แชร์

บทที่ 463

ผู้เขียน: อี้ซัวเยียนอวี่
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-12 16:43:04
ก่อนที่จะออกเดินทางขนส่งเสบียง อู๋ไป๋ได้สืบมาหมดแล้ว

เจ้าเมืองเมืองซี เป็นอุปสรรคหนึ่งในการขนส่งเสบียง

เขาอ้างการตรวจค้น แอบยึดเสบียงทหารไว้ส่วนหนึ่ง เป็นการกระทำที่น่ารังเกียจมาก

เฟิ่งจิ่วเหยียนบอกเป็นนัยให้องครักษ์นำหนังสือนำทางไปให้ดูก่อน

องครักษ์พูดกับทหารทางการที่เป็นหัวหน้า “พวกเราล้วนเป็นพ่อค้าสุจริต นี่คือศาสน์ของรุ่ยอ๋อง...”

ไม่คาดคิดว่า ทหารทางการกลับปัดศาสน์นำทางหล่นตก ด้วยท่าทีเย่อหยิ่ง

“คนของรุ่ยอ๋อง ก็ต้องทำตามกฎปฏิบัติ! มาถึงเมืองซี ก็ต้องทำตามกฎปฏิบัติของเมืองซี!”

องครักษ์ส่งเสียงดุขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

“บังอาจ! ศาสน์ของรุ่ยอ๋อง จะให้พวกเจ้าเมาทำไร้มารยาทเช่นนี้ไม่ได้!”

พัฟ!

ทหารทางการฟาดตบหน้าเขาหนึ่งที

“เจ้าต่างหากที่บังอาจ! เชื่อหรือไม่ เพียงข้าสั่งประโยคเดียว รับรองว่าพวกเจ้าออกจากประตูเมืองไม่ได้!”

คนที่ติดตามเฟิ่งจิ่วเหยียนนั้น ล้วนเป็นองครักษ์วังหลวง เป็นคนที่ฮ่องเต้ไว้วางใจ ก่อนที่ฮ่องเต้จะออกไปทำศึกได้ตรัสสั่งพวกเขาไว้ จะต้องคอยปกป้องฮองเฮาให้ดี ทุกอย่างล้วนฟังคำสั่งของนาง

เมื่อสัมผัสได้ถึงความไม่เป็นมิตรของอีกฝ่าย ปฏิกิริยาตามสัญชาตญาณของพวกเขาคือก
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (2)
goodnovel comment avatar
Ket Wichuma
จัดให้พวกมันหนักๆไปเลย
goodnovel comment avatar
Rapeepan Nanthachai
ตบเข่าฉาด มันต้องอย่างนี้สิลูกแม่
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 464

    ด้วยความโกรธโมโห เฉินอ๋องฟาดนกในกรงไปที่พื้นนกที่อยู่ข้างในกระพือปีกบินออกไป บินชนที่ผนัง หมดสติหล่นตกพื้นเฉินอ๋องไม่มีความสงสาร ใช้เท้าเหยียบลงไป“ปืนหอกไฟนี้ เซียวอวี้หวงแหนอย่างมาก เพื่อไม่ให้มันถูกแคว้นศัตรูได้ไป ไม่ยอมให้ใครแตะต้อง อย่าว่าแต่ให้คนนำออกไปใช้ป้องกันตัวเลย”“ฮองเฮาสามารถนำไปได้อย่างไร?“รุ่ยอ๋องกับกรมศัสตราวุธ ยามนี้ไยพวกเขาไม่รักษากฎปฏิบัติของฮ่องเต้!“ทหาร ตามข้าไปจวนรุ่ยอ๋อง!”จวนรุ่ยอ๋องรุ่ยอ๋องคาดรู้ว่าเฉินอ๋องจะต้องมาก่อเรื่องวุ่นวายแต่แรก จึงเตรียมพร้อมรอแล้ว“ปืนหอกไฟหรือ? ข้าไม่รู้เรื่อง เฉินอ๋องรู้เรื่องได้อย่างไร?” รุ่ยอ๋องยิ้มแย้มอ่อนโยน ราวกับไม่เคยโกรธโมโหเฉินอ๋องตบโต๊ะอย่างขุ่นเคือง“เจ้าให้ฮองเฮานำปืนหอกไฟไป หากตกอยู่ในมือของแคว้นศัตรู ความผิดนี้ เจ้ารับผิดชอบไหวหรือไม่!“ตอนนี้รีบไปตามเอาปืนหอกไฟกลับมา!”รุ่ยอ๋องดื่มน้ำชาอยู่อย่างนิ่งสงบ“ข้ารู้แล้ว เรื่องนี้ ข้าจะสืบความให้แน่ชัด หากเป็นความจริง เช่นนั้นปืนหอกไฟ ยังไงก็ต้องเอากลับมา”เฉินอ๋องเห็นเขาใจเย็นเช่นนี้ ก็ร้อนใจอย่างยิ่ง “ส่งคนไปตามเดี๋ยวนี้เลย!”รุ่ยอ๋องพูดขึ้นมาอย่าง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-12
  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 465

    เมื่อเห็นคนอยู่ตรงหน้า สีหน้าเซียวอวี้ไม่สงบใจเย็นเหมือนที่ผ่านมาดวงตาสีดำเข้มของเขาเบิกโต แล้วก็ยิ่งโต“ฮองเฮา! เจ้า...”เฉินจี๋ก็อึ้งตะลึงอย่างมากฮองเฮามาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?ทันใดนั้น ก็มีเงาร่างหนึ่งผ่านสายตาไปมองดูอีกที ฝ่าบาทได้ก้าวเดินไปแล้ว คว้าโอบกอดฮองเฮาไว้แนบอกเฉินจี๋เห็นดังนี้ ก็ถอยออกไปอย่างเงียบ ๆ เซียวอวี้กอดคนในอ้อมอกไว้แน่น สัมผัสความอบอุ่นของนางนี่เป็นการทำศึกที่ไม่มีความมั่นใจที่สุด เท่าที่เขาเคยต่อสู้มารัชทายาทเยี่ยนคนนั้น ไม่ทำตามกลยุทธ์ทางทหาร ใช้แต่แผนการชั่วช้าเฟิ่งจิ่วเหยียนกำลังเอื้อมมือผลักเขา ก็ได้ยินเสียงเขาพูดขึ้นมา “ให้เรากอดครู่หนึ่ง เรา...หนาว”ช่วงเดือนกันยายน เมืองหลวงอาจอากาศกำลังเริ่มเย็น ทว่าชายแดนใต้ไม่หนาว ยังร้อนด้วยซ้ำเฟิ่งจิ่วเหยียนผลักเขาออก“ทานอาหารก่อน”เขาไม่หิว ทว่านางหิวแล้วเมื่อคืนนางฆ่าทหารศัตรูไปมากมายทั้งคืน จึงสามารถแย่งเส้นทางส่งเสบียงมาได้กลางวันนี้ก็เร่งเดินทางนำเสบียงมาส่ง ไม่ได้หยุดพักเลยเซียวอวี้คิดขึ้นมาได้ทันที“พวกเขาให้เจ้าเป็นผู้มาส่งเสบียงได้อย่างไร!”สมควรตาย!แคว้นหนานฉีไม่มี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-12
  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 466

    แคว้นหนานฉีกับเป่ยเยี่ยนสองกองทัพเผชิญหน้ากัน คั่นกลางด้วยหุบเขามรณะอันกว้างใหญ่หุบเขามรณะนี้เส้นทางขรุขระ ไม่มีใบหญ้าเติบโตตลอดทั้งปีหากฝ่ายใดสามารถข้ามผ่านหุบเขามรณะ ชัยชนะก็จะอยู่เพียงแค่เอื้อมแคว้นหนานฉีเฝ้าป้องกันเป็นหลัก เป่ยเยี่ยนกลับใช้วิธีสู้รบด้วยคนจำนวนมากเมื่อเทียบกันแล้ว เป่ยเยี่ยนได้เปรียบกว่าเฟิ่งจิ่วเหยียนกับเซียวอวี้ยืนอยู่ที่ลับ สามารถมองเห็นทหารเยี่ยน เข้าไปปักหลักในหุบเขามรณะแล้วลมในหุบเขาผสานไปด้วยไอร้อน เฟิ่งจิ่วเหยียนมองดูธงของทหารเยี่ยน พร้อมพูดขึ้นมาด้วยเสียงเย็นชา“อย่างน้อยก็ต้องถ่วงเวลาทหารเยี่ยนหนึ่งเดือน”เซียวอวี้หันมามองหน้านาง “หมายความว่าอย่างไร?”เฟิ่งจิ่วเหยียนอธิบายให้เขาฟัง“ก่อนที่จะคุมเสบียงอาหารมา ข้าได้ส่งคนไปยังเป่ยเยี่ยน“สาเหตุการศึกในครั้งนี้มาจากรัชทายาทเยี่ยน“คนที่สามารถควบคุมเขาได้ มีเพียงฮ่องเต้เยี่ยน”“เจ้าคิดอยากให้ฮ่องเต้เยี่ยน เรียกตัวรัชทายาทกลับไป?” เซียวอวี้ไม่เห็นด้วย “ฮ่องเต้เยี่ยนป่วยหนัก คงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ไม่เช่นนั้นคงไม่ให้รัชทายาทเยี่ยน นำทหารเยี่ยนสามแสนคนออกมาล้อเล่น”เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดในสิ่งท

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-12
  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 467

    เฟิ่งจิ่วเหยียนสะดุ้งลุกขึ้นมานั่ง จ้องมองดูเซียวอวี้ด้วยสีหน้างุนงงเซียวอวี้ดูเหมือนไม่ง่วงเลย เอ่ยถามอย่างเรียบเฉย “ทำไมถึงตื่นแล้วล่ะ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนยกมือข้างหนึ่งกุมหน้าผาก“ทำไมท่านถึงยังไม่บรรทม?”“เรากำลังครุ่นคิดเรื่องที่จะบุกโจมตีในวันพรุ่งนี้”เฟิ่งจิ่วเหยียน: งั้นก็ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้นี่ตื่นขึ้นมากลางดึก หัวใจเต้นแทบไม่เป็นจังหวะ……กองกำลังค่ายทหารเป่ยเยี่ยนรัชทายาทเยี่ยนส่งคนมาสืบข่าว จึงได้รู้ว่าเสบียงอาหารแคว้นหนานฉีมาถึงแล้วมิน่าคืนนี้พวกเขามีแรงร้องเพลงอาลัย!แต่เส้นทางลำเลียงเสบียงของแคว้นหนานฉี ถูกทหารเยี่ยนควบคุมอยู่ เสบียงพวกนี้ขนส่งเข้ามาได้อย่างไร?ไม่นาน ผู้ใต้บังคับบัญชาก็ให้คำตอบ“รายงาน! รัชทายาท มีข่าวแจ้งมาว่า คนแคว้นฉียึดเส้นทางเสบียงอาหารกลับคืนไปแล้ว! ยังได้ฆ่าคนของเราทั้งหมด!”รัชทายาทเยี่ยนนั่งอยู่ด้านข้างเตียง สีหน้าดุร้าย เย็นชาใบหน้าของเขาที่แยกไม่ออกว่าเป็นหญิงหรือชายนั้น ฉายแววไอสังหารอย่างไม่ปกปิด“ค่ายทหารแคว้นหนานฉี ถูกทหารของเราควบคุม แล้วจะแย่งเส้นทางลำเลียงเสบียงไปได้อย่างไร!”พูดใต้บังคับบัญชารายงานต่อ“ในที่เกิดเหต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-12
  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 468

    ชะตาฟ้ากำหนด สีหน้าองค์หญิงหนานเจียงมองไปด้วยสายตาไม่อาจเชื่อ เต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจและความโกรธนางมาช้าไปเพียงหนึ่งวัน!หากนางนำเสบียงอาหารมาส่งเมื่อวาน ก็จะได้อภิเษกกับฮ่องเต้ฉีแล้ว!เมื่อครู่องค์หญิงหนานเจียงยังวางอำนาจบาตรใหญ่ข่มเหงคน คิดว่าตนเองมีอำนาจ เวลานี้เป็นเหมือนมะเขือโดนน้ำค้าง กลับไปด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยเฉินจี๋แอบปาดเหงื่อโชคดีที่เมื่อคืนฮองเฮามาทันเวลา ไม่เช่นนั้น ฝ่าบาทอาจจะได้กลายเป็นพระราชบุตรเขยของหนานเจียงแล้วแววตาเซียวอวี้ลึกล้ำเยือกเย็นองค์หญิงหนานเจียงคนนี้ พฤติกรรมเสียโดยกำเนิดจริง ๆ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร……“องค์หญิงหนานเจียง?” ภายในกระโจม เฟิ่งจิ่วเหยียนฟัง เซียวอวี้เล่าให้ฟังแล้วก็แปลกใจด้วยความไม่รู้ตัว นางได้พูดความในใจออกมา“ได้ยินมาว่านางเป็นคนหัวสูง ทำไมถึงได้ชอบท่าน?”เซียวอวี้: ?“เราด้อยตรงไหนกัน!” เขาไม่ควรเล่าเรื่องนี้ให้นางฟัง หาเรื่องให้ตนเองขายหน้าชัด ๆ!คนปกติไม่ควรที่จะพูดว่า องค์หญิงหนานเจียงไม่รู้จักเจียมตัวหรือ!เฟิ่งจิ่วเหยียนอธิบายขึ้นมาอย่างเชื่องช้า“ใช่ว่าท่านไม่ดีพอ ความจริงคือองค์หญิงหนานเจียงรักษาขนบธรรมเนียมเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-12
  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 469

    ที่สูงบนหุบเขามรณะเฉินจี๋กลับมาจากกองหน้า ยกมือประสานกราบทูลรายงาน“ฝ่าบาท! ทหารเยี่ยนเคลื่อน‘ปืนมังกรไฟ’ออกมาแล้ว ! ”ด้านข้างเซียวอวี้มีขุนพลยืนอยู่หลายคน หนึ่งในนั้น ซุนเต๋อฟางได้ยินคำพูดนี้ ก็รีบพูดกล่อมขึ้นมา“ฝ่าบาท ทั้งสองฝ่ายไม่ใช้พระแสงปืน ถึงจะสมดุล”“พวกเราให้ปืนหอกไฟ เป่ยเยี่ยนก็ต้องใช้‘ปืนมังกรไฟ’!”“ขอร้องท่านรีบมีรับสั่ง ถอนปืนหอกไฟกลับมา ! ”เซียวอวี้พูดขึ้นมาอย่างเด็ดขาด“เดินหน้าต่อไป!”ซุนเต๋อฟางถอดถอนหายใจเกรงว่ารัชทายาทเยี่ยนบ้าคลั่งคนนั้น ใช้ปืนมังกรไฟขึ้นมาจริง ๆ แล้วก็พินาศตายไปด้วยกัน!ก็มีขุนพลที่ไม่เห็นด้วยไม่มีผู้ใดไม่กลัวตาย“ปืนมังกรไฟ” ยิงขึ้นมา ภายในรัศมีหนึ่งร้อยลี้ ไร้คนรอด ระยะการยิงก็อยู่ภายในระยะสิบลี้ ตอนนี้ทหารเยี่ยนอยู่ห่างพวกเขาเพียงสิบกว่าลี้ ดังนั้นหากพวกเขาใช้ปืนมังกรไฟ ก็ล้วนอย่าคิดมีชีวิตรอดและแล้ว รอแล้วรอเล่า ก็ไม่เห็นได้ข่าวร้ายนี้ขึ้นมาจนหลังจากผ่านไปสี่ชั่วยาม ได้รับข่าวดีแห่งชัยชนะมาจากกองหน้า เหล่าขุนพลค่อยโล่งอกขึ้นมาจริง ๆ ……ศึกในหุบเขามรณะ ทหารเยี่ยนบาดเจ็บล้มตายกว่าครึ่ง เดิมควรที่จะล่าถอยออกมาจากหุบเขามรณ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-12
  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 470

    หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม รุ่ยอ๋องออกมาจากห้องลับ คิ้วที่อ่อนโยนถูกปกคลุมด้วยสีหม่นหมองเล็กน้อย บนคอยังมีรอยข่วนแดงหลายแผลหลิวหวา รีบก้มศีรษะลงอย่างเคารพนอบน้อมรุ่ยอ๋องจัดรอยยับบนเสื้อผ้า น้ำเสียงยังคงสงบสุขุม“นางไม่อยากทาน ก็ให้นางอดสักสองวัน”“ขอรับ”……ชายแดนใต้อู๋ไป๋ลอบเข้าไปในค่ายเป่ยเยี่ยน กลับสืบไม่รู้ตำแหน่งของปืนมังกรไฟหากยังอยู่ต่อไป เขาจะถูกจับได้ จึงต้องกลับมารายงานก่อนท่าทีเฟิ่งจิ่วเหยียนเคร่งขรึมสิ่งที่อันตรายที่สุดของเป่ยเยี่ยน ไม่ใช่รัชทายาทเยี่ยน แต่เป็นรัชทายาทเยี่ยนที่มีปืนมังกรไฟตอนนี้แคว้นหนานฉีอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้อื่น สามารถตอบโต้ได้ในระดับเล็กน้อยเท่านั้น ไม่กล้าที่จะใช้กำลังทหารทั้งหมด ก็เพราะสาเหตุนี้ดังนั้นเฟิ่งจิ่วเหยียนจึงมีความคิดที่กล้าหาญ“ไม่ได้!” เซียวอวี้ฟังแผนการของนางเสร็จ ก็ไม่เห็นด้วยขึ้นมาทันทีพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เราจะให้เจ้าไปเสี่ยงอันตรายไม่ได้!”เฟิ่งจิ่วเหยียนใจเย็นเหมือนปกติ แฝงไปด้วยความเพียรพยายามของนาง“เป่ยเยี่ยนแข็งแกร่งวางอำนาจบาตรใหญ่ได้ ก็เพราะอาศัย‘ปืนมังกรไฟ’“ก่อนหน้านี้มันถูกเป่ยเยี่ยนซ่อน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-12
  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 471

    เมื่อรัชทายาทเยี่ยนออกคำสั่ง องครักษ์ก็ชักดาบเผชิญหน้ากับเฟิ่งจิ่วเหยียนทว่ายามที่กำลังจะเข้าโจมตี กลับเห็นนางโยนอะไรบางอย่างลงบนพื้น ทันใดนั้นหมอกควันสีขาวก็พวยพุ่งออกมาหมอกควันนี้บดบังสายตาของพวกเขา ทำให้พวกเขามองเห็นไม่ชัดรอจนกระทั่งควันถูกพัดออกไป เฟิ่งจิ่วเหยียนก็หนีไปนานแล้วคนที่จากไปไกลยังคงส่งเสียงผ่านอากาศไปถึงรัชทายาทเยี่ยนว่า“ในเมื่อองค์รัชทายาทไม่มีใจจะเป็นพันธมิตรกัน เช่นนั้นพวกเราก็จะไม่เกรงใจเรื่อง ‘ปืนมังกรไฟ’ แล้ว”รัชทายาทเยี่ยนพุ่งออกไปนอกกระโจมด้วยสายตาดำทะมึน เขามองไปรอบทิศ พบเพียงความมืดมิดไหนเลยจะมีเงาร่างของราชทูตหนานเจียง!ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความโกรธ “ตามไป! จับคนกลับมาให้ได้! อยู่ต้องเห็นคน ตายต้องเห็นศพ!”“พ่ะย่ะค่ะ”จากนั้นเขาก็คว้าตัวองครักษ์ที่ตนเชื่อใจมาแล้วกล่าวเสียงเบา“เจ้าไปดูด้านหลังด้วยตนเอง หากมีผิดพลาดกับ ‘ปืนมังกรไฟ’ แม้แต่น้อย ข้าจะลงโทษเจ้าประหารเก้าชั่วโคตร!”องครักษ์รับคำสั่งทันทีหารู้ไม่ว่า ทันทีที่เขาเพิ่งเดินออกไป เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ตามไปอย่างเงียบ ๆ แล้วนางไม่ได้จากไป เพียงแอบซุ่มหลบอยู่เท่านั้นแผนโยนหินถามทางตอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-12

บทล่าสุด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 684

    เจียงหลินจ้องมองอู๋เซียงตาเขม็ง--- บุรุษผู้นั้นที่มองดูแสนธรรมดา หากอยู่ท่ามกลางฝูงชนก็จะหาไม่พบทันที“ในเวลานั้น ครั้งแรกที่ก่อตั้งกลุ่มพันธมิตรอู่หลิน ในยุทธภพปรากฏหัวโจกโฉดชั่วอยู่สามคน อู๋เซียงก็คือลูกพี่ใหญ่ในกลุ่มของพวกเขา“พวกเขาเป็นศิษย์นอกของเส้าหลิน ทำความชั่วสารพัด ทั้งวางเพลิง ฆ่าคน ข่มขืน และปล้นสะดม เพื่อกำจัดทั้งสามคนนี้ กลุ่มพันธมิตรอู่หลินจึงตัดสินใจจะต่อสู้กันที่ภูเขาฉงหัว “ในการต่อสู้ครั้งนั้น ชาวพันธมิตรอู่หลินได้ร่วมมือกัน และสังหารคนโฉดชั่วได้สองคน ทว่าวิทยายุทธ์ของอู๋เซียงนั้นแข็งแกร่ง จึงหลบหนีไปได้“การต่อสู้ครั้งนั้นซูฮ่วนได้รับบาดเจ็บสาหัส อีกทั้งไม่กี่วันต่อมา อู๋เซียงก็ลักพาตัวภรรยาที่เพิ่งแต่งงานของตงฟางซื่อไป...”แม้ผ่านมาหลายปี เมื่อเจียงหลินนึกถึงความทรงจำในช่วงนั้นอีก ก็ยังรู้สึกขนลุกเขาต่างจากคนเหลาะแหละในเวลาปกติ หลังจากกลั้นหายใจไม่กี่อึดใจ ก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า“เขาแยกร่างฮูหยินตงฟางออกเป็นหลายส่วน ในแต่ละวันจะส่งมาให้หนึ่งชิ้น จนทำให้ตงฟางซื่อแทบจะคลุ้มคลั่ง“ภายหลัง ซูฮ่วนหาอู๋เซียงจนพบ ไม่มีผู้ใดรู้รายละเอียดการต่อสู้ระหว่างซูฮ่วนก

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 683

    คนกลุ่มหนึ่งตะโกนเสียงดัง“ให้เขาดู! ให้เขาดู!”“บ้าเอ๊ย พวกเราตั้งหลายคนเดิมพันให้เขาชนะ หากเขายอมแพ้ พวกเราก็ต้องเสียเงินย่อยยับ!”“พาติงหยวนเอ๋อร์ออกมา ข้าก็อยากดูเช่นกัน หญิงสาวผู้นั้นมีชีวิตอยู่หรือตายกันแน่!”คำพูดของเฟิ่งจิ่วเหยียน ทำให้ผู้คนเริ่มกระวนกระวายผู้ประกาศจึงรีบเกลี้ยกล่อมพวกเขา“ทุกท่าน ทุกท่าน! อดทนหน่อยอย่าเพิ่งใจร้อน!“ข้าขอรับรองกับพวกท่าน คนจะต้องมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน...”เฟิ่งจิ่วเหยียนดูนิ่งเฉยและแน่วแน่“หากไม่เห็นติงหยวนเอ๋อร์ ข้าก็ล้มเลิกการประลอง”หลังจากนางประลองจบแล้วสองรอบ คนที่เดิมพันว่านางชนะก็ยิ่งมีมากขึ้น หากตอนนี้นางถอนตัวออกจากการประลอง จะทำให้ผลประโยชน์ของพวกเขาเสียหายพวกเขาจึงตะโกนพร้อมกัน“พาติงหยวนเอ๋อร์ออกมา!”“ใช่ มิเช่นนั้นพวกเราจะขอเงินคืน!!!”เสียงตะโกนของผู้คนเกือบพันคนในสนาม ทำให้สีหน้าท่าทางของผู้ประกาศดูลนลานเขาออกจากสนามอย่างเงียบ ๆ และเข้าไปทางประตูลับ เพื่อไปขอคำชี้แนะผ่านไปไม่นาน เขาก็ออกมา“ได้ นายท่านของเราบอกว่า ให้พาติงหยวนเอ๋อร์ออกมาก่อนได้ เพื่อให้ทุกท่านได้เห็นว่า นางมีชีวิตอยู่หรือตาย! ทว่าทุกท่านต้อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 682

    เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่เอาแต่หลบเพื่อป้องกันตัวอีกต่อไป และเปลี่ยนมาเป็นโจมตีแบบประชิดทันใดนั้นก็เห็นนางทำเหมือนกับ “ค้างคาวเลือด” ที่ชื่อเกาหยวนก่อนหน้านี้ ปีนขึ้นไปบนกรงเหล็กและพลิกกลับลงมาหมัดของคู่ต่อสู้โจมตีมา ทว่ากลับถูกนางคว้าข้อมือเอาไว้ได้ โดยใช้น้ำหนักของทั้งร่างกายกดลงไปเต็มแรง และทำลายวิชาหมัดมวยของคู่ต่อสู้ ในเวลาเดียวกัน ยังทำให้กระดูกข้อมือของเขาหลุดออก จากนั้นแค่บิดเบา ๆ ก็พลิกเส้นไหมสังหารกลับไปคล้องที่คอของเขา พร้อมกับออกแรงรัดเอาไว้...ในชั่วพริบตา สายตาของผู้ชมที่อยู่ข้างสนามต่างจับจ้องตาไม่กะพริบ รอว่าศีรษะคนจะหล่นลงพื้นไม่ว่าจะเป็นศีรษะของผู้ใดก็ได้ทั้งนั้น!ทว่า เฟิ่งจิ่วเหยียนเหลือบมองผู้คนที่อยู่ข้างสนามแวบหนึ่ง นางแค่รัดคอคู่ต่อสู้ให้หมดสติชั่วคราวเท่านั้นข้างสนามมีเสียงแสดงความไม่พอใจดังขึ้นมา“ฆ่ามันเลย! ฆ่ามันเลย!”“บ้าเอ๊ย! ข้าพนันว่าเจ้าชนะ มิใช่ให้เจ้ามาทำตัวเป็นพระโพธิสัตว์!”เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่สนใจคนพวกนั้น และมองไปทางผู้ประกาศบนสนามประลองยุทธ์อย่างเฉยชา“คนต่อไป”ผู้ประกาศมองดูนาง และเผยให้เห็นรอยยิ้มที่มีความหมายลึกซึ้งเขาประกาศว่า: “ผู้รั

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 681

    หลังจากที่เหลิ่งเซียนเอ๋อร์ถูกคนรับตัวไว้ นางก็รีบหันกลับมาในทันทีภายใต้สถานการณ์ที่มิรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นศัตรูหรือเป็นมิตร นางจึงเตรียมการป้องกันอย่างระแวดระวัง โดยจะใช้มือแทนมีดทว่า วินาทีที่หันกลับมา และเห็นผู้ที่มา มือของนางก็คลายลงทันที...ซูฮ่วน! เป็นเขาได้อย่างไร!เฟิ่งจิ่วเหยียนประคองหลังของนาง และช่วยให้นางลงมายืนบนพื้นอย่างมั่นคงขอบตาของเหลิ่งเซียนเอ๋อร์พลันเปลี่ยนเป็นแดงก่ำนางนึกไม่ถึงว่า ซูฮ่วนจะทะยานลงมาจากฟ้าอย่าว่าแต่นางเลย เซียวอวี้กับเจียงหลินก็นึกไม่ถึงเช่นกันว่า เดิมทีคนที่ยืนอยู่ข้างพวกเขา จะหายไปในชั่วพริบตา!เซียวอวี้รีบกระโดดตามลงมา และเดินมาอยู่ด้านข้างของเฟิ่งจิ่วเหยียนธูปบนเวทีเพิ่งจะถูกเผาไหม้ไปเพียงครึ่งเดียวทว่าบรรดาคนที่ท้าประลองเหล่านั้นราวกับมวลน้ำมหาศาล ราวกับตั๊กแตนก็มิปานพวกเขามิอาจถอยหนีได้คนของสำนักเฉวียนเจินเหล่านี้ก็มิอาจขวางทางพวกเขาได้ และคนส่วนใหญ่ก็ได้รับบาดเจ็บแล้วจักต้องยับยั้งทั้งหมดนี้!เฟิ่งจิ่วเหยียนปล่อยเหลิ่งเซียนเอ๋อร์ และทะยานขึ้นไปบนเวทีโดยมิสนใจการขัดขวางของเซียวอวี้ดวงตาคู่งามของเหลิ่งเซียนเอ๋อร์เบิกกว้าง มิ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 680

    เฟิ่งจิ่วดหยียนถลึงตาใส่เจียงหลินอย่างเย็นชา “พูดเหลวไหลอะไร?”เจียงหลินกลัวว่านางจะลงไม้ลงมือ จึงเดินอ้อมไปอยู่ข้าง ๆ เซียวอวี้ล่วงหน้า“มีอะไรให้ปฏิเสธ? เรื่องราวรัก ๆ ใคร่ ๆ ของชายหนึ่งหญิงสองอย่างเหลิ่งเซียนเอ๋อร์กับหร่วนฝูอวี้ มีใครไม่รู้บ้าง?“หากไม่ใช่เพราะหร่วนฝูอวี้เอาเรื่องที่อยู่ของเหลิ่งเซียนเอ๋อร์ไปบอกเจ้าสำนักเฉวียนเจิน จนนางถูกเจ้าสำนักจับตัวกลับไป เจ้าก็คงได้สุขสำราญพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว!“คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ นางอายุน้อยขนาดนี้ ก็ได้เป็นรองเจ้าสำนักแล้ว!”เซียวอวี้หน้าอึมครึม มือกำหมัดแน่นชายหนึ่งหญิงสองงั้นหรือแม่ทัพน้อยของเขา ช่างเนื้อหอมจริง ๆหากนางเป็นบุรุษจริง คงเป็นของคนอื่นไปนานแล้วไม่สิ…หากนางเป็นผู้ชาย เขาก็คงไม่ใส่ใจแล้ว!เกือบจะเคลิ้มไปด้วย เซียวอวี้จึงตั้งสติเฟิ่งจิ่วเหยียนกระแอมไอแล้วเอ่ยเสียงต่ำ“เจียงหลิน ชื่อเสียงของคนอื่นเสียหายเพราะเจ้าหมดแล้ว ถ้าเจ้ายังปากมากอีก ข้าจะฉีกมันทิ้งซะ”เจียงหลินรีบหุบปากทันทีแต่ในใจก็ยังไม่ยอมเขาไม่ได้พูดอะไรผิดเสียหน่อยตอนนั้นเหลิ่งเซียนเอ๋อร์ คิดจะหนีออกมาจากสำนักเฉวียนเจินเพราะซูฮ่วนด้วยซ้ำ นางใ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 679

    ขณะที่หนึ่งก้านธูปกำลังจะดับ ลูกศิษย์สำนักเฉวียนเจินคนหนึ่งชักกระบี่ที่เสียบอยู่ข้างเอวออก แล้วขึ้นไปบนเวทีนี่อยู่ในความคาดหมายของทุกคนเจียงหลินพอจะรู้จัก จึงพูดแนะนำว่า“นั่นคือหนึ่งในศิษย์ทั้งหกของสำนักเฉวียนเจิน ผู้มีวิชา ‘กระบี่ล่าชีวิต’——ฟางหมิ่น วิชากระบี่ของนางไร้เงาไร้รูปร่าง รวดเร็วดั่งสายลม”เฟิ่งจิ่วเหยียนเองก็เคยได้ยิน ‘วิชากระบี่ล่าชีวิต” นี้มาเหมือนกันจุดเด่นคือการโจมตีอย่างว่องไว รูปร่างและพรสวรรค์ของนักกระบี่ล้วนเป็นตัวกำหนดในการฝึกฝนวิชานี้เซียวอวี้ไม่เห็นด้วยกับฟางหมิ่น พูดเสียงเย็นชา“ไม่สามารถนำอาวุธขึ้นประลองได้อยู่ดี ต่อให้กระบี่เร็วแค่ไหนแล้วจะมีประโยชน์อะไร”เจียงหลินหมดหนทางจะช่วย“คงได้แต่หวังว่า เกาหยวนจะเป็นคนทะนุถนอมผู้หญิงล่ะนะ”ฟางหมิ่นก้าวเดินอย่างมั่นคงไม่เร่งรีบ ยามที่เข้ามาในกรง ศิษย์คนอื่นในสำนักเฉวียนเจินก็ข่มขวัญคู่ต่อสู้แทนนาง“ศิษย์พี่ ฆ่าไอ้โจรระยำนั่นซะ!”“ศิษย์น้อง ตั้งรับเป็นหลัก โจมตีเป็นรอง!”ฟางหมิ่นใส่ผ้าคลุมหน้า แม้นไม่มีกระบี่คู่ใจอยู่ในมือ ดวงตาทั้งสองข้างก็ยังทอแววเด็ดเดี่ยวมีพลังภายในกรงเหล็ก เกาหยวนมองประเมินนางด้

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 678

    เฟิ่งจิ่วเหยียนเห็นกับตา ในกรงนั้น คนตัวผอมกัดหน้าของคู่ต่อสู้จนเนื้อหลุด ไม่ว่าอีกฝ่ายจะดิ้นอย่างไร เขาก็ขี่อยู่บนตัวของอีกฝ่ายไม่รามือกัดหน้าไม่พอ ยังกัดหู จมูก รวมถึงควักลูกตาของอีกฝ่ายเป็น ๆ อย่างต่อเนื่อง…ภาพเหตุการณ์นองเลือด ดำเนินในเวลาสั้น ๆ เพียงสองถ้วยชาทว่า เสียงโห่ร้องข้างสนามกลับดังขึ้นมาไม่ขาดสาย เหมือนคลื่นทะเล  กลบพวกเฟิ่งจิ่วเหยียนจนมิดนางพลันหูชาในชั่ววินาทีนั้น ไม่ได้ยินเสียงคนรอบข้างได้ยินเพียงเสียงปรบมือและโห่แซวอย่างบ้าคลั่งเซียวอวี้เคยเห็นความโหดร้ายนองเลือดของสนามรบ และเคยเห็นภัยอดยากขายลูกกิน ทั้งยังเคยเห็นเหล่าคนร้ายในเจดีย์เก้าชั้นกินศพซึ่งคนเหล่านั้นทำเพื่อความอยู่รอด สามารถพูดได้ว่า ถูกบีบจนไร้ทางเลือกแต่ในตอนนี้ คนตัวผอมกัดคู่ต่อสู้สด ๆ  เพียงเพื่ออยากชนะสิ่งที่ทำให้เขาทำตัวไม่ถูก คือผู้ชมเหล่านั้นพวกเขาหล่อหลอมให้คนชอบฆ่าแกงเป็นชีวิตจิตใจเซียวอวี้จับมือเฟิ่งจิ่วเหยียนแน่นกว่าเดิมไม่ว่าอย่างไร ก็ทนมองนางเข้าไปเสี่ยงในสถานการณ์อันตรายต่อหน้าต่อตาไม่ได้ติงหยวนเอ๋อร์ พวกเขาจะไม่ช่วยแล้ว!หยางเหลียนซั่ว อยากไปไหนก็ไปเถิด!เซียวอวี้อ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 677

    บนเวทีประลอง ชายหนุ่มรูปร่างเตี้ยตะโกนเสียงดัง“ทุกท่าน ก่อนที่การประลองในค่ำคืนนี้จะเริ่มขึ้น มีข้อกำหนดอยู่ไม่กี่ข้อ ข้อแรก เมื่อใดที่ขึ้นมาบนเวทีประลอง ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย เรารู้จักแค่แพ้กับชนะ กฎที่นี่ ไม่มีถอนตัวกลางคัน!“ข้อสอง การประลองเป็นแบบหนึ่งต่อหนึ่ง ห้ามพกพาอาวุธลงสนาม อาศัยความสามารถจริง ๆ เท่านั้น“ส่วนข้อสาม…”เสียงพูดมาถึงตรงนี้ ชายหนุ่มก็ส่งสัญญาณไปทางข้างบนต่อมา ก็มีเสียงต่อสู้ดังขึ้นมาจากชั้นเจ็ดทว่าครู่ต่อมา บุรุษชุดดำก็ถูกผลักลงมาจากที่สูง หล่นลงบนพื้นเวทีประลองอย่างรุนแรง จนเลือดกระเด็น!ชายหนุ่มรูปร่างเตี้ยไม่สะทกสะท้าน พูดกับทุกคนต่อว่า“ส่วนข้อสาม  คนของทางการ ห้ามเข้ามาภายในเด็ดขาด หากถูกจับได้ ตายสถานเดียว! ผู้ใดแจ้งเบาะแส  จะได้รับรางวัลตอบแทน!“พวกเจ้า มาลากเจ้าหน้าที่ทางการผู้นี้ออกไปให้หมาจรจัดกิน!”เขาชี้ไปยัง บุรุษชุดดำที่ถูกโยนตกลงมาเมื่อครู่ผู้ชมต่างโห่ร้อง“ดี!”“ดี!”สายตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนพลันอึมครึม ทอดมองไปยังศพของเจ้าหน้าที่ทางการผู้นั้นแม้แต่เจ้าหน้าที่ทางการยังกล้าฆ่า! เซียวอวี้ขมวดคิ้วแน่น เมืองไท่ชางที่ขึ้นชื่อเรื่องความ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 676

    เจ็ดวันต่อมาณ เมืองไท่ชางกลุ่มของเฟิ่งจิ่วเหยียนเข้าพักในโรงพักแรมทันทีที่เข้ามาในโรงพักแรม นางก็เห็นคนคุ้นตาคนผู้นั้นอยู่ในชุดไหมสีแดง กำลังพูดคุยกับคนที่นั่งร่วมโต๊ะอย่างสนุกสนาน ขณะที่อีกฝ่ายบังเอิญเงยหน้าขึ้นมา ก็จำหน้ากากเงินของนางได้ เจียงหลินสวมใส่ชุดแดง ดูสะดุดตาท่ามกลางผู้คนอย่างมากเฟิ่งจิ่วเหยียนก้าวถอยหลังโดยพลันทำไมถึงมาเจอเจ้านี้อีกแล้ว นี่มันบุพเพอาละวาดชัด ๆ ให้ตายสิ…ชั่วขณะนั้น เหมือนเจียงหลินจะเห็นคนไร้หัวใจที่ทอดทิ้งตัวเอง พลันลุกขึ้นมา ตะโกนท่ามกลางผู้คนว่า “ซูฮ่วน! ข้าเห็นเจ้าแล้ว! เจ้าไม่ต้องหลบ!”เฟิ่งจิ่วเหยียน: นางไม่ได้หลบเสียหน่อยเจียงหลินเดินพรดพราดเข้ามา จับแขนของนางเอาไว้ “เจ้ากับซ่งหลีนี่แน่จริง ๆ ไปไหนก็ไม่คิดจะบอกกล่าว รู้ไหมว่าข้าตามหาพวกเจ้านานแค่ไหน!”น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความน้อยใจ ความจริงแล้ว เขาเองก็ไม่ได้มุ่งมั่นตามหาพวกเขาเหมือนกันเขามีฐานะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลเจียง จึงมีเรื่องให้จัดการมากมายในชีวิตประจำวัน ที่กล่าวถ้อยคำนี้ออกมา ก็แค่อยากให้ซูฮ่วนรู้สึกผิด และช่วยเบิกทางค้าขายให้เขาขณะที่กำลังพูด เขาพลันรู้สึกได้ถึงไ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status