วิธีการของฉินอวิ๋นฟานทำให้หัวใจของพวกเขาอบอุ่นใจยิ่งนัก พร้อมกันนั้นก็สลายวิกฤตของพวกเขาด้วย“รัชทายาทต้าเฉียน ที่ท่านว่ามาเป็นความจริงหรือ?!”หนานกงเซิ่งยังเหลือเชื่อเล็กน้อย สอบถามเพื่อยืนยันอีกครั้ง อย่างไรก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับผลประโยชน์ของทุกคนในตระกูล และพวกเขาก็คือพ่อค้า ย่อมให้ความสำคัญต่อสัจจะของฉินอวิ๋นฟาน“ต้าเฉียนเราเพิ่งได้เมืองอู่โจว จะตระบัดสัตย์เสียความน่าเชื่อถือได้หรือ?”ฉินอวิ๋นฟานพูดจริงจัง “ข้าฉินอวิ๋นฟานรักษาคำพูดเสมอ จะล้อเล่นกับเรื่องสำคัญเช่นนี้กับพวกท่านได้ยังไง? พวกท่านไปคิดคำนวณให้ดีเถอะ ข้าฉินอวิ๋นฟานจะรับผิดชอบทั้งหมด!”“จริงสิ เงินชดเชยคนที่ถูกสังหาร ข้าฉินอวิ๋นฟานก็จะจ่ายให้เป็นสามเท่า และข้าขอสัญญาอย่างจริงจังกับพวกท่านว่า ข้าจะกวาดล้างกองโจรให้หมดภายในหนึ่งเดือน คืนสภาพแวดล้อมการค้าขายที่ปลอดภัยให้กับทุกท่าน!”เมื่อได้รับการการันตีจากฉินอวิ๋นฟาน ทุกคนต่างดีใจลิงโลดมือโบกเท้ารำ การเหมาความรับผิดชอบของฉินอวิ๋นฟาน ทำให้พวกเขาซาบซึ้งใจยิ่งนักทีแรกพวกเขายังคิดว่าต้องขอท่านปู่ร้องท่านย่า คุกเข่าอ้อนวอนฉินอวิ๋นฟานคืนความเป็นธรรมให้กับพวกเขา แต่ฉินอวิ๋น
“อ้อ? ไม่ยอม? ไหนข้าดูหน่อยสิว่าใครกันที่กำแหงขนาดนี้ กล้าโวยวายต่อหน้าข้าผู้เป็นรัชทายาท?”ก็ขณะที่สมาชิกของบรรดาสมาคมการค้าโดยมีต้าเยียนเป็นผู้นำกำลังชุมนุมเอะอะโวยวายอยู่หน้าเครือต้าเฉียนเหิงไท่ ฉินอวิ๋นฟานสองมือไพล่หลัง สายตาคมกริบ ย่างเท้ามาถึงตรงหน้าทุกคน!เมื่อทุกคนเห็นฉินอวิ๋นฟานวางอำนาจเช่นนี้ ความโอหังไฟเร่าร้อนลดฮวบลงไปกว่าครึ่ง โดยเฉพาะซือหม่าเจาที่ติดต่อกับราชวงศ์ผู้มียศถาบรรดาศักดิ์ใหญ่ต่าง ๆ การก้มหัวค้อมเอว บริการเยี่ยมสุนัขคือท่าทีที่เขาต้องมีในชีวิตประจำวันแม้ฉินอวิ๋นฟานไม่ใช่นายของเขา กลับเป็นราชนิกุลผู้สูงส่งมีอำนาจ ฐานะและชื่อเสียงโด่งดัง ต่อให้เขาโวยวายหนักอย่างไร แต่เมื่อฉินอวิ๋นฟานปรากฏตัวอย่างทรงอำนาจแล้ว เขามักหดหัวตามนิสัย“ฉิน ฉินอวิ๋นฟาน เมื่อคืนนี้สินค้าของสมาคมเราหลายสมาคมถูกปล้นในพื้นที่ดูแลเมืองอู่โจว มีคนถูกฆ่าตั้งหลายคน ไม่ว่ายังไงต้าเฉียนของเจ้าก็ต้องให้คำอธิบายกระมัง?!”ซือหม่าเจาแววตาวูบไหว น้ำเสียงสั่นเครือ พูดแบบขลาด ๆ“ก็ ก็นั่นนะสิ ฉินอวิ๋นฟาน แต่ละปีสมาคมการค้าใหญ่ของพวกเราจ่ายภาษีให้ต้าเฉียนพวกเจ้าไม่น้อย พวกเจ้ามีความรับผิดชอบ มีหน้าท
“ในเมื่อรับกับอารมณ์เหม็น ๆ เช่นนี้ไม่ได้ เช่นนั้นก็ไสหัวไปเถอะ เมืองอู่โจวไม่ขาดพ่อค้า!”ฉินอวิ๋นฟานทำหน้าไม่แยแส พูดเสียดสีทันที“หา...นี่...”เมื่อฉินอวิ๋นฟานพูดคำนี้ออกมา หมู่ผู้รับผิดชอบสมาคมการค้าเอ๋อรับประทาน สมองขาวโพลนไปเลย ทีแรกนึกว่าจะใช้วิธีนี้กดดันฉินอวิ๋นฟาน ให้ฉินอวิ๋นฟานถอยสักหน่อย ไม่นึกว่าฉินอวิ๋นฟานจะไล่ให้พวกเขาไสหัว คราวนี้มันไม่สนุกแล้วนะ!ผู้รับผิดชอบสมาคมการค้าทั้งหลายเจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า ทุกคนปราศจากความคิดโดยสิ้นเชิง ลมปากที่เพิ่งพ่นออกไปจะเก็บกลับคืนก็ไม่ได้กระมัง?“ทำไม? พวกเจ้ายังจะยืนบื้อทำไม?”ฉินอวิ๋นฟานเหยียดยิ้มมุมปาก แสยะยิ้มและพูด “ยังไม่รีบกลับไปเก็บข้าวของของพวกเจ้าแล้วไสหัวไปอีก ไว้หน้าพวกเจ้าแล้วใช่ไหม? อย่าบีบให้ข้าต้องตบพวกเจ้าออกไปนะ!”คราวนี้ซือหม่าเจาและคนอื่น ๆ งงเป็นไก่ตาแตก ยามนี้ขึ้นขี่หลังเสือแล้วลงยาก ฉินอวิ๋นฟานไม่เกรงใจพวกเขาสักนิด เห็นชัดว่าต้องการขับไล่พวกเขา ทันใดนั้นทุกคนตื่นตระหนก!“เอ่อ... รัชทายาทต้าเฉียน พวกเรา...”“หุบปาก!”หนานไป่เวยเพิ่งอ้าปากก็ถูกฉินอวิ๋นฟานตวาดกลับ ดวงตาวาวโรจน์จดจ้อง เอ่ยเสียงกร้าว “ข้าบอกให้
ทุกคนหันไปมองตามเสียง เห็นเพียงชายร่างกำยำสวมกวานหยกม่วงบนศีรษะ คิ้วดาบตาดารา อยู่ในชุดผ้าไหมแพรพรรณคนหนึ่งกำลังเดินมาทางฉินอวิ๋นฟานพร้อมผู้ติดตามกลุ่มหนึ่ง แค่ดูก็รู้ว่าต้องมีฐานะสูงส่งยิ่งแน่“เสี่ยวฟาน องค์ชายใหญ่มาแน่ะ”เห็นองค์ชายใหญ่ฉินอวิ๋นคังปรากฏตัวในสถานการณ์ตึงเครียดเช่นนี้ อู่จ้านรู้สึกว่าการสันนิษฐานเมื่อคืนน่ากลัวว่าจะเป็นความจริง เวลานี้ไม่ว่าเสี่ยวฟานจะจัดการงานในเมืองอู่โจวอย่างไร องค์ชายใหญ่ก็ไม่มีสิทธิ์มายุ่ง แต่เขากลับแสดงตัวออกมาแล้ว“เหอะ พี่ใหญ่คือมีป่ามีใจทะยานอยากดังคาด!”ฉินอวิ๋นฟานมองฉินอวิ๋นคังที่กำลังเดินมาหาตนเอง สายตาเหี้ยม ขณะเดียวกันก็ยืนยันการสันนิษฐานของเขาด้วย แผนชั่วทั้งหมดนี้ฉายอยู่ในหัวของฉินอวิ๋นฟานแล้ว เรื่องราวดำเนินไปรอยทางที่เขาคิดเอาไว้แทบจะทั้งหมดเริ่มจากกองโจรจางหมาจื่อก่อเรื่อง ตามด้วยสมาคมการค้าต่าง ๆ หาเรื่องด้วยเหตุผลอันสมควร ต้องการคำอธิบาย สร้างสถานการณ์และให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ จากนั้นพี่ใหญ่ก็เข้าฉากต่อจากนี้น่าจะเป็นฉากทลายรังโจรสินะ? พวกโจรปะทะกับทหารทางการ รัชทายาทต้าเฉียนฉินอวิ๋นฟานสู้ศึกเคราะห์ร้ายเสียชีวิต?แผนกา
ฉินอวิ๋นคังยิ้มมุมปากนิด ๆ ก่อนจะพูดด้วยหน้าตามั่นใจ “สำหรับที่เจ้าบอกว่าถูกต้าเยียนเล่นพรรคพวกกีดกันเจ้า นี่ไม่ใช่วิธีการต่อสู้ทางธุรกิจตามปกติหรือ? แล้วเจ้าจะให้ข้าทำยังไง? ไม่สนผลที่จะตามมาเหมือนเจ้า? แตกหักกับสมาคมการค้าพวกนี้? เป็นคนจะทำเหิมเกริมขนาดนั้นไม่ได้กระมัง?”คำตอบของฉินอวิ๋นคังไร้ช่องโหว่ ไม่ติดกับฉินอวิ๋นฟานเลย จุดประสงค์ของเขาชัดเจนมาก นั่นก็คือยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม หลบหลีกหลุมพรางทั้งหมดของฉินอวิ๋นฟานมีแต่เช่นนี้จึงจะสามารถผลักดันเรื่องทลายรังโจรให้สำเร็จ และนี่ก็คือเป้าหมายหลักของเขา“อ้อ? อย่างนั้นหรือ?”ฉินอวิ๋นฟานขมวดคิ้วเป็นปมแน่น มีคนชี้แนะพี่ใหญ่ดังคาด นี่ทำให้เขาประหลาดใจนัก และรับมือยากมากด้วยการทลายรับโจรคือปัญหาใหญ่ของเมืองอู่โจวที่มิอาจหลีกเลี่ยงในหลายปีนี้ เมื่อขบวนสินค้าถูกปล้น การที่พวกเขาจะขอคำอธิบายจากผู้รับผิดชอบเมืองอู่โจวก็ถูกต้องแล้วนี่พี่ใหญ่ทำงานตามระเบียบ การปกป้องผลประโยชน์พื้นฐานของสมาคมการค้าใหญ่ต่าง ๆ คือเรื่องที่สมควร นี่ก็คือวิธีการและรูปแบบที่เขาฉินอวิ๋นฟานใช้เป็นประจำ การต่อสู้ครั้งนี้ ฉินอวิ๋นฟานไม่ปฏิเสธว่าฉินอวิ๋นคังเป็นต่อ“ว
ฉินอวิ๋นฮุยที่แพ้หลายต่อหลายครั้งเวลานี้ระวังตัวแจ ในเมืองจัวแห่งนี้ พี่ใหญ่คือผู้รับผิดชอบคนก่อน น้องเจ็ดคือผู้รับผิดชอบคนปัจจุบัน ส่วนเขาแทบไม่มีตัวตน ถ้าเขาแข็งในตอนนี้มีแต่จะถูกโจมตีดังนั้นระยะนี้เขาจึงสังเกตการณ์ตลอดเวลา หาโอกาสเหมาะสม ครั้นรู้ว่าสมาคมการค้าจำนวนมากถูกปล้นสินค้า เขาก็ได้กลิ่นความผิดปกติตุ ๆ แบบจมูกไวทันที เขาแอบจับตามองมานาน เมื่อพบว่าฉินอวิ๋นฟานกับฉินอวิ๋นคังมีความคิดจะออกเมืองทลายรังโจรก็เสนอหน้าทันที นี่คือโอกาสสร้างผลงานใหญ่ที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งถ้าพี่ใหญ่กับฉินอวิ๋นฟานคว้าโอกาสนี้ไป เช่นนั้นการเดินทางครั้งนี้จะไร้ความหมายจริงแล้วกลับไม่รู้เลย ความจริงนี่คือหลุมพรางที่องค์ชายใหญ่ทำเอาไว้ แม้จะรู้สถานการณ์ในเมืองหลวงเล็กน้อย แต่เขายังนึกไม่ถึงอยู่ดีว่าฉินอวิ๋นคังต่างหากที่เป็นตัวการใหญ่ขณะเดียวกัน องค์ชายใหญ่ได้รับข่าวจากตระกูลเริ่นเหมือนกัน ตระกูลเริ่นต้องการให้เขาลุยไปเลย หลังจากรู้ข่าว ความมั่นใจของฉินอวิ๋นคังก็เพิ่มขึ้นมาก แต่เขากลับไม่รู้ว่านี่คือข้อตกลงระหว่างไท่ซั่งหวงและตระกูลเริ่น ตระกูลเริ่นตัดหางปล่อยวัดกับเขาแล้วไท่ซั่งหวงต้องการใช้เรื่อง
ทั้งสองต่อล้อต่อเถียงกันอย่างหนัก ฉินอวิ๋นฟานกลับขมวดคิ้วมุ่น ไม่ได้แสดงความเห็นอะไร เพราะเวลานี้เขากำลังสังเกตความเปลี่ยนแปลงทางสายตาของทั้งสองคนอยู่ ในตอนที่ฉินอวิ๋นคังพูด ฉินอวิ๋นฟานเห็นความกระหยิ่มใจในนั้นเสี้ยวหนึ่ง ต้องมีอะไรแอบแฝงแน่ก็ขณะที่ฉินอวิ๋นฟานกำลังสังเกตต่อ ฉินอวิ๋นคังปฏิเสธฉินอวิ๋นฮุยอีกครั้ง “น้องรอง ใช่ว่าพี่ใหญ่จะทิ้งเจ้า แต่ดูเหมือนว่าพวกโจรจะมีอยู่แค่ไม่กี่พันคนเอง ไม่พอให้แหย่ขี้ฟันด้วยซ้ำ ถึงข้ากับน้องเจ็ดจะไปกวาดล้างพวกมัน ต่างฝ่ายต่างนำกำลังคนไปแค่สองสามพันก็พอ ไม่ต้องให้เจ้าไปหรอก”“พี่ใหญ่ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ยิ่งจัดการง่าย พวกเราแต่ละคนพาคนไปสองสามพันคนก็ได้แล้วนี่ มากคนมากกำลัง กวาดล้างสะดวกมากขึ้น ท่านว่าจริงหรือไม่?”ยิ่งฉินอวิ๋นคังปฏิเสธ ฉินอวิ๋นฮุยก็ยิ่งแข็งขัน ไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ และรู้สึกว่าการทลายรังโจรง่ายดายมากกว่าเดิมนี่ก็คือความแตกต่างในคุณสมบัติระหว่างขุนศึกและขุนนางบุ๋น ขุนศึกมีประสบการณ์การลงสนามจริงมากกว่า เชี่ยวชาญการวิเคราะห์สถานการณ์ แต่ฉินอวิ๋นฮุยที่เป็นขุนนางบุ๋นจะชำนาญการวางกลยุทธ์ เล่นลูกไม้เก่งกว่า ทว่ากับการทำศึกจริง ส่วนมากล้วนพูดเ
ยิงปืนยิงนกตัวแรก ฉินอวิ๋นฟานไม่คิดอยากได้โอกาสไปตายนี้หรอกเขาแสดงท่าทีทันที “พวกเราต่างนำทหารมาไม่น้อย ไม่ว่าใครก็มีโอกาสทำงานสำเร็จทั้งนั้น ในเมื่อพวกท่านอยากสร้างผลงานมาก เช่นนั้นพวกท่านก็ไปก่อนเถอะ ถ้าพวกท่านไม่ไหวจริง ข้าค่อยออกโรงแล้วกัน”“เหอะ ถ้าพวกเราไม่ไหวเจ้าค่อยออกโรง? น้องเจ็ดจะยกหางตัวเองเกินไปแล้วกระมัง? กับอีแค่กวาดล้างโจรกระจอก มันจะยากตรงไหน?”ฉินอวิ๋นฮุยสีหน้ามั่นใจเต็มเปี่ยม ไม่เห็นการทลายรังโจรครั้งนี้อยู่ในสายตา เขามีทหารห้าหมื่นนายเต็ม ๆ ยังจะกำจัดโจรไม่กี่พันคนไม่ได้? น่าขัน!แต่เรื่องที่เขาไม่รู้คือ เขาถูกฉินอวิ๋นฟานหลอกใช้แล้ว ฉินอวิ๋นฟานรู้ว่านี่คือหลุมพรางจึงให้เขาไปทดสอบดูก่อนเท่านั้น“น้องรอง ความหมายของเจ้าคือ เจ้าต้องการแย่งสิทธิ์การไปกวาดล้างโจรเป็นคนแรกกับข้า?”ฉินอวิ๋นคังเลิกคิ้วถาม“พี่ใหญ่ ผลงานครั้งนี้คือลาภลอย มีเหตุผลให้หลีกทางที่ไหน? ท่านว่าไหม?”ฉินอวิ๋นฮุยสวมบทผู้มีเมตตาไม่ยอมถอยอีกครั้ง การเดินทางมาเมืองอู่โจวของพวกเขาสามพี่น้องในครั้งนี้ เขาอับแสงที่สุด ดังนั้นเพื่อความเฉิดฉาย เพื่อเรียกร้องความสนใจจากผู้นำระดับสูงในราชสำนัก เขาต้อง
“เอ่อ... แต่เพียงแต่ข้าที่กังวลเช่นนี้ เกรงว่าทุกคนก็คงมีความกังวลนี้เหมือนกันกระมัง? อย่างไรเสีย ของอย่างบัญชีก็สามารถปลอมแปลงได้”เห็นฉินอวิ๋นฟานพูดตามตรง ฉินอวิ๋นฮุยจึงไม่อ้ำอึ้งอีก การยกเรื่องไม่ดีมาพูดแต่แรกมิใช่เรื่องน่าอายอันใด เพราะมันเกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ของพวกเขา เขาไม่อยากถูกฉินอวิ๋นฟานหลอก!“ฮ่า ๆ ๆ...”ฉินอวิ๋นฟานลั่นเสียงหัวเราะทันที “พี่รองทำงานรอบคอบดังคาด น้องเจ็ดเลื่อมใส แต่ท่านคิดมากไปแล้ว ถ้าต้องดูแลเมืองการค้าสามเมือง คนของข้าไม่มีทางพอ ถ้าพวกท่านไม่ส่งคนมาช่วยงาน ข้าคงทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จ”“อ้อ? น้องเจ็ดพูดจริงรึ?!”เมื่อนั้นหัวใจที่ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ของฉินอวิ๋นฮุยจึงสงบลง หากเขาสามารถให้คนเข้าร่วมอยู่ในเมืองการค้าทั้งสามเมืองได้ เช่นนั้นเขาจะวางใจได้แล้ว เพราะจะรับประกันผลประโยชน์ของเขาได้ทั้งหมด!“พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านวางใจได้เลย ระหว่างพวกเราพี่น้องแม้เป็นคู่ต่อสู้กัน แต่ต่อหน้าผลประโยชน์ของบ้านเมือง พวกเราต้องรวมใจเป็นหนึ่ง มีเพียงเช่นนี้ต้าเฉียนเราจึงจะเฟื่องฟูได้นิรันดร์”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ดังนั้นในเรื่องการค้า เครือเหิงไท่จะรับผิดชอบกิจการหลักท
ฉินอวิ๋นฟานกล่าวอย่างจริงจัง “ต่อให้ใครกล้ามีความคิดส่วนตัวก็เปล่าประโยชน์ เพราะพวกเราต้องร่วมกันทำงาน หากไม่อยากเสียเมืองไป ไม่อยากตาย ทหารทุกคนจะต้องให้ความร่วมมือ เป็นหนึ่งเดียวสู้กับภายนอก”“ดี ดีมาก ความคิดนี้ไม่เลว!”เมื่อฉินอวิ๋นฟานกล่าวออกมา ไท่ซั่งหวงรู้อยู่แล้วว่าฉินอวิ๋นฟานต้องทุ่มเทเพื่อแผนการนี้ มิเช่นนั้นจะไม่มีทางคิดแผนการสมบูรณ์แบบเช่นนี้ออกมาได้“อื่ม ไม่เลว!”ฉินอวิ๋นฮุยไม่ได้ดีใจกับแผนการสมบูรณ์แบบไร้ที่ติของฉินอวิ๋นฟาน เพราะแม้เช่นนี้จะเป็นเรื่องดีต่อบ้านเมืองจริง หากไร้ประโยชน์อันใดต่อพวกเขา ในทางกลับกัน พวกเขายังจะกลายเป็นคนที่ถูกฉินอวิ๋นฟานใช้งานอีกด้วยพวกเขาส่งทหารรักษาเมือง ฉินอวิ๋นฟานกอบโกยกำไรอย่างบ้าคลั่ง คิดแล้วฉินอวิ๋นฮุยก็อยากตบหน้าตัวเองสักฉาด ลักไก่ไม่สำเร็จเสียข้าวอีกหนึ่งกำมือโดยแท้!ทว่าไท่ซั่งหวงแสดงท่าทีชัดเจนแล้ว เขายังจะทำอะไรได้อีก?ฉินอวิ๋นฟานรู้ความคิดของพวกเขาดี อีกอย่าง ถ้าครองผลงานเองในเวลานี้จะเป็นการเลือกที่ไม่ฉลาดเอามาก ๆ ฉินอวิ๋นฟานไม่ทำเรื่องเบาปัญญาเช่นนี้หรอก!โบราณกล่าว ตบหน้าฉาดหนึ่งต้องให้พุทราหวานหนึ่งลูก อีกฝ่ายส่งทหารม
ขณะนี้ ทั่วทั้งท้องพระโรงเงียบกริบ ถ้อยคำชวนให้คนมีจิตใจฮึกเหิมของฉินอวิ๋นฟานวนเวียนอยู่ในหัวของ แม้ไท่ซั่งหวงเองก็ยังตกตะลึงพรึงเพริดกับคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟาน!รัชทายาทวัยสิบแปดสิบเก้าคนหนึ่ง ช่างเป็นชายชาตินักรบเลือดร้อนไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน หากคนเช่นนี้เป็นจักรพรรดิ ไยต้องกลัวอนาคตต้าเฉียนจะไม่ศิวิไลซ์?“เกี่ยวกับการสร้างเมืองการค้าสี่แห่งในสี่ทิศของต้าเฉียน ทุกคนคัดค้านอย่างหนัก ข้าเข้าใจความรู้สึกของทุกคนมาก แต่ในเมื่อจะทำเรื่องนี้ ข้าก็ต้องยอมรับเสียงและความเห็นที่แตกต่าง ทุกคนว่ามาเถอะ”ฉินอวิ๋นฟานไม่รีบร้อน มีแต่ต้องทำให้ทำคนยอมรับเรื่องนี้จากใจจริง เขาจึงจะยึดสิทธิ์ความเป็นผู้นำได้ มิเช่นนั้นต่อให้ใช้กำลังผลักดันเรื่องนี้ คนเหล่านี้ต้องเล่นตุกติกลับหลังเขาแน่ เช่นนี้มีแต่จะทำให้รำคาญดังนั้นฉินอวิ๋นฟานเตรียมตัวกับการคัดค้านและความคิดของทุกคนแต่แรกแล้ว ต้องการแค่โอกาสประจวบเหมาะหนึ่ง เพราะคนที่ป่วยเป็นโรคอิจฉาตาร้อนมีมากเหลือเกิน มีแต่ต้องคิดหาทางหยดยาดวงตาให้พวกเขาสักหน่อย จึงจะขจัดต้นตอของปัญหาได้ “นี่...”ผู้คนมากมายแน่นขนัดพูดไม่ออกสักคำ เพราะต่างมีความกังวลอยู่ในใจ ฉ
นาทีนี้ถังเจิ้นไห่ถูกโจมตีทำร้ายทางจิตใจอย่างหนัก ฉินอวิ๋นฟานปากคอเราะรายน่ากลัวจริง ๆ การโจมตีของเขารวดเร็วนัก เขาต้านทานไม่ไหวเลยเขาจนปัญญากับการโจมตีของฉินอวิ๋นฟานแล้ว ได้แต่ใช้สถานะข่มขู่ฉินอวิ๋นฟาน หวังว่าฉินอวิ๋นฟานจะหยุดโจมตีเขาน่าเสียดาย แต่ไหนมาฉินอวิ๋นฟานก็ไม่ใช่คนใจบุญสุนทานอะไร และไม่เคยเป็นพวกยอมเสียเปรียบ หากมีคนโจมตีเขา ฉินอวิ๋นฟานจะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด!ต้องถล่มอีกฝ่ายจนแพ้ราบคาบ นี่สิจึงจะเป็นเป้าหมายความเป็นคนของเขา และถังเจิ้นไห่ก็แตะเขตต้องห้ามของเขาพอดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานย่อมไม่ไว้หน้าเขา!ครั้นพวกฉินอวิ๋นฮุยเห็นสภาพการณ์เช่นนี้ก็พากันมอบสายตาเห็นใจให้ถังเจิ้นไห่ พวกเขาเคยได้รับการสั่งสอนด้วยหมัดหนักจากฉินอวิ๋นฟานมานานแล้ว ในสถานการณ์ที่ไม่มีความมั่นใจเต็มร้อย หากหาเรื่องฉินอวิ๋นฟานก็เท่ากับรนหาที่ตาย!ไท่ซั่งหวงและจางเต้าหลินฉายรอยยิ้มพึงพอใจ แม้ถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟานจะหยาบคายไม่รื่นหูไปบ้าง แต่สะใจยิ่งนัก! นักวางแผนร้ายเฒ่าเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง ถูกฉินอวิ๋นฟานฟาดกลับจนต้องสงสัยในชีวิต เด็ดสะระตี่แท้!“เกินไป? ตอนนี้ท่านรู้ว่าเกินไป? ตอนที่ท่านสาดน้ำคลำใส่
“ท่าน...”ถูกฉินอวิ๋นฟานด่าว่าหน้าด้าน ถังเจิ้นไห่โกรธจนหน้าเขียว แทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น เขาจำต้องยอมรับว่าฉินอวิ๋นฟานร้ายจริง ๆ! ในสภาวการณ์เช่นนี้ เขากลับไม่กลัวแม้แต่น้อย?“ท่านเทิ่นอะไร ท่านมันหน้าด้านเหม็นโฉ่ อายุอานามห้าสิบกว่าแล้ว มีแต่ความชั่วร้ายอยู่เต็มอก น่ารังเกียจโดยแท้!”ฉินอวิ๋นฟานไม่ไว้หน้าถังเจิ้นไห่สักนิด เอ่ยต่อ “เมื่อวานข้าเพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองอู่โจว ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าไม่คิดกระจายการเพาะปลูกทั่วแคว้น? ท่านให้โอกาสข้าพูดแล้วหรือยัง?!”“อีกอย่าง ปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่ข้ามอบให้ทุกแคว้นมีจำกัด ใครกล้าไม่เคารพต้าเฉียน? ข้าคือบิดรมารดาปากท้องของพวกเขา ใครกล้าหือ?!”“แม้นมีแคว้นใดไม่เป็นเด็กดี ข้าจะระงับการส่งมอบเมล็ดพันธุ์ให้พวกเขาทันที ข้าจะดูสิว่าไอ้ไม่ดูตาม้าตาเรือหน้าไหนกล้าท้าทายขอบเขตต่ำสุดของข้า?!”ครั้นกล่าวออกมา ทุกคนต่างมองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดกล้าพูด หากเทียบกับการเคลือบแคลงสงสัยเมื่อครู่ การพูดเช่นนี้ของฉินอวิ๋นฟานยิ่งสามารถทำให้เขายืนอย่างมั่นคงมากขึ้นฉินอวิ๋นฟานคลี่คลายประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการได้แล้ว ถังเจิ้นไห่หน้าตึงจนน
“ได้!”ถังเจิ้นไห่พูดหน้าขรึม “ประการที่สองของความผิดร้ายแรงสามประการ รัชทายาทร่วมกันสร้างถนนกับแคว้นต่าง ๆ เรื่องนี้อึกทึกครึกโครมไปทั่ว ทันทีที่สร้างถนนที่กว้างยิ่งขึ้น การคมนาคมจะสะดวก คืออยากให้แคว้นรอบข้างรุกรานต้าเฉียนเราสะดวกยิ่งขึ้นหรือ? การกระทำเช่นนี้มิใช่แผนการล่มชาติแล้วมันคืออะไร?!”ซี้ด...เมื่อทุกคนได้ฟังต่างสูดลมเย็นเข้าปาก เกิดความสงสัยอย่างหนักกับจุดประสงค์ของฉินอวิ๋นฟาน ด้านหนึ่งมอบธัญพืช ด้านหนึ่งสร้างถนนกับทุกแคว้น จุดประสงค์จะชัดเจนเกินไปแล้วกระมัง?“ต่อ ประการที่สามเล่า!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มเรียบ เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะไปไกลขนาดไหน ช่างเป็นคนที่มีขอบเขตความรู้ความเข้าใจและวิสัยทัศน์โดยแท้ การกำหนดอนาคตของบ้านเมือง เป็นเช่นนี้ดังคาดหากให้พวกเฮ่อชินอ๋องเรืองอำนาจจริง ต้าเฉียนมิต้องจบเห่หรือ? ให้สวะพวกนี้ดูแลบ้านเมือง บ้านเมืองนั้นยังจะมีความหวังอะไร?พวกเขานอกจากจะมีความชั่วร้ายอยู่เต็มอก มีความคิดดำมืดอยู่เต็มสมอง ยังจะทำอันใดได้อีก?“หึ!”ถังเจิ้นไห่แค่นเสียงแล้วจึงเอ่ย “ประการที่สาม รัชทายาทร่วมมือกับแคว้นต่าง ๆ กีดกันต้าเยียน สังหารบุตรชายคนที่สี่ข
“อ้อ? ความผิดร้ายแรงสามประการของฟานเอ๋อร์? ไหนลองว่ามาดูสิ!”ไท่ซั่งหวงตั้งสมาธิ นึกสนใจขึ้นมาทันที อย่างลับ ๆ เขาให้ความสนใจกับพฤติกรรมของฟานเอ๋อร์มาก ไม่เคยได้ยินความผิดร้ายแรงสามประการอันใด เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะพูดอะไรความผิดร้ายแรงสามประการเสมือนระเบิดลูกใหญ่ ทำให้สีหน้าทุกคนเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกขึ้นมา ยามนี้สายตาของทุกคนในที่นั้นต่างรวมศูนย์อยู่ที่ตัวของถังเจิ้นไห่“ประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการ ได้ยินว่ารัชทายาททำเมล็ดพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ขึ้นมา สามารถให้ผลผลิตสูงมาก เดิมนี่คือโอกาสดีที่สุดที่ต้าเฉียนเราจะแจ้งเกิด คิดไม่ถึงว่ารัชทายาทกลับมอบเมล็ดพันธุ์ผลผลิตสูงให้กับแคว้นต่าง ๆ รอบข้าง ช่วยให้พวกเขามั่งคั่งมากขึ้น”ถังเจิ้นไห่กล่าวเสียงหนัก “ขอถามทุกท่านในที่นี้ พฤติกรรมเช่นนี้ของรัชทายาทคือกำลังช่วยเหลือศัตรูน่ากลัวของเราหรือไม่? พฤติกรรมเช่นนี้ของเขา คือการขายชาติหรือไม่?!”ตูม...ครั้นถังเจิ้นไห่กล่าวถ้อยคำนี้ออกมา บรรดาขุนนางต่างอึกทึกครึกโครม คนทั้งโลกต่างรู้เรื่องที่เมืองจัวเก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์แทบทุกคน และเรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานลงนามสัญญากับแคว้นต่าง ๆ ก็รู
“อื่ม! ดี!”ไท่ซั่งหวงเอ่ยเสียงหนัก “เช่นนั้นข้าขอประกาศอย่างเป็นทางการ แต่งตั้งหวังอันสือเป็นหัวหน้าสำนักศึกษาหลวง เจี่ยงฝานฝานเป็นรองหัวหน้า การรับตำแหน่งนี้มีผลอย่างเป็นทางการ หัวหน้าขันทีเฉา ร่างราชโองการเดี๋ยวนี้ ประกาศต่อใต้หล้า!”เมื่อเรื่องราวสิ้นสุดลง ใจที่กระวนกระวายของฉินอวิ๋นฟานก็สงบ เขามองจางเต้าหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง!ทว่าคนอื่น ๆ กลับมีความรู้สึกที่แปลกออกไป หลังจากหวังอันสือได้ขึ้นตำแหน่ง ทำให้พวกเขาตระหนักว่าสถานการณ์ในราชสำนักกำลังหลุดจากการควบคุมอย่างช้า ๆ ฉินอวิ๋นฟานกำลังจะครองราชสำนัก“เอาละ เรื่องสำนักศึกษาหลวงก็สิ้นสุดแล้ว แต่จะละเลยผลงานการไปเมืองอู่โจวของฟานเอ๋อร์ครั้งนี้ไม่ได้”ไท่ซั่งหวงกล่าวเสียงเข้ม “ฟานเอ๋อร์ไม่เพียงแต่ทำคำสัญญาเมื่อครึ่งปีก่อนสำเร็จ ยิ่งทำให้เศรษฐกิจต้าเฉียนเราพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว ท้องพระคลังเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ พสกนิกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างช้า ๆ ทุกคนต่างเห็นความยอดเยี่ยมของฟานเอ๋อร์”“ฟานเอ๋อร์ ว่ามาเถอะ เจ้าอยากได้อะไรเป็นรางวัล? ขอเพียงสมเหตุสมผล ข้าจะให้เจ้าดังปรารถนา!”ฉินอวิ๋นฟานรู้สึกดีใจมากที่
“...”‘ไม่ว่าจะเป็นใคร คนผู้นั้นก็รู้อยู่แก่ใจดี’ ประโยคเดียวของฉินอวิ๋นฟานทำให้ถังเจิ้นไห่สยบ แม่งเอ๊ย เขาก็ต้องรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว หากเขามีความจำเป็นพูดออกมาไม่ได้!การเล่นเกมเลี่ยงบาลีของฉินอวิ๋นฟานทำให้แนวป้องกันของถังเจิ้นไห่พังทลายลงโดยสิ้นเชิง เหล่าขุนนางต่างกัดฟันกรอด กลับทำอะไรไม่ได้ ฉินอวิ๋นฟานเฉกเช่นปลาหนีชิวลื่นไหลตัวหนึ่ง ทำอะไรเขาไม่ได้เลย!จางเต้าหลินที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงกับการกระทำนี้ของฉินอวิ๋นฟาน เขาเคยเห็นคนหน้าด้าน กลับไม่เคยเห็นผู้ใดหน้าหนาไร้ยางอายเช่นฉินอวิ๋นฟานมาก่อน หน้าไม่อายที่สุด!คนคนหนึ่งปั่นหัวเหล่าขุนนางใหญ่เป็นว่าเล่น โมโหโทโสจนร่ำไห้หาพ่อร้องหาแม่ กลับจนปัญญา ดูสีหน้าเขียวปัดของถังเจิ้นไห่ จางเต้าหลินกลั้นหัวเราะอย่างหนัก กลั้นจนภายในจะบอบช้ำแล้ว“เอาละ ๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย พอแค่นี้เถอะ!”ไท่ซั่งหวงเห็นว่าพอประมาณแล้ว จึงตัดสินเรื่องนี้ในที่สุด ได้แต่บอกว่าฟานเอ๋อร์ใช้ไหวพริบและผลลัพธ์ก็คือว่าเป็นที่น่าพอใจ“จางไท่เว่ย ในเมื่อมีสามตัวเลือก และทุกคนก็แสดงจุดยืนของตัวเองแล้ว ท่านมีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร?”ไท่ซั่งหวงไม่ได้ยอมรับคว