อู๋ไป๋กล่าวรายงานเบาะแสที่สืบพบ อย่างฉะฉาน “เมื่อแรกเริ่มก่อตั้งพรรคเทียนหลง ก็ได้รับหยกล้ำค่ามาหนึ่งชุด ขุนพลอาวุโสทั้งหลายของพรรคจึงใช้หยกนั้นทำเป็นแหวนน้าว และฝังด้วยอัญมณีหลากสีสัน “คนเหล่านั้นเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของพรรคเทียนหลง มิเคยเปิดเผยโฉมหน้าแท้จริงให้ผู้อื่นเห็น และไม่ค่อยปรากฏตัว ดังนั้น มีเพียงข่าวลือในยุทธภพ กลับไม่เคยมีผู้ใดได้เห็นพวกเขาจริง ๆ “แหวนน้าวนี้ จึงใช้เวลาสืบสอบนานมาก กว่าจะได้พบเบาะแสพ่ะย่ะค่ะ” แววตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนเยือกเย็นเป็นพิเศษ ที่แท้ก็เป็นคนของพรรคเทียนหลง พวกเขาไม่ได้ถูกสังหารทั้งหมด ในการศึกครั้งใหญ่เมื่อหลายปีก่อนหรือ นางสงสัยว่า ที่ชายแดนเหนือปีนั้น คนที่พวกเขาต้องการสังหารคือแม่ทัพน้อยเมิ่ง หรือซูฮ่วน? ซูฮ่วนและพรรคเทียนหลงมีความบาดหมางต่อกัน ส่วนแม่ทัพน้อยเมิ่งไม่มี... เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงสั่งให้อู๋ไป๋ส่งข้อความ แจ้งทุกคนในพันธมิตรอู่หลินคอยระแวดระวัง บางที พรรคเทียนหลงอาจกำลังลอบวางแผนฟื้นคืนความรุ่งโรจน์ หลังกลับถึงพระราชวังแล้ว เฟิ่งจิ่วเหยียนเขียนอธิบายเรื่องนี
รุ่ยอ๋องยืนอยู่ต่อหน้าขุนนางทั้งหมด และเผชิญหน้ากับพวกเขา ด้วยคำถามเดิม “มีผู้ใดอยากเป็นเจ้าหน้าที่กำกับการขนส่งเสบียงหรือไม่” โดยปกติเขามักจะอ่อนโยนสง่างามดุจหยกล้ำค่า พูดคุยเรื่อย ๆ ไม่รีบร้อน ทว่าหลายวันนี้ เขาค่อนข้างกระวนกระวายใจ เมื่อเห็นว่าฝ่าบาทเผชิญปัญหาอยู่ที่ชายแดนใต้ กลับไม่มีผู้ใดใช้งานได้เลย หากเขาไม่ต้องคอยบริหารบ้านเมืองอยู่ที่เมืองหลวง ก็จะออกสู่สนามรบด้วยตนเองแล้ว! “ท่านอ๋อง เจ้าหน้าที่กำกับการขนส่งเสบียงเสียชีวิตหลายราย ดังนั้นภารกิจเร่งด่วนที่สุด คือกำจัดพวกโจรที่ปล้นเสบียงอาหาร มิฉะนั้นพวกเราส่งไปอีกชุด ก็ถูกปล้นอีกชุด ไม่มีความหมายพ่ะย่ะค่ะ!” รุ่ยอ๋องย่อมทราบหลักการนี้โดยธรรมชาติ เขาได้ส่งกองกำลังออกไปปราบปรามแล้ว ทว่าจนถึงยามนี้ก็ยังไม่ได้รับข่าวที่เชื่อถือได้เลย อย่างไรก็ตามไม่สามารถรอได้อีกต่อไปแล้ว ในสงครามนั้นกองทัพต้องเดินด้วยท้อง ตอนนี้เสบียงที่ส่งไปยังชายแดนใต้เกิดความล่าช้า และยิ่งล่าช้ามากเท่าไร ฝ่าบาทกับทหาร ก็จะเผชิญกับอันตรายมากขึ้นเท่านั้น “แม่ทัพซ่ง...” รุ่ยอ๋องเรียกชื่อด้วยตนเอง แม่ทัพซ่งก้
เฉินอ๋องเดินยืดอกเชิดหน้าเข้ามาในท้องพระโรง โดยมีองครักษ์สองคนติดตามมาทางด้านหลัง เมื่อเหล่าขุนนางได้เห็นเขาแล้ว พลันมีปฏิกิริยาแตกต่างกันออกไป มีทั้งมองอย่างประจบสอพลอหมายจะพึ่งพิง และมีทั้งแปลกใจระคนสับสน นัยน์ตาของรุ่ยอ๋องเปลี่ยนไปเล็กน้อย “เฉินอ๋อง ท่านควรอยู่ในเมืองซวีโจว ไม่ถูกเรียกตัวไม่อนุญาตให้เข้าเมืองหลวง” เฉินอ๋องมีอายุสามสิบกว่าปี และเป็นโอรสองค์โตของฮ่องเต้พระองค์ก่อน หลังฝ่าบาทเสด็จขึ้นครองราชย์ ได้ใช้นโยบายเลือดเหล็กกับพี่น้อง โดยหากไม่ได้รับอนุญาตจากฮ่องเต้ เหล่าอ๋องสามารถอยู่ได้เฉพาะในเมืองศักดินาเท่านั้น เวลานี้ฮ่องเต้มีภัยอยู่ที่ชายแดนใต้ เฉินอ๋องจึงกระตือรือร้นอย่างออกนอกหน้า รุ่ยอ๋องระแวดระวังบุคคลนี้ยิ่งนัก เฉินอ๋องยกมือลูบตอหนวดใต้คาง เต็มไปด้วยความมั่นใจที่ถูกต้อง “เป็นคำสั่งของไทฮองไทเฮา!” หัวใจของรุ่ยอ๋องจมลงเล็กน้อย เฉินอ๋องก้าวเดินขึ้นไปหารุ่ยอ๋อง เสมือนสัตว์ป่า ที่พร้อมตะครุบเหยื่อเหล่านั้น เขามองดูรุ่ยอ๋องตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างมุ่งร้าย และเย้ยหยัน “ฝ่าบาทตกอยู่ในอันตราย ไทฮองไทเ
ภายในตำหนักหย่งเหอรุ่ยอ๋องยืนพูดกับฮองเฮาที่นั่งอยู่ข้างในผ่านแผ่นกั้น“…เรื่องราวก็เป็นเช่นนี้ พี่สะใภ้ เฉินอ๋องบีบคั้นกดดัน พวกเราขี่หลังเสือแล้วลงยาก”“การลำเลียงเสบียงอาหารไปส่งในครั้งนี้ สำคัญเป็นอย่างยิ่ง“พี่สะใภ้ต้องการลูกน้องเท่าไหร่ บอกมาได้เลย“พวกเราต้องรับประกันว่า เสบียงอาหารชุดนี้จะสามารถนำไปส่งถึงชายแดนใต้อย่างราบรื่น”เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดขึ้นมาอย่างเรียบเฉย“จำนวนคนไม่ต้องมาก ขอเพียงพวกเขาเชื่อถือได้ และเชื่อฟังพอ”รุ่ยอ๋องไม่เห็นด้วย“ข้ารู้ว่าท่านมีวรยุทธ ทว่าก็ต้องระมัดระวัง เรือที่แล่นด้วยความระมัดระวังจึงจะอยู่ได้ยาวนาน ข้าสงสัย เหตุการณ์ที่มีการปล้นเสบียงที่ส่งไปหลายคราก่อนหน้านี้ เป็นไปได้อย่างมากที่มีเฉินอ๋องวางแผนอยู่เบื้องหลัง“เขาเล็งท่านไว้แล้ว ก็จะไม่ให้ท่านไปถึงชายแดนใต้อย่างราบรื่นแน่นอน พาคนไปมากหน่อยจะดีกว่า”เฟิ่งจิ่วเหยียนมีความคิดเป็นของตนเอง“ในเมื่อท่านเจ้ารู้ว่าเฉินอ๋องมีปัญหา ฉะนั้นก็ควรสืบให้ดี“ส่วนเรื่องการลำเลียงขนส่งเสบียง ข้ามีแผนของตนเอง”รุ่ยอ๋องกดคางลง“พ่ะย่ะค่ะ”……วันรุ่งขึ้นเหล่านางสนมมารวมตัวกันที่ตำหนักหย่งเหอ“
ที่มู่หรงฉานมาในครั้งนี้ ก็เพื่อช่วยคนหนึ่ง“สาวใช้ของหม่อมฉัน หลิวซวี่...ตอนนั้น นางยอมรับผิดแทนหม่อมฉัน ถึงถูกลงโทษถูกส่งไปยังหน่วยลงทัณฑ์”“หม่อมฉันมาในวันนี้ เพื่อสารภาพความผิด ขอร้องท่าน...ขอร้องให้ท่านปล่อยหลิวซวี่”แววตาเฟิ่งจิ่วเหยียนเรียบเฉย“เจ้ารู้หรือไม่ มีความผิดต้องได้รับโทษ?”มู่หรงฉานหลุบตาลง“รู้เพคะ หม่อมฉันยอมถูกทำโทษ ทว่าหลิวซวี่ไม่มีความผิดอะไร“นับจากที่หม่อมฉันเขาวัง ก็ถูกจิตใจมารของตนเองครอบงำมาตลอด“ตอนนี้ หม่อมฉันอยากช่วยตนเอง”แววตาเฟิ่งจิ่วเหยียนนิ่งสงบ“ข้าให้เจ้าได้สมปรารถนา”มู่หรงฉานค่อยโล่งอก จากนั้นก็คุกเข่าลง หันไปถวายความเคารพเฟิ่งจิ่วเหยียนอย่างเป็นทางการ“ฮองเฮา หม่อมฉันเคยคิดที่จะล้มท่านมาครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท เป็นความผิดของหม่อมฉัน”“ท่านไม่ถือสา ยังดีกับหม่อมฉัน...”เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดแทรกนางขึ้นมา“เจ้าเข้าใจเรื่องนี้ผิด”มู่หรงฉานเงยหน้าขึ้นมา มองดูนางด้วยความสับสนเฟิ่งจิ่วเหยียนพูดขึ้นมาอย่างนิ่งสงบเป็นพิเศษ“เดิมข้าไม่อยากพูดความจริงออกมา ทว่าตอนนี้ ข้าคิดว่าเจ้าควรรับรู้”“คำขอร้องของเจ้า มาส
ก่อนที่จะออกเดินทางขนส่งเสบียง อู๋ไป๋ได้สืบมาหมดแล้วเจ้าเมืองเมืองซี เป็นอุปสรรคหนึ่งในการขนส่งเสบียงเขาอ้างการตรวจค้น แอบยึดเสบียงทหารไว้ส่วนหนึ่ง เป็นการกระทำที่น่ารังเกียจมากเฟิ่งจิ่วเหยียนบอกเป็นนัยให้องครักษ์นำหนังสือนำทางไปให้ดูก่อนองครักษ์พูดกับทหารทางการที่เป็นหัวหน้า “พวกเราล้วนเป็นพ่อค้าสุจริต นี่คือศาสน์ของรุ่ยอ๋อง...”ไม่คาดคิดว่า ทหารทางการกลับปัดศาสน์นำทางหล่นตก ด้วยท่าทีเย่อหยิ่ง“คนของรุ่ยอ๋อง ก็ต้องทำตามกฎปฏิบัติ! มาถึงเมืองซี ก็ต้องทำตามกฎปฏิบัติของเมืองซี!”องครักษ์ส่งเสียงดุขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว“บังอาจ! ศาสน์ของรุ่ยอ๋อง จะให้พวกเจ้าเมาทำไร้มารยาทเช่นนี้ไม่ได้!”พัฟ!ทหารทางการฟาดตบหน้าเขาหนึ่งที“เจ้าต่างหากที่บังอาจ! เชื่อหรือไม่ เพียงข้าสั่งประโยคเดียว รับรองว่าพวกเจ้าออกจากประตูเมืองไม่ได้!”คนที่ติดตามเฟิ่งจิ่วเหยียนนั้น ล้วนเป็นองครักษ์วังหลวง เป็นคนที่ฮ่องเต้ไว้วางใจ ก่อนที่ฮ่องเต้จะออกไปทำศึกได้ตรัสสั่งพวกเขาไว้ จะต้องคอยปกป้องฮองเฮาให้ดี ทุกอย่างล้วนฟังคำสั่งของนางเมื่อสัมผัสได้ถึงความไม่เป็นมิตรของอีกฝ่าย ปฏิกิริยาตามสัญชาตญาณของพวกเขาคือก
ด้วยความโกรธโมโห เฉินอ๋องฟาดนกในกรงไปที่พื้นนกที่อยู่ข้างในกระพือปีกบินออกไป บินชนที่ผนัง หมดสติหล่นตกพื้นเฉินอ๋องไม่มีความสงสาร ใช้เท้าเหยียบลงไป“ปืนหอกไฟนี้ เซียวอวี้หวงแหนอย่างมาก เพื่อไม่ให้มันถูกแคว้นศัตรูได้ไป ไม่ยอมให้ใครแตะต้อง อย่าว่าแต่ให้คนนำออกไปใช้ป้องกันตัวเลย”“ฮองเฮาสามารถนำไปได้อย่างไร?“รุ่ยอ๋องกับกรมศัสตราวุธ ยามนี้ไยพวกเขาไม่รักษากฎปฏิบัติของฮ่องเต้!“ทหาร ตามข้าไปจวนรุ่ยอ๋อง!”จวนรุ่ยอ๋องรุ่ยอ๋องคาดรู้ว่าเฉินอ๋องจะต้องมาก่อเรื่องวุ่นวายแต่แรก จึงเตรียมพร้อมรอแล้ว“ปืนหอกไฟหรือ? ข้าไม่รู้เรื่อง เฉินอ๋องรู้เรื่องได้อย่างไร?” รุ่ยอ๋องยิ้มแย้มอ่อนโยน ราวกับไม่เคยโกรธโมโหเฉินอ๋องตบโต๊ะอย่างขุ่นเคือง“เจ้าให้ฮองเฮานำปืนหอกไฟไป หากตกอยู่ในมือของแคว้นศัตรู ความผิดนี้ เจ้ารับผิดชอบไหวหรือไม่!“ตอนนี้รีบไปตามเอาปืนหอกไฟกลับมา!”รุ่ยอ๋องดื่มน้ำชาอยู่อย่างนิ่งสงบ“ข้ารู้แล้ว เรื่องนี้ ข้าจะสืบความให้แน่ชัด หากเป็นความจริง เช่นนั้นปืนหอกไฟ ยังไงก็ต้องเอากลับมา”เฉินอ๋องเห็นเขาใจเย็นเช่นนี้ ก็ร้อนใจอย่างยิ่ง “ส่งคนไปตามเดี๋ยวนี้เลย!”รุ่ยอ๋องพูดขึ้นมาอย่าง
เมื่อเห็นคนอยู่ตรงหน้า สีหน้าเซียวอวี้ไม่สงบใจเย็นเหมือนที่ผ่านมาดวงตาสีดำเข้มของเขาเบิกโต แล้วก็ยิ่งโต“ฮองเฮา! เจ้า...”เฉินจี๋ก็อึ้งตะลึงอย่างมากฮองเฮามาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?ทันใดนั้น ก็มีเงาร่างหนึ่งผ่านสายตาไปมองดูอีกที ฝ่าบาทได้ก้าวเดินไปแล้ว คว้าโอบกอดฮองเฮาไว้แนบอกเฉินจี๋เห็นดังนี้ ก็ถอยออกไปอย่างเงียบ ๆ เซียวอวี้กอดคนในอ้อมอกไว้แน่น สัมผัสความอบอุ่นของนางนี่เป็นการทำศึกที่ไม่มีความมั่นใจที่สุด เท่าที่เขาเคยต่อสู้มารัชทายาทเยี่ยนคนนั้น ไม่ทำตามกลยุทธ์ทางทหาร ใช้แต่แผนการชั่วช้าเฟิ่งจิ่วเหยียนกำลังเอื้อมมือผลักเขา ก็ได้ยินเสียงเขาพูดขึ้นมา “ให้เรากอดครู่หนึ่ง เรา...หนาว”ช่วงเดือนกันยายน เมืองหลวงอาจอากาศกำลังเริ่มเย็น ทว่าชายแดนใต้ไม่หนาว ยังร้อนด้วยซ้ำเฟิ่งจิ่วเหยียนผลักเขาออก“ทานอาหารก่อน”เขาไม่หิว ทว่านางหิวแล้วเมื่อคืนนางฆ่าทหารศัตรูไปมากมายทั้งคืน จึงสามารถแย่งเส้นทางส่งเสบียงมาได้กลางวันนี้ก็เร่งเดินทางนำเสบียงมาส่ง ไม่ได้หยุดพักเลยเซียวอวี้คิดขึ้นมาได้ทันที“พวกเขาให้เจ้าเป็นผู้มาส่งเสบียงได้อย่างไร!”สมควรตาย!แคว้นหนานฉีไม่มี
‘ปืนมังกรไฟ’ ดี ๆ ได้พังไปเกินครึ่ง!ฐานยิงที่เปราะบางที่สุดแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ไปเช่นนี้ ถึงตัวกระบอกจะยังอยู่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว...คิดไม่ถึงเลยว่าอาวุธอันทรงพลังของเขาจะถูกทำลายไปเช่นนี้!ข้างกายรัชทายาทเยี่ยนมีองครักษ์ประจำตัวที่เป็นยอดฝีมืออยู่ พอเขาออกคำสั่งยอดฝีมือผู้นั้นก็ไล่ตามเฟิ่งจิ่วเหยียนไปเฟิ่งจิ่วเหยียนมีวิชาตัวเบาที่ยอดเยี่ยม ทว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้ายามที่นางเพิ่งจะข้ามชายแดนมา นักฆ่าด้านหลังก็ประชิดเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆยามที่เห็นว่าเขากำลังจะตามนางทันนี้เอง ทันใดนั้น...ฟิ้ว!ลูกธนูคมกริบยิงมาจากระยะไกลตรงเข้ากลางหน้าผากของนักฆ่าผู้นั้น!ลูกธนูนี้ยากที่จะป้องกัน ทั้งรวดเร็วและแม่นยำ นักฆ่าเสียชีวิตในทันทีเฟิ่งจิ่วเหยียนหันไปมองศพของนักฆ่าผู้นั้นก่อน จากนั้นหันกลับมาก็มองเห็นเซียวอวี้เขายืนอยู่บนมุมสูงของหุบเขามรณะ ค่อย ๆ วางคันธนูในมือลง......ณ ค่ายหนานต้านอกกระโจมของฮ่องเต้และฮองเฮา อู๋ไป๋และเฉินจี๋คอยเฝ้าระวังอย่างไม่มีใครยอมใคร ทั้งยังไม่มองอีกฝ่ายซักครั้งภายในกระโจมเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ทันจะอธิบายอะไรให้เซียวอวี้ฟังก่อน นางรีบวาดภาพแบบร่างที่
เมื่อรัชทายาทเยี่ยนออกคำสั่ง องครักษ์ก็ชักดาบเผชิญหน้ากับเฟิ่งจิ่วเหยียนทว่ายามที่กำลังจะเข้าโจมตี กลับเห็นนางโยนอะไรบางอย่างลงบนพื้น ทันใดนั้นหมอกควันสีขาวก็พวยพุ่งออกมาหมอกควันนี้บดบังสายตาของพวกเขา ทำให้พวกเขามองเห็นไม่ชัดรอจนกระทั่งควันถูกพัดออกไป เฟิ่งจิ่วเหยียนก็หนีไปนานแล้วคนที่จากไปไกลยังคงส่งเสียงผ่านอากาศไปถึงรัชทายาทเยี่ยนว่า“ในเมื่อองค์รัชทายาทไม่มีใจจะเป็นพันธมิตรกัน เช่นนั้นพวกเราก็จะไม่เกรงใจเรื่อง ‘ปืนมังกรไฟ’ แล้ว”รัชทายาทเยี่ยนพุ่งออกไปนอกกระโจมด้วยสายตาดำทะมึน เขามองไปรอบทิศ พบเพียงความมืดมิดไหนเลยจะมีเงาร่างของราชทูตหนานเจียง!ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความโกรธ “ตามไป! จับคนกลับมาให้ได้! อยู่ต้องเห็นคน ตายต้องเห็นศพ!”“พ่ะย่ะค่ะ”จากนั้นเขาก็คว้าตัวองครักษ์ที่ตนเชื่อใจมาแล้วกล่าวเสียงเบา“เจ้าไปดูด้านหลังด้วยตนเอง หากมีผิดพลาดกับ ‘ปืนมังกรไฟ’ แม้แต่น้อย ข้าจะลงโทษเจ้าประหารเก้าชั่วโคตร!”องครักษ์รับคำสั่งทันทีหารู้ไม่ว่า ทันทีที่เขาเพิ่งเดินออกไป เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ตามไปอย่างเงียบ ๆ แล้วนางไม่ได้จากไป เพียงแอบซุ่มหลบอยู่เท่านั้นแผนโยนหินถามทางตอ
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม รุ่ยอ๋องออกมาจากห้องลับ คิ้วที่อ่อนโยนถูกปกคลุมด้วยสีหม่นหมองเล็กน้อย บนคอยังมีรอยข่วนแดงหลายแผลหลิวหวา รีบก้มศีรษะลงอย่างเคารพนอบน้อมรุ่ยอ๋องจัดรอยยับบนเสื้อผ้า น้ำเสียงยังคงสงบสุขุม“นางไม่อยากทาน ก็ให้นางอดสักสองวัน”“ขอรับ”……ชายแดนใต้อู๋ไป๋ลอบเข้าไปในค่ายเป่ยเยี่ยน กลับสืบไม่รู้ตำแหน่งของปืนมังกรไฟหากยังอยู่ต่อไป เขาจะถูกจับได้ จึงต้องกลับมารายงานก่อนท่าทีเฟิ่งจิ่วเหยียนเคร่งขรึมสิ่งที่อันตรายที่สุดของเป่ยเยี่ยน ไม่ใช่รัชทายาทเยี่ยน แต่เป็นรัชทายาทเยี่ยนที่มีปืนมังกรไฟตอนนี้แคว้นหนานฉีอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้อื่น สามารถตอบโต้ได้ในระดับเล็กน้อยเท่านั้น ไม่กล้าที่จะใช้กำลังทหารทั้งหมด ก็เพราะสาเหตุนี้ดังนั้นเฟิ่งจิ่วเหยียนจึงมีความคิดที่กล้าหาญ“ไม่ได้!” เซียวอวี้ฟังแผนการของนางเสร็จ ก็ไม่เห็นด้วยขึ้นมาทันทีพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เราจะให้เจ้าไปเสี่ยงอันตรายไม่ได้!”เฟิ่งจิ่วเหยียนใจเย็นเหมือนปกติ แฝงไปด้วยความเพียรพยายามของนาง“เป่ยเยี่ยนแข็งแกร่งวางอำนาจบาตรใหญ่ได้ ก็เพราะอาศัย‘ปืนมังกรไฟ’“ก่อนหน้านี้มันถูกเป่ยเยี่ยนซ่อน
ที่สูงบนหุบเขามรณะเฉินจี๋กลับมาจากกองหน้า ยกมือประสานกราบทูลรายงาน“ฝ่าบาท! ทหารเยี่ยนเคลื่อน‘ปืนมังกรไฟ’ออกมาแล้ว ! ”ด้านข้างเซียวอวี้มีขุนพลยืนอยู่หลายคน หนึ่งในนั้น ซุนเต๋อฟางได้ยินคำพูดนี้ ก็รีบพูดกล่อมขึ้นมา“ฝ่าบาท ทั้งสองฝ่ายไม่ใช้พระแสงปืน ถึงจะสมดุล”“พวกเราให้ปืนหอกไฟ เป่ยเยี่ยนก็ต้องใช้‘ปืนมังกรไฟ’!”“ขอร้องท่านรีบมีรับสั่ง ถอนปืนหอกไฟกลับมา ! ”เซียวอวี้พูดขึ้นมาอย่างเด็ดขาด“เดินหน้าต่อไป!”ซุนเต๋อฟางถอดถอนหายใจเกรงว่ารัชทายาทเยี่ยนบ้าคลั่งคนนั้น ใช้ปืนมังกรไฟขึ้นมาจริง ๆ แล้วก็พินาศตายไปด้วยกัน!ก็มีขุนพลที่ไม่เห็นด้วยไม่มีผู้ใดไม่กลัวตาย“ปืนมังกรไฟ” ยิงขึ้นมา ภายในรัศมีหนึ่งร้อยลี้ ไร้คนรอด ระยะการยิงก็อยู่ภายในระยะสิบลี้ ตอนนี้ทหารเยี่ยนอยู่ห่างพวกเขาเพียงสิบกว่าลี้ ดังนั้นหากพวกเขาใช้ปืนมังกรไฟ ก็ล้วนอย่าคิดมีชีวิตรอดและแล้ว รอแล้วรอเล่า ก็ไม่เห็นได้ข่าวร้ายนี้ขึ้นมาจนหลังจากผ่านไปสี่ชั่วยาม ได้รับข่าวดีแห่งชัยชนะมาจากกองหน้า เหล่าขุนพลค่อยโล่งอกขึ้นมาจริง ๆ ……ศึกในหุบเขามรณะ ทหารเยี่ยนบาดเจ็บล้มตายกว่าครึ่ง เดิมควรที่จะล่าถอยออกมาจากหุบเขามรณ
ชะตาฟ้ากำหนด สีหน้าองค์หญิงหนานเจียงมองไปด้วยสายตาไม่อาจเชื่อ เต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจและความโกรธนางมาช้าไปเพียงหนึ่งวัน!หากนางนำเสบียงอาหารมาส่งเมื่อวาน ก็จะได้อภิเษกกับฮ่องเต้ฉีแล้ว!เมื่อครู่องค์หญิงหนานเจียงยังวางอำนาจบาตรใหญ่ข่มเหงคน คิดว่าตนเองมีอำนาจ เวลานี้เป็นเหมือนมะเขือโดนน้ำค้าง กลับไปด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยเฉินจี๋แอบปาดเหงื่อโชคดีที่เมื่อคืนฮองเฮามาทันเวลา ไม่เช่นนั้น ฝ่าบาทอาจจะได้กลายเป็นพระราชบุตรเขยของหนานเจียงแล้วแววตาเซียวอวี้ลึกล้ำเยือกเย็นองค์หญิงหนานเจียงคนนี้ พฤติกรรมเสียโดยกำเนิดจริง ๆ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร……“องค์หญิงหนานเจียง?” ภายในกระโจม เฟิ่งจิ่วเหยียนฟัง เซียวอวี้เล่าให้ฟังแล้วก็แปลกใจด้วยความไม่รู้ตัว นางได้พูดความในใจออกมา“ได้ยินมาว่านางเป็นคนหัวสูง ทำไมถึงได้ชอบท่าน?”เซียวอวี้: ?“เราด้อยตรงไหนกัน!” เขาไม่ควรเล่าเรื่องนี้ให้นางฟัง หาเรื่องให้ตนเองขายหน้าชัด ๆ!คนปกติไม่ควรที่จะพูดว่า องค์หญิงหนานเจียงไม่รู้จักเจียมตัวหรือ!เฟิ่งจิ่วเหยียนอธิบายขึ้นมาอย่างเชื่องช้า“ใช่ว่าท่านไม่ดีพอ ความจริงคือองค์หญิงหนานเจียงรักษาขนบธรรมเนียมเ
เฟิ่งจิ่วเหยียนสะดุ้งลุกขึ้นมานั่ง จ้องมองดูเซียวอวี้ด้วยสีหน้างุนงงเซียวอวี้ดูเหมือนไม่ง่วงเลย เอ่ยถามอย่างเรียบเฉย “ทำไมถึงตื่นแล้วล่ะ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนยกมือข้างหนึ่งกุมหน้าผาก“ทำไมท่านถึงยังไม่บรรทม?”“เรากำลังครุ่นคิดเรื่องที่จะบุกโจมตีในวันพรุ่งนี้”เฟิ่งจิ่วเหยียน: งั้นก็ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้นี่ตื่นขึ้นมากลางดึก หัวใจเต้นแทบไม่เป็นจังหวะ……กองกำลังค่ายทหารเป่ยเยี่ยนรัชทายาทเยี่ยนส่งคนมาสืบข่าว จึงได้รู้ว่าเสบียงอาหารแคว้นหนานฉีมาถึงแล้วมิน่าคืนนี้พวกเขามีแรงร้องเพลงอาลัย!แต่เส้นทางลำเลียงเสบียงของแคว้นหนานฉี ถูกทหารเยี่ยนควบคุมอยู่ เสบียงพวกนี้ขนส่งเข้ามาได้อย่างไร?ไม่นาน ผู้ใต้บังคับบัญชาก็ให้คำตอบ“รายงาน! รัชทายาท มีข่าวแจ้งมาว่า คนแคว้นฉียึดเส้นทางเสบียงอาหารกลับคืนไปแล้ว! ยังได้ฆ่าคนของเราทั้งหมด!”รัชทายาทเยี่ยนนั่งอยู่ด้านข้างเตียง สีหน้าดุร้าย เย็นชาใบหน้าของเขาที่แยกไม่ออกว่าเป็นหญิงหรือชายนั้น ฉายแววไอสังหารอย่างไม่ปกปิด“ค่ายทหารแคว้นหนานฉี ถูกทหารของเราควบคุม แล้วจะแย่งเส้นทางลำเลียงเสบียงไปได้อย่างไร!”พูดใต้บังคับบัญชารายงานต่อ“ในที่เกิดเหต
แคว้นหนานฉีกับเป่ยเยี่ยนสองกองทัพเผชิญหน้ากัน คั่นกลางด้วยหุบเขามรณะอันกว้างใหญ่หุบเขามรณะนี้เส้นทางขรุขระ ไม่มีใบหญ้าเติบโตตลอดทั้งปีหากฝ่ายใดสามารถข้ามผ่านหุบเขามรณะ ชัยชนะก็จะอยู่เพียงแค่เอื้อมแคว้นหนานฉีเฝ้าป้องกันเป็นหลัก เป่ยเยี่ยนกลับใช้วิธีสู้รบด้วยคนจำนวนมากเมื่อเทียบกันแล้ว เป่ยเยี่ยนได้เปรียบกว่าเฟิ่งจิ่วเหยียนกับเซียวอวี้ยืนอยู่ที่ลับ สามารถมองเห็นทหารเยี่ยน เข้าไปปักหลักในหุบเขามรณะแล้วลมในหุบเขาผสานไปด้วยไอร้อน เฟิ่งจิ่วเหยียนมองดูธงของทหารเยี่ยน พร้อมพูดขึ้นมาด้วยเสียงเย็นชา“อย่างน้อยก็ต้องถ่วงเวลาทหารเยี่ยนหนึ่งเดือน”เซียวอวี้หันมามองหน้านาง “หมายความว่าอย่างไร?”เฟิ่งจิ่วเหยียนอธิบายให้เขาฟัง“ก่อนที่จะคุมเสบียงอาหารมา ข้าได้ส่งคนไปยังเป่ยเยี่ยน“สาเหตุการศึกในครั้งนี้มาจากรัชทายาทเยี่ยน“คนที่สามารถควบคุมเขาได้ มีเพียงฮ่องเต้เยี่ยน”“เจ้าคิดอยากให้ฮ่องเต้เยี่ยน เรียกตัวรัชทายาทกลับไป?” เซียวอวี้ไม่เห็นด้วย “ฮ่องเต้เยี่ยนป่วยหนัก คงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ไม่เช่นนั้นคงไม่ให้รัชทายาทเยี่ยน นำทหารเยี่ยนสามแสนคนออกมาล้อเล่น”เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดในสิ่งท
เมื่อเห็นคนอยู่ตรงหน้า สีหน้าเซียวอวี้ไม่สงบใจเย็นเหมือนที่ผ่านมาดวงตาสีดำเข้มของเขาเบิกโต แล้วก็ยิ่งโต“ฮองเฮา! เจ้า...”เฉินจี๋ก็อึ้งตะลึงอย่างมากฮองเฮามาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?ทันใดนั้น ก็มีเงาร่างหนึ่งผ่านสายตาไปมองดูอีกที ฝ่าบาทได้ก้าวเดินไปแล้ว คว้าโอบกอดฮองเฮาไว้แนบอกเฉินจี๋เห็นดังนี้ ก็ถอยออกไปอย่างเงียบ ๆ เซียวอวี้กอดคนในอ้อมอกไว้แน่น สัมผัสความอบอุ่นของนางนี่เป็นการทำศึกที่ไม่มีความมั่นใจที่สุด เท่าที่เขาเคยต่อสู้มารัชทายาทเยี่ยนคนนั้น ไม่ทำตามกลยุทธ์ทางทหาร ใช้แต่แผนการชั่วช้าเฟิ่งจิ่วเหยียนกำลังเอื้อมมือผลักเขา ก็ได้ยินเสียงเขาพูดขึ้นมา “ให้เรากอดครู่หนึ่ง เรา...หนาว”ช่วงเดือนกันยายน เมืองหลวงอาจอากาศกำลังเริ่มเย็น ทว่าชายแดนใต้ไม่หนาว ยังร้อนด้วยซ้ำเฟิ่งจิ่วเหยียนผลักเขาออก“ทานอาหารก่อน”เขาไม่หิว ทว่านางหิวแล้วเมื่อคืนนางฆ่าทหารศัตรูไปมากมายทั้งคืน จึงสามารถแย่งเส้นทางส่งเสบียงมาได้กลางวันนี้ก็เร่งเดินทางนำเสบียงมาส่ง ไม่ได้หยุดพักเลยเซียวอวี้คิดขึ้นมาได้ทันที“พวกเขาให้เจ้าเป็นผู้มาส่งเสบียงได้อย่างไร!”สมควรตาย!แคว้นหนานฉีไม่มี
ด้วยความโกรธโมโห เฉินอ๋องฟาดนกในกรงไปที่พื้นนกที่อยู่ข้างในกระพือปีกบินออกไป บินชนที่ผนัง หมดสติหล่นตกพื้นเฉินอ๋องไม่มีความสงสาร ใช้เท้าเหยียบลงไป“ปืนหอกไฟนี้ เซียวอวี้หวงแหนอย่างมาก เพื่อไม่ให้มันถูกแคว้นศัตรูได้ไป ไม่ยอมให้ใครแตะต้อง อย่าว่าแต่ให้คนนำออกไปใช้ป้องกันตัวเลย”“ฮองเฮาสามารถนำไปได้อย่างไร?“รุ่ยอ๋องกับกรมศัสตราวุธ ยามนี้ไยพวกเขาไม่รักษากฎปฏิบัติของฮ่องเต้!“ทหาร ตามข้าไปจวนรุ่ยอ๋อง!”จวนรุ่ยอ๋องรุ่ยอ๋องคาดรู้ว่าเฉินอ๋องจะต้องมาก่อเรื่องวุ่นวายแต่แรก จึงเตรียมพร้อมรอแล้ว“ปืนหอกไฟหรือ? ข้าไม่รู้เรื่อง เฉินอ๋องรู้เรื่องได้อย่างไร?” รุ่ยอ๋องยิ้มแย้มอ่อนโยน ราวกับไม่เคยโกรธโมโหเฉินอ๋องตบโต๊ะอย่างขุ่นเคือง“เจ้าให้ฮองเฮานำปืนหอกไฟไป หากตกอยู่ในมือของแคว้นศัตรู ความผิดนี้ เจ้ารับผิดชอบไหวหรือไม่!“ตอนนี้รีบไปตามเอาปืนหอกไฟกลับมา!”รุ่ยอ๋องดื่มน้ำชาอยู่อย่างนิ่งสงบ“ข้ารู้แล้ว เรื่องนี้ ข้าจะสืบความให้แน่ชัด หากเป็นความจริง เช่นนั้นปืนหอกไฟ ยังไงก็ต้องเอากลับมา”เฉินอ๋องเห็นเขาใจเย็นเช่นนี้ ก็ร้อนใจอย่างยิ่ง “ส่งคนไปตามเดี๋ยวนี้เลย!”รุ่ยอ๋องพูดขึ้นมาอย่าง