นางจ้องหน้าหลินเย่ว์ "ดี ในเมื่อท่านโหวน้อยยืนยันเช่นนั้น วันนี้ตระกูลหลินของท่านต้องให้คำอธิบายกับข้า!"เมื่อเอ่ยจบ นางก็ไม่สนใจหลินเย่ว์อีกต่อไป หันหลังเดินมุ่งยังโถงบรรพบุรุษตระกูลหลินงเมื่อเรื่องบานปลายไปถึงบรรพุบุรุษแล้ว อย่าว่าแต่หลินเย่ว์เลย แม้แต่เหล่าบ่าวและสาวใช้ก็รู้แล้วว่าเรื่องวันนี้คงไม่จบลงง่ายๆเมื่อเห็นว่าเฉียวเนี่ยนจงใจอาละวาด หลินเย่ว์ก็รีบตามไป "หลินเย่ว์ วันนี้ข้ามาเพื่อช่วยเจ้าจากใจจริง เจ้าตั้งแง่ได้หรือไม่!"เฉียวเนี่ยนไม่สนใจเขา สาวเท้าเดินจากไปด้วยสีหน้าเย็นชาทว่าเพราะร่างกายยังคงบาดเจ็บ ฝีเท้าจึงไม่มั่นคงนักหลินเย่ว์มองออกในทันใด จึงกดเสียงต่ำลง "ร่างกายเจ้ายังไม่หายดี ให้เข้าพยุงเจ้ากลับไปพักผ่อนเถิด"ว่าจบก็เรียกบ่าวสองสามคนมาเพียงแต่บ่าวสองสามคนนั้นยังไม่ทันได้แตะเนื้อต้องตัวเฉียวเนี่ยนก็ถูกนางตวาดไล่ "ข้าคือว่าที่พระชายาหมิงอ๋อง! ผู้ใดกล้าแตะต้องข้า!"พระชายาหมิงอ๋อง แม้จะไม่ใช่คนที่มีอำนาจมากมายนัก แต่หากจะเอาชีวิตบ่าวรับใช้สักคนนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากด้วยเหตุนั้นเหล่าบ่าวจึงไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้แต่ใครจะรู้ว่าคำพูดนั้นของเฉียวเนี่ยนจะทำให
ก่อนมาถึงโถงบรรพบุรุษ เฉียวเนี่ยนรู้อยู่แล้วว่าตนนั้นต้องพบเจอกับสิ่งใดดังนั้นเมื่อพบเจอกับคำตำหนิและสายตาเดือดดาลของท่านโหวหลิน เฉียวเนี่ยนจึงเลือกที่จะเพิกเฉยนางเยื้องย่างเข้าไปในโถงบรรพบุรุษ สองตากวาดมองเหล่าบ่าวและสาวใช้ที่ยืนอยู่ด้านนอก ท้ายที่สุดหยุดลงที่เซียวเหิงเมื่อสบเข้ากับแววตาล้ำลึกของเขา หัวใจของเฉียวเนี่ยนก็รู้สึกหน่วงขึ้นมาอย่างไม่อยู่ ความเจ็บปวดรวดร้าวเหมือนหัวใจถูกฉีกเป็นชิ้นๆ นั้นค่อยๆ จางหายไปนางคิดในใจ หากเป็นไปได้นางหวังว่าจะมีใครสักคนหนึ่งก้าวออกมาปกป้องนาง เรียกร้องความยุติธรรมจากตระกูลหลินแทนนางแต่ชัดเจนแล้วว่าเซียวเหิงไม่มีทางเป็นคนนั้นความเจ็บปวดเผยขึ้นในแววตาของเฉียวเนี่ยนที่จ้องมองเซียวเหิงอันที่จริงเขากำลังรอ รอให้เฉียวเนี่ยนเอ่ยปากร้องขอเขา เมื่อถึงยามนั้นเขาจะช่วยพูดแทนนาง ท่านโหวหลินย่อมไว้หน้าเขาแน่นอนทว่านางกลับสูดหายใจลึก จากนั้นก็เบือนสายตาไปทางอื่น หันไปมองบรรดาบ่าวไพร่ "วันนี้ผู้ใดเห็นหนิงซวงกัดคนบ้าง ก้าวออกมา"ได้ยินดังนั้นสาวใช้และบ่าวหนุ่มหลายคนก็ก้าวออกมาเมื่อเห็นภาพนั้น สีหน้าจองหลินยวนก็ยิ่งน่าสงสารกว่าเดิมส่วนหลินเย่ว์
เสี่ยวชุ่ยยังคงพูดอย่างมั่นอกมั่นใจทว่าเฉียวเนี่ยนกลับแค่นหัวเราะ หันไปทางฮูหยินหลิน "อ๋อ? คุณหนูหลินไม่รู้ว่าข้าบาดเจ็บงั้นรึ? ฮูหยินหลินว่าอย่างไร?"หนิงซวงเล่าให้นางฟังว่าระหว่างหลายวันที่นางนอนหมดสติอยู่บนเตียงนั้น หลินยวนและฮูหยินหลินมาเยี่ยมนางทุกวัน ถึงขั้นทำแผลให้นางใหม่ด้วยซ้ำบาดแผลฉกรรจ์บนร่างนาง หลินยวนจะไม่รู้ได้อย่างไร!ฮูหยินหลินนิ่งอึ้งไป รีบเอ่ยในทันที "แผลของเจ้า ต้องให้หมอประจำจวนตรวจอีกครั้ง! เร็วเข้า รีบพยุงคุณหนูใหญ่กลับไป แล้วเรียกหมอประจำจวนมา"วินาทีนั้นเฉียวเนี่ยนรู้สึกสิ้นหวังยิ่งนักมุมปากของนางยกยิ้ม จ้องหน้าฮูหยินหลินอย่างเย็นชา "ต่อหน้าบรรพบุรุษตระกูลหลิน พวกท่านตระกูลหลินยังกล้ารังแกคนอื่นเช่นนี้อีกหรือ?""เฉียวเนี่ยน!" ท่านโหวหลินคำรามลั่น "หยุดเพ้อเจ้อได้แล้ว!"เขาจะไม่ยอมให้เฉียวเนี่ยนลบหลู่บรรพบุรุษตระกูลหลินเป็นอันขาด!ทว่าเฉียวเนี่ยนกลับเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา ก่อนจะหยุดสายตาที่หลินเย่ว์ "ท่านโหวน้อย ข้าขอถามท่านอีกครั้ง ทำคนเจ็บย่อมต้องลงโทษ หรือเพราะเป็นสาวใช้ทำเจ้านายเจ็บถึงต้องลงโทษ!"วินาทีนั้นหลินเย่ว์กลับไม่กล้าพูดว่าทำคนเจ็บย่อมต
อันที่จริงเฉียวเนี่ยนรู้มาตลอดว่าความรู้สึกที่หลินเย่ว์มีต่อนางนั้นชัดเจนเพียงใดนางเจ้าคิดเจ้าแค้น แล้วก็ต้องล้างแค้นให้สำเร็จด้วยสามปีก่อนที่ไม่อาจย้อนเวลากลับไปได้นั้น นางจะคิดเสียว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณจวนโหวที่เลี้ยงดูนางมาสิบห้าปี หลังจากกลับมานางจึงไม่เก็บเรื่องราวเหล่านั้นมาใส่ใจ ตั้งใจว่าจะดูแลท่านย่าให้ดีก็พอทว่าสิบห้าปีนั้นนางคิดค้างจวนโหว มิได้ติดค้างเสี่ยวชุ่ยสาวใช้นางหนึ่ง กลั่นแกล้งใส่ร้ายนางไม่รู้กี่หนยังพอทน แต่ยามนี้กลับทำให้หนิงซวงต้องโดนลงโทษหากนางไม่เอาคืน อย่าเรียกนางว่าเฉียวเนี่ยน!บ่าวและสาวใช้ที่มุงดูข้างนอกเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่คนจากเรือนฟางเหอก็ตามมาไม่น้อยเมื่อได้ยินเฉียวเนี่ยนพูดเช่นนั้น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากฝูงชน "ใช่ๆ! วันนั้นคุณหนูรองไม่ทันระวังจึงร่วงตกน้ำ เป็นคุณหนูใหญ่ที่ลงไปช่วยโดยไม่คิดชีวิต ใครจะรู้ว่าพอขึ้นฝั่งมากลับถูกเสี่ยวชุ่ยใส่ร้าย""คิดไม่ถึงเลยว่าเสี่ยวชุ่ยจะลอยนวลมาตลอด? ข้านึกว่าจะถูกตบจนปากฉีกแล้วไล่ออกจากจวนเสียอีก!""เหอะ ก็นางเป็นสาวใช้ของคุณหนูรอง มีคุณหนูรองคอยหนุยหลัง!""แต่คุณหนูใหญ่แทบสละชีวิตช่วยคุณหนูรอง คุณห
หนิงซวงถูกลงโทษแล้ว ยามนี้จะช่วยพูดแทนเสี่ยวชุ่ยได้อย่างไร?แต่คาดไม่ถึงว่าเฉียวเนี่ยนจะเป็นฝ่ายเอ่ยปาก "น้อยนักที่นายบ่าวจะผูกพันเช่นนี้ ข้าเองก็ไม่อยากให้เรื่องใหญ่โต"เพราะตบจนปากฉีกแล้วไล่ออกจากจวนนั้นยังไม่สาสมแก่เสี่ยวชุ่ยขณะพูดนั้นนางก็เอื้อมมือออกไปพยุงหลินยวนขึ้นมาภาพนั้นทำเอาฮูหยินหลินที่อยู่อีกฟากดวงตาเป็นประกายนางคิดไม่ถึงเลยว่าเฉียวเนี่ยนจะประคองหลินยวนลุกขึ้นเองวินาทีนั้นนางรู้สึกว่าจากนี้ไปเฉียวเนี่ยนและหลินยวนจะต้องเป็นพี่น้องที่รักกันมากแน่นอน!หลินยวนสะอึกสะอื้น เดิมตั้งใจจะเอ่ยขอบคุณเฉียวเนี่ยน แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าอีกฝ่าย นางก็รู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมาอย่างประหลาดดังนั้นนางจึงไม่พูดอะไรต่อแต่เป็นเฉียวเนี่ยนที่เอ่ยถาม "สาวใช้ข้ากัดเจ้าทีเดียวแต่โดนโบยตั้งสามสิบที เจ้าคิดว่าจากแผลของข้า เสี่ยวชุ่ยควรถูกลงโทษเช่นไร?"เลือกสีสดบนผ้าพันแผลนั้นสุดแสนสะดุดตาในตอนนั้นหัวสมองของหลินยวนว่างเปล่านางไม่รู้ว่าควรจะลงโทษเสี่ยวชุ่ยถึงจะเหมาะสม คิดเพียงว่าแค่ขออย่าได้ไล่เสี่ยวชุ่ยออกจากจวน อยู่ข้างกายนางตลอดไปก็พอ!ด้วยเหตุนั้นนางจึงร้องไห้สะอึกสะอื่น เอ่ยต
เฉียวเนี่ยนประหลาดใจไม่น้อย หลินยวนเดินนำไปก่อนแล้ว เขายังไม่ตามหลินยวนไปอีก แต่กลับยืนอยู่หน้าโถงบรรพบุรุษตระกูลหลินรอนางงั้นหรือ?มีอะไรจะคุยกับนางงั้นรึ?แต่จะทำอย่างไรได้เล่า?นางไม่อยากพูดกับเขาแม้สักคำด้วยเหตุนั้นนางจึงไม่แม้แต่จะคำนับ เฉียวเนี่ยนเดินจากไปราวกับมองไม่เห็นเซียวเหิงทว่าวินาทีที่เดินผ่านเซียวเหิง เสียงเย็นชาของเขายังคงลอยเข้าหูเฉียวเนี่ยน"แม่นางเฉียวอยากเป็นชายาอ๋องเพียงนั้นเชียวหรือ"ในน้ำเสียงหนักแน่นนั้นมีแต่คำเสียดสีฝีเท้าของเฉียวเนี่ยนชะงักลง แต่ไม่เหลียวกลับไปมองเขา เอ่ยถามเสียงเรียบเพียงประโยคหนึ่ง "แม่ทัพเซียวคิดว่า หากข้าได้เป็นชายาอ๋องแล้ว จะมีชีวิตลำบากยากเข็ญเช่นทุกวันนี้หรือไม่?"แค่ต่อกรกับสาวใช้ตัวเล็กเพียงเดียวนางยังต้องใช้กำลังมากมายปานนี้เซียวเหิงพูดไม่ออก เฉียวเนี่ยนเองก็ไม่รอคำตอบของเขาแล้วเดินจากไปเพราะคำตอบนั้นเขานั้นรู้ดีอยู่แก่ใจหากนางเป็นพระชายาหมิงอ๋องแล้ว อย่าว่าแต่ลงโทษเสี่ยวชุ่ยเลย ต่อให้คิดจะลงแส้ทั้งบ่าวทั้งนายในจวนโหว พวกเขาก็อาจไม่ขัดขืนแม้สักคำ!เฉียวเนี่ยนกลับมาถึงเรือนฟางเหอโดยมีเหล่าบ่าวคอยพยุง ยามนี้ใบหน้าข
ทว่าหมิงอ๋องกลับโบกมือปัด "ข้าไม่สน ข้าจะยอมให้นางไปเมืองกูเฉิงกับหมิงอ๋องไม่ได้!"หากไปถึงเมืองกูเฉิง หมิงอ๋องก็จะยิ่งวางอำนาจยิ่งกว่าเดิมมิใช่หรือ?เมื่อถึงยามนั้นหากหมิงอ๋องโบยนางจนตายแล้ว กว่าเขาจะรู้ข่าวคงสามเดือนห้าเดือนให้หลังนู่น!ยามคิดถึงภาพเฉียวเนี่ยนกลับมาพร้อมบาดแผลเต็มกาย หลินเย่ว์ก็ปวดใจเหลือทนแต่เมื่อนึกถึงเฉียวเนี่ยนที่เป็นตายร้ายดีอย่างไรก็จะแต่งงานกับหมิงอ๋องให้ได้ เขาก็เดือดดาลขึ้นมาอีกครั้งยามนี้ถึงได้กรอกเหล้าใส่ปากตัวเองเพื่อระงับความเกรี้ยวโกรธในใจเมื่อครู่แต่เซียวเหิงฟังแล้วกลับถามว่า "หากนางไม่แต่งกับหมิงอ๋อง แล้วจะให้แต่งกับใคร?"หลินเย่ว์ถลึงตามองเขา "เจ้าจะสนไปใยว่านางจะแต่งกับใคร? แต่งกับใครก็ดีกว่าแต่งกับหมิงอ๋องทั้งนั้น! ต่อให้ต้องเป็นอนุคนอื่น ก็ดีกว่าถูกโบยจนตาย!"มือของเซียวเหิงที่รินเหล้าชะงักไปเป็นอนุงั้นหรือ?"เจ้านิ่งไปใย?" หลินเย่ว์ไม่สบอารมณ์ แย่งเหยือกเหล้าจากมือเซียวเหิง "ตั้งแต่เล็กจนโตเจ้าฉลาดกว่าข้า รีบคิดหาวิธีเร็วเข้า!"ในตอนนั้นเซียวเหิงสูดหายใจลึก ยกยิ้มบางให้หลินเย่ว์ "ในเมื่อทำอะไรกับเนี่ยนเนี่ยนไม่ได้ เช่นนั้นก็ต้องเกล
แววตาของเซียวเหิงอ่อนลง มือที่ยกจอกเหล้าดื่มไม่ได้ชะงักไป แต่เสียงนั้นกลับชวนให้รู้สึกเสียวสันหลังอย่างบอกไม่ถูก "ลอบสังหารนั้นโทษมหันต์ ท่านพี่หลินล้อข้าเล่นแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้นหลินเย่ว์ก็มองเซียวเหิงด้วยความสงสัยเมื่อครู่เขาคาดเดาสุดโต่งเกินไป หากเซียวเหิงคิดจะฆ่าหมิงอ๋องจริง นั่นคือการเดิมพันชีวิตของคนทั้งตระกูลเชียวก็ว่าได้แต่จะคุ้มค่าหรือหากทำเช่นนั้นเพื่อเฉียวเนี่ยน?แน่นอนว่าหลินเย่ว์คิดว่าไม่คุ้มค่า เขาเองก็ไม่เชื่อว่าเซียวเหิงจะกล้าเสี่ยงปานนั้นเพียงแต่ท่าทียามเซียวเหิงบอกว่าเขาคาดเดาสุดโต่งเกินไปนั้น ชวนให้เขาคิดมากอย่างอดไม่ได้ทว่าเขาเองก็รู้ดี ต่อให้เซียวเหิงจะมีเจตนาใดแอบแฝง หากเซียวเหิงไม่บอกเขาตามตรง เขาย่อมไม่มีวันเดาออกในเมื่อเป็นเช่นนั้น เขาจึงไม่ซักไซ้เรื่องนี้อีกต่อไป ทำได้เพียงขมวดคิ้วเอ่ย "ล่อเสือออกจากถ้ำฟังดูไม่เลว แต่เจ้าอย่าลืมละ ระหว่างหมิงอ๋องกับเนี่ยนเนี่ยนนั้น ยังมีราชโองการอีกหนึ่งฉบับ"หากราชโองการฉบับนั้นยังอยู่ ต่อให้หมิงอ๋องไปจากเมืองหลวง จะมีใครกล้ารับโทษขัดราชโองการเพื่อมาสู่ขอเฉียวเนี่ยน?แต่เซียวเหิงมีตัวเลือกในใจแล้ว เขายกเหยือก
ห้องครัวไม่ได้กว้างนัก ตะกร้าใบใหญ่สองใบของพวกชาวสวนก็แทบจะกินพื้นที่ไปไม่น้อย บวกกับบรรดาพ่อครัวและเด็กรับใช้ที่กำลังยุ่งอยู่ภายในครัว ก็ยิ่งทำให้ดูแออัดยิ่งนักเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์จึงยืนรออยู่ด้านนอกของครัวเช่นเดียวกับก่อนหน้านี้อย่างไรเสีย คนทั้งจวนล้วนเป็นคนที่เซียวเหิงคัดเลือกมาด้วยตนเอง ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะพูดคุยกับเฉียวเนี่ยนแม้แต่คำเดียวเฉียวเนี่ยนก็ไม่ได้ตั้งใจจะพูดอะไรมากนักในวันนี้ หากแต่ไม่คาดคิดว่า ชาวสวนคนใหม่กลับเดินเข้ามา "ฮูหยิน ท่านดูสิ ผักนี่สดมากเลยขอรับ!"นอกห้องครัว เฉียวเอ๋อร์เห็นเหตุการณ์นี้เข้าพอดี ก็ขมวดคิ้วทันทีนางจ้องริมฝีปากของชาวสวนเขม็ง นางอ่านปากได้ แม้มิได้อยู่ข้างกายเฉียวเนี่ยน ก็ยังรู้ว่าชาวสวนพูดว่าอะไรเฉียวเนี่ยนก็ชะงักไปเล็กน้อย มองชาวสวนด้วยความแปลกใจ แต่ก็เห็นเพียงสีหน้าใสซื่อจริงใจของอีกฝ่าย หาได้มีพิรุธอันใดไม่แต่เมื่อนางก้มตามอง ก็เห็นบนใบของผักกาดขาวนั้น กลับถูกสลักไว้ด้วยเล็บเป็นตัวอักษรว่า 'เหอ'ชาวสวนคนนี้ เป็นคนของเซียวเหอ!เฉียวเนี่ยนเห็นดังนั้น จึงรับผักกาดขาวใบนั้นมา แล้วก็ปัดใบที่มีตัวอักษรสลักอยู่ออกอย่างแน
ตกดึกซุนเซี่ยนเพิ่งกลับถึงจวน กำลังจะเข้าไปล้างหน้าล้างตาเตรียมพักผ่อน ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเย็นเยียบดังมาจากด้านนอกเรือน "ข้าเซียวเหอ ขอพบใต้เท้าซุน"คิ้วของซุนเซี่ยนขมวดเป็นปมขึ้นมาในทันที เขารีบเปิดประตูออกไป ก็พบว่าใต้ชายคาหน้าประตู มีเพียงเซียวเหอยืนอยู่เพียงผู้เดียวส่วนเด็กรับใช้ที่ควรจะเฝ้าอยู่หน้าจวน กลับนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นไปหมดแล้วใบหน้าของซุนเซี่ยนพลันแข็งตึง สายตาที่มองเซียวเหอฉายแววไม่พอใจขึ้นทันตา "คุณชายใหญ่ตระกูลเซียว นี่มันหมายความว่าอย่างไร?"กลางดึกย่องเข้าจวนเขา แถมยังเล่นงานเด็กรับใช้ของเขาให้สลบไปหมด เห็นชัดว่าไม่คิดมาดีแน่บนใบหน้าของเซียวเหอนั้น แม้จะปรากฏความเย็นชา ทว่าท่าทีของเขากลับสุภาพอ่อนน้อมอย่างยิ่งเขายกมือคำนับซุนเซี่ยนแล้วกล่าวว่า "ข้าได้ยินมาว่าวันนี้ใต้เท้าซุนรับพระบัญชาออกค้นหาโจรภูเขา จึงอยากเรียนถาม ไม่ทราบว่าพบเจอเบาะแสใดหรือไม่"ดวงตาของซุนเซี่ยนหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ "ว่าข้าจะได้อะไรหรือไม่ พรุ่งนี้ข้าจะทูลฮ่องเต้ด้วยตนเอง ยังไม่ถึงคราวที่คุณชายใหญ่ตระกูลเซียวจะเข้ามาก้าวก่าย"เมื่อได้ยินดังนั้น บรรยากาศรอ
ต้องเป็นเซียวเหอที่ไปทูลขอฮ่องเต้ ฮ่องเต้ถึงได้ส่งองครักษ์มาที่นี่!หัวใจของนางเต้นแรงราวกับจะทะลุออกมาจากอกได้ทุกเมื่อร่างของเฉียวเนี่ยนสั่นไหวเล็กน้อย พลันก็อยากจะวิ่งไปหาซุนเซี่ยนโดยไม่รู้ตัวทว่าไม่รู้เพราะเหตุใด เท้าทั้งสองกลับหนักอึ้งราวกับถูกถ่วงด้วยตะกั่ว ไม่อาจขยับแม้แต่ก้าวเดียวความหวาดกลัวอันไม่ทราบที่มาแผ่ซ่านไปทั่วร่าง เฉียวเนี่ยนได้แต่ยืนตัวแข็งอยู่ที่เดิม มองดูเซียวเหิงกับซุนเซี่ยนประสานมือคำนับให้กันอย่างไร้ทางเลือก"ข้าก็คิดอยู่ว่าผู้ใดกันถึงกล้าบ้าบิ่นเช่นนี้ ที่แท้ก็เป็นใต้เท้าซุนนี่เอง" เซียวเหิงกล่าวพลางยกมือชี้ไปยังอาหารบนโต๊ะ แล้วเอ่ยต่อว่า "ใต้เท้าซุนจะอยู่ร่วมโต๊ะสักหน่อยหรือไม่?"ซุนเซี่ยนเหลือบมองอาหารบนโต๊ะแล้วเอ่ยเสียงเย็น "ข้ายังมีราชกิจสำคัญที่ต้องทำ เกรงว่าจะไม่สะดวก"พูดจบก็ยกมือขึ้นส่งสัญญาณทันทีองครักษ์ที่ยืนอยู่เบื้องหลังก็แยกย้ายกันออกไปทันทีและเมื่อเห็นภาพตรงหน้า เฉียวเนี่ยนก็รู้ได้ในทันทีว่าวันนี้นางไปไม่ได้แล้วแล้วก็เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่นานนัก เหล่าองครักษ์ที่แยกย้ายกันออกไปก็ทยอยกลับมาทีละคน คุกเข่ารายงานต่อซุนเซี่ยนว่า "ขอรายงา
ยิ่งไปกว่านั้น เฉียวเนี่ยนรู้ดีว่า ตนต้องตอบตามความจริงเท่านั้น จึงจะไม่ทำให้เซียวเหิงเกิดความสงสัยหากนางตอบตกลงทันทีว่าเป็นอาหารที่ตั้งใจทำให้เขา เกรงว่าเขาคงจะออกคำสั่งไม่ให้นางเข้าใกล้ห้องครัวอีกแม้แต่ก้าวเดียว!ส่วนเซียวเหิงเมื่อได้ฟังคำพูดของนาง ก็มิได้คิดมากอย่างที่คาดไว้ เขาหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบอาหารเข้าปาก "อืม อร่อยดี"เขาหัวเราะเบา ๆ พลางกินอย่างอารมณ์ดีเฉียวเนี่ยนมองเขาแวบหนึ่ง สายตาหยุดอยู่ที่แขนซ้ายของเขาจริง ๆ แล้วนางเห็นตั้งแต่แรกว่าเขาบาดเจ็บ และก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเหตุใดเขาจึงได้รับบาดเจ็บทว่านางกลับไม่คิดจะถามนางไม่อยากให้เซียวเหิงเข้าใจผิดว่านางยังชอบเขายิ่งไปกว่านั้น ยิ่งเขาเป็นทุกข์ ก็จะยิ่งหงุดหงิดเขายิ่งหงุดหงิด นางก็ยิ่งมีโอกาสที่จะหาทางหลบหนีได้มากขึ้นคิดได้เช่นนั้น เฉียวเนี่ยนก็ไม่เอ่ยอะไรอีก เพียงหยิบตะเกียบขึ้นมา ลองคีบอาหารเข้าปากคำหนึ่งทว่าไม่ทันไร พออาหารเข้าปากก็ต้องคายออกมาทันทีหรือคนขายเกลือจะถูกนางตีตายไปแล้วกันแน่?!มันเค็มจนขมปากเลยทีเดียว!เห็นใบหน้าเล็ก ๆ ของเฉียวเนี่ยนยู่ย่นเพราะฝืนกิน เซียวเหิงกลับยิ่งยิ้มสดใส กินอย่างมีความ
หากจะกล่าวว่ามีผู้ใดกล้าต่อกรกับเซียวเหิง อย่างน้อยก็คงมีเพียงซุนเซี่ยนผู้นี้เท่านั้นเพียงแค่...เบื้องหลังซุนเซี่ยน ยังมีทั้งตระกูลซุนอยู่ตระกูลซุนจะกล้างัดข้อกับเซียวเหิงหรือไม่นั้น… ก็ยังไม่แน่ชัดเห็นเซียวเหอยังไม่ลุกขึ้นในทันที ซูกงกงจึงรีบยื่นมือเข้ามาพยุงขาทั้งสองข้างของเซียวเหอเพิ่งหายดีได้ไม่นาน แม้ก่อนหน้านี้จะได้กินยาที่เซียวเหิงมอบให้ ซึ่งช่วยให้อาการดีขึ้นมากแล้วก็ตาม แต่เมื่อต้องคุกเข่าอยู่เกือบสองชั่วยาม ก็ย่อมไม่อาจฝืนได้หัวเข่าทั้งสองข้างชาราวกับไร้ความรู้สึกเมื่อเห็นดังนั้น ซูกงกงก็รีบหยิบขวดยาดองออกมา แล้วเอ่ยว่า "คุณชายใหญ่เซียว นี่คือของประทานจากฮ่องเต้ ท่านย่อมเข้าใจดีว่าฮ่องเต้ทรงเอ็นดูท่านเพียงใด เพียงแต่ฮ่องเต้เองก็มีเหตุจำเป็นของพระองค์ หวังว่าคุณชายใหญ่เซียวจะเข้าใจ"ดวงตาของเซียวเหอพลันหม่นลง เขาจะไม่เข้าใจได้อย่างไรว่านี่คือคำเตือนของฮ่องเต้?เรื่องของตระกูลเซียว… อย่าได้ทำให้ฮ่องเต้ปวดหัวอีกได้ยินเช่นนั้น สองมือของเขาก็รับขวดยาดองไว้ และกล่าวว่า "ขอบพระทัยฝ่าบาท"จากนั้นก็หันหลังและค่อย ๆ เดินจากไปเขาเข้าใจดีเมื่อภารกิจสำเร็จแล้ว ผู้ที
ได้ยินดังนั้น ฮ่องเต้ก็ทรงหัวเราะเบา ๆ ยกมือบีบปลายจมูกของเต๋อกุ้ยเฟย "เจ้านี่นะ! ไยต้องปากแข็งต่อหน้าข้าด้วย? หากเจ้าคิดว่าเจ๋อเอ๋อร์ตายเพราะนางจริง ๆ แล้วนางจะยังมีชีวิตอยู่ถึงวันนี้ได้หรือ?"เต๋อกุ้ยเฟยถูกฮ่องเต้พูดแทงใจเข้าเต็ม ๆ กลับมิได้โกรธเคือง เพียงถอนหายใจเบา ๆ แล้วเอ่ยว่า "แต่... หากฝ่าบาทลงมือ เซียวเหิงจะไม่เคืองฝ่าบาทหรือเพคะ?"เซียวเหิงเป็นแม่ทัพเอกของฮ่องเต้ หากเพราะเรื่องนี้ทำให้เกิดความบาดหมางกัน แล้วอนาคตจะเป็นเช่นไร?ฮ่องเต้เพียงยิ้มจาง ๆ ไม่ตรัสสิ่งใดแต่เต๋อกุ้ยเฟยกลับเข้าใจในทันทีที่ฮ่องเต้ไม่ลงมือเอง ก็เพราะกังวลว่าเซียวเหิงจะเคือง จึงให้น้องชายของนางเป็นคนไปช่วยแทนนางรู้แต่ไม่พูดออกมา เพียงแย้มยิ้ม แล้วจึงถอนหายใจอย่างปลงใจ "ไม่ว่าจะอย่างไร แต่ก่อนเจ๋อเอ๋อร์ก็เคยรังแกนาง เวลานี้ ช่วยนางออกมาก็ถือว่าเป็นการสะสมบุญกุศลให้เจ๋อเอ๋อร์เถอะเพคะ ขอเพียงให้เจ๋อเอ๋อร์ได้รับความทุกข์ในปรโลกน้อยลงสักหน่อยก็ยังดี"เต๋อกุ้ยเฟยเอ่ยพลางประนมมือขึ้นโดยไม่รู้ตัว ตั้งจิตอธิษฐานด้วยความจริงใจทว่ากลับไม่คิดเลยว่า สีพระพักตร์ของฮ่องเต้กลับกลายเป็นเคร่งเครียดขึ้นมาแทน"พูด
นางไม่เคยทำผิดอะไรเลยแท้ ๆถึงแม้ในปีนั้นจะถูกสลับตัว แต่ว่าผู้ที่ลงมือสลับตัว ก็ไม่ใช่เนี่ยนเนี่ยนชามแก้วเป็นหลินยวนที่ทำตกแตกฮูหยินเฒ่าเสียชีวิตเพราะป่วยหมิงอ๋องตายด้วยน้ำมือของโจรภูเขาจิ่งเหยียนเสียชีวิตจากการปราบโจรทุกคน... ไม่มีใครเลยที่ถูกเนี่ยนเนี่ยนฆ่าแต่ทำไม ต้องโทษการตายของทุกคนว่าเป็นความผิดเนี่ยนเนี่ยนด้วยเซียวเหอคิดเท่าไรก็ไม่เข้าใจ จนกระทั่งเมื่อเอ่ยถามในครั้งนี้ ดวงตาคู่นั้นที่เคยเย็นเยียบก็พลันคลอด้วยน้ำตาแม่เซียวส่ายหน้ารัว ๆ "แม่ให้มหาเถระฉือเอินดูชะตาแล้ว ในนั้นเขียนว่า...""แค่จดหมายพยากรณ์ชะตาแผ่นเดียว ก็สามารถตัดสินความตายของคนผู้หนึ่งได้เลยหรือ?" เซียวเหอยังคงเอ่ยถาม ดวงตาที่คลอด้วยน้ำตาร้อนผ่าวจับจ้องแม่เซียวแน่นิ่ง เสียงในลำคอแหบพร่าราวกับสะอื้น "นาง... นางไม่ได้ทำอะไรผิดเลยสักอย่าง!"แม่เซียวก้าวถอยไปหนึ่งก้าวอย่างไม่รู้ตัว แม้เซียวเหอจะมิใช่สายเลือดแท้ ๆ แต่วินาทีนั้นนางก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงความเจ็บปวดในใจของเขานางตื่นตระหนก สูดหายใจลึกอย่างร้อนรน ก่อนจะอดไม่ได้ที่จะยื่นมือมาปลอบ "เหอเอ๋อร์ แม่ผิดไปแล้ว เจ้าอย่าโกรธแม่เลย..."แต่เซีย
เซียวเหิงคำนับแล้วถอยออกไป พอพ้นจากวังเขาก็ควบม้าจากไปทันทีจนเมื่อม้าศึกเดินทางมาถึงชานเมือง เซียวเหิงกลับหยุดนิ่งเขามีดวงหน้าขรึมเคร่ง พลิกตัวลงจากหลังม้า จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นกับทางเดินเล็กที่ไร้ผู้คน "พี่ใหญ่ ออกมาเถอะ"เซียวเหอที่ซ่อนอยู่ในความมืด ดวงหน้าก็พลันขรึมลงเช่นกัน จึงเผยกายออกมาเซียวเหิงมองไปที่ขาทั้งสองของเซียวเหอแวบหนึ่ง เอ่ยเสียงเรียบ "พี่ใหญ่เพิ่งหายดี ไม่น่าจะออกมาเดินแบบนี้ ควรพักผ่อนให้มากหน่อย"เซียวเหอเข้าใจความหมายของเซียวเหิงทันทีเขานอนป่วยมาห้าปี ฝีมือย่อมถดถอยไปไม่น้อย แม้แต่ความสามารถในการตามสะกดรอยก็ด้อยลงจี้เยว่ได้ตรวจสอบไว้เมื่อวานแล้ว บอกว่าเรือนนอกเมืองที่อาจใช้ขังคนมีอยู่มากกว่ายี่สิบหลัง ซึ่งในนั้นที่อยู่ใกล้น้ำก็มีถึงสิบกว่าจุดเฉียวเนี่ยนถูกขังไว้ที่ใด ยังต้องตรวจสอบแต่ละหลังให้แน่ชัดแต่เขารอไม่ไหวแล้วจริง ๆถึงได้ตัดสินใจตามสะกดรอยเซียวเหิงไม่คิดว่าจะถูกจับได้อยู่ดีเซียวเหอสีหน้าเคร่งเครียด น้ำเสียงก็เย็นยะเยือก "ข้ารู้ว่าตอนนี้พี่ใหญ่อย่างข้าควบคุมเจ้าไม่ได้แล้ว และก็รู้ว่าเจ้าคิดอย่างไรกับเนี่ยนเนี่ยน แต่ไม่ว่าอย่างไร เจ้าก็ไม่คว
เขาไม่อยากหลีกให้ แต่ก็เข้าใจว่า วันนี้ตนไม่สามารถล้วงความลับจากปากของเซียวเหิงได้แน่คิดแล้วคิดอีก ก็ได้แต่ค่อยๆ หลีกทางให้เซียวเหิงจึงพลิกกายขึ้นม้าอีกครั้ง มุ่งหน้าไปยังทิศทางของวังแต่เมื่อเดินผ่านหลินเย่ว์ ก็ได้ยินเขาถามด้วยเสียงต่ำว่า"เจ้าไม่เคยคิดว่าเจ้าทําแบบนี้ จะทําให้เนี่ยนเนี่ยนเกลียดเจ้ามากขึ้นเหรอ?"ร่างกายของเซียวเหิงพลันแข็งทื่อ แต่กลับไม่หยุดฝีเท้าย่อมเคยคิดมาก่อนแต่เขาไม่มีทางเลือกเขาทําไม่ได้ที่จะมองดูนางไปรักคนอื่นแขนซ้ายพันแผลอย่างง่ายๆ แล้วเซียวเหิงก็เข้าราชสํานักไปฮ่องเต้มองปราดเดียวก็มองออกทันที สีหน้าของเขาดูน่าเกลียดมาก ในประชุมเช้าไม่ได้เอ่ยคําใด เพียงแค่รั้งเขาเอาไว้หลังจากออกจากประชุมเช้าแล้วภายในท้องพระโรง เซียวเหิงคุกเข่าข้างหนึ่งอยู่หน้าตําหนักฮ่องเต้ประทับบนบัลลังก์มังกร หลุบตามองเขา น้ำเสียงทุ้มต่ำ เปี่ยมไปด้วยความโกรธ "เจ้ากําลังก่อเรื่องอะไรอยู่กันแน่? เพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง ยังคิดจะก่อเรื่องวุ่นวายอีกเหรอ?"เซียวเหิงหน้านิ่วคิ้วขมวด ไม่ตอบฮ่องเต้ถลึงตาใส่เขา "ทําไม? ต้องเป็นนางเท่านั้นเหรอ?"ครั้งนี้เซียวเหิงกลับเอ่ยปาก"ใช่ กระ