แชร์

บทที่ 256

ผู้เขียน: อี้ซัวเยียนอวี่
แรงกระแทกของก้อนหินยักษ์เช่นนั้น สามารถทำให้รถม้าพังทลายได้อย่างแน่นอน

เสียงตะโกนของเฉินจี๋ฟังเสมือนลำคอถูกฉีกขาดไป ดังสะท้อนก้องอยู่ในหุบเขาที่เงียบงัน

ในช่วงเวลาวิกฤต เซียวอวี้กำลังมีความคิดจักลงจากรถม้า ทว่าสตรีที่อยู่ข้างกายได้ก้าวนำหน้าเขาไปหนึ่งก้าว คว้าจับมือเขาไว้ และพาเขากระโดดออกไปข้างนอกรถม้าด้วยกัน

ปฏิกิริยาว่องไวเช่นนี้ ย่อมแสดงให้เห็นว่านางได้คาดการณ์ถึงอันตรายของก้อนหินยักษ์ที่กำลังกลิ้งตกลงมา ก่อนที่เฉินจี๋จะรับรู้ได้

เกือบจะเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับพวกเขากระโดดลงจากรถม้า รถม้าก็พลันถูกทำลายจนแตกกระจาย!

ม้าเองก็ตื่นตระหนก หลังหลุดจากเชือกบังเหียน ก็วิ่งเตลิดจนพลัดตกจากหน้าผาไป

มีเพียงคนทั้งสามที่ติดอยู่ระหว่างหินยักษ์สองก้อน เดินหน้าต่อไปมิได้ ถอยหลังยิ่งไร้หนทาง

เฉินจี๋กำกระบี่ยาวไว้แน่น คุ้มครองอยู่เบื้องหน้าของเซียวอวี้ สายตากวาดมองไปรอบ ๆ อย่างระแวดระวัง

“นายท่าน ต้องมีคนซุ่มโจมตีอยู่ในที่ลับเป็นแน่ขอรับ!”

เซียวอวี้ลดสายตามองลงไป——พบว่าฮองเฮายังคงจับมือของเขาไว้ ท่วงท่าเฉกเช่นเดียวกับเฉินจี๋ ใช้สายตาที่เฉียบคมกวาดมองไปโด
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (2)
goodnovel comment avatar
Rukchanaporn Nui
มีวิชาตัวเบากันไม่ใช่หรอ ก็ลอยออกไปได้นะ ??
goodnovel comment avatar
Sawarost Sontijai
เฟิ่งจิ่วเหยียนจะได้จับตัวเฉียวม่อไหม
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 257

    เฟิ่งจิ่วเหยียนเผชิญหน้ากับสายตาเย็นยะเยือกของบุรุษผู้นั้น “ข้าจักไปหา...” เซียวอวี้ขัดจังหวะคำพูดของนางอย่างเย็นชา ออกคำสั่งว่า “อยู่ที่นี่ ห้ามไปไหน” สิ้นคำพูดนี้ เขาพลันหมดสติลงไป ทว่าเขายังจับข้อมือของเฟิ่งจิ่วเหยียนไว้แน่น เสมือนศพที่แข็งตัวแล้ว แม้นเกิดอันใดขึ้นก็แยกออกไปมิได้ เฟิ่งจิ่วเหยียนต้องออกแรงอย่างมากมาย ค่อย ๆ ง้างนิ้วของเขาออกทีละนิ้ว จึงสามารถดึงข้อมือออกมาได้ ทว่ารอบข้อมือของนางมีรอยแดงประทับอยู่ แสดงให้เห็นว่าเขาใช้ความแข็งแกร่งมากเพียงใด…… เฟิ่งจิ่วเหยียนกำลังจะก้าวเท้าออกจากธรณีประตูลานบ้าน คู่สามีภรรยาชรายกน้ำร้อนเดินมาพอดี จึงบังเอิญเห็นเข้า พลันเร่งรีบตามมาขวางนางเอาไว้ และถามอย่างกังวลใจ “เฮ้! ช้าก่อน! แม่นาง เจ้า...เจ้าจะไปแล้วหรือ?” เฟิ่งจิ่วเหยียนรู้สึกพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง พวกเขาช่างเดาแม่นจริง ๆ หญิงชรากล่าวว่า “แม่นาง เจ้าไปไม่ได้! หากว่าเจ้าไปแล้ว คนผู้นั้น...คนผู้นั้นตายลงไปเล่า พวกเราสองชราจักไปตามหาใครมารับผิดชอบได้?” พวกเขากลัวว่านางจะหนีเอาตัวรอดเพียงลำพัง แล้วทิ้งปัญหาใหญ่ให้พวกตนจั

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 258

    การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเซียวอวี้ ได้ทำลายแผนการหลบหนีของเฟิ่งจิ่วเหยียน ใบหน้าของนางคงไว้ซึ่งความเงียบสงบ “ทางเดินขึ้นเขานั้นยากลำบาก ข้าจึงอยากไปสอบถามจากชาวบ้าน ถึงเส้นทางไปหาหมอในเมือง” เด็กน้อยหยิบตะกร้าไม้ไผ่ขึ้นมา แล้วส่งคืนให้เฟิ่งจิ่วเหยียน ปากเล็กเอ่ยด้วยความไร้เดียงสาจริง ๆ “พี่สาว แค่มองก็รู้แล้วว่าทางเดินขึ้นเขานั้นเดินง่ายมากขอรับ” เซียวอวี้จ้องมองนางด้วยสายตาเฉียบคม อยากเห็นว่านางจะอธิบายอย่างไร เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้พูดมากนัก เพียงย้อนถามพวกเขาแทน “ทั้งสองคนออกมาทำไม” เด็กน้อยคนนั้นชี้ไปที่เซียวอวี้ “ผู้ชายของท่าน บอกให้ข้าพาเขามาหาท่าน พี่สาว พวกท่านรักกันดีจริง ๆ เหมือนกับพ่อแม่ของข้าเลย มิอยากอยู่ห่างกันสักก้าวเดียว!” เซียวอวี้มีรอยยิ้มคลุมเครือฉายบนใบหน้า “ดีมากจริง ๆ ” สายตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนจมลง หลังจากนั้น การขึ้นเขาเก็บยาพังลง และมิได้เดินทางเข้าเมืองด้วย ทั้งสามคนกลับไปที่บ้านชาวนาพร้อมกัน เมื่อเข้ามาในห้องแล้ว ทันใดนั้นเซียวอวี้คว้าข้อมือของเฟิ่งจิ่วเหยียนไว้ สายตาเย็นชากดดัน “เจ้าค

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 259

    ในขณะที่นักฆ่าลงมือโจมตี เฟิ่งจิ่วเหยียนคิดอยากผุดลุกขึ้นมา กลับถูกเซียวอวี้คว้าจับเอวไว้ แล้วถูกบังคับให้แนบชิดกับตัวเขาเช่นนั้น ส่วนเขาพลันพลิกตัวขึ้นมาอยู่ด้านบน ตรึงนางไว้ใต้ร่างแทน ท่ามกลางความมืดมิด นางมองเห็นใบหน้าเขามิชัดเจน สัมผัสได้เพียงความเป็นปรปักษ์แผ่ซ่านออกจากกายเขาเท่านั้น ฟับ—— เขาเพียงแค่ยกมือข้างหนึ่งขึ้น พลังภายในอันแข็งแกร่งก่อตัวเป็นคลื่นอากาศ ซัดใส่นักฆ่าที่อยู่นอกม่านเตียงจนล้มคว่ำ ตุบ! ตุบตุบ! พวกนักฆ่าร่วงลงที่พื้นทีละคน พลันตระหนักได้ว่าผู้คนที่อยู่หลังม่านเตียงมิได้สลบ รีบตะโกนว่า “โจมตีพร้อมกัน!” พลันได้เห็น บุรุษผู้หนึ่งเดินออกจากในม่าน บุรุษผู้นี้มีรูปร่างสูงใหญ่ อาบเอิบด้วยพลังกดขี่ “โจมตีพร้อมกันหรือ พอดีเลย มิได้ลงมือสังหารใครด้วยตัวเองนานมากแล้วเช่นกัน” เซียวอวี้กระชับหมัดให้แน่น หลังจากนั้นเคลื่อนไหวดุจวารี ปล่อยหมัดชกไปที่หน้าอกของนักฆ่าผู้หนึ่ง ผลที่ตามมาติด ๆ คือนักฆ่าผู้นั้นล้มลงสิ้นท่าบนพื้น ภายในม่านเตียง เฟิ่งจิ่วเหยียนพลันลุกขึ้นนั่ง ในเวลาเดียวกับที่หน้าต่างเปิดออก ล

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 260

    เฟิ่งจิ่วเหยียนเร่งรีบลุกขึ้นยืน ยกม่านขึ้นแล้วเดินออกไป พลางยกมือเช็ดมุมปากด้วยความรังเกียจ พยายามข่มกลั้นความโกรธในใจ ใบหน้าเย็นชายิ่งนัก หากเขามิใช่จักรพรรดิ รับประกันได้ว่าจักต้องโดนต่อยสักหมัดเป็นแน่แท้ เซียวอวี้ก็ยกม่านขึ้นและเดินออกมา ท่ามกลางความมืดมิด สายตาจับจ้องมองไปที่นาง จากนั้นคว้าจับแขนของนางไว้ บังคับให้นางหันมาเผชิญหน้ากับตัวเอง “ในเมื่อวางแผนจนได้สมใจแล้ว ก็ทำให้มันจบ ๆ ไปเถอะ” เฟิ่งจิ่วเหยียนยิ่งอยู่ยิ่งรำคาญ นางควบคุมอารมณ์ที่ขุ่นมัว แล้วเปิดปากเอ่ยอย่างสงบ “ท่านคงเข้าใจเรื่องใดผิดไปกระมัง ระหว่างข้าและท่าน มิเคยมีการวางแผนเพื่อให้ได้มา” นัยน์ตาของเซียวอวี้หดเกร็ง เผลอกระชับมือที่จับแขนของนางให้แน่นขึ้น จนกระทั่งกระดูกข้อนิ้วสีขาวปูดออกมา เขายิ้มหยัน “เพียงเพื่อช่วยเรา เจ้าสามารถยอมสละชีวิตได้ “ปากก็พร่ำพูดแต่ว่า อยากเป็นภรรยาของเรา...” เฟิ่งจิ่วเหยียนทนฟังไม่ไหวอีกแล้ว พลันเอ่ยโต้แย้งโดยตรง “ที่ช่วยท่าน ย่อมเห็นแก่ฐานะของท่าน มิต่างจากขุนนางช่วยเหลือฮ่องเต้ หรือว่ายามที่องครักษ์มาช่วยเหลือ ต้อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 261

    ภายในเรือนของชาวนา ลมหายใจแห่งความตายพัดผ่านเข้ามาใกล้เฉินจี๋รีบตอบว่า“ฮองเฮาอยู่ในห้องด้านข้าง!”ทว่ารอเมื่อเขาเข้าไปในห้องด้านข้างพร้อมกับฝ่าบาท ข้างในกลับไม่มีใครสักคนเฉินจี๋อึ้งตะลึงเขาเห็นอย่างชัดเจนว่า ฮองเฮาเข้ามาในนี้สายตาของเซียวอวี้ มองไปยังหน้าต่างด้านหลังเขาที่ปกติสุขุมใจเย็น หลังจากรู้ว่าเฟิ่งจิ่วเหยียนหนีไปแล้ว แววตาฉายแววดั่งคลื่นพายุโหมกระหน่ำอยากที่จะ ฆ่าคน……ผ่านไปสามวันข้างนอกเมืองอวิ๋นในสถานที่พักแรมแห่งหนึ่งโต๊ะติดข้างหน้าต่าง มีคนสองคนนั่งอยู่“ท่าน...นายท่าน พวกเราออกจากเมืองอวิ๋นแล้ว หลังจากนี้จะไปทางไหนต่อขอรับ?” อู๋ไป๋เกือบขานเรียกผิดคนที่สวมหน้ากากตรงหน้าเขา แต่งตัวสวมชุดบุรุษ ก็คือเฟิ่งจิ่วเหยียนนางดื่มน้ำไปหลายคำ แล้วก็พูดขึ้นมาด้วยเสียงต่ำว่า“ไปรับเวยเฉียง แอบส่งตัวไปยังชายแดนเหนือ”“ขอรับ”จากนั้นเฟิ่งจิ่วเหยียนก็วางถ้วยชา พร้อมถามขึ้นมาว่า “จัดการศพเรียบร้อยแล้วหรือยัง?”อู๋ไป๋ผงกศีรษะ พูดตอบนางด้วยเสียงต่ำ“ตามที่ท่านรับสั่ง ให้หาศพที่รูปร่างคล้ายกับท่าน สวมอาภรณ์ของท่าน โยนเข้าไปในป่า หลังจากพวกเขาเห็นศพที่หถูกหมาป่าก

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 262

    ฮูหยินเฟิ่งตกตะลึงจิ่วเหยียนหนีไปแล้วจริง ๆ หรือ นางไร้น้ำใจขนาดนี้จริงหรือ ทิ้งพ่อแม่แท้ๆ ของตนเอง...นายท่านเฟิ่ง พรวดลุกขึ้นมา เหมือนมีแผนการแล้ว“จะต้องเป็นเมิ่งฉวีตาเฒ่าคนนั้นแน่ ข้าจะไปเขียนจดหมาย ถามเขาดูว่า เขาอยากจะทำอะไรกันแน่!”จิ่วเหยียนเป็นลูกสาวของเขา ตอนนั้นเพียงแค่ฝากเลี้ยงไว้ในตระกูลเมิ่งตอนนี้นางเติบโตแล้ว แต่งงานแล้ว ตระกูลเมิ่งก็ควรที่จะตัดสัมพันธ์กับนางหลังจากนายท่านเฟิ่งออกไปแล้ว ดวงตาฮูหยินเฟิ่งเต็มไปด้วยน้ำตาเทียบกับความพร่ำบ่น มากยิ่งกว่านั้นคือนางเป็นกังวลยังไงก็เป็นลูกสาวของนาง นางเป็นกังวลว่า จิ่วเหยียนจะไปที่ใด สุขสบายดีไหมในห้องหนังสือนายท่านเฟิ่งกำลังจะหยิบพู่กันขึ้นมา พ่อบ้านบุกเข้ามาอย่างกะทันหัน สีหน้าเหมือนไว้ทุกข์ให้ทายาท“นายท่าน เกิดเรื่องแล้ว”ความวัวยังไม่หาย ความควายเข้ามาแทรกแต่สำหรับนายท่านเฟิ่งแล้ว ต่อให้มีเรื่องใหญ่แค่ไหน ก็ไม่หนักหนาสาหัสเท่าฮองเฮาหนีไปแล้วพ่อบ้านปิดประตูอย่างระแวดระวัง จากนั้นก็รายงานด้วยเสียงเบาว่า“นายท่าน คุณหนูเวยเฉียงหายไปแล้ว แม้แต่สาวใช้ไฉ่เยว่ก็ไม่เห็นแล้ว!”นายท่านเฟิ่งโกรธจนคิ้วขมวดเป็นเส

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 263

    เฟิ่งจิ่วเหยียนหันตัว โยนคนที่อยู่ใกล้นางที่สุดผ่านบนไหล่ตูม!คนนั้นกระแทกบนโต๊ะ ถล่มตกลงพื้นพร้อมกับโต๊ะที่แตกหัก เสียงกรีดร้องดังไม่หยุด“อ้าก...”คนอื่นเห็นดังนี้แล้วก็รวมตัวต่อสู้พร้อมกันแต่ไม่นาน พวกเขาทั้งหมดล้มกองลงบนพื้นอย่างระเกะระกะ ร้องโอดโอยอย่างเจ็บปวดเฟิ่งจิ่วเหยียนยืนอยู่ตรงนั้นอย่างสบาย ข้างหลังหน้ากาก ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเยือกเย็นอาฆาตทหารกลุ่มนั้นพูดเตือนนางว่า“เจ้า เจ้ากล้าทำร้ายพวกเรา? พวกเราเป็นคนของค่ายทหารเป่ยต้า แม่ทัพน้อยเมิ่งเคยได้ยินไหม พวกเราล้วนเป็นทหารของนาง! ค่ายทหารเป่ยต้า เจ้ากล้ามีเรื่องด้วยหรือ!”เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดขึ้นมาด้วยเสียงเย็นชา“กฎค่ายทหารเป่ยต้านั้นเข้มงวด ปล่อยให้พวกเจ้ารังแกเอาเปรียบผู้หญิงบริสุทธิ์ได้อย่างไร”ทหารกลุ่มนั้นส่งเสียงหัวเราะเย้ย“พวกเราปกป้องดินแดน มีคุณงามความดี! นี่ล้วนเป็นสิ่งที่พวกเราควรได้!”“ใช่! หากไม่มีพวกเรา คนรัฐเหลียงคงโจมตีมาตั้งแต่แรกแล้ว! ยังจะมีชีวิตที่สงบเหมือนอย่างตอนนี้ได้อย่างไร!”เฟิ่งจิ่วเหยียนหิ้วคนหนึ่งขึ้นมาด้วยมือข้างเดียว จับปกเสื้อของเขาไว้ด้วยสายตากดดัน“งั้นก็ตามข้าไปยังค่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 264

    “ทำไมเจ้าก็สงสัยนาง?” ฮูหยินเมิ่งค่อนข้างแปลกประหลาดใจคนที่เฟิ่งจิ่วเหยียนไว้ใจที่สุด ก็มีแต่อาจารย์หญิงนางเล่าเรื่องเกี่ยวกับเวยเฉียงให้ฟังทุกอย่าง และอธิบาย เหตุผลที่นางสงสัยเฉียวม่อฮูหยินเมิ่งฟังแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะผงกหัว“เจ้าคิดแบบนี้ ก็ใช่ว่าไม่มีเหตุผล”“หากเฉียวม่อ หมายปองตำแหน่งแม่ทัพน้อยเมิ่งตั้งแต่แรก งั้นนางก็ต้องกันเจ้าออกไป ลงมือทำร้ายเวยเฉียง บีบบังคับให้เจ้ากลับไป”“หากเป็นฝีมือของนางจริงๆ ถือเป็นการกระทำที่โหดเหี้ยมอำมหิตอย่างที่สุด!”ฮูหยินเมิ่งอย่างไรก็คาดคิดไม่ถึง เรื่องของเวยเฉียง ก็เป็นฝีมือของเฉียวม่อยัยเด็กคนนี้ นับตั้งแต่เมื่อไหร่ กลายเปลี่ยนเป็นคนโหดเหี้ยมอำมหิตขนาดนี้!อารมณ์จิตใจเฟิ่งจิ่วเหยียนซับซ้อน“ข้าก็ไม่อยากสงสัยนาง แต่เรื่องทุกสิ่งอย่าง ล้วนพุ่งความน่าสงสัยไปที่นาง”ฮูหยินเมิ่งเห็นด้วย“ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง เดิมข้าคิดว่ารอตรวจสอบได้ผลชัดเจนแล้ว ค่อยบอกกับเจ้า“ตอนนี้ สู้บอกกับเจ้าเสียเลย“ข้าสงสัยว่า เรื่องที่กองทัพมังกรพยัคฆ์ถูกทำลายล้าง เฉียวม่อต้องมีส่วนร่วมทำอะไรสักอย่างแน่ ช่วงหลายวันก่อน ข้าได้แอบสืบเรื่องนี้มาตลอด น่าเสียดายที

บทล่าสุด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 950

    ราชทูตจากเป่ยเยี่ยนที่รักตัวกลัวตายนั้น เขาย่อมรู้ดีว่านิสัยของอดีตฮ่องเต้เป็นคนเช่นไร จึงมิคิดหาเรื่องเดือดร้อนให้กับตนเองเขารีบพาทหารทั้งหลายที่ถูกถอดชุดเกราะปลดอาวุธกลับเป่ยเยี่ยนไปในทันที มิคิดรั้งอยู่หนานฉีเลยแม้แต่วินาทีเดียวเมื่ออดีตฮ่องเต้เห็นทุกคนออกไปกันหมดแล้วนั้น เขาถึงรู้สึกตัวขึ้นมาได้ว่า เขาถูกทิ้งเอาไว้ที่นี่แล้วจริง ๆ วินาทีนั้น เขาโกรธโมโหยิ่งนัก พร้อมทั้งไอสังหารที่แผ่ไปทั่วทุกที่“อ๊าก! ตาเฒ่า! ข้าเป็นบุตรแท้ ๆ ของท่าน ท่านกล้าทำเช่นนี้กับข้าเลยหรือ!”เขาทั้งสองข้างพลันคุกลงบนพื้น ก่อนจะร้องคำรามไปมามิต่างอันใดกับสุนัขที่บ้าคลั่ง……แคว้นตงซานที่อยู่ห่างออกไปพันลี้นั้นหลังจากที่ราชทูตทั้งสองกลับมาแล้วนั้น พลางนำข่าวที่ตนเองถูกพวกหนานฉีบังคับให้ทำการค้าขายด้วยมารายงานในทันทีฮ่องเต้แคว้นตงซานที่ได้ยินเช่นนั้น พลันหัวเราะออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว“เรารู้ดีว่า หนานฉีจักไม่ยอมหยุดเพียงเท่านี้แน่!”ราชทูตหลี่หลิงที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นนั้น“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมิอาจช่วยราชครูกลับมาได้ ทว่า พวกกระหม่อมได้ทิ้งสายลับเพื่อติดตามหาเบาะแสของตงฟางซื่อเอาไว้แ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 949

    การที่พวกเขาขอเข้าพบยามมืดค่ำเช่นนี้ เกรงว่าราชทูตเป่ยเยี่ยนเองคงมีเรื่องร้อนใจมากกระมังจางฉี่หยางนำกองทัพที่แข็งแกร่งบุกเข้าโจมตีเป่ยเยี่ยนสงครามในครานี้จึงต้องรีบระงับโดยไว แว่นแคว้นภายในถึงจักสามารถฟื้นตัวได้เสียที……เมืองเซวียนภายในเรือนจำฮ่องเต้เยี่ยนและเหล่าทหารมากมายถูกคุมขังเอาไว้ที่นี่เขามิคิดเลยว่า ตนเองจักถูกพวกหนานฉีจับได้ ทั้งยังถูกคนของตนเองทรยศหักหลังอีก!เขาโกรธเกลียดยิ่งนักเมื่อฮ่องเต้ถูกจับตัวเอาไว้ได้เช่นนี้ กองทัพเยี่ยนที่เหลืออยู่บนภูเขาจิ่วเหลียนย่อมไร้ความสามารถเป่ยเยี่ยนพ่ายแพ้โดยสิ้นเชิงทว่า ฮ่องเต้เยี่ยนหาได้แสดงออกท่าทีว่าตนเองพ่ายแพ้ไม่ หากแต่ยังคงทำตัวหยิ่งจองหอง ยโสโอหังไม่เลิก“เราจักไม่ตาย! พวกเจ้ามิกล้าสังหารเราหรอก!“กองทัพเยี่ยนที่มีทหารนับหมื่นนายนั้น พวกเขาจักยังคงทยอยโจมตีหนานฉีต่อไป จนกระทั่งหนานฉีพ่ายแพ้ราบคาบเป็นหน้ากอง!”นี่คือพระราชโองการที่เขาออกสั่งด้วยตนเอง ก่อนที่เขาจะทยานเข้าสู่ศึกสงครามไม่ว่าอย่างไร เป่ยเยี่ยนกับหนานฉีก็จักรบกันจนตัวตายไปข้างหนึ่ง!ทหารที่เฝ้าห้องขังนั้น ต่างพากันหัวเราะออกมาเสียฉากใหญ่“ทยอยโจ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 948

    ในวังหลวงหลังจากรับสำรับมื้อค่ำแล้วนั้น เซียวอวี้ก็มอบของขวัญให้กับตระกูลเฟิ่งมากมาย ทุกคนต่างก็ได้รับกันถ้วนหน้า รวมไปถึงเด็กน้อยวัยสองขวบด้วยเฟิ่งเหยียนเฉินพลันลุกขึ้นยืน“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท กระหม่อมนึกละอายใจยิ่งนัก!”โจวซื่ออุ้มบุตรสาวของตนเองขึ้นมา ก่อนจะโค้งกายคำนับตามสามีของตนเองเซียวอวี้ที่มีงานราชกิจมากมายรออยู่นั้น หลังจากรับสำรับมื้อค่ำเสร็จเขาก็ต้องกลับไปที่ห้องทรงพระอักษร ก่อนจะสั่งการให้หลิวซื่อเหลียงส่งตระกูลเฟิ่งออกจากวังไปหลิวซื่อเหลียงที่เป็นข้ารับใช้คนสนิทของฮ่องเต้ การที่ได้เขาช่วยนำออกจากวังหลวงนั้น ถือเป็นการแสดงให้เห็นว่า ฝ่าบาทให้ความสำคัญกับตระกูลเฟิ่งมากเพียงใดเฟิ่งจิ่วเหยียนเหลือบมองหลานสาวตัวน้อยของนาง ก่อนจะหันกลับไปมองแผ่นหลังของฮ่องเต้ที่เดินจากไปทันใดนั้น แววตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกมากมายจึงฉายชัดขึ้นมาในทันทีตลอดการรับสำรับมื้อค่ำในครานี้ เซียวอวี้ลอบมองดูเด็กน้อยอยู่หลายครั้ง พร้อมรอยยิ้มที่ฉายขึ้นในดวงตาของเขาเสมอสายตานั้น มิต่างอันใดกับเฟิ่งเหยียนเฉินที่มอบให้กับบุตรสาวของตนเองเลยแม้แต่น้อยหากจะกล่าวว่าเฟิ่งจิ่วเหยียน

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 947

    สีหน้าของนายท่านเฟิ่งเต็มไปด้วยการต่อต้านถึงแม้ว่าเขาจะแต่งงานใหม่อีกครั้ง แต่ก็ยังมีบุปผางามสาวสะพรั่งอีกมากมายให้เลือกสรร อย่างน้อย เขาก็สามารถแต่งกับสตรีที่รู้ความแตกฉานด้านอักษร หรือมีภูมิหลังที่สะอาดสะอ้านบริสุทธิ์ผุดผ่องได้หลิวอิ๋งผู้นี้ หาได้มีคุณสมบัติที่จักมาเป็นนายหญิงของตระกูลเฟิ่งไม่!หากแต่ สตรีที่อยู่ตรงหน้าเขาหาได้มีท่าทีล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งลูบไล้ไปที่ใบหน้าของเขาราวกับเต็มไปด้วยความรักใคร่“นายท่าน สามีของข้าเสียชีวิตไปนานแล้ว แต่ข้ามิเคยลืมท่านเลยสักวันเดียว“ในเมื่อพี่สาวข้าหย่าขาดกับท่านเช่นนี้ เช่นนั้นพวกเรากลับมาอยู่ด้วยกันดีหรือไม่ ในครานี้ มิมีผู้ใดขัดขวางพวกเราได้อีกแล้ว”ทั่วร่างของนายท่านเฟิ่งพลันเหงื่อแตกไปในทันที ก่อนจะผลักนางออกไป“ใครเคยอยู่กับเจ้ากัน! เจ้าออกไปให้ห่างจากข้าเดี๋ยวนี้!”หลิวอิ๋งในยามนี้ จัดการยากกว่าในปีนั้นยิ่งนัก!เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว ที่มารดาของเขามิยินยอมให้นางแต่งเข้าจวนมา!ดวงตาของหลิวอิ๋งพลันหรี่ลงเล็กน้อย คล้ายกับท่าทีที่พร้อมจะทุบหม้อข้าวหม้อแกงทุกอย่างทิ้งไป“ท่านไม่อยากแต่งกับข้างั้นหรือ?“

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 946

    ด้านนอกประตูวังนั้นหลิวอิ๋งและบุตรสาวของนางถูกไล่ออกไปทันทีไม่ว่าพวกนางจะเอ่ยย้ำว่าเป็นเครือญาติของฮองเฮามากเท่าไหร่เหล่าองครักษ์พลางกล่าวออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ว่า: “ฮองเฮามีรับสั่งว่า ไม่พบ!”สาวใช้ของพวกนางพลันก้าวเข้าไปข้างหน้า ก่อนจะซักถามพวกเขาว่า“มีตาหามีแววไม่! พวกเจ้ามิได้ไปแจ้งให้ฮองเฮาทราบอย่างแน่นอนเลย!”องครักษ์ที่ทำหน้ารักษาประตูวังจึงชักอาวุธออกมา“หากกล้าก่อเรื่องที่หน้าประตูวัง คงมิอยากจะมีชีวิตอยู่แล้วใช่หรือไม่!”เมื่อหลิวอิ๋งและอีกสองคนเห็นสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า พวกนางจึงค่อย ๆ ล่าถอยออกไปแต่โดยดีทว่า พวกนางหาได้คิดยอมแพ้ไม่!เจิ้งจีบุตรสาวของนางพลันเป็นเดือดเป็นร้อนไปในทันที ก่อนจะจับแขนมารดาของตน พลางเอ่ยถาม“ท่านแม่ ฮองเฮามิให้พวกเราเข้าพบเช่นนี้ พวกเราจักทำเช่นไรกันดีเจ้าคะ? แคว้นพันธมิตรต่างก็เปิดเส้นทางการค้าขายมากมาย โดยเฉพาะแคว้นตงซาน จำนวนพ่อค้าหลวงเองก็มีจำกัด พวกเรามิอาจปล่อยให้ตกไปอยู่ในมือของผู้อื่นได้นะเจ้าคะ”สายตาอของหลิวอิ๋งพลันเจือไปด้วยความเย็นชาเล็กน้อย เผยให้เห็นท่าทีสงบและฉลาดหลักแหลม“ไม่ต้องรีบร้อนไป ในเมื่อคนเป็นลูกมิยอมใ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 945

    เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับการปรากฏตัวของท่านน้าหญิงของตนเองเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงสั่งให้คนไปตรวจสอบตัวตนของนางมาเสียก่อนการสืบหาในครานี้ กินเวลาไปเกือบทั้งวันด้านนอกประตูวัง ยังมีแม่ลูกคู่หนึ่งยืนอยู่ พร้อมด้วยสาวใช้ของนางเมื่อเหล่าองครักษ์เห็นว่านางเรียกตนเองว่าเป็นเครือญาติของฮองเฮานั้น พวกเขาก็หาได้กล้าทำอะไรไม่ พลางพาพวกนางไปพักที่ศาลาเพื่อรอฮองเฮาเรียกตัวเข้าพบใกล้พลบค่ำหว่านชิวพลันเดินเข้ามาภายในตำหนักในขณะเดียวกัน เฟิ่งจิ่วเหยียนที่กำลังอ่านจดหมายจากท่านอาจารย์ของนาง เนื้อหาพลันระบุเอาไว้ ชายแดนเหนือได้ทำการวางแนวป้องกันแบบใหม่ลงไปแล้ว มิกลัวว่าฝั่งเป่ยเยี่ยนจะลอบเข้ามาโจมตีอีกต่อไปหว่านชิวพลางโค้งกายคำนับ“ฮองเฮาเพคะ สืบพบแล้วเพคะ สตรีผู้นี้มีนามว่า ‘หลิวอิ๋ง’ เป็นท่านน้าหญิงของพระองค์จริง ๆ เพคะ ทว่า...” หว่านชิวพลันเปลี่ยนหัวเรื่อง “องครักษ์ยังสืบพบอีกว่า มารดาของท่านได้ทำการตัดสายสัมพันธ์กับตระกูลเดิมไปเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ท่านน้าหญิงของฮองเฮาผู้นี้ มิทราบว่าสมควรจักให้พบหรือไม่ให้พบดีเพคะ”เฟิ่งจิ่วเหยียนวางจดหมายในมือของนางลง ก่อนจะสั่งการว่า“เจ้าไปที่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 944

    เจียงหลินจึงเอ่ยอธิบายก่อน: “สำหรับเส้นทางการค้าลับนั้น ตระกูลเจียงเองก็เคยใช้งานเช่นเดียวกัน ทว่า เรื่องมนุษย์โอสถนั้น หาได้เกี่ยวข้องอันใดกับตระกูลเจียงไม่”เรียวนิ้วของเฟิ่งจิ่วเหยียนพลันเขี่ยไปที่รอบปากจอกสุรา สายตาของนางหาได้สนใจสิ่งใดไม่“เล่าต่อเถิด ว่าเรื่องเป็นมาเช่นไร”เจียงหลินพลันกัดฟันเอ่ยออกมา“ข้ากลัวว่าท่านจักเป็นกังวล จึงมิกล้าเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาให้ท่านฟัง”“เส้นทางการค้าลับนั้นมีมานานนับหลายสิบปีแล้ว การค้าของตระกูลเจียงนั้นมีบางครั้งก็จำเป็นต้องใช้งานพวกเขาบ้าง“สิ่งที่ข้าสืบพบก็คือ ไม่กี่ปีที่ผ่านมานั้นการค้าของพวกมนุษย์โอสถรุ่งเรืองยิ่งนัก ทว่า มิรู้เพราะเหตุใดช่วงนี้ราวกับพวกเขาได้ยินข่าวลืออะไรบางอย่าง จึงไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ มานานแล้ว“ข้าเองก็ได้ส่งคนไปซุ่มรอตรวจสอบอยู่ หากพบว่ามีการค้าขายเกี่ยวกับมนุษย์โอสถเมื่อใดนั้น ย่อมต้องแจ้งให้ท่านทราบอย่างแน่นอน“ทว่า ในยามนี้หาได้พบสิ่งใดไม่”หลังจากเฟิ่งจิ่วเหยียนได้ฟังจนจบแล้วนั้น อย่างน้อยนางก็มั่นใจได้เรื่องหนึ่งว่า มนุษย์โอสถไปมาระหว่างแคว้นตงซานกับหนานฉีจริง ๆ ……ช่วงนี้ นับตั้งแต่ฮ่องเต้จนไปถึงขุนน

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 943

    ปั้ง!ถานไถเหยี่ยนยกมือขึ้นข้างหนึ่ง หยวนจั้นที่ตกใจจนมิทันได้ป้องกันตนเองนั้น ก็ถูกกำลังภายในอันแข็งแกร่งกระแทกออกไปในทันทีหยวนจั้นที่ได้สติกลับมานั้น จึงปรับสมดุลกำลังภายในในร่างกายของตนเองให้มั่นคง ทว่า ก็ยังไม่อาจยืนหยัดได้อย่างมั่นคงนักร่างกายของหยวนจั้นซวนเซถอยหลังไปสองสามก้าว พร้อมทั้งแผ่นหลังที่ไปกระแทกเข้ากับประตูห้องขังที่อยู่ด้านหลังเขาเมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองนั้น พลันเห็นว่าถานไถเหยี่ยนได้ทำลายกุญแจประตูห้องขัง ก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้ามาหาเขา...หยวนจั้นเอามือกุมหน้าอกของตนเองเอาไว้ ดวงตาค่อย ๆ หรี่ลง พร้อมด้วยเปลือกตาของเขาที่สั่นไหวไปเล็กน้อยคนผู้นี้ มีความสามารถล้ำลึกถึงเพียงนี้เลยหรือ?เพียงไม่กี่อึดใจเดียว ถานไถเหยี่ยนก็เดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าของเขา พลางยกมือขึ้นมาวางบนไหล่ของหยวนจั้นหยวนจั้นที่คิดว่าถานไถเหยี่ยนจะลงมือกับตนเองนั้น กลับเห็นว่าเขาเพียงแค่ปัดฝุ่นออกจากหัวไหล่ให้ตนเองเท่านั้นเสมือนกับว่า เขายังคงเป็นอาจารย์ที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนในความทรงจำของเขาอยู่จากนั้น ถานไถเหยี่ยนพลันจัดแจงอาภรณ์ที่เต็มไปด้วยรอยยับให้เรียบร้อย พวกเขาราวกับศิษย์อาจารย์ที

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 942

    หลังจากจับกุมพัศดีได้นั้น เขาหาได้มีท่าทีสำนึกผิดไม่“ฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยทำสิ่งใดผิดไปงั้นหรือ…”เฟิ่งจิ่วเหยียนหาได้คิดมองเขาไม่ นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชาพลางกล่าวออกมาว่า“ในฐานะพัศดีนั้น กลับกระทำการรับสินบน ติดต่อกับศัตรูต่างแคว้น ย่อมต้องถูกโทษประหาร!”พัศดีพลันมีสีหน้าซีดเผือดไปในทันทีเหตุใดถึง?ฮองเฮาทรงทราบว่าเขาลอบทำสิ่งใดเช่นนั้นหรือ?ผู้ใดเป็นคนทรยศเขากัน!พัศดีพลันรีบก้มลง พร้อมโขกหัวลงบนพื้นเพื่อ ร้องขอความเมตตา“ฮองเฮาได้โปรดไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยมิกล้าอีกแล้ว! ฮองเฮาได้โปรดไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยเถิด ได้โปรด...”เฟิ่งจิ่วเหยียนหาได้คิดฟังเรื่องไร้สาระจากเขาไม่ พลางหันไปสั่งการกับเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบคุกเทียนเหลาว่า“ข้าจักให้เวลาพวกเจ้าสามวัน ไปทำการสืบค้นเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาของเจ้าเสีย”“พ่ะย่ะค่ะ!” เจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้รับผิดชอบนั้นพลันก้มหน้าลงด้วยความละอายใจเฟิ่งจิ่วเหยียนจึงหันไปกล่าวกับพัศดีคนอื่น ๆ ที่ยืนเนื้อตัวสั่นเทาว่า“ภายในสามวันนี้ หากผู้ใดยอมสารภาพออกมาแต่โดยดี จักได้รับโทษสถานเบา หากว่าทำการสืบหาตัวมาได้เมื่อใดนั

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status