20ผู้ช่วยเหลือ หลังจากซักถามลักษณะภูมิประเทศที่เกิดเหตุและช่วงเวลาคร่าวๆ ที่ตัวเลขเห็นในนิมิต ข้อสอบก็พอจะอนุมานได้ว่าเป็นช่วงเวลากลางคืน แต่ก็ไม่รู้ว่าเหตุจะเกิดในคืนนี้หรือคืนพรุ่งนี้กันแน่ สิ่งที่เขาทำได้คือต้องออกไปหาผู้พันให้เจอโดยเร็วที่สุด “อ้าว คุณข้อสอบจะไปไหนน่ะ” นาทีถามคนที่เพิ่งเดินเข้ามายังไม่ทันจะข้ามพ้นวงกบประตู และรีบหันหลังกลับไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับจากอีกฝ่าย เลยได้แต่ยืนเกาหัวอย่างงงๆ ตอนแรกนักวิจัยหนุ่มกะจะแวะมาเอากระเป๋าเป้เพื่อใส่อุปกรณ์ยังชีพต่างๆ แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนแปลงร่างเป็นค้างคาวเพื่อบินตามหาน่าจะสะดวกกว่า เลยเดินออกไปคุยโทรศัพท์เงียบๆ ไหว้วานให้ชาแมนมาเฝ้ายามผลัดที่สามช่วงใกล้รุ่งเช้าแทนเขา จากนั้นแวมไพร์หนุ่มก็อาศัยมุมมืดของป่า แปลงร่างเป็นแวมไพร์ตัวกระจ้อยที่ไม่รู้จะมีแรงบินได้ไกลแค่ไหน บินตรงไปยังทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อไปสู่ภูมิประเทศแบบป่าชายเลน โชคดีที่ป่าชายเลนมีความยาวเพียงแค่ห้ากิโลเมตรและมีอยู่เพียงฝั่งเดียวของพื้นที่ที่ใช้ในการทำภารกิจ ทำให้ข้อสอบสามารถสโคปพื้นท
21ต้องการคนปกป้อง แม้เจ้าค้างคาวจะกระพือปีกขึ้นๆ ลงๆ อยู่ตลอดเวลาและขยับเบี่ยงตัวอย่างตกใจตามเสียงเรียกของอาชวิน แต่ก็ไม่อาจรอดพ้นกระสุนล็อกเป้า เทคโนโลยีพิเศษที่สามารถเปลี่ยนทิศทางตามเป้าหมายได้ถึงสองครั้งติด เป็นเทคโนโลยีที่มีราคาแพงมาก หาได้จากในฐานทัพเท่านั้น และถูกควบคุมไม่ให้มีขายในตลาดใต้ดิน “ข้อสอบ!” ผู้พันหนุ่มร้องอย่างตกใจ นาทีที่เห็นร่างจิ๋วถูกยิงจนตกลงมากับพื้น เป็นชั่วเสี้ยววินาทีที่เหมือนกับโลกทั้งโลกหยุดหมุน แต่สติและสัญชาตญาณที่ถูกฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ทำให้เขารีบเก็บค้างคาวน้อยที่นอนสลบไสลลงในกระเป๋าเป้ วิ่งหาที่ซ่อนจากกระสุนสุดแสนจะอันตรายนั่น ชายหนุ่มหาที่หลบได้ก็ลอบประเมินสถานการณ์ในใจ หากศัตรูมาคนเดียวก็คุ้มที่จะเสี่ยงจัดการซะให้เรียบร้อย ดีกว่าเขาเป็นฝ่ายถูกตามล่าฝ่ายเดียวจนไม่มีเวลาปฐมพยาบาลให้ข้อสอบ สายตาคมหยิบแว่นมองในที่มืดที่ถูกออกแบบมาให้ดูคล้ายแว่นตาธรรมดาขึ้นสวม ลอบสังเกตดูการเคลื่อนไหวรอบกาย หากทว่ามีกลิ่นหอมหวานโชยออกมาจากในกระเป๋าสะพาย เหมือนกลิ่นโอเมก้ากำลังฮีต... กลิ่นเดียวกับที่เข
22คำเตือนสุดท้าย บรรยากาศกำลังได้ที่ แต่ดันถูกตัวป่วนสองตัวมาขัดเสียยับ อาชวินมองชาแมนกับรุจีที่เปิดประตูเข้ามาในบ้านได้อย่างถูกจังหวะสุดๆ โดยที่ตนยังจับมือคนตัวเล็กกว่าไว้อยู่ “นายไม่ได้เตือนข้อสอบไว้เหรอ” แวมไพร์สาวสวยที่เดินนวยนาดมานั่งยังโซฟาตัวที่นักสืบเพิ่งลุกออกไปได้ไม่นาน หันไปถามแวมไพร์สัปเหร่อที่เลือกยืนพิงโต๊ะหน้าทีวี “เตือนแล้ว แต่ดูเหมือนจะไม่ฟัง” ชาแมนตอบ ข้อสอบพยายามดึงมือออกจากอุ้งมืออุ่นสบาย เพราะถูกจับจ้องมาจากแวมไพร์ทั้งสองตนจนชักจะเขินอยู่หน่อยๆ “เตือนถูกจุดหรือเปล่า” “ก็เตือนเรื่องเหยื่อจะถูกดูดเลือดจนป่วยตาย” “นายคิดว่าคนอย่างผู้พันจะตายได้ง่ายๆ งั้นเหรอ” “เออ จริงด้วย” แวมไพร์รุ่นน้องได้แต่หันไปมองคนโน้นคนนี้ซุบซิบกันไปมาโดยไม่สนเลยว่าคนที่ถูกนินทาจะนั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้ “ข้อสอบ ฉันขอคุยกับเธอเป็นการส่วนตัวสักหน่อยสิ” รุจีว่า “ไม่เอาแบบคราวก่อนแล้วนะครับ” นักวิจัยหนุ่มหมายถึงตอนที่ถูกจับหิ้ววิ่งด้วยความเร็วสูงซะจนคลื่นไส้ “คุยที่นี่แหละ ข้อสอบไม่ม
บทส่งท้าย แม้จะเป็นแฟนกันแล้ว แต่คนบ้างานก็ยังคงบ้างานต่อไป ดีหน่อย ที่ถึงแม้จะมีไปประชุมต่างเขตจนต้องกลับบ้านดึกดื่นเป็นบางวัน แต่อาชวินก็ไม่เคยไปค้างที่อื่น และไม่หอบเอางานกลับมาทำที่บ้าน ข้อสอบที่นับวันเริ่มรู้สึกเหมือนตัวเองทำตัวเป็นแม่บ้านเข้าไปทุกที ได้แต่นั่งกอดตุ๊กตาน้องเต่า เป็นนักเลงคีย์บอร์ดในเรดดิตและสอดส่องหาของแต่งบ้านต่อไป ถึงแม้จะทำงานกันคนละอาคาร แต่ยามเลิกงาน ข้อสอบกับอาชวินมักจะเจอกันอยู่เสมอ ไม่ที่บ้านของเขา ก็บ้านของอีกคน เดินไปมาหาสู่กันจนอาชวินขอให้เขาย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านสองชั้นของตนแทน เลยได้ถือโอกาสย้ายของทุกอย่างออกมาจากอพาร์ตเม้นต์ที่อยู่นอกเขตทหาร จะได้ปล่อยเช่าซะ พอย้ายของมา ก็เลยได้ตกแต่งบ้านอย่างจริงจังเสียที บ้านที่มีเพียงเฟอร์นิเจอร์ไม่กี่ชิ้นตอนนี้ เลยมีของตกแต่งเพิ่มขึ้นมา ทำให้ดูเป็นเหมือนบ้านมากขึ้น นอกจากนี้บ้านของอาชวินยังมีห้องนอนที่ชั้นหนึ่งเยื้องออกไปทางข้างหลัง สะดวกให้ตัวเลขอาศัยอยู่เป็นอย่างมาก วันนี้อาชวินก็บินไปทำงานที่ต่างเขตแต่เช้ามืด และน่าจะกลับมาถึงเร็วๆ
1ตายแล้วฟื้น เฮือก! ร่างร่างหนึ่งสะดุ้งตื่นขึ้นจากห้วงนิทราอันแสนยาวนานในความรู้สึก น่าแปลกที่ความมืดมิดรอบด้านไม่เป็นอุปสรรคต่อสายตาของเขาเลยสักนิด ฝ่ามือเรียวยาวและเนียนนุ่ม เพราะการทำงานอยู่หน้าจอคอมแทบตลอดเวลา แปะป่ายไปสัมผัสยังฝาผนังไม้แข็งรอบตัวอย่างงงงวย ทั้งรูปร่างและสัมผัสแบบนี้... ใช่แน่ๆ เขาอยู่ในโลงศพ! แต่จำได้ว่าครั้งล่าสุดเขายังอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่เลยนี่นา ถึงเขาจะเป็นเบต้าธรรมดาทั่วไป แต่เขาก็มีสิทธิที่จะได้รับการรักษาเหมือนกันนะ จู่ๆ จะไม่ตรวจสอบให้ดี แล้วมาฝังกันทั้งเป็นเนี่ยนะ!? คิดอย่างหัวเสีย ก่อนจะใช้มือพยายามดันฝาโลงให้เปิดออก แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะขยับเลยสักนิด หรือว่าเขาจะถูกฝังอยู่ใต้ดินไปแล้ว! ฉิบหาย! “ช่วยด้วยครับ ช่วยด้วย” ปังๆๆ ข้อสอบทั้งเคาะทั้งตะโกนเรียกให้คนช่วย เผื่อจะมีใครได้ยิน แต่ก็ไร้ซึ่งเสียงตอบรับใดๆ แม่งเอ๊ย! เขาต้องถูกฝังทั้งเป็นอย่างงี้จริงๆ เรอะ แฟนก็ยังไม่มี แล้วลูกๆ ในเกมใครจะดูแลต่อ กุกกัก กุกกัก น่าแปลกที่เ
2ประสาทสัมผัสที่เปลี่ยนไป ปีนี้เป็นปีคริสต์ศักราชสองพันห้าสิบ ดาวเคราะห์ดวงนี้ยังคงเป็นเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนัก โดยเฉพาะประเทศทีแอลที่เพศหลัก เพศรอง และระบบชนชั้นยังคงฝังรากลึกอยู่ นอกจากเพศชายหญิง อัลฟ่า เบต้า และโอเมก้าแล้ว ยังมีเพศรองแยกย่อยออกไปอีกตามการค้นพบของหมอและเหล่านักวิทยาศาสตร์ แต่สุดท้ายเพศย่อยๆ เหล่านั้นก็มีน้อยซะจนมีบรรจุไว้ในหนังสือเรียนแค่เพียงสองหน้าเท่านั้น และแทบไม่มีใครได้พูดถึงมันอีกเลย อัลฟ่ายังคงเป็นเพศที่มีจำนวนน้อยและมีอำนาจมากที่สุด ไม่ใช่เพียงแค่พลังกดข่มที่มีมาตั้งแต่กำเนิด หากยังรวมถึงอำนาจของตระกูลที่ถูกฝังรากลึกมาตั้งแต่ระบบการปกครองแบบกษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทำให้อัลฟ่ามีอำนาจมากทั้งในแวดวงการเมืองและเศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำทางรายได้ยังคงเป็นปัญหาที่แก้ไม่ได้ และดูเหมือนจะย่ำแย่มากยิ่งขึ้น ตราบใดที่ระบบเส้นสายและการผูกขาดสินค้าบางอย่างยังไม่หมดไป ปัญหาเหล่านี้ก็จะยังคงอยู่ ดังนั้นส่วนใหญ่แล้ว อาชีพที่อัลฟ่ามักทำจะเป็นพวกตำแหน่งระดับสูงในแวดวงทหาร ตำรวจ นักการเมือง หรือไม่ก็เป็นพวกนักลง
3ผู้บริจาคเลือด พรึ่บ แสงไฟและเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ดับลงพร้อมกัน ส่งผลให้ห้องทั้งห้องมืดสนิทลงในทันใด มีเพียงแสงไฟจากหน้าจอโทรศัพท์เท่านั้นที่ยังสว่างไสวอยู่ ก่อนหน้านี้ไม่กี่นาทีก็มีเหตุการณ์ไฟตกอยู่เช่นกัน แต่เพียงครู่เดียวไฟก็ติดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เจ้าของห้องเปิดประตูออกไปชะเง้อมองดูข้างนอก ก่อนจะพบว่าโถงทางเดินและอาคารอื่นก็ไฟดับเหมือนกัน ปกติแล้วทางตึกมีระบบไฟสำรองให้ตลอด ที่ไฟดับนานขนาดนี้แสดงว่ารอบเมื่อกี้เป็นการใช้ไฟสำรองจนหมดเรียบร้อยแล้ว ดูเหมือนว่าจะมีการดับไฟเพื่อปรับปรุงระบบหรือซ่อมแซมอะไรสักอย่าง แต่เขาดันไม่เห็นประกาศนี่สิ Exam is coming: บ้านพวกนายไฟดับปะวะ ×เอ็กซ์×: เออ ดับ แต่เขาก็แจ้งนานแล้วนะ Exam is coming: อ้าวเหรอ ดับถึงกี่โมงวะ ×เอ็กซ์×: ถึงเช้าโน่นแหละ นอนไม่ลงว่ะ ร้อน 49ก็มีหัวใจ: วอร์ปะล่ะ ลางานหนึ่งวัน งดทัก: +1 ปอนด์แฟนมิ้งค์: +++ Exam is coming: ขอผ่านว่ะ ไม่มีอารมณ์ กลุ่มแชทที่ข้อสอบพิมพ์ถามลงไปคือกลุ่มของเพื่อนสมัยปริ
4ดูดเลือดครั้งที่สอง “หลบจ้า หลบ” “กระเทียมหนึ่งพวงสามสิบ สองพวงอม เอ้ย กินกำลังพอดีจ้า เอาไปเลยห้าสิบพอ” “เนื้อจ้าเนื้อ เนื้อสดๆ อ้าว พ่อหนุ่ม มาดูเนื้อมั้ย หรือจะดูเอ็น แต่ต้องไปดูร้านโน้นนะ ที่คนขายหล่อๆ น่ะ” “ขอบคุณครับป้าใจ มาดูเอ็นได้ทางนี้เลย เครื่องในก็มีเพียบ ตับไตไส้พุง หรือจะเอาหัวใจผมไปก็ได้นะ” “ทางนี้จ้าทางนี้ ซื้อเยอะแถมเยอะ ซื้อน้อยก็แถมเยอะอีกเหมือนกัน แจกจ้าแจก อยากกลับบ้านแล้ว ป่านนี้ไอ้แก่ที่บ้านแอบไปหาเมียน้อยแล้ว” โครม! “อุ้ย ตาเถร” “บัดสีบัดตาเซิ้ง” “บัดเถลิง!” คนแทบทั้งตลาดตบมุกพร้อมๆ กัน ให้กับคุณยายคนหนึ่งที่เห็นเหตุการณ์รถเข็นผักชนกับคน และใช้คำได้แบบผิดๆ ไม่ใช่แค่พูดผิดธรรมดา แต่ใช้ผิดความหมายไปเลย เสียงจ๊อกแจ๊กจอแจและความครึกครื้นของตลาดสดแห่งนี้ ทำให้ข้อสอบที่ออกมาเดินหาซื้อของที่น่าจะพอกินได้ รู้สึกตื่นตาตื่นใจเป็นที่สุด เพราะส่วนใหญ่แล้วเขามักจะเข้าแต่ซูเปอร์มาเก็ต แต่พอเจอเหตุการณ์ถูกคนบ้ายิงเข้าไป เขาก็ไม่กล้าเฉียดกรายเข้าใกล้ห้างแห่งนั้นอีกเลย
บทส่งท้าย แม้จะเป็นแฟนกันแล้ว แต่คนบ้างานก็ยังคงบ้างานต่อไป ดีหน่อย ที่ถึงแม้จะมีไปประชุมต่างเขตจนต้องกลับบ้านดึกดื่นเป็นบางวัน แต่อาชวินก็ไม่เคยไปค้างที่อื่น และไม่หอบเอางานกลับมาทำที่บ้าน ข้อสอบที่นับวันเริ่มรู้สึกเหมือนตัวเองทำตัวเป็นแม่บ้านเข้าไปทุกที ได้แต่นั่งกอดตุ๊กตาน้องเต่า เป็นนักเลงคีย์บอร์ดในเรดดิตและสอดส่องหาของแต่งบ้านต่อไป ถึงแม้จะทำงานกันคนละอาคาร แต่ยามเลิกงาน ข้อสอบกับอาชวินมักจะเจอกันอยู่เสมอ ไม่ที่บ้านของเขา ก็บ้านของอีกคน เดินไปมาหาสู่กันจนอาชวินขอให้เขาย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านสองชั้นของตนแทน เลยได้ถือโอกาสย้ายของทุกอย่างออกมาจากอพาร์ตเม้นต์ที่อยู่นอกเขตทหาร จะได้ปล่อยเช่าซะ พอย้ายของมา ก็เลยได้ตกแต่งบ้านอย่างจริงจังเสียที บ้านที่มีเพียงเฟอร์นิเจอร์ไม่กี่ชิ้นตอนนี้ เลยมีของตกแต่งเพิ่มขึ้นมา ทำให้ดูเป็นเหมือนบ้านมากขึ้น นอกจากนี้บ้านของอาชวินยังมีห้องนอนที่ชั้นหนึ่งเยื้องออกไปทางข้างหลัง สะดวกให้ตัวเลขอาศัยอยู่เป็นอย่างมาก วันนี้อาชวินก็บินไปทำงานที่ต่างเขตแต่เช้ามืด และน่าจะกลับมาถึงเร็วๆ
22คำเตือนสุดท้าย บรรยากาศกำลังได้ที่ แต่ดันถูกตัวป่วนสองตัวมาขัดเสียยับ อาชวินมองชาแมนกับรุจีที่เปิดประตูเข้ามาในบ้านได้อย่างถูกจังหวะสุดๆ โดยที่ตนยังจับมือคนตัวเล็กกว่าไว้อยู่ “นายไม่ได้เตือนข้อสอบไว้เหรอ” แวมไพร์สาวสวยที่เดินนวยนาดมานั่งยังโซฟาตัวที่นักสืบเพิ่งลุกออกไปได้ไม่นาน หันไปถามแวมไพร์สัปเหร่อที่เลือกยืนพิงโต๊ะหน้าทีวี “เตือนแล้ว แต่ดูเหมือนจะไม่ฟัง” ชาแมนตอบ ข้อสอบพยายามดึงมือออกจากอุ้งมืออุ่นสบาย เพราะถูกจับจ้องมาจากแวมไพร์ทั้งสองตนจนชักจะเขินอยู่หน่อยๆ “เตือนถูกจุดหรือเปล่า” “ก็เตือนเรื่องเหยื่อจะถูกดูดเลือดจนป่วยตาย” “นายคิดว่าคนอย่างผู้พันจะตายได้ง่ายๆ งั้นเหรอ” “เออ จริงด้วย” แวมไพร์รุ่นน้องได้แต่หันไปมองคนโน้นคนนี้ซุบซิบกันไปมาโดยไม่สนเลยว่าคนที่ถูกนินทาจะนั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้ “ข้อสอบ ฉันขอคุยกับเธอเป็นการส่วนตัวสักหน่อยสิ” รุจีว่า “ไม่เอาแบบคราวก่อนแล้วนะครับ” นักวิจัยหนุ่มหมายถึงตอนที่ถูกจับหิ้ววิ่งด้วยความเร็วสูงซะจนคลื่นไส้ “คุยที่นี่แหละ ข้อสอบไม่ม
21ต้องการคนปกป้อง แม้เจ้าค้างคาวจะกระพือปีกขึ้นๆ ลงๆ อยู่ตลอดเวลาและขยับเบี่ยงตัวอย่างตกใจตามเสียงเรียกของอาชวิน แต่ก็ไม่อาจรอดพ้นกระสุนล็อกเป้า เทคโนโลยีพิเศษที่สามารถเปลี่ยนทิศทางตามเป้าหมายได้ถึงสองครั้งติด เป็นเทคโนโลยีที่มีราคาแพงมาก หาได้จากในฐานทัพเท่านั้น และถูกควบคุมไม่ให้มีขายในตลาดใต้ดิน “ข้อสอบ!” ผู้พันหนุ่มร้องอย่างตกใจ นาทีที่เห็นร่างจิ๋วถูกยิงจนตกลงมากับพื้น เป็นชั่วเสี้ยววินาทีที่เหมือนกับโลกทั้งโลกหยุดหมุน แต่สติและสัญชาตญาณที่ถูกฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ทำให้เขารีบเก็บค้างคาวน้อยที่นอนสลบไสลลงในกระเป๋าเป้ วิ่งหาที่ซ่อนจากกระสุนสุดแสนจะอันตรายนั่น ชายหนุ่มหาที่หลบได้ก็ลอบประเมินสถานการณ์ในใจ หากศัตรูมาคนเดียวก็คุ้มที่จะเสี่ยงจัดการซะให้เรียบร้อย ดีกว่าเขาเป็นฝ่ายถูกตามล่าฝ่ายเดียวจนไม่มีเวลาปฐมพยาบาลให้ข้อสอบ สายตาคมหยิบแว่นมองในที่มืดที่ถูกออกแบบมาให้ดูคล้ายแว่นตาธรรมดาขึ้นสวม ลอบสังเกตดูการเคลื่อนไหวรอบกาย หากทว่ามีกลิ่นหอมหวานโชยออกมาจากในกระเป๋าสะพาย เหมือนกลิ่นโอเมก้ากำลังฮีต... กลิ่นเดียวกับที่เข
20ผู้ช่วยเหลือ หลังจากซักถามลักษณะภูมิประเทศที่เกิดเหตุและช่วงเวลาคร่าวๆ ที่ตัวเลขเห็นในนิมิต ข้อสอบก็พอจะอนุมานได้ว่าเป็นช่วงเวลากลางคืน แต่ก็ไม่รู้ว่าเหตุจะเกิดในคืนนี้หรือคืนพรุ่งนี้กันแน่ สิ่งที่เขาทำได้คือต้องออกไปหาผู้พันให้เจอโดยเร็วที่สุด “อ้าว คุณข้อสอบจะไปไหนน่ะ” นาทีถามคนที่เพิ่งเดินเข้ามายังไม่ทันจะข้ามพ้นวงกบประตู และรีบหันหลังกลับไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับจากอีกฝ่าย เลยได้แต่ยืนเกาหัวอย่างงงๆ ตอนแรกนักวิจัยหนุ่มกะจะแวะมาเอากระเป๋าเป้เพื่อใส่อุปกรณ์ยังชีพต่างๆ แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนแปลงร่างเป็นค้างคาวเพื่อบินตามหาน่าจะสะดวกกว่า เลยเดินออกไปคุยโทรศัพท์เงียบๆ ไหว้วานให้ชาแมนมาเฝ้ายามผลัดที่สามช่วงใกล้รุ่งเช้าแทนเขา จากนั้นแวมไพร์หนุ่มก็อาศัยมุมมืดของป่า แปลงร่างเป็นแวมไพร์ตัวกระจ้อยที่ไม่รู้จะมีแรงบินได้ไกลแค่ไหน บินตรงไปยังทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อไปสู่ภูมิประเทศแบบป่าชายเลน โชคดีที่ป่าชายเลนมีความยาวเพียงแค่ห้ากิโลเมตรและมีอยู่เพียงฝั่งเดียวของพื้นที่ที่ใช้ในการทำภารกิจ ทำให้ข้อสอบสามารถสโคปพื้นท
19อีกขั้นของความสัมพันธ์ บรรยากาศรอบกายของทั้งคู่ที่ก้าวเดินไปด้วยกันมีแต่ความเงียบสงบ หลังจากที่อาชวินโผล่มาช่วยพาข้อสอบออกจากสถานการณ์อันแปลกประหลาดตอนนั้น พวกเขาก็แทบไม่ได้คุยอะไรกันอีก สุดท้ายคนที่ทนความเงียบไม่ไหว ก็เป็นฝ่ายพูดออกไปก่อน “ผมไม่ขอบคุณคุณหรอกนะ” เพราะผู้พันทำให้เขาต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้ “ไม่ดีใจเหรอที่ได้รู้จักแวมไพร์ตนอื่นเพิ่ม” ข้อสอบหันขวับไปมองคนพูดหยอกอย่างไม่อยากจะเชื่อ “แล้วคุณจะรู้สึกดีใจมั้ยล่ะครับถ้าเจอคนอุ้มแล้วพาวิ่งไปด้วยความเร็วสูงแบบนั้น” นักวิจัยหนุ่มแหวใส่ “เหวอออ” ก่อนจะร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อร่างกายลอยขึ้นมาอยู่เหนือพื้น “อุ้มแบบนี้หรือเปล่า” น้ำเสียงเจือรอยขำ ทำให้คนที่กอดคออีกฝ่ายแน่นเพราะกลัวตก จัดการทุบไหล่กว้างของอัลฟ่าหนุ่มเข้าให้หนึ่งป้าบ “คุณนี่มัน...” กวนตีนกว่าที่คิด “อารมณ์ดีได้หรือยัง” ลมหายใจร้อนที่เป่ารดแก้มเย็น ทำให้ข้อสอบที่เผลอสบตาผู้พันครู่หนึ่งต้องเบนหน้าหลบ ก่อนที่หัวใจจะเต้นแรงไปมากกว่านี้ “ไม่ใช่อุ้
18มนุษย์ก็แค่ของเล่น คนที่นอนมาตลอดทางค่อยๆ งัวเงียตื่นขึ้นมาหลังจากรู้สึกได้ถึงรถตู้หรูเจ็ดที่นั่งที่จอดนิ่งสนิท ไม่มีการเคลื่อนไหวอีกต่อไป พอขยับตัวก็รู้สึกได้ถึงเสื้อโค้ทที่ไหลลงไปกองอยู่บนตัก หันไปทางขวาก็เห็นคนที่นั่งอยู่ด้วยกันมาตลอดทางกำลังเก็บแท็ปเล็ตที่เพิ่งปิดลงใส่กระเป๋า ตั้งแต่ขึ้นรถที่มีเพียงเขา ผู้พัน และคนขับรถมา ผู้พันอาชวินก็ไม่ซักถามอะไรสักคำ เอาแต่บอกให้เขานอนพักผ่อนให้เต็มที่ คนที่เตรียมใจว่าจะโดนดุเลยได้แต่แกล้งหลับตาอย่างงงๆ จนสุดท้ายก็เผลอหลับไปเอง หลับยาวจนมาตื่นเอาตอนนี้ “ขอบคุณครับ” ข้อสอบยื่นเสื้อโค้ทคืนให้กับคนที่คิดว่าน่าจะเป็นเจ้าของ หัวใจอุ่นวาบนิดหน่อยกับความห่วงที่อีกฝ่ายแสดงออกมาทั้งตอนที่ฝากนาทีเอายามาให้ และตอนนี้ “วันนี้ก็พักผ่อนซะเยอะๆ ล่ะ พรุ่งนี้ไปฝึกแค่ช่วงเช้าชั่วโมงเดียวพอ” จริงๆ อาชวินไม่อยากให้ข้อสอบมาฝึกต่อเลยด้วยซ้ำ แต่การจะให้คนตัวเล็กอยู่ใกล้ๆ กับเขาได้ ก็มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น “เดี๋ยวก่อน” ผู้พันหนุ่มจับข้อมือ รั้งร่างของคนที่กำลังจะเปิด
17คนเนื้อหอม หากเด็กตรงหน้าอายุมากกว่านี้ล่ะก็... คนอื่นคงนึกว่ามีสาวหนีตามเขามาแน่ “ทำไมหนูถึงมาที่นี่ล่ะ” หลังจากที่เรียกเด็กหญิงวัยเก้าขวบนามว่าตัวเลขเข้ามาในบ้าน เพื่อป้องกันการครหานินทาจากเหล่าเพื่อนบ้านเรียบร้อยแล้ว ข้อสอบก็เริ่มเปิดประเด็นทันที “หนูหิวค่ะ” พรืดดด แขนที่กำลังกอดอกอยู่อย่างคนจริงจังเลื่อนไถลไปบนโต๊ะหน้าโซฟาตามอาการเซของตน ทำไมเขาต้องเจอแต่คนที่ชอบไม่ตอบคำถามเขาก็ไม่รู้ เห็นกิริยาท่าทางของเด็กคนนี้แล้ว นึกถึงใครบางคนขึ้นมาตงิดๆ ถ้าบอกว่าเป็นพ่อลูกกันเขาคงจะเชื่อได้ง่ายๆ สุดท้ายนักวิจัยหนุ่มเลยต้องกระเตงตัวเลขไปฝากท้องที่ร้านป้าอ้วน ซึ่งอยู่นอกเขตทหาร “อ้าว ข้อสอบ หายไปไหนตั้งนาน นึกว่าจะลืมร้านป้าไปเสียแล้ว” แม่ครัวร้านอาหารตามสั่งที่กำลังควงตะหลิวโชว์ลีลาการผัดคะน้าน้ำมันหอยอยู่ ร้องทักดังลั่น “แล้วนี่เด็กที่ไหน น้องสาวเหรอ น่ารักน่าชังน่าเอ็นดูจริงเชียว” “ครับ” ตอบรับอย่างขี้เกียจอธิบาย ก่อนจะหันไปบอกเด็กที่แต่งตัวสีขาวดำเหมือนเดิมซึ่งยืนนิ่งอยู่ข้างหลัง “อยากกินอ
16เสพติดความเย็น ท่ามกลางแสงสลัวของสุสานร้างกลางป่า ที่มีลมโชยและเสียงอีการ้องคลอเป็นระยะๆ มีร่างเปลือยเปล่าสองร่างเกาะเกี่ยวกันอย่างเร่าร้อนบนโลงศพ ความรู้สึกคับแน่นของการถูกสองนิ้วใหญ่ชำแรกเข้ามาในช่องทางเบื้องหลัง ดึงข้อสอบลงมาจากห้วงความฝันที่ล่องลอยอยู่จากการเล้าโลมอันช่ำชองของคนแก่กว่า อัลฟ่าหนุ่มค่อยๆ ขยับมือที่ชโลมไว้ด้วยเจลหล่อลื่นเข้าออกเพื่อเตรียมความพร้อมของคนที่ยังไม่เคยมาก่อน ปากทางสีชมพูสวยที่บานเข้าออกตามการขยับนิ้วของเขา มันช่างดึงดูดซะจนอยากจะจับแก่นกายยัดลงไปเสียเดี๋ยวนั้น แต่หน้าตาเหยเกของร่างข้างใต้ ทำให้ผู้พันหนุ่มได้แต่ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป เขาพรมจูบตามเปลือกตา ขมับ ข้างแก้ม จูบริมฝีปากซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดูดซับความอึดอัดของอีกฝ่ายมาไว้กับตัว จากสองนิ้วก็เพิ่มเป็นสาม มืออีกข้างจับเข้าที่แก่นกายขนาดใหญ่ แต่ไม่ใหญ่เท่าของเขา เพื่อช่วยเพิ่มความหฤหรรษ์ให้คนที่กำลังจะต้องทนรับความเป็นจริงในอีกไม่กี่อึดใจ เมื่อนิ้วมือแกร่งหลุดออกมา ปลายลำของเขาก็ถูไถเบาๆ บนปากทางรักสีหวาน คนที่ถูกเล้าโลมจนเสียวซ่านอยากจะ
15แก้ทาง คราวนี้ข้อสอบมั่นใจในมนต์สะกดที่ฝึกฝนมาเป็นอย่างดีของตัวเองมาก ดวงตาอันแดงก่ำในครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากการทนกลิ่นเลือดไม่ไหว แต่เป็นการที่เขาฝึกฝนตัวเองจนสามารถควบคุมการสะกดจิตได้ สีหน้าและท่าทางของผู้พันตัวโตพลันเปลี่ยนเป็นสงบนิ่ง เหมือนกับครั้งแรกๆ ที่เขาสะกดอีกฝ่ายซะจนอยู่หมัด ฝ่ามือซีดขยับโบกไปมาหน้าดวงตาคมเข้ม ก่อนจะจับมือซ้ายที่สวมถุงมือสีขาวอยู่ยกขึ้นลงเหมือนเล่นกับตุ๊กตา ไร้ซึ่งปฏิกิริยาต่อต้านของร่างใหญ่ให้เห็น “หึ อัลฟ่าหรือจะสู้แวมไพร์” คนที่ใจพองโตกับความรู้สึกของการกลับมาเป็นผู้ล่าอีกครั้ง ใช้มือทั้งสองกดบ่ากว้างของคนที่นั่งอยู่ไว้แน่น เขี้ยวเล็กสองซี่ที่โผล่ขึ้นมาฝังลงไปบนลำคอแกร่งที่ยังคงเผยให้เห็นเส้นเลือดสวยไม่ต่างจากเดิม ของเหลวสีแดงที่ไม่ได้สัมผัสมาเนิ่นนานแพร่กระจายความอุ่นวาบลงสู่หลอดอาหาร ระเบิดรสชาติกลมกล่อมซาบซ่านในปากจนถึงคอ กระตุ้นประสาทสัมผัสทั้งร่างให้เปิดออก หลังจากดื่มไปในปริมาณที่เพียงพอแล้ว ข้อสอบก็หยุดยั้งตัวเองได้อย่างเฉียบขาดอย่างแวมไพร์มืออาชีพ ไอ้อยากน่ะก็อยากอยู่หรอ