เรือนบุหงาแม่นมลี่และหลิงซินช่วยกันเช็ดทำความสะอาดคราบเลือด และอาหารหมูที่อยู่บนกายของหลิงอวี๋แม่นมลี่เมื่อมองเห็นสภาพที่น่าสังเวชของหลิงอวี๋แล้ว ปวดใจเสียจนน้ำตาร่วงอย่างมิอาจควบคุมได้“พระชายา.... ท่านไปช่วยเฮยจื่อหรอกไม่ใช่หรือเจ้าคะ? เฮยจื่อฟื้นขึ้นมาแล้ว! แต่เหตุใดท่านถึงได้กลายเป็นเช่นนี้ไปได้เจ้าคะ?”หลิงอวี๋กึ่งหลับกึ่งฝัน นางได้ยินคำของแม่นมลี่ แต่ไม่อาจตอบกลับได้นางเหนื่อยเกินไป แค่อยากจะนอนหลับให้สบาย“ท่านแม่ ข้าจะเป่าให้ท่านขอรับ!”เสี่ยวเมาน้ำตาไหลริน คลานมายังขอบเตียงแล้วจ้องมองหลิงอวี๋เซียวหลินเทียนยังไม่เข้าไปในห้อง นั่งอยู่บนรถเข็นด้วยใบหน้าไร้ซึ่งอารมณ์จ้องมองยังพวกเขาไป๋สือเอ่ยออกมาเสียงเบา “กระหม่อมได้จัดยารักษาภายนอกให้กับหลิงอวี๋แล้ว และเขียนใบเทียบยาไว้ให้ อีกประเดี๋ยวให้หลิงผิงต้มยาให้นาง… นางจะไม่ตายพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนพยักหน้า นำลู่หนานจากไปเสี่ยวเมาจ้องยังเบื้องหลังของพวกเขาอย่างเกลียดชัง มือเล็กกำหมัดแน่นท่านแม่ถูกพวกคนร้ายเหล่านี้ทุบตีจนกลายเป็นเช่นนี้ เมื่อเติบใหญ่จะต้องแก้แค้นให้กับท่านแม่ให้จงได้!……ชิวเฮ่าคุกเข่าอยู่ในเรือนข
"น่องไก่เคเอฟซี แฮมเบอร์เกอร์แมคโดนัล... อยากกินทั้งหมดเลย!"หลิงอวี๋หิวท้องร้อง ในฝันกำลังกดโทรศัพท์มือถือสั่งอาหารเดลิเวอรีจู่ ๆ รู้สึกเจ็บที่กราม เจ็บจนรู้สึกตัวขึ้นมาเสียใจจนอยากจะร้องไห้!ทั้งเบอร์เกอร์และน่องไก่ของเธอกำลังบินจากไปแล้ว...“พระชายา ทาสผู้นี้รอให้ท่านกินยาอยู่นะเจ้าคะ!”มือที่เอื้อมมาบีบคางอย่างแรงเจ็บจนหลิงอวี๋ได้สติขึ้นมาชามดินเผาที่มีน้ำแกงยาถูกกรอกใส่ปากของนาง และยาถูกเทเข้าปากของนางอย่างแรงหลิงอวี๋เห็นใบหน้ายิ้มแปลกๆ ของหลิงผิงได้อย่างชัดเจน และในขณะเดียวกัน ประสาทรับรสที่เฉียบแหลมของนางก็ตรวจพบบางอย่างผิดปกติในยา...มันมีสารหนูอยู่ในนั้น!นางยกมือปัดชามยาทิ้งโดยสัญชาตญาณ และคายน้ำแกงยาออกมาเพล้ง!ชามยาตกลงไปที่พื้นและแตกเป็นเสี่ยง ๆจู่ ๆ สีหน้าของหลิงผิงก็เปลี่ยนไป นางจิกผมของหลิงอวี๋อย่างโหดเหี้ยมและตะคอกว่า“เจ้าคิดว่าเจ้ายังเป็นพระชายาผู้สูงส่งอยู่งั้นรึ?”“ข้าป้อนยาเจ้า แต่เจ้าไม่สำนึกบุญคุณ ยังกล้าทำชามยาตกแตก!”“วันนี้ข้าจะตีเจ้าให้ตาย หญิงสารเลวมิรู้จักบุญคุณคน”หลิงผิงตบหน้าหลิงอวี๋ จู่ ๆ หลิงอวี๋ก็ยกมือขึ้นไปคว้าข้อมือของนางทันท
"ท่านแม่!"“ปล่อยเขาซะ!”เสียงของหลินอวี๋และเสี่ยวเมาที่ดังขึ้นพร้อมกันแตกต่างกันก็คือเสียงเล็ก ๆ ของเสี่ยวเมาที่ยังมึนงงอยู่บ้าง เขาไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้แต่น้ำเสียงของหลิงอวี๋นั้นเยือกเย็นราวกับน้ำแข็งบรรยากาศเย็นยะเยือกที่แผ่ออกมาทำให้แม่นมที่อยู่ใกล้นางตัวสั่นไปหมดโดยไม่รู้ตัว“เสี่ยวเมาไม่ต้องกลัว!”เมื่อเห็นเสี่ยวเมาจ้องมองมาที่นาง หลิงอวี๋ก็ลดรังสีอมหิตลงไปได้บ้างนางยิ้มให้เสี่ยวเมาอย่างอ่อนโยน "พวกเรามาเล่นเกมกันนะ ปิดหู หลับตาไว้ จบเกมแล้วค่อยลืมตานะ!"“ขอรับ ข้าจะเชื่อฟังท่านแม่!”หลิงอวี๋ไม่เคยยิ้มให้เสี่ยวเมาอย่างอ่อนโยนเช่นนี้มาก่อน เสี่ยวเมาหลับตา และเอามือเล็ก ๆ ปิดหูของเขาไว้อย่างเชื่อฟังเชื่อฟังจริง ๆ !หลิงอวี๋พยักหน้าอย่างชื่นชมเมื่อนางหันหน้ากลับไป รอยแผลที่บนใบหน้าน่าเกลียดดูน่ากลัวเป็นพิเศษ และแผ่บรรยากาศเย็นเยียบกดดันออกมา“ข้าบอกให้ปล่อย ไม่ได้ยินรึ?”หลิงอวี๋ยื่นมือชี้ไปที่แม่นมที่กำลังอุ้มเสี่ยวเมา น้ำเสียงของนางเย็นชาราวกับยมทูตจากนรก!"ได้สิ ถ้าเจ้าอยากให้พวกเราปล่อยเสี่ยวเมาไป ก็แค่คุกเข่าลงคำนับให้พวกเราสามครั้ง ไม่สิ... สาม
หลิงอวี๋มองพวกเขาทั้งสามด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นก็เก็บมีดผ่าตัดเหน็บซ่อนไว้ที่เข็มขัดคาดเอวนางฉวยโอกาสหยิบมีดขึ้นมาตอนที่เข้าไปแย่งตัวเสี่ยวเมาไม่ทัน!สำหรับเรื่องเจ้าปากเบี้ยวนั่นถือว่าบทเรียนที่แสนเข็ดหลาบ!ต่อไปต้องพกของสิ่งนี้ติดตัวไว้ตลอด!เพิ่งตัดเอ็นข้อมือข้อเท้าของพวกนางรับใช้และแม่นมสายตาสั้นพวกนั้นไป"ในห้องถูกพวกนางทำสกปรกไปหมด พวกเราออกไปสูดอากาศข้างนอกกันเถอะ..."กลิ่นเลือดและปัสสาวะคละคลุ้งไปทั่วห้อง ซึ่งทำให้หลิงอวี๋อึดอัดมากนางเดินออกไปพร้อมกับอุ้มเสี่ยวเมาไว้ในอ้อมแขนดวงอาทิตย์ที่สาดแสงเจิดจ้าในลานบ้าน หลิงอวี๋หรี่ตา แสงแดดช่างอบอุ่นมาก!นางรู้ว่าการทำร้ายหลินผิงและพวกแม่นม จะดึงดูดให้เซียวหลินเทียน หรือพี่น้องตระกูลชิวมาที่นี่ในไม่ช้าแต่หลิงอวี๋ไม่เสียใจเลยสักนิด!ในยุคที่แปลกประหลาดนี้ นางอยากมีชีวิตรอด มีชีวิตเหมือนคนปกติทั่วไป!นางไม่อยากถูกลากไปอีกรอบ!หากนางต้องการปกป้องเสี่ยวเมาและคนรอบข้าง นางต้องยืนหยัดอย่างเข้มแข็ง...“หลิงอวี๋!”เซียวหลินเทียนที่องครักษ์พาเข้ามา เขาเห็นหลิงอวี๋นั่งอยู่ใต้ชายคาและอุ้มเสี่ยวเมาเอาไว้เสี่ยวเมาที่อยู่ในอ้อมแข
แม่นมลี่โขกหัวคำนับขอร้องจนเลือดกระเด็นออกมา เลือดไหลหยดลงมาที่หน้าผากของนาง!นี่ทำให้เสี่ยวเมาทั้งเศร้าและหวาดกลัว!ขอบตาของหลิงอวี๋แดงรื้นไปด้วยน้ำตา และนางตะโกนอย่างทรมานใจว่า "แม่นมลี่ ลุกขึ้น อย่าขอร้องเขา!""มาถึงวันนี้แล้ว ข้าอยากดูสิว่า เซียวหลินเทียนจะตัดเส้นเอ็นข้ายังไง!"แม่นมลี่ยิ่งกระวนกระวายใจ กลัวว่าเซียวหลินเทียนจะโกรธ ดังนั้นนางจึงยังคงก้มหน้าและขอร้องต่อไป“เสี่ยวเมา ไม่ต้องกลัว ไปช่วยพยุงแม่นมลุกขึ้นมา!”หลิงอวี๋ดันตัวเสี่ยวเมาเบา ๆเมื่อเห็นว่า ชิวเฮ่ากำลังเข้ามาใกล้ เสี่ยวเมาก็วิ่งไปด้านหน้า และยืนขวางอยู่ข้างหน้าหลิงอวี๋เขาพยายามปกป้องหลิงอวี๋ด้วยร่างกายเล็ก ๆ ของเขา!เขาตะโกนว่า "ในเมื่อท่านแม่ต้องตาย เสี่ยวเมาและแม่นมก็จะไปตายพร้อมกับท่านแม่!"หัวใจที่หนาวเหน็บของหลิงอวี๋รู้สึกอบอุ่นทันทีจากสิ่งเสี่ยวเมาได้กระทำ!อดีตหลิงอวี๋เมินเฉยต่อเด็กที่น่ารักขนาดนี้ได้อย่างไร!แทนที่จะปฏิบัติต่อเซียวหลินเทียนด้วยความจริงใจ ควรใช้ความรักนี้กับเสี่ยวเมาแทนมากกว่าบุตรที่มีน้ำใจและกตัญญูเช่นนี้ หลิงอวี๋ควรจะเป็นแม่ที่มีความสุขที่สุดในโลก!ไม่ใช่เอาความรักไปทุ่ม
ไป่สือออกมาหลังจากที่เขาเข้าไปได้สักพักด้วยสีหน้าที่ย่ำแย่มากโดยไม่ทันให้เซียวหลินเทียนถาม เขารีบบอกด้วยตัวเอง "ถวายบังคมทูลท่านอ๋อง ในยามีสารหนูอยู่พ่ะย่ะค่ะ!"“ท่านอ๋อง กระหม่อมสาบานต่อสวรรค์ ยาที่กระหม่อมสั่งไม่มีสารหนูพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนโบกมือ "เอาเถอะ ข้าเชื่อในตัวท่าน!"ชิวเฮ่ากลอกตาไปทางหลินผิง รีบวิ่งไปคว้ามือนางแล้วตะคอกถาม "บ่าวชั่ว บอกมา ทำไมถึงมีสารหนูในยาได้"“เจ้าคิดใส่ร้ายท่านไป๋รึ?”หลิงผิงถูกเขาบีบไหล่อย่างแรง เจ็บมากยิ่งนักนางรู้ว่าชิวเฮ่ากำลังเตือนนางว่าอย่าพูดเรื่องไร้สาระ!“ท่านอ๋อง! บ่าวผิดไปแล้ว!” หลิงผิงคุกเข่าอ้อนวอน"บ่าวไม่รู้ว่าสารหนูมาจากที่ใด บ่าวสาบานต่อสวรรค์ บ่าวไม่มีเจตนาจะทำร้ายพระชายาเพคะ!""แล้วสารหนูมาจากที่ใด?"ชิวเฮ่าพูดด้วยความโกรธ "มันมีขาวิ่งเข้าไปเองงั้นรึ?"หลิงผิงก้มหน้าลงและสะอื้นไห้ "บ่าวไปที่คลังเพื่อรับยาตามเทียบยาที่ท่านไป๋สั่ง บ่าวจัดการต้มยาเองทั้งหมด!"“ตอนที่บ่าวต้มยา พ่อครัวทุกคนในครัวล้วนเห็นอยู่ด้วยกันทั้งหมด บ่าวจะเอาโอกาสที่ไหนลงมือได้เพคะ!”“หลังจากต้มยาเสร็จแล้ว บ่าวและแม่นมหลี่นำมาส่งยาด้วยกัน พวกนางเ
หลิงอวี๋ค่อย ๆ เดินไปข้าง ๆ เซียวหลินเทียนนางเห็นใบหน้าด้านข้างเซียวหลินเทียนสันกรามคมชัดคิ้วที่เฉียงตรงของเขา ดวงตาสีดำที่เฉียบคม ริมฝีปากบางและเม้มเล็กน้อย ล้วนแสดงถึงความสง่างามและสูงศักดิ์!เหมือนอินทรีในยามราตรี เย็นชาและหยิ่งยโส!ชายผู้นี้รูปหล่อยิ่ง!และเย็นชามากด้วย!เซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋ พร้อมกับขมวดคิ้วแสดงท่าทีรังเกียจ เขาไม่ชอบให้นางอยู่ใกล้เขามากนักหลิงอวี๋พูดอย่างไม่รีบร้อนอะไร "ท่านอ๋อง คิดว่าหลิงผิงพูดความจริงหรือไม่?"เซียวหลินเทียนยิ้มอย่างเย็นชาและไม่พูดหลิงอวี๋ยิ้ม "หม่อมฉันเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้! และท่านอ๋องเองก็เป็นผู้ตัดสิน!"“ในเมื่อท่านอ๋องไม่เชื่อหม่อมฉัน ดังนั้นหม่อมฉันพูดไปท่านก็คงไม่ฟัง!”“งั้นท่านอ๋องก็ตัดสินซะสิ!”คิ้วของเซียวหลินเทียนกระตุกหลิงอวี๋หาว่าเขาจะตัดเอ็นของนางโดยไม่ถามอะไรเลยงั้นหรือ?“ท่านอ๋อง สิ่งที่บ่าวพูดนั้นเป็นความจริง! ท่านอ๋องจะเข้าข้างพระชายาเพียงเพราะบ่าวมีฐานะต่ำต้อยหรือเพคะ!”หลิงผิงร้องไห้ "พระชายาตัดเส้นเอ็นบ่าวขาดแล้ว ท่านยังไม่ยอมรับผิดอีกหรือ?"“ท่านยังอยากจะเอาชีวิตบ่าวอีก ทำไมท่านถึงเลวทรามเ
หลิงอวี๋คิดว่ามันมีค่าสองร้อยตำลึง แต่นางกลับไม่รู้อะไรเลย!เซียวหลินเทียนจำได้ว่าในสมัยก่อน ตอนที่พระสนมผู้เป็นมารดาได้ความโปรดปรานจากจักรพรรดิ จักรพรรดิหวู่อันประทานต่างหูคู่หนึ่งที่ทำโดยเหลียนหมิงครั้งแรกที่เซียวหลินเทียนรู้เกี่ยวกับเหลียนหมิงคือ ตอนที่พระสนมอธิบายที่มาของต่างหูให้เขาฟัง“หลิงอวี๋ พูดต่อไป!”ชิวเฮ่ามองไปที่ปิ่นปักผมด้วยความประหลาดใจ และถามอย่างไม่แน่ใจว่า "ท่านอ๋อง ปิ่นนี้มีมูลค่าสองร้อยตำลึงจริงหรือพ่ะย่ะค่ะ?"เซียวหลินเทียนพยักหน้าเล็กน้อยชิวเฮ่าจ้องไปที่หลินผิงอย่างดุดัน แม้ว่าหลินผิงจะคุกเข่า แต่นางก็กลัวมากจนร่างกายของนางซวนเซไปหมด!แย่แล้ว! บอกไม่ได้จริง ๆ !แต่นางกลอกตาแอบพูดในใจ ถ้าบอกไม่ได้ นางตายแน่!อย่างไรก็ตาม ชิวเฮ่าและชิวเหวินซวงอยู่ข้างนาง พวกเขาย่อมจะปกป้องตน!หลินผิงยังยืนกราน "บ่าวมิรู้ว่ามันมีค่าเท่าไหร่! บ่าวกล้าสาบานต่อสวรรค์ นี่เป็นสิ่งที่พระชายาประทานให้จริง ๆ!"เมื่อเห็นว่านางยังคงดื้อดึงอยู่ในตอนนี้ หลิงอวี๋ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา“สวรรค์คงยุ่งเกินกว่าจะดูแลเจ้าแล้ว!”“เจ้าต้องเลิกนิสัยสาบานพร่ำเพรื่อซะนะ ถ้าพูดมากไปมันจะไม
“เมื่อครู่เจ้าบอกว่าเย่ซวินเป็นหนี้พนันก้อนโต เป็นเรื่องจริงหรือ?”เย่ซื่อเจียงเอ่ยถามออกไปเย่หรงยกยิ้มมุมปากอย่างเยาะเย้ย แล้วเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา “บ่อนการพนันมากมายในเมืองหลวงแดนเทพล้วนเปิดโดยสำนักซิงหลัวทั้งนั้น ท่านมิเคยไป จึงมิรู้ว่าบ่อนการพนันมีวิธีการพนันอะไรบ้างกระมัง!”“การทอยลูกเต๋าเป็นเพียงวิธีการเล่นธรรมดา ส่วนการแข่งม้า การเล่นไพ่และอื่น ๆ เป็นวิธีเล่นที่เสียเงินมากที่สุด เมื่ออยู่ข้างในหากท่านใช้เงินมาก ผู้คนในนั้นก็จะเห็นว่าท่านเป็นนายใหญ่ ยิ่งวิธีเล่นระดับสูงก็จะยิ่งเสียเงินมาก!“การสูญเสียเงินหลายแสนในนั้นภายในคืนเดียวมิถือว่าเป็นเงินหรอก! ท่านเข้าไปในนั้นแล้วลองไปถามดู แทบจะไม่มีใครที่มิรู้จักเย่ซวิน! เมื่อรวมเงินที่เขาเป็นหนี้อยู่ครั้งที่แล้ว อย่างน้อยเขาก็ทำกำไรให้สำนักซิงหลัวไปสิบกว่าล้านแล้ว!”หัวใจของเย่ซื่อเจียงจมดิ่งลง แม้ว่าเงินเหล่านั้นจะมิได้มากสำหรับตระกูลเย่ แต่ก็ยังเป็นจำนวนเงินที่มากอยู่ดี เย่ซวินยังหาเงินมิเป็น ก็กล้าใช้เงินราวกับน้ำเช่นนี้แล้วหรือ?“ท่านคิดว่าเป็นครั้งแรกที่เย่ซวินใช้เครื่องยาสมุนไพรปลอมมาหลอกลวงพวกท่านหรือ?”เย่หรงยิ้มเยาะแล้ว
เมื่อองค์หญิงหานเยวี่ยที่ปฏิบัติกับตนราวกับแม่มิช่วยเหลือ หยางหงหนิงก็คิดวิธีที่จะบังคับให้เย่หรงแต่งงานกับตนมิออกแล้วนางพูดออกไปเสียใหญ่โตแล้วด้วย หากถึงเวลาแล้วเย่หรงมิยอมแต่งงานกับตน เช่นนั้นนางจะยังมีหน้าไปเจอผู้คนอีกหรือ?ความคิดนี้ของเย่ซวินเรียกได้ว่าตรงใจนางเลยทีเดียวหยางหงหนิงครุ่นคิดแล้วก็เข้าใจ หากเย่หรงมิเชื่อว่าตนรักเขามากถึงเพียงนั้น เช่นนั้นนางก็จะพิสูจน์ให้เขาเห็นว่า นางต่างหากที่เป็นคนที่รักเขามากที่สุด!หากเรื่องนี้ดำเนินไปด้วยดี นางก็มิเชื่อหรอกว่าเย่หรงจะยังคงมิสนใจตนอีก“เย่ซวิน ข้าให้สองล้านกับท่านได้ ขอเพียงท่านช่วยให้ข้าบรรลุเป้าหมาย เงินเหล่านั้นท่านก็มิต้องคืนหรอก!”หยางหงหนิงเอ่ยออกมาอย่างหนักแน่น “เรื่องนี้ข้าขอฝากให้ท่านจัดการ ท่านต้องช่วยข้าคิดแผนการที่สมบูรณ์แบบ และต้องแน่ใจว่าเย่หรงจะมิตกอยู่ในอันตราย!”“วางใจเถิด ข้าจะช่วยให้เจ้าสำเร็จดังปรารถนาแน่นอน!”เมื่อเย่ซวินได้ยินว่าตนมิต้องคืนเงิน หัวใจก็พองโตด้วยความดีใจ นี่มันหาเงินได้ง่ายเกินไปแล้ว!“เจ้ารอข้าสักสองสามวัน ตอนนี้เย่หรงได้รับบาดเจ็บ มิสะดวกที่จะไปสระเก้ามังกร รอข้าจัดการเรียบร้อยแล้
คำพูดของหยางหงหนิงคือสิ่งที่เย่ซวินกำลังคิดอยู่พอดี แต่เขาจะยอมรับได้อย่างไรเย่ซวินเอ่ยขึ้นมาอย่างมิพอใจทันที “เจ้าพูดไร้สาระอะไร? ข้าจะทำเรื่องเช่นนั้นได้อย่างไร! ข้าหวังดีกับเจ้าหรอกนะ!”หยางหงหนิงยิ้มออกมาอย่างดูถูก “ท่านคิดว่าข้าเป็นคนโง่หรือ? เรื่องที่ท่านใส่ร้ายเย่หรงเมื่อครู่นั้นข้าได้ยินทั้งหมดแล้ว เย่หรงเปิดโปงคำโกหกของท่าน ท่านจะปล่อยเขาไปง่าย ๆ ได้อย่างไร!”เย่ซวินโกหกจนเคยชิน จึงเอ่ยออกมาโดยที่สีหน้ามิเปลี่ยนไป “ข้าไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่ แต่ข้าก็ไม่มีทางสังหารพี่น้องของข้าเช่นกัน!”“ข้าจะบอกความจริงกับเจ้าแล้วกัน ที่ข้าช่วยเจ้าเช่นนี้ ประการแรกก็เพราะข้ามิอยากให้สิงอวี๋แต่งงานเข้าตระกูลเย่ ก่อนหน้านี้ท่านผู้เฒ่าตระกูลข้าเคยบอกกับท่านพ่อของข้าไว้ว่า เขาอยากให้เย่หรงแต่งงานกับสิงอวี๋!”“เจ้าคงเห็นอิทธิพลที่สิงอวี๋มีต่อเย่หรงแล้วกระมัง หากให้สิงอวี๋แต่งงานเข้าตระกูลเย่ พวกเราก็คงจะมิได้มีชีวิตที่ดี!”“ที่ข้าช่วยเจ้ายังมีอีกเหตุผลหนึ่งด้วย… หงหนิง เมื่อครู่เจ้าได้ยินเย่หรงบอกว่าข้าเป็นหนี้จำนวนหนึ่งหรือไม่? เจ้าให้ข้ายืมสักสองล้านได้หรือไม่ รอเจ้าแต่งงานเข้าตระกูลเย่แล้ว
ขณะที่เย่ซวินกำลังคิดจะไป เขาก็เห็นหยางหงหนิงยืนอยู่ที่เดิมอย่างสิ้นหวัง และพลันใจเต้นขึ้นมาเย่ซวินถึงวัยที่จะแต่งงานแล้ว แต่ฮูหยินเย่หาคู่แต่งงานมาให้หลายครั้ง เขาก็ล้วนมิพอใจเมื่อก่อนเขาก็เคยชอบหยางหงหนิงเช่นกัน แต่อย่างไรสายตาของหยางหงหนิงก็มีปัญหา เพราะนางชอบแค่เย่หรงเท่านั้นนี่ก็เป็นเหตุผลหลักที่เย่ซวินมิชอบเย่หรงเช่นกันตอนนี้เมื่อเห็นว่าหยางหงหนิงยังคงหลงใหลเย่หรงอยู่ เย่ซวินก็ทั้งโกรธทั้งเกลียด เย่หรงมีอะไรดีนัก ถึงได้คู่ควรให้หยางหงหนิงรักอย่างมั่นคงอยู่เช่นนี้!หากคนที่นางชอบคือตน ตนจะมิทำให้นางเสียใจอย่างแน่นอน!“จูเอ๋อร์ เจ้ากลับไปก่อนเถิด ข้าจะคุยกับหงหนิงสักหน่อย!”เย่ซวินส่งเย่จูไปแล้วเดินกะเผลกไปหาหยางหงหนิง“หงหนิง เจ้าจะลำบากไปเพื่ออะไรกัน สายตาของเย่หรงมิได้มีเจ้าแม้แต่น้อย ต่อให้เจ้าทำมากแค่ไหน เขาก็ไม่มีทางชอบเจ้า!”เย่ซวินเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเห็นอกเห็นใจหยางหงหนิงจ้องมองเขาด้วยความโกรธ จากนั้นก็หันหลังเดินไปคนที่รังแกเย่หรงผู้นี้ หยางหงหนิงมิสนใจจะพูดกับเขาหรอก“ข้าได้ยินมาว่า เจ้าสาบานไว้ว่าจะให้เย่หรงแต่งงานกับเจ้าภายในหนึ่งเดือน เจ้าทำได้หรือ?
เย่จูเห็นว่าบรรดาพี่น้องทุกคนล้วนคุกเข่าลงหมดแล้ว นางก็คุกเข่าลงอย่างมิเต็มใจเช่นกันเย่ซงเฉิงมองเด็กรุ่นใหม่เหล่านี้ แล้วเอ่ยออกมาด้วยเสียงทุ้มลึก “ครอบครัวคืออะไร? คือรากฐานที่พวกเจ้าพึ่งพาในการดำรงชีวิต หากไม่มีรากฐาน พวกเจ้าจะนับว่าเป็นอะไร?”“อย่าได้คิดไปว่าในยามนี้มิต้องกังวลเรื่องกินดื่ม แล้วจะสามารถใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเช่นนี้ไปได้ตลอดชีวิต!"“เย่หมิง เจ้าเป็นพี่ชายคนโต ช่วยท่านพ่อของเจ้าจัดการเรื่องต่าง ๆ หรือว่าเจ้ามิรู้เลยว่ายามนี้ตระกูลเย่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์อย่างไร?”“หอโอสถไป๋เป่าแห่งเดียวก็สามารถปรามตระกูลเย่ได้จนไม่มีที่ยืนในเมืองหลวงแดนเทพแล้ว มิต้องพูดถึงตระกูลอื่น!”“อีกมินานเมืองหลวงแดนเทพจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น ในเวลานี้พวกเจ้ามิคิดที่จะร่วมแรงร่วมใจกันเป็นครอบครัวเพื่อผ่านอุปสรรค แต่กลับคิดที่จะรังแกพี่น้องของตน เช่นนั้นเมื่อเกิดภัยพิบัติขึ้น พวกเจ้าจะทำเยี่ยงไร?”“หรือว่าจะมองพี่น้องของตนต่างคนต่างหนีตายกันไป และจากนี้ไปตระกูลเย่ก็จะหายไปจากเมืองหลวงแดนเทพเช่นนั้นหรือ?”เย่หมิงถูกพูดใส่ก็รู้สึกอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี เย่ซงเฉิงพูดมิผิด การปราบปรามที่หอโอสถไป๋เป
“รีบวางท่านผู้เฒ่าให้นอนราบเร็วเข้า ข้าจะตรวจให้เขา!”หลิงอวี๋วิ่งเข้าไปและออกคำสั่งทันทีเย่จูโกรธที่หลิงอวี๋ยุยงให้เย่หรงออกจากตระกูลจนทำให้ท่านปู่โกรธจนมิสบาย นางจึงผลักหลิงอวี๋ออกไป“ไปให้พ้น เจ้านับว่าเป็นอะไรกัน อย่าคิดว่ารู้จักเครื่องยาสมุนไพรเล็กน้อยก็จะเป็นหมอได้แล้วเชียว!”เย่ซงเฉิงรีบก้าวไปจับท่านผู้เฒ่าเย่นอนราบ จากนั้นเขาก็ตรวจชีพจรให้ท่านผู้เฒ่าเย่ แล้วพบว่าหาชีพจรมิเจอแล้วเย่ซงเฉิงสีหน้ามืดมนลงทันที แล้วรีบไปแตะที่หน้าอกของท่านผู้เฒ่าเย่ แต่ก็มิรู้สึกถึงการเต้นของหัวใจเช่นกันเมื่อได้ยินว่าเวลานี้เย่จูยังคงขับไล่หลิงอวี๋อยู่ เย่ซงเฉิงก็ตะคอกออกมาอย่างโกรธเคือง “นี่มันเวลาอะไรแล้ว ยังจะโวยวายหาปะไร? อยากให้ท่านปู่ของเจ้าตายหรือไร?”“เสี่ยวชี เจ้ามาดูที ท่านผู้อาวุโสของเจ้าหัวใจมิเต้นแล้ว!”“หากใครยังกล้าวุ่นวายอีก ข้าจะให้ผู้นั้นออกไปจากตระกูลเย่เสีย!”สีหน้าของเย่ซงเฉิงเปลี่ยนไปแล้ว เมื่อหลิงอวี๋ได้ยินเช่นนั้นหัวใจของนางรู้สึกบีบแน่น นางจึงรีบเข้าไปคุกเข่าลงบนพื้นแล้วจับชีพจรของท่านผู้เฒ่าเป็นดังที่เย่ซงเฉิงบอก หาชีพจรของท่านผู้เฒ่ามิเจอแล้วแม้ว่าเย่จูและฮู
เรื่องราวมาถึงตอนนี้ ความจริงก็เปิดเผยออกมาแล้วหลิงอวี๋มองเย่ซื่อเจียงด้วยสายตาเย็นชา แล้วเอ่ยอย่างเยาะเย้ย “ตระกูลเย่ช่างมีความยุติธรรมเสียจริง คนหนึ่งแค่เห็นว่าบนกริชมีเลือดอยู่ ก็คิดไปแล้วว่าเย่หรงจะสังหารพี่ชายอย่างแน่นอน จึงหักซี่โครงที่หน้าอกของเขาเสีย!”“อีกคนหนึ่งเห็นว่าเย่หรงตอบโต้ ก็มิถามถูกผิดแล้วฟาดฝ่ามือใส่เขาแล้ว!”“หากเย่หรงน้องชายของข้ามิได้ดวงแข็ง ก็คงต้องไปเรียกร้องความยุติธรรมกับพญายมแล้วใช่หรือไม่?”“เอาเถิด พวกเรามิสามารถต่อกรกับตระกูลเย่ได้ เช่นนั้นพวกเราไปกันเถิด! ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ตระกูลเย่ของพวกท่านก็ถือเสียว่าไม่มีลูกชายชื่อเย่หรงก็แล้วกัน!”หลิงอวี๋เอื้อมมือไปประคองเย่หรงลุกขึ้น “ไป พี่หญิงจะพาเจ้าไปเอง!”แต่เย่หรงกลับดันหลิงอวี๋ออก แล้วเอ่ยขึ้นมา “รอข้าประเดี๋ยว!”เขาเดินโซเซไปตรงหน้าเย่ซื่อฝานแล้วคุกเข่าลง“ท่านอาสาม แม้ว่าข้าจะไปจากตระกูลเย่แล้ว ท่านก็ยังคงเป็นท่านอาของข้า เป็นท่านอาของข้าไปตลอดชีวิต!”“เย่หรงขอขอบคุณท่านอาสามที่ดูแลข้ามาหลายปี!”เย่หรงคำนับให้เย่ซื่อฝานสามครั้งเย่ซื่อฝานน้ำตารื้นขึ้นมา แม้ว่าเย่หรงจะเป็นหลานชายของตน แต่ใ
ความคับข้องใจของเย่หรงมีมากจนนับมิถ้วน แต่เขาก็มิได้ใส่ใจและเพิกเฉยต่อสายตาแปลก ๆ ของทุกคนมานานแล้วจากนั้นเขาจึงเอ่ยออกมาเรียบ ๆ “ข้าอธิบายไปเช่นนี้แล้ว แต่เย่ซวินก็ยังมิยอมลดละ บอกให้ข้าออกไปจากตระกูลเย่ เขาอยากจะตบข้า แต่ข้าหลบ เขาบอกว่าเขาและเย่หมิงจะตีและตำหนิข้า ข้าแค่เพียงยอมรับไปแต่โดยดีเท่านั้น!”“ข้าถูกยั่วจนโกรธขึ้นมาจริง ๆ จึงกดเขาลงกับพื้น!”“แต่ข้ากล้าใช้ชื่อเสียงของท่านแม่มาสาบานว่า ข้ามิได้ใช้กริชกับเขา!”หยางหงหนิงได้ยินเช่นนี้แล้วก็ชะงักไป นางคิดมิถึงว่าเย่หรงจะเรียนรู้ที่จะหาเลี้ยงตนเองตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นนั้นหลายปีมานี้เขาต้องได้รับความคับข้องใจเท่าไรกันนะ!หยางหงหนิงขยับเข้าไปหาเย่หรงอย่างลังเลใจ แล้วเอ่ยออกมาด้วยความสงสาร “พี่หรง เหตุใดท่านมิบอกข้า หากข้ารู้ ข้าจะไม่มีทางให้พวกเขาทำเช่นนี้กับท่านเป็นอันขาด!”เย่จูเห็นว่าท่านแม่ของตนถูกคำพูดของเย่หรงทำให้ได้ชื่อว่าทำร้ายลูกนอกสมรส เมื่อนางได้ยินเย่หรงพูดเช่นนั้นก็ตะโกนขึ้นมา“ไร้สาระ เจ้ามิได้ใช้กริช แล้วพี่สามของข้าจะบาดเจ็บได้อย่างไร?”หลิงอวี๋เอ่ยขึ้นมาทันที “ท่านอาจารย์ ขอท่านนำกริชออกมาทีเจ้าค่ะ!”
เมื่อถูกหลิงอวี๋เตือน เย่หรงก็เล่าเรื่องที่ตนกลับมาถึงบ้านแล้วพบเย่หมิงและเย่ซวินที่หน้าประตูให้ฟัง“ท่านก็ทำเหมือนเลี้ยงสุนัขสักตัว ขอเพียงเขามิก่อปัญหาให้กับตระกูลเย่ ก็เลี้ยงเขาไปก็พอ!”เมื่อเย่หรงพูดถึงการดูถูกของเย่ซวินที่ทำต่อตน ใบหน้าของท่านผู้เฒ่าเย่ก็มืดมนลง เขามองไปทางเย่หมิง แล้วเอ่ยถามเสียงแข็ง“เย่ซวินได้พูดประโยคนี้หรือไม่?”เย่หมิงอยากจะส่ายหัวโดยมิรู้ตัว แต่เย่หรงก็หัวเราะเยาะแล้วเอ่ยออกมา “เจ้าปฏิเสธได้ ถึงอย่างไรข้าก็แบกรับคำด่าทอมากมายมานานแล้ว เพิ่มมาอีกสักเรื่องก็มิสนใจหรอก!”“ส่วนท่าน ผู้นำตระกูลเย่ในอนาคต หากท่านไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะพูดความจริง ก็ใช้ชีวิตอยู่กับคำโกหกไปตลอดชีวิตเสียเถิด!”ถึงอย่างไรเย่หมิงก็มิได้ไร้ยางอายถึงเพียงนั้น ภายใต้สายตากดดันของเย่หรงและท่านผู้เฒ่าเย่ ในที่สุดเขาก็พยักหน้าอย่างหนักแน่นเย่หรงจึงเอ่ยออกมาด้วยเสียงทุ้ม “ตอนนั้นข้าทนรับน้ำเสียงดูถูกของเย่ซวินมิได้ จึงโต้แย้งไปว่าตระกูลเย่มิได้เลี้ยงดูข้า หลังจากที่ข้าอายุเจ็ดขวบก็มิเคยใช้เงินของตระกูลเย่สักแดงเดียว!”ทันทีที่พูดคำนี้ออกมา ฮูหยินเย่ก็หัวเราะเยาะแล้วเอ่ยออกไป “เย่หร