แชร์

บทที่ 470

ผู้เขียน: อี้ซัวเยียนอวี่
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม รุ่ยอ๋องออกมาจากห้องลับ คิ้วที่อ่อนโยนถูกปกคลุมด้วยสีหม่นหมองเล็กน้อย บนคอยังมีรอยข่วนแดงหลายแผล

หลิวหวา รีบก้มศีรษะลงอย่างเคารพนอบน้อม

รุ่ยอ๋องจัดรอยยับบนเสื้อผ้า น้ำเสียงยังคงสงบสุขุม

“นางไม่อยากทาน ก็ให้นางอดสักสองวัน”

“ขอรับ”

……

ชายแดนใต้

อู๋ไป๋ลอบเข้าไปในค่ายเป่ยเยี่ยน กลับสืบไม่รู้ตำแหน่งของปืนมังกรไฟ

หากยังอยู่ต่อไป เขาจะถูกจับได้ จึงต้องกลับมารายงานก่อน

ท่าทีเฟิ่งจิ่วเหยียนเคร่งขรึม

สิ่งที่อันตรายที่สุดของเป่ยเยี่ยน ไม่ใช่รัชทายาทเยี่ยน แต่เป็นรัชทายาทเยี่ยนที่มีปืนมังกรไฟ

ตอนนี้แคว้นหนานฉีอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้อื่น สามารถตอบโต้ได้ในระดับเล็กน้อยเท่านั้น ไม่กล้าที่จะใช้กำลังทหารทั้งหมด ก็เพราะสาเหตุนี้

ดังนั้นเฟิ่งจิ่วเหยียนจึงมีความคิดที่กล้าหาญ

“ไม่ได้!” เซียวอวี้ฟังแผนการของนางเสร็จ ก็ไม่เห็นด้วยขึ้นมาทันที

พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เราจะให้เจ้าไปเสี่ยงอันตรายไม่ได้!”

เฟิ่งจิ่วเหยียนใจเย็นเหมือนปกติ แฝงไปด้วยความเพียรพยายามของนาง

“เป่ยเยี่ยนแข็งแกร่งวางอำนาจบาตรใหญ่ได้ ก็เพราะอาศัย‘ปืนมังกรไฟ’

“ก่อนหน้านี้มันถูกเป่ยเยี่ยนซ่อน
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
So da Rtd.
รุ่ยอ๋องหลงรักหรงเฟย เลยขังนางเอาไว้งั้นหรือ แล้วจะมีอะไรเลวร้ายมากกว่านี้มั้ยนะ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 471

    เมื่อรัชทายาทเยี่ยนออกคำสั่ง องครักษ์ก็ชักดาบเผชิญหน้ากับเฟิ่งจิ่วเหยียนทว่ายามที่กำลังจะเข้าโจมตี กลับเห็นนางโยนอะไรบางอย่างลงบนพื้น ทันใดนั้นหมอกควันสีขาวก็พวยพุ่งออกมาหมอกควันนี้บดบังสายตาของพวกเขา ทำให้พวกเขามองเห็นไม่ชัดรอจนกระทั่งควันถูกพัดออกไป เฟิ่งจิ่วเหยียนก็หนีไปนานแล้วคนที่จากไปไกลยังคงส่งเสียงผ่านอากาศไปถึงรัชทายาทเยี่ยนว่า“ในเมื่อองค์รัชทายาทไม่มีใจจะเป็นพันธมิตรกัน เช่นนั้นพวกเราก็จะไม่เกรงใจเรื่อง ‘ปืนมังกรไฟ’ แล้ว”รัชทายาทเยี่ยนพุ่งออกไปนอกกระโจมด้วยสายตาดำทะมึน เขามองไปรอบทิศ พบเพียงความมืดมิดไหนเลยจะมีเงาร่างของราชทูตหนานเจียง!ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความโกรธ “ตามไป! จับคนกลับมาให้ได้! อยู่ต้องเห็นคน ตายต้องเห็นศพ!”“พ่ะย่ะค่ะ”จากนั้นเขาก็คว้าตัวองครักษ์ที่ตนเชื่อใจมาแล้วกล่าวเสียงเบา“เจ้าไปดูด้านหลังด้วยตนเอง หากมีผิดพลาดกับ ‘ปืนมังกรไฟ’ แม้แต่น้อย ข้าจะลงโทษเจ้าประหารเก้าชั่วโคตร!”องครักษ์รับคำสั่งทันทีหารู้ไม่ว่า ทันทีที่เขาเพิ่งเดินออกไป เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ตามไปอย่างเงียบ ๆ แล้วนางไม่ได้จากไป เพียงแอบซุ่มหลบอยู่เท่านั้นแผนโยนหินถามทางตอ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 472

    ‘ปืนมังกรไฟ’ ดี ๆ ได้พังไปเกินครึ่ง!ฐานยิงที่เปราะบางที่สุดแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ไปเช่นนี้ ถึงตัวกระบอกจะยังอยู่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว...คิดไม่ถึงเลยว่าอาวุธอันทรงพลังของเขาจะถูกทำลายไปเช่นนี้!ข้างกายรัชทายาทเยี่ยนมีองครักษ์ประจำตัวที่เป็นยอดฝีมืออยู่ พอเขาออกคำสั่งยอดฝีมือผู้นั้นก็ไล่ตามเฟิ่งจิ่วเหยียนไปเฟิ่งจิ่วเหยียนมีวิชาตัวเบาที่ยอดเยี่ยม ทว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้ายามที่นางเพิ่งจะข้ามชายแดนมา นักฆ่าด้านหลังก็ประชิดเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆยามที่เห็นว่าเขากำลังจะตามนางทันนี้เอง ทันใดนั้น...ฟิ้ว!ลูกธนูคมกริบยิงมาจากระยะไกลตรงเข้ากลางหน้าผากของนักฆ่าผู้นั้น!ลูกธนูนี้ยากที่จะป้องกัน ทั้งรวดเร็วและแม่นยำ นักฆ่าเสียชีวิตในทันทีเฟิ่งจิ่วเหยียนหันไปมองศพของนักฆ่าผู้นั้นก่อน จากนั้นหันกลับมาก็มองเห็นเซียวอวี้เขายืนอยู่บนมุมสูงของหุบเขามรณะ ค่อย ๆ วางคันธนูในมือลง......ณ ค่ายหนานต้านอกกระโจมของฮ่องเต้และฮองเฮา อู๋ไป๋และเฉินจี๋คอยเฝ้าระวังอย่างไม่มีใครยอมใคร ทั้งยังไม่มองอีกฝ่ายซักครั้งภายในกระโจมเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ทันจะอธิบายอะไรให้เซียวอวี้ฟังก่อน นางรีบวาดภาพแบบร่างที่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 473

    เมื่อเทียบกับรัฐเหลียงแล้ว ทหารเป่ยเยี่ยนกล้าหาญชาญชัยกว่ามากศึกครั้งนี้กินเวลามาครึ่งเดือนเต็ม ๆด้วยเหตุที่ ‘ปืนมังกรไฟ’ ถูกทำลาย รัชทายาทเยี่ยนจึงจิตใจสับสน สั่งการทหารอย่างไร้ระเบียบแบบแผน ทั้งยังไม่ยอมให้ใครมาสอดมือเขารบจนเสียสติ คิดถึงแต่ความสะใจของตนแม้เป่ยเยี่ยนจะดูเหมือนว่ารักษาฐานที่มั่นไว้ได้อย่างมั่นคง ทว่าที่จริงแล้วทุกวันมีผู้บาดเจ็บและตายจำเป็นนวนมากทางด้านหนานฉีนั้นมีจำนวนครั้งที่ชนะมากกว่าที่แพ้ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่าก็สามารถเห็นได้ด้วยตาว่าเซียวอวี้เองก็ฉุนเฉียวง่ายขึ้นเช่นกันกองทัพเยี่ยนนั้นตอแยสู้อยู่ทั้งวันทั้งคืนในเวลาเดียวกันนี้เอง ณ เมืองหลวงแคว้นหนานฉี เฉินอ๋องเองก็กำลัง ‘ทำสงคราม’ อยู่เช่นกันเขาใช้กำลังคนจำนวนมาก ทว่าจนถึงยามนี้ก็ยังหาเส้นทางลับของฮองเฮาไม่พบเขามองดูเสบียงชุดแล้วชุดเล่าที่ขนส่งทางบกไปยังชายแดนใต้ จิตใจกระวนกระวายจนไม่อาจสงบลงได้“ไปหามาให้ได้! ต่อให้ต้องพลิกฟ้าพลิกดินก็ต้องหาเสบียงที่เหลือให้เจอ! ข้าไม่เชื่อ หรือพวกเขามุดอุโมงค์ใต้ดินไปหรือไร!!”เฉินอ๋องแผดเสียงก้องราวกับคนบ้าเมื่อเทียบกับความมาดมั่นในหลายวันก่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 474

    ณ ชายแดนใต้ ภายในกระโจมเซียวอวี้นำหนังสือยอมแพ้มาให้เฟิ่งจิ่วเหยียนดูด้วยความพึงพอใจ“ลายมือของฮ่องเต้เยี่ยนนับว่าไม่เลวเลย” เขาทำเป็นไม่ใส่ใจและไม่บอกนางตรง ๆ ว่าเป็นหนังสือยอมแพ้ แต่ให้นางอ่านแล้วค้นพบด้วยตนเองเฟิ่งจิ่วเหยียนกลับทำเพียงกวาดตามองด้วยท่าทางนิ่งเฉย“ฝ่าบาท เรื่องสงครามจบลงแล้ว พวกเราจะกลับวังเมื่อไหร่เพคะ?”เซียวอวี้ขมวดคิ้วสัญญาของเขากับฮองเฮามีเวลาหนึ่งปีทว่าเพราะสงครามนี้ทำให้เสียเวลาไปหลายเดือนยังดีที่ช่วงที่ผ่านมานี้ฮองเฮาอยู่ข้างกายเขามาตลอด ไม่เช่นนั้นเขาจะไม่ต้องการแค่หนังสือยอมแพ้ของเป่ยเยี่ยน แต่ยังจะเอาหัวของรัชทายาทเยี่ยนด้วย!ณ เมืองหลวงภายในโรงเตี้ยมองครักษ์วิ่งเข้าไปในห้องอย่างร้อนรน “ท่านอ๋อง...เป่ยเยี่ยนแพ้แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”นี่ควรจะเป็นข่าวดีทว่าสำหรับเฉินอ๋องแล้วนี่คือข่าวร้ายชัด ๆรูม่านตาของเขาหดลง“จบลงอย่างนี้เลยหรือ...”ที่จบลงไม่ใช่แค่เรื่องสงครามเท่านั้น แต่ยังมีความฝันในการเป็นฮ่องเต้ของเขาด้วยเขานึกเสียใจ“ข้าไม่ควรยึดติดกับการเดิมพันนั่นเลย...ข้าผิดเอง!”เขาราวกับนึกได้แล้ว พลันจับแขนขององครักษ์อย่างแรง “ข้าช่างโง่เส

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 475

    เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่สนใจเซียวอวี้ นางไล่ตามคนผู้นั้นไปจนถึงนอกหุบเขามรณะนางไล่ตามเขาจนทัน แล้วออกแรงดึงเสื้อคลุมยาวสีดำหลวมของเขาออกน่าเสียดายที่บุรุษผู้นั้นสวมหน้ากาก จึงมองเห็นไม่ชัดว่าเขาเป็นใครเขาทรงตัวไม่อยู่จึงก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวในการประมือกระบวนท่าต่อมา เฟิงจิ่วเหยียนก็รู้สึกได้ถึงหกนิ้วของเขาเป็นเขา! เจ้าของพิษวารีสวรรค์!รังสีสังหารอันเข้มข้นปรากฏขึ้นในดวงตาของนาง กระบวนท่าก็พลันรุนแรงและรวดเร็วยิ่งกว่าเดิมคนผู้นั้นพลันเอ่ยปาก“ข้าควรเรียกเจ้าว่าฮองเฮา หรือแม่ทัพน้อยเมิ่งดีล่ะ? หากไม่ใช่เพราะต้วนไหวซวี่สละชีวิตตนเองเพื่อแลกกับชีวิตห้าปีของเจ้าล่ะก็ คืนนี้เจ้าต้องตาย!”เมื่อได้ยินชื่อที่คุ้นเคย เฟิงจิ่วเหยียนพลันตกตะลึงการที่เขารู้จักต้วนไหวซวี่นั้นไม่แปลก ทว่าเขาถึงกับจำนางได้...บุรุษผู้นั้นฉวยโอกาสถอยแล้วโผขึ้นที่สูงเขามองลงมาจากที่สูงแล้วยิ้มอย่างเย็นชา“ดูเหมือนเจ้าจะไม่รู้ว่าต้วนไหวซวี่ตายอย่างไรสินะ”ดวงตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนแดงเรื่อ“พูดมาให้ชัดเจน...”เพิ่งจะกล่าวไปไม่ทันไร จู่ ๆ เงาร่างหนึ่งพลันพุ่งเข้ามากอดแล้วพาหมุนเป็นวงรอบหนึ่งเมื่อนางหัน

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 476   

    บาดแผลบริเวณแขนของเซียวอวี้ไม่ได้ลึก เพียงแต่ถากผิวเล็กน้อยเท่านั้นทว่าตอนนี้เขากลับแสดงท่าทีเจ็บปวดออกมา เจ็บจริงหรือแกล้งทำ เฟิ่งจิ่วเหยียนแยกออกได้ซึ่งตอนนี้เขาคืออย่างแรกเฟิ่งจิ่วเหยียนรีบเรียกหมอทหารทันทีเซียวอวี้ยังปากแข็ง “เราสบายดี…”หมอทหารทั้งตรวจชีพจร ทั้งตรวจดูแผล กลับหาความผิดปกติใด ๆ ไม่เจอเฟิ่งจิ่วเหยียนกระชากคอเสื้อของหมอทหารขึ้นมา “ธนูลูกนั้น! เจ้าได้ดูหรือยัง”หมอทหารชะงักงัน“ลูก ลูกธนูก็ไม่มีปัญหาใด ๆ พ่ะย่ะค่ะ…”เฟิ่งจิ้วเหยียนปล่อยเขาออก แล้วหันไปมองเซียวอวี้เขาก้มหน้าลง มือที่วางบนเข่ากำแน่นจนกลายเป็นกำปั้น บริเวณข้างขมับ และลำคอ ต่างมีเส้นเลือดผุดขึ้นมามองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเจ็บมาก แต่ก็ยังไม่อยากให้คนอื่นดูออก เพราะจะส่งผลเสียต่อความน่าเกรงขามของฮ่องเต้อย่างเขาหมอทหารอยู่ไปก็ไร้ประโยชน์ เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงสั่งให้เขากลับไปทันทีหลังจากที่หมอทหารกลับไป เซียวอวี้ถึงได้เงยหน้าขึ้นมา ดวงตาเผยสีแดงฉาน“เรา…เป็นอะไรไป”ตอนนี้คนที่เขาสามารถเชื่อใจได้ มีเพียงเฟิ่งจิ่วเหยียนกับเฉินจี๋เท่านั้นชั่วขณะนี้เฟิ่งจิ่วเหยียนเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าความ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 477

    วินาทีนี้ หร่วนฝูอวี้เลือดสูบฉีดอย่างมากนางรู้ว่าซูฮ่วนไม่ชอบตัวเอง ยามปกติจึงดีแต่ปาก ไม่กล้าบังคับขืนใจครั้งนี้นางบังคับให้ตอบแทนบุญคุณ ให้ซูฮ่วนมาอยู่เคียงข้างนาง กลับไม่คิดเลยว่า อีกฝ่ายจะตกลงจริง ๆ“เจ้า…” หร่วนฝูอวี้กลืนน้ำลายลงคอทว่า หลังจากที่เฟิ่งจิ่วเหยียนดึงสายรัดเอวและคลายสายเสื้อออก หร่วนฝูอวี้ก็เผยสีหน้าตกตะลึงออกมาผ้าพันหน้าอก!คนที่นางชอบ…ทำไม…ทำไมถึงกลายเป็นสตรีล่ะ!หร่วนฝูอวี้ไม่อยากจะเชื่อ“เจ้า เหตุใดเจ้า…”เฟิ่งจิ่วเหยียนดึงลูกกระเดือกปลอมออก แล้วยอมรับออกไปตรง ๆ “ข้าเป็นผู้หญิง”หร่วนฝูอวี้ยืนแข็งทื่ออยู่กับที่ ราวกับถูกสายฟ้าพุ่งโจมตี“ผู้หญิง…เจ้าเป็นผู้หญิงงั้นหรือ!”มือของนางสั่นเทา ดวงตาเริ่มเออคลอไปด้วยหยาดน้ำเฟิ่งจิ่วเหยียนใส่เสื้อผ้าอาภรณ์ใหม่ คารวะนางตามธรรมเนียมของคนในยุทธภพด้วยท่าทางจริงจัง เพื่อขอขมาความผิดนางพูดความจริงกับหร่วนฝูอวี้ ไม่ใช่เพราะคำขอปลิ้นปล้อนที่หร่วนฝูอวี้เพิ่งกล่าวมาเมื่อครู่ แต่เป็นเพราะตระหนักได้ว่าหร่วนฝูอวี้ยึดมั่นด้วยใจจริง จึงไม่อยากทำให้อีกฝ่ายเสียเวลาแม้ว่าก่อนหน้านี้จะบอกไปแล้วหลายต่อหลายครั้ง ว่านางไม่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 478

    ณ ค่ายหนานต้าหมอผีตาบอดผู้นั้นถูกพาเข้ามาในกระโจมไม่นาน เขาก็ทำการตรวจวินิจฉัย“เป็นพิษกู่จริงด้วย!”คิ้วคมของเซียวอวี้ขมวดแน่น  เจ็บปวดจนเกินจะทนไหว จึงจับมือของเฟิ่งจิ่วเหยียนไว้ความสนใจของเฟิ่งจิ่วเหยียนพุ่งมาที่หมอผี“ในเมื่อเจ้าวินิจฉัยออกมาแล้ว มีวิธีรักษาหรือไม่?”หมอผีส่ายหน้าอย่างเคร่งครัด“แม้นจะเป็นพิษกู่ แต่ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน ช่วยท่านไม่ได้หรอก”ได้ยินเช่นนั้น เฉินจี๋ที่อยู่ข้าง ๆ พลันตะคอกอย่างโมโห“เป็นพิษกู่ ก็ไม่พ้นข้องเกี่ยวกับเมืองหนานเจียง!”เขาหันไปขอความเห็นกับเซียวอวี้ “กระหม่อมขอนำกำลังทหาร…”“เจ้าออกไปก่อน” เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดตัดบทของเขาเฉินจี๋เป็นห่วงฝ่าบาท ถึงได้ทำอะไรเกินพอดี“กระหม่อมจะออกไปเฝ้าข้างนอก”หูของหมอผีผู้นั้นกระตุกไหว เหมือนกำลังพยายามฟังอะไรบางอย่างเขาไม่รู้ว่า ตอนนี้ตัวเองอยู่ในค่ายหนานต้าเฟิ่งจิ่วเหยียนถามเขาต่อ“เจ้ารักษาไม่ได้ แล้วหมอผีคนอื่นล่ะ?”หมอผีตอบกลับ “ฮูหยิน ข้ากล้าพูดได้เลยว่า ทั่วทั้งเมืองหนานเจียง หากแม้แต่ข้ายังถอนพิษกู่นี้ไม่ได้ คนอื่นก็ยิ่งถอนไม่ได้เหมือนกัน”แววตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนเยือกเย็น ไม่รู

บทล่าสุด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 962

    จวนพลทหารนายหญิงเฟิ่งฟื้นเมื่อหนึ่งชั่วยามก่อนหน้า นางปฏิเสธข้อเสนอของฝ่าบาทและฮองเฮา——เรื่องพักฟื้นในวังเพราะว่า มีบางเรื่อง นางต้องพูดกับอาอิ๋งให้ชัดเจนนายหญิงเฟิ่งถูกหมัวมัวในวังพามาส่ง สีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไรนักโจวซื่อผู้เป็นลูกสะใภ้ประคองนางนั่งลงบนเตียง ใบหน้าแสดงความห่วงใยไม่น้อย“ท่านแม่ ร่างกายของท่านเป็นอย่างไรบ้าง? ยังเจ็บอยู่หรือไม่?”นางได้ยินองครักษ์พูดว่า ท่านแม่เป็นลมหมดสติไปในวังการเข้าวังในครั้งนี้ มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? นายหญิงเฟิ่งตบหลังมือของลูกสะใภ้ “ไม่มีอะไร ประเดี๋ยวจะมีแขกมาหา เจ้าพานางเข้ามาได้เลยนะ”“เจ้าค่ะ”ไม่นาน หลิวอิ๋งก็มาถึงโจวซื่อโค้งให้หลิวอิ๋งเล็กน้อย จากนั้นก็พูดกับนายหญิงเฟิ่งอย่างเหมาะเจาะ “ท่านแม่ ข้าขอไปดูเฉียวเอ๋อร์ก่อนนะ”เฉียวเอ๋อร์คือลูกสาวของนางกับเฟิ่งเหยียนเฉิน อายุสองขวบ อยู่ในช่วงวัยที่กำลังติดคนนายหญิงเฟิ่งพยักหน้าให้โจวซื่อ “อืม ไปเถอะ ฝากปิดประตูด้วยนะ”หลังจากปิดประตู ภายในห้องก็เหลือแค่สองพี่น้องหลิวอิ๋งนั่งลงข้างนายหญิงเฟิ่ง ถามอย่างร้อนใจ“ท่านพี่ ฮองเฮาทรงว่าอย่างไรบ้าง?”ถึงแม้จะถามออกไปเช่นนี้ แ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 961

    อารมณ์ของนายหญิงเฟิ่งซับซ้อนอย่างมาก พลันน้ำตาไหลพรากออกมากลับได้ยิน หยวนเส่ากล่าวต่อ“แม้นหลิวอิ๋งจะตั้งท้องลูกของคุณชาย ฮูหยินเฒ่ายังไม่ยอมดังเดิม“นางให้เงินตระกูลหลิวไปก้อนหนึ่ง เพื่อให้พวกเขาได้กินอยู่อย่างสุขสบาย แต่มีข้อแม้อยู่สองอย่าง อย่างแรกคือให้หลิวอิ๋งเอาเด็กออก และอย่าได้คิดที่จะเข้ามาในจวนตระกูลเฟิ่ง ส่วนอีกอย่างคือ…”นางมองนายหญิงเฟิ่ง “ต้องตัดความสัมพันธ์กับท่าน”นายหญิงเฟิ่งไม่คิดเลยว่า เรื่องมันจะเป็นเช่นนี้คำพูดต่อมา เฟิ่งจิ่วเหยียนเป็นคนเล่าเอง“เงินเหล่านั้น เดิมทีมากพอให้ตระกูลหลิวมีกินมีใช้ แต่น่าเสียดายที่บุตรชายของพวกเขาไม่เอาไหน เอาแต่เที่ยวกินติดพนัน จนกิจการตระกูลล่มจมหมดตัว“ส่วนน้าหญิง นางไม่ได้ทำแท้งตามที่ตระกูลเฟิ่งบอกในตอนนั้น แต่พาลูก พร้อมสินสมรสมากมาย ไปแต่งงานกับพ่อค้าผู้หนึ่ง ณ ที่ห่างไกล“ยามที่ตระกูลหลิวอับจนหนทาง เพราะหนี้สิน เคยไปขอความช่วยเหลือที่เจียงโจว แต่กลับถูกปฏิเสธไล่ตะเพิดออกมานอกประตู”นี่คือเรื่องที่นางส่งคนไปสืบที่เจียงโจวเมื่อนายหญิงเฟิ่งรู้ต้นสายปลายเหตุทั้งหมด บริเวณหน้าอกพลันบีบรัด ในหูมีเสียงอื้ออึงดังขึ้นมาไม่หย

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 960

    นายหญิงเฟิ่งไม่สามารถยอมรับได้ในขณะนั้น น้องสาวแท้ ๆ ของตัวเอง แอบตั้งท้องกับเฟิ่งหลิน!นางรับได้ที่น้องสาวจะแต่งงานกับเฟิ่งหลินในตอนนี้ แต่กลับรับไม่ได้ที่พวกเขาโกหกนาง และทรยศนาง!เจิ้งจีอายุเท่าเหยียนเฉินหากสิ่งที่จิ่วเหยียนพูดมาคือความจริง เช่นนั้น ช่วงที่นางกับเฟิ่งหลินเพิ่งแต่งงานกันใหม่ ๆ อาอิ๋งก็คง…นายหญิงเฟิ่งหายใจอย่างเจ็บปวด ออกแรงจับกุมมือของเฟิ่งจิ่วเหยียนไว้ มองบุตรสาวอย่างมีความหวัง“จิ่วเหยียน มันคือเรื่องจริงหรือ? พวกเขา…”ความเจ็บปวดระยะยาวไม่เท่าความเจ็บปวดระยะสั้นเฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้าอย่างจริงจัง“ใช่ ข้าไม่เอาเรื่องแบบนี้มาโกหกท่านหรอก”การฟังความเพียงข้างเดียว อาจทำให้ท่านแม่เชื่อได้ยากนางจึงหาพยานหลักฐานมาด้วยหนึ่งชั่วยามต่อมา อู๋ไป๋ก็พาหญิงชราคนหนึ่ง มาที่ตำหนักหย่งเหอหญิงชราผู้นั้นผมหงอก ก้าวเดินอย่างโซเซอู๋ไป๋ยืนอยู่นอกตำหนัก ปล่อยให้นางเข้าไปเองคนเดียวหญิงชราโค้งคำนับให้เฟิ่งจิ่วเหยียน การสั่งสอนที่ฝังลึกอยู่ในร่างกาย ทำให้นางทำความเคารพได้อย่างถูกต้อง“ข้าน้อย ถวายบังคมฮองเฮา”หญิงชราอายุราว ๆ เจ็ดสิบแปดสิบ ฟันหลุดไปแล้วหลายซี่ทว่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 959

    นายหญิงเฟิ่งรู้สึกผิดต่อน้องสาวมาก หลายปีมานี้ นี่เป็นครั้งแรกที่อาอิ๋งมาขอความช่วยเหลือจากนาง นางอยากเข้าร่วมงานเลี้ยงเทศกาลไหว้พระจันทร์ในวัง นางคิดว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทำให้อาอิ๋งสมปรารถนาให้ได้วันรุ่งขึ้น นางเข้าวังขอเข้าพบฮองเฮาภายในตำหนักหย่งเหอสองแม่ลูกนั่งอยู่ด้วยกัน มีเพียงหว่านซิวอยู่รับใช้เพียงคนเดียว ไม่มีเรื่องต้องห้ามอะไรนายหญิงเฟิ่งพูดอย่างจริงจัง“ฮองเฮา ทางบ้านของแม่เหลือเพียงท่านน้าของเจ้าแล้ว“นางเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของข้า หลายปีมานี้ ข้าไม่ได้ดูแลนางให้ดี“สามีของนางจากไปเร็ว เด็กกำพร้ากับหญิงหม้าย ใช้ชีวิตอย่างลำบาก...”เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่รู้สึกสงสาร ถามนางอย่างตรงไปตรงมา“ท่านอยากจะพูดอะไร?”คำพูดของนายหญิงเฟิ่งถูกขัดจังหวะ จึงยิ่งอ้ำ ๆ อึ้ง ๆนี่เป็นบุตรสาวแท้ ๆ ของนางก็จริง ทว่าด้วยเหตุที่ไม่ได้เลี้ยงจนโตด้วยตนเอง หรืออาจเป็นเพราะบุตรสาวคนนี้อยู่ในค่ายทหารมาหลายปี บนร่างจึงเจือด้วยรังสีฆ่าฟัน มีนิสัยทำอะไรเด็ดขาด ตนจึงรู้สึกกลัวนางอยู่บ้างนายหญิงเฟิ่งหลุบตาลงและค่อย ๆ พูดว่า“ข้า...ข้าได้ยินว่าใกล้จะถึงงานเลี้ยงเทศกาลไหว้พระจันทร์ในวังแล้ว ท่านน้

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 958

    เฟิ่งจิ่วเหยียนกวาดตามองเหล่าทหารใหม่หลายร้อยนายนั้น แล้วหันไปสั่งการอู๋ไป๋“คะแนนสอบกลศึกของทหารเหล่านี้ ไม่ให้แต้มแม้แต่แต้มเดียว”อู๋ไป๋ยืดคอตั้งตรง เผยให้เห็นความหยิ่งยโสอยู่หลายส่วน“พ่ะย่ะค่ะ!”ทหารหลายร้อยนายเหล่านั้นเบิกตากว้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่ยินยอมการสอบประเมินทหารใหม่ที่เพิ่งเข้าค่ายทหารนั้น ครอบคลุมไปถึงกลศึก การขี่ม้ายิงธนู และการวาดแผนที่เป็นต้นคะแนนสอบที่สูงหรือต่ำนั้น ใช้ตัดสินว่าพวกเขาจะได้เป็นทหารทัพไหนทัพกลางดีที่สุดทัพซ้ายและขวา สองทัพนี้รองลงมาที่แย่ที่สุดคือกองเสบียง กองดูแลอาวุธ ที่อนาคตไม่มีโอกาสได้เข้าสู่สนามรบยามนี้แค่คำพูดเดียวของฮองเฮา ก็ทำให้คะแนนกลศึกของพวกเขากลายเป็นศูนย์ ใช้อำนาจรังแกคนชัด ๆ!“ฮองเฮา เพราะเหตุใดพ่ะย่ะค่ะ!”เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้อธิบายให้มากความ“ในเมื่อรู้ว่าสตรีเป็นทหารไม่ง่าย ก็ต้องเห็นคุณค่าของโอกาสในตอนนี้ของพวกเจ้าให้ดี“พอถูกสตรีนำหน้า ก็อับอายจนโมโห ทำไม อยากให้ข้าชมพวกเจ้าว่ามีอนาคตยาวไกล จะต้องเอาชนะกองทัพสตรีได้แน่อย่างนั้นรึ?“ทหารทุกนาย วิ่งรอบค่ายร้อยรอบ!”เหล่าทหารใหม่ที่ถูกกดขี่บีบบังคับได้แต่ทำ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 957

    ใกล้จะถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์แล้ว วันนี้เป็นวันหยุด เฟิ่งเหยียนเฉินจะพาโจวซื่อไปบ้านพ่อตาเพื่อส่งของขวัญเทศกาลไหว้พระจันทร์ล่วงหน้าระหว่างที่โจวซื่อกำลังช่วยเฟิ่งเหยียนเฉินสวมเข็มขัด สาวใช้ก็เข้ามาในห้อง แล้วรายงานอยู่ข้างฉากบังลม“ใต้เท้า ฮูหยิน แม่หญิงหลิวผู้นั้นมาอีกแล้วเจ้าค่ะ!”สองสามีภรรยามองตากันด้วยสีหน้าจนปัญญาเฟิ่งเหยียนเฉินขมวดคิ้วถาม“นางมาทำอะไร”“มาอยู่เป็นเพื่อนฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าค่ะ”โจวซื่อกดแขนของเฟิ่งเหยียนเฉิน เงยหน้ามองเขา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“ท่านพี่ อย่าบุ่มบ่าม ถึงอย่างไรก็เป็นแขกของท่านแม่ พวกเราเป็นคนรุ่นหลัง จะไล่คนไปก็คงไม่ดี คอยสังเกตการณ์เงียบ ๆ จะดีกว่า”เฟิ่งเหยียนเฉินกดอารมณ์ร้อนของตนลงเมื่อนึกได้ว่าอีกซักครู่ยังต้องไปบ้านท่านพ่อตา เช่นนั้นก็ช่างเรื่องท่านน้า เขาเพียงสั่งข้ารับใช้ว่า “ปกป้องท่านแม่ให้ดี”“ขอรับ ใต้เท้า!”นายหญิงเฟิ่งพักอยู่ที่เรือนรองนางพาหลิวอิ๋งเดินชมด้านในจวนพลทหารรอบหนึ่งหลังจากคนทั้งสองเดินกลับถึงเรือนรอง หลิวอิ๋งก็จับมือนาง แล้วกล่าวด้วยความกระดากใจอย่างยิ่งว่า“พี่หญิง เรื่องเมื่อวานเป็นข้าที่เลอะเลือนเอง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 956

    จวนพลทหารเฟิ่งเหยียนเฉินเห็นแก่ท่านแม่ จึงฝืนใจยอมนั่งโต๊ะเดียวกับคนที่เรียกว่าเป็นน้าหญิงสกุลโจวก็เห็นแก่หน้าแม่สามีเหมือนกัน ไม่ถือสาเรื่องที่ผ่านมา มีไมตรีจิตรกับน้าหญิงคนนี้สีหน้าหลิวอิ๋งแสดงออกถึงท่าทีรู้สึกผิด ยกจอกสุราลุกขึ้นมา“เรื่องในวันนี้ เป็นเรื่องเข้าใจผิด“พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่ควรทะเลาะกันเช่นนี้“พี่สาว อภัยให้ข้าด้วย ข้าคิดถึงเรื่องของท่านพ่อท่านแม่กับน้องชาย จึงล่วงเกินเจ้า ล่วงเกินหลานสะใภ้”นางยกจอกสุราคารวะนายหญิงเฟิ่งนายหญิงเฟิ่งใจอ่อน “อาอิ๋ง เจ้าเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของข้า ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้”นางไม่ได้เลี้ยงดูส่งทั้งสองท่านเป็นครั้งสุดท้าย เป็นสิ่งที่นางเสียใจที่สุดในชีวิต ไม่โทษที่หลิวอิ๋งต่อว่านาง ต่อหน้าทุกคน“พี่สาว เหยียนเฉิน ข้าดื่มหมดจอก!” หลิวอิ๋งดื่มสุราในจอกจนหมดเฟิ่งเหยียนเฉินไม่พูดอันใดตลอดมื้ออาหารครั้งนี้จนหลังทานอาหารค่ำแล้วเสร็จ หลังจากทุกคนส่งน้าหญิงกลับไปแล้ว เขาค่อยพูดกล่อมท่านแม่“ข้าคิดว่า น้าหญิงคนนี้ไม่ควรผูกมิตร ต่อไปท่านไปมาหาสู่นางน้อยหน่อย”นายหญิงเฟิ่งขมวดคิ้ว“เหยียนเฉิน อย่างไรนั่นก็เป็นน้องสาวของข้า เป็นญ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 955

    เฟิ่งหลินโกรธจนขำหัวเราะ“เก้ามิ่งก็คือเก้ามิ่ง ข้ายังจะโกหกเจ้าได้รึ?“หลิวอิ๋ง เจ้ายังไม่ได้แต่งงานเข้ามา ก็ก่อเรื่องวุ่นวายให้ข้าขนาดนี้ ต่อไปจะไม่ยิ่งกว่านี้รึ?“วันนี้ หากเจ้าไม่ไปขอโทษ งั้นการแต่งงานระหว่างเจ้ากับข้า ก็ยกเลิก!”หลิวอิ๋งมือสั่น หว่างหัวคิ้วมืดคล้ำ “ได้! ข้าไปขอโทษ! ทว่าไม่ใช่เพราะท่านข่มขู่ข้า เป็นเพราะข้าคำนึงถึงท่าน ไม่อยากให้จวนตระกูลเฟิ่งเสื่อมเสียชื่อเสียง”นายท่านเฟิ่งรู้จักนางดีตั้งแต่ต้นแล้วเขาส่งเสียงเมิน “หากเจ้าหวังดีกับข้าจริง ๆ ก็จะไม่บีบบังคับให้ข้าแต่งงานกับเจ้า !”คำพูดประโยคนี้ทิ่มแทงใจหลิวอิ๋งนางหัวเราะเย้ย“ซานหลาง ข้าบีบบังคับเจ้าจริง ๆ หรือ? เราแต่งงานกัน ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ของกันและกันหรือ?”นางต้องการอำนาจกับทรัพย์สินเปิดเส้นทางการค้าระหว่างแต่ละแคว้น อาศัยเพียงสถานะป้าของฮองเฮา ยังไม่เพียงพอนางยังต้องส่งลูกสาวไปยังตำแหน่งสูงศักดิ์ส่วนเฟิ่งหลิน เขาต้องการลูกสาวที่เชื่อฟัง คลอดโอรสให้กับตระกูลเฟิ่งของพวกเขาทันใดนั้น เฟิ่งหลินพูดอะไรไม่ออก ไม่สนใจนาง สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินออกไปข้างนอกห้องตรงระเบียงทางเดินสาวใช้พูดเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 954

    หลิวอิ๋งมาถึงจวนตระกูลเฟิ่ง วางมาดเป็นเหมือนนายหญิงกลับจวน นำรังนกยื่นให้สาวใช้“นำรังนกไปตุ๋น เดี๋ยวข้าจะดื่ม”สาวใช้ยื่นมือทั้งคู่รับมา ไม่กล้าที่จะละเลยพ่อบ้านเหลือบมองรังนก แล้วก็แอบส่ายหัวฮูหยินในอนาคตคนนี้หาเงินเก่งก็จริง ทว่าใช้จ่ายเงินก็ไม่ธรรมดาหากให้นางดูแลจัดการจวนตระกูลเฟิ่ง จะมีชีวิตที่ดีได้หรือ?หลิวอิ๋งอายุสี่สิบกว่า ปกติใช้เงินจำนวนมากในการบำรุงดูแล ใช้ผงแป้งไข่มุกทุกวัน แลดูอ่อนเยาว์กว่าอายุจริงอย่างน้อยเจ็ดแปดปีวันนี้นางแต่งตัวสวมชุดกระโปรงเบาสบายทันสมัย กล่าวกันว่าเป็นแบบที่ฝ่าบาทออกแบบให้กับฮองเฮาด้วยพระองค์เอง เมื่อสวมใส่แล้วมีความสง่ากล้าหาญ นางคิดว่า คู่ควรกับสถานะของนางที่เป็นหญิงแกร่งทางการค้าเวลานี้ มุมหนึ่งตรงระเบียงทางเดิน อี๋เหนียงหลินกับสาวใช้ยืนอยู่ตรงนั้น แอบมองดูอยู่สาวใช้แสดงสีหน้าสมน้ำหน้า“อี๋เหนียง นายท่านโกรธขนาดนี้ แม่หญิงหลิวคนนั้นโชคร้ายแน่”สายตาอี๋เหนียงหลินแฝงไปด้วยความเกลียดแค้น ชิงชัง มือออกแรง แทบอยากฉีกผ้าเช็ดหน้าให้ขาด“สารเลว! อย่าให้นางเข้ามาอยู่ที่นี่ดีที่สุด!”……หลิวอิ๋งเข้าไปในห้องโถงหน้า ก็เห็นเฟิ่งหลินจับจ้องต

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status