พอ.กับนอ.ถูกจับให้แต่งงานกันตามความประสงค์ของผู้ใหญ่ แต่เมื่อทั้งคู่ได้มาเรียนรู้และลองใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน. นอ.จึงคิดว่ามือของหมออย่างเธอมีไว้เพื่อรักษา. แต่มือมาเฟียอย่างเขามีไว้เพื่อทำล.าย ซึ่งมันไม่ควรอยู่ด้วยกันได้ แต่สิ่งสำคัญกว่านั้น นั่นเป็นพราะนอ.รักพอ.มากเกินกว่าจะแบ่งปันเขาไปให้ใคร เธอจึงไม่อยากเสียใจภายหลัง. เมื่อคิดได้นอ.จึงตัดสินใจขอยกเลิกงานแต่งงาน โดยอ้างเหตุผลที่ว่า นอ. : 'เราเข้ากันไม่ได้เลยสักอย่างเพราะเราแตกต่างกันมากเกินไป' พอ. : ใครบอกว่าเราเข้ากันไม่ได้. ในเมื่อพี่ก็เอามันเข้าไปในตัวเธอได้ทุกรอบ แล้วเธอก็ทำหน้าฟินตลอด. เข้ากันไม่ได้ตรงไหนช่วยเอาปากกามาวงให้ที" ###อิพี่ก็ดันทำเป็นไม่เข้าใจความหมายไปซะอย่างงั้น### : “!!?”
Узнайте большеตีหนึ่งกว่า
งานปาตี้ริมสระน้ำที่อยู่ภายในบริเวณบ้านเงียบเสียงลงไปสักพักแล้ว หลังจากที่ทุกคนสนุกสนานและดื่มกินกันอย่างอิ่มหนำสำราญ ซึ่งมันเป็นงานเลี้ยงฉลองวันเกิด ให้กับทรอยที่ลูกชายคนสุดท้ายของบ้าน
ซันไชน์ยืนดูอยู่ไม่นาน ก่อนจะปิดม่านหน้าต่างของห้องที่มองจากมุมสูง จากนั้นจึงกลับมาทิ้งตัวลงนอน พลางถอนลมหายใจเพราะรู้สึกเบื่อหน่ายอย่างบอกไม่ถูก ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นนั่ง เมื่อได้ยินเสียงพูดคุยระหว่างกันของผู้ชายทั้งสองคน ที่ดังทะลุประตูห้องเข้ามาด้านใน
“ เฮ้! พี่เค..พี่เมาแล้วน่า เข้าห้องไปนอนเถอะนะ! เดี๋ยวผมสั่งให้เอนีสกลับไปเฝ้าที่ผับนั่นแทนพี่เอง”
“ไอ้บ้าทรอย! เหล้าแคนี้ทำห่าไรพี่ได้!” เสียงห้าวทุ้มที่ตอบกลับไปคีย์สูง คล้ายลิ้นพันกัน ฟังแล้วจับใจความแทบไม่ได้เลย
“โธ่พี่เค!...คนเมาที่ไหนจะบอกว่าตัวเองเมากันละ พี่เข้าห้องไปนอนได้แล้ว”
เจ้าของชื่อที่อีกคนเอ่ยถึงนั่น ทำให้ซันไชน์รู้สึกสนใจขึ้นมาทันที ร่างบางดีดตัวลุกขึ้นจากที่นอน ก่อนจะแง้มบานประตูเปิดออกดู โดยที่ไม่ให้สองคนนั่นรู้
ใช่!...ไม่น่าจะรู้...นอกจากคุณป้าจารีย์ที่เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ และที่เธอกลับมาที่นี่ก็เพราะเงื่อนไขบางอย่างของท่านนั่นแหละ...
เงื่อนไข...ที่ซันไชน์ไม่สามารถจะปฏิเสธได้เลย...
แกร็ก...
ซันไซน์ค่อย ๆ เปิดประตูห้องเข้าไปอย่างถือวิสาสะ เพราะเห็นจากแสงไฟที่ลอดออกมา จึงรู้ว่าประตูห้องไม่ได้ถูกล็อกไว้
แล้วเจ้าของร่างบางก็ต้องผงะ เมื่อปะทะกับกลิ่นเหล้าที่มันคละคลุ้งไปทั่วห้อง ซึ่งมันมาจากร่างของคนที่กำลังนอนหลับตานอนอยู่บนเตียง ซึ่งดูราวกับว่าเขาใช้วิธีอาบเหล้า แทนที่จะกินเข้าไปนั่นมากกว่า..
แต่จากสภาพที่เธอเห็นนะ เขาน่าจะทั้งกินทั้งอาบเลยละมั้ง...
มีแต่กลิ่นเหล้าทั้งนั้น...นี่เธอจะเมาตามคนตัวใหญ่ไปด้วยไหมเนี่ย!
หญิงสาวยืนมองร่างสูงที่นอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงกว้าง ก่อนจะพรูลมหายใจออกมาบางเบา
นี่เธอไม่ได้เจอเขานานแค่ไหนแล้วนะ...ตั้งแต่อายุสิบขวบจนถึงเวลานี้ย่างยี่สิบสี่ เวลาเกือบสิบสี่ปีที่ซันไชน์พยายามลืมใบหน้าหล่อร้ายของผู้ชายคนนี้ แต่ไม่เคยลืมเขาได้เลยสักที
มันทำยากมากนักรึไงฮึ...ซันไซน์!
ระยะเวลาสั้น ๆ ที่เคยได้พบกัน เขาคงจำเธอไม่ได้แล้วมั้ง
หรืออีกทีเธอเอง อาจไม่เคยอยู่ในความทรงจำของเขาเลยด้วยซ้ำไป
เฮ่อ! น่าเศร้าใจชะมัดเหอะ!..
แบบนี้มันเรียกว่าป๊อปปี้เลิฟใช่ไหม?
หากว่าใช่แล้วทำไมถึงตอนนี้ เธอก็ยังลืมเขาไม่ได้สักทีละ...
ทั้ง ๆ ที่เขาก็มีสาว ๆ อยู่รอบกาย แล้วยังจะกลับมาตอกย้ำใจตัวเองให้ช้ำมากไปกว่าเดิมอีกทำไม?..
ก็กตัญญูไงละ!...ที่มันกำลังค้ำคอเธออยู่เนี่ย..
หรือไม่ใช่เหตุผลนั้น?
รึเปล่า?
อย่าอ่อนแอให้ใครเห็นเชียวนะซันไชน์! เข้มแข็งเข้าไว้สิ!
“เค..”
ซันไชน์ลองเรียกชื่อเควินเบาๆ เพราะอยากจะรู้ว่า เขาจะรู้สึกตัวเองบ้างรึเปล่า ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะสัมผัสที่ต้นแขนของเขา แล้วลองโยกมันเบา ๆ หลังจากนั้นอีกที.
....ZZZ....ร่างใหญ่นอนหลับสนิทเพราะฤทธิ์ของเหล้า ซึ่งหญิงสาวพยายามฟังเสียงของลมหายใจ ที่ดังออกมาอย่างสม่ำเสมอ เธอก็คิดว่าเขาน่าจะหลับนั่นแหละ
ลมหายใจเจือกลิ่นของแอลกอฮอล์ มันทำให้เธอรู้สึกแปลก ๆ...
แปลก...เพราะทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ
กลิ่นลมหายใจของเขามันดึงดูดให้หญิงสาว โน้มใบหน้าเข้าไปใกล้มากกว่าเดิม
ใกล้มากขึ้น...
มากซะจน...
ทำให้เจ้าของร่างสูงเริ่มขยับพลิกตัวไปมา พร้อมกับคิ้วเข้มที่ขยับย่นเข้าหากัน จนทำให้ซันไชน์รู้สึกตกใจ ก่อนจะพรูลมหายใจออกมาเบาๆ เมื่อยังเห็นเขาหลับตาอยู่ท่าเดิม มีเพียงริมฝีปากหนาที่เผลอครางออกมายืดยาว
“อืมม..ร้อน!”
หลังจากที่เขาบ่นว่าร้อนออกมา มือหนาก็ทำท่ารั้งคอเสื้อเพื่อดึงออกจากตัวจนเธอกลัวว่ามันจะขาด
กินเหล้าเข้าไปขนาดนั้น จะไม่ให้ร้อนได้ยังไงกันละพ่อคุณ!..
มือบางยื่นไปช่วยแกะกระดุมเสื้อให้ เพราะห่วงว่าเสื้อราคาแพงที่อยู่บนร่างใหญ่ จะขาดติดมือของเขาออกไปเสียก่อน
แต่ทว่า...
หมับ!
“อ๊ะ!”
เธอยังไม่ทันได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น และไม่ทันได้ขยับลุกหนี เจ้าของร่างสูงก็จับหมับลงมาที่ข้อมือของเธอ ส่วนมือข้างที่ว่าง ก็คว้าร่างของเธอเข้ามากอดเอาไว้แน่น
ลมหายใจอุ่นร้อนเจือกลิ่นของเหล้า ที่กำลังเป่ารดใบหน้างาม ทำให้ร่างกายของหญิงสาวรู้สึกหวามไหวไปทั้งตัว มันดูน่ากลัวและเหมือนจะอันตรายเกินไปแล้ว...
“เค!..”
พูดออกไปได้แค่นั้นใบหน้าหล่อร้าย ก็เคลื่อนเข้ามาประกบจูบปิดปากซันไชน์ไว้ทันที
จูบแรกของหญิงสาวที่เต็มไปด้วยรสเหล้า เคล้ากับกลิ่นของบุหรี่รสมิ้น
ลิ้นร้อนไล้เลียไปทั่วริมฝีปาก ก่อนจะค่อย ๆ แยกเปิดกลีบปากของเธอออกจากกัน โดยที่หญิงสาวไม่ทันได้ขัดขืนอะไรเขาสักอย่าง
ซันไชน์ไม่ได้หลับตา แต่กลับมองใบหน้าหล่อร้ายของผู้ชาย ที่กำลังจูบเธอในระยะใกล้ ด้วยอัตราการเต้นของหัวใจที่ผิดเพี้ยนไปจากเดิม
เควินหลับตาพริ้มโดยที่มีเพียงเธอเท่านั้น ที่กำลังใจเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ และรู้สึกหวามไหวไปกับลิ้นร้อนของเขา ที่ตวัดเข้ามาหาความหวานภายในโพรงปากของเธอ
จูบของชายหนุ่มเริ่มจะร้อนรุ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากที่เธอจูบไม่เป็น แต่มันก็รู้สึกได้ว่าเขาทำยังไง จึงเริ่มโต้ตอบกลับไปบ้าง ด้วยการแตะลิ้นตัวเองกับลิ้นร้อนของร่างใหญ่ แล้วกลายเป็นกระตุ้นให้อีกฝ่าย ยิ่งคลั่งหนักมากไปกว่าเดิม
เควินรั้งชายเสื้อเพียงตัวเดียวบนร่างบางออกไปอย่างง่ายดาย มือใหญ่ทั้งขยำทั้งเคล้นคลึงหน้าอกของเธอเล่นอย่างชอบใจ พร้อมกับใช้ริมฝีปากหยักขบเม้มดูดดุนมันอย่างรุนแรง ราวกับว่ามันคือของโปรดของเขา ยิ่งเร้าอารมณ์ของหญิงสาวให้หวามไหว ถึงกับเผลอครางออกมาอย่างลืมอาย
แล้วทำไมเธอถึงไม่ขัดขืน?
ทำไมละ?
ก็มันรู้สึกดีไง...
รู้สึกดีจนไม่คิดที่จะปฏิเสธสัมผัสร้าย ๆ ของผู้ชายคนนี้เลยด้วยซ้ำ...
เธอ...อยากให้เขาสัมผัส...
เธอ...อยากให้เขาครอบครอง...
เธอ...อยากให้เขาเป็นเจ้าของทั้งตัวและหัวใจ...
ใช่เหรอ?..ซันไซน์...นั่นเควินเขากำลังเมามายและไม่ได้สติอยู่นะ!
เฮือก!
เหมือนจะคิดได้...แต่ก็ไม่ทันแล้วไง...
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยาย SET ที่มีด้วยกันสามเรื่อง พระเอกของทุกเรื่องจะเป็นเพื่อนรักกัน แต่สามารถแยกอ่านได้ค่ะ
1.ต้องมนต์พยัคฆ์ แนวสายมูทั้งเรื่องค่ะ
2.จังหวะรักต้องมนต์ มีมูมาเกี่ยวข้องเล็กน้อย
3.ต้องมนต์ร้ายนายมาเฟีย มีมูเข้ามาเกี่ยวพันด้วยนิดหน่อยค่ะ
“ลูกหลับแล้วเหรอคะ?”เสียงหวานเอ่ยทักเมื่อเห็นร่างหนา เดินผ่านประตูออกมานั่งลงตรงข้ามกับเธอ โดยมีโต๊ะกระจกกั้นระหว่างกันเอาไว้ แต่ก็ถือว่าไม่ได้ห่างกันมากมายอะไรนัก แต่ซันไชน์ก็อดแปลกใจไม่ได้อยู่ดี เพราะแทนที่คนตัวใหญ่กว่าจะมานั่งอยู่ใกล้ๆ แต่ทำไมหญิงสาวถึงรู้สึกว่า เหมือนเขาต้องการจะเว้นระห่างกับเธอนัก แต่ก็ไม่อยากถาม“อืม...ถ้าเอรินไม่หลับพี่ก็คงจะหลับไปก่อนละ ไหนจะร้องเพลงกลับไปกลับมากล่อมพี่งี้ ฟังแล้วก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องสักเท่าไหร่ อีกทั้งนิทานก็เล่าวนไปวนมาที่เดิมไม่ยอมจบนั่นซะที แต่ก็น่ารักดีนะ พูดยังกะต่อยหอย ตัวเท่านี้ไปหัดพูดที่ไหนมา” รอยยิ้มเกลี่ยไปทั่วใบหน้าในขณะที่เอ่ยถึงลูกสาว ที่บอกกับเขาว่าจะร้องเพลงกล่อมให้นอนหลับสบาย ดูก็รู้แล้วว่าเจ้าตัวตื่นเต้นที่ได้เห็นพ่อนั่นละ พูดจาเจื้อยแจ้วราวกับนกแก้ว แล้วก็ไม่มีทีท่าว่าจะหลับเอาง่ายๆ นั่นอีกด้วยนะ จนเขาต้องแกล้งหลับนั่นละ เจ้าตัวถึงได้หลับตามๆ กันไป เพราะไม่รู้จะพูดให้ใครฟังแล้วไง ซันไชน์ทิ้งให้เขาอยู่กับลูกเพียงลำพัง ส่วนตัวเองก็มานั่งทอดอารมณ์ ที่ระเบียงหลังห้องเพื่อรอเขา“แกชอบคุยกับสัตว์ค่ะ สัตว์ทุกชนิด ชอบคุยอยู่คนเด
“คุณ!..หยุดอยู่ตรงนั้นนะ แล้วปล่อยลูกสาวของฉันเดี๋ยวนี้!”ซันไชน์รีบตะโกนเสียงดังเชิงสั่งออกไป แล้วมันก็สามารถหยุดชายร่างใหญ่คนนั้นเอาไว้ได้ ก่อนที่เขาจะค่อยๆ หันมาประจันหน้ากับเธอ!!!ซันไชน์เบิกตากว้าง รู้สึกทั้งตกใจและดีใจในเวลาเดียวกัน แต่มันก็ดันทำให้ขาทั้งสองข้างของหญิงสาว ก้าวต่อไปไม่ได้ไปซะเฉยๆ อีกทั้งน้ำตา ก็พาลไหลออกมาไม่หยุดเลย นั่นทำให้ชายหนุ่มต้องเป็นฝ่ายก้าวเท้าเข้ามาหาหญิงสาวซะเอง นัยน์ตาคมกวาดมองใบหน้าของซันไชน์ด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ไม่ต่างกัน วงแขนแกร่งข้างที่ว่างโอบรั้งร่างบางให้เข้ามาหา ก่อนจะเอ่ยกับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงสั่นพร่าต่อจากนั้น “ ชัน...ไม่ร้องสิ” บอกเธอว่าอย่าร้องไห้ แต่เขาก็กลั้นมันไว้อย่างสุดกำลัง อีกทั้งเขายังกลัวว่าเมื่อลูกสาวเห็นคนเป็นแม่ร้องไห้หนักเข้าเจ้าตัวอาจจะร้องไห้ตาม แต่ทว่าเอรินเข้มแข็งมากกว่าที่เควินคิดไว้เสียอีก นอกจากเจ้าตัวจะไม่ร้องไห้แล้ว ยังยื่นมือเล็กๆ เข้าไปเช็ดน้ำตา พร้อมกับคำพูดปลอบใจให้อีกว่า“โอ๋..คุณแม่ขาไม่ร้องนะคะ...อึ๊บค่ะๆ” เควินอยากจะหัวเราะขำ แต่มันไม่ใช่เวลาที่จะทำแบบนั้นได้ ตอนนี้สิ่งที่ชายหนุ่มควรทำมากที่สุด ก็ค
เอรินอุทานเรียกชายร่างสูงที่ยื่นถุงขนมส่งมาให้เธอตรงหน้าว่า พ่อ นั่นแหละ แล้วมันก็ทำให้เจ้าของร่างใหญ่เลิกคิ้วเข้มขึ้นสูงข้างหนึ่ง เชิงถามอย่างรู้สึกแปลกใจ ก็ในเมื่อทั้งสองคนเพิ่งจะเคยได้เห็นหน้ากันเป็นครั้งแรก เอรินก้มเปิดกระเป๋าสะพายข้างใบเล็กสีชมพูเข้ากับชุดคิตตี้ที่ใส่ แล้วหยิบรูปถ่ายที่เคลือบเอาไว้อย่างดี ออกมาเทียบกับใบหน้าของชายร่างสูงใหญ่ เมื่ออีกฝ่ายย่อตัวลงนั่ง เพื่อให้สายตาของทั้งคู่อยู่ในระดับเดียวกัน แต่ถึงอย่างนั้นผู้ชายที่นั่งย่อตัวอยู่ตรงหน้า ก็ยังสูงกว่าเอรินอยู่ดี คิ้วเรียวเล็กเลื่อนเข้าหากันทันทีอย่างสงสัยระคนแปลกใจ ว่าทำไมชายคนนี้ถึงมีใบหน้าคล้ายกับบิดาของเธอได้กริยาอาการรวมไปถึงการกระทำราวกับเจ้าตัวเป็นผู้ใหญ่ มันทำให้อีกฝ่ายต้องยิ้มขำออกมาก่อนจะเอ่ยถามเอรินออกไปว่า“หน้าเหมือนกันมั้ยครับ?”“......”ใบหน้าน่ารักไม่ตอบกลับ เพราะสมองน้อยๆ ของเอรินในตอนนี้กำลังใช้ขบวนการทางความคิดค่อนข้างมากนัยน์ตาสีน้ำตาลกลมโตมองชายในรูปภาพ สลับกับมองใบหน้าของชายร่างสูงใหญ่สลับกันไปมาอยู่อย่างนั้น เมื่อตอบตัวเองไม่ได้นั่นแหละ เจ้าตัวจึงเปลี่ยนเป็นตั้งคำถามกลับไปแทน“คุณลุงเ
ตั้งแต่เควินได้พาตัวเองหายไปจากชีวิตของทุกคน โดยไม่มีใครรู้ว่าเจ้าตัวไปอยู่ที่ไหน นอกเสียจากเพื่อนสนิททั้งสี่คนนั่นแล้ว นอกนั้นต่างก็รู้แค่ว่าชายหนุ่มได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยกระทั่งผู้ให้กำเนิดหรือแม้แต่ตัวซันไชน์เอง ได้รู้เหตุผลทุกอย่างจากเพื่อนๆ ของเขา ที่ต่างก็ช่วยกันเล่าเรื่องราว ก่อนหน้าที่หญิงสาวจะฟื้นขึ้นมาให้เธอฟัง ทั้งยังบอกเหตุผลอีกว่า การที่ไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน นั่นย่อมไม่มีใครคอยไปรบกวน และทำให้ชายหนุ่มปฏิบัติตามเงื่อนไขได้อย่างเต็มที่จากเด็กทารกที่อยู่ในครรภ์ของมารดา ยังไม่ทันได้ก่อตัวเป็นรูปร่างเท่าไหร่ คนเป็นพ่อก็ต้องมาจากไปไกล โดยทิ้งอีกฝ่ายที่ยังนอนนิ่งไม่ไหวติง ภายใต้สายระโยงระยาง ที่ติดอยู่ตามเนื้อตัวเต็มไปหมดถึงแม้หญิงสาวจะได้รับข่าวร้ายที่ทำให้ปวดหัวใจ จนแทบไม่อยากตื่นขึ้นมามีลมหายใจไปวันๆแต่ถึงอย่างนั้นซันไชน์ก็ยังมีเพื่อนๆ ของสามีคอยช่วยเตือนสติ และบอกข่าวดีต่อจากนั้นอีกว่า ก้อนเนื้อเล็กๆ ที่กำลังเจริญเติบโตอยู่ในท้องของหญิงสาว ซึ่งเป็นเสมือนตัวแทนของเขายังปลอดภัยดี นั่นจึงทำให้คนที่กำลังนอนทอดอาลัย ถึงกับมีแรงฮึดขึ้นมาสู้ต่อ เพื่อรอวันที่จะได้อยู่
เควินชักสายตากลับมามองหน้ากรรวีด้วยใบหน้าเศร้าหมอง มนต์พยัคฆ์เองยังไม่อยากจะมอง เขาต้องเบี่ยงองศาไปที่กรรวีอย่างต้องการคำตอบด้วยเช่นกัน แต่หญิงสาวก็ยังไม่ทันได้ตอบคำถาม เมื่อมีเสียงของชนธัญดังนำหน้ามาก่อนเจ้าตัวชายหนุ่มกำลังประคองร่างของเมียรัก ในขณะที่บ่นตามมาต่อจากนั้นว่า“ทำไมเดี๋ยวนี้เธอถึงได้ดื้อกับพี่จังฮะ ให้นั่งรถเข็นก็ไม่เอา พี่จะอุ้มก็ไม่ยอมอีก ถ้าลูกของเราหลุดออกมาตอนเธอเดินจะทำไง?”“พี่ม่อนจะเว่อร์ไปไหนคะเนี่ย ท้องเฌอร์เล็กแค่นี้เอง ไม่เห็นจะหนักเลยสักหน่อย แล้วเฌอร์ก็เดินเองได้ค่ะ เพื่อนๆ ของพี่กับลูกกวางยืนรอเราอยู่นั่นแล้วไงคะ เร็วๆ เข้าเถอะค่ะ มัวแต่พูดมากอยู่นั่นแหละ”เฌอร์ลีนต่อว่า พลางส่ายหน้าอย่างระอาสามี ที่กลัวนั่นกลัวนี่จนเกินเหตุ ก่อนจะเดินนำหน้าเข้ามาหาคนที่ยืนรอพวกเธออยู่ก่อนแล้ว ดูคล่องแคล่วและกระฉับกระเฉงมากกว่าคนที่เดินตามหลังกันมานั่นซะอีกเมื่ออยู่กันพร้อมหน้า ทุกคนต่างทักทายและปลอบใจกันพอเป็นพิธีกรรวีรู้ว่าเวลามีไม่มากนัก เธอจึงบอกให้ทุกคนมานั่งพัก เพื่อจะได้รอฟังผลการผ่าตัดของซันไชน์ จากหมอใหญ่ได้ตลอดเวลาทุกคนที่เหลือต่างพร้อมใจกันเงียบเสียงของตัว
มนต์พยัคฆ์รีบบึ่งรถลงใต้ โดยใช้คนขับรถของเขาเป็นคนขับให้ เพราะหากว่าเขาเป็นคนขับเอง มันคงไม่มีสมาธิสักเท่าไหร่ที่สำคัญมากไปกว่านั้น มนต์พยัคฆ์ต้องการซักถามคนที่นั่งอยู่ข้างกันอย่างถนัด ๆ มากกว่า เพราะกรรวีไม่พูดไม่จาตั้งแต่ออกจากบ้านมา นั่นเลยต่างหากละ“ลูกกวาง”“....คะ”กรรวีขานรับทันทีหลังจากที่ได้ยิน จากนั้นเธอจึงพูดต่อเพราะรู้ว่าอีกคนกำลังรอฟัง“ลูกกวางรู้ตั้งแต่วันที่พี่เคพาพี่ซันมาบ้านของเราก่อนแต่งงานวันนั้นไงคะ พี่เสือจำได้มั้ยว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้นในห้องรับแขก”กรรวีอธิบายหลังจากที่นั่งเงียบมาตลอดทาง พลางถามกลับไป และรอให้ชายหนุ่มคิดก่อนจะย้ำถามเขาอีกครั้ง“พี่เสือจำได้รึยังคะ?”“มีแก้วตกลงมาแตกนั่นนะเหรอ”“ใช่ค่ะ”“ มันเกี่ยวข้องกันยังไง ถ้าเป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็น แล้วจะเข้ามาในบ้านของเราได้เหรอ?”“เขาอยู่กับพี่เค...เขาปักหมุดเอาไว้ตั้งแต่แรก”“เจ้ากรรมนายเวรของมันงั้นสินะ..เธอเห็น?”กรรวีพยักหน้ารับแทนการตอบกลับมาด้วยเสียง ซึ่งอีกฝ่ายก็ยังอยากจะรู้อะไรมากกว่านั้นอีก“เห็นเป็นยังไง?...หน้าตาละ? ท่าทาง?..ทำไมแก้วนั่นถึงตกลงมาได้?” มนต์พยัคฆ์เอ่ยถามคนตรงหน้า ด้วยน้ำเสียงที่
นั่น...คือภาพสุดท้ายที่ซันไชน์ได้เห็นคนรัก ก่อนที่จะไม่มีสติรับรู้อะไรต่อจากนั้นอีกเลยทุกคนต่างนั่งรอฟังผลอยู่หน้าห้องผ่าตัด จากหมอใหญ่ที่เวลานี้ กำลังทำหน้าที่รักษาชีวิตของซันไชน์ และลูกที่อยู่ในท้องของหญิงสาวเอาไว้อย่างสุดกำลัง ตามความสามารถที่มี ยังดีที่โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นโรงพยาบาลเอกชน มีเครื่องไม้เครื่องมือทางการแพทย์ที่ค่อนข้างทันสมัย และมีนายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางอยู่ค่อนข้างมาก เนื่องจากเป็นจังหวัดที่อยู่ติดกับชายทะเล จึงมีชาวต่างชาติมาลงทุนธุรกิจกันมากมาย ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ จึงเป็นชาวต่างชาติที่มีมากกว่าคนไทยหลังจากเบร์เดนได้รู้ข่าวจากยูโร ที่โทรมารายงานทุกอย่างให้เขาฟัง ซึ่งแน่นอนว่าด้วยอิทธิพลที่มีมากมายของมาเฟียใหญ่ การทำให้เรื่องที่ยิงกันสนั่นเมืองนั่น เงียบหายไปมันก็ไม่ใช่เรื่องยากสักเท่าไหร่ ในเมื่อเงินสามารถบันดาลทุกอย่างใด้ในชั่วข้ามคืนมันก็แค่เรื่องยุ่งยาก ที่เกิดจากลูกชายอีกคน ที่ไม่ค่อยจะได้รับความสนใจจากผู้ให้กำเนิดมาตั้งแต่เกิดแล้วนั่นแหละ ถึงแม้ว่าโคลด์จะหมดลมหายใจไปแล้วก็ตาม นั่นก็ยังไม่ทำให้เบร์เดนเสียใจ เพราะชีวิตของโคลด์ไม่มีค่าเท่ากับชีวิตข
แต่ทว่า...คนที่สมควรโดนกลับไม่ใช่คนที่โคลด์คาดหวัง แต่เป็นร่างบางที่เอาตัวเข้ามาขวางกระสุนอันนั้นแทนจอมทัพรั้งร่างของปิ่นปักลงมานอนแนบไปกับพื้น ตามสัญชาติญาณเมื่อเขาได้ยินเสียงปืน พร้อมกับกวาดสายตามองหาที่มาของเสียง สลับกับมองรุ่นพี่ ที่กำลังกอดร่างของซันไชน์ไว้ในวงแขน แต่ในช่วงเวลาคับขันแบบนี้สิ่งที่ตำรวจอย่างเขาควรมีและควรจะทำมากที่สุด ก็คือการหยุดคนร้าย ที่กำลังเดินถือปืนเข้ามาในระยะใกล้ แล้วยกปลายกระบอกปืนเล็งมาที่รุ่นพี่ของเขาในเวลานี้ทันที“ไอ้เคมึงตาย!”โคลด์ตวาดลั่น ก่อนจะลั่นไกออกไปราวกับคนบ้าคลั่ง ถึงแม้ลูกกระสุนจะหมดปลอก แต่เจ้าตัวก็ยังไม่หยุดยิงปัง! ปัง! ปัง!!!!“ไอ้เหี้ย!มึงสิตาย..”จอมทัพถลึงตาโตก่อนจะสบถคำหยาบคายหนัก ๆ จากนั้นจึงพุ่งตัวเข้าไปขวางเอาไว้อย่างไม่กลัว แล้วใช้ปืนของตัวเองยิงสวนกลับไปเช่นเดียวกันปัง! ปัง! ปัง!โคลด์ทรุดตัวลงนั่ง ก่อนจะค่อย ๆ หงายหลังลงไปนอนแน่นิ่ง เมื่อร่างหนาถูกห่ากระสุน ที่มาจากหลายทิศทาง รวมไปถึงของจอมทัพ และดับชีวิตลงตรงนั้นทันที“จอม!”ปิ่นปักถึงกับเบิกตากว้างอย่างรู้สึกตกใจ เมื่อเห็นว่าจอมทัพถูกยิงเข้าที่หัวไหล่ แต่มันก็แค่เฉียด ๆ
ทั้งเควินและซันไชน์พากันเดินจูงมือมาตามชายหาด ที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนสักพักใหญ่ จู่ ๆ ก็มีเสียงห้าวทุ้ม เอ่ยเรียกชื่อของชายหนุ่มขึ้นมา“เฮ้!...พี่เค!”ทั้งสองคนหมุนตัวหันมามองเจ้าของเสียง พร้อมกันทันทีที่ได้ยินเควินยกยิ้มมุมปากส่งไปให้ ก่อนที่ชายหนุ่มคนนั้นจะเดินเข้ามาหา พร้อมกับผู้หญิงหน้าตาน่ารักที่อยู่ข้าง ๆ ก็เดินตามกันมาด้วยซันไชน์หันมามองหน้าคนตัวใหญ่ เชิงจะถามเขาว่าใคร? แต่เธอก็รั้งรอให้ทั้งสองฝ่ายได้ทักทายกันให้พอ โดยที่ไม่ได้แทรกถามอะไรต่อจากนั้น“สวัสดีครับพี่เค..ผมอุตส่าห์หลบมาตั้งไกลขนาดนี้แล้ว ยังจะมาเจอคนรู้จักกันที่นี่อีก..เชื่อเลยว่าโลกมันกลมจริง ๆ ”เจ้าของร่างสูงใหญ่พอกันของอีกคน เอ่ยทักทายชายหนุ่มขึ้นมาก่อน เพราะเขาเป็นรุ่นน้องที่มีอายุอ่อนกว่า คนตรงหน้าอยู่หลายปี“โลกมันแคบมั้ง...ว่าแต่ไม่เจอแกมาตั้งหลายปี สูงใหญ่ขนาดเทียบกับรุ่นพี่ได้เลยเหรอวะไอ้จอม”เควินเอ่ยทักทายพร้อมกับตบไหล่รุ่นน้อง ที่เคยอยู่บ้านใกล้กัน และมันก็มีเขานี่แหละเป็นไอดอล ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นเควินกับมนต์พยัคฆ์ ก็มักจะถูกพ่อของจอมทัพ จับขึ้นไปอบรมบนโรงพักด้วยกันบ่อย ๆ ในตอนที่ยังเป็นหนุ่มน้อย ช่วงหล
Комментарии