บททั้งหมดของ แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย: บทที่ 441 - บทที่ 450

770

บทที่ 441

“ฮองเฮาเพคะ...” เหลียนซวงกลับมาแล้วภายในใจของเหลียนซวงรู้สึกซับซ้อนยิ่งนักนางที่มิอาจทำตามแผนการหลบหนีที่ฮองเฮาสั่งการไว้ได้ กลัวว่าตนเองจักเป็นตัวถ่วงให้กับฮองเฮาทว่า นางยังอยากรั้งอยู่คอยรับใช้ข้างกายฮองเฮา ทั้งยังอยากจะอยู่เผชิญหน้าปัญหามากมายกับฮองเฮาเช่นนี้“ฮองเฮาเพคะ ฝ่าบาทท่าน…” เหลียนซวงที่อยากจะพูดถึงเรื่องขององครักษ์เงาขึ้นมานั้นเฟิ่งจิ่วเหยียนกล่าวออกมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า: “ข้ารู้แล้ว”เซียวอวี้ย่อมไม่มีทางนำความโกรธของตนเองไปลงที่เหลียนซวงเพียงเพราะเรื่องที่นางปกปิดสถานะตัวตนของตนเองอย่างแน่นอน ฉะนั้นแล้ว หากให้เหลียนซวงอยู่ในวังหลวงต่อไปก็คงจะมิเป็นปัญหาอันใดนักเหลียนซวงรู้สึกว่าตนเองไร้ประโยชน์ยิ่งนักนางได้แต่ก้มหน้าก้มตาลง “หากว่าบ่าววิ่งไวกว่านี้...”“นี่หาใช่ความผิดของเจ้าไม่” เฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยออกมาด้วยท่าทีเฉนเมย ก่อนจะมองไปยังองครักษ์ที่อยู่ด้านนอกตำหนักนั่นคือคนของเซียวอวี้ และยังเป็นคนที่ส่งตัวเหลียนซวงกลับมาอีกด้วยหลังจากที่ซุนหมัวมัวรู้ว่าเหลียนซวงกลับมาที่วังแล้วนั้น ภายในใจรู้สึกไม่สบอารมณ์ยิ่งนักหากแม่นางผู้นี้กลับมา เช่นนี้ฮองเฮาก็ม
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 442

คุกเทียนเหลาภายในห้องทรมาน พลันมีเสียงกรีดร้องดังออกมา“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ! กระหม่อมหาได้...หาได้ทรยศต่อแว่นแคว้นไม่! มิได้มีผู้ใดมาชี้นำกระหม่อม กระหม่อมทำทั้งหมดก็เพื่อยุทธภพของแคว้นหนานฉี...อ๊าก! กระหม่อมรู้สึกจากใจว่าท่านแม่ทัพน้อยเมิ่งเป็นผู้บริสุทธิ์ในเรื่องนี้!”“ฝ่าบาท กระหม่อมก็เป็นผู้บริสุทธิ์เช่นกัน...”ผู้ที่ถูกมัดติดเก้าอี้ไม้นั้น ล้วนแต่เป็นผู้ที่คอยกระทำการปลุกปั่นผู้คนหลังจากที่เมิ่งเฉียวม่อตายไปบรรดาเหล่าขุนนางที่กระทำกล่าวหาว่าฮ่องเต้ทำร้ายขุนนางผู้ภักดีนั้น ล้วนแต่เป็นขุนนางที่โง่เง่าหูเบา ทว่า ผู้ที่ชักใยคอยปลุกปั่นอยู่เบื้องหลังที่แท้จริง ทั้งยังเป็นผู้ที่กระจ่ายข่าวลือออกไปนั้น คือผู้กระทำผิดที่แท้จริงต่างหากในเมื่อตามหาพวกมันพบแล้ว ย่อมไม่มีทางปล่อยคนเหล่านี้ไปง่าย ๆ อย่างแน่นอนทำให้ข้าราชบริพารราษฎรมากมายในหนานฉีต้องเกิดความโกลาหลเช่นนี้ มีความเป็นไปได้ว่าพวกมันจักต้องร่วมมือกับคนนอกแคว้นอย่างแน่นอนทว่า ถึงแม้จะทรมานเพื่อเค้นถามความจริงออกมาหลายวันแล้วก็ตาม พวกมันก็ยังคงปากแข็งอยู่วันนี้ เซียวอวี้จึงเดินทางมาที่นี่ด้วยตนเองเฉินจี๋โค้งกายคำนับมือ พล
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 443

ภายในตำหนักวั่นโซ่ว หมอหลวงคล้ายกับมีดาบจ่ออยู่ที่ลำคอ พลางเอ่ยรายงานออกมาด้วยท่าทีระมัดระวัง“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ไทฮองไทเฮามีอาการเป็นโรคหลอดเลือดในสมอง นับว่าอันตรายเป็นอย่างยิ่ง!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซียวอวี้จึงรีบก้าวเดินเข้าไปด้านในใบหน้าของเขาพลันมืดมนไปในทันทีถึงอย่างไร ญาติที่ยังหลงเหลืออยู่ในโลกนี้ของเขาก็หาได้มีมากไม่ด้านในตำหนัก ไทฮองไทเฮานอนอยู่บนเตียงด้วยความอ่อนแรง พลางมองเซียวอวี้ด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าและมิอยากจาก“ฝ่าบาท……”เซียวอวี้ก้าวขึ้นไปข้างหน้า พลางจับมือนางเอาไว้“เสด็จย่า” เซียวอวี้พยายามกดน้ำเสียงของตัวเองเอาไว้จู่ ๆ ไทฮองไทเฮาก็ล้มป่วยลงเช่นนี้ ทำให้พระนางเอ่ยพูดออกมาได้อย่างติดติดขัดขัด ทั้งยังใช้เรี่ยวแรงเป็นอย่างมากพระนางพยายามรวบรวมเรี่ยวแรงของตนเองออกมา ทำเอาเส้นเลือดบนลำคอถึงกับปูดบวมขึ้น พลางเอ่ยออกมาว่า“ข้า...แก่มากแล้ว ไร้ประโยชน์ยิ่งนัก“เจ้าที่มีชะตากรรมชีวิตลำบากมาตั้งแต่เด็ก… ข้าที่คอยมองดูอยู่ตรงนี้ ก็หวังว่าข้างกายของเจ้าจักมีคนรู้ใจ มี... มีลูก...“ฝ่าบาทก็เป็นมนุษย์เช่นกัน เจ้าจักต้องมีครอบครัว อย่าได้ตำหนิข้าเลย.
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 444

มู่หรงฉานตกตะลึงไปในทันที“ร่วมบรรทม? กงกงมิได้ประกาศผิดไปใช่หรือไม่? ไทฮองไทเฮาประชวรหนักเช่นนี้ เหตุใดฝ่าบาทถึง…”หลิวซื่อเหลียงพลันพยักหน้าลงด้วยท่าทีนอบน้อม“กุ้ยเหรินได้ยินไม่ผิดพ่ะย่ะค่ะ บ่าวก็มิได้ประกาศผิดไปเช่นกัน ท่านเสด็จกลับไปก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”มู่หรงฉานมองยังประตูหน้าตำหนักด้วยท่าทีเป็นกังวล“กงกง ไทฮองไทเฮาในยามนี้เป็นเช่นไรบ้างเพคะ? หากข้ามิได้เข้าไปเยี่ยมคงมิอาจวางใจได้ ได้โปรด ท่านช่วยไปทูลขอเข้าเฝ้าให้ข้าที”มู่หรงฉานทำทีว่าตนเองหาได้สนใจเรื่องการร่วมบรรทมไม่ ทั้งยังเอาแต่สนใจเรื่องอาการป่วยของไทฮองไทเฮาเท่านั้นหลิวซื่อเหลียงจึงตอบกลับไปด้วยความพอดีว่า“เนื่องจากฝ่าบาทมีรับสั่งว่ามิให้ผู้ใดเข้าพบ กุ้ยเหรินรั้งรอก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ บ่าวทูลกล่าวมากไปย่อมไร้ความหมาย”มู่หรงฉานจึงได้ยอมแพ้หลังจากออกจากตำหนักวั่นโซ่วแล้วนั้น นางกำนัลรับใช้ชิวหงก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป“กุ้ยเหรินเพคะ อีกไม่นานฝ่าบาทก็จะกลับมาโปรดปรานท่านเช่นเดิมแล้ว ทำเอาบ่าวนึกตกใจยิ่งนัก!”นางครุ่นคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก ไทฮองไทเฮาประชวรหนักถึงเพียงนี้ เหตุใดฝ่าบาทถึงมีกระจิตกระใจทำเช่นนั้นได้?ทว่า
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 445

เซียวจั๋วที่ขาดแคลนเงินทอง แต่ก็ยังคงพาเฟิ่งจิ่วเหยียนมาที่ร้านอาหารเฟิ่งจิ่วเหยียนนึกสงสัยยิ่งนัก เขามิคิดจะมีท่าทีระวังตัวจากผู้อื่นเลยหรือ?“อาหารพวกนี้พอหรือไม่?” เซียวจั๋วแสดงท่าทีเป็นมิตรต่อนาง ราวกับว่าเขาหาได้มีท่าทีสงสัยที่นางพยายามจะบุกรุกเข้าไปในบ้านของชาวบ้านไม่ ทั้งยังเห็นนางราวกับเป็นสหายที่พามากินข้าวก็ไม่ปาน ทั้งยังมิคิดเอ่ยถามนามของนางอีกเฟิ่งจิ่วเหยียนกวาดสายตามองเขาเซียวจั๋วแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าธรรมดา ทั้งยังมีรอยปะชุนอยู่บนเสื้อผ้าอีกหากใครได้พบะเจอคนผู้นี้ละก็ คงคิดไม่ถึงแน่ ๆ ว่าครั้งหนึ่งเขาจักเคยเป็นองค์รัชทายาทแห่งแคว้นหนานฉีมาก่อนเซียวจั๋วและเซียวอวี้มีความคล้ายกันยิ่งนัก หากแต่ลักษณะนิสัยของพวกเขากลับแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเซียวอวี้มีท่าทีโหดเหี้ยวอำมหิต ทั้งยังเต็มไปด้วยพละกำลังที่แข็งแกร่งและทรงอำนาจเซียวจั๋วกลับมีท่าทีคล้ายกับบัณฑิตที่มีความอ่อนโยนสง่างาม ทำให้ผู้คนอยากจะเข้าใกล้เขาลักษณะเด่นตรงจุดนี้คล้ายกับรุ่ยอ๋องยิ่งนักเฟิ่งจิ่วเหยียนจึงเอ่ยเข้าประเด็นในทันที“เมื่อครู่ คุณชายรู้จักคนในครอบครัวนั้นงั้นหรือ?”เซียวจั๋วหาได้ตอบนางไม่ พ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 446

เซียวอวี้ที่เกือบจะเดินไปถึงประตูหน้าตำหนักแล้วนั้น พลันได้ยินเฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยเรียกเขาขึ้นมา“กษัตริย์ของแผ่นดินควรจักมีความใจเย็นและควบคุมสติอารมณ์ของตนเอง ยามนี้ท่านกำลังทำอันใดอยู่กัน?”เมื่อเซียวอวี้หันกายกลับมานั้น พลันเห็นเฟิ่งจิ่วเหยียนยกฉากกั้นขึ้นมาแล้วฉากกั้นที่หนักเช่นนั้น นางกลับ “ยก” มันขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย เซียวอวี้จึงเอ่ยเยาะเย้ยออกมาด้วยความเย็นชา“หากเรายังไม่ใจเย็นพอ นั่นก็เป็นเพราะถูกความเย็นชาของเจ้าบีบบังคับมัน”ผู้ใดจักทนความเฉยเมยของนางได้กัน?เฟิ่งจิ่วเหยียนมองดูเขาด้วยท่าทีสงบนิ่ง“หากว่าข้าเอ่ยคำโกหกออกไป ท่านจักชอบฟังมันเช่นนั้นหรือ?”เซียวอวี้พลันตวาดออกมาด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์“ใช่ เราชอบฟังเรื่องโกหก!”“ได้ ข้าสนใจเรื่องนั้นเป็นอย่างมาก หากท่านไปโปรดปรานมู่หรงฉานแล้วไซร้ ข้าจะรู้สึกเจ็บปวดใจยิ่งนัก”เฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยคำพูดเหล่านี้ออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์นางตั้งใจที่จะทำให้เขารู้ว่า คำโกหกนั้นหาได้ฟังดูดีเสมอไปไม่เป้าหมายที่สำคัญที่สุดคือการทำให้เขาใจเย็นลง แล้วมานั่งหารือเรื่องจักทำเช่นไรถึงจะจัดการจับตัวผู้วางยาพิษให้ได้ไวที่สุดเซีย
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 447

หลังจากที่เฟิ่งจิ่วเหยียนและเซียวอวี้หารือกันแล้วนั้น พวกเขาจึงได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้เหลียนชวงฟังเสียก่อนส่วนเหลียนซวงจักร่วมมือหรือไม่นั้น ให้นางเป็นคนตัดสินใจด้วยตัวเองหลังจากที่เหลียนซวงได้ยินเรื่องราวทั้งหมดแล้วนางถึงกับตกตะลึงไปในทันที“ฮองเฮาเพคะ ท่านบอกว่าข้า... ข้าเป็นหลานสาวของราชครูเฉิน?!”อีกทั้งคนในตระกูลของนางทั้งหมด ทุกคนถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานคิดก่อกบฏเรื่องนี้ทำให้นางมิอาจยอมรับได้ มือไม้ถึงกับสั่นเทาไปในทันทีเฟิ่งจิ่วเหยียนจึงจับมือนางด้วยความแผ่วเบา“มิต้องกังวลไป ฝ่าบาทไม่มีทางโทษเจ้าเพราะเรื่องเช่นนี้”เหลียนซวงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าออกมา ทว่า นางก็คิดไปถึงเรื่องของฮองเฮา“ฮองเฮาเพคะ ท่านหมายความว่า รูปภาพอสรพิษเก้าหางนั้น บ่าวเคยเห็นในยามวัยเด็ก ทว่า ความทรงจำส่วนนั้นกลับไม่มีเหลือแล้ว หากว่าบ่าวสามารถรื้อฟื้นความทรงจำเหล่านั้นขึ้นมาได้ ก็จักสามารถช่วยท่านสืบหาว่ามือสังหารที่วางยาพิษของฝ่าบาทเป็นผู้ใดใช่หรือไม่เพคะ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงอธิบายให้เหลียนซวงฟัง“บางที แม้เจ้าจักรื้อฟื้นความทรงจำเหล่านั้นขึ้นมาได้ก็ตาม แต่ก็มิอาจจะมิสามารถค้นหาเบาะแสอั
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 448

บนเวที ฉากแรกคือการสู้รบของท่านแม่ทัพน้อยเมิ่งกับกองทัพจากรัฐเหลียงฉากนี้ทำให้ผู้คนปรบมือด้วยความตื่นเต้นไม่นานนักละครก็ดำเนินมาถึงฉากที่สอง“ฮ่องเต้” และ “เมิ่งสิงโจว” ได้มาพบหน้ากันอยู่ในศาลา พลางเล่นหมากรุกดื่มชากันยามที่พระอาทิตย์ตกดินนั้น “เมิ่งสิงโจว” พลันยืนขึ้น กล่าวคำอำลาว่าเมิ่งสิงโจวกล่าว – “ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ในเมื่อชายแดนเหนือสงบลงแล้ว เพื่อปกป้องแว่นแคว้นและราษฎรนั้น มือทั้งสองข้างของกระหม่อมต้องห้ำหั่นชีวิตผู้คนไปมากมาย ได้โปรดให้กระหม่อมได้หลบไปใช้ชีวิตสงบเงียบด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ ทว่า หากหนานฉีพบเจอความทุกข์ยากเมื่อใด ขอเพียงพระองค์บอกกล่าว กระหม่อมยินดียอมตายเพื่อแคว้นหนานฉีอย่างแน่นอน!”เหล่าผู้ชมต่างพากันประหลาดใจไปในทันทีเมื่อได้เห็นฉากนี้ท่านแม่ทัพน้อยเมิ่งต้องการจะเกษียณงั้นหรือ?เกรงว่านี่จะเป็นฉากละครที่ถูกสร้างขึ้นมากระมัง! “ฮ่องเต้” ที่อยู่บนเวทีนั้นทรงเห็นชอบในเรื่องนี้—— “เราอนุญาตให้เจ้าหลบไปชั่วคราวได้ ทว่า ชายแดนเหนือนั้นมิอาจไร้ท่านแม่ทัพน้อยเมิ่ง”—— “กระหม่อมมีศิษย์น้องผู้หนึ่ง ทักษะการปลอมตัวของนางเก่งกาจยิ่ง อีกทั้งยังสามารถเลียนแบบการกร
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 449

ไม่เพียงแต่เซียวอวี้เท่านั้นที่อยากรู้ว่าท่านแม่ทัพน้อยเมิ่งที่อยู่บนหลังคาเป็นผู้ใด องค์หญิงใหญ่ก็อยากรู้เช่นกันองค์หญิงใหญ่พลางมองไปที่เฟิ่งจิ่วเหยียน ทว่า กลับเห็นการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ของฝ่าบาทแทน ทำเอานางถึงกับถลึงตามองด้วยดวงตาที่ลุกเป็นไฟไปในทันทีมือนี่เอาวางไว้ที่ใดกัน!ช่างไม่มีสง่าราศีของฮ่องเต้เลยแม้แต่น้อย!ขณะเดียวกัน เซียวอวี้ก็ยังคงรอคำตอบจากเฟิ่งจิ่วเหยียนทว่า ประโยคหลังกลับยิ่งกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของเซียวอวี้มากขึ้นไปอีก“ท่านลองเดาดู”บนหลังคานั้น ท่านแม่ทัพน้อยพลันเคลื่อนกายอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักเขาก็หายไปจากสายตาของผู้คนในทันทีพร้อมด้วยสายตาของเหล่ากองทัพอินทรีเหินที่มองส่งเขาไปจนลับตาภายในใจของเซียวอวี้ได้แต่หัวเราะเยาะเย้ยออกมา“พวกเขาถูกเจ้าหลอกจนหัวปั่นไปหมดแล้ว ในยามนี้ยังมิมีผู้ใดรู้เลยว่า ความจริงแล้วท่านแม่ทัพน้อยเมิ่งตัวจริงเป็นผู้ใดกันแน่”เฟิ่งจิ่วเหยียนจับมือของเซียวอวี้ออกจากเอวของนาง“พูดถึงคนอื่น คำพูดนั้นเข้าตัวเองเช่นกัน”เซียวอวี้:......เซียวอวี้ราวกับถูกปิดบังอยู่นานเช่นกันละครฉากนี้ ทำให้ผู้คนรับรู้ความจริงที่ถูกเก็บซ่
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 450

เฟิ่งจิ่วเหยียนถูกเซียวอวี้ลากไปที่แม่น้ำข้างเมืองในที่สุดทั้งสองต้องสวมหน้ากากเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกผู้คนจดจำเอาได้นับว่าโชคดีที่คืนนี้มีผู้คนสวมใส่หน้ากากออกมาท่องเที่ยวมากมายเช่นกัน นั่นจึงทำให้พวกเขามิได้ดูเตะตาผู้อื่นมากเท่าใดกันเฉินจี๋เดินติดตามทั้งสองคนอยู่ด้านหลัง พร้อมทั้งในมือที่ถือโคมไฟจำนวนมากมายเอาไว้ริมแม่น้ำมีผู้คนอยู่มากมายนัก ทว่า ส่วนมากมักจะเป็นคู่รักชายหญิงเสียมากกว่า เซียวอวี้จึงตามหาสถานที่ที่มิมีผู้คนพลุกพล่านมาก ก่อนจะใช้มือ “โยน” โคมไฟลงไปในแม่น้ำด้วยท่าทีมั่นใจเฟิ่งจิ่วเหยียน: ?เฉินจี๋: ?โคมไฟทั้งหมดจึงจมลงไปในแม่น้ำด้วยความรวดเร็วเซียวอวี้ขมวดคิ้วเป็นปมไปในทันที พลางหันไปกล่าวโทษเฉินจี๋ว่า“เจ้าซื้ออะไรมากัน?”หาได้มีอันใดลอยขึ้นมาได้ไม่ เฉินจี๋:กระหม่อมเป็นผู้บริสุทธิ์! ทว่า กระหม่อมมิอาจพูดออกมาได้เมื่อเซียวอวี้กำลังจะโยนโคมไฟอันสุดท้ายลงแม่น้ำไปนั้น เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงเข้าไปห้ามเขาเอาไว้นางมองเขาราวกับกำลังมองคนต่างเผ่าอยู่ก็ไม่ปาน“ท่านมิเคยปล่อยโคมลอยหรือ?”“อื้ม”เซียวอวี้มิคิดว่าการปล่อยสิ่งของเล็ก ๆ เช่นนี้จักต้องใช้มีประสบก
อ่านเพิ่มเติม
ก่อนหน้า
1
...
4344454647
...
77
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status