All Chapters of ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย: Chapter 481 - Chapter 490

1229 Chapters

บทที่ 481

นางเงยหน้ามองเขาด้วยท่าทีแข็งกร้าว “สตรีต่ำช้าอย่างหม่อมฉันหาได้คู่ควรกับท่านอ๋องไม่! ไฉนท่านอ๋องจึงไม่หย่ากับหม่อมฉันเล่า?!” “เจ้า!” ฟู่เฉินหวนโกรธจัด ดวงตาของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยแววหนาวเหน็บเย็นชา ลั่วชิงยวนมิได้แปลกใจที่ฟู่เฉินหวนจะเดือดดาลถึงเพียงนั้น อ๋องผู้สำเร็จราชการเป็นสถานะอันสูงศักดิ์ นางจะไปสถานที่อย่างหอนางโลมเพื่อร่ายรำ แล้วทำให้ตนต้องชื่อเสียงมัวหมองได้อย่างไรกัน? นางรู้มาตั้งแต่ต้นแล้วว่า ขืนนางไปร่ายรำที่หอนางโลม หากมีผู้ใดพบเข้าก็จะเป็นความผิดร้ายแรง แต่เพื่อให้ได้เงื่อนงำเกี่ยวกับมารดาของตนจากลิ่นฝูเสวี่ย นางจึงไม่มีทางเลือก นางไม่คาดคิดเลยว่า ฟู่เฉินหวนจะจับได้เร็วถึงขนาดนั้น “ท่านอ๋องมิจำเป็นต้องรู้สึกกระอักกระอ่วนใจเพคะ ต่อให้ท่านหย่ากับหม่อมฉันแล้วอภิเษกสมรสกับลั่วเยวี่ยอิง พ่อตาของท่านก็ยังเป็นลั่วไห่ผิง หามีอันใดเปลี่ยนแปลงแต่ไม่” น้ำเสียงเรียบนิ่งของลั่วชิงยวนฉายแววเยียบเย็น “อย่างไรเสีย หม่อมฉันก็จะร่ายรำเช่นนี้ต่อไป ถ้าหากท่านอ๋องคิดจะป่าวประกาศออกไป ท่านก็ต้องคำนึงถึงชื่อเสียงของตนเองด้วยเพคะ” นางมองฟู่เฉินหวนด้วยท่าทีสงบนิ่ง วาจาของนาง
Read more

บทที่ 482

รอยยิ้มหยันผุดขึ้นตรงมุมปาก จากนั้นนางก็เงยหน้ามองฟู่เฉินหวน “ท่านอ๋องเอาแต่กล่าวโทษว่าหม่อมฉันทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง เช่นนั้นในฐานที่เป็นอ๋องผู้สำเร็จราชการแล้ว การที่มอบพระชายาอย่างหม่อมฉันให้บุรุษอื่นหมายความว่าอันใดกัน?” ฟู่เฉินหวนแววตามืดมน เขาหันหลังเดินจากไปพลางเอ่ยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ข้าจะให้เวลาเจ้าได้เตรียมตัวชั่วหนึ่งถ้วยชา” เมื่อฟู่เฉินหวนออกมาจากเรือนก็เดินมาที่หน้าเรือน ซูโหยวรีบเดินเข้ามาหา “ท่านอ๋อง ทุกอย่างพร้อมแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ฟู่เฉินหวนสายตาเย็นชาเล็กน้อยพลางกล่าวขึ้นมาว่า "หลังจากเข้าไปในจวนแล้วเจ้าจงรีบลงมือเสีย!" “พ่ะย่ะค่ะ!” ซูโหยวตอบตกลงพลางขมวดคิ้วแล้วถามด้วยท่าทีลังเลใจว่า “แต่ให้พระชายาไปถ่วงเวลาจะมิอันตรายเกินไปสักหน่อยหรือพ่ะย่ะค่ะ?” “นั่นก็คือสาเหตุที่ต้องรีบลงมืออย่างไรเล่า! นอกเหนือไปจากนั้น ก็ยังมีองครักษ์เงาอีกห้าสิบนายที่ลอบเคลื่อนพลพร้อมลงมือได้ทุกเมื่อ!” “พ่ะย่ะค่ะ!” ลั่วชิงยวนที่อยู่ในห้องผลัดเปลี่ยนอาภรณ์เรียบร้อยแล้ว ที่แท้ก็เป็นอาภรณ์ที่สั่งให้ศาลารุ้งเมฆาตัดเย็บขึ้นมา นางสวมอาภรณ์สีแดงที่มีผ้าแพรแดงถักเป็นดอกโบตั๋นขนาดใหญ่อัน
Read more

บทที่ 483

ทั้งสองคนมิได้เอ่ยวาจาใดอีกตลอดการเดินทาง แต่รถม้าก็มาถึงนอกจวนตระกูลหลิวอย่างรวดเร็ว ก่อนที่พวกเขาจะลงจากรถม้าก็ได้ยินเสียงดังขึ้นทางด้านนอก จนฟังดูราวกับมีผู้คนอยู่มากมาย ฟู่เฉินหวนนั่งสงบจิตใจอยู่ในรถม้าก่อนที่จะลุกขึ้นจากรถม้า ลั่วชิงยวนลุกขึ้นและกำลังจะลงจากรถม้า เมื่อนางเห็นฟู่เฉินหวนยื่นมือให้นาง ลั่วชิงยวนก็ลังเลไปชั่วขณะ ในยามนี้เอง เสียงของใต้เท้าหลิวก็ดังขึ้นมาว่า “โอ้ แขกผู้สูงศักดิ์มาแล้ว!” ดวงตาของลั่วชิงยวนพลันแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา จากนั้นนางก็ฝืนใจวางฝ่ามือลงบนมือของฟู่เฉินหวนเพื่อให้เขาช่วยพานางลงจากรถม้า แต่ทันทีที่เท้าสัมผัสพื้น ลั่วชิงยวนก็รีบชักมือกลับทันที ยามนี้ฟู่เฉินหวนสัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหวอันเปี่ยมไปด้วยความกังวลและความรังเกียจที่นางมีต่อเขา ฟู่เฉินหวนสูดหายใจลึก ๆ พลางกำหมัดแน่นแล้วเอามือไพล่หลัง “แม่นางฝูเสวี่ย ในที่สุดเจ้าก็มาที่จวนของข้ามิใช่หรือไร?” ใต้เท้าหลิวมีสีหน้าภูมิอกภูมิใจแล้วยื่นมือออกมาราวกับจะกอดนางไว้ ลั่วชิงยวนหลบฉากด้วยท่าทีรังเกียจเพื่อหลีกเลี่ยงสัมผัสของเขา เมื่อเห็นท่าทีเมินเฉยของนาง ใต้เท้าหลิวกลับมิได้บังเกิด
Read more

บทที่ 484

ลั่วชิงยวนตัวแข็งทื่อ วาจาต่ำช้าน่ารังเกียจเหล่านั้นทำให้นางรู้สึกโมโหเสียจนมิอาจสะกดกลั้นอีกต่อไปแล้ว ฟู่เฉินหวนเองก็พลันขมวดคิ้วขึ้นมาทันทีแล้วเอ่ยน้ำเสียงเย็นชาขึ้นมาว่า “ใต้เท้าหลิว” ฟู่เฉินหวนมีสีหน้าไม่พอใจ เมื่อใต้เท้าหลิวสังเกตเห็นเข้าก็รีบลุกขึ้นตะโกนว่า “นี่ วันนี้แม่นางฝูเสวี่ยมาเป็นแขกผู้ทรงเกียรติของพวกเรา นับเป็นเรื่องหาได้ยากยิ่งที่จะเชิญนางมาร่ายรำให้พวกท่านได้ชมดู อย่าได้ล้อเล่นจนสร้างความอับอายให้แก่แม่นางฝูเสวี่ยอีกเลย!” จากนั้นเสียงดนตรีก็บรรเลงต่อไป ลั่วชิงยวนกำหมัดแน่นแล้วมองฟู่เฉินหวนจากระยะไกล สายตาทิ่มแทงของนางทำให้ฟู่เฉินหวนรู้สึกอึดอัดจนต้องยกจอกสุราขึ้นดื่มอึกหนึ่ง นางสามารถร่ายรำในหอนางโลมได้ แต่ไฉนจึงร่ายรำที่นี่มิได้? ฟู่เฉินหวนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันและแววตากลับเย็นชา ในที่สุดลั่วชิงยวนก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ร่างกายของนางจดจำทุกท่วงทำนองและการเคลื่อนไหวได้อย่างแม่นยำ ต่อให้ลิ่นฝูเสวี่ยมิได้อยู่ด้วยนางก็สามารถร่ายรำได้สมบูรณ์แบบ ทว่าเรื่องนี้ก็ทำให้นางเข้าใจว่าตนมิใช่ลิ่นฝูเสวี่ย ย่อมมิอาจเปี่ยมเสน่ห์เย้ายวนใจดังเช่นอีกฝ่าย ก่อนที่เสียงดนตรีจะ
Read more

บทที่ 485

ถึงกระนั้นบุรุษพวกนั้นก็รู้สึกตื่นเต้นสุดขีด อันที่จริงผู้ที่มาในวันนี้ต่างคละเคล้ากันไป บางคนก็สุภาพอ่อนน้อมและบางคนก็คิดจะเข้าใกล้นาง ทว่าหามีผู้ใดเป็นดังเช่นแม่ทัพสวี่ กระทั่งถึงทีของแม่ทัพสวี่ เขาก็ยกจอกสุราพลางรีบลุกขึ้นแล้วคว้าข้อมือของลั่วชิงยวน “แม่นางฝูเสวี่ย มาแลกกันดื่มเถอะ” “ปล่อยข้านะ!” น้ำเสียงของลั่วชิงยวนกรุ่นโกรธขึ้นมาบ้างแล้ว แต่แม่ทัพสวี่กลับจับข้อมือของนางเอาไว้แน่นมิยอมปล่อย “แม่นางฝูเสวี่ย ในเมื่อเจ้าอยู่ที่นี่แล้ว ดื่มสักจอกก็คงไม่เสียหายหรอกกระมัง” แม่ทัพสวี่ยิ้มเยาะฉายแววสัปดน ลั่วชิงยวนอดรนทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว นางกระแทกจอกสุราลงบนโต๊ะพลางรีบชักมีดสั้นออกมาจากแขนเสื้อ จากนั้นก็วาดผ่านอย่างว่องไว ถึงแม่ทัพสวี่จะตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว แต่มีดสั้นคมกริบก็ยังถากเข้าตรงลำคอจนทิ้งรอยเลือดเอาไว้ แม่ทัพสวี่หวาดกลัวเสียสีหน้าซีดขาวจวนจะล้มลงไปอยู่แล้ว หลังจากมีคนคอยประคองเอาไว้ เขาก็โมโหจนตัวสั่นพลางกล่าวว่า “เจ้า! เจ้ากล้าดีอย่างไรมาสังหารคน?!” “ใครก็ได้ จับตัวนางมาให้ข้า” ลั่วชิงยวนกำมีดสั้นเอาไว้แน่น จากนั้นนางก็ข่มกลั้นโทสะแล้วหันไปมองท่านอ๋องผู
Read more

บทที่ 486

ลั่วชิงยวนรู้สึกตื่นตกใจอยู่บ้าง ฮูหยินของใต้เท้าหลิว ก่อนหน้านี้นางเคยได้ยินซิ่งอวี่เล่าให้ฟังว่าฮูหยินของใต้เท้าหลิวเป็นคนเข้มงวดยิ่งนัก เขาจึงมิกล้าไปที่หอนางโลมอย่างโจ่งแจ้ง เขามักจะสั่งให้ผู้ใดสักคนส่งตัวแม่นางมาที่จวนอยู่เสมอ วันนี้ใต้เท้าหลิวจัดงานเลี้ยงใหญ่ขึ้นในจวนและเชิญฝูเสวี่ยมาร่ายรำเป็นพิเศษ ฮูหยินผู้นี้น่าจะมาคิดบัญชีกับนางเป็นแน่ ชั่วครู่ต่อมา ประตูก็โดนถีบให้เปิดออก ฮูหยินหลิวบุกเข้ามาในห้องด้วยท่าทีคุกคาม สายตาของอีกฝ่ายที่คมกริบราวกับมีดจับจ้องมาที่นาง “เจ้าคือนังจิ้งจอกน้อยจากหอฝูเสวี่ยใช่หรือไม่?!” ฮูหยินหลิวมีโหนกแก้มสูง ใบหน้าเรียวเล็ก และสายตามุ่งร้ายอันเด่นชัดก็แฝงไปด้วยแววอำมหิต อีกฝ่ายมิใช่ผู้ที่จะรับมือได้ง่าย ๆ เลย ฮูหยินหลิวก้าวเดินเข้ามาคว้าไหล่ของลั่วชิงยวน อีกฝ่ายพยายามออกแรงกระชากหน้ากากบนใบหน้าของนาง เพราะหมายจะกรีดหน้านางโดยแท้จริง “นางสารเลว! เจ้าหารู้ไม่ว่าจวนตระกูลหลิวของข้าเป็นสถานที่ใด กล้าดีอย่างไรถึงได้เข้ามาที่นี่?” ลั่วชิงยวนคว้าข้อมือของฮูหยินหลิวเอาไว้แน่น ทำให้ฮูหยินหลิวเจ็บเสียจนต้องร้องออกมา “หยุดนะนางสารเลว! ปล่อยข้
Read more

บทที่ 487

“เจ้าค่ะ” ฮูหยินหลิวเหลือบมองลั่วชิงยวนที่อยู่บนพื้นแล้วหันหลังจากไป เมื่อฮูหยินหลิวออกไปพร้อมปิดประตูทิ้งท้าย แสงสว่างที่เหลืออยู่ในดวงตาของลั่วชิงยวนก็ค่อย ๆ หายไป จากนั้นนางก็ถูกปกคลุมไปด้วยความรู้สึกบีบคั้น เงาร่างของใต้เท้าหลิวค่อย ๆ ใกล้เข้ามาแล้วโน้มใบหน้าใหญ่โตลงมามองนาง รอยยิ้มเยาะโฉดชั่วบนใบหน้าของเขาชวนให้รู้สึกกระดูกสันหลังสั่นสะท้าน ความหวาดกลัวเกาะกุมจิตใจของนางขึ้นมาทันที “ไม่ว่าเขาจะหยิ่งยโสเพียงใด สุดท้ายเจ้าก็ตกอยู่ในเงื้อมมือของข้ามิใช่หรือไร? หามีสตรีนางใดในเมืองหลวงที่ข้าจะมิได้มาไม่" หลิวหม่านยิ้มพลางเอื้อมมือออกมาสัมผัสหน้ากากบนใบหน้าของนาง ลั่วชิงยวนพยายามกระถดถอยเพราะคิดจะหลบเลี่ยงเขา สิ่งนี้ทำให้หลิวหม่านแหงนหน้าแล้วหัวเราะ “อย่าห่วงไปเลย ข้ามิถอดหน้ากากของเจ้าหรอก หน้ากากนี้ออกจะงดงามถึงเพียงนั้น!” ลั่วชิงยวนพยายามขยับตัวเพื่อลุกขึ้น แต่นางกลับมิอาจควบคุมอาการเวียนศีรษะได้ นางสัมผัสได้ถึงความเย็นตรงท้ายทอยและเกรงว่าเลือดจะไหลมิหยุด หลิวหม่านลุกขึ้นจุดเทียนพลางนั่งยอง ๆ ข้างลั่วชิงยวนอีกครั้ง จากนั้นก็เขย่าแท่งเทียนให้น้ำตาเทียนหยดใส่ลั่วชิงย
Read more

บทที่ 488

ประตูโดนถีบให้เปิดออก แสงสว่างจ้าสาดส่องเข้ามาในห้องมืดสลัวอีกครั้ง หลิวหม่านผงะอึ้ง “ผู้ใดกัน?” ยามที่ลั่วชิงยวนที่แสนกะปลกกะเปลี้ยหันหน้าไปมอง ก็เห็นเงาร่างเย็นชารีบเดินเข้ามาท่ามกลางแสงสว่าง เมื่อฟู่เฉินหวนเห็นเหตุการณ์ฉากนี้ เส้นโลหิตบนหน้าผากก็ปูดโปนขึ้นมา จากนั้นเจตนาสังหารก็ปะทุขึ้นในแววตาแล้วเขาก็เตะหลิวหม่านอย่างแรง เมื่อเห็นรอยเลือดบนพื้น เสื้อคลุมที่ขาดวิ่นและรอยแดงเป็นจำนวนมากบนหลังมือของนาง โทสะของฟู่เฉินหวนก็ปะทุราวกับภูเขาไฟที่จวนจะระเบิด เขารีบถอดเสื้อคลุมของตนมาห่มคลุมบนร่างของนาง เขาห่อตัวนางเอาไว้แล้วรีบอุ้มนางออกไป ลั่วชิงยวนเอนซบอกของเขาอย่างอ่อนแรงพลางมองเขาด้วยสายตาอันพร่าเลือน จากนั้นเสียงแผ่วเบาทว่าคมกริบราวกับดาบน้ำแข็งของนางก็เอ่ยขึ้นมาว่า "ไยท่านต้องช่วยหม่อมฉันด้วย? นี่มิใช่สิ่งที่ท่านอยากจะเห็นหรอกรึ?" ไม่มีทางที่เขาจะมิโทษตนเองเลย น้ำเสียงเย็นชาไร้อารมณ์ใด ๆ เช่นนั้น กลับกลายเป็นมีดคมกริบนับไม่ถ้วนที่แทงทะลุหัวใจของฟู่เฉินหวนขึ้นมาทันที คิ้วตาเปี่ยมไปด้วยความเกลียดชัง ดวงตาแดงก่ำไปด้วยเจตนาสังหาร พร้อมโทสะที่กลืนกินตัวเขาราวกับไฟลามท
Read more

บทที่ 489

ซ่งเชียนฉู่ทอดถอนใจอย่างอับจนหนทาง “พวกท่านทั้งสองช่างถูกลิขิตให้พัวพันกันเช่นนี้โดยแท้” …… ฟู่เฉินหวนรีบเดินออกมาจากเรือน โดยที่ซูโหยวกำลังรอคอยอยู่ข้างนอก “ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ” “ไปที่จวนตระกูลหลิว” ฟู่เฉินหวนเดินออกจากประตู จากนั้นกระโดดขึ้นบนอาชาแล้วไปที่จวนตระกูลหลิวอีกครั้ง แขกเหรื่อทุกคนในงานเลี้ยงของตระกูลหลิวถูกควบคุมตัวเอาไว้เป็นการชั่วคราว เนื่องจากพวกเขาต่างสนิทสนมกับหลิวหม่านจึงจำเป็นต้องไต่สวนว่าพวกเขาเกี่ยวข้องกับคดีที่หลิวหม่านลอบซุกซ่อนเงินบรรเทาทุกข์หรือไม่ แต่ยังเหลืออยู่อีกคนหนึ่ง นั่นก็คือแม่ทัพสวี่ “ไยพวกท่านต้องจับข้าไว้ด้วยเล่า! ข้าหาได้เกี่ยวข้องอันใดกับเรื่องนี้ไม่! หากพวกท่านมิเชื่อก็ไปตรวจสอบดูได้เลย!" “ข้าเป็นเพียงแขกผู้มาเยือนเท่านั้น ข้ามิทราบเรื่องที่หลิวหม่านกระทำจริง ๆ!” แม่ทัพสวี่คุกเข่าลงกับพื้นแล้วขอร้ององครักษ์ที่ควบคุมตัวเขาไว้ ในยามนี้เอง ฟู่เฉินหวนก็เดินเข้ามาด้วยย่างก้าวอันหนักหน่วง พร้อมกับแผ่กลิ่นอายแห่งเจตนาสังหารออกมาด้วย ความน่าเกรงขามที่เต็มเปี่ยมไปทั่วทั้งร่างทำให้คนมิกล้าแหงนหน้ามอง แม่ทัพสวี่คุกเข่าอยู่กับพื้น เห็น
Read more

บทที่ 490

ทันทีที่เอ่ยวาจาเหล่านี้ออกมา ทุกคนในลานต่างตกตะลึง หลิวหม่านตกใจเสียจนเนื้อตัวสั่นสะท้าน “ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการช่างสมกับการเป็นท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการจริง ๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายถึงกับใช้สตรีของตน ช่างอำมหิตนัก!” มือของฟู่เฉินหวนที่ไพล่หลังเอาไว้กำเป็นหมัดแน่น ภายนอกยังคงสงบนิ่งไร้ซึ่งคลื่นอารมณ์ความรู้สึกใด ๆ ในวันนี้เอง เสียงแผดร้องที่ดังขึ้นมาจากจวนตระกูลหลิวสร้างความตกตะลึงให้แก่ทุกคนบนท้องถนน ข่าวที่ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการเปิดโปงเรื่องการยักยอกเงินบรรเทาทุกข์ครั้งใหญ่แพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองหลวง สิ่งที่ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการกระทำในจวนตระกูลหลิวเพื่อนางรำผู้นั้นเองก็แพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองหลวงเช่นกัน ข่าวที่ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการกล่าวว่านางรำผู้นั้นเป็นสตรีของตนจึงแพร่สะพัดไปด้วย …… ลั่วชิงยวนนอนอยู่บนเตียงตลอดสามวัน ช่วงนี้นางฟื้นตื่นขึ้นมาด้วยความมึนงงอยู่หลายครั้ง ทว่าสติกลับมิแจ่มชัดและมิได้ฟื้นสติเต็มที่นัก สิ่งที่นางรู้ก็คือมีคนเฝ้านางอยู่ข้างเตียงตลอดทั้งคืนและคอยป้อนโอสถให้นาง เมื่อนางฟื้นตื่นขึ้นมาก็เห็นซ่งเชียนฉู่อย่างที่คาดคิดเอาไว้ “ท่านฟื้
Read more
PREV
1
...
4748495051
...
123
Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status