一
ในค่ำคืนที่กรุงเทพฯ เจิดจ้าด้วยแสงไฟ งานแต่งงานสุดหรูถูกจัดขึ้น ณ โรงแรมระดับห้าดาวกลางเมือง เสียงดนตรีอันอ่อนหวานจากวงดนตรีสดเติมเต็มบรรยากาศให้แสนอบอุ่น การตกแต่งที่ประณีตทุกจุดในงาน สะท้อนถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียด เสียงหัวเราะและคำพูดแห่งความยินดีลอยคลอไปในอากาศ ขณะที่แขกเหรื่อมากมายเดินทางมาร่วมฉลองให้กับเจ้าสาวหยวนชิงหลาน และเจ้าบ่าวถังไห่เฉิง ภายในงาน ดอกกุหลาบขาวและสีชมพูอ่อนถูกจัดเรียงอย่างงดงามในแจกันคริสตัล บนโต๊ะอาหารที่ประดับด้วยผ้าปูโต๊ะสีทองแวววาว สะท้อนแสงโคมไฟระยิบระยับจากด้านบน มอบความรู้สึกเหมือนอยู่ในเทพนิยาย บนเวที เจ้าสาวในชุดแต่งงานสีขาวงามสง่าดุจนางฟ้า ผมเกล้าเรียบหรูประดับด้วยมงกุฎคริสตัล เจ้าบ่าวในชุดทักซิโด้สีดำคลาสสิก ดูสมบูรณ์แบบราวกับเจ้าชายในฝัน ทั้งคู่ยืนอยู่ใต้ฉากหลังที่ประดับไฟและชื่อของพวกเขาด้วยฟอนต์อักษรวิจิตร สะท้อนถึงความรักที่เบ่งบาน ขณะที่ผู้คนส่วนใหญ่กำลังตื่นเต้นกับการเล่าเรื่องฮันนีมูนของเจ้าบ่าวและเจ้าสาว ซึ่งแสดงภาพถ่ายสวยงามบนจอโปรเจคเตอร์ในมุมเวที มีเพียงโต๊ะหนึ่งที่ความสนใจไม่ได้พุ่งไปที่เวที แต่กลับไปอยู่ที่จานขาหมูตุ๋น เนื้อนุ่มละลายในปาก ที่มีกลิ่นหอมฟุ้งจนใคร ‘บางคน’ อดใจไม่ไหว ในมุมหลบสายตานั้น สาวร่างเล็กคนหนึ่งกำลังตักขาหมูเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย เธอสวยสะดุดตาในชุดเดรสสีขาวกระโปรงสั้นที่เผยให้เห็นเรียวขาขาวเนียน เสื้อท่อนบนที่พอดีตัวเน้นสัดส่วนโค้งเว้าสมส่วนของวัยสาว ผมยาวดำสนิทที่ถูกรวบเป็นหางม้าหลวม ๆ ทิ้งปลายพลิ้วไหวขับให้ใบหน้ากลมป้อมดูน่ารักยิ่งขึ้น ถังหูลู่ คือชื่อของเธอ เธอเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของเจ้าบ่าว ใส่เหล็กดัดฟันและสวมแว่นตากลมเป็นเอกลักษณ์ ส่งเสริมความไร้เดียงสาในท่าที เธอหลีกเลี่ยงความวุ่นวายด้วยการซ่อนตัวอยู่หลังแจกันดอกไม้บนโต๊ะ เหมือนเธอกับจานขาหมูนั้นเป็นโลกส่วนตัวที่ไม่มีใครเข้าถึง ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขขณะเคี้ยวทำให้เธอดูเหมือนเด็กตัวน้อยที่เพิ่งได้ของขวัญที่ปรารถนา แต่แล้ว ความสงบสุขของเธอก็ถูกรบกวนด้วยเสียงโห่ร้องจากเวที “สาม... สอง... หนึ่ง!” เสียงนับถอยหลังดังก้อง พร้อมช่อดอกไม้ที่ลอยละลิ่วขึ้นสู่กลางอากาศ ทุกสายตาในงานจับจ้องการเคลื่อนไหวของมันอย่างตั้งใจ ความหวังอันอบอวลในใจของสาว ๆ ที่ยืนล้อมเวทีนั้นชัดเจน แต่แล้ว... เมื่อช่อดอกไม้ลอยสูงสุดก่อนจะค่อย ๆ ลดระดับลง เส้นทางของมันกลับบิดเบี้ยวอย่างไม่คาดคิด ราวกับถูกลมที่ไม่มีตัวตนดึงพามายังอีกฝั่ง มันไม่ตกลงในมือของหญิงสาวใดเลย หากแต่ลอยข้ามโต๊ะเก้าอี้ไปยังมุมหนึ่งของห้อง ตรงไปยังโต๊ะของถังหูลู่อย่างแม่นยำและร่วงลงบนจานขาหมูตุ๋นชุ่มน้ำซุปที่กำลังถูกลิ้มรสอย่างเอร็ดอร่อย เสียง “แผละ!” ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงันที่ตามมาราวกับทุกคนหยุดหายใจไปพร้อมกัน สาวน้อยสะดุ้งเฮือก เงยหน้าขึ้นมาพร้อมดวงตาเบิกกว้าง ความตกตะลึงฉายชัดในสีหน้า ใบหน้าเนียนใสแต้มด้วยรอยเปื้อนน้ำซุปเล็กน้อย ทำให้เธอดูน่ารักปนขบขันในคราวเดียวกัน มือเล็กรีบคว้าช่อดอกไม้ขึ้นมาจากจาน รอยเปื้อนของน้ำซุปยังคงหลงเหลืออยู่บนกลีบดอกไม้บางส่วน เธอพึมพำกับตัวเองทั้งที่ยังเคี้ยวอาหารในปาก “อื้ม...มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย?” เสียงปรบมือและเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นพร้อมกันทั่วทั้งห้องดึงเธอออกจากภวังค์ ดวงตาของแขกเหรื่อทุกคนหันมาจ้องมองเธอเป็นจุดเดียว รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของหลายคน บ้างตบมืออย่างเห็นด้วย บ้างหัวเราะจนตัวงอ เสียงแซวจากโต๊ะข้างเคียงดังระงม “ยินดีด้วยนะน้องถัง! ดอกไม้ยังเลือกคนไม่พลาดเลย!” To be continued...二บนเวทีเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่ยังยืนเคียงข้างกันมองเหตุการณ์นี้ด้วยรอยยิ้มขำขันแต่คนที่ดูจะสนุกที่สุดกลับเป็น หยวนยิง และ หยวนหลง สองพี่ชายฝาแฝดต่างสายเลือดจอมเย้าแหย่ของถังหูลู่ พวกเขาคือลูกชายของหยวนชิงหลานหยวนยิง มีรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาวผ่อง ใบหน้าคมคาย ดวงตาเรียวดูเจ้าเล่ห์ ปากหยักบางที่มักแต้มด้วยรอยยิ้มมุมปากเสมอหยวนหลง แม้จะเป็นฝาแฝด แต่เขามีลักษณะต่างจากพี่ชายเล็กน้อย ใบหน้าเนียนเกลี้ยงกว่าและดูอ่อนโยนกว่า ดวงตากลมโตและรอยยิ้มสดใสทำให้เขาดูเข้าถึงง่ายทั้งคู่ปรบมือด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ ก่อนที่หยวนหลงจะเอนตัวกระซิบพี่ชาย “เฮียหยิง เฮียว่าช่อดอกไม้นี่มันตั้งใจเลือกอาหมวยถังของพวกเรารึเปล่า?”หยวนยิงหัวเราะเบา ๆ แต่เต็มไปด้วยความหมาย “เฮียว่ามันไม่ได้แค่เลือกนะ แต่มันคงอยากไปอยู่กับน้องถังตั้งแต่แรกแล้วล่ะ...”คำพูดนั้นทำให้ทั้งสองมองหน้ากันพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ และเสียงหัวเราะขบขันที่ดังขึ้นตามมา...หลังจากพิธีจบลงแขกหลายคนทยอยกันมาถ่ายรูปกับเจ้าบ่าวเจ้าสาว แต่ระหว่างนั้นถังหูลู่กลับตกเป็นจุดสนใจมากพอ ๆ กับคู่บ่าวสาวบรรดาญาติ ๆ และเพื่อนสนิทต่างแวะมาร่วมแสดงความยินดีที่เธอได้ช่อ
三ถังหูลู่หัวเราะคิกคักก่อนจะอุ้มเป่าเปาขึ้นไปนอนกอดบนเตียง ทั้ง ๆ ที่มันยังส่งเสียงอู้อี้ในลำคอเหมือนอยากบอกว่ามันไม่เต็มใจสักเท่าไร“เฮ้อ…หวังว่าอาเฮียทั้งสองจะไม่รังเกียจเรานะ ที่เรากินมูมมามแบบนั้น” เธอพึมพำเสียงแผ่ว ขณะที่ความทรงจำถึงรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของหยวนยิงและเสียงหัวเราะล้อเลียนของหยวนหลงก็ย้อนกลับมาเล่นงานเธออีกครั้งเพียงแค่คิดถึงสายตาของทั้งสองคนที่จ้องมองมาเหมือนรู้ทันทุกอย่าง เธอก็แทบอยากจะกรีดร้องออกมา “คงไม่หรอก...เพราะถ้ายังหัวเราะแบบนั้นได้ พวกเฮียก็เหี้ยพอสมควรเลยที่มารังแกเรา...ใช่ไหมเป่าเปา...”แมวตัวน้อยทำได้แค่ร้องเหมียวเบา ๆ อย่างน่าสงสารในอ้อมกอดของเธอ ท่ามกลางความสับสนและความอายที่ยังคงตีกันยุ่งอยู่ในหัวของถังหูลู่เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะกอดเป่าเปาแน่นขึ้น “โชคดีนะที่ยังมีแกอยู่ ไม่งั้นแม่คงบ้าตายไปแล้ว” ว่าแล้วเธอก็หลับตาลง ปล่อยให้เจ้าก้อนขนนุ่มในอ้อมกอดช่วยปลอบใจเธอจากความโกลาหลของวันนั้น...หลายวันต่อมา... บรรยากาศยามเช้าที่สดใสปกคลุมไปด้วยแสงแดดอ่อน ๆ ของวันใหม่ ถังหูลู่รู้สึกตื่นเต้นจนอดไม่ได้ที่จะยิ้มกว้าง เมื่อถึงวันที่ครอบครัวจะย้ายเข้าไปอยู่ในบ
四คำพูดนั้นทำให้ถังหูลู่ถึงกับหน้าแดงก่ำ “หยุดล้อหนูสักที!” เธอโวยวายก่อนจะอุ้มเป่าเปาออกจากห้องนั่งเล่น ทิ้งเสียงหัวเราะขบขันของพี่ชายทั้งสองไว้เบื้องหลัง เมื่อกลับมาที่ห้องของตัวเอง ถังหูลู่นั่งลงบนเตียงพร้อมกับเป่าเปาในอ้อมกอด “เป่าเปา...พวกเฮียก็ชอบแกล้งแม่แบบนี้ตลอด แต่แม่ไม่ถือหรอก...ใช่ไหมลูก” เธอกระซิบเบา ๆ พร้อมกับลูบขนสีขาวนุ่มอย่างอ่อนโยน เสียงเหมียวเบา ๆ ที่ตอบกลับมาทำให้เธอยิ้มออกมาในที่สุด...เวลา 20:00 น.ทันทีที่ถังหูลู่ลงมายังชั้นล่างกลิ่นหอมของอาหารจีนลอยมาจากห้องครัวชวนให้น้ำลายสอ เธอพบหยวนชิงหลาน แม่เลี้ยงของเธอ กำลังสวมผ้ากันเปื้อนยืนจัดการกับหม้อซุปที่ส่งไอร้อนกรุ่นไปทั่วครัวโต๊ะอาหารถูกจัดเรียงด้วยจานชามที่เตรียมไว้รออาหารจานหลัก ราวกับเป็นฉากในภาพยนตร์ที่แสนอบอุ่น “น้องถัง...เห็นพวกอาเฮียบ้างไหมลูก?” หยวนชิงหลานเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล เป็นกันเอง เธอยิ้มขณะหันมาเช็ดมือกับผ้าขาวสะอาด “ไม่เห็นเลยค่ะ...” ถังหูลู่ตอบพลางเดินเข้าไปในครัว สายตาเธอสอดส่องไปยังเตาอาหารและโต๊ะที่พ่อของเธอกำลังหั่นผักอย่างคล่องแคล่ว รอยยิ้มและบทสนทนาเล็ก ๆ น้อย ๆ ระหว่างพ่อกับแ
五“ทำไงได้...ก็เฮียดันมาทำให้หนูตกใจเองนี่...” เธอกล่าวเสียงเบา พร้อมกับหลบสายตาของทั้งคู่ที่จ้องมองมาอย่างลึกซึ้ง หยวนหลงยื่นมือมาแตะหน้าผากของเธอเบา ๆ “หน้าแดงขนาดนี้ เป็นไข้รึเปล่า?” คำพูดของเขาแฝงความห่วงใย แต่สายตานั้นทำให้เธอรู้สึกราวกับถูกมองทะลุถึงหัวใจ หัวใจของถังหูลู่เต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมา...เธอหลบสายตาและรีบเบี่ยงตัวออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว “ไปกินข้าวกันเถอะ...” เสียงของเธอแผ่วเบา แต่เต็มไปด้วยความกระวนกระวายหยวนยิงและหยวนหลงมองแผ่นหลังเล็กที่ลับสายตาไป ก่อนที่ทั้งสองจะหันมายิ้มให้กันอย่างเข้าใจความหมายในใจของกันและกัน...ในห้องครัวโต๊ะอาหารยาวเหยียดถูกจัดเตรียมไว้อย่างประณีต บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารจีนหลากหลายเมนูที่ล้วนแล้วแต่เป็นของโปรดของถังหูลู่ถ้วยและจานกระเบื้องลายครามบรรจงจัดวางอยู่คู่กับตะเกียบไม้ไผ่ที่มันวาว เธอเห็นทั้ง ‘เป็ดปักกิ่งหนังกรอบ’ ที่กลิ่นหอมของเครื่องเทศโชยขึ้นมาทำให้น้ำลายสอ‘หมูสามชั้นตุ๋นซีอิ๊ว’ ที่ดูนุ่มจนแทบละลาย เพียงมองก็รู้ว่าตุ๋นด้วยไฟอ่อนมาหลายชั่วโมง และยังมี‘กุ้งอบวุ้นเส้น’ ที่มีกลิ่นของกระเทียมเจียวและพริกไทยลอยมาแตะจมูกอย่างเย้ายวน
六‘หนูขอจินตนาการภาพของเฮียสองคนในเชิงสวาทเลยนะ…ถึงเฮียจะไม่อนุญาต แต่มันก็ไม่ทันแล้ว…’ เธอคิดอย่างรู้สึกผิด แต่ก็ปนเปด้วยความสุขที่ยากจะอธิบายเสียงลมหายใจของเธอเริ่มถี่ขึ้น ท่ามกลางห้องที่เงียบสงบ เสียงกระซิบของจินตนาการและความปรารถนาของเธอดังขึ้นอย่างชัดเจนในใจ ทุกสัมผัสที่เธอมอบให้ตัวเองเต็มไปด้วยความเร้าอารมณ์ ราวกับไฟที่โหมกระหน่ำไม่ยอมมอดดับในตอนนั้นเอง ถังหูลู่รู้เพียงอย่างเดียวว่า เธอไม่อาจหนีจากความรู้สึกนี้ได้อีกต่อไป…หยวนหลงที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ ร่างกายยังคงชุ่มไปด้วยละอองน้ำที่เกาะพราวตามแผงอกและกล้ามเนื้อแน่นกระชับผ้าขนหนูผืนเดียวที่พันรอบสะโพกของเขาเผยให้เห็นร่องรอยของความเป็นชายที่น่าหลงใหล ความคิดเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นในหัวทันทีเมื่อเขานึกถึงถังหูลู่ น้องสาวบุญธรรมที่เขาชอบกลั่นแกล้งมาตั้งแต่ไหนแต่ไร‘สงสัยจะต้องแกล้งให้เธอหน้าแดงเล่นอีกแล้ว...’ หยวนหลงยิ้มมุมปาก เดินตรงไปยังห้องของถังหูลู่ด้วยท่าทีสบาย ๆ เขาหมุนลูกบิดประตูเข้าไปโดยไม่ได้เคาะตามนิสัย และสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าก็ทำให้เขาชะงักไปชั่วขณะร่างเปล
七หยวนหลงไม่ได้ตอบในทันที เขาเดินเข้ามาใกล้ช้า ๆ สายตาคมกริบของเขาจับจ้องเธออย่างไม่ละสายตา และทันทีที่ถังหูลู่เหลือบมองไปยังผ้าขนหนูตรงช่วงล่างของเขา เธอก็ต้องเบือนหน้าหนีด้วยความตกใจ เพราะสิ่งที่เธอเห็นใต้ผ้าขนหนูนั้น โป่งนูนจนยากจะปฏิเสธว่าเขาได้รับผลกระทบจากสิ่งที่เพิ่งเห็น‘หรือว่าเฮียเขาจะมีอารมณ์กับเรา?’ ถังหูลู่อดคิดไม่ได้“เฮียสิที่ต้องถามว่าหนูกำลังทำอะไรอยู่...” น้ำเสียงของเขาแฝงด้วยความดุร้าย ปลายประโยคเปรียบเสมือนคำสั่งที่กดดัน‘อา...อย่าบอกนะว่าเธอกำลังครางเรียกเราอยู่...ร้ายไม่เบาเลยนะอาหมวย...’ เขาเองก็ยากที่จะปฏิเสธความคิดที่แสนโสมมของตัวเอง ซึ่งอาจจะเป็นความจริงที่ยากจะยอมรับได้ในขณะนี้หยวนหลงหยุดยืนตรงข้างเตียง จ้องมองเธอที่กำลังนั่งขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ดวงตาคู่นั้นของเขาราวกับสัตว์ร้ายที่เพิ่งพบเหยื่ออันโอชะ“เฮีย...คือ...เอ่อว่า...หนู...” เสียงของถังหูลู่ขาดห้วง เธอไม่รู้จะหาคำอธิบายอะไรให้ตัวเองดี ความจริงมันชัดเจนเกินไป ภาพที่หยวนหลงเห็นนั้นได้บอกทุกสิ่งที่เธอไม่สามารถปฏิเสธได้‘ทำไงดี...ทำไงดี...ทำ
八 “เป็นไงบ้าง...ชอบรึเปล่า?” เสียงกระซิบของหยวนหลงดังใกล้ใบหู ทำให้ขนอ่อนบนร่างกายของเธอลุกชัน ความอบอุ่นจากลมหายใจของเขาทำให้ใบหน้าของเธอร้อนวูบจนแทบลุกเป็นไฟ ‘อื๊อ~เฮีย...อย่ามาพูดใกล้ ๆ หูแบบนี้สิ...มันยิ่งทำให้หนูเงี่ยน...' เธอคิดแต่ไม่ได้พูดออกมา “เฮีย...หนูเสียว...อ๊า...เสียวมากเลย...” ส่วนคำพูดที่หลุดออกมาจากปากของถังหูลู่ก็แทบจะกลืนหายไปกับเสียงครางหวาน ร่างกายของเธอร้อนระอุจนหยาดเหงื่อไหลซึมออกมาตามไรผมและแผ่นหลัง เธอพยายามห้ามตัวเองไม่ให้หลุดปล่อยความรู้สึกออกมามากกว่านี้ แต่ทุกการเคลื่อนไหวของนิ้วของหยวนหลงกลับทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังถูกผลักให้จมลึกลงไปในห้วงแห่งความเสียวซ่าน “ทำแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว...” เขาถามด้วยน้ำเสียงเจือความสนุก ราวกับพึงพอใจที่ได้เห็นเธออยู่ในสภาพนี้ ถังหูลู่หลบสายตาคมกริบของเขา หัวใจเต้นแรงจนแทบหลุดออกมานอกอก “ก็ตั้งแต่ที่กินข้าวเสร็จ...อึ๊ก...อ๊า...” เธอตอบออกมาพร้อมเสียงสะอื้นอย่างขัดเขิน ใบหน้าของเธอแดงซ่านจนลามไปถึงลำคอ แจ๊ะ! แจ๊ะ! แจ๊ะ! เสียงน้ำที่ดังขึ้นอย่างชัดเจนระหว่างนิ้วของเขาและร่องรักของเธอทำให้เธอยิ่งอับอาย แต่กลับไม่สามารถหยุ
九 หลังประตู เสียงเคาะประตูดังขึ้นสามครั้ง ทำลายความเงียบที่เพิ่งกลับคืนมาในห้อง ถังหูลู่สะดุ้งเฮือก หัวใจเต้นระส่ำเมื่อเสียงนั้นมาพร้อมกับน้ำเสียงที่คุ้นเคย “น้องถัง! เห็นเฮียหลงบ้างไหม?” เสียงของหยวนยิงดังขึ้นจากอีกฟากของประตู หยวนยิงอยู่ในชุดนอนลำลอง ผ้าขนหนูพาดบ่า บ่งบอกว่าเขาเพิ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ ๆ ผมเปียกยังมีหยดน้ำเกาะพราว บ่งบอกถึงความสดชื่นที่ตัดกับสถานการณ์ตึงเครียดที่กำลังเกิดขึ้นภายในห้อง ถังหูลู่รีบปรับสีหน้าพลางตอบกลับไปด้วยเสียงที่พยายามทำให้ราบเรียบ แต่ไม่อาจปิดความร้อนรนในน้ำเสียงได้ทั้งหมด “ไม่เห็นเลยค่ะ...” หยวนยิงเงียบไปชั่วครู่ก่อนถามต่อด้วยน้ำเสียงสงสัย “แล้วตอนนี้ทำอะไรอยู่?” “อาบน้ำอยู่ค่ะ...แป๊บนะเฮีย...” เสียงตอบกลับดังออกมาจากหลังประตูอย่างเร่งรีบ เธอเหลือบมองหยวนหลงที่นั่งสงบอยู่บนเตียง ขณะที่ตัวเธอพยายามรวบรวมสติและทำให้ดูเป็นปกติที่สุด หยวนยิงยืนรออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เสียงปลดล็อกประตูจะดังขึ้น ประตูแง้มออกเพียงเล็กน้อยพอให้เห็นร่างของถังหูลู่ที่อยู่ในชุดผ้าขนหนูพันรอบกาย ผ้าขนหนูผืนน้อยเผยให้เห็นไหล่ขาวเนียน และช่วงขาเรียวเล็กที่ชวนมองโดยไม่ตั้งใจ
二十“ก็ได้...อาบน้ำก็อาบน้ำ...” เธอพูดตัดบทพร้อมคว้าผ้าขนหนูจากปลายเตียงแล้วเดินตรงไปยังห้องน้ำสายตาของหยวนยิงมองตามเธอไป รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏขึ้นบนมุมปากขณะเขายืนเล่นกับเป่าเปาต่อไป ส่วนถังหูลู่ที่เดินเข้าไปในห้องน้ำกลับยังคงรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงจนแทบควบคุมไม่ได้เธอยืนพิงประตูห้องน้ำ มือหนึ่งจับที่อกตัวเอง พยายามปรับลมหายใจให้กลับมาเป็นปกติในห้องน้ำอันเงียบสงบ เสียงน้ำที่หยดเบา ๆ จากก๊อกใหม่เอี่ยมดังสะท้อนอยู่ในอากาศ ถังหูลู่ยืนอยู่หน้ากระจก ใบหน้าของเธอสะท้อนออกมาพร้อมกับดวงตาที่ดูหม่นหมองและแฝงไปด้วยความสับสน‘อืม...เมื่อวานเราหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่นะ...รู้สึกเหมือนภาพตัดไม่มีผิด...’ เธอคิดในใจ ขณะปล่อยมือสัมผัสกระจกเย็น ๆ เหมือนต้องการปลุกตัวเองให้กลับมามีสติเธอค่อย ๆ ถอดเสื้อผ้าทีละชิ้น ความเย็นของอากาศกระทบกับผิวเนียนละเอียดของเธอ เผยให้เห็นร่างที่สมส่วนราวกับงานศิลป์ที่ถูกปั้นแต่งด้วยความพิถีพิถัน กระจกตรงหน้าสะท้อนความงามของเธอ แต่ความคิดในหัวกลับหมุนวนเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อวานอย่างหยุดไม่ได้หยวนหลง... ภาพของเขาเข้ามาในหัว เธอจำได้ดีถึงสัมผัสของเขา นิ้วที่ลากผ่านร่องรักของเ
十九 “อ่ะ...ใครเป็นคนพับผ้าปูที่นอนให้เราล่ะเนี่ย...?” เธอพึมพำเบา ๆ สีหน้าผสมระหว่างความแปลกใจและความประทับใจ กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของผ้าที่เพิ่งอบเสร็จลอยขึ้นมาแตะจมูก เธอจ้องมองผ้าปูที่นอนในตะกร้า สัมผัสได้ถึงความใส่ใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่แฝงอยู่ในสิ่งนี้ ใครบางคนในบ้านอาจพยายามช่วยเหลือเธอโดยไม่ได้พูดอะไรเลย หัวใจของเธอที่ยังคงเต็มไปด้วยความวุ่นวายและคำถามมากมายเริ่มรู้สึกอบอุ่นขึ้นเพียงเล็กน้อย แม้ความสัมพันธ์นี้จะเต็มไปด้วยความซับซ้อนและข้อห้าม แต่การกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้กลับทำให้เธอรู้สึกว่าเธอไม่ได้อยู่ลำพังในเส้นทางที่ยากลำบากนี้ ‘ใครกันนะ...เฮียหลงหรือเฮียหยิง?’ เธอยิ้มบาง ๆ ก่อนจะหยิบตะกร้าผ้าแล้วเดินกลับไปยังห้องของตัวเอง พร้อมหัวใจที่ยังคงเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ยากจะบรรยาย เวลา 06:30 น. เช้าที่เงียบสงบในบ้านหลังใหญ่ถูกเติมเต็มด้วยแสงแดดอ่อน ๆ ที่สาดลอดผ่านผ้าม่านสีอ่อนในห้องนอนของถังหูลู่ สาวแว่นที่เช้านี้กลับไม่ได้สวมแว่นตาคู่ใจ เสียงลมหายใจเบา ๆ ของเธอผสมกับเสียงกรนแผ่ว ๆ จาก เป่าเปา แมวอ้วนพันธุ์แร็กดอลล์แสนซุกซนที่นอนขดตัวอยู่ข้าง ๆ สภาพของทั้งคู่ดูไม่ต่างกัน—น้
十八หยวนยิงยิ้มบาง ๆ มองเธอด้วยสายตาที่ลึกล้ำราวกับจะมองทะลุหัวใจเธอ “น้องถัง...เรื่องระหว่างเรา...มันเกินกว่าคำว่าพี่น้องไปตั้งแต่เมื่อกี้แล้วล่ะ...” น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนแต่มั่นคง และคำพูดนั้นก็เสียบแทงหัวใจเธอโดยตรงสายตาของเขาทำให้ถังหูลู่ร้อนรุ่ม เธอไม่อาจทนมองนัยน์ตาคู่นั้นได้ เธอหลบสายตาแต่กลับพบว่าขาของตัวเองก้าวเดินเข้าไปหาเขาโดยไม่รู้ตัว “ถ้าเฮียต้องการ...” คำพูดที่แผ่วเบาเหมือนเสียงกระซิบของเธอทำให้เขาเผยรอยยิ้มที่แฝงความพึงพอใจออกมา หยวนยิงมองเธอเดินเข้ามาใกล้จนยืนอยู่ตรงหน้า เขาเอียงศีรษะเล็กน้อยพลางเอื้อมมือขึ้นมาเชยคางเธอ “ไม่ปฏิเสธเลยเหรอ?” เขาถามพร้อมแววตาที่ดูจะล้อเล่น แต่กลับทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกตรึงไว้ในสถานการณ์ที่ไม่มีทางหนี ‘เฮียหยิง...เขาช่างน่ากลัวและเจ้าเล่ห์...แต่เขาก็ดึงดูดหัวใจเรา...เขาทำให้เราห้ามตัวเองไว้ไม่อยู่...’ เธอคิดในใจ หัวใจเต้นแรงจนเธอแทบจะได้ยินเสียงมันสะท้อนอยู่ในหู หยวนยิงปล่อยมือจากคางของถังหูลู่ เขาเลือกที่เอื้อมแขนไปกอดเธอและค่อย ๆ ดึงเธอเข้ามาใกล้ ร่างเล็กของเธอถูกพามานั่งลงบนต้นขาของเขาอย่างแผ่วเบาถังหูลู่ไม่ได้ปฏิเสธหรือขัดขืน
十七หยวนหลงหัวเราะในลำคออีกครั้ง “ไม่ใช่วันนี้สิเฮีย...ผมแค่พูดไว้ก่อน...ไว้เราค่อยมาคุยกันอีกที” เขาตอบกลับด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากทั้งคู่ทำให้ถังหูลู่ที่แอบฟังอยู่รู้ระส่ำระสายเข้าไปใหญ่ ‘อะไรล่ะเนี่ย...ทำไมไม่คุยกันให้รู้เรื่อง...เราจะได้เสือกอย่างรู้ความ...แบบนี้มันก็ค้างคาน่ะสิ...พวกเฮียเนี่ย...นิสัยไม่ดีเลยจริง ๆ ’หยวนยิงเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยเสียงนิ่ง “ตามใจแกเลย...แต่นี่ห้องเฮีย ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ออกไป...เฮียจะนอน” หยวนหลงยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ แต่ก็ยังทำตัวทะเล้น “โธ่~เฮีย...ผมเข้ามาแค่แป๊บเดียวเอง” “รกหูรกตา...ออกไป” หยวนยิงพูดเสียงเรียบ ก่อนจะเดินตรงไปจับลูกบิดประตู เตรียมจะปิดใส่น้องชาย หยวนหลงยิ้มมุมปากอย่างยอมแพ้ “ครับ ๆ ...ผมไปแล้วก็ได้” เขาหันหลังเดินออกไปอย่างไม่รีบร้อน “เออ ๆ ไปให้พ้นสักที” หยวนยิงพูดไล่หลัง ก่อนจะปิดประตูและล็อกมันอย่างเรียบง่าย เมื่อหยวนหลงออกไปแล้ว ถังหูลู่ก็หันกลับมามองเงาของตัวเองในกระจก เธอสูดลมหายใจลึกเพื่อสงบสติอารมณ์ก่อนจะถอดแว่นตาออกและวางไว้ตรงขอบอ่างเปิดน้ำล้างหน้าล้างตา เพื่อลบคราบที่หลงเหลือจากเหตุการณ์ก่อนหน้า น้ำเย็
十六“เฮียหยิง...กล่องกระดาษลังที่ใส่หนังสือของผมอยู่ที่เฮียรึเปล่า...” เสียงจากอีกฝั่งของประตูดังขึ้น เป็นเสียงทุ้มนุ่มที่คุ้นเคยที่แฝงความติดตลกตามแบบฉบับของผู้พูดหยวนยิงที่กำลังพยายามจัดการตัวเองให้ดูเรียบร้อย ตะโกนตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “อยู่...แปปนะ...” เขาหันกลับมามองถังหูลู่ที่กำลังลุกขึ้นยืนอย่างลนลาน ผมยุ่งเหยิง ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก เธอพยายามจะปรับเสื้อผ้าให้เข้าที่ด้วยมือสั่น ๆ “หลบในนี้ก่อนนะ...” หยวนยิงเอ่ยพลางดึงประตูห้องน้ำเปิดออก เขาชี้มือเข้าไปข้างในพร้อมรอยยิ้มที่อ่อนโยน “คะ...ค่ะ...” ถังหูลู่ตอบรับด้วยเสียงสั่น พยักหน้ารับเบา ๆ เธอก้าวเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว ก่อนที่หยวนยิงจะหัวเราะอย่างอารมณ์ดี สายตาคมคู่นั้นมองใบหน้าของเธอที่ยังมีคราบของเขาเปื้อนอยู่ เขาเอื้อมมือมาลูบหัวเธอเบา ๆ ราวกับปลอบโยนลูกแมวที่กำลังหวาดกลัว ก่อนจะปิดประตูห้องน้ำลงอย่างนุ่มนวล ภายในห้องน้ำแคบ ๆ ถังหูลู่ยืนพิงประตู ใจเธอเต้นแรงเหมือนจะหลุดออกจากอก เธอหลับตา พยายามสูดลมหายใจลึก ๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ แต่ภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ยังคงวนเวียนในหัว ‘รู้สึกตื่นเต้นดีจัง...’
十五 อ๊อก! อ๊อก! อ๊อก! เสียงที่ดังถี่รัวเหมือนจังหวะของกลองศึกเร่งเร้าอารมณ์ให้ทวีคูณ หยวนยิงส่งเสียงคำรามต่ำในลำคอครั้งแล้วครั้งเล่า ร่างกายเขาเกร็งจนเส้นเลือดปูดขึ้นตามแขนและลำคอ ความร้อนที่กักเก็บไว้พุ่งทะยานจนถึงขีดสุด “อีกนิดเดียว...” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ก่อนที่เสียงสะอื้นสุดท้ายจะดังขึ้นพร้อมกับการปลดปล่อยทุกความรู้สึก “อื๊อออ~!!” เสียงครางลากยาวของถังหูลู่ดังลั่น เธอปล่อยร่างกายให้ไหลไปตามกระแสความสุขสม ดวงตาเหลือกขึ้นจนเห็นเพียงตาขาว เธอรู้สึกเหมือนจะหลอมละลายไปทั้งตัว ร้อนวาบบริเวณลำคอและโพรงปาก ร่างกายเธอสั่นสะท้านราวกับคลื่นไฟที่ลามไปทั่วทุกอณู หยวนยิงที่ถึงจุดปลดปล่อยรีบถอนตัวเองออกมา น้ำของเขาพวยพุ่งอย่างไม่อาจหักห้าม มันราดรดไปทั่วทั้งโพลงปากและปลายลิ้นของถังหูลู่ ก่อนที่จะออกมาด้านนอกและกระเด็นกระดอนไปทั่วใบหน้าของเธอ ของเหลวอุ่น ๆ สีขาวขุ่นที่พรมลงมาแปดเปื้อนทั่วใบหน้าของเธอ มอบสัมผัสที่ร้อนรุ่มและชุ่มฉ่ำ แม้ในด้านหนึ่งจะน่าขยะแขยง แต่ในอีกด้านหนึ่งมันกลับน่าหวาดเสียวจนทำให้ใจสั่นเทา กลิ่นคาวใคร่และความเหนียวเหนอะหนะ เธอได้สัมผัสถึงพวกมันได้เป็นอย่างดี
十四 ในขณะที่หยวนยิงกดดันอย่างหนักหน่วง ความอึดอัดที่เริ่มต้นจากลำคอของถังหูลู่ก็ค่อย ๆ ทวีความรุนแรง ร่างกายของเธอเหมือนถูกกักขังอยู่ในความทรมานที่ไม่อาจหนีหาย แต่ในขณะเดียวกันความซ่านเสียวที่แผ่ซ่านไปทั่วก็เหมือนกระแสไฟฟ้าที่วิ่งผ่านเส้นประสาท นัยน์ตาสีดำภายใต้กรอบแว่นของถังหูลู่เหลือกลอย น้ำตาคลอขอบตาราวกับจะไหลพรั่งพรู ขณะที่ริมฝีปากอ้าค้าง น้ำลายใส ๆ หยดลงมาตามมุมปากไหลลามไปจนถึงปลายคาง เธอพยายามจะกลืนน้ำลายเพื่อบรรเทาความแน่นในลำคอ แต่กลับกลายเป็นว่ามันยิ่งทำให้เธอสำลักจนเสียง “อั่ก ๆ” ดังออกมาจากลำคอ ร่างกายของเธอสั่นระริก สองมือจิกลงบนหน้าขาของเขาเพื่อหวังจะยุติสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น “อื๊อออ~!!” เสียงร้องของเธอดังลอดออกมาพร้อมกับลมหายใจหอบกระเส่า มันไม่ใช่เสียงแห่งการปฏิเสธแต่เป็นเสียงที่เต็มไปด้วยความผสมปนเปของความทรมานและความสุขที่แสนจะบิดเบี้ยว ‘เฮีย... มันแน่นเกินไปแล้ว!’ เธอพยายามที่จะตะโกนออกมาด้วยเสียงสั่นเครือราวกับจะขาดใจ แต่เสียงที่เล็ดลอดก็อู้อี้เกินกว่าที่จะเข้าใจความหมาย มือหนึ่งยังคงจิกหน้าขาเขาอย่างหนักหน่วง ส่วนอีกมือกำลำคอของตัวเองจนแน่น ราวกับจะหาที่พึ่งพิงจ
十三 ‘งื้อ~พอมาเห็นกับตาชัด ๆ แล้วมันใหญ่...ใหญ่มาก...ใหญ่มากเลยจริง ๆ ! ทำไมมันถึงได้ใหญ่ขนาดนี้กันล่ะเนี่ย...ใหญ่ซะจนไม่น่าเชื่อเลยว่าเป็นโคยของคน...เฮียเขาคิดยังไงถึงอยากให้เราอมมัน...โคตรจะน่ากลัว...’ ถังหูลู่กัดริมฝีปากล่างแน่น ความรู้สึกหวั่นไหวระคนความอายทำให้เธอไม่กล้าเงยหน้าสบตาหยวนยิงได้เต็ม ๆ เสียงหัวใจที่เต้นถี่เร็วอยู่ในอกนั้นแทบจะดังกลบความคิดของเธอไปหมด ท่อนเนื้อตรงหน้า แม้ว่าจะเย้ายวนใจ แต่มันก็ชวนให้รู้สึกหวาดหวั่นอย่างอดไม่ได้ ทั้งขนาดและความยาวที่พอ ๆ กับแขนเล็ก ๆ ของถังหูลู่ เส้นเอ็นที่ปูดโปนล้อมรอบ รวมถึงความกระตือรือร้นของมันที่ชูชันอย่างเต็มที่ ทำให้มันน่าสะพรึงกลัวสำหรับเธอ “หนูไม่ไหวหรอกค่ะ...มันเกินไปสำหรับหนู...เฮียก็เห็นนี่คะว่าปากหนูมันเล็กแค่ไหน...มันเล็กมากเลยใช่ไหมล่ะคะ?” เสียงของเธอสั่นไหว แต่เธอยังคงพยายามรวบรวมความกล้าไว้ในน้ำเสียง ท่าทางทำปากจู๋ที่เธอแสดงออกมาแม้จะดูน่าขัน แต่ก็แฝงไว้ด้วยความไร้เดียงสาที่ยากจะมองข้าม หยวนยิงจ้องมองเธอด้วยแววตาคมกริบที่เหมือนอ่านทะลุทุกความคิดของเธอได้หมด “ดูท่าแล้วน้องถังของเฮียคงจะชอบแบบที่โดนบังคับมากกว่าน
十二ถังหูลู่ตะลึงค้าง ดวงตาเบิกกว้าง เธอหันมามองชายหนุ่มตรงหน้าที่กำลังยืนขวางประตู ร่างสูงใหญ่และแววตาที่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ทำให้เธอขนลุกไปทั้งตัว ความเงียบงันในห้องนั้นอึดอัดจนเธอแทบหายใจไม่ออก“เฮีย… เฮียจะทำอะไรกับหนู...” เธอพูดเสียงสั่น ขณะที่ก้าวถอยหลังช้า ๆ ราวกับกวางที่พยายามหนีจากเงื้อมมือของเสือที่พร้อมจะขย้ำหยวนยิงยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย เขาไม่ตอบ แต่สายตาของเขาบ่งบอกทุกอย่างชัดเจน ราวกับว่าเขาคือผู้ล่า และเธอคือเหยื่อที่ไม่มีทางหนีรอด...บนหน้าจอคอมพิวเตอร์เวลา 23:59 น. ตัวเลขสีขาวบนพื้นหลังดำระยับสะท้อนแสงวูบไหวถังหูลู่พยายามรวบรวมสติจัดการไฟล์งานสุดท้ายอย่างรีบเร่ง ก่อนจะกดส่งให้เพื่อน ๆ เสร็จสิ้นตรงตามเวลา ร่างบางนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิมที่หยวนยิงเคยนั่งเมื่อครู่ ทว่าความรู้สึกของเธอในตอนนี้แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เธอรู้สึกเหมือนนั่งอยู่กลางเวทีที่มีสายตาของผู้ชมคอยจับจ้องอยู่และผู้ชมคนนั้นก็คือหยวนยิง...ชายหนุ่มยืนอยู่ด้านหลังของเธอ แขนข้างหนึ่งเท้าพนักพิงเก้าอี้ไว้ราวกับกำลังล้อมกรอ