ตีหนึ่งกว่างานปาตี้ริมสระน้ำที่อยู่ภายในบริเวณบ้านเงียบเสียงลงไปสักพักแล้ว หลังจากที่ทุกคนสนุกสนานและดื่มกินกันอย่างอิ่มหนำสำราญ ซึ่งมันเป็นงานเลี้ยงฉลองวันเกิด ให้กับทรอยที่ลูกชายคนสุดท้ายของบ้านซันไชน์ยืนดูอยู่ไม่นาน ก่อนจะปิดม่านหน้าต่างของห้องที่มองจากมุมสูง จากนั้นจึงกลับมาทิ้งตัวลงนอน พลางถอนลมหายใจเพราะรู้สึกเบื่อหน่ายอย่างบอกไม่ถูก ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นนั่ง เมื่อได้ยินเสียงพูดคุยระหว่างกันของผู้ชายทั้งสองคน ที่ดังทะลุประตูห้องเข้ามาด้านใน “ เฮ้! พี่เค..พี่เมาแล้วน่า เข้าห้องไปนอนเถอะนะ! เดี๋ยวผมสั่งให้เอนีสกลับไปเฝ้าที่ผับนั่นแทนพี่เอง”“ไอ้บ้าทรอย! เหล้าแคนี้ทำห่าไรพี่ได้!” เสียงห้าวทุ้มที่ตอบกลับไปคีย์สูง คล้ายลิ้นพันกัน ฟังแล้วจับใจความแทบไม่ได้เลย“โธ่พี่เค!...คนเมาที่ไหนจะบอกว่าตัวเองเมากันละ พี่เข้าห้องไปนอนได้แล้ว” เจ้าของชื่อที่อีกคนเอ่ยถึงนั่น ทำให้ซันไชน์รู้สึกสนใจขึ้นมาทันที ร่างบางดีดตัวลุกขึ้นจากที่นอน ก่อนจะแง้มบานประตูเปิดออกดู โดยที่ไม่ให้สองคนนั่นรู้ใช่!...ไม่น่าจะรู้...นอกจากคุณป้าจารีย์ที่เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ และที่เธอกลับมาที่นี่ก็เพราะเงื่อนไขบางอย่าง
“นั่นไง เจ้าเคมานั่นแล้ว”คุณจารีย์บอกกับหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างกัน เมื่อหันไปเห็นลูกชายเพียงคนเดียว กำลังเดินเลี้ยวผ่านประตูเข้ามาเมื่อได้ยินเจ้าของร่างท้วมร้องทัก ชันไชน์จึงหันไปมองเจ้าของร่างใหญ่ ใบหน้าสไตล์ลูกครึ่ง ก่อนชักสายตากลับมาอีกทางอย่างรู้สึกประหม่า แต่ก็ต้องทำใจกล้ายอมออกมาเผชิญหน้ากับเขาเควินชะงักนิดหนึ่ง ก่อนจะเดินตรงมาที่โซฟา แล้วทิ้งตัวลงนั่งอยู่ตรงข้ามกัน“ไง? เมื่อคืนเมามากละสิ...ถึงได้ตื่นซะสายโด่งขนาดนี้”คนเป็นมารดาเอ่ยแซะลูกชายอย่างไม่จริงจังอะไรนัก ติดจะเอ็นดูซะมากกว่า ทั้ง ๆ ที่โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้วก็เถอะ“ นิดหน่อยครับ ” เขาตอบรับ พร้อมกับยิ้มกลับมา ก่อนประสานสายตากับคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน แล้วเอ่ยต่อจากนั้นว่า“ อาจจะขาดสติไปบ้าง แต่ความจำเป็นเลิศครับมาดาม ” เหมือนตอบกลับมารดาแต่จงใจมองหน้าของอีกคน “แกนี่มันกระล่อนได้พ่อจริง ๆ ” คุณจารีย์ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ อดไม่ได้ที่จะพาดพิงไปถึงผู้ให้กำเนิดของลูกชาย ที่ได้แยกทางกันไปนานหลายปีซันไชน์ทำหน้าไม่ถูก ทำได้เพียงหลุบตาคู่สวยลงต่ำ หลบสายตาคมของคนตรงหน้าอย่างที่ไม่กล้าจะสบสายตากับเขาเท่าไหร่ ด้วยเหตุผลจาก
“ งั้นแม่ก็สรุปให้เลยแล้วกันนะ”เสียงมารดาเอ่ยแทรกขึ้นมา เมื่อเห็นว่าทั้งคู่ต่างพากันนั่งเงียบกริบ“ฤกษ์แต่งงานคือไม่เกินกลางเดือนหน้า เพราะแม่ได้หาเอาไว้แล้ว ในระหว่างนี้แกสองคนก็เรียนรู้กันไปก่อน ทำความรู้จักกันให้มากขึ้นกว่าเดิม แต่แม่เชื่อสายตาของตัวเองนะว่าทั้งสองคนน่ะ ดูเหมาะสมกันมากที่สุด...เค!...” คุณจารีย์เอ่ยออกมายืดยาว ประโยคสุดท้ายเธอมองหน้าลูกชาย ก่อนจะเรียกชื่อเขาเชิงย้ำ“ครับแม่”“บอกพ่อแกด้วยนะเรื่องงานแต่งของแกน่ะ บอกเขาแทนแม่ทีว่า เสียใจด้วยนะที่ชวดลูกสะใภ้มาเฟีย แต่ให้เขาเก็บเอาไว้ให้กับลูกชายคนอื่นก็ได้ละมั้ง น้องชายคนละแม่ของแกมีตั้งหลายคนไม่ใช่รึไง?”“ก็...ครับ แต่ผมไม่รับฝากนะครับ ทางทีดีแม่บอกกับพ่อให้ผมดีกว่านะ หากผมเป็นคนบอกท่านเอง หูผมคงอื้อไปหลายวัน แต่ถ้าเป็นแม่พูด พ่อคงไม่กล้าหือ...”ซันไชน์พึ่งจะรู้ในวันนี้เองว่า ยังมีคนที่อยู่เหนือกว่ามาเฟีย นั่นก็คือเมียเก่าอย่างป้าจารีย์ แสดงว่าท่านจะต้องมีดีอย่างแน่นอน“ก็ได้...ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวแม่จะบอกกับพ่อของแกให้เอง”ป้าจารีย์และแม่ของซันไชน์เป็นเพื่อนที่รักกันมาก พ่อของหญิงสาวท่านก็เป็นคนแนะนำให้รู้จักกับแม่ขอ
“เธออยู่อิตาลีมาตั้งหลายปีเลยไม่ใช่เหรอ คงยังไม่รู้เส้นทางเลยสินะ พี่จะเป็นคนพาเธอไปเอง แล้วเธอก็จำเส้นทางเอาจากสายตาประกอบกับ GPS คนหัวหมออย่างเธอ น่าจะใช้เวลาไม่นานหรอก เดี๋ยวก็จำได้หมดแหละ... ”นี่ขนาดเขาเป็นคนหัวไม่ดี ได้สัมผัสลูบไล้เธอไม่กี่ที ถึงตอนนี้ก็ยังจำส่วนเว้าส่วนโค้งของเธอได้...เต็มไม้เต็มมือดีฉิบหาย!แล้วมึงจะคิดห่าอะไรนักหนาวะไอ้ควาย!...คิดเยอะจนปวดไปหมดทั้งลำแล้วละมั้งกูเนี่ย!.คำว่าหัวหมอทำให้ซันไชน์เลิกคิ้วขึ้นสูงเชิงสงสัย คล้ายกับอีกฝ่ายพูดอะไรผิด เพราะเขาคิดว่าเธอคงไม่รู้จักสำนวนไทย เขาจึงได้พูดออกไปแบบนั้น ก่อนจะแปลประโยคท้ายให้หญิงสาวเข้าใจเสียใหม่ว่า“คนหัวหมอก็คือ คนหัวไบรท์ไง แบบคนฉลาดที่เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วหรือหัวดีนั่นแหละน่า สงสัยอะไรอีกละ” เควินพยายามอธิบาย เพราะบนใบหน้างามเหมือนยังมีคำถามอยู่“ไม่ใช่นะคะ...คนหัวหมอที่พี่ว่า มันแปลว่า ฉลาดแกมโกงไม่ใช่เหรอคะ”ซันไชน์แย้งกลับ อย่างไม่ยอมรับกับความหมายที่ชายหนุ่มแปลออกมาให้อย่างไม่ถูกต้อง“อ้าว...รู้ด้วยเหรอ? พี่คิดว่าเธอไม่รู้ ก็เห็นมาดามเจอรี่บอกพี่ว่า เธอเป็นหมอนี่นา...คนเป็นหมอก็ต้องหั
หลังจากที่เควินบอกกับซันไชน์ว่า จะพาเธอออกไปหาซื้อของ ตามที่เธออยากได้ โดยไม่ยอมให้หญิงสาวขับรถไปเอง เพราะเธอขับรถไม่เก่งอีกทั้งยังไม่คุ้นชินกับเส้นทางในกรุงเทพซันไชน์จึงขอเวลาขึ้นมาอาบน้ำและแต่งตัวใหม่ ในระหว่างที่รอให้ชายหนุ่มโทรไปสั่งงานกับลูกน้องของเขา ด้วยเหตุที่ว่าวันนี้บอสใหญ่จะไม่เข้าบริษัทเพราะติดธุระที่สำคัญกว่าซันไชน์ยืนมองรูปร่างของตัวเองในกระจก พร้อมกับยกมือเรียวบางวางแนบบนทรวงอกเปลือยเปล่า..พลันภาพเหตุการณ์ระหว่างเธอและเขาที่เพิ่งผ่านมาไม่นาน ก็ได้ย้อนเข้ามาในสมองของเธออย่างเด่นชัด ...สัมผัสร้าย!ของชายหนุ่มเมื่อคืนนี้ มันยังฝังอยู่ในหัวสมองของซันไชน์ โดยสลัดออกไปจากความทรงจำไม่ได้เลย...ทั้งที่รู้ว่าเขากำลังเมามายและไม่ได้สติ แต่เธอก็ยอมเผลอตัวเผลอใจไปกับเขา เมื่อถูกโลมเร้าเคล้าคลึงด้วยริมฝีปาก พร้อมกับปลายลิ้นร้อนผ่าวและฝ่ามือของเขาที่แสนช่ำชอง ซึ่งมันทำให้สมองของเธอพร่าเบลอจนเผลอตามใจเขาไปทุกอย่าง หรืออาจเป็นเพราะหัวใจของเธอเองที่ต้องการเขาไม่ต่างกัน เควินรั้งชายเสื้อเพียงตัวเดียวบนเรือนร่างของซันไชน์ออกไปอย่างง่ายดาย ซึ่งในตอนนี้ร่างกายของหญิงสาวไม่มีอะไรปกปิดเ
“เวรเอ้ย!..”เควินสบถออกมาเพราะรู้สึกว่าช่องทางรักของอีกคน กำลังบีบรัดตัวตนของเขาแน่นขึ้นกว่าเดิม นั่นทำให้ชายหนุ่มต้องเดินหน้าต่อไป“เธอเป็นใคร? ฉันก็หยุดให้ไม่ได้แล้วนะ!”“อ๊ะ!..ฮึก!”ซันไชน์สะดุ้งเมื่อเอวสอบเริ่มขยับเคลื่อนไหวในจังหวะเนิบนาบ พร้อมกับความเจ็บที่แล่นป๊าบเข้ามาอีกหน จนต้องจิกทึ้งเล็บของตัวเองลงบนบ่าหนาของอีกคน เพราะไม่รู้ว่าจะระบายมันออกมาได้ยังไง ทำได้แค่เปล่งเสียงร้องออกมาบอกเขาว่า“ เค!..ซันเจ็บ!..ฮึก ๆ ”“ฉันก็เจ็บ!...ทนนิดนะ...อา...ซี้ดดด..แน่นชิบ!”แต่พอสักพักเมื่อร่างใหญ่เร่งจังหวะให้มันเร็วขึ้น เธอกลับมีความรู้สึกแปลก ๆ แทรกเข้ามาแทนเควินซี๊ดปากพร้อมกับพ่นลมหายใจเจือกลิ่นของแอลกอฮอล์ เป่ารดซอกคอของเธอ นั่นยิ่งทำให้อารมณ์ของหญิงสาวป่วนปั่น พุ่งทยานสูงขึ้นไปโดยไม่รู้สาเหตุ และขืนเกร็งเกินไปจนทำให้อีกฝ่ายถึงกับต้องนิ่วหน้า พร้อมกับสูดริมฝีปากหนาด้วยความเสียวซ่าน อย่างระงับไว้ไม่ได้เช่นเดียวกัน“อ๊ะ!..อย่าเกร็งสิ!..ซี้ดด.อ่า...เดี๋ยวเธอก็เสียวแล้ว”ยิ่งเธอตื่นเกร็งมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งครางในลำคอดังขึ้น และเพิ่มจังหวะรุกเร้าเธอหนักมากกว่าเดิมทุกการขยับเคลื่อนไหว
“คนบ้า! คนเจ้าเล่ห์!...”ชายหนุ่มเองก็ตกใจเช่นเดียวกัน เพราะไม่คิดว่าซันไชน์จะออกมาจากห้องน้ำ ทั้งร่างกายเปลือยเปล่าขนาดนั้นจากตกใจในคราวแรก เปลี่ยนเป็นอยากได้เธออีกแล้วละนาทีนี้ซันไชน์ทำให้ความเป็นชายของเขาตื่นเต้น มันเลยขยายตัวเองจนเต็มหว่างขาก็นะ...ในเมื่อเธอคิดไม่ดีกับเขาเท่าไหร่... และเขาก็ไม่ได้เป็นคนดีในสายตาของเธออยู่แล้วไง... ก็ไม่จำเป็นต้องมาแก้ตัวอะไรทั้งนั้นมั๊ย!...ไหน ๆ ก็ไหนละ เอาอีกสักทีคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง?... ทั้งยาคุมและถุงยาง...ก็ช่างหัวแม่งมันปะไร!...“ว๊าย!.เควิน!.”หญิงสาวร้องเสียงหลงเมื่อถูกเขารวบร่างบางเข้ามากอดไว้ทั้งตัว เธอดิ้นขลุกขลัก พร้อมกับร้องโวยวายจนคนตัวใหญ่ ต้องโยนเธอลงไปบนที่นอน พร้อมกับร่างหนาที่ตามลงมาคร่อมทับเธอไว้อีกที“ปล่อยซันนะ!..คนเจ้าเล่ห์ คนหัวหมอ!”มือเล็กพยายามดันอกเขาออกห่าง พลางทุบทึ้งอกกว้างของเขาในคราวเดียวกัน“ ขอบใจนะ ที่ชมพี่ว่าหัวดีน่ะ...แต่พี่ไม่ได้เกิดมาหัวหมออย่างเดียวนะ พี่ยังหล่อมากด้วย..”เขาอวยตัวเองอย่างไม่อาย พร้อมกับเลื่อนสายตาต่ำลงไปมองที่หน้าอกอวบใหญ่ล้นมือล้นไม้ของเธอ แถมอยากจะก้มลงไปดูดให้มันรู้แล้วรู้รอดแต่!
จูบของเขาเริ่มเร่งเร้ามากขึ้นไปทุกที จนซันไชน์หายใจตามแทบไม่ทัน แต่ด้วยความช่ำชองที่รู้จังหวะเขาจึงผละออกมา เพื่อให้อีกฝ่ายหายใจได้บ้าง ก่อนจะกดจูบลงมาอีกครั้งสลับกันอยู่อย่างนั้น กระทั่งเขาเลื่อนริมฝีปากไล้ลงมาซุกไซร้ที่ซอกคอ ซึ่งหญิงสาวก็ให้ความร่วมมือกับเจ้าของร่างใหญ่ ด้วยการเอียงองศาให้เขาซุกไซร้เธอได้ถนัดขึ้น เขาเก่ง...และรู้ว่าต้องทำยังไง ถึงจะทำให้อีกคนยินยอมตามใจเขาได้อย่างร้ายกาจ ทุกที่ที่ริมฝีปากของชายหนุ่มลากผ่าน ไปพร้อมกับการลงน้ำหนักมือของเขานั่นด้วยแล้ว มันทำให้ซันไชน์รับรู้ได้ว่าไม่สามารถหยุดคนอย่างเควินได้หากเขาอยากจะทำคนเอาแต่ใจ!คงใช้วิธีนี้หลอกล่อสาว ๆ มาแล้วนับไม่ถ้วน...และเธอก็คือผู้หญิงคนหนึ่งที่รวมอยู่ในนั้น...ใบหน้าหล่อร้ายก้มต่ำลงไปจนถึงทรวงอกอวบ มือหนากอบกุมมันไว้ทั้งสองข้าง เพื่อให้ตัวเองได้ลิ้มลองมันสลับกันไปมา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาเอ่ยกับเธอว่า“นมเธอ...ของจริงนี่หว่า สวยฉิบ...!” เควินกลืนคำต่อท้ายลงคอ เพราะรู้ดีว่าหญิงสาวคงไม่ชอบใจที่ได้ยินคำหยาบคายหลุดออกมาจากปาก แต่มันเป็นเรื่องยากที่จะทำให้คนหยาบคายกลายมาเป็นเทพบุตร พูดจาอ่อนหวานละมุนละไมเหมือนกับ
“ลูกหลับแล้วเหรอคะ?”เสียงหวานเอ่ยทักเมื่อเห็นร่างหนา เดินผ่านประตูออกมานั่งลงตรงข้ามกับเธอ โดยมีโต๊ะกระจกกั้นระหว่างกันเอาไว้ แต่ก็ถือว่าไม่ได้ห่างกันมากมายอะไรนัก แต่ซันไชน์ก็อดแปลกใจไม่ได้อยู่ดี เพราะแทนที่คนตัวใหญ่กว่าจะมานั่งอยู่ใกล้ๆ แต่ทำไมหญิงสาวถึงรู้สึกว่า เหมือนเขาต้องการจะเว้นระห่างกับเธอนัก แต่ก็ไม่อยากถาม“อืม...ถ้าเอรินไม่หลับพี่ก็คงจะหลับไปก่อนละ ไหนจะร้องเพลงกลับไปกลับมากล่อมพี่งี้ ฟังแล้วก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องสักเท่าไหร่ อีกทั้งนิทานก็เล่าวนไปวนมาที่เดิมไม่ยอมจบนั่นซะที แต่ก็น่ารักดีนะ พูดยังกะต่อยหอย ตัวเท่านี้ไปหัดพูดที่ไหนมา” รอยยิ้มเกลี่ยไปทั่วใบหน้าในขณะที่เอ่ยถึงลูกสาว ที่บอกกับเขาว่าจะร้องเพลงกล่อมให้นอนหลับสบาย ดูก็รู้แล้วว่าเจ้าตัวตื่นเต้นที่ได้เห็นพ่อนั่นละ พูดจาเจื้อยแจ้วราวกับนกแก้ว แล้วก็ไม่มีทีท่าว่าจะหลับเอาง่ายๆ นั่นอีกด้วยนะ จนเขาต้องแกล้งหลับนั่นละ เจ้าตัวถึงได้หลับตามๆ กันไป เพราะไม่รู้จะพูดให้ใครฟังแล้วไง ซันไชน์ทิ้งให้เขาอยู่กับลูกเพียงลำพัง ส่วนตัวเองก็มานั่งทอดอารมณ์ ที่ระเบียงหลังห้องเพื่อรอเขา“แกชอบคุยกับสัตว์ค่ะ สัตว์ทุกชนิด ชอบคุยอยู่คนเด
“คุณ!..หยุดอยู่ตรงนั้นนะ แล้วปล่อยลูกสาวของฉันเดี๋ยวนี้!”ซันไชน์รีบตะโกนเสียงดังเชิงสั่งออกไป แล้วมันก็สามารถหยุดชายร่างใหญ่คนนั้นเอาไว้ได้ ก่อนที่เขาจะค่อยๆ หันมาประจันหน้ากับเธอ!!!ซันไชน์เบิกตากว้าง รู้สึกทั้งตกใจและดีใจในเวลาเดียวกัน แต่มันก็ดันทำให้ขาทั้งสองข้างของหญิงสาว ก้าวต่อไปไม่ได้ไปซะเฉยๆ อีกทั้งน้ำตา ก็พาลไหลออกมาไม่หยุดเลย นั่นทำให้ชายหนุ่มต้องเป็นฝ่ายก้าวเท้าเข้ามาหาหญิงสาวซะเอง นัยน์ตาคมกวาดมองใบหน้าของซันไชน์ด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ไม่ต่างกัน วงแขนแกร่งข้างที่ว่างโอบรั้งร่างบางให้เข้ามาหา ก่อนจะเอ่ยกับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงสั่นพร่าต่อจากนั้น “ ชัน...ไม่ร้องสิ” บอกเธอว่าอย่าร้องไห้ แต่เขาก็กลั้นมันไว้อย่างสุดกำลัง อีกทั้งเขายังกลัวว่าเมื่อลูกสาวเห็นคนเป็นแม่ร้องไห้หนักเข้าเจ้าตัวอาจจะร้องไห้ตาม แต่ทว่าเอรินเข้มแข็งมากกว่าที่เควินคิดไว้เสียอีก นอกจากเจ้าตัวจะไม่ร้องไห้แล้ว ยังยื่นมือเล็กๆ เข้าไปเช็ดน้ำตา พร้อมกับคำพูดปลอบใจให้อีกว่า“โอ๋..คุณแม่ขาไม่ร้องนะคะ...อึ๊บค่ะๆ” เควินอยากจะหัวเราะขำ แต่มันไม่ใช่เวลาที่จะทำแบบนั้นได้ ตอนนี้สิ่งที่ชายหนุ่มควรทำมากที่สุด ก็ค
เอรินอุทานเรียกชายร่างสูงที่ยื่นถุงขนมส่งมาให้เธอตรงหน้าว่า พ่อ นั่นแหละ แล้วมันก็ทำให้เจ้าของร่างใหญ่เลิกคิ้วเข้มขึ้นสูงข้างหนึ่ง เชิงถามอย่างรู้สึกแปลกใจ ก็ในเมื่อทั้งสองคนเพิ่งจะเคยได้เห็นหน้ากันเป็นครั้งแรก เอรินก้มเปิดกระเป๋าสะพายข้างใบเล็กสีชมพูเข้ากับชุดคิตตี้ที่ใส่ แล้วหยิบรูปถ่ายที่เคลือบเอาไว้อย่างดี ออกมาเทียบกับใบหน้าของชายร่างสูงใหญ่ เมื่ออีกฝ่ายย่อตัวลงนั่ง เพื่อให้สายตาของทั้งคู่อยู่ในระดับเดียวกัน แต่ถึงอย่างนั้นผู้ชายที่นั่งย่อตัวอยู่ตรงหน้า ก็ยังสูงกว่าเอรินอยู่ดี คิ้วเรียวเล็กเลื่อนเข้าหากันทันทีอย่างสงสัยระคนแปลกใจ ว่าทำไมชายคนนี้ถึงมีใบหน้าคล้ายกับบิดาของเธอได้กริยาอาการรวมไปถึงการกระทำราวกับเจ้าตัวเป็นผู้ใหญ่ มันทำให้อีกฝ่ายต้องยิ้มขำออกมาก่อนจะเอ่ยถามเอรินออกไปว่า“หน้าเหมือนกันมั้ยครับ?”“......”ใบหน้าน่ารักไม่ตอบกลับ เพราะสมองน้อยๆ ของเอรินในตอนนี้กำลังใช้ขบวนการทางความคิดค่อนข้างมากนัยน์ตาสีน้ำตาลกลมโตมองชายในรูปภาพ สลับกับมองใบหน้าของชายร่างสูงใหญ่สลับกันไปมาอยู่อย่างนั้น เมื่อตอบตัวเองไม่ได้นั่นแหละ เจ้าตัวจึงเปลี่ยนเป็นตั้งคำถามกลับไปแทน“คุณลุงเ
ตั้งแต่เควินได้พาตัวเองหายไปจากชีวิตของทุกคน โดยไม่มีใครรู้ว่าเจ้าตัวไปอยู่ที่ไหน นอกเสียจากเพื่อนสนิททั้งสี่คนนั่นแล้ว นอกนั้นต่างก็รู้แค่ว่าชายหนุ่มได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยกระทั่งผู้ให้กำเนิดหรือแม้แต่ตัวซันไชน์เอง ได้รู้เหตุผลทุกอย่างจากเพื่อนๆ ของเขา ที่ต่างก็ช่วยกันเล่าเรื่องราว ก่อนหน้าที่หญิงสาวจะฟื้นขึ้นมาให้เธอฟัง ทั้งยังบอกเหตุผลอีกว่า การที่ไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน นั่นย่อมไม่มีใครคอยไปรบกวน และทำให้ชายหนุ่มปฏิบัติตามเงื่อนไขได้อย่างเต็มที่จากเด็กทารกที่อยู่ในครรภ์ของมารดา ยังไม่ทันได้ก่อตัวเป็นรูปร่างเท่าไหร่ คนเป็นพ่อก็ต้องมาจากไปไกล โดยทิ้งอีกฝ่ายที่ยังนอนนิ่งไม่ไหวติง ภายใต้สายระโยงระยาง ที่ติดอยู่ตามเนื้อตัวเต็มไปหมดถึงแม้หญิงสาวจะได้รับข่าวร้ายที่ทำให้ปวดหัวใจ จนแทบไม่อยากตื่นขึ้นมามีลมหายใจไปวันๆแต่ถึงอย่างนั้นซันไชน์ก็ยังมีเพื่อนๆ ของสามีคอยช่วยเตือนสติ และบอกข่าวดีต่อจากนั้นอีกว่า ก้อนเนื้อเล็กๆ ที่กำลังเจริญเติบโตอยู่ในท้องของหญิงสาว ซึ่งเป็นเสมือนตัวแทนของเขายังปลอดภัยดี นั่นจึงทำให้คนที่กำลังนอนทอดอาลัย ถึงกับมีแรงฮึดขึ้นมาสู้ต่อ เพื่อรอวันที่จะได้อยู่
เควินชักสายตากลับมามองหน้ากรรวีด้วยใบหน้าเศร้าหมอง มนต์พยัคฆ์เองยังไม่อยากจะมอง เขาต้องเบี่ยงองศาไปที่กรรวีอย่างต้องการคำตอบด้วยเช่นกัน แต่หญิงสาวก็ยังไม่ทันได้ตอบคำถาม เมื่อมีเสียงของชนธัญดังนำหน้ามาก่อนเจ้าตัวชายหนุ่มกำลังประคองร่างของเมียรัก ในขณะที่บ่นตามมาต่อจากนั้นว่า“ทำไมเดี๋ยวนี้เธอถึงได้ดื้อกับพี่จังฮะ ให้นั่งรถเข็นก็ไม่เอา พี่จะอุ้มก็ไม่ยอมอีก ถ้าลูกของเราหลุดออกมาตอนเธอเดินจะทำไง?”“พี่ม่อนจะเว่อร์ไปไหนคะเนี่ย ท้องเฌอร์เล็กแค่นี้เอง ไม่เห็นจะหนักเลยสักหน่อย แล้วเฌอร์ก็เดินเองได้ค่ะ เพื่อนๆ ของพี่กับลูกกวางยืนรอเราอยู่นั่นแล้วไงคะ เร็วๆ เข้าเถอะค่ะ มัวแต่พูดมากอยู่นั่นแหละ”เฌอร์ลีนต่อว่า พลางส่ายหน้าอย่างระอาสามี ที่กลัวนั่นกลัวนี่จนเกินเหตุ ก่อนจะเดินนำหน้าเข้ามาหาคนที่ยืนรอพวกเธออยู่ก่อนแล้ว ดูคล่องแคล่วและกระฉับกระเฉงมากกว่าคนที่เดินตามหลังกันมานั่นซะอีกเมื่ออยู่กันพร้อมหน้า ทุกคนต่างทักทายและปลอบใจกันพอเป็นพิธีกรรวีรู้ว่าเวลามีไม่มากนัก เธอจึงบอกให้ทุกคนมานั่งพัก เพื่อจะได้รอฟังผลการผ่าตัดของซันไชน์ จากหมอใหญ่ได้ตลอดเวลาทุกคนที่เหลือต่างพร้อมใจกันเงียบเสียงของตัว
มนต์พยัคฆ์รีบบึ่งรถลงใต้ โดยใช้คนขับรถของเขาเป็นคนขับให้ เพราะหากว่าเขาเป็นคนขับเอง มันคงไม่มีสมาธิสักเท่าไหร่ที่สำคัญมากไปกว่านั้น มนต์พยัคฆ์ต้องการซักถามคนที่นั่งอยู่ข้างกันอย่างถนัด ๆ มากกว่า เพราะกรรวีไม่พูดไม่จาตั้งแต่ออกจากบ้านมา นั่นเลยต่างหากละ“ลูกกวาง”“....คะ”กรรวีขานรับทันทีหลังจากที่ได้ยิน จากนั้นเธอจึงพูดต่อเพราะรู้ว่าอีกคนกำลังรอฟัง“ลูกกวางรู้ตั้งแต่วันที่พี่เคพาพี่ซันมาบ้านของเราก่อนแต่งงานวันนั้นไงคะ พี่เสือจำได้มั้ยว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้นในห้องรับแขก”กรรวีอธิบายหลังจากที่นั่งเงียบมาตลอดทาง พลางถามกลับไป และรอให้ชายหนุ่มคิดก่อนจะย้ำถามเขาอีกครั้ง“พี่เสือจำได้รึยังคะ?”“มีแก้วตกลงมาแตกนั่นนะเหรอ”“ใช่ค่ะ”“ มันเกี่ยวข้องกันยังไง ถ้าเป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็น แล้วจะเข้ามาในบ้านของเราได้เหรอ?”“เขาอยู่กับพี่เค...เขาปักหมุดเอาไว้ตั้งแต่แรก”“เจ้ากรรมนายเวรของมันงั้นสินะ..เธอเห็น?”กรรวีพยักหน้ารับแทนการตอบกลับมาด้วยเสียง ซึ่งอีกฝ่ายก็ยังอยากจะรู้อะไรมากกว่านั้นอีก“เห็นเป็นยังไง?...หน้าตาละ? ท่าทาง?..ทำไมแก้วนั่นถึงตกลงมาได้?” มนต์พยัคฆ์เอ่ยถามคนตรงหน้า ด้วยน้ำเสียงที่
นั่น...คือภาพสุดท้ายที่ซันไชน์ได้เห็นคนรัก ก่อนที่จะไม่มีสติรับรู้อะไรต่อจากนั้นอีกเลยทุกคนต่างนั่งรอฟังผลอยู่หน้าห้องผ่าตัด จากหมอใหญ่ที่เวลานี้ กำลังทำหน้าที่รักษาชีวิตของซันไชน์ และลูกที่อยู่ในท้องของหญิงสาวเอาไว้อย่างสุดกำลัง ตามความสามารถที่มี ยังดีที่โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นโรงพยาบาลเอกชน มีเครื่องไม้เครื่องมือทางการแพทย์ที่ค่อนข้างทันสมัย และมีนายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางอยู่ค่อนข้างมาก เนื่องจากเป็นจังหวัดที่อยู่ติดกับชายทะเล จึงมีชาวต่างชาติมาลงทุนธุรกิจกันมากมาย ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ จึงเป็นชาวต่างชาติที่มีมากกว่าคนไทยหลังจากเบร์เดนได้รู้ข่าวจากยูโร ที่โทรมารายงานทุกอย่างให้เขาฟัง ซึ่งแน่นอนว่าด้วยอิทธิพลที่มีมากมายของมาเฟียใหญ่ การทำให้เรื่องที่ยิงกันสนั่นเมืองนั่น เงียบหายไปมันก็ไม่ใช่เรื่องยากสักเท่าไหร่ ในเมื่อเงินสามารถบันดาลทุกอย่างใด้ในชั่วข้ามคืนมันก็แค่เรื่องยุ่งยาก ที่เกิดจากลูกชายอีกคน ที่ไม่ค่อยจะได้รับความสนใจจากผู้ให้กำเนิดมาตั้งแต่เกิดแล้วนั่นแหละ ถึงแม้ว่าโคลด์จะหมดลมหายใจไปแล้วก็ตาม นั่นก็ยังไม่ทำให้เบร์เดนเสียใจ เพราะชีวิตของโคลด์ไม่มีค่าเท่ากับชีวิตข
แต่ทว่า...คนที่สมควรโดนกลับไม่ใช่คนที่โคลด์คาดหวัง แต่เป็นร่างบางที่เอาตัวเข้ามาขวางกระสุนอันนั้นแทนจอมทัพรั้งร่างของปิ่นปักลงมานอนแนบไปกับพื้น ตามสัญชาติญาณเมื่อเขาได้ยินเสียงปืน พร้อมกับกวาดสายตามองหาที่มาของเสียง สลับกับมองรุ่นพี่ ที่กำลังกอดร่างของซันไชน์ไว้ในวงแขน แต่ในช่วงเวลาคับขันแบบนี้สิ่งที่ตำรวจอย่างเขาควรมีและควรจะทำมากที่สุด ก็คือการหยุดคนร้าย ที่กำลังเดินถือปืนเข้ามาในระยะใกล้ แล้วยกปลายกระบอกปืนเล็งมาที่รุ่นพี่ของเขาในเวลานี้ทันที“ไอ้เคมึงตาย!”โคลด์ตวาดลั่น ก่อนจะลั่นไกออกไปราวกับคนบ้าคลั่ง ถึงแม้ลูกกระสุนจะหมดปลอก แต่เจ้าตัวก็ยังไม่หยุดยิงปัง! ปัง! ปัง!!!!“ไอ้เหี้ย!มึงสิตาย..”จอมทัพถลึงตาโตก่อนจะสบถคำหยาบคายหนัก ๆ จากนั้นจึงพุ่งตัวเข้าไปขวางเอาไว้อย่างไม่กลัว แล้วใช้ปืนของตัวเองยิงสวนกลับไปเช่นเดียวกันปัง! ปัง! ปัง!โคลด์ทรุดตัวลงนั่ง ก่อนจะค่อย ๆ หงายหลังลงไปนอนแน่นิ่ง เมื่อร่างหนาถูกห่ากระสุน ที่มาจากหลายทิศทาง รวมไปถึงของจอมทัพ และดับชีวิตลงตรงนั้นทันที“จอม!”ปิ่นปักถึงกับเบิกตากว้างอย่างรู้สึกตกใจ เมื่อเห็นว่าจอมทัพถูกยิงเข้าที่หัวไหล่ แต่มันก็แค่เฉียด ๆ
ทั้งเควินและซันไชน์พากันเดินจูงมือมาตามชายหาด ที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนสักพักใหญ่ จู่ ๆ ก็มีเสียงห้าวทุ้ม เอ่ยเรียกชื่อของชายหนุ่มขึ้นมา“เฮ้!...พี่เค!”ทั้งสองคนหมุนตัวหันมามองเจ้าของเสียง พร้อมกันทันทีที่ได้ยินเควินยกยิ้มมุมปากส่งไปให้ ก่อนที่ชายหนุ่มคนนั้นจะเดินเข้ามาหา พร้อมกับผู้หญิงหน้าตาน่ารักที่อยู่ข้าง ๆ ก็เดินตามกันมาด้วยซันไชน์หันมามองหน้าคนตัวใหญ่ เชิงจะถามเขาว่าใคร? แต่เธอก็รั้งรอให้ทั้งสองฝ่ายได้ทักทายกันให้พอ โดยที่ไม่ได้แทรกถามอะไรต่อจากนั้น“สวัสดีครับพี่เค..ผมอุตส่าห์หลบมาตั้งไกลขนาดนี้แล้ว ยังจะมาเจอคนรู้จักกันที่นี่อีก..เชื่อเลยว่าโลกมันกลมจริง ๆ ”เจ้าของร่างสูงใหญ่พอกันของอีกคน เอ่ยทักทายชายหนุ่มขึ้นมาก่อน เพราะเขาเป็นรุ่นน้องที่มีอายุอ่อนกว่า คนตรงหน้าอยู่หลายปี“โลกมันแคบมั้ง...ว่าแต่ไม่เจอแกมาตั้งหลายปี สูงใหญ่ขนาดเทียบกับรุ่นพี่ได้เลยเหรอวะไอ้จอม”เควินเอ่ยทักทายพร้อมกับตบไหล่รุ่นน้อง ที่เคยอยู่บ้านใกล้กัน และมันก็มีเขานี่แหละเป็นไอดอล ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นเควินกับมนต์พยัคฆ์ ก็มักจะถูกพ่อของจอมทัพ จับขึ้นไปอบรมบนโรงพักด้วยกันบ่อย ๆ ในตอนที่ยังเป็นหนุ่มน้อย ช่วงหล