“ งั้นแม่ก็สรุปให้เลยแล้วกันนะ”
เสียงมารดาเอ่ยแทรกขึ้นมา เมื่อเห็นว่าทั้งคู่ต่างพากันนั่งเงียบกริบ
“ฤกษ์แต่งงานคือไม่เกินกลางเดือนหน้า เพราะแม่ได้หาเอาไว้แล้ว ในระหว่างนี้แกสองคนก็เรียนรู้กันไปก่อน ทำความรู้จักกันให้มากขึ้นกว่าเดิม แต่แม่เชื่อสายตาของตัวเองนะว่าทั้งสองคนน่ะ ดูเหมาะสมกันมากที่สุด...เค!...”
คุณจารีย์เอ่ยออกมายืดยาว ประโยคสุดท้ายเธอมองหน้าลูกชาย ก่อนจะเรียกชื่อเขาเชิงย้ำ
“ครับแม่”
“บอกพ่อแกด้วยนะเรื่องงานแต่งของแกน่ะ บอกเขาแทนแม่ทีว่า เสียใจด้วยนะที่ชวดลูกสะใภ้มาเฟีย แต่ให้เขาเก็บเอาไว้ให้กับลูกชายคนอื่นก็ได้ละมั้ง น้องชายคนละแม่ของแกมีตั้งหลายคนไม่ใช่รึไง?”
“ก็...ครับ แต่ผมไม่รับฝากนะครับ ทางทีดีแม่บอกกับพ่อให้ผมดีกว่านะ หากผมเป็นคนบอกท่านเอง หูผมคงอื้อไปหลายวัน แต่ถ้าเป็นแม่พูด พ่อคงไม่กล้าหือ...”
ซันไชน์พึ่งจะรู้ในวันนี้เองว่า ยังมีคนที่อยู่เหนือกว่ามาเฟีย นั่นก็คือเมียเก่าอย่างป้าจารีย์ แสดงว่าท่านจะต้องมีดีอย่างแน่นอน
“ก็ได้...ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวแม่จะบอกกับพ่อของแกให้เอง”
ป้าจารีย์และแม่ของซันไชน์เป็นเพื่อนที่รักกันมาก พ่อของหญิงสาวท่านก็เป็นคนแนะนำให้รู้จักกับแม่ของเธอ จนกระทั่งท่านทั้งสองได้ครองรักกัน แต่สุดท้ายแล้วผู้ให้กำเนิดของซันไชน์ก็ดันมาอายุสั้น เนื่องจากวันนั้นสามคนพ่อแม่ลูกได้พากันกลับมาเมืองไทย เพื่อจะมารับยายไปอยู่ด้วยกันที่อิตาลี พอทราบข่าวหลังจากนั้นไม่กี่วัน คนเป็นยายก็มาสิ้นใจตามแม่ของซันไชน์ไปด้วยอีกคน
หญิงสาวนั่งฟังสองคนแม่ลูกคุยกันอยู่พักใหญ่ เธอจึงอยากจะขอตัวออกไปทำธุระข้างนอกบ้าง เพราะเธอมีบางอย่างที่สำคัญมากต้องรีบทำ
เนื่องจากเมื่อคืนนี้เควินสดกับเธอโดยที่ไม่ได้ป้องกัน ซันไชน์จึงต้องการใช้ยาคุมฉุกเฉิน เพื่อคุมกำเนิดให้กับตัวเองโดยเร็วที่สุด
เพราะด้วยธุรกิจของเขา ต้องมีผู้หญิงอยู่รอบตัวมากมาย และเธอก็ไม่รู้ด้วยว่าเขาป้องกันตัวเองแค่ไหน เกรงว่าเขาจะเอาโรคร้ายมาติดเธอด้วยนั่นมากกว่า
ไม่น่าเคลิ้มตามเขาไปเลยให้ตาย!... คิดได้ก็เหมือนกับว่ามันสายไปแล้วจริง ๆ
ฃันไชน์รีบทิ้งความคิดในหัวของตัวเองลงไป ก่อนจะหันมาตั้งใจฟังคุณจารีย์พูดเรื่องการแต่งงานของเธอกับลูกชายของท่าน
“เรื่องสถานที่แต่งงาน ก็จัดในโรงแรมของเรานั่นละนะ เรื่องอื่น ๆ แม่จะให้เลขาจัดการให้ เคแค่พาน้องไปเลือกชุดแต่งงานกับถ่ายรูป...แม่คงต้องไปธุระก่อนนะ นัดเพื่อนเอาไว้”
คุณจารีย์เอ่ยพร้อมกับลุกขึ้นยืน... ก่อนไปยังหันมาย้ำพร้อมกับจิกสายตาใส่หน้าคนเป็นลูกชายอีกว่า
“แม่ฝากน้องด้วยนะ ซันไชน์เปรียบเสมือนลูกสาวของแม่อีกคน อย่ารังแกหรือหักหาญน้ำใจน้อง จนกว่าจะถึงวันแต่งงานเข้าใจไหม!?”
ประโยคคำถามเชิงสั่งจากมารดา เควินอยากจะตอบท่านกลับไปจริง ๆ เลยว่า เขาได้ทำข้าวสารของท่าน ให้กลายเป็นข้าวสุกไปตั้งแต่เมื่อคืนวานนั่นแล้ว
ซันไชน์สะอึก หลุบดวงตาคู่สวยลงต่ำ ก่อนจะเสสายตาไปอีกทาง ด้วยใบหน้าที่ขึ้นสีจัดจรดใบหู
ส่วนเควินมองหญิงสาวอย่างรู้สึกขำ พลางหัวเราะหึหนัก ๆ ในลำคอ
เขายืดตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เดินเข้ามากอดมารดาเชิงประจบ ก่อนจะกดจมูกกับแก้มนุ่มของท่านหนัก ๆ ในขณะที่ผละออกมาถามกลับไป
“แม่ไม่กลัวว่าลูกสาวของแม่ จะรังแกผมบ้างหรือไงครับหื้ม?..”
“ไอ้กะล่อน โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้วยังทะลึ่งไม่เลิก...”
คุณจารีย์ต่อว่า พร้อมกับผลักร่างใหญ่ออกไป พลางตวัดตาค้อนให้ลูกชายอย่างรู้สึกเอ็นดูอีกครั้ง
จากนั้นจึงหมุนตัวพาร่างท้วมเดินออกไปจากห้อง ในขณะที่ลูกชายยังตะโกนก้องไล่หลังตามไปอีกด้วยว่า
“รักแม่ที่สุดครับ”
คุณจารีย์ส่ายหน้า พร้อมกับรอยยิ้มหลังจากได้ยินลูกชายตะโกนบอกรัก
เพราะเป็นแบบนี้ไง เธอจึงไม่อยากให้ลูกชาย ไปคว้าลูกสะใภ้ที่ไหนมาให้ก็ไม่รู้
ถึงแม้กับคนอื่นอาจจะมองว่าลูกชายของเธอเป็นคนไม่ดีเท่าไหร่ แต่สำหรับคุณจารีย์แล้ว เธอกลับภูมิใจในตัวลูกชายคนนี้มากที่สุด...
หลังจากที่คุณจารีย์ออกไปแล้ว เหลือเพียงเควินกับซันไชน์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน เควินจึงเป็นฝ่ายทำลายความเงียบนี้ลงด้วยคำถาม
“ซัน...พี่เรียกเธอแบบนี้ดีกว่าไหม?”
เขาถามในขณะที่ย้ายร่างสูงมานั่งอยู่ด้านข้าง จนทำให้อีกคนต้องเขยิบห่างออกมา ก่อนจะพยักหน้ารับตอบกลับแทนเสียง
“ซัน!..เรื่องเมื่อคืนนี้...”
“ไม่เป็นไรค่ะ! ”
ซันไชน์รีบพูดแทรกขึ้นมา ก่อนที่เควินจะเอ่ยอะไรออกไปมากกว่านั้น คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูงเชิงสงสัย แต่เขาไม่ถามอะไรเธอกลับ แต่อยากให้หญิงสาวพูดออกมาเองมากกว่า
“ซัน..แค่อยากได้ยาคุมฉุกเฉินค่ะ และอยากจะรู้แค่ว่าพี่สดกับผู้หญิงแบบนี้ทุกคนหรือเปล่าคะ ซันกลัวพี่เอาโรคมาติดน่ะ เพราะความจริงแล้วเราควรตรวจร่างกายก่อนที่จะมีอะไรกัน”
ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจที่จะพูดกับเขาด้วยประโยคยาว ๆ ทีเดียวให้จบ ดีกว่าที่จะมามัวสงสัยหรือกังวลใจไปต่าง ๆ นา ๆ เพราะเรื่องที่เธอเสียตัวให้เขา ไม่น่าห่วงเท่ากับเรื่องนี้
เธอเองก็ไม่ได้เสียใจอะไร แอบยินดีด้วยซ้ำที่ผู้ชายคนนั้นเป็นเขาต่างหากเล่า ผู้ชายคนแรกที่เธอยอมให้เข้ามารุกล้ำร่างกายได้ขนาดนี้ หรืออีกทียังไงซะเธอคิดว่าตัวเองจะต้องได้แต่งงานกับเขาอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกกังวลใจมากที่สุดในตอนนี้ คือยังไม่พร้อมที่จะมีลูกกับเขาเท่านั้น
เควินยิ้มขำรับพร้อมกับพาร่างหนาขยับเข้ามาใกล้ ก่อนจะใช้วงแขนแกร่งคว้าโอบร่างบาง ให้เข้ามาหาตัวอย่างถือวิสาสะและเอาแต่ใจ จากนั้นจึงกดจมูกโด่งลงบนแก้มใส แล้วสูดมันเข้าไปราวกับชื่นใจหนักหนา ทำเอาใบหน้าสวยเห่อร้อนขึ้นมาในตอนนี้เลย
“นิ้! คุณ!..” หญิงสาวแว้ดใส่ชายหนุ่มเสียงสูง
แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น ก็ถูกร่างหนาชิงตัดหน้าพูดขึ้นมาก่อน
“พี่แก่กว่าเธอหลายปีควรเรียกพี่นะ ไม่ใช่ คุณ หรือจะเรียกว่า เค เฉย ๆ โดยไม่จำเป็นต้องมีคำนำหน้า แบบเมื่อคืนนี้ก็ได้นะ พี่ไม่ถือ”
“...!!...”
ซันไชน์มุ่ยหน้าโดยที่ไม่พูดอะไร อีกฝ่ายจึงถือโอกาสพูดต่อจากนั้นทันที
“งั้น..พี่จะตอบคำถามของเธอก่อนก็ได้ เธอจะได้สบายใจ ว่าพี่ไม่เคยสดกับใครเลย แล้วก็ตรวจร่างกายเป็นประจำ ไม่มีโรคติดต่อ พอใจยัง!? ”
“ค่ะ..แต่ซันอยากจะขอใช้รถ” เธอพยักหน้ารับพร้อมกับเอ่ยปากขอสิ่งที่อยากได้
“รู้เส้นทางในกรุงเทพดีแล้วเหรอ?”
ร่างสูงถามกลับไป พลางหรี่ตามองหน้าสวยใสในระยะใกล้ โดยเฉพาะริมฝีปากสีเชอร์รี่ที่กำลังขยับตอบเขากลับมา
น่าจูบจังวะ!
แค่คิดมันก็อยากจะเอาฉิบหายเหอะ!
“กำลังจะรู้วันนี้นี่แหละค่ะ”
เธอตอบ พร้อมกับดันตัวเองออกมาจากร่างใหญ่ แต่ก็ยังอยู่ในระยะที่มองเห็นหน้ากันได้อย่างชัดเจน เพราะเธอเห็นสายตาของเขา ที่เอาแต่มองหน้าสลับกับเลื่อนนัยน์ตามองต่ำลงไปหยุดอยู่ที่หน้าอก ก่อนจะวกกลับขึ้นมาสบตากับเธออีกครั้งเขาต้องกำลังคิดอะไรอยู่แน่ ถึงได้ทำหน้าแบบนี้กับเธอน่ะ…
แบบไหนเหรอ?
ก็แบบที่มองเธอเมื่อคืนไง..ใช่มั๊ย!?
ฮึ้ย!..ไม่มั้ง..สงสัยจะคิดไปเอง...
บ้าไปแล้วน่าซัน! เขาหรือเธอกันแน่นะที่คิดแบบนั้นน่ะ?...
“เธออยู่อิตาลีมาตั้งหลายปีเลยไม่ใช่เหรอ คงยังไม่รู้เส้นทางเลยสินะ พี่จะเป็นคนพาเธอไปเอง แล้วเธอก็จำเส้นทางเอาจากสายตาประกอบกับ GPS คนหัวหมออย่างเธอ น่าจะใช้เวลาไม่นานหรอก เดี๋ยวก็จำได้หมดแหละ... ”นี่ขนาดเขาเป็นคนหัวไม่ดี ได้สัมผัสลูบไล้เธอไม่กี่ที ถึงตอนนี้ก็ยังจำส่วนเว้าส่วนโค้งของเธอได้...เต็มไม้เต็มมือดีฉิบหาย!แล้วมึงจะคิดห่าอะไรนักหนาวะไอ้ควาย!...คิดเยอะจนปวดไปหมดทั้งลำแล้วละมั้งกูเนี่ย!.คำว่าหัวหมอทำให้ซันไชน์เลิกคิ้วขึ้นสูงเชิงสงสัย คล้ายกับอีกฝ่ายพูดอะไรผิด เพราะเขาคิดว่าเธอคงไม่รู้จักสำนวนไทย เขาจึงได้พูดออกไปแบบนั้น ก่อนจะแปลประโยคท้ายให้หญิงสาวเข้าใจเสียใหม่ว่า“คนหัวหมอก็คือ คนหัวไบรท์ไง แบบคนฉลาดที่เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วหรือหัวดีนั่นแหละน่า สงสัยอะไรอีกละ” เควินพยายามอธิบาย เพราะบนใบหน้างามเหมือนยังมีคำถามอยู่“ไม่ใช่นะคะ...คนหัวหมอที่พี่ว่า มันแปลว่า ฉลาดแกมโกงไม่ใช่เหรอคะ”ซันไชน์แย้งกลับ อย่างไม่ยอมรับกับความหมายที่ชายหนุ่มแปลออกมาให้อย่างไม่ถูกต้อง“อ้าว...รู้ด้วยเหรอ? พี่คิดว่าเธอไม่รู้ ก็เห็นมาดามเจอรี่บอกพี่ว่า เธอเป็นหมอนี่นา...คนเป็นหมอก็ต้องหั
หลังจากที่เควินบอกกับซันไชน์ว่า จะพาเธอออกไปหาซื้อของ ตามที่เธออยากได้ โดยไม่ยอมให้หญิงสาวขับรถไปเอง เพราะเธอขับรถไม่เก่งอีกทั้งยังไม่คุ้นชินกับเส้นทางในกรุงเทพซันไชน์จึงขอเวลาขึ้นมาอาบน้ำและแต่งตัวใหม่ ในระหว่างที่รอให้ชายหนุ่มโทรไปสั่งงานกับลูกน้องของเขา ด้วยเหตุที่ว่าวันนี้บอสใหญ่จะไม่เข้าบริษัทเพราะติดธุระที่สำคัญกว่าซันไชน์ยืนมองรูปร่างของตัวเองในกระจก พร้อมกับยกมือเรียวบางวางแนบบนทรวงอกเปลือยเปล่า..พลันภาพเหตุการณ์ระหว่างเธอและเขาที่เพิ่งผ่านมาไม่นาน ก็ได้ย้อนเข้ามาในสมองของเธออย่างเด่นชัด ...สัมผัสร้าย!ของชายหนุ่มเมื่อคืนนี้ มันยังฝังอยู่ในหัวสมองของซันไชน์ โดยสลัดออกไปจากความทรงจำไม่ได้เลย...ทั้งที่รู้ว่าเขากำลังเมามายและไม่ได้สติ แต่เธอก็ยอมเผลอตัวเผลอใจไปกับเขา เมื่อถูกโลมเร้าเคล้าคลึงด้วยริมฝีปาก พร้อมกับปลายลิ้นร้อนผ่าวและฝ่ามือของเขาที่แสนช่ำชอง ซึ่งมันทำให้สมองของเธอพร่าเบลอจนเผลอตามใจเขาไปทุกอย่าง หรืออาจเป็นเพราะหัวใจของเธอเองที่ต้องการเขาไม่ต่างกัน เควินรั้งชายเสื้อเพียงตัวเดียวบนเรือนร่างของซันไชน์ออกไปอย่างง่ายดาย ซึ่งในตอนนี้ร่างกายของหญิงสาวไม่มีอะไรปกปิดเ
“เวรเอ้ย!..”เควินสบถออกมาเพราะรู้สึกว่าช่องทางรักของอีกคน กำลังบีบรัดตัวตนของเขาแน่นขึ้นกว่าเดิม นั่นทำให้ชายหนุ่มต้องเดินหน้าต่อไป“เธอเป็นใคร? ฉันก็หยุดให้ไม่ได้แล้วนะ!”“อ๊ะ!..ฮึก!”ซันไชน์สะดุ้งเมื่อเอวสอบเริ่มขยับเคลื่อนไหวในจังหวะเนิบนาบ พร้อมกับความเจ็บที่แล่นป๊าบเข้ามาอีกหน จนต้องจิกทึ้งเล็บของตัวเองลงบนบ่าหนาของอีกคน เพราะไม่รู้ว่าจะระบายมันออกมาได้ยังไง ทำได้แค่เปล่งเสียงร้องออกมาบอกเขาว่า“ เค!..ซันเจ็บ!..ฮึก ๆ ”“ฉันก็เจ็บ!...ทนนิดนะ...อา...ซี้ดดด..แน่นชิบ!”แต่พอสักพักเมื่อร่างใหญ่เร่งจังหวะให้มันเร็วขึ้น เธอกลับมีความรู้สึกแปลก ๆ แทรกเข้ามาแทนเควินซี๊ดปากพร้อมกับพ่นลมหายใจเจือกลิ่นของแอลกอฮอล์ เป่ารดซอกคอของเธอ นั่นยิ่งทำให้อารมณ์ของหญิงสาวป่วนปั่น พุ่งทยานสูงขึ้นไปโดยไม่รู้สาเหตุ และขืนเกร็งเกินไปจนทำให้อีกฝ่ายถึงกับต้องนิ่วหน้า พร้อมกับสูดริมฝีปากหนาด้วยความเสียวซ่าน อย่างระงับไว้ไม่ได้เช่นเดียวกัน“อ๊ะ!..อย่าเกร็งสิ!..ซี้ดด.อ่า...เดี๋ยวเธอก็เสียวแล้ว”ยิ่งเธอตื่นเกร็งมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งครางในลำคอดังขึ้น และเพิ่มจังหวะรุกเร้าเธอหนักมากกว่าเดิมทุกการขยับเคลื่อนไหว
“คนบ้า! คนเจ้าเล่ห์!...”ชายหนุ่มเองก็ตกใจเช่นเดียวกัน เพราะไม่คิดว่าซันไชน์จะออกมาจากห้องน้ำ ทั้งร่างกายเปลือยเปล่าขนาดนั้นจากตกใจในคราวแรก เปลี่ยนเป็นอยากได้เธออีกแล้วละนาทีนี้ซันไชน์ทำให้ความเป็นชายของเขาตื่นเต้น มันเลยขยายตัวเองจนเต็มหว่างขาก็นะ...ในเมื่อเธอคิดไม่ดีกับเขาเท่าไหร่... และเขาก็ไม่ได้เป็นคนดีในสายตาของเธออยู่แล้วไง... ก็ไม่จำเป็นต้องมาแก้ตัวอะไรทั้งนั้นมั๊ย!...ไหน ๆ ก็ไหนละ เอาอีกสักทีคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง?... ทั้งยาคุมและถุงยาง...ก็ช่างหัวแม่งมันปะไร!...“ว๊าย!.เควิน!.”หญิงสาวร้องเสียงหลงเมื่อถูกเขารวบร่างบางเข้ามากอดไว้ทั้งตัว เธอดิ้นขลุกขลัก พร้อมกับร้องโวยวายจนคนตัวใหญ่ ต้องโยนเธอลงไปบนที่นอน พร้อมกับร่างหนาที่ตามลงมาคร่อมทับเธอไว้อีกที“ปล่อยซันนะ!..คนเจ้าเล่ห์ คนหัวหมอ!”มือเล็กพยายามดันอกเขาออกห่าง พลางทุบทึ้งอกกว้างของเขาในคราวเดียวกัน“ ขอบใจนะ ที่ชมพี่ว่าหัวดีน่ะ...แต่พี่ไม่ได้เกิดมาหัวหมออย่างเดียวนะ พี่ยังหล่อมากด้วย..”เขาอวยตัวเองอย่างไม่อาย พร้อมกับเลื่อนสายตาต่ำลงไปมองที่หน้าอกอวบใหญ่ล้นมือล้นไม้ของเธอ แถมอยากจะก้มลงไปดูดให้มันรู้แล้วรู้รอดแต่!
จูบของเขาเริ่มเร่งเร้ามากขึ้นไปทุกที จนซันไชน์หายใจตามแทบไม่ทัน แต่ด้วยความช่ำชองที่รู้จังหวะเขาจึงผละออกมา เพื่อให้อีกฝ่ายหายใจได้บ้าง ก่อนจะกดจูบลงมาอีกครั้งสลับกันอยู่อย่างนั้น กระทั่งเขาเลื่อนริมฝีปากไล้ลงมาซุกไซร้ที่ซอกคอ ซึ่งหญิงสาวก็ให้ความร่วมมือกับเจ้าของร่างใหญ่ ด้วยการเอียงองศาให้เขาซุกไซร้เธอได้ถนัดขึ้น เขาเก่ง...และรู้ว่าต้องทำยังไง ถึงจะทำให้อีกคนยินยอมตามใจเขาได้อย่างร้ายกาจ ทุกที่ที่ริมฝีปากของชายหนุ่มลากผ่าน ไปพร้อมกับการลงน้ำหนักมือของเขานั่นด้วยแล้ว มันทำให้ซันไชน์รับรู้ได้ว่าไม่สามารถหยุดคนอย่างเควินได้หากเขาอยากจะทำคนเอาแต่ใจ!คงใช้วิธีนี้หลอกล่อสาว ๆ มาแล้วนับไม่ถ้วน...และเธอก็คือผู้หญิงคนหนึ่งที่รวมอยู่ในนั้น...ใบหน้าหล่อร้ายก้มต่ำลงไปจนถึงทรวงอกอวบ มือหนากอบกุมมันไว้ทั้งสองข้าง เพื่อให้ตัวเองได้ลิ้มลองมันสลับกันไปมา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาเอ่ยกับเธอว่า“นมเธอ...ของจริงนี่หว่า สวยฉิบ...!” เควินกลืนคำต่อท้ายลงคอ เพราะรู้ดีว่าหญิงสาวคงไม่ชอบใจที่ได้ยินคำหยาบคายหลุดออกมาจากปาก แต่มันเป็นเรื่องยากที่จะทำให้คนหยาบคายกลายมาเป็นเทพบุตร พูดจาอ่อนหวานละมุนละไมเหมือนกับ
“อ๊ะ!...เคปล่อยนะ!...ปล่อยซัน!” เสียงหวานครางประท้วง พร้อมกับยกแขนของตัวเองขึ้นมากันเขาเอาไว้ และพยายามดันตัวเขาออกไป เมื่อเห็นว่าคนตัวใหญ่ทำท่าจะคลุกวงในกับเธออีกรอบคนหื่น!..ไม่รู้จักพอ.... แถมยังไม่ยอมป้องกันอีกด้วย...แต่มันก็ไม่เป็นผลอะไรเลย…ในเมื่อ...เควินไม่ฟังอะไรสักอย่าง ไม่พูดไม่ตอบอะไรเธอกลับมาทั้งนั้น... เขายังคงนัวเนียคลุกเคล้าอยู่ตรงหน้าอกของเธอไม่ไปไหน ทั้ง ๆ ที่ทำกับเธอเสร็จสมใจไปแล้วรอบหนึ่งซึ่งเจ้าของร่างใหญ่ก็ไม่ได้คิดว่าจะรังแก เพียงแต่เห็นหน้าตาเหวี่ยง ๆ ของหญิงสาว แล้วมันทำให้เขาอดมันเขี้ยวเธอไม่ได้จริง ๆแหงละ..สีหน้าของเธอ...มันทำให้เขาเกิดอารมณ์อยากจะฟัดเธอให้จมเตียงอีกรอบ...“เค!!ลุกออกไปเดี๋ยวนี้นะ!..ไม่งั้นซันจะฟ้อง!..อื้ออ...”เมื่อเห็นว่าคนบนร่างยังไม่ยอมหยุดรังแกเธอง่าย ๆ เธอจึงขึ้นเสียงใส่เขาคีย์สูงปี๊ด...ก็เลยถูกคนตัวใหญ่จูบปิดปากเธอไปตามระเบียบ...ร้ายกาจ!..บอกเลยว่าผู้ชายคนนี้ร้ายกาจมาก...“อื้ออ!..อื้อ ๆๆๆ”แต่คนตัวเล็กกว่าไม่ยอมจริง ๆ แฮะรอบนี้…เพราะเธอนอนแข็งเกร็งไปทั้งตัว จนคนที่กำลังพยายามปลุกเร้าเธอขึ้นมาอีกครั้ง ถึงกับต้องผละหน้าขึ้นมาม
ซันไชน์เงียบเสียง ที่ทำท่าจะเถียงเขากลับไป คล้ายจะบอกว่าเธอยอมยกธงขาว แต่เขาก็ยังไม่แน่ใจในอาการของหญิงสาวเท่าไหร่ เพราะไม่รู้ว่าจะพยศใส่เขาตอนไหนอีกอาการพยศตอนนี้ก็ลดลงไปเยอะ หลังจากที่ถูกเควินพูดจาเชิงข่มขู่ หรืออาจจะเป็นเพราะท่าทางน่าหวาดเสียวของคนทั้งคู่ ที่กำลังเผชิญหน้ากันอยู่ในขณะนี้ก็ไม่รู้สิ ในเมื่อร่างกายของทั้งสองคนยังอยู่ในสภาพที่ไม่มีอะไรเลยหญิงสาวนั่งอยู่บนเคาน์เตอร์ ส่วนอีกคนยืนกลางหว่างขาของเธอ ในท่าทางวางแขนทั้งสองข้างคร่อมร่างของเธอไว้แล้วตอนนี้อีกคน ก็ดูเหมือนจะลนลานขึ้นมาอีก เพราะชายหนุ่มกำลังเลื่อนสายตาจากใบหน้าของเธอ ต่ำลงไปมองของโปรดของเขาสองข้างสลับกันไปมา“ยะ...อย่า..กัดนะคะ!”เธอบอกก่อนเอนตัวไปทางด้านหลัง พลางใช้แขนค้ำยันตัวเองเอาไว้ จนปลายยอดอกชี้มาที่ใบหน้าของเขาเข้าเต็มสองตายั่วกันนี่หว่า...มันโคตรจะน่ากินเลยนะว่าไหม! ของสวยงามแถมยังจับต้องได้ เขาก็แค่ขู่เล่นไม่ได้คิดจะทำอะไรจริงจัง!เธอสวย...สวยตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า...เขายอมรับว่าเธอสวยมากขนาดดาราบางคนยังต้องอาย ผิวของเธอเนียนละเอียดเป็นเนื้อเดียวกันทั้งภายนอกและภายใน ยิ่งถ้าเป็นตรงนั้นของเธอด้
“เค!..อุ๊ย!”พออีกคนอ้าปากจะแหวใส่ จึงเป็นเหตุให้ร่างบางถูกมือหนากระตุกผ้าขนหนูออกไปหน้าตาเฉย“อาบน้ำอย่างเดียวน่า...”เขาบอกยิ้ม ๆ พลางโยนผ้าขนหนูไปไว้จนสุดมุมห้อง ก่อนจะยกร่างของเธอวางลงในอ่างน้ำ...ก้าวลงเองก็ได้ไหม?...จะยกเพื่อ! หรือว่าเธออาจจะทำอะไรไม่ทันใจเขา จึงทำราวกับว่าเธอเป็นเด็ก ๆ ต้องคอยอุ้มคอยยกตลอดเวลางี้...ใช่มั้ย?“ถ้าดื้อหรือขัดใจพี่มาก ๆ นั่นอาจถูกพี่ทำอย่างอื่นแทน...”ซันไชน์สะบัดหน้าหันไปมองอีกฝ่ายตาเขียวปั๊ด! แต่ก็ถูกเขาทำสีหน้ายียวนเชิงกวนกลับมาให้ แถมยังทิ้งท้ายด้วยคำพูดที่ว่า“อย่าทำหน้ายั่วพี่แบบนี้สิ หรือว่าอยากจะโดนอีก!”!!!จิกตาใส่ขนาดนี้แล้วยังมาหาว่าเธอยั่วให้อีกหรือไง...ซันไชน์ถอนหายใจ พลางเอื้อมฝ่ามือลงไปปกบางส่วนเอาไว้ ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อหางตาเหลือบไปเห็นอีกคน กำลังดึงผ้าขนหนูที่พันบริเวณช่วงล่างของตน แล้วโยนออกไปอย่างไม่สนใจทิศทางซ่า!เสียงน้ำล้นออก พร้อมกับความรู้สึกที่บ่งบอกว่าคนตัวโตกว่า ตามลงมานั่งซ้อนกันอยู่ทางด้านหลัง นั่นจึงทำให้ซันไชน์ถึงกับสะดุ้งเฮือกยิ่งวงแขนแกร่งสอดเข้ามาโอบรอบเอวเธอจากใต้น้ำ แล้วรั้งร่างของหญิงสาวให้เข้ามาแนบชิดกั
“ลูกหลับแล้วเหรอคะ?”เสียงหวานเอ่ยทักเมื่อเห็นร่างหนา เดินผ่านประตูออกมานั่งลงตรงข้ามกับเธอ โดยมีโต๊ะกระจกกั้นระหว่างกันเอาไว้ แต่ก็ถือว่าไม่ได้ห่างกันมากมายอะไรนัก แต่ซันไชน์ก็อดแปลกใจไม่ได้อยู่ดี เพราะแทนที่คนตัวใหญ่กว่าจะมานั่งอยู่ใกล้ๆ แต่ทำไมหญิงสาวถึงรู้สึกว่า เหมือนเขาต้องการจะเว้นระห่างกับเธอนัก แต่ก็ไม่อยากถาม“อืม...ถ้าเอรินไม่หลับพี่ก็คงจะหลับไปก่อนละ ไหนจะร้องเพลงกลับไปกลับมากล่อมพี่งี้ ฟังแล้วก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องสักเท่าไหร่ อีกทั้งนิทานก็เล่าวนไปวนมาที่เดิมไม่ยอมจบนั่นซะที แต่ก็น่ารักดีนะ พูดยังกะต่อยหอย ตัวเท่านี้ไปหัดพูดที่ไหนมา” รอยยิ้มเกลี่ยไปทั่วใบหน้าในขณะที่เอ่ยถึงลูกสาว ที่บอกกับเขาว่าจะร้องเพลงกล่อมให้นอนหลับสบาย ดูก็รู้แล้วว่าเจ้าตัวตื่นเต้นที่ได้เห็นพ่อนั่นละ พูดจาเจื้อยแจ้วราวกับนกแก้ว แล้วก็ไม่มีทีท่าว่าจะหลับเอาง่ายๆ นั่นอีกด้วยนะ จนเขาต้องแกล้งหลับนั่นละ เจ้าตัวถึงได้หลับตามๆ กันไป เพราะไม่รู้จะพูดให้ใครฟังแล้วไง ซันไชน์ทิ้งให้เขาอยู่กับลูกเพียงลำพัง ส่วนตัวเองก็มานั่งทอดอารมณ์ ที่ระเบียงหลังห้องเพื่อรอเขา“แกชอบคุยกับสัตว์ค่ะ สัตว์ทุกชนิด ชอบคุยอยู่คนเด
“คุณ!..หยุดอยู่ตรงนั้นนะ แล้วปล่อยลูกสาวของฉันเดี๋ยวนี้!”ซันไชน์รีบตะโกนเสียงดังเชิงสั่งออกไป แล้วมันก็สามารถหยุดชายร่างใหญ่คนนั้นเอาไว้ได้ ก่อนที่เขาจะค่อยๆ หันมาประจันหน้ากับเธอ!!!ซันไชน์เบิกตากว้าง รู้สึกทั้งตกใจและดีใจในเวลาเดียวกัน แต่มันก็ดันทำให้ขาทั้งสองข้างของหญิงสาว ก้าวต่อไปไม่ได้ไปซะเฉยๆ อีกทั้งน้ำตา ก็พาลไหลออกมาไม่หยุดเลย นั่นทำให้ชายหนุ่มต้องเป็นฝ่ายก้าวเท้าเข้ามาหาหญิงสาวซะเอง นัยน์ตาคมกวาดมองใบหน้าของซันไชน์ด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ไม่ต่างกัน วงแขนแกร่งข้างที่ว่างโอบรั้งร่างบางให้เข้ามาหา ก่อนจะเอ่ยกับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงสั่นพร่าต่อจากนั้น “ ชัน...ไม่ร้องสิ” บอกเธอว่าอย่าร้องไห้ แต่เขาก็กลั้นมันไว้อย่างสุดกำลัง อีกทั้งเขายังกลัวว่าเมื่อลูกสาวเห็นคนเป็นแม่ร้องไห้หนักเข้าเจ้าตัวอาจจะร้องไห้ตาม แต่ทว่าเอรินเข้มแข็งมากกว่าที่เควินคิดไว้เสียอีก นอกจากเจ้าตัวจะไม่ร้องไห้แล้ว ยังยื่นมือเล็กๆ เข้าไปเช็ดน้ำตา พร้อมกับคำพูดปลอบใจให้อีกว่า“โอ๋..คุณแม่ขาไม่ร้องนะคะ...อึ๊บค่ะๆ” เควินอยากจะหัวเราะขำ แต่มันไม่ใช่เวลาที่จะทำแบบนั้นได้ ตอนนี้สิ่งที่ชายหนุ่มควรทำมากที่สุด ก็ค
เอรินอุทานเรียกชายร่างสูงที่ยื่นถุงขนมส่งมาให้เธอตรงหน้าว่า พ่อ นั่นแหละ แล้วมันก็ทำให้เจ้าของร่างใหญ่เลิกคิ้วเข้มขึ้นสูงข้างหนึ่ง เชิงถามอย่างรู้สึกแปลกใจ ก็ในเมื่อทั้งสองคนเพิ่งจะเคยได้เห็นหน้ากันเป็นครั้งแรก เอรินก้มเปิดกระเป๋าสะพายข้างใบเล็กสีชมพูเข้ากับชุดคิตตี้ที่ใส่ แล้วหยิบรูปถ่ายที่เคลือบเอาไว้อย่างดี ออกมาเทียบกับใบหน้าของชายร่างสูงใหญ่ เมื่ออีกฝ่ายย่อตัวลงนั่ง เพื่อให้สายตาของทั้งคู่อยู่ในระดับเดียวกัน แต่ถึงอย่างนั้นผู้ชายที่นั่งย่อตัวอยู่ตรงหน้า ก็ยังสูงกว่าเอรินอยู่ดี คิ้วเรียวเล็กเลื่อนเข้าหากันทันทีอย่างสงสัยระคนแปลกใจ ว่าทำไมชายคนนี้ถึงมีใบหน้าคล้ายกับบิดาของเธอได้กริยาอาการรวมไปถึงการกระทำราวกับเจ้าตัวเป็นผู้ใหญ่ มันทำให้อีกฝ่ายต้องยิ้มขำออกมาก่อนจะเอ่ยถามเอรินออกไปว่า“หน้าเหมือนกันมั้ยครับ?”“......”ใบหน้าน่ารักไม่ตอบกลับ เพราะสมองน้อยๆ ของเอรินในตอนนี้กำลังใช้ขบวนการทางความคิดค่อนข้างมากนัยน์ตาสีน้ำตาลกลมโตมองชายในรูปภาพ สลับกับมองใบหน้าของชายร่างสูงใหญ่สลับกันไปมาอยู่อย่างนั้น เมื่อตอบตัวเองไม่ได้นั่นแหละ เจ้าตัวจึงเปลี่ยนเป็นตั้งคำถามกลับไปแทน“คุณลุงเ
ตั้งแต่เควินได้พาตัวเองหายไปจากชีวิตของทุกคน โดยไม่มีใครรู้ว่าเจ้าตัวไปอยู่ที่ไหน นอกเสียจากเพื่อนสนิททั้งสี่คนนั่นแล้ว นอกนั้นต่างก็รู้แค่ว่าชายหนุ่มได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยกระทั่งผู้ให้กำเนิดหรือแม้แต่ตัวซันไชน์เอง ได้รู้เหตุผลทุกอย่างจากเพื่อนๆ ของเขา ที่ต่างก็ช่วยกันเล่าเรื่องราว ก่อนหน้าที่หญิงสาวจะฟื้นขึ้นมาให้เธอฟัง ทั้งยังบอกเหตุผลอีกว่า การที่ไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน นั่นย่อมไม่มีใครคอยไปรบกวน และทำให้ชายหนุ่มปฏิบัติตามเงื่อนไขได้อย่างเต็มที่จากเด็กทารกที่อยู่ในครรภ์ของมารดา ยังไม่ทันได้ก่อตัวเป็นรูปร่างเท่าไหร่ คนเป็นพ่อก็ต้องมาจากไปไกล โดยทิ้งอีกฝ่ายที่ยังนอนนิ่งไม่ไหวติง ภายใต้สายระโยงระยาง ที่ติดอยู่ตามเนื้อตัวเต็มไปหมดถึงแม้หญิงสาวจะได้รับข่าวร้ายที่ทำให้ปวดหัวใจ จนแทบไม่อยากตื่นขึ้นมามีลมหายใจไปวันๆแต่ถึงอย่างนั้นซันไชน์ก็ยังมีเพื่อนๆ ของสามีคอยช่วยเตือนสติ และบอกข่าวดีต่อจากนั้นอีกว่า ก้อนเนื้อเล็กๆ ที่กำลังเจริญเติบโตอยู่ในท้องของหญิงสาว ซึ่งเป็นเสมือนตัวแทนของเขายังปลอดภัยดี นั่นจึงทำให้คนที่กำลังนอนทอดอาลัย ถึงกับมีแรงฮึดขึ้นมาสู้ต่อ เพื่อรอวันที่จะได้อยู่
เควินชักสายตากลับมามองหน้ากรรวีด้วยใบหน้าเศร้าหมอง มนต์พยัคฆ์เองยังไม่อยากจะมอง เขาต้องเบี่ยงองศาไปที่กรรวีอย่างต้องการคำตอบด้วยเช่นกัน แต่หญิงสาวก็ยังไม่ทันได้ตอบคำถาม เมื่อมีเสียงของชนธัญดังนำหน้ามาก่อนเจ้าตัวชายหนุ่มกำลังประคองร่างของเมียรัก ในขณะที่บ่นตามมาต่อจากนั้นว่า“ทำไมเดี๋ยวนี้เธอถึงได้ดื้อกับพี่จังฮะ ให้นั่งรถเข็นก็ไม่เอา พี่จะอุ้มก็ไม่ยอมอีก ถ้าลูกของเราหลุดออกมาตอนเธอเดินจะทำไง?”“พี่ม่อนจะเว่อร์ไปไหนคะเนี่ย ท้องเฌอร์เล็กแค่นี้เอง ไม่เห็นจะหนักเลยสักหน่อย แล้วเฌอร์ก็เดินเองได้ค่ะ เพื่อนๆ ของพี่กับลูกกวางยืนรอเราอยู่นั่นแล้วไงคะ เร็วๆ เข้าเถอะค่ะ มัวแต่พูดมากอยู่นั่นแหละ”เฌอร์ลีนต่อว่า พลางส่ายหน้าอย่างระอาสามี ที่กลัวนั่นกลัวนี่จนเกินเหตุ ก่อนจะเดินนำหน้าเข้ามาหาคนที่ยืนรอพวกเธออยู่ก่อนแล้ว ดูคล่องแคล่วและกระฉับกระเฉงมากกว่าคนที่เดินตามหลังกันมานั่นซะอีกเมื่ออยู่กันพร้อมหน้า ทุกคนต่างทักทายและปลอบใจกันพอเป็นพิธีกรรวีรู้ว่าเวลามีไม่มากนัก เธอจึงบอกให้ทุกคนมานั่งพัก เพื่อจะได้รอฟังผลการผ่าตัดของซันไชน์ จากหมอใหญ่ได้ตลอดเวลาทุกคนที่เหลือต่างพร้อมใจกันเงียบเสียงของตัว
มนต์พยัคฆ์รีบบึ่งรถลงใต้ โดยใช้คนขับรถของเขาเป็นคนขับให้ เพราะหากว่าเขาเป็นคนขับเอง มันคงไม่มีสมาธิสักเท่าไหร่ที่สำคัญมากไปกว่านั้น มนต์พยัคฆ์ต้องการซักถามคนที่นั่งอยู่ข้างกันอย่างถนัด ๆ มากกว่า เพราะกรรวีไม่พูดไม่จาตั้งแต่ออกจากบ้านมา นั่นเลยต่างหากละ“ลูกกวาง”“....คะ”กรรวีขานรับทันทีหลังจากที่ได้ยิน จากนั้นเธอจึงพูดต่อเพราะรู้ว่าอีกคนกำลังรอฟัง“ลูกกวางรู้ตั้งแต่วันที่พี่เคพาพี่ซันมาบ้านของเราก่อนแต่งงานวันนั้นไงคะ พี่เสือจำได้มั้ยว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้นในห้องรับแขก”กรรวีอธิบายหลังจากที่นั่งเงียบมาตลอดทาง พลางถามกลับไป และรอให้ชายหนุ่มคิดก่อนจะย้ำถามเขาอีกครั้ง“พี่เสือจำได้รึยังคะ?”“มีแก้วตกลงมาแตกนั่นนะเหรอ”“ใช่ค่ะ”“ มันเกี่ยวข้องกันยังไง ถ้าเป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็น แล้วจะเข้ามาในบ้านของเราได้เหรอ?”“เขาอยู่กับพี่เค...เขาปักหมุดเอาไว้ตั้งแต่แรก”“เจ้ากรรมนายเวรของมันงั้นสินะ..เธอเห็น?”กรรวีพยักหน้ารับแทนการตอบกลับมาด้วยเสียง ซึ่งอีกฝ่ายก็ยังอยากจะรู้อะไรมากกว่านั้นอีก“เห็นเป็นยังไง?...หน้าตาละ? ท่าทาง?..ทำไมแก้วนั่นถึงตกลงมาได้?” มนต์พยัคฆ์เอ่ยถามคนตรงหน้า ด้วยน้ำเสียงที่
นั่น...คือภาพสุดท้ายที่ซันไชน์ได้เห็นคนรัก ก่อนที่จะไม่มีสติรับรู้อะไรต่อจากนั้นอีกเลยทุกคนต่างนั่งรอฟังผลอยู่หน้าห้องผ่าตัด จากหมอใหญ่ที่เวลานี้ กำลังทำหน้าที่รักษาชีวิตของซันไชน์ และลูกที่อยู่ในท้องของหญิงสาวเอาไว้อย่างสุดกำลัง ตามความสามารถที่มี ยังดีที่โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นโรงพยาบาลเอกชน มีเครื่องไม้เครื่องมือทางการแพทย์ที่ค่อนข้างทันสมัย และมีนายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางอยู่ค่อนข้างมาก เนื่องจากเป็นจังหวัดที่อยู่ติดกับชายทะเล จึงมีชาวต่างชาติมาลงทุนธุรกิจกันมากมาย ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ จึงเป็นชาวต่างชาติที่มีมากกว่าคนไทยหลังจากเบร์เดนได้รู้ข่าวจากยูโร ที่โทรมารายงานทุกอย่างให้เขาฟัง ซึ่งแน่นอนว่าด้วยอิทธิพลที่มีมากมายของมาเฟียใหญ่ การทำให้เรื่องที่ยิงกันสนั่นเมืองนั่น เงียบหายไปมันก็ไม่ใช่เรื่องยากสักเท่าไหร่ ในเมื่อเงินสามารถบันดาลทุกอย่างใด้ในชั่วข้ามคืนมันก็แค่เรื่องยุ่งยาก ที่เกิดจากลูกชายอีกคน ที่ไม่ค่อยจะได้รับความสนใจจากผู้ให้กำเนิดมาตั้งแต่เกิดแล้วนั่นแหละ ถึงแม้ว่าโคลด์จะหมดลมหายใจไปแล้วก็ตาม นั่นก็ยังไม่ทำให้เบร์เดนเสียใจ เพราะชีวิตของโคลด์ไม่มีค่าเท่ากับชีวิตข
แต่ทว่า...คนที่สมควรโดนกลับไม่ใช่คนที่โคลด์คาดหวัง แต่เป็นร่างบางที่เอาตัวเข้ามาขวางกระสุนอันนั้นแทนจอมทัพรั้งร่างของปิ่นปักลงมานอนแนบไปกับพื้น ตามสัญชาติญาณเมื่อเขาได้ยินเสียงปืน พร้อมกับกวาดสายตามองหาที่มาของเสียง สลับกับมองรุ่นพี่ ที่กำลังกอดร่างของซันไชน์ไว้ในวงแขน แต่ในช่วงเวลาคับขันแบบนี้สิ่งที่ตำรวจอย่างเขาควรมีและควรจะทำมากที่สุด ก็คือการหยุดคนร้าย ที่กำลังเดินถือปืนเข้ามาในระยะใกล้ แล้วยกปลายกระบอกปืนเล็งมาที่รุ่นพี่ของเขาในเวลานี้ทันที“ไอ้เคมึงตาย!”โคลด์ตวาดลั่น ก่อนจะลั่นไกออกไปราวกับคนบ้าคลั่ง ถึงแม้ลูกกระสุนจะหมดปลอก แต่เจ้าตัวก็ยังไม่หยุดยิงปัง! ปัง! ปัง!!!!“ไอ้เหี้ย!มึงสิตาย..”จอมทัพถลึงตาโตก่อนจะสบถคำหยาบคายหนัก ๆ จากนั้นจึงพุ่งตัวเข้าไปขวางเอาไว้อย่างไม่กลัว แล้วใช้ปืนของตัวเองยิงสวนกลับไปเช่นเดียวกันปัง! ปัง! ปัง!โคลด์ทรุดตัวลงนั่ง ก่อนจะค่อย ๆ หงายหลังลงไปนอนแน่นิ่ง เมื่อร่างหนาถูกห่ากระสุน ที่มาจากหลายทิศทาง รวมไปถึงของจอมทัพ และดับชีวิตลงตรงนั้นทันที“จอม!”ปิ่นปักถึงกับเบิกตากว้างอย่างรู้สึกตกใจ เมื่อเห็นว่าจอมทัพถูกยิงเข้าที่หัวไหล่ แต่มันก็แค่เฉียด ๆ
ทั้งเควินและซันไชน์พากันเดินจูงมือมาตามชายหาด ที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนสักพักใหญ่ จู่ ๆ ก็มีเสียงห้าวทุ้ม เอ่ยเรียกชื่อของชายหนุ่มขึ้นมา“เฮ้!...พี่เค!”ทั้งสองคนหมุนตัวหันมามองเจ้าของเสียง พร้อมกันทันทีที่ได้ยินเควินยกยิ้มมุมปากส่งไปให้ ก่อนที่ชายหนุ่มคนนั้นจะเดินเข้ามาหา พร้อมกับผู้หญิงหน้าตาน่ารักที่อยู่ข้าง ๆ ก็เดินตามกันมาด้วยซันไชน์หันมามองหน้าคนตัวใหญ่ เชิงจะถามเขาว่าใคร? แต่เธอก็รั้งรอให้ทั้งสองฝ่ายได้ทักทายกันให้พอ โดยที่ไม่ได้แทรกถามอะไรต่อจากนั้น“สวัสดีครับพี่เค..ผมอุตส่าห์หลบมาตั้งไกลขนาดนี้แล้ว ยังจะมาเจอคนรู้จักกันที่นี่อีก..เชื่อเลยว่าโลกมันกลมจริง ๆ ”เจ้าของร่างสูงใหญ่พอกันของอีกคน เอ่ยทักทายชายหนุ่มขึ้นมาก่อน เพราะเขาเป็นรุ่นน้องที่มีอายุอ่อนกว่า คนตรงหน้าอยู่หลายปี“โลกมันแคบมั้ง...ว่าแต่ไม่เจอแกมาตั้งหลายปี สูงใหญ่ขนาดเทียบกับรุ่นพี่ได้เลยเหรอวะไอ้จอม”เควินเอ่ยทักทายพร้อมกับตบไหล่รุ่นน้อง ที่เคยอยู่บ้านใกล้กัน และมันก็มีเขานี่แหละเป็นไอดอล ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นเควินกับมนต์พยัคฆ์ ก็มักจะถูกพ่อของจอมทัพ จับขึ้นไปอบรมบนโรงพักด้วยกันบ่อย ๆ ในตอนที่ยังเป็นหนุ่มน้อย ช่วงหล