All Chapters of แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย: Chapter 451 - Chapter 460

834 Chapters

บทที่ 451

เฟิ่งจิ่วเหยียนมิได้คาดคิดว่า ชายแดนใต้จะประสบภัยเช่นกัน ก่อนหน้านี้นางได้เอ่ยกับหร่วนฝูอวี้ แคว้นหนานฉีจะแก้ไขข้อพิพาทระหว่างสองแคว้น มิให้เลยเถิดถึงขั้นเริ่มก่อสงครามกัน เกรงว่าหนานเจียงจะเกิดปัญหาภายใน และมิใช่เรื่องที่หร่วนฝูอวี้สามารถไกล่เกลี่ยได้ด้วย เฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “ฝ่าบาท เป่ยเยี่ยนไม่อยากเห็นใต้หล้าสงบสุขเกินไป และหนานเจียงคงถูกพวกเขายุแยง โปรดเสด็จกลับพระราชวังโดยเร็ว และเรียกประชุมหารือกับเหล่าขุนนางเถิดเพคะ” เซียวอวี้รู้สึกอาลัยอาวรณ์โคมไฟเต็มท้องนภานั้น เขาจัดเตรียมโคมไฟทั้งหมดสามพันดวงนี้ เพื่อนางโดยเฉพาะ และ คำพูดที่เขาปรารถนาจะเอ่ยกับนาง ยังไม่ทันจะเอ่ยให้เสร็จเลย ทว่า เมื่อเผชิญกับรายงานสงครามชายแดนใต้ จำเป็นต้องละทิ้งเรื่องส่วนตัวไปก่อน เขามองท้องฟ้าราตรีนั้นอีกครั้ง และเอ่ยอย่างเด็ดขาด “กลับวัง!” ราตรีนี้ แสงไฟในห้องทรงพระอักษรสว่างไสวตลอดคืน รุ่ยอ๋องทูลชี้แนะ “ฝ่าบาท เป่ยเยี่ยนมีความตั้งใจที่ไม่บริสุทธิ์ และหนานเจียงก็ตกเป็นเครื่องมือของเป่ยเยี่ยน ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ย่อมมองไม
Read more

บทที่ 452

เฟิ่งจิ่วเหยียนที่อยู่ตรงหน้าแผนที่นั้นเอ่ยวาจาฉะฉาน เซียวอวี้ที่อยู่ด้านข้างก็ตั้งใจฟังเป็นพิเศษ พลางพยักหน้าบ่อยครั้ง ท้ายสุด เขากล่าวสรุป “เราเสียเวลาหารือกับขุนนางเหล่านั้นโดยเปล่าประโยชน์อยู่นาน คราวหน้าจะหารือกับเจ้าโดยตรงดีกว่า” เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่กล้ายึดเอาความดีความชอบ จึงเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “การได้ร่วมพลังก็ได้ร่วมความคิดเพคะ ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขา หม่อมฉันก็คิดเรื่องนี้ไม่ออกเช่นกัน” สายตาของเซียวอวี้พลันจริงจัง และถามนางอีกครั้ง “เดินทางไปกับเราไม่ได้จริงหรือ” สัญญาระบุเวลาเพียงหนึ่งปี การเดินทางไปชายแดนใต้ของเขาครานี้ ต้องใช้เวลาเจรจาอย่างน้อยสองหรือสามเดือน เฟิ่งจิ่วเหยียนดึงมือออกมา “หม่อมฉันต้องอยู่ เพื่อทำหน้าที่ของฮองเฮาเพคะ” “จนถึงยามนี้ เจ้ายังแสร้งทำเป็นไม่รู้อีกหรือ ความตั้งใจเดิมที่เราเขียนสัญญาฉบับนั้น คือการใช้เวลาอยู่กับเจ้าตั้งแต่เช้าจรดค่ำ” เซียวอวี้เริ่มกดดัน เฟิ่งจิ่วเหยียน : ก็เป็นเพราะว่ารู้ จึงไม่อยากเดินทางไปสนามรบกับท่าน สีหน้าของนางยังอ่อนน้อม “ฝ่าบาทเพคะ เรื่องสำคัญต้องมาก่อน หม่อมฉันยั
Read more

บทที่ 453

ในความฝันของเหลียนซวง มีเสียงกรีดร้องเต็มโสต และภาพที่เห็นตรงหน้า ล้วนเป็นเหตุการณ์โหดร้ายทารุณ คนมากมายเสียชีวิตต่อหน้าของนาง นางหวาดกลัวยิ่งนัก... ฉับพลันนั้น ดูเหมือนนางจะไขว่คว้าความหวังสุดท้ายไว้ได้อย่างแน่นหนา นางพลันสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างเจ็บปวดด้วยเสียงเรียก “เหลียงซวง” ที่เด็ดขาดอย่างต่อเนื่อง เสมือนคนจมน้ำที่ดิ้นรนเอาชีวิตรอด นางโผเข้าไปหลบในอ้อมแขนที่ปลอดภัยโดยสัญชาตญาณ “เลือด! เลือดเยอะมาก...” เฟิ่งจิ่วเหยียนยืนอยู่ตรงนั้น ยอมให้เหลียนซวงกอดเอวของตนเอง พลางวางมือไว้บนแผ่นหลังของเหลียนซวง และตบเบา ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ไม่เป็นไรแล้ว” เหลียนซวงตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ เมื่อครู่นี้ราวกับว่านางตกไปอยู่ในเหตุการณ์ฆาตกรรมนั้น ทำให้หัวใจนางตื่นตระหนก หมอชราที่อยู่ด้านข้างเห็นดังนั้น ก็ได้แต่ส่ายหัวเบา ๆ “แม่นางคนนี้ถูกกระทบกระเทือนจิตใจมากเกินไป อาจจะเป็นเรื่องยากหน่อย ในการทำให้จดจำทุกอย่างได้ในคราวเดียว” เฟิ่งจิ่วเหยียนคุกเข่าลง และมองเหลียนซวงในระดับสายตาเดียวกัน “ฟังข้า หากเจ้ากลัว พวกเราก็กลับไปก่อน เจ้าไม่จำเป็น
Read more

บทที่ 454

เฟิ่งจิ่วเหยียนกล่าวอย่างเคร่งขรึม “บันทึกคดีของตระกูลเฉินนั้นระบุไว้ว่า ราชครูเฉินกินยาพิษฆ่าตัวตาย เพื่อหนีความผิด “ทว่าตามความทรงจำของเหลียนซวง ราชครูเฉินถูกคนสังหารเพคะ” หว่างคิ้วของเซียวอวี้สะท้อนความมืดครึ้ม “เป็นเรื่องจริงหรือ?” เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้าอย่างจริงจัง “ไม่น่าจะเป็นเรื่องเท็จเพคะ หม่อมฉันไม่กล้าพูดว่า ตระกูลเฉินนั้นบริสุทธิ์หรือไม่ ทว่าจะต้องมีมือลึกลับคอยบงการอยู่เป็นแน่เพคะ” ดวงตาของเซียวอวี้พลันมืดครึ้ม “เจ้าเอ่ยได้มีเหตุผล ทว่าคดีนี้พัวพันในวงกว้าง และยังผ่านไปหลายปีมากแล้ว หากต้องการสืบหาคนร้ายตัวจริงนั้น ก็ยากพอ ๆ กับการปีนขึ้นสวรรค์” เฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “การสอบสวนเป็นเรื่องของทางการ สิ่งที่หม่อมฉันต้องการจะทำ คือตามหาเจ้าของแหวนน้าววงนี้เพคะ” หากนางต้องทำเองทุกอย่าง แล้วคนอื่นจะมีอันใดต้องทำ เซียวอวี้ตระหนักได้ดี “เราเข้าใจแล้ว” หากสามารถทำได้ ขั้นแรกต้องสืบหาฆาตกรตัวจริงที่สังหารเฉินเป่าซาน หลังจากนั้นจึงจะสามารถชี้แจงความจริง คืนความเป็นธรรม และตัดสินลงโทษผู้กระทำความผิดได้
Read more

บทที่ 455

เซียวอวี้กรีธาทัพเป็นเวลายี่สิบวัน ก็ไปถึงชายแดนใต้ เหล่าทหารประจำชายแดนใต้จัดขบวนแถว เพื่อรับเสด็จ เซียวอวี้ไม่ได้หยุดพักสักอึดใจเดียว ยังคงนำทัพมุ่งหน้าไปยังชายแดนระหว่างสองแคว้น เพื่อประเมินสภาพการรบ จนกระทั่งอาทิตย์ลับฟ้า เขาเพิ่งกลับมาถึงกระโจม ยามนี้เขาเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ ยิ่งได้เห็นถุงหอมที่ห้อยเอวของเฉินจี๋ จิตใจพลันหม่นหมองยิ่งขึ้น ทว่าเมื่อไตร่ตรองแล้ว เขาก็ไม่มีสิทธิ์จะไม่พอใจ ฮองเฮาไม่มีเขาอยู่ในใจ ย่อมมิได้คำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยของเขา และยิ่งไม่มีทางลงมือเย็บปักถุงหอมให้เขาด้วยตนเอง “ฝ่าบาท มีคนมาขอเข้าเฝ้าอยู่ด้านนอกพ่ะย่ะค่ะ!” เซียวอวี้ขมวดคิ้ว มืดค่ำเช่นนี้แล้ว จะเป็นใครได้อีก? ชั่ววูบหนึ่งนั้น เขาคิดแม้กระทั่งว่า ฮองเฮาได้ลอบติดตามมาด้วย ทันใดนั้นเขาทำสีหน้าบอกบุญไม่รับ และยังนึกดูแคลนตนเองอีกด้วย ยามสงครามอย่าได้คิดฟุ้งซ่าน และเสียสมาธิ ย้อนกลับไปในปีนั้นเขาได้นำทัพด้วยตนเอง เขาไม่เคยคิดฟุ้งซ่าน จนสั่นคลอนจิตวิญญาณนักรบดังเช่นตอนนี้ จำเป็นต้องรีบระงับความคิดที่ทำให้ว้าวุ่นใจเหล่านั้นเสีย
Read more

บทที่ 456

หลังจากวันนั้น ตำหนักหย่งเหอมักจะคลาคล่ำไปด้วยผู้คน บรรดานางสนมมารวมตัวกันที่นี่ เพื่อเย็บปักพื้นหลังของรองเท้า และเริ่มทำเสื้อนวมสำหรับฤดูหนาวให้เหล่าทหารชายแดน “ฮองเฮาเพคะ พวกเราทำเช่นนี้ จักถือเป็นการสร้างผลงานด้วยหรือไม่เพคะ?” นางสนมเจียเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม เฟิ่งจิ่วเหยียนกดคางลงเล็กน้อย “แน่นอน” บางคนถูกเอาอกเอาใจมาตั้งแต่เล็ก การให้พวกนางเย็บพื้นหลังของรองเท้าที่ใช้งานได้จริงเหล่านี้ ย่อมเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบาก ทว่าพวกนางเต็มใจเรียนรู้ และไม่เกี่ยงงานเลย มู่หรงฉานก็อยู่ในหมู่ผู้คนเช่นกัน และนี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่า รอยยิ้มบนใบหน้าของทุกคนเป็นความจริง ที่ออกมาจากใจจริง ทันใดนั้นนางพลันตระหนักได้ ในอดีต นางคิดว่าสามารถดึงเหล่าสนมมาเป็นพวกได้ด้วยผลประโยชน์ทุกชนิด ความจริงแล้ว รอยยิ้มที่พวกนางมอบให้ตนเองในยามนั้น มิได้จริงใจเฉกเช่นในวันนี้เลย นางไม่มีความจริงใจต่อผู้อื่นฉันใด อีกฝ่ายก็ไม่จริงใจด้วยฉันนั้น เช่นเดียวกับไทฮองไทเฮา นางเคยคิดว่า ไทฮองไทเฮารักหลานสาวเช่นนางด้วยใจจริง เสมือนกับที่รักญาติผู้พี่หญิงเมื่อในอดีต ทว่
Read more

บทที่ 457

เซียวอวี้วางถ้วยชาลง ดูเหมือนมีจิตใจสบายดังก้อนเมฆที่ล่องลอยอยู่ แต่ก็แฝงไปด้วยความคิดอันล้ำลึก มีความมั่นใจเต็มอก “มิใช่เรา แต่เป็นท่าน “อ๋องแห่งหนานเจียงมีความคิดล้ำเลิศ ถึงแม้จะเป็นชนเผ่าเล็ก ๆ ทว่ามีความกล้าหาญที่จะต่อสู้กับเป่ยเยี่ยน ด้วยวิธีที่ท่านหลอกให้กองทัพใหญ่เป่ยเยี่ยนช่วยท่านโจมตีหนานฉีก่อน แท้จริงแล้วกำลังแอบแสดงไมตรีต่อหนานฉีของเรา ดังนั้นหนานฉีจะมอบปืนหอกไฟหนึ่งร้อยกระบอก เพื่อช่วยเหลือหนานเจียงของท่าน ในการทำลายล้างกองทัพเยี่ยนทั้งห้าหมื่นนาย “จากนี้ไป หนานเจียงจะมีชื่อเสียงโด่งดังทั่วหล้า ถึงอย่างไร ยังไม่มีผู้ใดกล้าเล่นงานเป่ยเยี่ยนอยู่หมัดได้ อ๋องแห่งหนานเจียง ท่านเป็นผู้กล้าคนแรกของใต้หล้านี้” ถ้อยคำของเขาพูดอยู่นั้น ผิดแผกกับสถานการณ์จริงโดยสิ้นเชิง ทว่า อ๋องแห่งหนานเจียงฟังออก นี่คือการแสดงที่อีกฝ่ายจัดเตรียมให้เขา การแสดงนี้อาจทำให้หนานเจียงเอาชนะเป่ยเยี่ยนได้อย่างงดงาม และทำให้ทั่วหล้ามองมาอย่างประทับใจ! ในอนาคต แว่นแคว้นใดคิดโจมตีพวกเขา คงจะต้องชั่งน้ำหนักถึงผลได้ผลเสียให้ดีก่อน... ทว่า แผนการนี้ก็มีผลลัพธ์ที่อาจจะประเมิน
Read more

บทที่ 458

อู๋ไป๋กล่าวรายงานเบาะแสที่สืบพบ อย่างฉะฉาน “เมื่อแรกเริ่มก่อตั้งพรรคเทียนหลง ก็ได้รับหยกล้ำค่ามาหนึ่งชุด ขุนพลอาวุโสทั้งหลายของพรรคจึงใช้หยกนั้นทำเป็นแหวนน้าว และฝังด้วยอัญมณีหลากสีสัน “คนเหล่านั้นเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของพรรคเทียนหลง มิเคยเปิดเผยโฉมหน้าแท้จริงให้ผู้อื่นเห็น และไม่ค่อยปรากฏตัว ดังนั้น มีเพียงข่าวลือในยุทธภพ กลับไม่เคยมีผู้ใดได้เห็นพวกเขาจริง ๆ “แหวนน้าวนี้ จึงใช้เวลาสืบสอบนานมาก กว่าจะได้พบเบาะแสพ่ะย่ะค่ะ” แววตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนเยือกเย็นเป็นพิเศษ ที่แท้ก็เป็นคนของพรรคเทียนหลง พวกเขาไม่ได้ถูกสังหารทั้งหมด ในการศึกครั้งใหญ่เมื่อหลายปีก่อนหรือ นางสงสัยว่า ที่ชายแดนเหนือปีนั้น คนที่พวกเขาต้องการสังหารคือแม่ทัพน้อยเมิ่ง หรือซูฮ่วน? ซูฮ่วนและพรรคเทียนหลงมีความบาดหมางต่อกัน ส่วนแม่ทัพน้อยเมิ่งไม่มี... เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงสั่งให้อู๋ไป๋ส่งข้อความ แจ้งทุกคนในพันธมิตรอู่หลินคอยระแวดระวัง บางที พรรคเทียนหลงอาจกำลังลอบวางแผนฟื้นคืนความรุ่งโรจน์ หลังกลับถึงพระราชวังแล้ว เฟิ่งจิ่วเหยียนเขียนอธิบายเรื่องนี
Read more

บทที่ 459

รุ่ยอ๋องยืนอยู่ต่อหน้าขุนนางทั้งหมด และเผชิญหน้ากับพวกเขา ด้วยคำถามเดิม “มีผู้ใดอยากเป็นเจ้าหน้าที่กำกับการขนส่งเสบียงหรือไม่” โดยปกติเขามักจะอ่อนโยนสง่างามดุจหยกล้ำค่า พูดคุยเรื่อย ๆ ไม่รีบร้อน ทว่าหลายวันนี้ เขาค่อนข้างกระวนกระวายใจ เมื่อเห็นว่าฝ่าบาทเผชิญปัญหาอยู่ที่ชายแดนใต้ กลับไม่มีผู้ใดใช้งานได้เลย หากเขาไม่ต้องคอยบริหารบ้านเมืองอยู่ที่เมืองหลวง ก็จะออกสู่สนามรบด้วยตนเองแล้ว! “ท่านอ๋อง เจ้าหน้าที่กำกับการขนส่งเสบียงเสียชีวิตหลายราย ดังนั้นภารกิจเร่งด่วนที่สุด คือกำจัดพวกโจรที่ปล้นเสบียงอาหาร มิฉะนั้นพวกเราส่งไปอีกชุด ก็ถูกปล้นอีกชุด ไม่มีความหมายพ่ะย่ะค่ะ!” รุ่ยอ๋องย่อมทราบหลักการนี้โดยธรรมชาติ เขาได้ส่งกองกำลังออกไปปราบปรามแล้ว ทว่าจนถึงยามนี้ก็ยังไม่ได้รับข่าวที่เชื่อถือได้เลย อย่างไรก็ตามไม่สามารถรอได้อีกต่อไปแล้ว ในสงครามนั้นกองทัพต้องเดินด้วยท้อง ตอนนี้เสบียงที่ส่งไปยังชายแดนใต้เกิดความล่าช้า และยิ่งล่าช้ามากเท่าไร ฝ่าบาทกับทหาร ก็จะเผชิญกับอันตรายมากขึ้นเท่านั้น “แม่ทัพซ่ง...” รุ่ยอ๋องเรียกชื่อด้วยตนเอง แม่ทัพซ่งก้
Read more

บทที่ 460

เฉินอ๋องเดินยืดอกเชิดหน้าเข้ามาในท้องพระโรง โดยมีองครักษ์สองคนติดตามมาทางด้านหลัง เมื่อเหล่าขุนนางได้เห็นเขาแล้ว พลันมีปฏิกิริยาแตกต่างกันออกไป มีทั้งมองอย่างประจบสอพลอหมายจะพึ่งพิง และมีทั้งแปลกใจระคนสับสน นัยน์ตาของรุ่ยอ๋องเปลี่ยนไปเล็กน้อย “เฉินอ๋อง ท่านควรอยู่ในเมืองซวีโจว ไม่ถูกเรียกตัวไม่อนุญาตให้เข้าเมืองหลวง” เฉินอ๋องมีอายุสามสิบกว่าปี และเป็นโอรสองค์โตของฮ่องเต้พระองค์ก่อน หลังฝ่าบาทเสด็จขึ้นครองราชย์ ได้ใช้นโยบายเลือดเหล็กกับพี่น้อง โดยหากไม่ได้รับอนุญาตจากฮ่องเต้ เหล่าอ๋องสามารถอยู่ได้เฉพาะในเมืองศักดินาเท่านั้น เวลานี้ฮ่องเต้มีภัยอยู่ที่ชายแดนใต้ เฉินอ๋องจึงกระตือรือร้นอย่างออกนอกหน้า รุ่ยอ๋องระแวดระวังบุคคลนี้ยิ่งนัก เฉินอ๋องยกมือลูบตอหนวดใต้คาง เต็มไปด้วยความมั่นใจที่ถูกต้อง “เป็นคำสั่งของไทฮองไทเฮา!” หัวใจของรุ่ยอ๋องจมลงเล็กน้อย เฉินอ๋องก้าวเดินขึ้นไปหารุ่ยอ๋อง เสมือนสัตว์ป่า ที่พร้อมตะครุบเหยื่อเหล่านั้น เขามองดูรุ่ยอ๋องตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างมุ่งร้าย และเย้ยหยัน “ฝ่าบาทตกอยู่ในอันตราย ไทฮองไทเ
Read more
PREV
1
...
4445464748
...
84
Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status