บททั้งหมดของ แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย: บทที่ 251 - บทที่ 260

300

บทที่ 251

“อาจารย์หญิง ข้าเพียงแค่...” เฉียวม่อรู้สึกอึดอัดใจ ฮูหยินเมิ่งเก็บจดหมายเหล่านั้นได้ทันเวลา นางจำได้ มันเป็นของจิ่วเหยียน เนื่องจาก หน้าซองจดหมายเขียนว่า——“อาเหยียนที่รัก” ฮูหยินเมิ่งสีหน้าเข้มขรึม เต็มไปด้วยการตำหนิ “เจ้าคิดจะทำอันใด? เหตุใดต้องเผาพวกมันทิ้งหมด!” เฉียวม่อกำชายอาภรณ์ ไร้ซึ่งความกล้าหาญเหมือนตอนนำการฝึกซ้อมทหารระหว่างวัน มีเพียงความรู้สึกผิด “ไม่ใช่...อาจารย์หญิง ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้า ข้าแค่รู้สึกว่า เก็บสิ่งเหล่านี้ไว้ หากในอนาคตมีผู้ใดมาเจอเข้า มันจะทำให้ชื่อเสียงของศิษย์พี่เสื่อมเสีย” ฮูหยินเมิ่งค่อย ๆ กระตุกมุมปากขึ้น เหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “เจ้าคิดได้รอบคอบนัก “ทว่าสิ่งของเหล่านี้ ศิษย์พี่ของเจ้าดูเหมือนเป็นสมบัติอันล้ำค่า หากเจ้าตั้งใจเผาพวกมัน เจ้าได้ถามความคิดเห็นของศิษย์พี่หรือไม่?” เฉียวม่อส่ายหัวเบา ๆ พูดเสียงเบาเหมือนตัวริ้นบิน “อาจารย์หญิง ข้ามิได้คิดให้ดีพอ...ข้าแค่อยากจะปกป้องศิษย์พี่ ถึงอย่างไร เวลานี้นางเป็นฮองเฮาของแคว้น หากฝ่าบาททรงทราบว่า นางมีคำมั่นสัญญาชั่วชีวิตกับบุรุษอื่นแล้ว...” ต
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 252

แม้ว่าไทฮองไทเฮาอาศัยอยู่ที่ภูเขาอวี้หยางเป็นเวลานาน ทว่ายังมีหูตาของนางอยู่ในพระราชวังมากมาย นางกล่าว “ในงานเลี้ยงวันไหว้พระจันทร์ ฮองเฮาเอาตัวมาขวางลูกธนูแทนฝ่าบาท ยังมิได้รับรางวัลใด ๆ เลย เนื่องจากฝ่าบาทรับสั่งว่า ขอเพียงฮองเฮาเอ่ยปาก สิ่งใดก็สามารถให้ได้ แม้กระทั่งพระราชทานบรรดาศักดิ์โหวศักดินาหนึ่งหมื่นครัวเรือนให้พี่ชายของนาง ฝ่าบาทสามารถรับปากอย่างง่ายดาย “ทว่า จวบจนบัดนี้ฮองเฮายังมิได้ขอสิ่งใด” ไทฮองไทเฮาแนะนำเพียงผิวเผิน มู่หรงฉานก็เข้าใจทันที ฮ่องเต้ตรัสแล้วไม่คืนคำ หากฮองเฮาออกหน้าขอร้องแทนตระกูลมู่หรง ฝ่าบาทมีแนวโน้มจะตกลงอย่างมาก มู่หรงฉานขอบคุณและขอตัวลา เมื่อออกจากตำหนักวั่นโซ่ว ก็ตรงไปที่ตำหนักหย่งเหอ…… ภายในตำหนักหย่งเหอ มู่หรงฉานคุกเข่าเป็นเวลานาน เฟิ่งจิ่วเหยียนนั่งอยู่บนเก้าอี้ ค่อย ๆ ดื่มยาอย่างไม่ช้าไม่เร็ว นางมีสายตาเงียบสงบ ไร้ร่องรอยของระลอกคลื่นบนใบหน้า “แม้ว่าเจ้าคุกเข่าจนพิการ ข้าก็สุดวิสัยที่จะช่วยได้” คนเช่นมู่หรงเจี๋ย ไม่มีค่าพอให้นางช่วย เขายักยอกเบี้ยหวัดทหาร มิใช่เพียงแค่เงินท
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 253

ณ ห้องทรงพระอักษร ผู้บัญชาการศาลต้าหลี่รายงานด้วยความชอบธรรม “ฝ่าบาท เจ้าหน้าที่ทหารได้ค้นพบสมุดบัญชีเล่มนี้จากจวนของมู่หรงเจี๋ย ปรากฏว่าเขาไม่เพียงแต่ยักยอกเบี้ยหวัดทหาร ยังรับสินบนจากพ่อค้าในเมืองอวิ๋นด้วยพ่ะย่ะค่ะ “หลังจากรบชนะชนเผ่าชื่อโหยว ราชวงศ์หนานฉีครองเขตอำนาจศาลของแม่น้ำหงเหมยตอนล่าง ออกกฎห้ามขนส่งค้าขายทางเรือ ทว่ามู่หรงเจี๋ยให้พวกเขาสวมรอยเป็นเรือของทางการ ให้อภิสิทธิ์ในการผ่านน่านน้ำหงเหมย “พ่อค้าในเมืองอวิ๋นขายแร่เหล็กสีม่วงให้กับชนเผ่าชื่อโหยวในราคาแพง และมู่หรงเจี๋ยได้รับส่วนแบ่งสามในสิบของกำไรพ่ะย่ะค่ะ” ในดวงตาของเซียวอวี้เต็มไปด้วยความพิโรธแห่งราชา ขโมยขายแร่เหล็กสีม่วง ความผิดฐานทรยศแคว้นนี้ มากพอให้มู่หรงเจี๋ยตายนับสิบหน! ห้าม้าแยกร่าง มันน้อยไปสำหรับเขา ณ วันเดียวกัน มู่หรงเจี๋ยซึ่งยังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำก็ถูกสอบปากคำ ไม่อาจรับการทรมานหนักกว่านี้ได้ จึงยอมรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา ตามคำสารภาพของเขานั้น เจ้าหน้าที่ทางการในเมืองอวิ๋น พ่อค้า และพวกโจรสมรู้ร่วมคิดกันทั้งสามฝ่าย แร่เหล็กสีม่วงที่ดำเนินการโดยทางการนั้น ถ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 254

เฟิ่งจิ่วเหยียนลุกขึ้นพูด “ฝ่าบาท การปลอมตัวเสด็จประพาส สำคัญที่สุดคือการปกปิดตัวตนของท่านจากโลกภายนอก “หากท่านมีราชองครักษ์และข้ารับใช้รายล้อม ย่อมทำให้เกิดความสงสัยอย่างแน่นอน “เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นบางคนมีอำนาจครอบงำ มีสายลับทั่วทุกพื้นที่ เฝ้าระวังบุคคลต่างถิ่นเป็นพิเศษ เกรงว่าหากฝ่าบาททำเช่นนั้น ทันทีที่ก้าวเข้าไปในเมือง จะกลายเป็นหนามยอกอกของพวกเขาทันที “หากหม่อมฉันร่วมเดินทางกับท่าน เหตุผลแรกสามารถแสร้งเป็นภรรยาของท่านได้ “เหตุผลที่สอง พี่ชายใหญ่ของหม่อมฉันรู้จักผู้คนมากมายในยุทธภพ เมื่อตกอยู่ในอันตราย สามารถขอความช่วยเหลือจากพวกเขาได้เพคะ” เซียวอวี้ได้ยินนางพูดว่า “ภรรยา” สีหน้าแข็งทื่อเล็กน้อย นางอยากเดินทางออกนอกวังพร้อมเขามาก น่าจะกังวลเรื่องความปลอดภัยของเขากระมัง อย่างไรก็ตาม นางยอมเสียสละพลังภายในเพื่อขจัดพิษให้เขา ทั้งยังยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อสกัดลูกธนูให้เขา... เดิมเขาคิดว่า ฮองเฮาและฮ่องเต้ปลอมตัวเสด็จประพาสด้วยกัน มันไร้สาระมาก ทว่ามาคิดทบทวนอีกที การที่เขาออกนอกวังในคราวนี้ จะต้องมีอันตรายรอบด้าน และฮองเฮามีวิทยายุทธล้ำเลิ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 255

เมื่อมองแวบแรกห้องนี้ดูธรรมดามาก ทว่าบนเตียงหลังนั้น มีเครื่องมือมากมายหลายขนาดวางอยู่ด้วย อ่างอาบน้ำวางอยู่ข้างเตียง นอกจากนี้ยังมีคันฉ่องขนาดใหญ่หลายบานตั้งอยู่รอบ ๆ ริมหน้าต่างมีม้านั่งตัวหนึ่งวางอยู่ ลักษณะคล้ายร่างกายมนุษย์ เจ้าของร้านเห็นว่าใบหน้าของพวกเขาไร้รอยยิ้ม จึงรีบถาม “ขออภัย ท่านทั้งสองไม่พอใจหรือ? ห้องพิเศษเช่นนี้เป็นที่ต้องการอย่างมากเลยขอรับ!” เซียวอวี้พูดเสียงทุ้มลึก “พอใจ” จากนั้นเขาโบกมือให้เฉินจี๋จ่ายเงิน เมื่อนั้นเจ้าของร้านจึงคลายความสงสัย หลังเซียวอวี้เดินเข้าห้อง เฟิ่งจิ่วเหยียนก็เดินตามไปด้วยจิตใจที่เปิดเผย ก่อนอื่น นางดับไฟบนเตากำยานที่จุดไว้บนโต๊ะตามสัญชาตญาณ เมื่อเห็นเซียวอวี้มองมา นางเอ่ยโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า “พี่ชายเคยกล่าวไว้ โรงพักแรมใต้ดินหลายแห่งใช้กลิ่นหอมนี้ทำให้แขกสลบ” ดูเหมือนว่าเซียวอวี้ไม่ได้สนใจกับเรื่องนี้ จึงมองสำรวจไปรอบ ๆ เพื่อตรวจสอบ ทันใดนั้น เฟิ่งจิ่วเหยียนผลักเขาออกไป “ระวัง!” พลันเห็นมีตู้ลับใบหนึ่งปรากฏที่ผนัง พุ่งออกมาราวกับลูกธนู ทั้งสองหันหน้ามอ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 256

แรงกระแทกของก้อนหินยักษ์เช่นนั้น สามารถทำให้รถม้าพังทลายได้อย่างแน่นอน เสียงตะโกนของเฉินจี๋ฟังเสมือนลำคอถูกฉีกขาดไป ดังสะท้อนก้องอยู่ในหุบเขาที่เงียบงัน ในช่วงเวลาวิกฤต เซียวอวี้กำลังมีความคิดจักลงจากรถม้า ทว่าสตรีที่อยู่ข้างกายได้ก้าวนำหน้าเขาไปหนึ่งก้าว คว้าจับมือเขาไว้ และพาเขากระโดดออกไปข้างนอกรถม้าด้วยกัน ปฏิกิริยาว่องไวเช่นนี้ ย่อมแสดงให้เห็นว่านางได้คาดการณ์ถึงอันตรายของก้อนหินยักษ์ที่กำลังกลิ้งตกลงมา ก่อนที่เฉินจี๋จะรับรู้ได้ เกือบจะเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับพวกเขากระโดดลงจากรถม้า รถม้าก็พลันถูกทำลายจนแตกกระจาย! ม้าเองก็ตื่นตระหนก หลังหลุดจากเชือกบังเหียน ก็วิ่งเตลิดจนพลัดตกจากหน้าผาไป มีเพียงคนทั้งสามที่ติดอยู่ระหว่างหินยักษ์สองก้อน เดินหน้าต่อไปมิได้ ถอยหลังยิ่งไร้หนทาง เฉินจี๋กำกระบี่ยาวไว้แน่น คุ้มครองอยู่เบื้องหน้าของเซียวอวี้ สายตากวาดมองไปรอบ ๆ อย่างระแวดระวัง “นายท่าน ต้องมีคนซุ่มโจมตีอยู่ในที่ลับเป็นแน่ขอรับ!” เซียวอวี้ลดสายตามองลงไป——พบว่าฮองเฮายังคงจับมือของเขาไว้ ท่วงท่าเฉกเช่นเดียวกับเฉินจี๋ ใช้สายตาที่เฉียบคมกวาดมองไปโด
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 257

เฟิ่งจิ่วเหยียนเผชิญหน้ากับสายตาเย็นยะเยือกของบุรุษผู้นั้น “ข้าจักไปหา...” เซียวอวี้ขัดจังหวะคำพูดของนางอย่างเย็นชา ออกคำสั่งว่า “อยู่ที่นี่ ห้ามไปไหน” สิ้นคำพูดนี้ เขาพลันหมดสติลงไป ทว่าเขายังจับข้อมือของเฟิ่งจิ่วเหยียนไว้แน่น เสมือนศพที่แข็งตัวแล้ว แม้นเกิดอันใดขึ้นก็แยกออกไปมิได้ เฟิ่งจิ่วเหยียนต้องออกแรงอย่างมากมาย ค่อย ๆ ง้างนิ้วของเขาออกทีละนิ้ว จึงสามารถดึงข้อมือออกมาได้ ทว่ารอบข้อมือของนางมีรอยแดงประทับอยู่ แสดงให้เห็นว่าเขาใช้ความแข็งแกร่งมากเพียงใด…… เฟิ่งจิ่วเหยียนกำลังจะก้าวเท้าออกจากธรณีประตูลานบ้าน คู่สามีภรรยาชรายกน้ำร้อนเดินมาพอดี จึงบังเอิญเห็นเข้า พลันเร่งรีบตามมาขวางนางเอาไว้ และถามอย่างกังวลใจ “เฮ้! ช้าก่อน! แม่นาง เจ้า...เจ้าจะไปแล้วหรือ?” เฟิ่งจิ่วเหยียนรู้สึกพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง พวกเขาช่างเดาแม่นจริง ๆ หญิงชรากล่าวว่า “แม่นาง เจ้าไปไม่ได้! หากว่าเจ้าไปแล้ว คนผู้นั้น...คนผู้นั้นตายลงไปเล่า พวกเราสองชราจักไปตามหาใครมารับผิดชอบได้?” พวกเขากลัวว่านางจะหนีเอาตัวรอดเพียงลำพัง แล้วทิ้งปัญหาใหญ่ให้พวกตนจั
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 258

การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเซียวอวี้ ได้ทำลายแผนการหลบหนีของเฟิ่งจิ่วเหยียน ใบหน้าของนางคงไว้ซึ่งความเงียบสงบ “ทางเดินขึ้นเขานั้นยากลำบาก ข้าจึงอยากไปสอบถามจากชาวบ้าน ถึงเส้นทางไปหาหมอในเมือง” เด็กน้อยหยิบตะกร้าไม้ไผ่ขึ้นมา แล้วส่งคืนให้เฟิ่งจิ่วเหยียน ปากเล็กเอ่ยด้วยความไร้เดียงสาจริง ๆ “พี่สาว แค่มองก็รู้แล้วว่าทางเดินขึ้นเขานั้นเดินง่ายมากขอรับ” เซียวอวี้จ้องมองนางด้วยสายตาเฉียบคม อยากเห็นว่านางจะอธิบายอย่างไร เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้พูดมากนัก เพียงย้อนถามพวกเขาแทน “ทั้งสองคนออกมาทำไม” เด็กน้อยคนนั้นชี้ไปที่เซียวอวี้ “ผู้ชายของท่าน บอกให้ข้าพาเขามาหาท่าน พี่สาว พวกท่านรักกันดีจริง ๆ เหมือนกับพ่อแม่ของข้าเลย มิอยากอยู่ห่างกันสักก้าวเดียว!” เซียวอวี้มีรอยยิ้มคลุมเครือฉายบนใบหน้า “ดีมากจริง ๆ ” สายตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนจมลง หลังจากนั้น การขึ้นเขาเก็บยาพังลง และมิได้เดินทางเข้าเมืองด้วย ทั้งสามคนกลับไปที่บ้านชาวนาพร้อมกัน เมื่อเข้ามาในห้องแล้ว ทันใดนั้นเซียวอวี้คว้าข้อมือของเฟิ่งจิ่วเหยียนไว้ สายตาเย็นชากดดัน “เจ้าค
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 259

ในขณะที่นักฆ่าลงมือโจมตี เฟิ่งจิ่วเหยียนคิดอยากผุดลุกขึ้นมา กลับถูกเซียวอวี้คว้าจับเอวไว้ แล้วถูกบังคับให้แนบชิดกับตัวเขาเช่นนั้น ส่วนเขาพลันพลิกตัวขึ้นมาอยู่ด้านบน ตรึงนางไว้ใต้ร่างแทน ท่ามกลางความมืดมิด นางมองเห็นใบหน้าเขามิชัดเจน สัมผัสได้เพียงความเป็นปรปักษ์แผ่ซ่านออกจากกายเขาเท่านั้น ฟับ—— เขาเพียงแค่ยกมือข้างหนึ่งขึ้น พลังภายในอันแข็งแกร่งก่อตัวเป็นคลื่นอากาศ ซัดใส่นักฆ่าที่อยู่นอกม่านเตียงจนล้มคว่ำ ตุบ! ตุบตุบ! พวกนักฆ่าร่วงลงที่พื้นทีละคน พลันตระหนักได้ว่าผู้คนที่อยู่หลังม่านเตียงมิได้สลบ รีบตะโกนว่า “โจมตีพร้อมกัน!” พลันได้เห็น บุรุษผู้หนึ่งเดินออกจากในม่าน บุรุษผู้นี้มีรูปร่างสูงใหญ่ อาบเอิบด้วยพลังกดขี่ “โจมตีพร้อมกันหรือ พอดีเลย มิได้ลงมือสังหารใครด้วยตัวเองนานมากแล้วเช่นกัน” เซียวอวี้กระชับหมัดให้แน่น หลังจากนั้นเคลื่อนไหวดุจวารี ปล่อยหมัดชกไปที่หน้าอกของนักฆ่าผู้หนึ่ง ผลที่ตามมาติด ๆ คือนักฆ่าผู้นั้นล้มลงสิ้นท่าบนพื้น ภายในม่านเตียง เฟิ่งจิ่วเหยียนพลันลุกขึ้นนั่ง ในเวลาเดียวกับที่หน้าต่างเปิดออก ล
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 260

เฟิ่งจิ่วเหยียนเร่งรีบลุกขึ้นยืน ยกม่านขึ้นแล้วเดินออกไป พลางยกมือเช็ดมุมปากด้วยความรังเกียจ พยายามข่มกลั้นความโกรธในใจ ใบหน้าเย็นชายิ่งนัก หากเขามิใช่จักรพรรดิ รับประกันได้ว่าจักต้องโดนต่อยสักหมัดเป็นแน่แท้ เซียวอวี้ก็ยกม่านขึ้นและเดินออกมา ท่ามกลางความมืดมิด สายตาจับจ้องมองไปที่นาง จากนั้นคว้าจับแขนของนางไว้ บังคับให้นางหันมาเผชิญหน้ากับตัวเอง “ในเมื่อวางแผนจนได้สมใจแล้ว ก็ทำให้มันจบ ๆ ไปเถอะ” เฟิ่งจิ่วเหยียนยิ่งอยู่ยิ่งรำคาญ นางควบคุมอารมณ์ที่ขุ่นมัว แล้วเปิดปากเอ่ยอย่างสงบ “ท่านคงเข้าใจเรื่องใดผิดไปกระมัง ระหว่างข้าและท่าน มิเคยมีการวางแผนเพื่อให้ได้มา” นัยน์ตาของเซียวอวี้หดเกร็ง เผลอกระชับมือที่จับแขนของนางให้แน่นขึ้น จนกระทั่งกระดูกข้อนิ้วสีขาวปูดออกมา เขายิ้มหยัน “เพียงเพื่อช่วยเรา เจ้าสามารถยอมสละชีวิตได้ “ปากก็พร่ำพูดแต่ว่า อยากเป็นภรรยาของเรา...” เฟิ่งจิ่วเหยียนทนฟังไม่ไหวอีกแล้ว พลันเอ่ยโต้แย้งโดยตรง “ที่ช่วยท่าน ย่อมเห็นแก่ฐานะของท่าน มิต่างจากขุนนางช่วยเหลือฮ่องเต้ หรือว่ายามที่องครักษ์มาช่วยเหลือ ต้อง
อ่านเพิ่มเติม
ก่อนหน้า
1
...
2425262728
...
30
DMCA.com Protection Status