ร่างบางถูกอุ้มออกจากคลับอย่างทุลักทุเล แขนเรียวคล้องคอน้องชายเธอไว้แน่น เพราะถ้าปล่อยมือออกเมื่อไหร่คือร่วงทันที
"กรี๊ด! อย่าปล่อยนะไอ้คิน" ไอ้น้องบ้านี่พร้อมที่จะโยนฉันทิ้งได้ทุกเมื่อจริง ๆ
"เมาเป็นหมาเลย" เสียงบ่นที่มาพร้อมกับสายตาสมเพชจ้องมองฉันที่อยู่ในวงแขน
"ไอ้น้องเลว ทำไมมาช้าฮะ สุดหล่อ" ฉันปรือตามองน้องตัวเองที่ตอนนี้มันทำหน้าเบื่อหน่ายเต็มกลืนแล้ว
"จะด่าหรือจะชม เอาดี ๆ ขี้เกียจมาเลยไม่รีบ แล้วกินไรเข้าไปตัวหนักชะมัด" คินบ่นในขณะที่อุ้มฉันเดินไปตรงที่รถ
"ฉันโดนรังแก กรี๊ด!"
ปึก! ยังพูดไม่ทันจบคินก็โยนฉันลงพื้นทันที ข้อศอกกระแทกกับประตูรถ ทำให้ชาไปทั้งแขน
"ใครจะไปรังแกพี่ได้ พี่ไม่ใช่คน" คินก้มมองฉันที่นั่งกองอยู่ที่พื้นด้วยสายตาดูถูกดูแคลน นี่ฉันเป็นพี่สาวแกนะ
"ไอ้น้องบ้า แกกล้าโยนฉันแบบนี้เลยเหรอ" ฉันร้องโอดครวญอยู่ที่พื้น ไม่เคยมีสักครั้งเลยที่คินจะอ่อนโยนกับพี่สาวคนนี้ ฉันล่ะอยากรู้จริง ๆ ถ้ามีเมียผู้หญิงแบบไหนจะเอาคนแบบมันอยู่
"พวกนายเอาพี่ฉันกลับบ้านได้ไหม" คินหันไปถามกลุ่มชายชุดดำที่ยืนรออยู่นอกจากไม่สนใจสภาพของฉันแล้ว มันยังไม่คิดที่จะพาฉันกลับบ้านด้วยตัวเองด้วยซ้ำน้องเลว
"ฉันขับรถกลับเองได้ นี่ใคร! นี่คิมภัทรชานะ" ฉันแหกปากใส่คินอย่างไม่ยอมแพ้ ซึ่งก็โดนสายตาดุจากเขาหันมามอง
"ก่อนจะแหกปากดูสภาพตัวเองก่อนมั้ย ลุกขึ้นยืนยังไม่ไหว"
"ฮึบ! ฉันยังไหว" ฉันยันตัวเกาะรถพยายามลุกขึ้นยืนด้วยขาตัวเอง แต่ก็เซล้มไปใส่คนตรงหน้าทันที คินส่ายหัวให้กับสภาพของฉันตอนนี้
จนในที่สุดเขาก็หมดความอดทน ลากตัวฉันเข้าไปในรถฝั่งเบาะข้างคนขับ ก่อนจะล้วงเอากุญแจมือมาคล้องเข้าที่ข้อมือทั้งสองข้างล็อกไว้กับหัวเบาะ อุปกรณ์ประจำตัวพาฉันกลับบ้านเอง
"ฉันรู้สึกดีใจที่แกยังเอาฉันมานั่งในรถ ตอนแรกนึกว่าจะลากไปถนนซะอีก" ฉันหันไปส่งยิ้มให้น้องชายตัวเองที่ยืนหน้าบึ้งอยู่ด้านนอกตัวรถ
"ลากไปก็เป็นศพ ภาระต้องเอาไปทิ้งอีก"
"ซึ้งน้ำใจพ่อจังเลย" ฉันพูดประชดใส่คิน ในขณะที่เขามุดเข้ามารัดเข็มขัดนิรภัยให้
"ไม่ต้อง อึดอัด แค่นี้ฉันก็นั่งลำบากมากพอแล้ว" ดูสภาพฉันตอนนี้สิ ดูสิ่งที่มันทำกับฉัน! นี่พี่มันนะ!
"ถ้าไม่ทำแบบนี้แล้วจะได้กลับบ้านมั้ย เมาทีไรเป็นแบบนี้ทุกที ดีหน่อยนะที่อิตาลีไม่มีหมาจรจัด ไม่งั้นพี่ก็คงไปวิ่งไล่มันเหมือนที่อยู่ไทย"
"แกอย่าพูดถึงเรื่องนั้นสิ ฉันไม่เคยบอกใครเลย" เรื่อง
ตราตรึงใจฉันมากเลยเหตุการณ์นั้น
"สภาพแบบนั้นมันก็ไม่น่าเล่าให้ใครฟังหรอก เอาขาเข้าไปเกะกะ" ไม่ได้พูดเปล่า แต่น้องชายของฉันมันปิดประตูหนีบขาด้วย
"กรี๊ด! เจ็บนะไอ้น้องเลว" ฉันชักเท้ากลับเข้ามาในรถที เพราะคินกำลังจะปิดมันกระแทกซ้ำเข้ามา
"น่ารำคาญ"
ปึง! เขายืนคุยกับพวกกลุ่มลูกน้องของตัวเอง ก่อนจะเดินวนมานั่งฝั่งคนขับ
"ฮือ~" เสียงร้องไห้ของฉันทำให้คินต้องหันกลับมามองก่อนออกรถ
"เป็นบ้าอีกแล้วเหรอ"
"ฉันคิดถึงแคนดี้กับคาเวียร์ ฮือ~" แคนดี้กับคาร์เวียร์คือแมวที่ฉันเลี้ยงไว้
"มันก็อยู่ที่บ้านไง เมาแล้วจะสงบหรือไม่ร้องไห้สักครั้งได้มั้ยพี่คิม"
"ฉันคิดถึงมัน เรารีบกลับบ้านกันเถอะนะ"
"ร้องไห้ซะอย่างกับว่ามันตาย...น่ารำคาญ" ตาดุปราดหางตามองฉันด้วยความรำคาญ ซึ่งทุกอย่างที่คินพูดคือสิ่งที่ออกจากใจของเขาเสมอ
"แกไม่เข้าใจหรอก ฮือ~" ฉันแบะปากร้องไห้อย่างไม่สนใจว่าคนข้าง ๆ จะรำคาญมากแค่ไหน
"พี่ก็ไม่เข้าใจหรอก ว่าผมรำคาญพี่มากแค่ไหน"
หันมาพูดกับฉันจบคินก็เหยียบคันเร่งพุ่งตัวออกไปด้วยความเร็ว ฉันเกาะเบาะรถไว้แน่น สายตามองไปที่หน้าจอ บอกความเร็วของรถอยู่ที่สองร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง แล้วยังเพิ่มขึ้น
เรื่อย ๆ
"กรี๊ด! ฉันจะฟ้องแม่ว่าแกจะฆ่าฉัน!"
ก่อนที่รถของคิมจะขับออกไป ร่างสูงของชายผู้เป็นเจ้าของคลับยืนจ้องมองหญิงชายคู่หนึ่งที่สวีทกันในรถ โดยไม่แคร์สายตาของกลุ่มลูกน้องตัวเองที่ยืนมองอยู่รอบตัวรถ ผู้ชายที่มารับเธอกำลังก้มทำอะไรกับเธอสักอย่างในรถ หึ! หน้าตาของเธอก็สวยซะขนาดนั้น ไม่นึกว่าจะกล้าทำอะไรในที่แบบนี้
ผู้ชายคนที่มารับก็ดูเป็นห่วงเธอไม่น้อย แต่แล้วกลุ่มคนที่อยู่รอบ ๆ ตัวพวกเขาก็บ่งบอกได้ว่าพวกเขามีอิทธิพลไม่น้อย การที่จะมารับแฟนในที่แบบนี้ก็ทำถูกแล้วที่พาลูกน้องมาด้วย เขายืนมองภาพเหตุการณ์ด้านล่างจนรถของพวกเขาขับออกไป
"ยัยนั่นชื่ออะไรนะ…"
เขายืนนึกถึงชื่อของเธอ แต่ก็ลืมไปซะแล้ว เอาเหอะไม่ได้คาดหวังว่าผู้หญิงแบบนั้นจะกล้ามาพบเขาหรอก เดี๋ยวอีกสามวันเพื่อนของเธอก็คงมาขอโทษเอง เพื่อนเธอก็คงบอกเรื่องทั้งหมดเองนั่นแหละว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ยัยนั่นไม่กล้ามาพบเขาแน่ถ้ารู้ว่าเขาเป็นใคร
เช้าวันต่อมา ณ บ้านของคิม
"ปวดหัวจัง ไม่ไหวแล้ว" ร่างบางทิ้งตัวลงนอนเหยียดยาวบนโซฟา มือเรียวเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเช็กความเรียบร้อยของวันนี้
ติ๊ง! ติ๊ง!
ข้อความจากกลุ่มเพื่อนของเธอดังรัว ๆ ฉันเลือกที่จะกดปิดด้วยความรำคาญ เพราะคงไม่พ้นเรื่องเมาธ์ตามประสาผู้หญิง
ติ๊ด ตี๊ด ติ๊ด~ เสียงริงโทนโทรศัพท์ในมือดังขึ้นปรากฏเป็นชื่อของเฮเลน เจ้าสาวคนสวยที่เพิ่งแต่งงานไปเมื่อวาน มีอะไร โทร. มากันแต่เช้า
"ฮัลโหล"
(พระเจ้า แกยังไม่ตาย!) ปลายสายโหวกเหวกโวยวายกันเสียงดัง เหมือนจะอยู่กันหลายคน
"เสียงดังอะไรกันแต่เช้า" ฉันถามออกไปด้วยความสงสัย ตอนนี้ปวดหัวก็พอละยังต้องมาปวดหูกับยัยพวกนี้อีกเหรอ
(เธออยู่ที่ไหนคิม) เสียงของเพื่อนอีกคนแทรกเข้ามาในสาย
"บ้าน"
(เธอยังอยู่ครบสามสิบสองใช่ไหม) หมายความว่าไง ชิ้นส่วนในร่างกายของฉันจะหายไปได้ยังไงกันล่ะ
"พวกเธอเป็นอะไรกัน แหกปากอะไรกันแต่เช้า" น่าเบื่อยัยพวกเสียงแหลมนี่จริง ๆ
(เอาเป็นว่าพวกเราจะเข้าไปหาเธอที่บ้าน แล้วจะอธิบายทุกอย่างให้ฟัง) คุยทางโทรศัพท์ไม่ได้อีก
"โอเค ตามใจพวกเธอ"
แล้วปลายสายก็วางไปทันที พวกเขาดูร้อนรนกันนะ
หรือใครจะแต่งงานอีกเหรอ เมื่อคืนฉันพลาดการขอแต่งงานของเพื่อนคนไหนไปหรือเปล่านะ ฉันยกชาขึ้นจิบเพื่อบรรเทาอาการแฮงก์ ในระหว่างที่รอพวกนั้นมาก็นวดสปารอแล้วกัน
"นวดให้ฉันหน่อยสิ" ฉันหันไปบอกแม่บ้านที่ยืนอยู่ข้าง
"รอสักครู่ค่ะคุณคิม" แล้วเธอก็เดินออกไปจัดเตรียมของ
ฉันเงยหน้ามองโคมไฟระย้าของบ้าน แต่จู่ ๆ ภาพของผู้ชายคนหนึ่งก็ผ่านเข้ามาในหัว เมื่อคืนฉันไปทำอะไรมาหรือเปล่านะ พยายามนั่งนึกก็ไม่มีนี่ เมื่อคืนฉันไม่ค่อยเมาด้วยกลับบ้านมาได้อย่างปลอดภัย
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป
ฉันนั่งจ้องมองบรรดากลุ่มเพื่อนที่นั่งหน้าเครียดกันอยู่ตรงหน้า พวกเขาเดินวนไปวนมาจนแทบจะชนกัน ตั้งแต่มาถึงทุกคนก็ยังไม่มีใครปริปากพูดว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาเป็นแบบนี้กัน
"ถ้าพวกแกไม่พูดฉันจะไปชอปปิงแล้วนะ" ทุกคนหันมาจ้องฉันเป็นตาเดียว ทำไมฉันทำอะไรผิดหรือไง แค่จะไปชอปปิงเอง
"แกยังจะมีอารมณ์ไปชอปปิงอีกเหรอคิม" เฮเลนตรงเข้ามาเขย่าตัวฉัน
"ทำไมฉันจะไปไม่ได้ มันมีอะไรแปลกเหรอที่ฉันจะไปชอปปิงน่ะ" ยัยพวกนี้นิทำเป็นตื่นเต้นกันไปได้
"แกจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้เหรอ" เพื่อนอีกคนตรงเข้ามานั่งข้าง ๆ แล้วถามขึ้น
"จำได้สิ"
"จำได้แล้วทำไมยังมีอารมณ์ไปชอปปิง!"
"แค่ฉันไม่ได้รับดอกไม้แค่นี้พวกแกต้องโกรธฉันขนาดนี้เลยเหรอ" ฉันเอียงคอมองพวกเขาทีละคน ทุกคนต่างทำหน้าเหมือนอยากตายเมื่อได้ยินฉันตอบแบบนั้น
"ไม่ใช่!" ทุกคนตะโกนใส่ฉันพร้อมกัน
"แล้วมันเรื่องอะไรกันล่ะ" พวกเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไร ถ้าไม่พูดแล้วใครมันจะไปรู้เรื่อง เฮเลนถอนหายใจออกเบา ๆ ก่อนจะเป็นคนอธิบายทุุกอย่างให้ฉันได้รู้
"คือแบบนี้นะคิม...เมื่อคืนแกเมามาก แล้วพวกเราก็สนุกกันมากเช่นกัน เลยไม่ได้ดูแลแกให้ดี"
"อ่า แล้วยังไงต่อ"
"แล้วจู่ ๆ แกก็หายไปจากตรงนั้น แกไปอยู่ไหนรู้ไหม"
เฮเลนเว้นช่วงหายใจ แล้วหันมาจ้องหน้าฉันอย่างจริงจัง
"ฉันคงไม่ได้ขึ้นไปปีนเกาะอยู่บนโคมไฟกลางร้านใช่ไหม" เฮเลนและเพื่อน ๆ ต่างส่ายหัวให้กับฉัน มันมีอะไรที่น่าตื่นเต้นไปกว่าการปีนไปอยู่บนโคมไฟกลางร้านอีกเหรอ
"แกบุกขึ้นไปหาการ์เนท" เฮเลนหยุดพูดไว้เพียงเท่านั้น พร้อมกับแสดงสีหน้าหวาดกลัวเมื่อพูดถึงชื่อนี้
"แล้วยังไงต่อ"
"หา!" ทุกคนที่ยืนอยู่ต่างตะโกนออกมาพร้อมกัน อะไรยัยพวกนี้เสียงดังกันจัง
"มันมีอะไรหน้าตกใจเหรอเรื่องแค่นี้ ฉันว่าถ้าฉันปีนโคมไฟร้านน่าตกใจกว่านี้อีก"
"ยัยคิม การ์เนทน่ะเป็นว่าที่หัวหน้าองค์กรมาเฟียแห่งอิตาลี และตระกูลของเขาเป็นมาเฟียลำดับที่หนึ่งมาตลอด ไม่เคยมีใครทำลายพวกเขาได้" เฮเลนอธิบายต่อพร้อมกับเขย่าแขนฉันไปด้วย
"แล้วทำไมอะ" ฉันงงไปหมดแล้ว แล้วยังไงต่อ ฉันต้องทำยังไงเหรอ
"ฉันไม่รู้ว่าแกไปทำอะไรบนพื้นที่ส่วนตัวของเขา แต่มีแค่ผู้ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่จะเจอเขาได้" นี่คือชีวิตของมาเฟียลำดับที่หนึ่งเหรอเนี่ย ลึกลับจังนะ
"อ่า แล้วยังไงอีก"
"การ์เนทให้เวลาแกสามวัน ไปพบเขาซะ ไม่งั้นฉันกับจะสามีจะเดือดร้อน แต่ฉันจะไม่ให้แกไปฉันจะไปขอโทษเขาเอง ที่มาแค่จะบอกให้แกระวังตัว" อ่อ นึกว่าเรื่องอะไร
"ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันจะไปเอง" ฉันส่งยิ้มให้เฮเลนและกลุ่มเพื่อน ซึ่งพวกเธอมีสีหน้าที่ตรงกันข้าม ทุกคนมีใบหน้าซีดเผือดและหวาดกลัว
"คิม แกรู้หรือเปล่าว่ากำลังจะเจอกับอะไร"
"ไม่รู้ แต่เธอกับสามีจะต้องไม่เดือดร้อนกับเรื่องนี้" แค่นี้เอง ของแค่นี้ทำอะไรฉันไม่ได้หรอกนะ
"คิม" เฮเลนเรียกชื่อฉันด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง สายตาที่เธอมองคือความเป็นห่วงจากใจจริง ทำอย่างกับว่าฉันจะตาย
"มันไม่มีอะไรหรอก ฉันจัดการได้" เรื่องแค่นี้เองทำเป็นตกใจกันใหญ่โต
"ถ้าแกมั่นใจฉันจะเตือนสิ่งที่ไม่ควรทำไว้หนึ่งอย่างนะ"
"ฉันจะตามที่แกบอกทุกอย่างเลย" มั้งนะ
"ถึงการ์เนทจะอายุน้อยกว่าแกสามปี แต่ความเป็นผู้ใหญ่ของเขามีมากกว่าแกแน่ ๆ และสิ่งที่ไม่ควรทำคืออย่ายั่วโมโหเขา" ทุกคนหันมามองฉันอย่างพร้อมเพรียง
"โอเค รับทราบ" เด็กกว่าฉันแต่ดูท่าจะทำตัวใหญ่โตน่าดูเลยสินะ รุ่นเดียวกับคินด้วย พวกเด็กรุ่นนี้มันจะมีส่วนคล้ายกันไปซะหมดเลยหรือไง
"แกทำได้จริง ๆ เหรอ"
"เชื่อใจฉันได้เลย" ฉันพูดอย่างมั่นใจ
"คิม" เฮเลนเรียกชื่อฉันด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ
"ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำแกกับสามีเดือดร้อนแน่นอน" ฉันยิ้มกว้างให้เฮเลนด้วยความมั่นใจ ตอนนี้ก็ยังนึกไม่ออกว่าไปทำอะไรที่มันร้ายแรงขนาดนั้นมาเหรอ
"พวกเราไม่ได้กลัวปัญหาที่จะเกิดขึ้นหรอกนะ แต่เป็นห่วงแกมากกว่า" เฮเลนกุมมือฉันแน่น
"สบายมาก แล้วฉันต้องไปเจอเขาที่ไหนล่ะ" ฉันหันมองทุกคนก่อนจะหยุดสายตาลงคนที่นั่งอยู่ข้างกาย เฮเลนหยิบบัตรการ์ดสีดำยื่นมาให้
"แกต้องไปพบเขาที่ตึกองค์กร และนี่เป็นการ์ดสำหรับเข้าพบการ์เนทโดยเฉพาะ เพียงแกแสดงบัตรนี้คนที่นั้นจะไม่มีใครยุ่งกับแกเด็ดขาด"
ฉันรับบัตรใบนั้นมาถือไว้ในมือ ยิ่งใหญ่จังนะ มาเฟียงั้นเหรอ กลุ่มบุคคลต้องห้ามที่ควรจะอยู่ห่างให้มากที่สุดของประเทศนี้ คิดว่ายิ่งใหญ่อยู่คนเดียวหรือไง
"ภายในสามวันนะ ในระหว่างนี้กะ..!"
"เดี๋ยวฉันไปวันนี้เลย" เฮเลนยังพูดไม่ทันจบ ฉันก็พูดแทรกขึ้นซะก่อน คำพูดของฉันยิ่งทำให้พวกเขาตกใจมากขึ้นไปอีก
"ยัยคิม~" พวกเขาเข้ามากอดฉันไว้แน่นพร้อมสวดภาวนาให้กับฉัน ทำอย่างกับว่าฉันจะตายยังงั้นแหละยัยพวกนี้
แล้วหน้าตาเขาเป็นยังไงนะ จำไม่ได้ซะด้วยสิ ชื่อก็ยาว ทำตัวลึกลับ วางตัวยิ่งใหญ่มากเลยสิ แล้วฉันต้องบอกน้องชายไหมนะ ถ้าบอกไปมันคงบ่น ๆ จนฉันหูชา งั้นไปคนเดียวดีกว่า
รถลัมโบร์กินีคันหรูแล่นเข้ายังลานจอดรถภายในตึกองค์กรมาเฟียประจำอิตาลี สถานที่ต้องห้ามของบุคคลธรรมดา สายตาทุกคู่ที่อยู่บริเวณนั้นจ้องมองร่างบางที่กำลังก้าวเท้าลงจากรถ ผมสลวยสีดำถูกปล่อยยาวกลางหลัง ชุดเดรสสั้นสีแดงทำให้เธอโดดเด่นท่ามกลางชุดสีดำของทุกคนรอบตัวเธอเดินตรงไปยังประตูทางเข้าพร้อมกับยื่นบัตรไปยังคนเฝ้าประตู พวกเขามีสีหน้าตกใจและจ้องมองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า เธอลดแว่นตากันแดดลง สายตาคมจ้องมองเขาทีละคน"มาพบคนที่ชื่อการ์เนทค่ะ" ริมฝีปากแดงเอ่ยชื่อของคนที่จะเข้าพบ ทำให้พวกเขาลนลานรีบเปิดประตูให้เธอผ่านไปอย่างง่ายดาย"ลืมถามว่าชั้นไหนอีก" เธอหันมองหาคนที่พอช่วยเธอได้บ้าง จนในที่สุดเธอก็เจอเข้ากับผู้ชายสูงวัยคนหนึ่ง เขากำลังเดินไปทางลิฟต์ด้วยไม้เท้า เขาส่งยิ้มให้ทุกคนที่เดินผ่านไปด้วยความใจดี จนในที่สุดเขาก็เดินมาหยุดลงหน้าลิฟต์ข้างเธอติ๊ง!ประตูลิฟต์เปิดออก เธอผายมือเป็นการบอกให้เขาเข้าไปก่อน แล้วเธอจึงเดินตามเขาเข้าไป ประตูลิฟต์ถูกปิดลง ภายในเหลือเพียงแค่เธอและผู้ชายสูงวัยเท่านั้น เขาหันมามองเธอแล้วส่งยิ้มใจดีมาให้ เธอเองก็ยิ้มตอบเขาเช่นกัน"ไม่เคยเห็นหนูเลย มาพบใครที่นี่เหรอ" ผู
คนตัวสูงตรงหน้าจ้องมองด้วยสายตานิ่งเฉย มือหนากำข้อมือเล็กแรงขึ้นจนแขนขาวเริ่มขึ้นรอยแดง แต่เธอยังคงยืนนิ่งไม่ขยับและไม่แสดงอาการหวาดกลัวใด ๆ"ที่เรียกฉันมาก็เพราะโมโหที่ฉันไม่รบกวนพื้นที่ส่วนตัวของคุณเหรอคะ ขอโทษนะคะ ตอนนั้นฉันคงเมามาก" ฉันส่งยิ้มบางให้กับผู้ชายตรงหน้า แต่มันกลับยิ่งเหมือนปลุกเชื้อไฟให้กับเขา"นี่สีหน้าที่สำนึกแล้วเหรอ" สายตาเรียบเฉยหลุบต่ำมองคนตัวเล็กกว่า เธอเลิกคิ้วช้อนสายตามองเขาอีกครั้ง ใบหน้าสวยยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิมฉันคิดว่าทุกอย่างมันจะจบลงง่าย ถ้าขอโทษนี่ ไป ๆ มา ๆ ก็นึกถึงคำขอของยัยเฮเลนขึ้นมา แต่ดูท่าว่าจะเป็นเขาต่างหากที่ไม่ควรมายั่วโมโหฉัน"ดูท่าทางจะจบยากสินะ ก็แค่อยากได้เงินหรือไง ยุ่งยากจริง" ฉันพึมพำกับตัวเองเป็นสำเนียงไทย แล้วล้วงหยิบสมุดเช็คขึ้นมาเขียนตัวเลขลงในนั้น"..." เขายืนนิ่งและจ้องมองการกระทำของฉันทุกอย่าง จนกระทั่งเช็คหนึ่งใบถูกยื่นไปตรงหน้าเขา"ฉันจำไม่ได้หรอกนะคะว่าทำอะไรไปบ้าง แต่อย่าถือคนเมาเลยค่ะคุณมาเฟีย นี่เป็นค่าเสียหายที่ฉันก็คิดว่ามันน่าจะมากพอให้เราจบเรื่องนี้" เขาก้มมองเช็คตรงหน้า ก่อนที่จะหยิบมันไปอ่านอย่างตั้งใจ หึ! ก็แค่อยากไ
หนึ่งอาทิตย์ต่อมาฉึบ ๆ ๆมีดคมถูกกรีดลงบนแตงกวาอย่างช้า ๆ หม้อต้มกำลังเดือดได้ที่ แต่ดูเหมือนว่าหญิงสาวจะยืนเหม่อไม่สนใจมัน แม่บ้านต่างยืนมุงดูหน้าประตูทางเข้าห้องครัวเพราะวันนี้ดูท่านายหญิงของพวกเขาจะอารมณ์ไม่ดีอย่างหนักตึก ๆเสียงฝีเท้าของคนเป็นน้องชายดังขึ้นตามจังหวะการวิ่ง เขาหยุดลงหน้าห้องครัว มองกลุ่มแม่บ้านต่างยืมมุงกันอยู่ทางเข้า ทุกคนต่างเปิดทางให้เขาเข้าไปยังด้านใน พี่สาวของเขาที่กำลังยืนเหม่อลอยและหั่นแตงกวาไปด้วย"เปลี่ยนจากหั่นแตงกวามาปาดคอตัวเองดีมั้ย ถ้าจะยืนเหม่อขนาดนี้" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินผ่านหลังหญิงสาวไปปิดเตา"อ๊ะ!" ฉันตกใจเมื่อมีดในมือถูกแย่งไป คินขมวดคิ้วมองพี่ตัวเองอย่างรำคาญ"เกิดบ้าอะไรถึงมาทำอาหารเอง แล้วไล่คนอื่นออกทำไม" ฉันทำหน้าบึ้งตึงและมองไปยังกลุ่มแม่บ้านที่โดนฉันไล่ออกไปเมื่อเช้า"ไม่ได้ไล่ออก แค่ไล่ให้ไปไกล ๆ ฉันต้องใช้สมาธิในการทำอาหารอย่างมาก" แค่ฉันบอกว่าจะทำอาหารเอง ทุกคนก็พากันตกใจแล้ววุ่นวายกับฉันไม่หยุด มันน่าตกใจกันมากหรือไง"ทุกคนไปทำอะไรก็ไป เดี๋ยวพี่คิมฉันจัดการเอง" คินหันไปสั่งกลุ่มคนด้านหลัง แล้วจึงหันกลับมามองหน้าฉัน"เห้อ~"
หญิงสาวในชุดเดรสสีดำสั้นเว้าโชว์แผ่นหลังเนียน ผมยาวสลวยปล่อยตรงกลางหลังพลิ้วไหวไปตามจังหวะก้าวเดิน ชุดและผมสีดำของเธอขับให้ผิวขาวเนียนผ่องเด่นชัดยิ่งขึ้นสายตาของผู้ชายมากมายต่างจับจ้องมองเธอเป็นตาเดียว ใบหน้าสวยมองผ่านพวกเขาไปอย่างไม่สนใจ ไม่ใช่แค่ผู้ชายที่สนใจเธอ กลุ่มผู้หญิงก็ต่างหันมาสนใจผู้ชายที่เธอคล้องแขนเข้างานมาด้วย"ทำไมต้องควงแขน" คินหันมาถามฉันที่เกาะแขนมันไว้แน่น มองตาเป็นมันเลยนะยะพวกนี้ ฮึ! ถึงฉันจะเป็นพี่สาวที่สวยและใจดีแต่ก็หวงน้องชายมาก"แกเห็นสายตาหิวกระหายพวกนั้นไหม ฉันหวงน้องตัวเองมันผิดหรือไง""แม่ซื้อเข้าร่างเหรอ เป็นบ้าอะไรมาหวง" ไอ้นี่ปากร้ายจริง ๆ"หรือแกอยากได้ยัยพวกนั้น ฉันอ่านสายตาออกนะ ดูสายตานั่นสิอย่างกับจะกลืนกินแกไปทั้งตัว" ฉันสะกิดให้คินมองไปยังรอบ ๆ"พี่คิม" คินเรียกชื่อฉันด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉย"อะไร""น่ารำคาญ ถ้ายังไม่ปล่อยจะกลับแล้วนะ" ฉันรีบปล่อยมืออกจากแขนทันที"ดุจังโว้ย นึกว่าหมา" ฉันแยกเขี้ยวใส่น้องตัวเอง ซึ่งมันก็ไม่สนใจตามเคย เราทั้งคู่เดินตรงมาหยุดที่โต๊ะของกลุ่มเพื่อน สาว ๆ ต่างหันมองเราพร้อมกับแต่สายตาต่างรวมไปที่คินคนเดียวแปะ!ฉันปรบมื
"แกรู้มั้ยว่าฉันใคร" คำนี้อีกแล้วน่าเบื่อจริง"เธอเป็นใครฉันจะไปรู้เหรอ รู้แต่ว่าตอนนี้เธอกำลังขัดเวลาดื่มเหล้าฉัน ไปไกล ๆ" ฉันส่งยิ่มให้เธอแล้วคว้าแก้วเหล้าด้านหลังมากระดกเข้าปาก ขมชะมัดเลยเหล้าอะไรเนี่ย"อย่ามาเมินฉันนะ" ยังไม่จบอีก"ต้องการอะไรพูดมา จะมาหาเรื่องหรือจะเรียกร้องทวงผู้ชายคืนก็พูด" ฉันต้องจัดการยัยนี่ก่อนเลย แต่ฉันอยู่ตัวคนเดียวนี่ คนรอบ ๆ ข้างเขาก็แทบจะไม่สนใจ เพราะคิดว่าคงเป็นแค่ปัญหาผู้หญิง ๆ ทะเลาะกัน"ต้องการให้เลิกยุ่งกับการ์เนทซะ" ฉันไปยุ่งกับเขาตอนไหน"จะพูดว่ายังไงดีล่ะ ที่เธอเห็นตรงระเบียงน่ะ!""จะแก้ตัวอะไร เธอก็แค่ผู้หญิงร่าน ๆ" ฉันยังพูดไม่ทันจบก็ถูกเสียงของเพื่อนยัยนั่นพูดแทรกขึ้นมาซะก่อน ฉันตวัดหางตากลับไปมองที่เธอและขยับปากพูดอย่างช้า ๆ"สา ระ แน""นี่!""อะ! อย่าใช้อารมณ์ ทีเธอด่าฉันว่าร่านฉันยังไม่โกรธเลย ฉันจะชมเธอว่าสาระแนบ้างจะเป็นอะไร คนโกรธง่ายคือคนไอคิวต่ำ สมองฮิปโป เธอรู้มั้ยว่าฮิปโปเป็นสัตว์โง่ที่สุดในโลก...แต่ถ้าเธอไม่รู้ นั้นก็หมายความว่าเธอเป็นสิ่งมีชีวิตที่โง่ที่สุด คงพอ ๆ กับยัยนี่ที่ถามว่าตัวเองเป็นใคร" พูดจบฉันก็ยิ้มกว้างให้พวกเธออีกครั
"พี่เฮเลนแจ้งทุกอย่างไปที่พี่คิมนะครับ เดี๋ยวจะให้มาจัดการเอง" เพื่อนสาวคนสนิทของพี่คิมไปแต่ยิ้มเจือน ๆ ก่อนที่จะก้มมองราคาค่าความเสียหายทั้งหมดบนกระดาษในมือ"ห้าพันยูโรเลยนะเนี่ย" เกือบสองแสนบาทไทย ฝีมือพี่สาวของผมเอง"นี่ถือว่าเบาแล้วครับ" สูงสุดที่เคยจ่ายคือสองล้านบาท สาเหตุเกิดขึ้นจากการเมาแล้วปีนขึ้นไปเต้นบนรถซูเปอร์คาร์จนต้องดูแลสีรถให้เขาใหม่ทั้งหมด เพียงแค่นี้สบายมาก"แล้วเพื่อนตัวดีของพี่เอาไปปล่อยทิ้งไว้ที่ไหนแล้วล่ะ""ปล่อยทิ้งให้นอนอยู่ที่รถครับ""จะไม่หลุดหายไปไหนใช่มั้ย" พี่เฮเลนพูดด้วยสีหน้าหวาดกลัว"ไม่หรอกครับ เมาขนาดนั้นแค่เดินก็ยากแล้ว" เล่นกินเหล้าทุกรูปแบบขนาดนั้นคงตีกันเละเทะจากภายใน"ได้ล็อกไว้กับรถหรือเปล่า" คำถามของพี่เฮเลนทำให้เอะใจเล็กน้อย แต่พอนึกสภาพพี่สาวตัวเองแล้วก็สบายใจขึ้นมาเลย"แค่ลืมตาก็ยากแล้วครับ เดินไปไหนไม่ได้หรอก" พี่เฮเลนทำสีหน้าคิดตามแล้วก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย"เดี๋ยวพี่จัดการเองต่อจากนี้ พาคิมกลับบ้านเถอะนะ""ครับ" แล้วก็ลาพี่เฮเลนแล้วเดินไปที่รถทันที ภายนอกแทบจะไม่มีใครอยู่แล้ว มีเพียงรถไม่กี่คันจอดอยู่เท่านั้น หนึ่งในนั้นคือรถคันสีดำที่จอ
รถยนต์คันหรูวิ่งผ่านประตูรั้วทึบขนาดใหญ่ที่ด้านหลังประตูซ่อนความลึกลับของคฤหาสน์สีดำสุดหรูเอาไว้ บุคคลภายนอกไม่มีทางรู้ได้ว่าสถานที่ภายในแห่งนี้เป็นของใคร รถยนต์ตรงเข้าจอดลงหน้าประตูตัวบ้านประตูรถถูกเปิดออกจากชายชุดดำที่ยืนรอต้อนรับอยู่ แต่ทุกคนก็ต้องหยุดชะงักลง และมองหน้ากันด้วยความตกใจ หญิงสาวร่างบางนอนหลับสนิทหนุนตักของชายผู้เป็นเจ้านาย บนตัวของเธอมีเสื้อคลุมสีดำปกปิดอยู่เสื้อเชิ้ตของเจ้านายพวกเขาหลุดลุ่ย กระดุมทุกเม็ดถูกปลดออก สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในสถานที่แห่งนี้ เจ้านายผู้หวงพื้นที่ส่วนตัวของพวกเขาไม่เคยพาคนนอกเข้ามา ยิ่งเป็นผู้หญิงด้วยแล้วยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่"ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันอุ้มเอง มาเปิดประตูฝั่งนี้" เสียงของผู้เป็นนายดังขึ้น เมื่อเห็นลูกน้องของตนเอื้อมมือจะมาสัมผัสตัวของเธอ"ครับ"ปึง! ประตูรถถูกปิดลงพร้อมกับสายตาของทุกคนที่มองหน้ากันอย่างหาคำตอบกับเรื่องไม่ได้ แต่ทุกคนก็ได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ ก่อนที่จะเดินอ้อมมาเปิดประตูฝั่งที่เจ้านายของเขานั่งอยู่ออกร่างสูงยกหัวของเธอที่นอนหนุนตักออกพร้อมกับก้าวลงจากรถ และออกแรงอุ้มร่างบางมาไว้ในอ้อมแขน ตัวเบาจัง เขาได้แค่คิดในใจแล
"อย่าพูดอะไรบ้า ๆ นะ" ไม่! มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ เรื่องบ้าอะไรเนี่ย"ไม่ได้พูดอะไรบ้า ๆ แต่พูดจริง" สายตาของเขามันบอกว่าเป็นแบบนั้นจริง ๆ"ไม่ ๆ ๆ เรามาตกลงกัน""ตกลงว่า""ฉันจะไม่เอาเรื่องนาย สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานฉันจะไม่ถือสา เราจะไม่พูดถึงมันอีก" การ์เนทเอียงคอมองฉันด้วยท่าท่างที่ดูน่ารัก ทำไมอยู่กับฉันนายกลายเป็นเด็กน้อยล่ะ มันแตกต่างจากตอนที่เขาอยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายลิบลับเลย อย่าทำแบบนี้ใจฉันเต้นแรง"หน้าแดงทำไม" การ์เนทถามฉันและยิ้มมุมปาก ใบหน้าหล่อเลื่อนเข้าใกล้อย่างช้า ๆ ลมหายใจร้อนเป่ารดใบหน้า แต่ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะสัมผัสริมฝีปากฉันก็ดันเขาออกแล้วขยับถอยหลังหนี"เด็กบ้านี่..." ฉันพึมพำกับตัวเอง แต่สายตาก็จ้องมองไปที่เขาการ์เนทพาตัวเองขึ้นมายังบนเตียงและคลานเข้ามาหา ฉันถอยหลังจนชิดกับพนักพิงหัวเตียง มือเล็กดึงผ้าห่มมาม้วนตัวแล้วพลิกหมุนลงข้างเตียง เมื่อเท้าแตะพื้นก็วิ่งไปทางประตูห้องทันทีแกร๊ก ๆ ๆกลอนประตูถูกล็อกจากด้านนอกงั้นเหรอ ฉันเขย่าประตูอยู่นานแต่ก็ไม่มีใครมาเปิดปึง ๆ"เปิดประตูเดี๋ยวนี้!" เงียบ~ปึง ๆ ๆ ๆ ๆ"เปิดประตู!" เงียบ~ ไม่มีแม้แต่เสียงตอบรับ ทุกอย่าง
"ไม่มีไปที่ไหนเหรอครับวันนี้" การ์เนทเดินเข้าไปถามปู่ถึงในห้องทำงาน"อยากให้พาไปที่ไหนก็พูดมาเลย" เขาแกล้งพูดแหย่หลานตัวเอง ก็เดี๋ยวนี้การ์เนทดูจะอยากไปข้างนอกมากขึ้น เหมือนว่ารอจะได้ไปเจอใคร"เปล่าครับ""ถ้าอยากไปหาหนูคิมก็คงต้องรอไปก่อน" ปู่ของเขาพูดขึ้นในขณะที่หลานชายกำลังจะหันหลังเดินออกจากห้อง ทำให้การ์เนทหยุดชะงักและหันมามองที่ปู่"...""ครอบครัวของเธอกลับประเทศไทย สักพักคงกลับมา" เขาพูดได้เพียงเท่านี้"เหรอครับ""เอาไว้ปู่จะโทร. ไปหาเขาให้นะ""ไม่ต้องหรอกครับ ไม่ได้อยากรู้" เย็นชาเกินไปแล้วหลานของเขา"ไม่อยากรู้จริงเหรอ""ครับ" ปากไม่ต้องกับใจสุด ๆ"ที่กลับประเทศไทยด่วน เพราะหนูคิมเกิดอุบัติเหตุตกต้นไม้" คำพูดของปู่ทำให้เขายืนนิ่ง"....""หนูคิมถูกส่งตัวไปรักษากับหมอด้านประสาทที่เก่งที่สุด ซึ่งเขาอยู่ที่ประเทศไทย""เป็นอะไรมากหรือเปล่า" การ์เนทตรงเข้ามาถามปู่ของเขาด้วยความเป็นห่วง"ไม่หรอก แล้วอีกอย่างหนูคิมยังเรียนอยู่ที่ไทยด้วย ที่มาก็จะมาแค่ช่วงปิดเทรมเธอก็ต้องกลับไปเรียน"แค่เห็นปฏิกิริยาจากหลานของเขาก็ทำให้ไม่กล้าพูดเลยว่าเธอเข้าสู่สภาวะสูญเสียความทรงจำบางส่วนจากผลกระทบของ
"ฮึก ฮือ!"ย่าของเขาร้องไห้พร้อมกับกอดร่างไร้วิญญาณของลูกชายไว้แน่น ลูกชายของเธอก็คือพ่อของการ์เนท เขายืนมองร่างของพ่อที่ถูกคลุมด้วยผ้าสีขาวนอนราบอยู่บนเตียงของโรงพยาบาลตลอดระยะเวลาที่เกิดมา เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าพ่อเคยคุยกับเขาบ้างหรือเปล่า ความผูกพันและความรัก เขาจึงไม่เคยได้รับมันเลยจากทั้งพ่อและแม่เขาไม่รู้อะไรเลยนอกจากที่ว่าพ่อตายเพราะโรคประจำตัวเท่านั้น ทุกอย่างถูกปิดเป็นความลับต่อสื่อและเขางานศพถูกจัดขึ้นและไว้อาลัยแด่บอสมาเฟียลำดับที่หนึ่งของอิตาลี ผู้คนมากมายต่างเดินทางมาร่วมงาน เด็กชายในชุดสูทสีดำมองใบหน้าเศร้าโศกของย่าก่อนที่เขาจะเข้าไปกอดเธอเอาไว้"ฮือ! หลานย่า ฮือ!"เธอปล่อยโฮออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ทั้งความรู้สึกสงสารหลานตัวเองจับใจ ที่เขาขาดไปทั้งพ่อและแม่ ถึงเธอจะเป็นฝ่ายดูแลเขาแต่ก็อดรู้สึกสงสารไม่ได้"ไม่ต้องร้องนะครับ""ฮือฮือ"คำพูดของหลานยิ่งทำให้เธอร้องไห้หนักขึ้นกว่าเดิม เด็กคนหนึ่งสูญเสียทั้งพ่อและแม่ แต่เขากับไม่มีน้ำตาออกมาให้ได้เห็น ที่ผ่านมาเขาอยู่ท่ามกลางความรักของย่าและปู่เท่านั้น ความรู้สึกต่อพ่อแม่จึงกลายเป็นศูนย์พิธีศพเป็นไปตามธรรมเนียม แต่คนขี้เบื่
"ตอนเย็นการ์เนทไปกับปู่มั้ย" ปู่ของเขาถามขึ้นในขณะที่นั่งมองหลานชายของเขาเดินเลือกดอกไม้"ไปทำอะไรครับ" เขาถามกลับมาไป แต่ไม่หันไปสนใจปู่ของเขาสักนิด ถึงภายนอกจะเป็นแบบนั้นแต่ก็ไม่ได้เฉยชาจนไม่ได้ยินสิ่งที่คนอื่นถาม"ปู่จะพาการ์เนทไปงานวันเกิดของลูกสาวคนที่ปู่สนิท ไปด้วยกันนะ"เขาพยายามสุดความสามารถที่จะทำให้หลานของเขากลับมามีโลกที่มีชีวิตชีวาแบบเด็กวัยเดียวกัน ถึงบางทีเขาจะยังทำเป็นไม่ใส่ใจคนรอบข้างไปบ้าง แต่การ์เนทก็ดีขึ้นจากตอนแรกที่รับเขามาดูแล"ไม่ครับ""ทำไมล่ะ การ์เนทต้องมีเพื่อนนะ""ไม่จำเป็น" การ์เนทเลือกดอกไม้ที่เขาสนใจขึ้นมาทีละดอก แล้วนำมันมาวางเรียงกันบนโต๊ะ"ถ้าไม่อยากมีเพื่อนแล้วจะอยู่คนเดียวไปตลอดเหรอ""ก็อยู่ได้""ลองไปพบเจอเด็กวัยเดียวกันดูมั้ย" ผู้เป็นปู่พยายามสุดตัวที่จะพาหลานเขาไปให้ได้ อย่างน้อยให้เขาได้เจอสังคมภายนอกมากกว่านี้"ไม่อยากเจอ ขี้เกียจหาของขวัญ""นี่ไง เราจะเอาดอกไม้ที่การ์เนทกำลังจัดไปให้เป็นของขวัญวันเกิดเธอ" คำพูดของปู่ทำให้เขาหยุดมือที่กำลังดึงดอกไม้ขึ้นมาทันที สายตาของเด็กน้อยหันไปมองปู่ของเขา"ไม่มีใครอยากได้ของผมหรอกครับ"เขาไม่รู้เลยว่ามาสนใจ
เพล้ง เพล้ง!"คุณกล้าเอาอีผู้หญิงแบบนั้นขึ้นมาเหนือฉันเหรอ หา!""หุบปาก น่ารำคาญ!""เคยเห็นแก่หน้าฉันบ้างมั้ย หา!""บอกให้หุบปากไง!"พลั่ก!ร่างบางของผู้หญิงคนหนึ่งกระเด็นไปกระแทกกับผนังท้อง เธอล้มลงบนพื้นและนอนกุมท้องตัวเองเอาไว้แน่น อาการจุกบริเวณช่วงท้องทำให้เธอนอนตัวงอ ขยับไปไหนไม่ได้"แม่..."เด็กผู้ชายวัยห้าขวบเดินเข้ามาหาเธอและพยายามปกป้องเธอเท่าที่เด็กตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งจะทำได้"กลับไปที่ห้องการ์เนท!" ผู้เป็นพ่อกระชากแขนเล็กของเด็กชายแล้วลากเขาโยนออกจากห้องอย่างไม่ไยดีปัง!ประตูบานใหญ่ถูกปิดลงต่อหน้าเขา เสียงทะเลาะดังมากจากภายในห้องนั้นอย่างต่อเนื่อง เด็กชายยืนฟังเสียงอยู่นาน จนกระทั่งพี่เลี้ยงของเขามาพาตัวเขาออกไปตลอดระยะเวลาที่จำความได้ เขาไม่เคยได้รับความรักจากพ่อ ตลอดเวลาเขาใช้ชีวิตอยู่กับแม่ตลอด ถึงแม้ว่าแม่เอาแต่ใช้เวลาในหนึ่งวันไล่ตามเฝ้าพ่อของเขาก็ตามความรักและความสนใจเขามักจะได้รับจากคุณปู่กับคุณย่าเท่านั้น สิ่งหนึ่งที่เขารับรู้ได้มาตลอดคือ พ่อและแม่ของเขาไม่เคยรักกันจนในที่สุดคุณปู่และคุณย่าก็ทนเห็นสภาพแบบนี้ต่อไปไม่ไหว พวกท่านทั้งสองคนมารับตัวผมไปอยู่ด้วยตอนอายุได
"คุณพ่อขา ฟีฟี่อยากได้ม้า"เด็กสาววัยสามขวบชี้นิ้วไปยังการ์ตูนในจอโทรทัศน์ ม้าโพนีตัวสีชมพูวิ่งไปมาอยู่ตรงหน้า เธอหันมากอดคอผู้เป็นพ่อและซบหน้าลงบนไหล่"อันนั้นเป็นม้าโพนีค่ะ เป็นการ์ตูนก็คงหาให้ฟีฟี่ได้แค่ตุ๊กตา พ่อก็อยากซื้อม้าจริง ๆ ให้ฟีฟี่แบบนั้นนะ แต่พ่อไม่รู้ว่าจะไปหามาให้จากที่ไหน" เขาอุ้มลูกสาวตัวเล็กมานั่งตัก"ถ้าม้าเป็นสีชมพูแบบนั้นจะต้องน่ารักมากเลยใช่มั้ยคะ สัตว์บนโลกให้เป็นสีชมพูก็น่ารักหมดเลย" เธอเงยหน้ามองและส่งยิ้มกว้าง ยิ้มที่มีเสน่ห์ของฟีฟี่ทำให้ผู้พบเจอต่างพากันสดใสตามเธอ"สัตว์บนโลกทุกตัวน่ารัก ฟีฟี่ต้องรักพวกเขาให้มาก ๆ นะ อย่าไปรังแกพวกเขา""ค่ะ ฟีฟี่รักสัตว์บนโลกทุกตัว แล้วก็รักคุณพ่อขาด้วย" ฟีฟี่ลุกขึ้นยืนบนโซฟาและกอดคอของผู้เป็นพ่อไว้แน่น"อ๊าก !"เสียงร้องของเด็กผู้ชายดังมาจากประตูบ้าน เด็กผู้ชายที่มีใบหน้าพิมพ์เดียวกับเด็กผู้หญิงที่กอดเขาอยู่ ฟีฟ่า แฝดผู้น้องโครม!ฟีฟ่าทรงตัวอยู่เซิร์ฟสเก็ตวิ่งเข้ามาในบ้าน ถึงความเร็วจะไม่มาก แต่พื้นของบ้านที่ไม่เหมาะกับการเล่นทำให้ลื่นแล้วล้มกลิ้้งอยู่ที่พื้นการ์เนทหันมองไปยังลูกชายของตัวเอง คนในบ้านต่างวิ่งเข้ามาเพื่อจะ
"ใกล้ถึงแล้วครับ"เสียงคนขับรถเรียกสติให้ฉันกลับไปสนใจสถานที่ตรงหน้า"ค่ะ"สายตามองไปยังอาคารหรูตั้งเด่นอยู่ตรงหน้า สถานที่รวมตัวของกลุ่มมาเฟียจากหลายประเทศ ทุกคนต่างมาเพื่อแสดงความยินดีและแสดงความต้อนรับแก่บอสมาเฟียคนใหม่ รวมไปถึงการประกาศของการผู้นำคนใหม่ของลำดับที่สองและที่สามด้วย นั่นคือเฮเลนและสามีของเธอรถยนต์จอดหยุดลงหน้าทางเข้า ประตูรถถูกเปิดออก กลุ่มชายจำนวนมากต่างยืนเรียงรอต้อนรับหญิงสาวที่กำลังก้าวลงจากรถ"เชิญครับ" เขายื่นมือมาให้เธอพร้อมกับก้มหัวให้เล็กน้อย"ขอบคุณค่ะ" ฉันก้าวเท้าลงจากรถ ท่ามกลางสายตาของคนที่อยู่นอกอาคารจำนวนมากต่างจ้องมองมาทางฉันถึงจะเตรียมตัวมาบ้างแล้วจากการถูกมอง แต่คนจำนวนเยอะขนาดนี้ฉันก็เพิ่งได้สัมผัสครั้งแรก นี่ขนาดด้านนอกนะ ยังไม่ได้เข้าไปในอาคาร"คนเยอะมากเลยนะคะ" ฉันหันไปพูดกับคริสเตียนที่ออกมารอรับ"ข้างในเยอะกว่านี้ครับ ทุกคนรอพบนายหญิงอยู่" ถึงจะฟังดูเป็นคำพูดธรรมดา แต่ก็ทำให้ฉันรู้สึกกดดันได้ไม่น้อย"ฉันดูสำคัญมากเลยนะคะ""สำคัญสิครับ เป็นสิ่งที่ต้องอยู่คู่กับบอสนี่ แล้วอีกอย่างบรรดาญาติก็อยากเห็นผู้หญิงที่การ์เนทเฝ้ารอมาตลอดสิบปีครับ" คำพูด
"นายทำอาหารเป็นด้วยเหรอการ์เนท""ก็พอเป็นบ้าง""ว้าว ทำข้าวต้มเป็นด้วยสินะ" ฉันมองข้าวต้มในหม้อที่กำลังเดือดได้ที่"ดูจากในเว็บมาครับ" คำตอบของเขาทำฉันหันไปมองด้วยความประหลาดใจ"ทำได้น่ากินขนาดนี้เลยเหรอ ฉันเป็นคนไทยแท้ ๆ ยังทำอะไรแบบนี้ไม่เป็นเลย เต็มที่ก็ไข่ดาว" ฉันนี่น่าขายหน้าจริง ๆ"ไม่ต้องทำหน้าเศร้าหรอก เดี๋ยวผมจะจ้างพ่อครัวตามความถนัดของอาหารแต่ละประเทศมาไว้บ้าน เผื่อพี่คิมอยากกินอาหารประเทศอื่น" สายตาที่แสดงออกมาคือเขาจะทำแบบนั้นจริง ๆ"ฉันว่าไม่ต้องทำอะไรแบบนั้นหรอกนะ" ฉันต้องหยุดเขาก่อนที่ทุกอย่างมันจะเกิดขึ้นจริง ๆ"เอาแบบนั้นเหรอครับ""เอาแบบนั้นดีแล้ว อย่าต้องให้มีพ่อครัวมากไปกว่านี้เลยนะ" แค่ตอนนี้ก็มากพอแล้ว"พี่คิมลองชิมมั้ย" การ์เนทใช้ช้อนตักข้าวต้มในหม้อขึ้นมาเป่า แล้วป้อนให้ฉัน"อื้อ~" ฉันแกล้งทำเสียงและกลอกตาไปมา"อร่อยมั้ย""อ่า~""...""อืม~""เดี๋ยวเททิ้งแล้วให้พ่อครับมาทำให้ใหม่แล้วกัน" การ์เนทปิดเตาแล้วทำทีจะยกหม้อไปเททิ้งจริง ๆ"เดี๋ยวสิ ขี้น้อยใจจังเลยนะ อร่อยมาก""ก็พี่คิมทำหน้าเหมือนไม่อร่อย" แค่ฉันแกล้งเล่นก็ทำลายความมั่นใจของเขาไปจนหมดเลยเหรอเนี่ย"อร่
ณ ห้องทำงานของคิมติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด~เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นพร้อมกับแสงหน้าจอปรากฏเป็นเบอร์แปลกที่โทร. เข้ามา มือเรียวเอื้อมไปกดรับสายพร้อมกับเปิดสปีกเกอร์โฟน"สวัสดีค่ะ"(คิม)เสียงจากปลายสายทำให้ฉันขมวดคิ้วแล้วมองเบอร์ที่ปรากฏบนหน้าจอ เบอร์ที่ไม่คุ้นตาแต่เรียกชื่อฉันเหมือนรู้จักกันมานาน เสียงปลายสายก็คุ้นหูพอสมควร"ใครพูดสายคะ" เพื่อความแน่ใจจึงเลือกที่จะถามออกไปเลย(โจเซฟ) ฉันว่าแล้วไง"มีเบอร์ฉันได้ยังไง" หากันง่ายเหลือเกินคนพวกนี้(ขอมาจากเพื่อนเก่าน่ะ) ฉันถอนหายใจใส่โทรศัพท์"แล้วโทร. มามีอะไร"(เธอทะเลาะกับเขาเรื่องที่เราไปกินข้าวกันใช่มั้ย)"รู้ไปแล้วได้อะไรขึ้นมา" ฉันเอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วมองตรงไปยังด้านหน้า(เราเป็นห่วง แล้วตอนนี้ดีกันหรือยัง)"ก็ปกติ"(...ก็ดีแล้ว) ปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า"โทร. มาถามแค่นี้ใช่มั้ย"(อย่าเพิ่งวางนะ คิมลืมไปหรือยังว่าวันนี้วันอะไร) วันอะไรงั้นเหรอ ฉันมองไปยังวันที่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์บนโต๊ะ"วันศุกร์" มีหวังตอบไปว่ารู้ก็คอขาดพอดี(ฮ่าฮ่า คิมลืมก็ไม่แปลกมันนานมาแล้วนี่...วันนี้วันเกิดเราเอง)"อ่อ งั้นเหรอ"(วันนี้วันเกิดเรา คิมมาหาเราได้ไหม) โจ
"เดี๋ยวฉันต้องไปส่งเคทที่บ้าน ส่วนเฮเลน สามีจะมารับ" ฉันยืนมองเพื่อนสาวสองคนที่นอนหลับอยู่บนโซฟา คนที่เมาหนักสุดน่าจะเป็นเคท"เคทเดี๋ยวมีคนมารับ" หลังจากคุยโทรศัพท์กับใครบางคนเสร็จเขาก็หันมาบอกฉัน"นายจะให้คนไปส่งเคทเหรอ เดี๋ยวฉันบอกที่อยู่ให้นะ""ไม่ต้องหรอก คนที่จะมารับรู้บ้านของเธอดี" การ์เนทดูมั่นใจมาก เขาส่งยิ้มให้ฉันและเดินไปสั่งงานกับคนของตัวเอง ฉันได้แต่ยืนมองเพื่อนสองคนที่เมาหลับไม่รู้เรื่องสองคนนี้ถือว่าเป็นคนที่ไปไหนไปกันเสมอ ขอให้ช่วยหรือทำอะไรก็ไม่เคยบ่น แม้แต่วันนี้เมาเละขนาดนี้ก็เพราะฉันไม่สามารถดื่มได้ ทั้งสองคนจึงจัดการให้เพื่อสร้างสถานการณ์ว่าฉันดื่มไปเยอะ"สามีคุณเฮเลนมาแล้วครับ" ลูกน้องของการ์เนทเดินเข้ามาบอกฉัน พร้อมกับสามีของเฮเลนเดินตามหลังเข้ามา"ขอโทษด้วยนะ" ฉันกล่าวขอโทษเมื่อสามีของเพื่อนสาวเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้า เขาส่งยิ้มให้ฉันและมองไปที่ภรรยาของตัวเอง"ไม่เป็นไร เฮเลนบอกแล้วว่าวันนี้ต้องมาทำอะไร" สามีของเฮเลนเข้าใจธรรมชาติของพวกเราจริง ๆ เขาเดินเข้าไปใกล้เธอและช้อนอุ้มเฮเลนไว้ในอ้อมแขน"ขับรถกลับดี ๆ นะ""ดีกับการ์เนทแล้วใช่มั้ย" ก่อนที่เขาจะเดินออกไปก