ดังนั้นอวี่เหวินจ้านเองก็ไม่กล้าหิว ได้แต่รออยู่ข้าง ๆทันใดนั้น ท้องของฉีจื่อฟู่ก็ร้องโครกครากขึ้น หางตาของเขาเห็นบรรดาเพื่อนร่วมงานต่างกำลังกินข้าว กลิ่นอาหารตลบอบอวล ทำให้ยิ่งรู้สึกหิวเข้าไปใหญ่ความหิวโหยของเขายากจะอดกลั้นยิ่งกว่าเซิ่งเฟิง เนื่องจากตอนเช้าเขายังไม่ได้กินข้าวเช้ามาเนื่องจากท่านเสนาบดีอยู่ ทุกคนจึงกินข้าวกันอย่างเงียบเชียบ แทบจะไม่ส่งเสียงอะไรเล็ดลอดออกมา ฉะนั้นเสียงท้องร้องของทุกคน จึงดังชัดเจนอย่างมากท้องของฉีจื่อฟู่ร้องสองครั้ง ท้องของเซิ่งเฟิงร้องครั้งหนึ่งและยังมีเสียงท้องร้องของอวี่เหวินจ้านประสมขึ้นเป็นครั้งคราวผู้ที่คล้ายกับไร้ซึ่งความอยากอาหารใด ๆ ไม่หิวเลยจริง ๆ และไม่มีเสียงท้องร้องดังออกมาเลย มีเพียงเฉินเยี่ยนซูผู้เดียวเท่านั้นขุนนางผู้หนึ่งที่นั่งข้างฉีจื่อฟู่ ถูกเสียงท้องร้องของเขาทำให้หนวกหูจนทนไม่ไหวอดกลั้นแล้วอดกลั้นอีก ก็ยังอดทนไม่ไหวที่จะกระซิบถามฉีจื่อฟู่ว่า “ใต้เท้าฉี ท่านบอกว่าวันนี้ภรรยาของท่าน จะมาส่งข้าวให้ท่านมิใช่หรือ?”เซิ่งเฟิงค้นพบว่า เสนาบดีของตนดูราวกับไม่สนใจใด ๆ ทว่ากลับเงี่ยหูฟังขึ้นมาเงียบ ๆ แล้วฉีจื่อฟู่อิหลักอิเห
Read more