All Chapters of ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง: Chapter 31 - Chapter 40

100 Chapters

บทที่ 31

หลงจ่านเหยียนพยักหน้าเล็กน้อย กล่าวออกมาราวกับมีความคิดอันใดบางอย่าง “มีใจแล้วจริง ๆ!” นางมองกัวกูกูแล้วกล่าวว่า “มิได้บอกว่าห้ามผิดเวลาหรอกหรือ? ไปดูหน่อยเถิดว่ามาถึงหรือยัง?”กัวกูกูรับคำแล้วเดินออกไป เย่เต๋อโหรวนำสาวใช้สองสามนางมายืนรออยู่ที่หน้าประตูหอเฟิ่งอี๋ ครั้นเห็นกัวกูกูเดินมา นางจึงเดินไปต้อนรับ แล้วกระซิบถาม “ใส่ยาลงไปแล้ว เห็นผลแล้วหรือ?”กัวกูกูชะงักไปเล็กน้อย “ชาเมื่อกี้หรือ?”“ใช่น่ะสิ!” เย่เต๋อโหรวยิ้มบาง ๆ “ใส่ยาลงไปเยอะขนาดนั้น อีกประเดี๋ยวก็น่าจะเห็นผลแล้ว หากเป็นเช่นนี้จะได้ไม่เสียเวลา!”กัวกูกูทอดถอนใจอยู่ในภายในใจ คนผู้นี้ช่างทำสิ่งเลวทรามได้ทุกวิถีทางจริง ๆ เพียงแต่ยามนี้พวกนางกำลังลงเรือลำเดียวกัน จะพูดอันใดก็ไม่ได้ จึงได้แต่พูดเพียงว่า “ข้าจะเข้าไปดูสักหน่อย ฮูหยินสั่งให้เตรียมเกี้ยวหงส์เถิด จะได้มิต้องเสียเวลา!”พูดจบ นางจึงหมุนกายเดินเข้าไปครั้นกล่าวถึงฉีอ๋องและเสนาบดีโจวที่รออยู่ที่โถงฝ่ายหน้าอยู่นานแล้ว ทว่ายังไม่เห็นใครออกมา เสนาบดีโจวยังดีอยู่หน่อย แต่ฉีอ๋องนั้นเป็นคนใจร้อน จึงอดเร่งรัดหลงฉางอี้ที่มาต้อนรับไม่ได้ “รีบเข้าไปดูสิ ถ้าพลาดฤกษ์งามยามด
Read more

บทที่ 32

เย่เต๋อโหรวเองก็หวั่นใจ หันหน้าไปสั่งจวีชุน “ไปเชิญท่านแม่ทัพมา!”ขณะที่จวีชุนกำลังจะไป ก็เห็นหลงฉางเทียนเดินนำคนสองสามคนเข้ามา ครั้นเขาเห็นเย่เต๋อโหรวยังยืนอยู่ที่เดิม จึงอดขมวดคิ้วแล้วกล่าวอย่างโมโหเล็กน้อย “ไยยังยืนนิ่งอยู่อีก?”เย่เต๋อโหรวกระซิบบอก “ดื่มยาไปแล้ว แต่คนยังไม่หลับ!”หลงฉางเทียนกล่าวอย่างประหลาดใจ “นี่มันจะเป็นไปได้อย่างไร? ดื่มเข้าไปนานเท่าไรแล้ว?”“ได้ครู่ใหญ่แล้วเจ้าค่ะ ตามหลักก็น่าจะสลบไปแล้ว!” เย่เต๋อโหรวกล่าวหลงฉางเทียนกล่าวพลางขมวดคิ้วมุ่น “ฉีอ๋องมีนิสัยใจร้อน ตอนนี้ก็เร่งรัดมาแล้ว!”“บอกไปว่ายังแต่งตัวอยู่ หรือไม่เจ้าคะ?”หลงฉางเทียนเงียบไปครู่หนึ่ง “รออีกหน่อย!”เป็นเช่นนี้อยู่อีกครึ่งชั่วยาม ฉีอ๋องเริ่มมีโทสะอยู่ที่โถงฝั่งหน้าแล้ว หลงฉางอี้พยายามปลอบประโลมแต่ก็ไม่เป็นผล ฉีอ๋องจึงพาเสนาบดีโจวพร้อมกับเหล่ากลุ่มองครักษ์ที่มารับเกี้ยวเจ้าสาวตรงบุกเข้าหอเฟิ่งอี๋หลงฉางเทียนเห็นฉีอ๋องขมวดคิ้วด้วยความโมโห ในใจพลันเกิดความหวาดกลัว รีบเข้าไปรับหน้าพร้อมกล่าว “ทำให้ท่านอ๋องต้องรอนานแล้ว ถือเป็นความผิดของกระหม่อมเอง!”“เกิดเรื่องอันใดขึ้น? ยามนี้มันยามใดแล้ว?
Read more

บทที่ 33

หมัวมัวที่อยู่ข้าง ๆ เกลี้ยกล่อม “จะอย่างไรนางก็เหมือนคนที่ตายไปแล้วกึ่งหนึ่ง คุณหนูอย่าไปคิดเล็กคิดน้อยกับนางเลย เลือกรักษาชื่อเสียงและหน้าตาของจวนตระกูลหลงไว้เป็นสำคัญดีกว่านะเจ้าคะ!”คนพูดนี้ทำให้ในของนางสงบลงไปได้มาก นางครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วกล่าว “ใช้เกี้ยวหามข้าออกไป!”แม้ว่าจะโกรธจนยากที่จะสงบใจได้ ทว่านางก็เข้าใจว่าต้องเห็นแก่ส่วนรวมเป็นหลักคนทั้งกลุ่มเดินมาอยู่หน้าประตูหอเฟิ่งอี๋ นางลงจากเกี้ยว โดยมีสาวใช้ประคองไปทำความเคารพฉีอ๋อง“คารวะท่านอ๋อง!”ฉีอ๋องยื่นมือออกไปประคองเบา ๆ “ฮูหยินผู้เฒ่ามากพิธีแล้ว วันนี้เป็นวันมงคลของจวนตระกูลหลง ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ควรพลาดถึงจะถูก!”ความหมายก็คือ นางทำตัวหยิ่งทะนงจนทำให้เรื่องราวเข้าสู่สถานการณ์ตึงเครียดเช่นนี้ ทำให้ล่าช้าไปหลายชั่วยามฮูหยินผู้เฒ่าสีหน้าไม่ดีนัก “แม้ว่าหม่อมฉันจะมาช้าไป แต่สุดท้ายก็มาแล้ว เรียนเชิญเสนาบดีโจวเชิญฮองเฮาขึ้นเกี้ยวหงส์เถิดเพคะ!”เสนาบดีโจวสั่งขันทีฝ่ายพิธีการ ขันทีฝ่ายพิธีการจึงยืนตะโกนอยู่ด้านหน้าหอเฟิ่งอี๋ “ทูลเชิญฮองเฮาเสด็จขึ้นเกี้ยวพ่ะย่ะค่ะ!” เสียงดนตรีสนุกสนานดังขึ้นตามเสียงประทัด สี่เหนียงแบกหล
Read more

บทที่ 34

พูดจบ ก็เอื้อมมือออกไปประคองให้เย่เต๋อโหรวลุกขึ้น เย่เต๋อโหรวตามกัวกูกูมาถึงด้านหน้าเกี้ยวของหลงจ่านเหยียน แล้วก้มหน้ารอหลงจ่านเหยียนยื่นมือขาวนวลออกมารั้งมือของเย่เต๋อโหรวไว้ ผ้าคลุมหน้าสีแดงราวกับม่านหมอกที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดปรกลงมา ทำให้เย่เต๋อโหรวถึงกับตื่นตระหนกขึ้นมาในฉับพลันทันใด จนต้องก้าวถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัวหลงจ่านเหยียนยิ้มขึ้นมาจาง ๆ “ท่านแม่ไม่ต้องกลัวเจ้าค่ะ ลูกจะกลับมาเยี่ยมท่านแน่เจ้าค่ะ มาแน่นอน!”นางพูดสามพยางค์สุดท้ายออกมาเบาหวิวราวกับขนนอกที่ปัดผ่านใบหูของเย่เต๋อโหรวอย่างไรอย่างนั้น เย่เต๋อโหรวรู้สึกราวกับว่าเลือดในตัวนางจับตัวแข็งไปทั้งกาย จนกายสั่นเทิ้มขึ้นมาโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ไม่รู้ว่าเหตุใดนางถึงได้รู้สึกว่าคำพูดนี้ของหลงจ่านเหยียนจะกลายเป็นจริงในที่สุดม่านปักลายหงส์สีทองหล่นลงมา บดบังเงาร่างสีแดงนั้นขันทีฝ่ายพิธีการตะโกนเสียงสูง “ขึ้นเกี้ยว!”เกี้ยวหงส์ถูกคนสิบหกคนยกขึ้น เดินออกไปจากหอเฟิ่งอี๋ตามหลังเสียงดนตรีรื่นเริงและเสียงประทัด จากนั้นขันทีฝ่ายพิธีการถึงได้เชิญให้คนของจวนตระกูลหลงลุกขึ้นฮูหยินผู้เฒ่าโมโหจนสั่นไปทั้งตัว แล้วกระอักเลือด
Read more

บทที่ 35

กัวกูกูลังเลอยู่ชั่วครู่แล้วจึงกล่าวว่า “บ่าวจะไปกราบทูลฉีอ๋องให้เพคะ!”จ่านเหยียนปลดม่านลง มิพูดอันใดอีกกัวกูกูก้าวฉับ ๆ ไปหาฉีอ๋องที่ควบม้าอยู่ด้านหน้า บอกกล่าวความประสงค์ของหลงจ่านเหยียน ฉีอ๋องขมวดคิ้ว “ไม่มีสาวใช้ติดตามไปด้วยเช่นนี้นับว่าไม่ถูกต้องตามกฎเกณฑ์ แม้จะกล่าวว่ายามนี้ก็ไม่ได้มีอะไรตามกฎเกณฑ์นัก แต่อันใดที่ทำได้ก็ทำเถิด!”พูดจบ เขาก็เรียกองครักษ์ที่อยู่ใกล้ ๆ มาหาแล้วสั่งให้เขารีบกลับไปที่จวนตระกูลหลงรับตัวจี๋เสียงกับหรูเข้าวังและสิ่งที่จ่านเหยียนคิดไว้ก็เป็นจริง หลังจากนางออกจากจวนมาแล้ว เย่เต๋อโหรวก็เอาไฟโทสะและความอัปยศทั้งปวงไปลงกับจี๋เสียและหรูอี้ เพียงเพราะว่าจี๋เสียงกับหรูอี้ขัดความตั้งใจของนางในวันนั้นถ้าองครักษ์ของฉีอ๋องกลับไปได้ทันเวลา ชีวิตของพวกนางทั้งสองคงต้องทนทรมานอยู่ในเงื้อมมือของหลงฮูหยินเป็นแน่เกี้ยวหงส์ของจ่านเหยียนหยุดอยู่ด้านหน้าประตูหลักของวังหลวงประตูหลัก ซึ่งถูกเรียกในอีกชื่อว่าประตูเที่ยงวัน เป็นประตูใหญ่ที่เหล่าองค์ชายแลขุนนางต้องผ่านเพื่อประชุมขุนนางยามเช้าทุกวัน เหล่าขุนนางจักต้องเข้าแถวแยกกันเป็นแถวขุนนางฝ่ายบู๊และขุนนางฝ่ายบุ๋นสอง
Read more

บทที่ 36

สตรีวัยกลางคนผู้นั้นปล่อยพระหัตถ์ของฮ่องเต้ แล้วเดินเข้ามายอบกาย “บ่าวจิ้นหรู เป็นนางข้าหลวงที่ดูแลตำหนักเฉียนคุน ถวายบังคมฮองเฮาเพคะ!”ดวงตาของหลงจ่านเหยียนมองไปยังคนที่อยู่บนเตียง ดวงหน้าเหี่ยวย่น ดวงตาดำคล้ำ ริมฝีปากขาวสีไร้สี ปากลอกเป็นแผ่น ที่มุมปากเปรอะฟองน้ำลายเล็กน้อย หลงเหลือเพียงแค่โครงคิ้วและตาเท่านั้นที่ยังพอมองเห็นถึงความสง่างามในวันวานคนผู้นี้คงจะเป็นฮ่องเต้เฒ่าผู้นั้นกระมัง? หลงจ่านเหยียนคิดในใจ แม้จากอายุของนางแล้วการที่จะเรียกคนผู้หนึ่งว่าฮ่องเต้ผู้เฒ่านั้น ก็ดูจะไม่ค่อยมั่นใจเท่าไรนักนางเองก็หน้าแดงเล็กน้อย ทว่า สตรีตระกูลหลงพอมีอายุตั้งแต่ยี่สิบห้าปีขึ้นไป ใบหน้าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก ดังนั้นนางจึงหลอกตนเองและผู้อื่นว่าปีนี้ตนเองมีอายุสิบหกปีกูกูผู้ดูแลที่ชื่อจิ้นหรูผู้นั้นกล่าว “ฮองเฮาทรงอย่างกลัวไปเพคะ ฝ่าบาทเพียงแค่หลับไปเท่านั้น คืนนี้ฮองเฮาทรงประทับอยู่ข้างพระวรกายของฝ่าบาทเถิดเพคะ!”หลงจ่านเหยียนอืม “พวกเจ้าออกไปเถิด!”นัยน์ตาของจิ้นหรูเปี่ยมล้นไปด้วยความสงสาร นางกล่าวว่า “ฮองเฮา ตามธรรมเนียนมแล้ว บ่าวจะต้องอยู่ปรนนิบัติอยู่ที่นี่เพคะ!”นางมองไปร
Read more

บทที่ 37

นางตกตะลึงพรึงเพริด คิดอยากพุ่งเข้าไปดูให้เห็นกับตา ทว่าทันใดนั้นนางพลันรู้สึกว่าแสงสว่างสีเหลืองกลางท้องนภากำลังเลื่อนลอยลงมาปกคลุมเป็นวง แสงสว่างนั้นมัดมือมัดเท้าของนางไว้ราวกับเชือก แขนขาทั้งสี่ของนางพลันไร้ความรู้สึก สติก็เริ่มพร่าเลือน เงาเลือนรางแลคร่ำคร่าปรากฏขึ้นด้านหน้า เกิดเสียงดังหึ่ง ๆ อยู่ในหู นางยกมือขึ้นมือปิดใบหูทั้งสองข้างตามสัญชาตญาณ แต่ปิดกั้นได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แล้วทันใดนั้นภาพเบื้องหน้าพลันดำมืดไป...หลงจ่านเหยียนพอใจยิ่งที่เห็นจิ้นหรูกูกูกับนางกำนัลทั้งหลายล้มพับไปบนพื้น นางคืออวตารแห่งความรักแลความงาม ไม่เป็นฝ่ายทำร้ายผู้ใดก่อน ดังนั้น พวกจิ้นหรูกูกูจึงได้แต่หลับฝันดีเท่านั้นหลงจ่านเหยียนค่อย ๆ นั่งลงข้างกายฮ่องเต้ สำรวจใบหน้าของเขาที่ป่วยไข้จนไร้ทางเยียวยา เวลาชีวิตของเขาเหลือไม่มากแล้วจริง รอยยับย่นบริเวณหางตามีรอเขียวคล้ำจาง ๆ นางประคองมือของเขาขึ้นมา เส้นชีวิตกลางฝ่ามือของเขาดำเนินมาถึงปลายทางแล้วบงกชดอกหนึ่งผุดออกมาจากหว่างคิ้วของหลงจ่านเหยียน มันค่อย ๆ ประทับลงบนหัวใจของฮ่องเต้แคว้นต้าโจวคนบนเตียงผู้นั้นขยับคิ้วเล็กน้อย แล้วลืมตาโพลงขึ้นมาในฉับพ
Read more

บทที่ 38

“เจ้าอายุเท่าใด?” ฮ่องเต้มองนางด้วยสายตาเย็นเยียบ ส่งเสียงฮึดฮัดออกทางจมูกดูแคลนคำพูดของนางหลงจ่านเหยียนถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง “นับตั้งแต่ที่หม่อมฉันผู้สูงวัยมีอายุได้สามร้อยห้าสิบปี ก็มิจดจำอายุของตนเองแล้วเพคะ ด้วยกลัวมันทำให้รู้สึกสลดใจ”“เจ้าคงรู้ว่าโทษฐานหลอกลวงเบื้องสูงมีจุดจบเช่นไรใช่ไหม?” ฮ่องเต้หรี่ตาจับจ้องนาง ความเดือดดาลบ้าคลั่งแผ่ซ่านอยู่ในดวงตาของเขาหลงจ่านเหยียนทอดถอนใจด้วยความปลงอนิจจัง มนุษย์ล้วนไม่ชอบฟังความจริงมาแต่ไหนแต่ไร กระทั่งฮ่องเต้ก็เป็นเฉกเช่นเดียวกัน อีกอย่าง หากเขาเชื่อว่าหญิงสาวที่มองดูแล้วมีอายุเพียงสิบหกปีซึ่งอยู่ตรงหน้านี้มีอายุมากกว่าเขา ก็ถือว่าเป็นการทำให้เขาขายหน้าอย่างแท้จริงแล้วนางทำได้เพียงเตือนสติเขาเท่านั้น “ฝ่าบาท หากหม่อมฉันผู้สูงวัยทำให้เพราะองค์ฟื้นขึ้นมาได้ แน่นอนว่าสามารถให้พระองค์หลับใหลไม่ฟื้นตื่นชั่วกาลได้เช่นกัน ฝ่าบาททรงเอาแต่จับผิดเรื่องอายุของหม่อมฉันผู้สูงวัยเช่นนี้ เกรงว่าอาจเป็นการเนรคุณต่อเจตนาดีที่หม่อมฉันผู้สูงวัยทำให้พระองค์ฟื้นคืนสตินะเพคะ” เขาเอาแต่จับจ้องนางไม่ยอมพูดจาใด ๆ อีกครั้งหลงจ่านเหยียนทำได้เพียงมองเขา
Read more

บทที่ 39

หลงจ่านเหยียนหัวเราะ “ฝ่าบาท เรื่องราวบนโลกใบนี้นั้นมีเหตุจึงมีผล วันนี้ตระกูลถงครองตนเป็นใหญ่แต่เพียงผู้เดียว ล้วนเป็นพระองค์ที่ทำขึ้นมาด้วยมือของพระองค์เอง ตระกูลถงเป็นนายของแคว้นต้าโจวไปกว่าครึ่งแล้ว ต่อให้ยามนี้ปลดรัชทายาท แล้วจะมีประโยชน์อันใดเพคะ?” อีกอย่าง ตระกูลถงจะยอมให้เขาปลดรัชทายาทลงง่าย ๆ ได้อย่างไร?จากข่าวที่นางรู้มา ฮองเฮาที่ฮ่องเต้ไว้พระทัยเป็นอย่างยิ่งก็คือถงกุ้ยเฟยในยามนี้ นางให้กำเนิดพระโอรสและพระธิดาอย่างละหนึ่งพระองค์ พระโอรสถูกแต่งตั้งให้เป็นรัชทายาท ส่วนพระธิดาทรงได้รับการพระราชทานให้เป็นองค์หญิงเจิ้นกั๋วอาหญิงของถงกุ้ยเฟยก็คือองค์ไทเฮาองค์ปัจจุบัน เป็นพระมารดาแท้ ๆ ของฮ่องเต้ ถงไท่ซือประจำราชสำนักคือบิดาของถงกุ้ยเฟย พี่ชายน้องชายหลายคนของถงกุ้ยเฟยเองก็ดำรงตำแหน่งสำคัญอยู่ในราชสำนัก เพียงแค่มีสายสัมพันธ์ทางเครือญาติกับตระกูลถง ทุกคนล้วนได้รับการเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งขึ้นมา กระทั่งหมูหมาหรือสัตว์เลี้ยงของตระกูลถงล้วนน่าเกรงขามกว่าคนที่อยู่ข้าง ๆ นี้เสียอีกแม้ว่าฮ่องเต้จะมิใช่คนโง่เขลา ทว่าก็ถูกหลอกลวงมาตลอด หลงเข้าใจว่าตระกูลถงนั้นจงรักภักดีต่อชาติบ้านเมื
Read more

บทที่ 40

สีหน้าของฮ่องเต้แปรเปลี่ยนในฉับพลันทันใด “มีคำอธิบายเพียงแค่นี้?”หลงจ่านเหยียนพยายามอธิบายอย่างเต็มที่ “ยังมีอีกคำกล่าวหนึ่ง ฝ่าบาทเคยเห็นหนอนจิ้นฉานเพคะ? หนอนจิ้นฉานคือหนอนพิษที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในใต้หล้านี้ หากใช้ขวดใบหนึ่งใส่สิ่งมีชีวิตที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลกนี้ ทั้งหนอนพิษ ตะขาบพิษ รวมถึงพิษทั้งหลายที่ผ่าบาททรงนึกถึง ล้วนไม่มีพิษไหนที่ร้ายแรงได้ถึงหนึ่งในหมื่นของหนอนจิ้นฉานเลย หากในแคว้นแคว้นหนึ่ง มีหนอนพิษบรรจุอยู่มากมายเช่นนี้ ผลที่ตามมาจะเป็นเช่นไร มิต้องให้หม่อมฉันพูด ฝ่าบาทก็น่าจะนึกออกนะเพคะ!”ฮ่องเต้ร่างกายซวนเซไปเล็กน้อย ความผิดหวังแผ่ซ่านอยู่เต็มดวงหน้าขาวซีดเขารู้ดีว่าสิ่งที่หลงจ่านเหยียนพูดออกมาทั้งหมดนั้นล้วนเป็นความจริง หนอนที่มีพิษร้ายเหล่านั้นก็คือตระกูลถง พวกเขาค่อย ๆ กลืนกินแคว้นต้าโจวทีละน้อย กระทั่งผลัดเปลี่ยนราชวงศ์ เปลี่ยนเจ้าของแผ่นดินรัชทายาทคือหุ่นเชิดของพวกเขา แม้ว่าองค์รัชทายาทจะมีความสามารถอยู่บ้าง ทว่าท้ายที่สุดแล้วก็ไร้ซึ่งโอกาสก้าวหน้า วันข้างหน้าหลังจากได้ดูแลราชกิจด้วยตนเองแล้ว คงเลี่ยงที่จะไม่พึ่งพาตระกูลถงไม่ได้ วันเวลาที่ตระกูลถงจะควบคุ
Read more
PREV
123456
...
10
Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status