เมื่อนึกภาพเพราะเฉาเหย้าจู่ ทำให้เด็กสองคนมองภาพตัวเองไม่ดีแล้ว คิ้วของฉินเย่ก็ขมวดแน่นเขาทุ่มแรงมากขนาดนี้ ก็เพราะหวังว่าเสิ่นซือเหนียนจะลดกำแพงที่มีต่อเขาลง แล้วใช้โอกาสนี้กระชับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองด้วยแต่หากผลสุดท้ายเป็นไปในทางตรงกันข้ามกับที่ตนคิดไว้ แล้วเขาจะหาคนอื่นมาทำไม?เมื่อคิดแบบนี้แล้ว สายตาของฉินเย่ที่มองเฉาเหย้าจู่ก็ยิ่งดุดันขึ้นเฉาเหย้าจู่นั่งอยู่กับที่ รู้สึกเสียวสันหลังวาบบอกไม่ถูกน่ากลัวมาก อยากกลับบ้านหลี่มู่ถิงที่นั่งอยู่ข้างหน้าทนมองต่อไปไม่ได้จึงพูดขึ้นก่อนว่า “ประธานฉิน คุณอย่าร้อนใจไปสิครับ เฉาเหย้าจู่เป็นแค่เด็กห้าขวบเอง คุณทำหน้าขรึมแบบนี้ เขาต้องกลัวคุณอยู่แล้วสิ”ได้ยินดังนั้น ฉินเย่พลันหยุดชะงัก “งั้นเหรอ?”หลี่มู่ถิงถามกลับ “แล้วไม่ใช่เหรอครับ? ถ้าคุณใช้ท่าทีแบบนี้กับเหนียนเหนียนและเหมิงเหมิง คุณคิดว่าพวกเขาจะกลัวคุณเหมือนที่เฉาเหย้าจู่กลัวคุณไหม?”คำพูดของหลี่มู่ถิง ทำให้ฉินเย่ตกอยู่ในภวังค์แห่งความคิด“แล้ว…จะทำยังไง?”“ง่ายมากครับ” หลี่มู่ถิงพูดง่ายราวกับกินข้าวดื่มน้ำ “ก็แค่ทำเหมือนที่ทำกับเหมิงเหมิงและเหนียนเหนียนไงครับ”ฉินเย่ห
เสิ่นเหมิงเหมิงรับลูกอมมาอย่างรวดเร็วฉินเย่ยื่นให้กับเสิ่นซือเหนียนเม็ดหนึ่ง แต่เสิ่นซือเหนียนยับยั้งชั่งใจมากกว่า หลังจากรับมาก็ไม่ได้แกะกินทันทีกลับกัน เขามองไปยังเฉาเหย้าจู่ที่ปรากฏตัวขึ้นข้างๆ ฉินเย่อย่างกะทันหันเฉาเหย้าจู่เองก็มองเด็กสองคนที่ดูมีเสน่ห์มากตรงหน้า ถึงแม้จะเพิ่งห้าขวบ แต่ความรู้สึกบางอย่างก็ก่อเกิดขึ้นแล้วดูเหมือนว่าเด็กสองคนตรงนี้จะจะ ‘มีค่า’ มากกว่าเขามากเขาก้มหน้าก้มตา แล้วขยับไปด้านหลังฉินเย่โดยอัตโนมัติ“เอ๋??”การเคลื่อนไหวของเฉาเหย้าจู่ ทำให้เสิ่นเหมิงเหมิงสังเกตเห็น “คุณลุงเย่มู่คะ เขาเป็นลูกของคุณลุงเหรอคะ?”ฉินเย่ “…”เขาเม้มริมฝีปากบาง แล้วปฏิเสธอย่างช่วยไม่ได้ “ถือว่าใช่มั้ง แต่ว่าไม่ใช่ลูกของลุงหรอก เป็นลูกของญาติน่ะ”ได้ยินดังนั้น ดวงตาของเสิ่นเหมิงเหมิงก็เบิกตากลมโตกว้าง “เขาคือเด็กที่คุณลุงเคยบอกว่าเรียนอยู่ที่นี่เหรอคะ?”“อื้ม พ่อแม่ของเขายุ่งน่ะ ก็เลยขอให้ลุงช่วยดูโรงเรียนให้”ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ ฉินเย่ไม่ใช่เรื่องโกหกหลอกลวงทั้งเพแต่เพราะหมดหนทาง เขาถึงได้ทำแบบนี้แต่เมื่อเห็นดวงตาที่ไร้เดียงสาและสดใสของเสิ่นเหมิงเหมิงแล้ว ฉินเย่
“เพราะฉะนั้น พี่แค่กลัวว่าจะฟุ่มเฟือย ไม่ใช่เพราะชอบกินแป้งใช่ไหม?”สีหน้าของเสิ่นซือเหนียนดูเจ็บปวดเล็กน้อย ใครจะชอบกินแป้งกัน?“อุ๊บ”“ขอโทษค่ะพี่ ต่อไปเดี๋ยวเหมิงเหมิงกินแป้งเอง”อาจเป็นเพราะนึกถึงภาพที่ตัวเองต้องกินแป้งแฮมเบอร์เกอร์ บนใบหน้าน้อยๆ ของเสิ่นเหมิงเหมิงจึงย่นเข้าด้วยกัน อย่าว่าแต่แป้งแฮมเบอร์เกอร์เลย ความจริงแม้แต่ผักสดในแฮมเบอร์เกอร์ เธอก็อยากแยกมันออกด้วยซ้ำแต่ว่าพี่จะช่วยเธอกินทุกครั้ง เธอก็เลยคิดว่าพี่ชอบกิน ก็เลยกินมันเด็กทั้งสองคนกำลังพูดคุยเรื่องนี้กันอยู่ ฉินเย่ตั้งใจฟังอยู่ข้างๆ จนสุดท้ายหลุดหัวเราะออกมา“ถ้าไม่อยากกินทั้งสองคน งั้นคุณลุงเย่มู่ช่วยกินดีไหม?”ถึงแม้เขาเองก็ไม่ชอบกินของพวกนั้นก็ตามแฮมเบอร์เกอร์?สำหรับฉินเย่แล้ว ของแบบนั้นก็เป็นแค่อาหารขยะเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าเด็กส่วนใหญ่ และวัยรุ่นจะชอบกินกันแน่นอนว่า ถ้าหากหลี่มู่ถิงที่อยู่ข้างๆ สามารถอ่านใจเขาได้ล่ะก็ ต้องพูดกับเขาด้วยสีหน้าดูถูกว่า “ประธานฉิน แล้วคุณไม่ใช่วัยรุ่นเหรอครับ?” แน่นอนเด็กทั้งสองคนได้ยินดังนั้น ต่างก็หันไปมองเขาพร้อมกันเสิ่นซือเหนียนยังคงมีท่าทีระมัดระวังอยู่เห
“ขอโทษนะครับ เมื่อวานผมติดธุระด่วน ก็เลยไม่ได้ไป”เขาไม่ไป ตนก็ไม่ได้ไปเช่นกันตนขอโทษแล้ว เขาเองก็ขอโทษแล้วเสิ่นหยินอู้เองก็โกรธไม่ลง เพราะเธอก็ไม่มีสิทธิ์อะไร ได้แต่ถามกลับไปว่า“แล้วคุณยังต้องการเงินสดอยู่ไหมคะ? หรือว่าให้ฉันโอนให้แทนไหมคะ?”ตอนแรกเธอคิดว่าอีกฝ่ายจะปฏิเสธ แต่ไม่คิดว่าครั้งนี้เขากลับตอบตกลง ผ่านไปสักพักเขาก็แจ้งเลขบัญชีกับชื่อมา“เฉาหานอวี่?”เขาแซ่เฉาเหรอ?เสิ่นหยินอู้เองก็ไม่คิดอะไรมาก แล้วกดโอนเงินให้กับคนแซ่เฉาทันทีหลังจากที่ส่งข้อความบอกอีกฝ่ายว่าโอนเรียบร้อยแล้วถึงจะเข้าห้องประชุมไปหลังจากที่ฉินเย่ได้รับข้อความ ก็หันไปบอกหลี่มู่ถิง หลี่มู่ถิงรีบแจ้งเฉาหานอวี่ เฉาหานอวี่ทราบเรื่อง ก็รีบโอนเงินคืนหลี่มู่ถิงทันทีถึงแม้ตอนที่เขาเห็นเงินหลายหมื่นนั่นแล้วรู้สึกตาร้อนแต่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงสองสามวันนี้ ทำให้เขารู้สึกได้ถึงบางอย่าง เขาเป็นคนทำงานมาหลายปี ถึงจะไม่มีความสามารถถึงขนาดเป็นผู้จัดการได้ แต่เรื่องบางเรื่องเขาก็พอสัมผัสได้อยู่ผ่านไปนานขนาดนี้ ตระกูลฉินแห่งเมืองหนานเฉิงไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน การที่พวกเขาอยากจะสร้างเครือข่ายด้วยนั้นแทบจะเป
เมื่อเปรียบเทียบกับความดีใจของเสิ่นเหมิงเหมิง เสิ่นซือเหนียนก็ยังคงความนิ่งเฉยอยู่ขณะที่เฉาเหย้าจู่ที่อยู่ข้างๆ เห็นฉากนี้แล้ว ก็อดกลืนน้ำลายไม่ได้ถึงแม้ครอบครัวของเขาจะไม่ใช่ครอบครัวยากจนอะไร รายได้ของพ่อแม่ก็ถือว่าดี แต่เงินส่วนใหญ่ก็ถูกใช้ไปกับการคืนเงินกู้บ้านราคาสูง ดังนั้นปกติแล้วของพวกนี้จึงเป็นของฟุ่มเฟือยสำหรับเขาเดือนหนึ่งอาจจะไม่มีโอกาสได้กินด้วยซ้ำ“อะนี่”เสิ่นเหมิงเหมิงหยิบแฮมเบอร์เกอร์ชิ้นแรกออกมามอบให้กับเฉาเหย้าจู่เฉาเหย้าจู่ตั้งใจจะยื่นมือไปรับ แต่เมื่อคิดอะไรบางอย่างได้จึงหยุดชะงัก แล้วหันไปมองฉินเย่ถึงแม้คุณลุงหลี่จะบอกใหเขาเรียกผู้ชายคนนี้ว่าลุง แต่ตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่กล้าเรียกมันออกไปรู้สึกว่าเขาน่ากลัวมาก ถ้าตนทำให้เขาไม่พอใจขึ้นมา เขาจะต้องจัดการตนแน่นอนเสิ่นเหมิงเหมิงเห็นเขาหยุดชะงัก จึงหันไปมองฉินเย่ตามสายตาของเขารอยยิ้มบริเวณมุมปากของฉินเย่แข็งทื่อมองเขาทำไม?แม้แต่กินข้าวก็ต้องดูว่าเขาอนุญาตไหม? แล้วเด็กสองคนนี้จะมองตนยังไง? หลี่มู่ถิงทำให้เขาเปลี่ยนความคิดไปทางไหนกันเนี่ย“คุณลุงเย่มู่?”เสียงของเสิ่นเหมิงเหมิงดึงสติฉินเ
เฉาเหย้าจู่พยักหน้า“ถึงตอนนั้นให้ขึ้นรถของเขานะ”“ครับคุณลุง”หลังจากบอกลาเด็กๆ แล้ว ฉินเย่ก็ออกจากโรงเรียนหลังจากที่ออกจากรั้วโรงเรียนแล้ว สีหน้าของฉินเย่ก็เปลี่ยนไป เขาเอามือปิดปาก แล้วขมวดคิ้วแน่นหลี่มู่ถิงรีบยื่นแก้วเก็บความร้อนให้เขา“ประธานฉิน กระเพาะของคุณยังไม่หายดี คุณกินอาหารขยะแบบนั้นเข้าไปไม่ดีต่อกระเพาะของคุณนะ”ฉินเย่รับแก้วมา แล้วจิบสองสามทีด้วยสีหน้านิ่งขรึมหลี่มู่ถิงเห็นดังนั้น ก็หยิบยาออกมาฉินเย่เห็นยาพวกนั้นแล้ว ก็ไม่ได้รับมา“ประธานฉิน กินเถอะครับ ถ้าเกิดไม่สบายขึ้นมา แล้วมาเจอเด็กๆ ไม่ได้จะทำยังไง?”“…”เป็นไปตามคาด ฉินเย่เชื่อฟังคำพูดของเขา แล้วกินยาลงไปแต่โดยดีหลี่มู่ถิงแอบดีใจเยี่ยมไปเลย แต่ก่อนไม่ชอบกินยาดีนัก ชอบคิดว่าตัวเองทนไหว พอตอนนี้หาเหตุผลที่ต้องกินยาได้แล้ว ทุกอย่างก็ง่ายขึ้นเยอะหลังจากกินยาไป ฉินเย่ก็นั่งพักอยู่บนรถ แต่ก็ยังรู้สึกไม่สบายกระเพาะอยู่เป็นอาหารขยะสมชื่อจริงๆ ฉินเย่คิดครั้งหน้าถ้าจะซื้อของกินให้เด็กๆ ต้องไม่ซื้อของพวกนี้อีก“ประธานฉิน อาการของคุณดูไม่ดีเท่าไหร่ หรือไม่…เราไปแอดมิดที่โรงพยาบาลสักสองวันดีไหมครับ?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เสิ่นหยินอู้ก็หันไปมองเฉาเหย้าจู่ แล้วถามเขาเบาๆ ว่า “หนูน้อย ชื่ออะไรเหรอจ๊ะ?”“ผม…ผมชื่อเฉาเหย้าจู่ครับ”เฉาเหย้าจู่?เป็นแซ่เดียวกันกับชื่อเจ้าของบัญชีที่เธอโอนไปให้ตอนกลางวันจริงแซ่เดียวกันแบบนี้ แสดงว่าต้องเป็นญาติใกล้ชิดกันมากแน่นอน“คนที่เหมิงเหมิงพูดถึงเป็นอะไรกับเราเหรอ?”คำถามนี้เฉาเหย้าจู่รู้ เพราะหลี่มู่ถิงได้ล้างสมองเขาตั้งนานแล้ว“เป็นลุงของผมครับ?”ลุง?ไม่น่าล่ะถึงแซ่เฉาเหมือนกันหมดเมื่อคิดได้แบบนั้น เสิ่นหยินอู้จึงถามเบาๆ ว่า “ถ้างั้นเดี๋ยวคุณลุงของเราจะมารับเราไหมจ๊ะ?”เฉาเหย้าจู่ส่ายหน้า“คุณลุงยุ่งครับ แต่ว่าเดี๋ยวคนขับรถมารับครับ”เขายังจำคำพูดที่ฉินเย่กำชับไว้เมื่อตอนกลางวันได้ ความจริงปกติแล้วเฉาเหย้าจู่เป็นเด็กขี้หลงขี้ลืม แต่อาจเป็นเพราะฉินเย่น่ากลัวเกินไป ดังนั้นเขาจึงจำทุกคำที่เขาพูดกับตนได้“จะมาเมื่อไหร่เหรอจ๊ะ?”“ไม่…ไม่รู้เหมือนกันครับ”ปกติเสิ่นหยินอู้ก็ไม่ใช่คนใจร้อนอะไร แต่เธอเกิดความอยากรู้อยากเห็นต่อเย่มู่ ดังนั้นจึงพลั้งปากออกไปว่า “ให้น้าไปส่งไหม?”ขณะที่พูดอยู่นั้น ก็มีรถหรูคันหนึ่งแล่นมาจากข้างหลัง จากนั้นคนขั
“คุณเฉา ฉันได้ยินมาว่าลูกทั้งสองคนของฉันได้เจอคุณแล้ว?”หลังจากส่งไป อีกฝ่ายก็ไม่ได้ตอบกลับเธอสิบนาทีต่อมา เสิ่นหยินอู้เปิดดูโทรศัพท์ของเธออีกครั้ง แต่เย่มู่เฉินจี้ก็ยังไม่ตอบกลับมาเธอไม่รีบร้อน เพราะลูกบอลถูกโยนไปแล้ว ไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องรับมันอยู่ดีเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เสิ่นหยินอู้ก็เสริมอีกประโยคหนึ่งว่า“ลูกของคุณก็อยู่โรงเรียนนี้ด้วยเหรอ?”หลังจากส่งไปแล้ว พี่เลี้ยงเด็กก็เรียกเธอ เสิ่นหยินอู้ขานตอบ กำลังจะวางโทรศัพท์แล้วเดินไป แต่ใครจะรู้ว่าโทรศัพท์กลับสั่น เย่มู่เฉินจี้ตอบกลับมาแล้ว“ไม่ใช่ลูกผม”ความเร็วของการตอบกลับในครั้งนี้ ทำให้เสิ่นหยินอู้ประหลาดใจ แล้วเลิกคิ้วขึ้นตอบกลับทันทีเลย?กล่าวอีกนัยหนึ่ง เขาเห็นข้อความของตนตั้งนานแล้ว แต่แค่ไม่ตอบกลับเท่านั้น?ทำไมถึงไม่ตอบล่ะ?เขากำลังปิดบังอะไรอยู่?ดวงตาที่สวยงามของเสิ่นหยินอู้หรี่ลงเล็กน้อย ทันใดนั้นก็เริ่มอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับเย่มู่เฉินจี้ขึ้นมาว่าเขาต้องการอะไรบนโลกนี้?ไม่นานอีกฝ่ายก็ตอบกลับเธออีกครั้ง “เป็นลูกของญาติน่ะ ผมแค่แวะไปดูบางโอกาสเท่านั้น”เสิ่นหยินอู้เบะปาก "งั้นเหรอ? คุณเฉายุ่งมากเหรอคะ?"