ร่างบางขยับเข้าหาความอบอุ่นมือเรียวลูบไล้แผงอกแข็งแกร่งไปมา ' วันนี้เจ้าหมีของนางดูตัวโต และกอดอุ่นกว่าทุกวัน ' พลันนึกขึ้นได้ว่านางไม่ได้อยู่ที่โลกเดิมแล้ว เปลือกตาที่เคยปิดสนิทอยู่ก็ลืมตาขึ้นมาด้วยความตกใจ มือของนางวางอยู่บนแผงอกของท่านแม่ทัพที่กำลังหลับสนิทอยู่ นางมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างพินิจมีรอยคล้ำใต้ดวงตาเล็กน้อยสีหน้าอ่อนล้า ที่เขาบอกว่ากลับเรือนไม่ไหวนั้นคงเป็นเรื่องจริง นางกำลังจะเอามือออกจากอกของเขา แต่ยังไม่ทันได้ขยับ มือหนาก็ยกขึ้นมากุมมือของนางเอาไว้ก่อน " จะไปไหน มองต่ออีกหน่อยก็ได้ ข้าไม่รีบ " " นี่ท่านตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ " เขาหันหน้ามาหานางทำให้ตอนนี้เราสองคนนอนหันหน้าเข้าหากัน " ก็...ตั้งแต่มีคนเอามือมาลูบไล้ข้านะสิใครจะไปหลับลง " เขาตอบแบบหน้าตายอีกแล้ว นางมองเขาอย่างเอาเรื่อง ' ข้าอยากจะบีบคอท่านนัก ' นางได้แต่ร่ำร้องในใจ " ปล่อยข้าได้แล้วเจ้าค่ะ " เขาก็ยังทำเป็นไม่ได้ยินแถมยังกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นไปอีก " ขอข้านอนต่ออีกหน่อยนะลู่เอ๋อ ข้ายังไม่ได
รถม้าจวนแม่ทัพเคลื่อนมาหยุดที่หน้าจวนสกุลจ้าว หนึ่งบุรุษชุดดำผู้องอาจเดินเคียงคู่กันกับสตรีชุดสีน้ำเงินผู้สง่างาม บุรุษผู้ที่เขาได้ตั้งให้เป็น เสาหินแห่งกองทัพทมิฬนั้นมองสตรีข้างกายด้วยสายตาอ่อนโยนช่างเป็นภาพที่หาดูได้ยากยิ่ง จ้าวเฟยเทียน มองดูสหายตนที่ไม่เคยชายตามองสตรีใด ปฏิบัติกับน้องสาวของเขาอย่าง ทนุถนอมแล้วมองแค่เพียงแวบเดียวก็รับรู้ได้ว่านี่ไม่ใช่การแสดงละครเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา เป็นไปตามคำบอกเล่าของของ เฟยหลิง ที่มาเล่าให้เขาฟังว่าเจ้าเสาหินนี่เริ่มสั่นคลอนแล้ว ในโลกใบนี้คงมีแค่เจ้าเสาหินนี่ที่เขาพอจะวางใจ' ให้ดูแลน้องสาวผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของบุรุษทั้งสามของสกุลจ้าวแห่งนี้ได้ " คาราวะพี่ใหญ่เจ้าค่ะ " เสียงหวานเอ่ยทักพร้อมรอยยิ้ม " น้องเล็ก " เขาตอบรับนางด้วยรอยยิ้มเอ็นดูและแสนอบอุ่น " ทำไมวันนี้พี่ใหญ่ถึงได้ว่างล่ะเจ้าคะ " นางเอียงคอมองเขาอย่างสงสัย ในความทรงจำของร่างนี้ พี่ชายคนนี้รักและใจดีกับนางมากแต่เขามักจะงานยุ่งอยู
รถม้าเคลื่อนตัวออกจากจวนสกุลจ้าวใน ยามโหย่ว ภายในรถท่านแม่ทัพนั่งเงียบตั้งแต่ออกมาจากจวนสกุลจ้าวแล้ว จ้าวฟางลู่ นางมองหน้าเขาจากด้านข้างเหมือนเขามีเรื่องอะไรในใจ " ท่านแม่ทัพ ท่านเป็นอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ " เขามองหน้านางนิดนึงแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ' เป็นอะไรของเขานะ เมื่อเช้ายังดี ๆ อยู่เลย หรือว่าจะไม่สบาย ' นางเอื้อมมือไปแตะที่หน้าผากของเขา ' ก็ไม่ร้อนนี้ แต่หน้าเขาแดงมากเลยนะ ' นางขยับเข้าใกล้เขามากขึ้น " เจ้าอย่าทำอะไรที่ทำให้ตัวเองต้องนึกเสียใจทีหลังเลย เพราะเจ้ากำลังจะทำให้ข้าหมดความอดทน " เขาพูดด้วยน้ำเสียงสกัดกั้นอารมณ์บางอย่างเอาไว้ " ท่านเป็นอะไรกันแน่เจ้าคะ มีอะไรก็พูดมาตรง ๆ ได้เจ้าค่ะ ว่าข้าทำอะไรผิดกันแน่ ต่อไปข้าจะไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของท่านอีกแล้ว..อื้อออ ...." นางพูดยังไม่จบเขาก็จัดการปิดปากนางด้วยปากซะก่อนจากการปิดปากเฉย ๆ เขาเริ่มเรียกร้องหาความหอมหวานจากนาง แม้เขากับนางจะเจอกันแทบทุกวัน แต่ต้องทนมองดูนางเฉย ๆ มันช่างทรมานใจยิ่งนัก เขาอยากกอด อยากสัมผัสนาง แต่ถ้าลุกมากไป ก็กล้วว่านางจะกวาดกลัวเขาเสียก่อน เขามอบจูบที่แสนหวานให้นาง และค่อย ๆ เริ่
จ้าวฟางลู่ และเจียวซิน ช่วยกันเตรียมของนางให้เจียวซินเตรียมจำพวกเสื้อผ้าเครื่องประดับและของใช้ที่จำเป็นส่วนนางจัดเตรียมอาวุธฯ ยาและอุปกรณ์ทำแผลที่จำเป็น กว่าจะเสร็จก็ปาเข้าไปยามโหย่วแล้ว เมื่อคืนหลังจากที่ท่านแม่ทัพกลับมาส่งนางที่จวน เขาก็ขอตัวตามห้าวชวนไปที่กรมยุติธรรมเพื่อสอบสวนคนร้ายในทันที แม้ระหว่าทางที่นั่งรถม้ามาเขาจะไม่ได้พูดอะไรก็ตาม เพียงแต่นั่งกอดนางมาตลอดทางเท่านั้นเอง นางก็ไม่รู้ว่าภายในใจเขาคิดอะไรอยู่ จนถึงตอนนี้นางยังไม่ได้เจอเขาอีกเลย " ซินเอ๋อ เจ้าไปพักผ่อนเถอะ ข้าจะออกไปเดินเล่นสักหน่อย " " ให้ข้าไปเป็นเพื่อนไหมเจ้าคะ " นางถามอย่างเป็นห่วง " ไม่เป็นไรหรอก ข้าไปไม่นาน พรุ่งนี้ต้องออกเดินทางแล้วเจ้าไปพักเอาแรงเถอะ " " เจ้าค่ะ " นางเดินกลับห้องอย่างเลี่ยงไม่ได้ มิวายยังหันกลับไปมองนายหญิงของนางอย่างอดห่วงมิได้ นางกำลังเดินไปยังสะพานทางเข้าศาลาสระบัวและหยุดยืนอยู่ตรงนั้นเงิยหน้ามองท้องฟ้ายามราตรี ' นายหญิงนางคงอยากอยู่คนเดียวซักพัก '
เสียงเอะอะดังจากเรือนของฮูหยินน้อย สาวใช้คนสนิทของนางกำลังตรงมายังเรือนของท่านแม่ทัพอย่างเร่งรีบ " เจียวซินเจ้าจะรีบไปไหนหรือ " อาเต๋อถามคนงามที่กำลังมีท่าทีร้อนใจ " ข้าจะไปแจ้งท่านแม่ทัพ ฮูหยินน้อยนางหายตัวไป ข้าไม่รู้ว่านางหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ป่านนี้นางจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ " เสียงหวานเอ่ยอย่างร้อนใจและห่วงใยนายหญิงมาก " อืม...แต่ข้าว่า...ข้ารู้นะว่านายหญิงของเจ้าอยู่ที่ไหน " ร่างน้อยหยุดเดินหันกลับมามองหน้าร่างสูงอย่างรอคอยคำตอบ เขาเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้านางยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ นาง " เจ้าอยากรู้หรือไม่ว่านายหญิงของเจ้าอยู่ไหน " แม่นางน้อยพยักหน้ารับ ร่างสูงจึงเอียงแก้มให้นางแล้วชี้ที่แก้ม นางสบตาเขาใบหน้าหวานแดงระรื่น นางใช้มือเล็กหยิกแก้มเขาอย่างแรง " โอ๊ยยยย .....ข้าเจ็บนะ " " หึ เจ้าบ้า..ข้าไปหาท่านแม่ทัพเองก็ได้ " นางเดินหนีด้วยความอาย " เฮ้ยเดี๋ยว..เจ้าไปไม่ได้นะท่านแม่ทัพกำลังยุ่งอยู่ " เสียงดังจากด้านนอกทำให้ร่างบางอายจนแท
ท่านแม่ทัพควบม้านำขบวนคุ้มกันเสบียงออกเดินทางจากเมืองหลวง มุ่งหน้าลงทางตอนใต้ ของเมืองหลวง จ้าวฟางลู่ เปิดผ้าม่านออกเล็กน้อย มองกลับไปข้างหลังเห็นพี่ใหญ่ของนางยืนมองอยู่จึงโบกมือลา เขาส่งยิ้มให้นาง สาวน้อยสาวใหญ่ที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างจ้องมองเขาตาเป็นมัน แต่พี่ใหญ่กับไม่สนใจแม่นางคนไหนเลย นางมองดูเขาที่เริ่มหงุดหงิดที่มีสตรีมาจ้องมองเขา จ้าวเฟยเทียน มองดูสาวน้อย บนรถม้าที่กำลังหัวเราะเขาอยู่ ตั้งแต่นางหายป่วยก็ดูสดใสขึ้นซุกซนขึ้นมากจนขนาดคนอย่างเจ้าเสาหินยังสั่นไหวได้และหึงหวงจนออกนอกหน้า ถ้าหากการมีความรักทำให้คนเราเสียการควบ คุมตนเองไปได้ขนาดนั้นแล้ว ความรักคงเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับเขา ในขณะที่ร่างสูงกำลังหมุนตัวเดินกลับขึ้นรถม้าอยู่นั้น ผลัก มีแม่นางน้อยผู้หนึ่งวิ่งมาชนเขาอย่างแรง จนเกลือบล้มยังดีที่เขาจับแขนนางไว้ได้ทัน " ขออภัยด้วยเจ้าค่ะคุณชายท่านเจ็บตรงไหนไหมเจ้าคะ " นางถามเขาด้วยความนอบน้อมและหันกลับไปมองด้านหลังอย่าหวาดระแวง เขามองเสี้ยวหน้าด้านข้างของนาง ใบหน้าหวา
สายตาทุกคู่ในโรงเตี๊ยมหันมามองหนุ่มน้อยหน้าหวานสองคนที่เดินลงมาจากชั้นบนตรงเข้ามานั่งข้าง ๆ ท่านแม่ทัพที่นั่งหันหลังให้บันไดอยู่เขาจึงไม่ได้สนใจมอง สายตากลับจับจ้องอยู่ที่แผนที่บนโต๊ะตัวยาวอย่างใช้ความคิด เหล่าทหารต่างหวาดกลัวแท่นหนุ่มน้อยใจกล้าคนนั้น ร่างสูงมองหนุ่มน้อยข้างกายอย่างนึกสงสัยเหตุใดช่างใจกล้าไม่กลัวตายบังอาจมานั่งข้างเขา อย่างถือวิสาสะ เมื่อสบตากลมโตคู่นั้นแล้วร่างสูงกับนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง คิ้วหนาขมวดเข้าหากันก่อนจะยิ้มบาง ๆ ให้หนุ่มน้อยตรงหน้า เหล่าทหารต่างพากันแปลกใจและโล่งใจในคราเดียวกันที่ท่านแม่ทัพมิจับหนุ่มน้อยผู้น่ารักโยนออกไปข้างนอก " ทำไมเจ้าถึง " " เพื่อความสะดวกในการเดินทาง และจะได้ไม่เป็นจุดสนใจมากนักขอรับท่านพี่ " หนุ่มน้อยยิ้มอย่างสดใสให้ท่านแม่ทัพที่ทำหน้านิ่ง เหวินเยี่ยน มองคนทั้งคู่แล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ก่อนที่จะเบนความสนใจของท่านแม่ทัพใจให้หันมาสนใจแผนการเดินทางต่ออีกที หนุ่มน้อยหน้าหวานนั่งฟังพวกเขาวางแผนการเดินทางอย่างเงียบ ๆ เมื่อรับรู้ว่าหนทางข้า
ท่านแม่ทัพเร่งนำขบวนรถขนเสบียงออกเดินทางทันทีที่เหตุการณ์ทุกอย่างสงบลงมีผู้ได้รับบาทเจ็บไม่มากนักให้เร่งรักษาตัวระหว่างทาง ส่วนผู้เสียชีวิตจะนำไปฝังไว้ตรงเนินเขาด้านร่าง เขาต้องพาทุกคนออกไปก่อนที่ตะวันตกดินเพราะไม่อยากเสี่ยงประทะกับฝูงหมาป่า เหตุการณ์เมื่อกลางวันนั้นเป็นการรอบสังหารอย่างแน่นอน หากไม่ได้ภรรยาตัวน้อยของเขาช่วยไว้คงต้องมีการบาดเจ็บล้มตายมากกว่านี้หลายเท่าเป็นแน่ ขบวนรถขนเสบียงเดินทางโดยไม่หยุดพักที่ใดเลย จวบจนข้ามภูเขาได้สำเร็จในเวลาพบค่ำ เสียงหมาป่าบนภูเขาเริ่มเห่าหอนอย่างไม่ขาดสาย ทุกคนในขบวนเดินทางต่างโล่งใจที่เดินข้ามมาได้ทันเวลา ท่านแม่ทัพให้ห้าวชวนนำทหารออกสำรวจพื้นที่โดยรอบเมื่อพบว่าปลอดภัยจึงสั่งให้ตั้งกระโจม และจัดทหารยามคอยเดินตรวจตราทั้งคืน ยังมีทหารบางนายได้รับบาดแผลฉกรรจ์จากของมีคมเป็นทางยาวตามร่างกาย ยังดีที่ในขบวนมีหมอร่วมเดินทางมาด้วย แต่หมอคนเดียวต้องรักษาคนตั้งหลายสิบคนทำให้อาเ
จ้าวฟางลู่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา มองข้างกายเห็นคนตัวโตหลับตาพริ้มดูมีความสุขนักจนน่าหมั่นไส้ แต่ตัวนางกลับระบมไปทั้งตัวเลย ร่างบางขยับตัวเล็กน้อย มือหนาก็รั้งเอวบางเข้าไปกอดไว้แนบอก เมื่อคืนนี้กว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปยามโฉ่วแล้ว เขาเคี่ยวกรำนางทั้งคือจนไม่รู้จักเหน็บเหนื่อยนางเองก็ไม่รู้ว่าเขาไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนตั้งมากมาย มือหนาเริ่มลูบไล้ไปมาบนหน้าท้องแบนราบจนนางต้องยกมือขึ้นมาตีมือใหญ่เบา ๆ " โอ๊ยยยย .... พี่เจ็บนะ...เมื่อคืนเจ้าทำให้พี่ช้ำไปทั้งตัวแล้วยังจะมาทำร้ายร่างกายพี่อีก....ช่างใจร้ายยิ่งนัก " ใครกันที่ล่ำลือว่าท่านแม่ทัพนั้นน่ากลัวยิ่งกว่าพญามัจจุราชแต่สำหรับนางแล้ว เขาไม่ต่างจากลูกแมวตัวโตที่ขี้อ้อนเลยสักนิด " คนที่ช้ำคือข้าต่างหากล่ะเจ้าค่ะ ท่านนี่ช่างหน้าหนาเสียจริง แล้วท่านไม่ต้องไปดูแลความเรียบร้อยของขบวนเดินทางกลับเมืองหลวงหรอกหรือเจ้าคะ " " ไม่เอา.....พี่ยังง่วงอยู่เลย " ไม่พูดเปล่า ยังซ
ตงเฟยหลง กระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นเมื่อสัมผัสได้ว่าภรรยาตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา นางได้เผลอหลับไปแล้ว และบังคับม้าให้วิ่งช้าลง มองใบหน้าหวานจากด้านข้าง ลมหายใจของนางสม่ำเสมอ บ่งบอกได้ว่านางหลับแล้วจริง ๆ กว่าจะกลับถึงจวนก็เป็นเวลาเกือบรุ่งสาง มือหนาวางร่างบางลงบนเตียงอย่างเบามือ แต่มือน้อย ๆ ของนางกลับยกขึ้นมาโอบรอบคอของเขาอย่างรวดเร็ว จนร่างสูงตั้งตัวแทบไม่ทัน ทำให้เขาล้มลงมาทับบนตัวของนางใบหน้าของเขาและนางอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ ดวงตากลมโตจ้องมองเขาด้วยสายหวาน ปนขบขัน " นี่เจ้าตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ " นางยิ้มและหัวเราะเบา ๆ " ก็...มีคนอุ้มมาส่ง...สบายดีออกเจ้าค่ะ " ใบหน้าหล่อเหลายื่นเข้ามาใกล้ ๆ ด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ " แล้วใครบอกเจ้าล่ะ ว่าพี่จะแค่อุ้มมาส่ง " เสียงแหบกระซิบข้างหู ลมหายใจร้อน ทำให้ร่างบางหน้าแดงและรู้สึกร้อนรุ่มไปหมดทั้งตัว " ท่าน...พี่ ท่านไม่ต้องไปจัดการเรื่องของนายอำเภอหลิ่ว ก
ตงเฟยหลง จ้องมองไปยังร่างบางที่ นั่งทำหน้าตาเบื่อหน่าย อยู่ถ้ามกลางวงล้อมของศัตรู เขาเห็นชายผู้หนึ่งมีท่าทีคุกคาม และจะยืนมือไปสัมผัสนาง มือหนากำคันศรไว้แน่น ง้างธนูยิงไปที่คนผู้นั้นทันทีโดยไม่มีความลังเลซักนิด ลูกธนูปักเข้าที่มือของลูกสมุนคนนั้นพอดี ' อย่าได้บังอาจคิดที่จะแตะต้องผู้หญิงของข้า ' เสียงร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด ทำให้ลูกสมุนทุกคนแตกตื่นวิ่งมารวมตัวกัน ส่วนคนของสำนักม่านเมฆาเองก็อยู่ในท่าเตรียมพร้อม ทุกคนหันมามองตามทิศทางที่ลูกธนูพุ่งมา ก็เห็นเหล่าทหารจำนวนมากปรากฏอยู่ตรงหน้า พวกมันมีท่าทีที่ตกใจมาก แต่เขามิได้สนใจคนพวกนี้เลยที่สนใจมีเพียงนางเท่านั้น ดวงตากลมโตมองมาที่เขาแล้วยิ้มหวานให้ สายตาคมมองสำรวจนางจนแน่ใจว่าร่างบางมิได้บาดเจ็บที่ใดก็รู้สึกเบาใจ ตลอดทางที่มาเขาเป็นห่วงนางแทบแย่ ตงเฟยหลง หยุดม้าและกระโดดลงเดินเข้าไปใกล้ พวกของหลิ่วหยางอี้ โดยมีเหล่าทหารตามหลังมา " มาเร็วดีนี่..แม่ทัพตง " หลิ่วหยางอี้เอ่ย
จ้าวฟางลู่ นั่งทำหน้าเซ็ง ๆ อยู่บนเตียงไม้เก่า ๆ คนชุดดำแซ่เฉิน เมื่อกี้เขาพกดาบจันท์เซี้ยวมาด้วยแสดงว่าเขาเป็นคนของสำนักม่านเมฆาอย่างแน่นอน และดูท่าทางเขาจะเก่งพอตัวเลย แต่นางเคยได้ยินท่านแม่ทัพบอกว่าคนของสำนักม่านเมฆาจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องในราชสำนัก ส่วนคุณชายหลิ่วนั้น ก็คงจะเป็นลูกชายของนายอำเภออย่างไม่ต้องสงสัย นางถอนหายใจเบา ๆ ' ข้าคิดจะวางมืออยู่แล้วเชียว จับข้ามาทำไมตอนนี้เนี่ย เรื่องเก่ายังไม่เคลียร์กันกับท่านแม่ทัพเลย มาสร้างเรื่องใหม่ให้ข้าอีกแล้ว ' ตงเฟยหลง ขบกรามแน่น กำกระดาษในมือไว้แน่นและขย้ำจนมันกรายเป็นผุยผง พวกมันส่งจดหมายมาให้เขานำตัวนายอำเภอหลิ่ว ไปแรกกับตัวฮูหยินน้อย ที่จวนร้างนอกเมืองก่อนรุ่งสาง ' พวกเจ้าคิดจะใช้นางมาต่อรองกับข้างั้นหรือ แค่นายอำเภอคนเดียวมีค่าเสียที่ไหนกัน ' " ถ่ายทอดคำสั่ง ให้ทหารทุกหน่วยมารวมตัวกันกันที่หน้าประตูเมือง และส่วนเจ้า อาเต๋อ ไปที่กรองปราบนำตัวนายอำเภอมา " " ขอรับท่านแม่ทัพ " ทุกคนรับคำส
ท่านแม่ทัพสั่งการให้ทหารแต่ละหน่วยกระจายกำลังกันออกค้นหาตัวลูกชายของนายอำเภอหลิ่ว หลิ่วหยางอี้กับลูกสมุนให้เจอโดยเร็ว แม่ทัพตงเฟยหลง สังหรณ์ใจแปลก ๆ จึงได้ย้อนกลับไปที่จวนรับรอง เห็นอาเต๋อ กำลังจับลูกสมุนของหยางอี้ อยู่ " ฮูหยินน้อยล่ะ " เขาถามอาเต๋อ ด้วยความกังวลใจ ที่ไม่เห็นนางออกมาข้างนอก เกิดเรื่องขึ้นขนาดนี้นางไม่มีทางทนดูอยู่เฉย ๆ ได้แน่ " ฮูหยินน้อยนางเข้านอนแล้วขอรับ หรือว่า " อาเต๋อ หันไปมองลูกสมุนทั้งสามของหลิ่วหยางอี้ " พวกเจ้าล่อข้าออกมา " " ฮา ฮา ฮา พวกหน้าโง่ กว่าจะนึกได้ก็สายไปแล้วล่ะ " ลูกสมุนคนหนึ่งพูดขึ้น " นายน้อยข้าว่า... .......อ้าวหายไปไหนแล้วเนี่ย..ไม่รอกันบ้างเลย ..พวกเจ้านำตัวพวกมันไปขังไว้ เฝ้าไว้ให้ดี อย่าให้หนีไปได้ " อาเต๋อสั่งทหารยาม และรีบวิ่งตามเจ้านายของตนไปโดยเร็ว ตงเฟยหลง วิ่งมายังห้องนอนด้วยความเป็นห่วงและกังวลใจ นางจะเป็นอะไรหรือเปล่า ขออย่าให้เป็นอย่างที่เขาคิดไว้เลย มือหนาเอื้อมไปเปิดประตูห้องอย
ท่านแม่ทัพสั่งให้ทหารล้อมรอบจวนของนายอำเภอไว้ ห้ามผู้ใดเข้าออกเป็นอันขาด " ท่านนายอำเภอ หาข้าอยู่หรือ " เขาถามเสียงเหี้ยม จนนายอำเภอหน้าซีด " ท่านแม่ทัพ...เป็นไปไม่ได้ .." " ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ล่ะ ข้าก็แค่ช่วยให้คนรักกัน...ได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ก็เท่านั้นเอง ..... แต่ท่านนายอำเภอคงจะไม่มีโอกาสได้เห็นอีกต่อไป " เขากล่าวเสียงเรียบ แล้วส่งยิ้มให้คุณหนูหลิ่วและคนรักที่อยู่ภายในห้อง " ท่านแม่ทัพหมายความว่าอย่างไร ข้าน้อยมิเข้าใจ " นายอำเภอรู้ว่าแม่ทัพตงสงสัยตนเองแต่คงจะยังไม่มีหลักฐานเป็นแน่ " ข้าเองก็ขี้เกียดอธิบาย เชิญนายอำเภอหลิ่ว ถามหัวหน้าเหวินเองเถอะ " เขาเอ่ยพรางพยักหน้าให้ เหวินเยี่ยน จัดการต่อ " นี่คือคำสารภาพของ หลิ่วติงลู่ น้องชายของท่านนายอำเภอเขาได้ยอมรับสารภาพหมดแล้วว่า การปล้นเสบียง ที่ทางวังหลวงส่งมาครั้งแรกเป็นท่านที่สั่งการ และการรอบสังหารที่ภูเขาหมาป่าก็เป็นท่านนายอำเภอที่สั่งการเช่นกัน และก็ยังมีสัญญาการซื้อขายและสมุดบัญชีที่พวกท่าน
นายอำเภอหลิ่ว ได้เชิญท่านแม่ทัพมารับประทานอาหารที่จวนเพื่อเป็นการขอบคุณ ซึ่งเขาก็ตอบรับคำเชิญเป็นอย่างดี " ท่านแม่ทัพข้าขอแนะนำให้ท่านรู้จักบุตรีของข้า หลิ่วอี้ฮัว " " อี้ฮัวคาราวะท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ " เสียงหวานเอ่ยขึ้น นางมีใบหน้างดงามส่งยิ้มหวานมาให้ แต่ในแววตาหม่นหมอง เขาพยักหน้ารับและยิ้มให้นาง นายอำเภอหลิ่วสบตากับฮูหยินของตนของตนและยิ้มมุมปากที่ท่านแม่ทัพดูจะสนใจบุตรสาวของตน " และนี่บุตรชายคนรองของข้า หลิ่วหยางอี้ ตอนนี้เขาพึ่งได้รับตำแหน่งเล็ก ๆ ในกองปราบ " " คาราวะท่านแม่ทัพขอรับ " ตงเฟยหลงพยักหน้ารับเบา ๆ และหันไปสนทนากับนายอำเภอหลิ่วอย่างเป็นกันเอง พอทานอาหารเสร็จนายอำเภอหลิ่วชักให้เขาอยู่ร่ำสุราด้วยกันก่อน แล้วเริ่มมอมเหล้าท่านแม่ทัพจนเขาแทบจะทรงตัวไม่ไหว " วันนี้ข้าคงดื่มต่อไม่ไหวแล้ว คงต้องของตัว ....ห้าวชวน " ตงเฟยหลงเอ่ยลาแล้วเรียกห้าวชวนเข้าไปประคอง " หากท่านแม่ทัพกลับไม่ไหวก็พักที่เรือนรับรองก่อนก็ได้ " " ท่าน
หลังจากจัดการกับตาเฒ่าหัวงูนั้นเรียบร้อยแล้ว เหวินเยี่ยน จึงได้นำตัวเขาไปสอบสวนเพิ่มเติม ขืนปล่องให้นางเป็นคนสอบสวนเองคงได้เป็นศพอย่างแน่นอน ตงเฟยหลง ตื่นขึ้นมาพบว่าตนเองนอนอยู่ในห้องนอนของเรือนรับรองที่นายอำเภอหลิ่วจัดเตรียมไว้ให้ คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน ' ข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน ข้าจำได้ว่า ' เมื่อนึกย้อนกลับไป เขาต้องขบกรามไว้แน่น เมื่อนึกถึงสิ่งที่ภรรยาตัวน้อยของเขาทำ " จ้าวฟางลู่.....เจ้าช่างกล้านักนะ " เสียงแหบเอ่ยอย่างแผ่วเบาพร้อมขบกรามแน่นสกัดกั้นอารมณ์ที่กำลังปะทุขึ้นมาอีกรอบ " ท่านพี่...ฟื้นแล้วหรือเจ้าคะ " ร่างบางเดินยิ้มเข้ามาในห้องนอน เขาทำหน้านิ่งมองหน้าหวานนิดนึงแล้วไม่พูดอะไร ร่างสูงขยับตัวลุกขึ้นนั่ง " ชาเจ้าค่ะ " นางยิ้มหวานให้เขาอย่างเอาใจ " ขอบคุณมาก....แม่นาง " นางชะงักไปครู่หนึ่งมองหน้าเขาแล้วเม้นปากเข้าด้วยกันเหมือนกำลังข่มอารมณ์บางอย่างไว้ ' หึ..แค่นี้เจ้าก็โกรธแล้วหรือ ' " เอ่อ..ท่านพี่
ตงเฟยหลง มองสตรีตรงหน้าอย่างตกตะลึงนางอยู่ใน ชุดวาบหวิวจนทำให้เขาใจเต้นไม่เป็นจังหวะ หากว่าอยู่ในสถานการณ์ปกติเขาคงจับนางขึ้นเตียงไปแล้ว แต่ตอนนี้ต้องทำหน้าดุเข้าไว้ เขามองหน้าภรรยาตัวน้อยของเขาด้วยใบหน้าขึ้นสี เจ้าช่างใจกล้ายิ่งนัก เผลอแค่แป๊บเดียวนางก็ออกมาแต่งตัวยั่วยวนบุรุษอื่นจนได้ ' ข้าควรจับเจ้าขังไว้ดีหรือไม่ ' " ท่านแม่ทัพ " เสียงหวานเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย นางคงคิดไม่ถึงว่าเขาจะหานางเจอสินะ แต่ก็เพียงแค่วูบเดียวเท่านั้นนางก็สงบนิ่งได้อย่างน่าประหลาดใจ คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน ' นี่เจ้าจะไม่กลัวข้าจริงหรือ ' ร่างบางตรงหน้ามีท่าทีที่เปลี่ยนไป เขาไม่อาจคาดเดาความคิดของนางได้เลยสักครั้ง นี่คืออีกเรื่องที่เขาหนักใจ " หญิงงามทั้งสองคนไม่ถูกใจคุณชายหรือเจ้าคะ ท่านถึงได้มาที่นี่ด้วยตนเอง " นางเอ่ยถามเขาเหมือนเป็นคนแปลกหน้า ' ที่แท้เจ้าก็หึงข้าแล้วสินะแม่คนงาม หึ ' ถ้าเป็นเพราะเรื่องนี้ก็พอให้อภัยได้ แต่คำว่าคุณชายนี่ดูจะเกินไปหน่อย