำพูดที่เธอบอกว่าจะออกล่าทำให้เขาไม่สบอารมณ์เล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะเขาเองก็จะไปหาเหยื่อแก้เซ็งเหมือนกัน“ชุดของกูมีอยู่ในห้องมึงใช่ป่ะ?”“มี”“ดีมาก”“ไม่ต้องใส่ชุดสีแดงนั้นไปนะ”
..“เลิกงานเมื่อไหร่?”(ฮะ? อะไร? ทำไม?)“เดี๋ยวกูไปรับ”(มึงไม่ต้องลำบากก็ได้นะอนณ กูกลับเองได้)“ไม่ เดี๋ยวกูไปรับ”(ถึงกูจะห้ามมึงก็ไม่ฟังสินะ)“อืม ก็รู้นี่”(อีกสิบห้านาที เดี๋ยวกูรอหน้าโรงแรม)“เออ”เสียงทุ้มกรอกไปยังปลายสายด้วยอารมณ์หงุดหงิด เวลามีปัญหาเขามักจะโทรหาเพื่อนรักคนนี้ที่เติบโตมาพร้อมกับเขา แม้เขาจะมีเพื่อนมากมายแต่เขาก็ยังตัวติดกับเพื่อนสาวปลายสายไม่ห่าง ทั้งสองสนิทกันมากถึงขนาดรู้ทุกเรื่องและทุกอย่างของกันและกันอนณซุปเปอร์สตาร์หนุ่มฮอตจอมเจ้าชู้ที่ใครๆ ก็รู้ชื่อเสียงของเขาดี แม้ในวงเพื่อนๆ ก็รู้ดีว่าเขาน่ะร้ายตัวพ่อ เรื่องผู้หญิงก็เป็นข่าวออกบ่อย แต่ก็ไม่เคยเห็นเขาคบกับใครได้นานเลย เบื่อก็ทิ้ง แต่ที่เพื่อนๆ ในกลุ่มแปลกใจที่สุดคือเพื่อนสาวของเขาที่เป็นโปรดิวเซอร์ใหญ่ของรายการโทรทัศน์ต่างๆ สวยสะพรั่ง หุ่นเซ็กซี่ขยี้ใจหนุ่มๆแต่พ่อซูเปอร์สตาร์หนุ่มกลับไม่เคยแตะต้องเธอเลยสักครั้ง ดูรักดูหวงมากกว่าเสียอีก ปกติสาวๆ สวยๆ ไม่ว่ารู้จักกันมานานหรือพึ่งรู้จักเขามักจะไม