เจ้าของบ้านเปิดไฟสว่างตั้งแต่ตีห้าแต่เขาก็เลือกจะเปิดไฟที่ห้องชั้นล่างเพื่อที่จะให้ไม่รบกวนแขกสาวที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงนอนชั้นบน หลังจากที่เมื่อคืนปาลินนอนละเมอร้องไห้เสียอกเสียใจยกใหญ่เขาก็เลยต้องนั่งตบหลังเพื่อกล่อมให้เธอหลับสนิทอีกรอบ เพราะการที่ได้เห็นเธออยู่ในสภาพที่เหมือนมีเรื่องราวในใจที่เก็บกดไว้มานาน จนทำให้เก็บไปฝันร้าย เขาเองก็นอนไม่หลับ
กลิ่นกาแฟคั่วบดหอมกรุ่นลอยฟุ้งไปทั่วบ้าน ถึงแสงบนห้องนอนใต้หลังคานี้จะไม่สว่างแต่กลิ่นหอมของกาเฟอีนก็ปลุกให้ร่างกายที่หลับใหลตื่นตัว ปาลินลุกลงจากเตียงนอนแล้วเดินลงมาชั้นล่างเห็นแผ่นหลังกว้างที่อยู่ในชุดทำงานตั้งแต่เช้ามืด
"ตื่นเช้าจัง" เสียงเล็กทักขึ้นจากด้านหลัง พิรุณที่นั่งตรวจตารางานของเจ้านายประจำวันจึงได้รีบหันมาดู
"พี่ทำลินตื่นเหรอ" เขาว่าแล้ววางไอแพดลงแล้วตรงไปรินน้ำใส่แก้วปาลินจึงเดินตามไปเพราะกำลังรู้สึกว่าคอแห้งอยู่พอดี เธอรับน้ำมาดื่มจนหมดทุกหยดไม่มีเหลือ
"กินนี่ด้วย" เขาส่งขนมปังปิ้งทาแยมกับนมให้หนึ่งแก้ว ปาลินรับมาแล้วนั่งกินเงียบ ๆ มองอิริยาบถของเจ้าของบ้านที่เดินไปเดินมาจนเธอเริ่มตาลายแถมยังออกไปสั่งงานกับพวกชายชุดดำข้างนอก แล้วพวกชายในชุดสูทพวกนี้ก็มายืนตัวตรงรับเจ้านายตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างดี
พิรุณกลับเข้ามาในบ้านแล้วยืนเท้าสะเอวมองปาลินที่กำลังไถโทรศัพท์ของตนเองดูข้อความของพี่สาวที่กระหน่ำส่งเข้ามาจนเสียงแจ้งเตือนดังรัว ๆ ชายหนุ่มยื่นใบหน้าเข้ามาเกยไว้บนหัวไหล่เนียน ปาลินนั่งตัวแข็งยิ่งเขาเอาคางเกลี่ยไปเกลี่ยมาที่หัวไหล่เธอ มันก็ยิ่งชวนให้จั๊กจี้ไปหมดทุกส่วน
"เขาว่าไงบ้างล่ะ"
"พี่พุดถามว่าลินโดนกินตับไปหรือยัง ฮ่าฮ่า" ปาลินหัวเราะแห้งพิรุณตวัดมองแล้วกระตุกยิ้ม เอามือวางบนหัวของเธอ
"ก็อยากกินอยู่นะอยากรู้ว่าตับหวานหรือเปล่า" เขาแกล้งหยอกยิ้มกว้างจนเห็นเขี้ยว นี่เขาเพิ่งเคยยิ้มแบบนี้ให้เธอเป็นครั้งแรก สำหรับคนอื่นอาจมองว่าเขาปกติ แต่สำหรับเธอเขามันเหมือนพวกปีศาจอวตารมาอยู่ในร่างมนุษย์ซะมากกว่า เพราะเธอยังคงจำติดตาตอนที่เธอเคยฝึกงานแล้วโดนจับได้ว่าเธอรับค่าจ้างจากแม่เนตรขวัญเพื่อหาทางทำให้ครอบครัวเจ้านายของเขาแตกคอ เขาก็ขู่เธอด้วยเรื่อง จับโยนให้จระเข้บ้างล่ะ หรือไม่ก็จะเอาเธอไปทิ้งไว้ที่ป่าช้าบ้างล่ะ แล้วก็หนีบเธอไปไหนมาไหนด้วยพักนึงเพื่อคอยดูพฤติกรรม แต่หลังจากนั้นไม่นานเธอฝึกงานเสร็จก็ไม่ได้เจอเขาอีกจนกระทั่งตอนนี้
"คงไม่หวานมั้งคะ" เธอย้อนคำพูดเขา
"รู้ได้ไงว่าไม่หวานลินเคยชิมตัวเองดูเหรอ"
"ใครจะเคยชิมตัวเองล่ะคะ แปลกคน"
"นี่ก็จะหกโมงแล้วพี่จะพาเราไปบ้านก่อน อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจะได้ไปทำงานวันแรกด้วยกัน"
ตายแล้วลืมเรื่องทำงานที่บริษัทวันแรกไปซะสนิทเขาคงไม่หาว่าเธออู้งานตั้งแต่วันแรกหรอกนะ แต่เขาจะมาว่าเธอก็ไม่ได้เพราะเธอถูกแม่ส่งมาดูตัวหนำซ้าคนที่เธอต้องมาดูตัวดันเป็น พิรุณ ปรมะเมคินทร์ ใครมันจะไปคิดว่าคนที่มาดูตัวก็คือเลขาประธานบริษัทที่ตัวเองกำลังจะไปทำงาน ไหนเขายังเป็นพวกทายาทเจ้าพ่อคุมเลานจ์หรูหราบนตึกสูงนั่นอีก เรียกได้ว่าช็อกต่อเนื่องเรื่องนี้ยังไม่ทันซา ก็มีเรื่องใหม่เข้ามาทำให้ตกใจ
บ้านเรืองทรัพย์เรืองสุขรวยเว่อร์วัง
เวลาเห็นป้ายชื่อบ้านตัวเองทีไรก็รู้สึกกระดากอายนิดหน่อยแม่นะแม่ตั้งชื่อบ้านซะเป๊ปังอลังเว่อร์ตามที่ซินแสบอกทุกประการ ถ้าเกิดว่าซินแสให้เปลี่ยนเป็นรวยบ้าบอคอแตก แม่ก็คงเปลี่ยนทันทีโดยไม่คิด
"ขอบคุณค่ะ เอ่อ..ไปนั่งรอลินสักครู่นะคะ"
"ต่อให้เธอไม่บอกให้รอ ฉันก็รออยู่ดี" ปาลินรีบวิ่งปรู๊ดเข้าบ้านโดยที่แม่ของเธอเป็นฝ่ายรีบออกมาต้อนรับพิรุณที่กำลังยืนกอดอกสวมแว่นตาดำรออยู่ที่รถสีแสบตา
"เข้ามาในบ้านก่อนสิลูก"
พิรุณเดินเข้ามาตามคำเชิญแล้วยกมือสวัสดีว่าที่แม่ยายของตนเอง
"กินอะไรมาหรือยัง รับชากาแฟซาลาเปาหมั่นโถวหรืออะไรรองท้องระหว่างรอน้องก่อนไหม"
"ไม่เป็นไรครับผมกินมาเรียบร้อยแล้ว แต่มีเรื่องรบกวนจะถามคุณน้าสักหน่อย"
"เรียกแม่เถอะไม่ต้องเรียกแล้วน้า แล้วพ่อคุณจะถามอะไรแม่เหรอจ๊ะ เกี่ยวกับยัยลินหรือเปล่า"
"ใช่ครับ ผมอยากถามว่าลินละเมอร้องไห้บ่อยไหม พอดีเมื่อคืนลินละเมอกลางดึก"
เจ๊กัลยาย่นคิ้วติดกันรีบหยิบพัดหยิบยาดมมาบรรเทาอาการจิตตกที่แว่นพล่านเข้ามาในความคิดของเธอ หญิงสาววัยกลางคนทรุดตัวนั่งลงที่เก้าอี้ด้านข้างพิรุณ ทำหน้าโศกสลดครู่หนึ่งจึงวางพัดและยาดมลง
"สมัยเรียนยัยลินคบเพื่อนกลุ่มนึงที่มีนิสัยชอบเที่ยวกลางคืน ปาร์ตี้หนัก ด้วยความที่กลัวตัวเองจะไม่มีเพื่อน เพื่อนชวนไปไหนก็ไปกับเขา แต่วันนึงเพื่อนดันพาไปเที่ยวผับแล้วในผับก็มีห้องที่ไว้รอเชือดเหยื่อตัวน้อยที่ไม่ตาสีตาสา ซึ่งผับแห่งนั้นก็เป็นของรุ่นพี่ปีสี่คนนึงที่ชอบยัยลินของแม่มาก ด้วยความที่ยัยลินเพิ่งได้ตำแหน่งดาวคณะมา เลยเป็นที่ต้องตาต้องใจรุ่นพี่คนนั้นเป็นพิเศษ เพื่อนตัวดีทั้งหลายก็เลยหลอกยัยลินไปให้รุ่นพี่คนนั้น แต่โชคดีที่ยังมีเพื่อนบางคนกลับตัวกลับใจเลยโทรแจ้งตำรวจ ตอนนั้นยัยลินอยู่ในสภาพที่เสื้อผ้าฉีกขาด มีบาดแผลตามเนื้อตัว มีรอยฟกช้ำดำเขียวเต็มไปหมด หล้งจากนั้นบ้านเราก็เลยเคร่งครัดชีวิตของยัยลินมากขึ้น เราทุกคนไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นอีก เพราะสภาพจิตใจของยัยลินกว่าจะกลับมาเป็นปกติได้ก็ต้องใช้เวลาพอสมควร คุณพิรุณได้ฟังแล้วรู้สึกยังไงบ้างล่ะ คงไม่ได้รังเกียจลูกแม่หรอกนะ แต่น้องน่ะยังไม่ได้โดนมันทำอะไรเกินเลยเพราะขัดขืนและสู้สุดชีวิตจึงได้โดนมันซ้อมจนน่วม และนั่นจึงเป็นสาเหุตที่ว่าทำไมยัยลินละเมอร้องไห้กลางดึก"
ดวงหน้าขาวคมกัดฟันกรอดระงับความโกรธสุดขีดที่กำลังก่อตัวขึ้น เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าปาลินของเขาจะเคยพบเจอเรื่องเลวร้ายพรรค์นั้นมาก่อน "แล้วรุ่นพี่คนนั้นมันได้รับบทลงโทษยังไงบ้างครับคุณแม่"
"โถจะได้รับอะไรล่ะ ทุกวันนี้ยังลอยหน้าลอยตาอยู่เลย บางทีเธออาจจะรู้จักดีก็ได้"
"ใครครับ"
"ชนะศร ภพนคร ลูกชายเสี่ยชาวีเจ้าของบริษัทผลิตยาเครื่องมือแพทย์รายใหญ่"
หลังจากที่ได้รู้ชื่อเสียงเรียงนามของคนที่มันเคยทำร้ายปาลิน ภายในใจของเขามันก็เต็มความคลั่งแค้นทั้งที่เขาพยายามจะถนอมปาลินให้ดีที่สุด แต่มันเป็นใครบังอาจมาเหยียบย่ำหัวใจของเด็กสาวคนนี้ ต่อให้เขาเจอมันก่อนหรือหลังเขาจะไม่ปล่อยให้ไอ้คนระยำต่ำทรามอยู่ดีมีสุขโดยที่ไม่ได้รับบทลงโทษอะไร และเขานี่ล่ะที่จะมอบบทเรียนให้มันเอง
"ตอนเย็นพี่จะให้คนมารับเธอ พี่มีธุระก็เลยอาจจะมารับไม่ได้"ปาลินชำเลืองมองหน้าของคนขับที่มีสีหน้าแววตาเคร่งขรึมและขึงขังแปลก ๆ หรือว่าเขากำลังหงุดหงิดเรื่องอะไรอยู่อีกแล้ว เวลาหงุดหงิดทีไรมันก็ออกทางสีหน้าอันแสนเย็นชาเหมือนน้ำแข็งของเขาทุกที"โมโหใครมาเหรอคะ"พิรุณกัดฟันจนเห็นสันกรามเป็นรูปเด่นชัด มือที่จับพวงมาลัยอยู่นั้นบีบแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดขึ้นมาตามหลังมือ"หรือว่าโมโหอะไรลินหรือเปล่า ลินทำอะไรไม่ถูกใจเหรอคะ" นัยน์ตาเรียวรีบตวัดมองแล้วดันแผ่นหลังของปาลินเข้ามากอด จมูกโด่งกดแนบไว้กับซอกคอ เขาโกรธเขาเกลียดคนที่ทำกับปาลินยัยเด็กม้าดีดกะโหลกคนนี้ของเขา ถ้าเจ๊กัลยาไม่เปิดปากเล่าเขาคงไม่มีวันรู้ว่าเคยเกิดเรื่องร้ายกับปาลินเพราะไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรมือน้อยจึงได้ตัดสินใจเอื้อมไปโอบกอดเขาหวังปลอบโยน เปลือกตาที่หลับพริ้มซุกอยู่กับคออุ่นเปิดออกแล้วดันตัวของปาลินให้มองหน้าของเขาตรง ๆ"โมโหคนอื่น ไม่ได้โมโหลิน เจอกันตอนมื้อค่ำพี่ขออนุญาตแม่ลินเรียบร้อยแล้ว ไปกินข้าวที่บ้านพี่นะพี่จะเตรียมของอร่อยไว้ให้" ทำไมเขาดันกลายเป็นคนอบอุ่นละมุนจนหัวใจเธอฟูฟ่องไปหมด หรือว่าผีห่าซาตานจะกลับขุมนรกไปแล้ว
เจ้าของบ้านยืนเท้าสะเอวมองว่าที่ภรรยาตั้งแต่หัวจรดเท้า คนที่สำรวจมองจึงไม่รู้จะทำตัวยังไงได้แต่อมยิ้มแห้ง ๆ ส่งให้แล้วรีบสับขาเดินขึ้นไปชั้นบน "ราตรีสวัสดิ์ค่ะ" หมับ! ข้อมือของเธอถูกยึดจับแน่น พิรุณออกแรงกระชากนิดเดียว ปาลินก็เซถลาเข้ามาอยู่ในวงแขนให้เขารวบกอดได้พอดี"ทำอะไรคะ..คือ ยังไม่ได้ปิดม่านเลยนะคะ""แค่กอดเองต้องปิดม่านด้วยเหรอ อ้อ...ลินอยากให้พี่ทำมากกว่านั้นใช่ไหม ได้" ว่าจบรีโมทในกระเป๋ากางเกงของเขาก็ถูกล้วงออกมาแล้วจัดการกดให้ผ้าม่านรอบตัวบ้านเคลื่อนตัวปิดจนไม่เห็นสิ่งใดข้างนอกอีก"พกรีโมทม่านตอนนอนด้วยเหรอคะ""เพิ่งคิดจะพกก็ตอนที่ลินเธอมาอยู่ด้วย""แปลกดีเนอะ เอ่อ...พี่กอดเสร็จแล้วปล่อยได้หรือยังคะ พรุ่งนี้ลินต้องทำงานนะคะ""พรุ่งนี้วันเสาร์นะเธอจะไปทำงานล่วงเวลาเหรอ ขยันเกินไปหน่อยไหม""เอ้าเหรอคะสงสัยจะหลงวันซะแล้ว""ไหน ๆ พรุ่งนี้ก็วันหยุดคืนนี้ก็มาหาไรทำกันดีกว่า""เล่นเกมกันไหมคะลินเล่นเก่งมากเลยนะ" "พี่ชอบเกมกายกรรมมากกว่า" พิรุณพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังประทับริมฝีปากลงไปยังหน้าผากมน หัวใจของปาลินเต้นตึกตักเหมือนกับจะหลุดกระเด็นออกมา มือสองข้างที่โอบกอดเอวเล็กเคลื่อ
รสจูบของพิรุณทำให้ร่างเล็กหนาววูบวาบทั้งที่อากาศประเทศไทยร้อนเกือบ 40 องศา แถมภายในบ้านของเขาก็ไม่ได้หนาวจัดหากเทียบกับเวลานี้ ปลายลิ้นที่ควานหาอะไรสักอย่างในปากเธอมันจวนเจียนทำให้หูตาสมองของเธอวิ่งไปกองรวมกันจนจับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่รู้แม้กระทั่งว่าตอนนี้ตัวเองได้ถูกเขารวบอุ้มมาวางบนเตียงนอนที่ห้องใต้หลังคาตั้งแต่เมื่อไหร่กว่าสำนึกทั้งหลายจะตื่นรู้ก็เป็นต้นที่กางเกงขายาวของเธอถูกรูดถอดออกไปจากขาเสียแล้ว ปาลินรีบบีบขาของตัวเองเข้าหากันมือสองข้างกำขนานปิดทรวงอกคัพซีพอดีตัวของตน ยามที่นัยน์ตาเรียวคมตวัดกราดมองทุกสัดส่วนของเธอราวกับมันเป็นงานศิลป์ราคาแพงพิรุณเห็นชัดเจนว่ายัยตัวแสบของเขากำลังตัวสั่น และเป็นอาการสั่นที่เขาไม่เคยเห็นจากไหนมาก่อน หรือเป็นเพราะปมในใจที่ฝังกลบอยู่ข้างในตัวของปาลินที่สั่งการให้ร่างกายนี้เกร็งและดูหวาดหวั่นมากกว่าคนทั่วไป "มีอะไรคะ" ดวงหน้าเล็กที่เอียงอายไม่กล้าสบตาเอ่ยถามขึ้นมาอย่างสงสัย "พี่ขอถามคำถามสุดท้ายไอ้เลวนั่นมันทำอะไรกับลินบ้าง ลินถึงสั่นขนาดนี้" ปาลินถัดกายขึ้นพิงพนักเตียงแล้วถึงผ้าห่มขึ้นมาปิดท่อนบนของตัวก่อนจะทำใจยอมเล่าเรื่องสมัยก่อนให้พิรุณฟั
มือเล็กวางทาบลงบนผิวแก้วของพิรุณเลื่อนจับใบหูที่สวมต่างหูสีเงินทรงกรวยข้างเดียวชายหนุ่มยกยิ้มกับอิริยาบถที่อ่อนโยนของปาลินทั้งที่ปกติแทบจะยียวนกวนประสาทใส่เขาอยู่ตลอดเวลา แต่เวลานี้ลูกสาวคนเล็กของเจ๊กัลยาที่เขาเห็นมาตั้งแต่เรียมหาลัยเป็นสาวสะพรั่งเต็มตัวแล้วและกำลังจะเป็นภรรยาของเขาอีกด้วย "ลิน" เสียงกระซิบเรียกชื่อเธอแผ่วเบาพลางจรดริมฝีปากลงมาบนไหปลาร้านิ้วชี้ที่สวมหัวแหวนสลักชื่อรูปตัว R กรีดไล้ลงมาที่เนินอกเต่งปาลินหลับตาพริ้ม "มองพี่" เพราะเขาสั่งให้เธอมองเธอจึงต้องปรือตาขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าเนื้อปากที่มีสีคล้ายกับเนื้อแซลมอลส้มอ่อนกำลังจ่อค้างอยู่ที่ยอดถันของเธอ"พี่เรน" ปาลินกัดริมฝีปากเด็กสาวคนนี้ช่างไม่รู้อะไรเอาซะเลยว่าการกระทำเช่นนี้ยิ่งเป็นการปลุกเร้าอะดรีนาลีนที่คุกกรุ่นอยู่ในกายให้เดือดจนถึงขีดสุด และนั่นจึงกระตุ้นให้ปากสีสวยของเขาประกบดูดลงมาที่ยอดอกชูชันของปาลินในทันที"อื้อ...พี่เรน" เจ้าของทรวงอกอิ่นแอ่นต้านปากและชิวหาที่ร้อนชุ่ม เธอรู้สึกได้ชัดเจนเลยว่าลิ้นของเขากำลังเขี่ยตุ่มไตของเธอบางจังหวะก็ขบลงมาที่ป้านวงกลม บางครั้งก็ดูดทึ้งจนตัวของเธอแทบจะสิ้นสติ มือนุ่มตะ
ใบหน้าขาวที่กำลังหมกหมุ่นอยู่กับกลีบกุหลาบกลางลำตัวของปาลินรู้สึกร้อนผ่าวและซ่าบซ่านไม่ต่างกับเรือนร่างที่อ่อนไหว ทั้งที่เขามักจะเป็นฝ่ายถูกปรนเปรอจากสาวน้อยสาวใหญ่มากหน้าหลายตา แต่ก็ไม่มีใครสักคนที่จะทำให้เขาหนาวที่หน้าขาได้เท่ากับเธอคนนี้ แต่ก่อนเขาเคยเกลียดขี้หน้าเด็กคนนี้จนแทบคลั่ง เขาโคตรไม่ชอบเลยที่เธอพยายามอ่อยผู้ที่เป็นเหมือนพี่ชายผู้มีพระคุณหนึ่งเดียวของเขา ทว่าเมื่อได้รับรู้เรื่องราวที่ทำให้เด็กสาวเป็นคนร้าย ๆ แรง ๆ นั่นก็เพราะเธอกำลังสร้างกำแพงขึ้นมาปกป้องตัวเอง แต่นับจากนี้ต่อไปเขาจะเป็นคนทุบกำแพงนั่นให้ละเอียด และไม่ว่าใครก็ตามที่หวังจะเข้ามาแตะต้องผู้หญิงคนนี้ เขาจะสนองคืนให้เป็นร้อยเท่าพันเท่าชิวหาแดงที่จ้วงแหย่อย่างเอาเป็นเอาตายกวาดต้อนน้ำผึ้งรสเลิศออกมาจากภายในของปาลินอย่างไม่มีหยุดพัก ขณะดวงหน้าแดงระเรื่อกำลังแหงนหงายขบเม้มข่มอารมณ์ที่สุดสยิวนี้ไว้อย่างทรมาน"พี่เรน...อ๊า" พิรุณออกแรงดูดกลืนครั้งสุดท้ายลงไปที่ปุ่มกระสันครานั้นร่างที่ส่ายบิดเร่าก็กระตุกแอ่นเกร็งค้างนิ่ง ปาลินหลับตาพริ้มหายใจกระชั้น มุมปากกระจับของเขายกขึ้นพร้อมคร่อมตัวลงมามองดูดวงหน้าที่กำลังปรือมอง
ตลาดเรืองทรัยพ์999สายตานับสิบนับร้อยกวาดมองลูกสาวเจ้าของตลาดปากแจ๋วอย่างเจ๊กัลยาที่เดินมาพร้อมกับลูกชายสุดหล่อเพียงหนึ่งเดียวของเจ้าสัวเทิดวิช พิรุณที่อยู่ในชุดเสื้อยืดสีดำสวมหมวกแก๊ปเหล่มองหน้าแฟนสาวที่กำลังเดินตัวเกร็งอย่างสงสัย"เป็นอะไรลิน""ก็ดูพวกแม่ค้าสิคะมองลินอย่างกับเป็นตัวประหลาด เพราะว่าวันนี้ลินดันมากับพี่เรน" พิรุณกวาดสายตาเย็นชาส่งให้ทุกคนพลันใดเหล่าแม่ค้าแม่ขายก็หลุบตาต่ำทำเป็นขายของโดยไม่หันมาสนใจปาลินอีก"ไม่มองแล้วเห็นไหม"ปาลินอมยิ้มสงสัยพวกแม่ค้าในตลาดของเธอคงจะเจอรังสีอำมหิตของพี่เรนสาดส่องใส่เข้าให้แล้ว"หนูลิน ขนมครกไหมลูกป้าทำเสร็จกำลังร้อน ๆ ของโปรดหนูนี่"ร้านขนมครกเจ้าประจำของปาลินกวักมือเรียกลูกสาวเจ้าของตลาดเข้าไปแล้วส่งถุงขนมครกให้พร้อมกับทำหน้าขนมครกที่เธอชอบไว้ให้ได้อย่างตรงเป๊ะถูกใจ"เท่าไหร่ครับ" ปาลินที่กำลังควักเหรียญออกมาจากกระเป๋าชะงักงัน"20 บาทจ้ะ"พิรุณส่งแบงค์ยี่สิบให้แม่ค้าขนมครกแล้วจูงมือปาลินไปดูของกินร้านอื่น ทั้งสองเดินเลือกซื้อของกินจนเยอะแยะแถมปาลินยังซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งไปฝากลูกน้องของแฟนหนุ่มจนครบคนชายหนุ่มฉีกยิ้มเห็นเขี้ยวขาวเมื่
Crazy Rain Lounge & Barชั้น 29 ของตึกสูงแห่งนี้เป็นสถานที่รวมพลของคนรักอาหารรสเลิศหรูราคาแพงและวิวหลักล้าน เลานจ์แห่งนี้ถูกก่อตั้งขึ้นได้เพียงห้าปีเท่านั้นแต่กลับโด่งดังจนเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ด้วยการบริหารงานที่เฉียบคมและเก่งกาจชนิดหาตัวจับยากของพิรุณ ปรมะเมคินทร์ที่ปกติเขาจะเป็นคนนั่งไม่ติดมักจะท่องเที่ยวและเช็คอินต่างประเทศอยู่บ่อยครั้งจนภายหลังเขาได้ตัดสินใจมาทำงานเป็นเลขาให้อธิกะ ชีวิตที่เคยเร่ร่อนไร้จุดหมายก็หยุดลงและตอนนี้ก็จอดสนิทที่ปาลิน หาญหิรัญเพียงคนเดียวแถมยังเป็นการจอดที่ทำให้เขามีความสุขที่สุดในชีวิต เพราะเขาได้เลือกแล้วว่าผู้หญิงคนนี้แหละที่จะเป็นแม่ของลูก ๆ"พี่เรนมันต้องขนาดนี้เลยเหรอคะ" ปาลินกางแขนกว้างขณะยืนอยู่ในลิฟต์ที่พาเธอขึ้นไปชั้นยี่สิบเก้าให้พิรุณดูเสื้อสูทสีดำตัวใหญ่โคร่งของเขาที่สวมทับชุดเดรสสยิวที่เขาซื้อมาให้เธอใส่ซึ่งยาวจนปิดหัวเข่าของเธอ แถมเขายังให้เธอใส่รองเท้าผ้าใบมาแทนที่จะได้ใส่รองเท้าส้นสูงสวยเดินสับ ๆ ควงแฟนหนุ่มได้อย่างไม่อายใคร กลายเป็นว่าตอนนี้ตัวเธอนั้นไม่ต่างกับเด็กกะโปโลยังไม่รู้จักโตเลยสักนิด"พี่หวงของพี่นินาแล้วลินก็มีแต่เสื้อยืดกางเ
แสงของรุ่งอรุณสาดส่องสว่างทั่วทั้งบ้านปลุกเรียกให้คนที่เพิ่งสร่างเมาฟื้นขึ้นปาลินขยี้ดวงตาที่แห้งตึงหรี่มองภาพเบื้องหน้าพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงของพิรุณ แถมยังสวมเสื้อฮู้ดตัวใหญ่โคร่งของเขาทับไว้อีกชั้น"ตื่นแล้วแล้วเหรอ หิวหรือยัง" ใบหน้าขาวที่เพิ่งเซทผมเปิดจนเห็นกรอบหน้าเรียวยาวและเสื้อเชิ้ตสีกรมที่ยังไม่ได้กลัดกระดุมนั่นก็ทำให้เห็นหัวนมชมพูวับแวมออกมา ลำคอเล็กรู้สึกแห้งผากจนต้องกลืนน้ำลายลงคอ วันนี้พี่เรนของเธอทำไมถึงหล่อละลายได้ขนาดนี้ หล่อจนเธอคิดไปถึงเรื่องใต้สะดือตั้งแต่ไก่โห่ ยัยลินเอ้ยแกนี่มันยัยหื่นขนานแท้"หิวค่ะ" ปาลินอมยิ้มพิรุณทรุดนั่งลงข้างเธอแล้วเกลี่ยผมที่ยุ่งเหยิงปรกใบหน้าเล็กได้ชัดเจน"พี่ทำ American breakfast ไว้ให้ หิวก็ลงไปกินได้เลยวันนี้พี่ต้องไปต่างจังหวัดคงจะกลับมาดึก พี่มีงานของบริษัทที่ต้องไปเจรจาแทนบอส เพราะบอสธิติดประชุมพี่ในฐานะเลขาพี่เลยต้องไปจัดการเอง ตอนเย็นพี่จะให้คนมารับลินกลับบ้านนะครับ อยากกินอะไรก็บอกไอ้สองตัวข้างนอกนั่น" ปาลินมองตามสายตาของพิรุณที่ตวัดออกไปหาชายในชุดสูทดำสองคนที่โค้งคำนับส่งให้เธอ"พวกเขาชื่ออะไรเหรอคะ""คิง กับ กั้ง เป็นอีกสอ
1 ปี 8 เดือน ผ่านไป (ไวเหมือนว๊าปมา)"โอ๊ย!.....อย่าดึงสิหมื่น พี่เจ็บนะ ก็บอกว่าอย่าดึงไงเล่า" พราวมนต์ยื้อยุดเส้นผมบนหัวของตนคืนจากน้องชายคนสุดท้องของบ้านที่กำลังกำทึ้งผมเธอเอาไว้เป็นกำใหญ่ ดึงไปซ้ายทีขวาทีจนพี่สาวเจ็บจนหน้าเบี้ยว"หมื่นหล้าครับปล่อยผมพี่มนต์ก่อนสิลูก พี่เจ็บจะแย่แล้ว ถือว่าแม่ขอนะครับ" ปาลินที่เพิ่งจะทำเมนูโปรดของสามแสบเสร็จปรี่เข้ามาแกะมือน้อยของลูกชายวัยหนึ่งขวบห้าเดือนออกจากหัวของลูกสาวคนโต"หม่ำหม่ำ....แฮ่!! แฮ่!!" เจ้าหนูชูมือขึ้นสูงชี้มือไปยังโต๊ะกินข้าวแล้วทำหน้าขู่เลียนแบบโอเลี้ยง"มะม๊าหมื่นขู่ทำไมคะ" พราวมนต์ที่ได้หัวคืนจากน้องชายรีบจัดทรงผมให้เข้าที่เข้าทาง"สงสัยจะติดมาจากหมามั้งลูก เอ้....มะม๊าก็เพิ่งจะเห็นว่าหมื่นขู่" ปาลินเกาหัวแกรก ๆ"ทุกคนปะป๊ากลับมาแล้วคร้าบบบบ แล้วปะป๊าก็ซื้อขนมมาเยอะแยะเลยด้วย" พิรุณเดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับถุงขนมมากมาย ทันใดที่เห็นคุณพ่อหมื่นหล้าตัวร้ายก็ปีนลงจากโซฟารีบเดินเตาะแตะเข้าไปกอดขาของชายหนุ่มด้วยความดีใจ"ป้าป้าาาาา ปะป้าาา ปุ้งปุ้ง"แป๊ดดดดด~กลิ่นและเสียงแสนเหม็นเขียวคละคลุ้งไปทั่วทั้งบ้าน"อุแว้ก!" กลเมฆที่นั่งอ่านห
บ้านปรมะเมคินทร์ฝ่ายใต้พิรุณทำตามสัญญาของปู่พงศกรที่ต้องการให้พาลูกสาวและลูกชายฝาแฝดของเขามาประทับลายนิ้วมือเพื่อเป็นผู้นำคนใหม่ รวมทั้งเปิดรายละเอียดต่าง ๆ ให้หลานชายและหลานสะใภ้ได้รับรู้พร้อมกันว่า พราวมนต์กับกลเมฆมีสิทธิ์มีส่วนในทรัพย์สินใดของตระกูล"มาลูกนั่งตรงนี้ประทับนิ้วลงไปเลยทั้งสองคน" ทนายกริช ทนายประจำตระกูลจับนิ้วโป้งของแฝดผู้พี่ลงมาบนตลับหมึกแล้วทาบนิ้วเล็กลงไปบนแผ่นกระดาษ แล้วจึงจับนิ้วของกลเมฆลงมาประทับอีกครั้งเป็นอันเสร็จสิ้น"เรียบร้อยครับ นายน้อยทั้งสองจะได้รับมรดกเป็นบ้านหลังนี้ บริษัทและธุรกิจทั้งหมดในเครือ PMK Group ทั้งหมด แล้วที่เหลือก็ยกให้เป็นการตัดสินใจในอนาคตอีกทีครับ เพราะตอนนี้คุณหนูแฝดยังเด็กด้วยกันทั้งคู่" ทนายรุ่นลุงกล่าว"คุณปู่ขา มนต์ไปเล่นกับหมาสีดำตัวนั้นได้ไหมคะ" พราวมนต์ชี้ไปยังลูกสุนัขลาบราดอร์สีดำวัยกำลังซุกซนที่ดาเนียหลานสาวเอามาแบ่งให้ช่วยกันเลี้ยง"ตามสบายเลยลูก เจ้าเปียกปูนมันไม่ดุหรอกใจดีมาก ๆ" ผู้เฒ่าวัยย่างเก้าสิบเอ่ยพลางลูบหัวเหลนสาว"โอเคค่า...ไปเร็วเมฆไปเล่นกับเปียกปูนกันเถอะ" แฝดผู้พี่ที่มีแววเป็นมังกรสาวที่จะกุมอำนาจของปรมะเมคินทร์
เพียงแค่ถูกเล้าโลมที่กึ่งกลางลำตัวสะโพกผายก็แอ่นร่อนบิดส่ายจนสติพร่าเลือน ไม่รู่ว่าคุณย่าดาหลา ย่าของสามีเอายาสูตรไหนมาให้เธอกับพี่เรนกิน มันถึงได้ร้อนสลับหนาวจนใจว้าวุ่นไปหมดยิ่งไปกว่านั้นพี่เรนของเธอก็ไม่มีท่าทีจะให้ค่ำคืนนี้จบลงง่าย ๆ ยังคงยืนหยัดยึดปณิธานอันแรงกล้าว่าจะปั๊มลูกคนที่สามให้สำเร็จ หรือสามีตกลงเงื่อนไขสำคัญข้อใดกับเถ้าแก่พงศกรและย่าดาหลา ถึงได้อุตสาหะและมานะต่อการสร้างผลผลิตอันน่ารักนี้ซะเหลือเกินสำหรับเธอที่ต้องทำหน้าที่แม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยอยู่บ้างที่จะต้องแบกท้องไปอีกเก้าเดือน ทว่าเมื่อคิดถึงความรัก ความภักดี และความซื่อสัตย์ที่ตราตรึงอยู่ภายในใจ ก็ไม่มีเหตุผลใดมาหักล้างความดีของพี่เรนได้เลยสักข้อ มีแต่ความยินยอม ความเต็มใจทุ่มและเทให้เขาไปแทบทั้งสิ้น"ตัวเล็กเงียบทำไม ลินครับเป็นลมหรือเปล่า" ชายหนุ่มยอดรามือจากกลีบเนื้อที่ฉ่ำวาวแล้วลุกขึ้นประคองแผ่นหลังเล็กขึ้นมาโอบอุ้มในวงแขนกว้าง"เปล่าค่ะแค่คิดอะไรเพลินไปหน่อย" ยิ้มแฉ่งแล้วซุกหัวแนบกับแผงอกขาวเนียน ปลายนิ้วชี้เขี่ยไปที่ตุ่มไตสีชมพูเพื่อแหย่เล่น"อยากกินนมพี่ก็ไม่บอก""อยากกินพี่เรนทั้งตัวเลยต่างหาก" คล้องวงแขน
พิรุณยืนเป่าผมในห้องน้ำอยู่นานกระทั่งได้ยินเสียงเคาะประตูแบบทุบรัว ๆ เหมือนกับมีเรื่องคอขาดบาดตายที่ด้านนอก เขาหยุดเป่าผมและเปิดประตูออกไป ไม่ทันไรก็ถูกกระชากเข้าไปหา ฝ่ามือนุ่มที่รุ่มร้อนพันเลื้อยสอดเข้ามาใต้กางเกงนอนรั้งบั้นท้ายแน่นให้เบียดกับเนื้อตัวที่กำลังครางอยู่ในลำคอ"อื้ม....พี่เรนขา พี่เรนหล่อจังเลย""ห๊า....จู่ ๆ ก็ชม" ชายหนุ่มเหลือบมองบริเวณรอบบ้านให้แน่ใจว่าบรรยากาศข้างนอกเงียบสงัด ไร้ผู้คนพลุกพล่านแน่ชัด เขาจะได้เสพสุขทุกซอกทุกมุมของบ้าน และทุกซอกทุกตารางนิ้วของปาลินที่โหยหามาตลอดหนึ่งเดือน"พี่เรนลินร้อนวูบวาบแปลก ๆ พี่เรนช่วยลินหน่อยสิคะ" มือไม้ที่ล้วงไปกุมซันนี่ของเขาเคลื่อนออกมาเลื่อนขึ้นมาถึงหน้าอกที่เปลือยเปล่า หรือนี่จะเป็นเพราะยาสมุนไพรจีนม้าศึกฉบับสามก๊กของคุณย่า แม่ตัวเล็กถึงได้คึกคักถึงเพียงนี้"ก็ลินกินยานั่นไปเยอะ" รวบยกบั้นท้ายนุ่มขึ้นแล้วหย่อนลงข้างอ่างล้างมือที่มีจานเลมอนสีเหลืองกับเมลอนสองลูกวางอยู่"มันคือยาอะไรเหรอคะ.....อ๊า" กระดุมเสื้อนอนถูกปลดออกจนถึงเม็ดสุดท้ายอย่างว่องไว ปากที่ไร้ความอดกลั้นก็ตะโบมดูดลงมารวดเร็วไม่แพ้กัน ยอดถันออกสีแดงเหมือนเม็ดเก
ขบวนขันหมากจัดขึ้นที่บ้านหลังใหม่เอี่ยมของพิรุณและปาลิน เจ้าบ่าวหน้าตาหลอเหลายิ้มแย้มแจ่มใสขณะที่เดินมาพร้อมกับเครือญาติของปรมะเมคินทร์เกือบสามสิบชีวิต พิรุณในชุดสูทสีครีมแบบเป็นทางการเดินถือพานธูปเทียนแพ โดยมีเจ้าสัวเทิดวิช คุณเพชรไพร พ่อแม่ของเขาที่กลับมารักกันหวานชื่นในรอบยี่สิบปีคอยเดินขนาบข้างลูกชายไปพร้อมกันด้านหลังมีลุงโทนธรรมเดินฉีกยิ้มกว้าง มาพร้อมกับลูกเขยที่ยังไม่ได้ตบแต่งเข้าบ้านของเขาอย่างสุริยะ อัครภูรินทร์เดินถือพานขันหมากเอก และมีหมอเอลวินถือขันหมากโท ตามด้วยเหล่าเพื่อน ๆ ในกลุ่มเดอะเซฟเฟอะเช่นพนาธีร์ ผอ.ทัพฟ้า และท่านชายภูวสินคอยช่วยถือพานแหวนหมั้น คู่พานสินสอด ร่วมเดินในขบวนขันหมากในฐานะเพื่อนเจ้าบ่าวคุณพ่อที่เป็นเจ้าบ่าวเดินเข้ามาถึงบริเวณหน้าบ้านเพื่อสู่ขอคุณแม่คนสวยของพราวมนต์กับกล พิรุณเมฆชะงักฝีเท้าในทันใดเมื่อลูกแฝดทั้งสองยืนเคียงข้างดาเนียและผิงผิงที่กำลังทำหน้าที่กั้นประตูเงินประตูทองตรงหน้าปากทางเข้าบ้านหลายร้อยเมตร เขาเห็นด่านกั้นเกือบหกเจ็ดด่านยาวไปถึงตัวบ้านด้านในสุดก็รู้สึกนึกขำขันในใจว่าเมียจ๋าคิดจะทดสอบผัวคนนี้ให้หอบรับประทานกันไปข้างหนึ่งเลยใช่ไหม"พ
"ฮ่าฮ่า คุณจะบอกว่าคุณเป็นคนดีงั้นสิ" นภาธรขำเสียงดังด้วยความสะใจแล้วควักปืนออกมาเล็งมาที่หน้าของพิรุณโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว ลูกน้องทั้งสองฝ่ายรีบชักกระบอกปืนขึ้นมาจ่อไปยังฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่มีใครยอมใคร"ไม่มีใครอยากบอกว่าตัวเองเลวหรอกค่ะ แหม...โชคดีจังที่เธอเสนอหน้ามาร่วมงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ เพราะฉันจะได้ไม่ต้องกลับไปจัดการที่กรุงเทพ ยังไงก็ขอบคุณนะที่เธอมา" กล่าวขึ้นอย่างเยาะเย้ยแล้วกดปลายกระบอกปืนแนบกับขมับหนึ่งข้าง สาวในชุดเดรสปาดไหล่สีแดงก้าวขาขึ้นมายืนเบื้องหน้าของนภาธร"ก....แกนังปาลิน!" นภาธรชะงักตัวแข็งทื่อขณะที่กลุ่มบอดี้การ์ดสาวจากจีโพรเทคชั่นที่เถ้าแก่พงศกรยกให้หลานสะใภ้ไปดูแลในฐานะผู้บริหารคนใหม่ ต่างล้อมวงเข้ามายืนซ้อนหลังลูกน้องของนภาธรและล็อกใส่กุญแจมือด้วยความรวดเร็วจนไม่มีไหวตัวทัน"หนีไปก็เท่านั้น อีกไม่กี่นาทีตำรวจก็จะมาถึงแล้ว และครั้งนี้อย่าคิดว่าตำรวจที่นี่จะกลายเป็นคนของเธออีก อย่าคิดว่าคนอย่างเธอจะเล่นพรรคเล่นพวกได้อยู่คนเดียวนะ เพราะฉันก็ทำได้เหมือนกัน"กรี๊ด!!!"ปล่อยฉันนะนังลิน แกไอ้พวกลูกกระจ๊อกโทรหาพ่อกูสิ พวกมึงจะยืนค้างอยู่ทำไม โทรสิวะ!"เพียะ!!หลังมื
Viola Valley Vineyard ไร่องุ่นวิโอล่าของคุณแม่เพชรไพร หรือคุณย่าสุดสวยของพราวมนต์กับกลเมฆได้ตกลงปลงใจที่จะแต่งงานกับเจ้าสัวเทิดวิชที่หย่าร้างกันไปเกือบยี่สิบปีอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่งานแต่งของลูกชายกับลูกสะใภ้จะถูกจัดขึ้นในสิ้นเดือนนี้ในงานเลี้ยงแต่งมีแขกเหรื่อและญาติสนิททั้งสองฝ่ายของคุณเพชรไพร กับ เจ้าสัวเทิดวิชมาร่วมงานถึงงานไม่เอิกเริกมากแต่ก็อบอุ่นและเป็นกันเองพิรุณจับมือปาลินเดินเข้ามาแสดงความยินดีกับพ่อแม่และทั้งสองข้างของพวกเขาก็มีพราวมนต์กับกลเมฆเดินจับมือมาร่วมงานของปู่กับย่าด้วยเช่นกัน"คุณย่าขามนต์ทำการ์ดสวย ๆ มาให้คุณปู่กับคุณย่าค่ะ" เจ้าสัวเทิดวิชรับการ์ดฝีมือการวาดรูปของหลานสาวแล้วอุ้มเด็กน้อยวัยห้าขวบขึ้นมาประคองในอ้อมแขน ฝังจมูกลงมาที่แก้มพอง ๆ เหมือนปลาทองของหลานสาว"น่ารักที่สุดเลยหลานปู่ แล้วกลเมฆล่ะลูกมีอะไรให้ปู่กับย่าบ้าง" กลเมฆส่ายหัวแล้วตะครุบกอดขาปู่กับย่าคนละข้าง"เมฆมีแต่ความรักให้ครับ ไม่มีของอะไรให้คุณปู่กับคุณย่าเลย" ย่าเพชรไพรในชุดราตรีสวยสีขาวทรุดตัวลงกุมหน้าเล็กของหลานชายสุดหล่อที่มีนิสัยอ่อนโยนเหมือนกับปาลิน"มีแค่ความรักก็พอแล้วค่ะน้องเมฆ" คุณย่าคน
บ้านปรมะเมคินทร์ฝ่ายใต้ปาลินในชุดเดรสสีดำปักคริสคัลพริบพราวไปทั้งตัวยืนงงอยู่หน้าป้ายทองคำที่แขวนอยู่ปากทางเข้าบ้านหลังมหึมาที่ฉลุตัวอักษรว่า "บ้านปรมะเมคินทร์ฝ่ายใต้" รอบบริเวณบ้านเต็มด้วยแสงไฟประดับต้นไม้ มีโต๊ะและของกินจัดวางตามมุมของงาน ทว่างานเลี้ยงแห่งนี้กลับเต็มด้วยผู้คนหน้าตาโหด ๆ กับพวกคุณหญิงคุณนายที่ดูไม่ค่อยเป็นมิตรสักเท่าไหร่ การแต่งกายของทุกคนดูคล้ายกันตรงที่สวมใส่กี่เพ้าสีโทนเข้มและผู้ชายก็สวมเสื้อสูทคอจีนสีเข้มไร้สีสัน บรรยากาศดูอึมครึมเหมือนในหนังมาเฟียไม่มีผิด"พี่เรนคะ จู่ ๆ ก็ลากลินมางานศพใครก็ไม่รู้" พิรุณชะงักเมื่อภรรยาบอกว่าเขาพาเธอมางานศพ ชายหนุ่มหัวเราะเสียงคิกคัก"ตัวเล็ก!....นี่มันงานศพที่ไหนกันล่ะ นี่งานรวมเจ้าพ่อเจ้าแม่ ก็ลินถามหาอำนาจจากพี่ไม่ใช่เหรอครับ พี่ก็พาลินมาหาผู้มีอำนาจของพี่แล้วนี่ไง ไม่ต้องกลัวนะ คนพวกนี้เป็นคนของตระกูลพี่ ไป....พี่จะพาลินไปทำความรู้จักกับทุกคน""ฮื่อ....น่ากลัวจังเลยค่ะ" ปาลินยึดมือสามีไว้แล้วจับประตูรถก่อนที่เขาจะรั้งให้เธอเดินไปด้วยกัน"พวกเขาไม่น่ากลัวเท่าบรรณาธิการมาเฟียหรอก มีแต่คนแก่ใจดีมาเถอะ" หิ้วเอวภรรยาขึ้นมาพาดกับบ
6.00 น."ปะป๊ามนต์จะขึ้นหลัง มนต์อยากขี่ม้า ปะป๊าเป็นม้าให้มนต์หน่อยสิคะ" พราวมนต์ที่เริ่มพูดชัดขึ้นไม่ติดสำเนียงเหน่อพยายามชูแขนขึ้นสูงเพื่อวิงวอนคุณพิรุณขึ้นไปบนหลังของเขา คุณพ่อที่ยืนกอดอกตัวนิ่งทำหน้าเข้มใส่ลูกน้องทั้งสิบชีวิตอยู่นั้น รีบยิ้มกว้างให้ลูกสาวสุดที่รักอย่างรวดเร็ว ปาลินที่จูงมือกลเมฆออกมาจึงได้แต่ส่ายหน้าให้กับความเปลี่ยนอารมณ์ได้ราวกับเป็นนักแสดง"ทุกคนคะวันนี้ลินจะทำแกงป่าไก่ ไข่พะโล้ ใบเหลียงผัดไข่ ขนมก็มกล้วยบวชชีค่ะ เห็นว่าวันนี้พี่เรนจะประชุมยาวลินก็เลยจะข้าวเลี้ยงทุกคนเหมือนเดิมค่ะ" นายหญิงปาลินฉีกยิ้มหวานแล้วลูบหลังพิรุณเบา ๆ ชายหนุ่มภูมิใจที่มีภรรยาแสนดีและก็รู้จักเอาอกเอาใจลูกน้องของเขาทุกคนโดยไม่แบ่งสถานะ"ขอบคุณครับคุณลิน" ลูกน้องทุกคนพูดขึ้นมาโดยมิได้นัดหมาย"ขอบคุณค่ะมะม๊า" พราวมนต์พูดตามจนทำให้ทุกคนหัวเราะร่วนเสียงดัง"หืม...ตัวแสบขอบคุณมะม๊าทำไมคะ" คุณแม่ลูกแฝดทรุดตัวลงกุมหน้าของลูกสาวเข้ามา"ก็มนต์จะกินกับพวกอา ๆ ด้วยค่ะ" บอกแล้ววิ่งถลาไปเกาะขาเชสที่ยืนเงียบอยู่ มือขวาคนสนิทหลุบมองแล้วอุ้มคุณหนูของตนขึ้นมาประคองในอ้อมแขน "อาเชสขามนต์ขอกินข้าวด้วยได้ไห