เจียงเฟิ่งหัวเดินเข้าไปประคองอวิ๋นฟางขึ้นมา และเอ่ยด้วยเสียงเบาว่า “อย่าคุกเข่าเลย ถึงอย่างไรตอนแรกที่เจ้าอาศัยที่จวนอ๋อง เราเจ้าต่างเคยเป็นนายบ่าวกันหนึ่งครา เจ้ากับจีเฉินเป็นสามีภรรยากันแล้ว น่าเสียดายดวงหน้าอันงดงามเพียงนี้ของกูกูเหลือเกิน เดิมทีข้าคิดว่าจีเฉินจะดูแลทะนุถนอมเจ้าอย่างดี บัดนี้แม้แต่มือยังปล่อยให้ความหนาวกัดกินจนเป็นแผล อากาศหนาวเย็นเพียงนี้กลับปล่อยให้สวมเสื้อผ้าอาภรณ์บางเพียงนี้ เฮ้อ!” คำพูดของนางกระแทกเข้ากลางใจของอวิ๋นฟางอย่างจัง อวิ๋นฟางได้แต่นึกน้อยเนื้อต่ำใจ พอคิดได้ว่าตนเองแต่งแก่สวะไร้ค่าอย่างจีเฉินขึ้นมา อวิ๋นฟางก็โกรธกรุ่นแทบจะคลั่งตายให้ได้ คนที่นางอยากจะแต่งงานด้วยคือเหิงอ๋องต่างหาก แต่ในยามนี้ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุกแล้ว นางจำใจต้องกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมเพื่อให้ทุกสิ่งผ่านพ้นไป ชีวิตของนางในเรือนสกุลซูเลวร้ายยิ่งนัก ทั้งที่ตอนแรกที่อาศัยในจวนเหิงอ๋องนางมีชีวิตที่มั่งคั่งสุขสบาย คิดถึงเมื่อตอนที่ใช้ชีวิตในจวนเหิงอ๋องแม้แต่เสื้อผ้าอาภรณ์นางยังไม่จำเป็นต้องซักล้างทำความสะอาดด้วยตนเองเลยด้วยซ้ำ บัดนี้ชีวิตของนางไม่ต่างจากสาวใช้ธรรมดาคนหนึ่งเลย นางนึกย้อนก
Read more