“นังสารเลว? ส่งเสียงร้องโหยหวน? นี่หมายความว่าอย่างไร”อินชิงเสวียนถามอย่างไม่เข้าใจซูฉ่ายเวยเม้มริมฝีปากพูดว่า “ก็หญิงแซ่สวีนั่นอย่างไร วันๆ ที่อยู่ในวังเย็นเอาแต่ร้องเพลงอยู่เช่นนั้น คงคิดว่าจะใช้วิธีนี้ดึงดูดฝ่าบาทล่ะสิ น่าเสียดายที่แม้ว่านางจะร้องเพลงจนคอแตก ฝ่าบาทก็ไม่แม้แต่จะมองดูนาง”จิ๊ๆ หญิงแซ่สวีนี่ยังไม่เลิกคิดอกุศลสินะ“นางเอาแต่ร้องเพลงในวังเย็นทั้งวันงั้นหรือ”ซูฉ่ายเวยพูดด้วยสีหน้าสะอิดสะเอียน “ก็ใช่น่ะสิ ร้องเพลงตั้งแต่เช้าตรู่ถึงเที่ยงคืนทุกวัน หอฉงฮวาของข้าอยู่ใกล้กับวังเย็นมาก ถึงไม่อยากฟังก็ยังได้ยิน น่ารำคาญจริงๆ”“นางก็ช่างหยัดยืนจริงๆ เสียงไม่แหบแห้งไปหมดแล้วหรือ”อินชิงเสวียนถามด้วยสีหน้าพูดไม่ออก“ถ้าเสียงไม่แหบมาก นางก็ร้องเพลงต่อ ถ้าเสียงแหบหนักเข้า นางก็หยุดพักหนึ่งวัน น่าเสียดาย ประตูวังเย็นลงสลักไว้อยู่ ไม่อย่างนั้นข้าอยากจะวางยาพิษให้นางเป็นใบ้ให้รู้แล้วรู้รอดไปจริงๆ” ในช่วงนี้ ซูฉ่ายเวยต้องทนทุกข์ทรมานอย่างหนัก พอพูดถึงเรื่องนี้ก็รู้สึกเกลียดสวีจือย่วนจนทนไม่ไหว “นางแค่เพิ่งมีความคิดเช่นนี้ พอนางอยู่ในวังเย็นไปอีกสามเดือน ก็จะสิ้นหวังไปเอง ไ
Read more