ทั้งสองต่อล้อต่อเถียงกันอย่างหนัก ฉินอวิ๋นฟานกลับขมวดคิ้วมุ่น ไม่ได้แสดงความเห็นอะไร เพราะเวลานี้เขากำลังสังเกตความเปลี่ยนแปลงทางสายตาของทั้งสองคนอยู่ ในตอนที่ฉินอวิ๋นคังพูด ฉินอวิ๋นฟานเห็นความกระหยิ่มใจในนั้นเสี้ยวหนึ่ง ต้องมีอะไรแอบแฝงแน่ก็ขณะที่ฉินอวิ๋นฟานกำลังสังเกตต่อ ฉินอวิ๋นคังปฏิเสธฉินอวิ๋นฮุยอีกครั้ง “น้องรอง ใช่ว่าพี่ใหญ่จะทิ้งเจ้า แต่ดูเหมือนว่าพวกโจรจะมีอยู่แค่ไม่กี่พันคนเอง ไม่พอให้แหย่ขี้ฟันด้วยซ้ำ ถึงข้ากับน้องเจ็ดจะไปกวาดล้างพวกมัน ต่างฝ่ายต่างนำกำลังคนไปแค่สองสามพันก็พอ ไม่ต้องให้เจ้าไปหรอก”“พี่ใหญ่ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ยิ่งจัดการง่าย พวกเราแต่ละคนพาคนไปสองสามพันคนก็ได้แล้วนี่ มากคนมากกำลัง กวาดล้างสะดวกมากขึ้น ท่านว่าจริงหรือไม่?”ยิ่งฉินอวิ๋นคังปฏิเสธ ฉินอวิ๋นฮุยก็ยิ่งแข็งขัน ไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ และรู้สึกว่าการทลายรังโจรง่ายดายมากกว่าเดิมนี่ก็คือความแตกต่างในคุณสมบัติระหว่างขุนศึกและขุนนางบุ๋น ขุนศึกมีประสบการณ์การลงสนามจริงมากกว่า เชี่ยวชาญการวิเคราะห์สถานการณ์ แต่ฉินอวิ๋นฮุยที่เป็นขุนนางบุ๋นจะชำนาญการวางกลยุทธ์ เล่นลูกไม้เก่งกว่า ทว่ากับการทำศึกจริง ส่วนมากล้วนพูดเ
อ่านเพิ่มเติม