บททั้งหมดของ คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง: บทที่ 561 - บทที่ 570

590

บทที่ 561

การปฏิเสธก็ชัดเจนอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม หลังจากเงียบไปนาน เสียงของโม่ไป๋ก็ยังคงอ่อนโยน “หยินอู้ เกิดอะไรขึ้น? ถ้าเธอไม่ต้องการให้ผมไปด้วย งั้นผมให้ผู้ช่วยเฉินไปกับเธอแทนไหม? เขารู้เรื่องรถดี คุณจะได้ไม่โดนคนขายรถหลอกตอนเลือกรถ.. ” น่าเสียดายที่ก่อนที่เขาจะพูดจบ เสิ่นหยินอู้ก็ขัดจังหวะเขาอย่างเหลืออด “ฉันดูโง่เหรอ? ดูโง่จนคนขายรถจะเข้ามาหลอกฉันได้ง่ายๆงั้นเหรอ?” “ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น” “ถ้านั่นไม่ใช่สิ่งที่คุณหมายถึง แล้วทำไมคุณถึงต้อบให้ผู้ช่วยเฉินไปด้วยล่ะ? ฉันบอกว่าฉันไม่ต้องการ คุณไม่เข้าใจหรอ?” หลังจากที่เสิ่นหยินอู้พูดคำพูดที่รุนแรง เธอก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย ท้ายที่สุดแล้วคนที่อยู่ปลายสายก็เป็นคนที่ดีกับเธอมากๆในช่วงห้าปีที่ผ่านมา แต่ถ้าเธอยังใจอ่อนต่อไปก็จะมีแต่ผลร้ายเท่านั้น แทนที่จะทำแบบนี้ต่อไป ก็ควรที่จะตัดไฟตั้งแต่ต้นลมจะดีกว่า เสิ่นหยินอู้ไม่ได้ยินการตอบกลับจากปลายสาย เธอคิดว่าเขาโกรธที่เธอพูดและไม่อยากคุยกับเธอต่อ แต่มันก็แปลกที่เขาโกรธแต่ไม่ยอมวางสายไป ดังนั้นเสิ่นหยินอู้จึงวางสายไปเอง หลังจากวางสายแล้ว เธอก็ยืนอยู่ที่เดิมและถอนหายใจยาวๆ
Read More

บทที่ 562

เขาเป็นผู้ชายที่หน้าตาหล่อเหลา เคร่งขรึม มีออร่าเปล่งปลั่ง เปลือกตาบาง และพูดน้อยนี่เป็นความประทับใจแรกของเธอ จากอธิบายของโจวชวงชวง เธอก็รู้ว่าเขาเป็นคนบ้างานคนหนึ่ง คำพูดที่ตรงไปตรงมาเหล่านี้ออกมาจากปากของเขาและดูเป็นเรื่องปกติ “เธอก็เลยจดจำแล้วนำมาใช้สินะ?” โจวชวงชวงยิ้ม: "แน่นอน" “ทำไมล่ะ ตอนนี้เธอไม่คิดว่าเจ้านายคนนั้นของเธอมีปัญหาแล้วเหรอ?” “แน่นอนว่ามี แต่ฉันไม่ปฏิเสธว่าฉันใช้คำพูดของเขามาปลอบใจเธอ เธอไม่คิดว่ามันสมเหตุสมผลเหรอ?” "อืม มันก็สมเหตุสมผลแหละ" เสิ่นหยินอู้หัวเราะเบาๆ แม้ว่าปกติโจวชวงซวงมักจะพูดถึงเรื่องไร้สาระของเจ้านายของเธอมากมาย แต่การได้เห็นเธอใช้คำพูดของอีกฝ่ายมาปลอบใจเธอในครั้งนี้ทำให้เสิ่นหยินอู้เห็นบางอย่างได้อย่างชัดเจน อย่างน้อยในที่ทำงาน โจวชวงชวงก็ไว้ใจเจ้านายของเธอเป็นอย่างมาก ถึงกับเอาคำพูดของเขามาใช้ สิ่งที่สำคัญคือ เสิ่นหยินอู้ได้ฟังก็เห็นด้วยเช่นกัน ก็จริงนะ ทัศนคติที่ไม่เยิ่นเย้อในการจัดการกับสิ่งต่างๆของเขาคือสิ่งที่ถูกต้องในการดำเนินชีวิต เมื่อเห็นว่าใกล้จะได้เวลาเลิกเรียนแล้ว เสิ่นหยินอู้ก็เก็บโทรศัพท์และหยุดคุยกับโจวชวงชวง
Read More

บทที่ 563

แม้ว่าไม่อยากจะยอมรับ แต่มันก็บังเอิญเกินไปหน่อนยไหม? หากสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงสองวันที่ผ่านมาเรียกว่าบังเอิญเกินไป แต่การที่ได้เจอกันในสนามบินที่ต่างประเทศแล้วก็บนเครื่องบินมันก็เป็นเรื่องยากที่จะเชื่อเหลือเกิน นี่คือเหตุผลที่ทำไมเขาถึงอยากนัดเจอเธองั้นเหรอ? แต่...ทำไมเขาถึงไม่ยอมมาปรากฏตัวล่ะ? "หม่ามี๊ มีอะไรหรือเปล่าคะ?" เมื่อเห็นว่าเธอดูเหมือนจะจมอยู่ในภวังค์ของตัวเอง เสิ่นเหมิงเหมิงก็ยื่นมือออกมากอดเธอ “หม่ามี๊ กังวลหรอคะว่าลุงเย่มู่จะเป็นคนไม่ดี? หม่ามี๊คะ ลุงเย่มู่ไม่ใช่คนไม่ดีอะไรหรอกนะคะ” คำพูดที่นุ่มนวลของเธอทำให้เสิ่นหยินอู้มองเธออย่างช่วยไม่ได้และยิ้มออกมา “ถึงเขาจะเป็นคนไม่ดี แต่เขาก็คงจะไม่เอาคำว่าคนไม่ดีมาแปะไว้ที่หน้าตัวเองหรอกจ๊ะ เขาคงไม่บอกว่าเขาเป็นคนไม่ดีหรอก” "เอ่อ" เสิ่นเหมิงเหมิงแสดงสีหน้าสับสน ดูเหมือนจะเข้าใจ แต่ก็ดูเหมือนจะไม่เข้าใจ ท่าทางที่ดูสับสนของเธอดูน่ารักมากในสายตาของเสิ่นหยินอู้ เธอเอื้อมมือออกไปแตะปลายจมูกของเหมิงเหมิง "เด็กโง่ตัวน้อยของแม่ ลุงเย่มู่คุยอะไรกับลูกบ้างตอนที่ลูกเจอเขาบนเครื่องบินก่อนหน้านี้" "หนูลืมไปแล้วค่ะ!"
Read More

บทที่ 564

“ก็ได้ค่ะ ขอบคุณลุงโม่ไป๋นะคะ”เสิ่นหยินอู้เดินจับมือเสิ่นซือเหนียนเข้าไปหาเขา โม่ไป๋หยิบกล่องเล็กๆอีกกล่องออกมาแล้วส่งให้เสิ่นซือเหนียนน “นี่ครับ ของขวัญของเหนียนเหนียน” ไม่รู้ว่าเสิ่นซือเหนียนคิดอะไรอยู่ เขาเม้มริมฝีปากเล็กๆ และไม่ได้เอื้อมมือออกไปรับมัน เมื่อเห็นว่าเขาไม่ยื่นมือออกไป โม่ไป๋จึงเรียกเขา "เหนียนเหนียน?" ดังนั้นเสิ่นซือเหนียนจึงมองไปที่เสิ่นหยินอู้ เสิ่นหยินอู้ยิ้ม "ขอบคุณลุงโม่ไป๋สิลูก" คำพูดที่ไม่น่าฟังเหล่านั้นไม่ควรพูดต่อหน้าเด็กๆ ด้วยคำพูดของเสิ่นหยินอู้ เสิ่นซือเหนียนจึงกล้ารับของขวัญจากโม่ไป๋และขอบคุณเขา เสิ่นหยินอู้มองไปที่เสิ่นซือเหนียน เด็กคนนี้หัวไวเกินไป เขาถึงขั้นสามารถรับรู้ได้ถึงอารมณ์ของเธองั้นเหรอ? เมื่อเห็นว่าในที่สุดเขาก็ยอมรับของขวัญ ใบหน้าของโม่ไป๋ก็กลับมายิ้มอย่างปลื้มปิติอีกครั้ง เขาเอื้อมมือไปลูบศีรษะของเสิ่นซือเหนียนแล้วพูดว่า "ไปกันเถอะ เดี๋ยวลุงโม่ไป๋ไปส่ง" เขามาถึงที่นี่ เสิ่นหยินอู้ก็ไม่ได้พูดอะไรเพิ่ม และพาลูกๆขึ้นรถไปพร้อมๆกับเธอ แต่หลังจากขึ้นรถ เธอก็เงียบมาก เธอเช็คโทรศัพท์ของเธออยู่ตลอด และไม่ได้เข้าไปแทรกแซงใ
Read More

บทที่ 565

เด็กๆทั้งสองคนเข้าไปในบ้านอย่างว่านอนสอนง่าย เสิ่นหยินอู้ปิดประตู หลังจากที่เธอยืนตั้งหลักได้ ด้านหลังเธอเธอเงียบสงัด หลังจากนั้นไม่นาน เสิ่นหยินอู้ก็หันกลับมาและยิ้มให้โม่ไป๋ “นายยังไม่กินข้าวเย็นเหรอ? ฉันจำได้ว่ามีร้านอาหารใกล้ๆนี้ เราไปกินกันไหม?” ไม่รู้ว่าโม่ไป๋ไม่ได้รับผลกระทบจากเธอหรือเป็นอะไร แต่หลังจากได้ยินข้อเสนอของเธอ เขาก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มจางๆบนริมฝีปากของเขา "ไปกันเถอะ" ทั้งสองก็ลงไปชั้นล่างด้วยกัน หลังจากที่เด็กน้อยตัวเล็กทั้งสองคนเข้าไปในห้อง พวกเขาก็เงี่ยหูอยู่ที่ข้างประตูโดยต้องการจะฟังว่าที่ด้านนอกคุยอะไรกัน ตัวกันเสียงของประตูนั้นดีมากจนไม่ว่าพวกเขาจะเงี่ยหูฟังแบบใด พวกเขาก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย หลังจากนั้นไม่นาน เสิ่นเหมิงเหมิงก็หันไปมองเสิ่นซือเหนียนซึ่งมีใบหน้าจริงจัง “พี่คะ หม่ามี๊กับลุงโม่ไป๋ทะเลาะกันหรอ?” คำว่าทะเลาะกันทำให้เสิ่นซือเหนียนขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดว่า: "พี่ไม่รู้ แต่เราอย่าไปเดาซี้ซั้วเลย" “พี่คะ ถ้าหม่ามี๊กับลุงโม่ไป๋ทะเลาะกัน งั้นวันหลังเรายังจะต้องสนใจลุงโม่ไป๋อยู่อีกไหม?” หลังจากได้ยิน เสิ่นซือเหนียนก็คิดอย่างจริงจัง
Read More

บทที่ 566

โม่ไป๋ก้มตาลง“ที่เธอไม่ให้ฉันไปดูรถกับเธอตอนเย็น ก็เพราะว่าเธออยากพูดคำพูดพวกนี้กับฉันน่ะเหรอ?”“ไม่ใช่ แค่จู่ๆ ก็ไม่อยากให้นายไปด้วยเฉยๆ”เมื่อพูดถึงตรงนี้ เสิ่นหยินอู้พลันหยุดชะงัก แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะนายไปหน้าโรงเรียนของเด็กๆ ฉันก็ไม่มีทางติดรถนายกลับไปด้วยหรอก ตอนนี้ก็คงไม่มานั่งคุยกับนายตรงนี้ด้วย ฉัน…รำคาญแล้ว”ได้ยินดังนั้น ใบหน้าที่อบอุ่นเสมอมาของโม่ไป๋เผยให้เห็นถึงความรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย“รำคาญแล้ว?”“ใช่ ฉันไม่ชอบนาย ก่อนหน้านี้ฉันก็บอกนายชัดเจนแล้ว แต่นายก็คอยรังควานฉัน แล้วฉันก็ต้องเสียเวลามารับมือกับนายทุกวันมันทำให้ฉันรู้สึกรำคาญมาก โดยเฉพาะตอนกลับมาในประเทศ ฉันไม่อยากรับมือกับนายอีกแล้ว เพราะฉะนั้นต่อไปนายหยุดเสียเวลากับฉัน แล้วไปหาคนอื่นได้ไหม?”แววตาของโม่ไป๋มีแววเย็นชาวาบผ่าน เหมือนว่าเขาจะไม่กล้าเชื่อในสิ่งที่ตนได้ยินเลยถึงขนาดมีอีกเสียงหนึ่งแว่วเข้ามาในหัวซ้อนทับกับเสียงของเสิ่นหยินอู้“แกรู้ตัวไหมว่าแกน่ารำคาญมากแค่ไหน? โลกของแกมีแค่ฉันคนเดียวหรือไง? ทำไมแกถึงต้องมารังควานฉันตลอดด้วย? แกไปรังควานพ่อแกสิ? ไอ้เด็กไร้ประโยชน์ แกจะม
Read More

บทที่ 567

เมื่อบริกรมองเห็นสายตาเป็นห่วงของโม่ไป๋หลังจากที่ถูกโม่ไป๋พยุงขึ้นแล้ว ก็รู้สึกสับสนขึ้นมาคนอบอุ่นตรงหน้า เป็นคนเดียวกันกับคนอารมณ์ร้ายเมื่อครู่นี้จริงเหรอ?“ฉัน…ฉันไม่เป็นไรค่ะ”ทว่าชายหนุ่มกลับไม่ปล่อยเธอ เพียงแค่พูดขออนุญาตแล้วถกแขนเสื้อของเธอขึ้นทันทีที่ถกแขนเสื้อขึ้น โม่ไป๋ก็เห็นว่าบนแขนของหญิงสาวแดงเถือกเป็นแผ่นใหญ่สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป แล้วพูดเสียงต่ำว่า “ไปล้างน้ำเย็นลดอุณหภูมิก่อนเถอะครับ”“ค่ะ…”หลังจากนั้น โม่ไป๋ก็พาเธอไปด้านหลังของร้านอาหารด้วยตัวเอง ขณะที่บริกรสาวกำลังล้างน้ำเย็นอยู่ โม่ไป๋ก็ยินพิงผนังรออยู่ข้างๆความเจ็บจากการถูกน้ำร้อนลวกค่อยๆ ลดลงตามสายน้ำเย็น เนื่องจากเป็นช่วงฤดูหนาว เมื่อเธอล้างด้วยน้ำเย็นเสร็จ แขนของเธอก็ชาจนแทบไม่มีความรู้สึกเธอเดินออกไป โม่ไป๋ก็ยืนขวางตรงหน้าเธอทันที“ขอโทษจริงๆ นะครับ ให้ผมพาไปโรงพยาบาลเถอะ”“ไม่…ไม่เป็นไรค่ะ แค่แผลน้ำร้อนลวกธรรมดาๆ ล้างน้ำเย็น เดี๋ยวก็หายค่ะ”“ไปเถอะครับ นี่เป็นความรับผิดชอบของผม”เผชิญหน้ากับใบหน้าอบอุ่นและหล่อเหลาของชายหนุ่ม ทำให้บริกรสาวไม่อาจปฏิเสธได้-เสิ่นหยินอู้กลับไปถึงบ้าน แม้ว่าในใจจ
Read More

บทที่ 568

ดูจากสถานการณ์เบื้องต้นแล้ว รู้สึกว่าการคาดเดาอันแรกดูเป็นไปได้มากกว่าถ้าเป็นอันหลัง ตอนนี้เป็นช่วงพักแล้ว เขาจะไม่มีแม้แต่เวลาเปิดอ่านข้อความได้ยังไง?คิดไปคิดมา สุดท้ายเสิ่นหยินอู้ก็ตัดสินใจพักผ่อนวันรุ่งขึ้นเสิ่นหยินอู้พูดเรื่องเช่าบ้านให้อู๋อี้ไห่ฟัง เพราะเขาเป็นเจ้าถิ่น ดังนั้นก็เลยอยากถามเขาสักหน่อยว่ามีบ้านเช่าที่รู้จักแนะนำไหมอู๋อี้ไห่ได้ยินนดังนั้น “คุณจะเช่าบ้านเหรอ? กะทันหันขนาดนี้เลย? ตามหลักแล้วคุณต้องจัดการเสร็จก่อนที่จะมาเมืองเจียงเฉิงสิ”เสิ่นหยินอู้ไม่คิดจะบอกเรื่องส่วนตัวให้อีกฝ่ายได้รับรู้ ดังนั้นจึงยิ้มจาๆ“ฉันมีปัญหาของฉันน่ะ นายแค่แจ้งฉันก็พอ”อู๋อี้ไห่ที่ใช้ชีวิตเป็นพวกหัวไวตั้งนานแล้วได้ยินดังนั้น ก็เลิกคิ้วพูดว่า “คงไม่ใช่เพราะว่าบ้านที่คุณอยู่ตอนนี้ คุณโม่ไป๋คนนั้นเป็นคนจัดการให้หรอกใช่ไหม? ที่ย้ายออกมากะทันหันแบบนี้ ปฏิเสธแล้วเหรอ?”เสิ่นหยินอู้ “…”คนคนนี้ทำไมถึงได้หัวไวขนาดนี้นะ?“ผู้จัดการอู๋ ถ้าคุณเอาความขี้เผือกมาใช้ในการทำงานสักหน่อย ฉันว่าบริษัทของเราอาจจะพัฒนาขึ้นอีกขั้นหนึ่งก็ได้นะ”“โธ่ ไม่กระทบกันหรอกครับ ทำแค่งานน่ะ น่าเบื่อจะตาย แ
Read More

บทที่ 569

เมื่อนึกภาพเพราะเฉาเหย้าจู่ ทำให้เด็กสองคนมองภาพตัวเองไม่ดีแล้ว คิ้วของฉินเย่ก็ขมวดแน่นเขาทุ่มแรงมากขนาดนี้ ก็เพราะหวังว่าเสิ่นซือเหนียนจะลดกำแพงที่มีต่อเขาลง แล้วใช้โอกาสนี้กระชับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองด้วยแต่หากผลสุดท้ายเป็นไปในทางตรงกันข้ามกับที่ตนคิดไว้ แล้วเขาจะหาคนอื่นมาทำไม?เมื่อคิดแบบนี้แล้ว สายตาของฉินเย่ที่มองเฉาเหย้าจู่ก็ยิ่งดุดันขึ้นเฉาเหย้าจู่นั่งอยู่กับที่ รู้สึกเสียวสันหลังวาบบอกไม่ถูกน่ากลัวมาก อยากกลับบ้านหลี่มู่ถิงที่นั่งอยู่ข้างหน้าทนมองต่อไปไม่ได้จึงพูดขึ้นก่อนว่า “ประธานฉิน คุณอย่าร้อนใจไปสิครับ เฉาเหย้าจู่เป็นแค่เด็กห้าขวบเอง คุณทำหน้าขรึมแบบนี้ เขาต้องกลัวคุณอยู่แล้วสิ”ได้ยินดังนั้น ฉินเย่พลันหยุดชะงัก “งั้นเหรอ?”หลี่มู่ถิงถามกลับ “แล้วไม่ใช่เหรอครับ? ถ้าคุณใช้ท่าทีแบบนี้กับเหนียนเหนียนและเหมิงเหมิง คุณคิดว่าพวกเขาจะกลัวคุณเหมือนที่เฉาเหย้าจู่กลัวคุณไหม?”คำพูดของหลี่มู่ถิง ทำให้ฉินเย่ตกอยู่ในภวังค์แห่งความคิด“แล้ว…จะทำยังไง?”“ง่ายมากครับ” หลี่มู่ถิงพูดง่ายราวกับกินข้าวดื่มน้ำ “ก็แค่ทำเหมือนที่ทำกับเหมิงเหมิงและเหนียนเหนียนไงครับ”ฉินเย่ห
Read More

บทที่ 570

เสิ่นเหมิงเหมิงรับลูกอมมาอย่างรวดเร็วฉินเย่ยื่นให้กับเสิ่นซือเหนียนเม็ดหนึ่ง แต่เสิ่นซือเหนียนยับยั้งชั่งใจมากกว่า หลังจากรับมาก็ไม่ได้แกะกินทันทีกลับกัน เขามองไปยังเฉาเหย้าจู่ที่ปรากฏตัวขึ้นข้างๆ ฉินเย่อย่างกะทันหันเฉาเหย้าจู่เองก็มองเด็กสองคนที่ดูมีเสน่ห์มากตรงหน้า ถึงแม้จะเพิ่งห้าขวบ แต่ความรู้สึกบางอย่างก็ก่อเกิดขึ้นแล้วดูเหมือนว่าเด็กสองคนตรงนี้จะจะ ‘มีค่า’ มากกว่าเขามากเขาก้มหน้าก้มตา แล้วขยับไปด้านหลังฉินเย่โดยอัตโนมัติ“เอ๋??”การเคลื่อนไหวของเฉาเหย้าจู่ ทำให้เสิ่นเหมิงเหมิงสังเกตเห็น “คุณลุงเย่มู่คะ เขาเป็นลูกของคุณลุงเหรอคะ?”ฉินเย่ “…”เขาเม้มริมฝีปากบาง แล้วปฏิเสธอย่างช่วยไม่ได้ “ถือว่าใช่มั้ง แต่ว่าไม่ใช่ลูกของลุงหรอก เป็นลูกของญาติน่ะ”ได้ยินดังนั้น ดวงตาของเสิ่นเหมิงเหมิงก็เบิกตากลมโตกว้าง “เขาคือเด็กที่คุณลุงเคยบอกว่าเรียนอยู่ที่นี่เหรอคะ?”“อื้ม พ่อแม่ของเขายุ่งน่ะ ก็เลยขอให้ลุงช่วยดูโรงเรียนให้”ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ ฉินเย่ไม่ใช่เรื่องโกหกหลอกลวงทั้งเพแต่เพราะหมดหนทาง เขาถึงได้ทำแบบนี้แต่เมื่อเห็นดวงตาที่ไร้เดียงสาและสดใสของเสิ่นเหมิงเหมิงแล้ว ฉินเย่
Read More
ก่อนหน้า
1
...
545556575859
DMCA.com Protection Status